เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 23 มี.ค. 15, 18:59



กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มี.ค. 15, 18:59
ไปเจอข่าวนี้เข้าค่ะ
พบเจ้าหนูระลึกชาติ อดีตเป็นดาราฮอลลีวูด
http://www.posttoday.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/355034/%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B9%E0%B8%94 (http://www.posttoday.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/355034/%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B9%E0%B8%94)

สื่อมะกันเผยเด็กชายวัย10 ขวบระลึกชาติเคยเกิดเป็นดาราฮอลลีวูด สามารถระบุประวัติทุกอย่างได้ตรงเผง

ปรากฏการณ์การระลึกชาติไม่ได้จำกัดวงเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเท่านั้น แต่ในโลกตะวันตกที่มีความเชื่อต่างจากเรา ก็ยังเกิดกรณีที่คล้ายคลึงกัน เมื่อเด็กชายวัย 10 ขวบชาวอเมริกัน เกิดจำขึ้นมาได้ว่าตัวเองเคยเป็นนักแสดงชายในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

เจ้าหนูคนนี้มีชื่อว่า ไรอัน เป็นเด็กชายธรรมดาๆ ที่อาศัยอยู่กับพ่อและแม่อย่างสงบสุขในเมืองมัสโคจี รัฐโอกลาโฮมา และครอบครัวนี้นับถือศาสนาคริสต์นิกายแบ๊บติสต์ ซึ่งไม่น่าจะเชื่อถือหรือเคยรับรู้ประสบการณ์การกลับชาติมาเกิด

สำนักข่าวเอ็นบีซีของสหรัฐ ได้รายงานเรื่องราวที่เหลือเชื่อนี้ โดยระบุว่า ความผิดปกติเกี่ยวกับไรอันเริ่มขึ้นเมื่อเขามีอายุได้ 4 ขวบ ตอนนั้นเจ้าหนูเริ่มฝันร้ายบ่อยครั้ง จนคนในครอบครัวหรือแม้แต่ตำรวจในท้องที่ก็ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร ต่อมาเขายังพูดถึงฮอลลีวูดอยู่บ่อยๆ ทั้งๆ อยู่ห่างจากโอกลาโฮมาบ้านที่เขาอาศัยไกลหลายพันกิโลเมตร อีกทั้งยังมักพูดจาจริงจังเหมือนผู้ใหญ่ สร้างความ
ประหลาดใจให้กับทุกคนเรื่อยมา

กระทั่งอีก 1 ปีให้หลัง ไรอันบอกกับแม่ว่า “แม่ครับผมมีอะไรจะบอกแม่ ผมเคยเป็นคนอื่นมาก่อน”
ตอนแรกที่คุณแม่ของเขาได้ยิน เธอแทบไม่รู้ว่าลูกชายหมายถึงอะไร เพราะพื้นเพของครอบครัวนี้นับถือศาสนาที่ไม่มีคำสอนเรื่องการกลับชาติมาเกิด คุณแม่จึงไม่เชื่อ และตัดสินใจไม่บอกคุณพ่อของเด็ก
ทว่า ในเวลาต่อมาเธอเริ่มหวั่นไหว เมื่อลูกชายเริ่มพูดถึงวงการมายาฮอลลีวูด การแต่งงาน 5 ครั้ง การเดินทางไปเที่ยวยุโรปอย่างหรูหรา รวมถึงบ้านเดิม เมื่อนานๆ เข้าผู้เป็นแม่ก็ทนไม่ไหว  ลงมือสืบสวนสิ่งที่ลูกชายเอ่ยถึงด้วยตัวเอง และบางครั้งยังนำข้อมูลมาแบ่งให้ลูกช่วยดูด้วยกัน

แต่แล้ววันหนึ่ง ระหว่างที่ไรอันกำลังชมภาพนิ่งจากภาพยนตร์ในปี 1932 เรื่อง Night After Night ที่นำแสดงโดย เม เวสต์ ดาราหญิงชื่อดังแห่งยุค จู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมาว่า “นั่นไง นั่นผมเอง!” แล้วชี้นิ้่วไปที่ดาราสมทบชายคนหนึ่ง ที่ไม่มีบทพูดในเรื่อง

ในเวลาต่อมา แม่ลูกก็ได้รับรู้ว่านักแสดงชายคนนั้นมีชื่อว่า มาร์ตี้ มาร์ติน  จากจุดนี้เอง ผู้เป็นแม่คิดว่าคงถึงเวลาที่จะต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างจริงจัง จึงติดต่อกับ จิม ทัคเกอร์ นักจิตเวชเด็ก แห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ที่เคยทำวิจัยกรณีระลึกชาติของเด็กๆ มาแล้วหลายคน หลังจากการทำการศึกษาและค้นหาหลักฐาน รวมถึงสัมภาษณ์ลูกสาวของมาร์ติน ก็พบว่าสิ่งที่ไรอันพูดเกี่ยวกับดาราชายมีความถูกต้องตรงเผงทั้งหมด รวมถึงชื่อถนนที่เคยอยู่ มีพี่น้องกี่คน ลูกๆ กี่คน ชีวิตตอนเป็นนักแสดง เช่น ตอนที่แสดงร่วมกับเม เวสต์ หรือตอนจากลากับ ริตา เฮย์เวิร์ธ นักแสดงดังแห่งยุค
นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดเหลือเชื่ออย่างมาก ที่ไรอันรู้ทุกซอกทุกมุมชีวิตของมาร์ติน ทั้งๆ ที่ข้อมูลเกี่ยวกับชายผู้นี้คลุมเครือและมีอยู่เพียงน้อยนิด แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านจดหมายเหตุวงการภาพยนตร์ยังไม่รู้จักชื่อของเขามาก่อน

แต่ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ ครั้งหนึ่งไรอันบอกว่า เขาสงสัยมาตลอดว่าเหตุใดพระเจ้าจึงให้เขาตายในวัย 61 แล้วกลับมาเกิดใหม่เป็นเด็กทารก หลังจากได้ยินเรื่องนี้ จิตแพทย์เกิดความรู้สึกคลางแคลงขึ้น เพราะในเอกสารระบุว่า มาร์ตินเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 59 ปี

อย่างไรก็ตาม ต่อมาก็พบความจริงว่า ใบมรณบัตรของมาร์ตินระบุปีเกิดคลาดเคลื่อนไปจาก 1903 เป็น 1905 ซึ่งหมายความว่าที่จริงแล้วมาร์ตินเสียชีวิตในวัย 61 ปีจริงๆ!

ทุกวันนี้ ไรอันเผยว่า ความทรงจำเกี่ยวกับชาติที่แล้วเริ่มเลือนรางลง แต่รายละเอียดส่วนใหญ่ได้รับการบันทึกไว้แล้วในหนังสือของจิตแพทย์ที่ทำการเยียวยาเขานั่นเอง


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มี.ค. 15, 19:01
สื่อมะกันเผยเด็กชายวัย10 ขวบระลึกชาติเคยเกิดเป็นดาราฮอลลีวูด สามารถระบุประวัติทุกอย่างได้ตรงเผง ปรากฏการณ์การระลึกชาติไม่ได้จำกัดวงเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเท่านั้น แต่ในโลกตะวันตกที่มีความเชื่อต่างจากเรา
....... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1N5lCAQ (http://bit.ly/1N5lCAQ)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 มี.ค. 15, 19:04
อันนี้นานแล้ว ไม่ทราบเคยเห็นกันหรือยังครับ

วัวระลึกชาติ


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 มี.ค. 15, 19:05
เรื่องเกิดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น มีแม่วัวตัวหนึ่งชื่อ นางเขียว มีลูกติดหนึ่งตัว นางเขียวชาติก่อนมีลูกชาย และลูกสะใภ้ที่ดี เมื่อเกิดแป็นแม่วัวก็ยังระลึกชาติเก่าได้แต่พูดไม่ได้ ฟังภาษาคนออก จิตที่ระลึกชาติเก่าได้ ได้ไปเข้าฝันลูกสะใภ้เมียของลูกชายครั้งเป็นคนว่า แม่มาเกิดแล้ว แต่เกิดเป็นวัว ชื่อนางเขียว เพราะแม่เป็นหนี้เขา 5 บาท (บอกชื่อเจ้าหนี้) ยังไม่ได้...ใช้หนี้ แม่ตายมาเกิดเป็นวัวใช้แรงแทนหนี้ ขอให้ลูกนำเงินไปใช้หนี้แทนแม่ด้วย

ลูกสะใภ้ไม่กล้าบอกความฝันแก่สามี


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 มี.ค. 15, 19:06
ต่อมาจิตของนางเขียวไปเข้าฝันลูกสะใภ้อย่างนั้นอีก ลูกสะใภ้ก็ไม่กล้าบอกกับสามีอีก จากนั้นอีก 2 อาทิตย์ จิตนางเขียวไปเข้าฝันลูกชายบอกข้อความอย่างเดียวกับที่เข้าฝันลูกสะใภ้ ตื่นเช้าลูกชายเล่าความฝันให้ภรรยาฟังภรรยาพูดว่า นางเขียวนั้นแม่ของเราแน่ สามีถามว่า เธอรู้ได้อย่างไร? ภรรยาตอบว่า นางเขียวมาเข้าฝันฉันอย่างนั้นสองครั้งแล้ว สามีต่อว่า ทำไมไม่บอกฉัน ? ภรรยาตอบว่า ฉันกลัวพี่จะโกรธหาว่า ว่าแม่พี่ไปเกิดเป็นวัว เราควรนำเงินไปใช้หนี้แทนแม่ 5 บาท และเงินอีก 1,000 บาท ไปซื้อแม่มาเลี้ยงให้แม่ของเรามีความสุข


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 มี.ค. 15, 19:08
สามีพอใจ จึงนำเงินไปบ้านเจ้าหนี้ พอดีกับป้าที่เป็นเจ้าหนี้ของแม่ ถามได้ความว่า แม่เขาครั้งยังมีชีวิตอยู่เป็นหนี้ยังไม่ได้ใช้อยู่ 5 บาทจริง ตรงกับความฝัน จึงบอกความประสงค์จะนำเงินมาใช้หนี้แทนแม่ 5 บาท ป้าเจ้าหนี้บอกว่า ป้าไม่เอาดอก เพราะอธิษฐานยกหนี้ให้แล้วเมื่อเผาศพแม่แก

ป้าเจ้าหนี้ย้อนถามว่า แกรู้ได้อย่างไรว่าแม่แกเป็นหนี้ฉันอยู่ 5 บาท เขาตอบว่า วัวของป้าชื่อนางเขียวไปเข้าฝันเมียฉัน 2 ครั้งและครั้งที่ 3 เข้าฝันฉันบอกว่า แม่เกิดเป็นวัวชื่อนางเขียวอยู่ที่นี่ ขอให้ลูกนำเงิน 5 บาทมาใช้หนี้ป้าแทนแม่ด้วย ฉันจึงรู้ว่า แม่ฉันเป็นหนี้ป้าอยู่ 5 บาท วันนี้ฉันนำเงิน 1,000 บาทมาขอซื้อวัวแม่ฉันไปเลี้ยงดูให้มีความสุขด้วย ป้ากรุณาขายให้ฉันเถิด

ป้าเจ้าหนี้บอกว่า ป้าไม่กล้าขายแม่ของเอ็งดอก นางเขียวมีลูกติด 1 ตัวอยู่ที่ฝูงโน่น เอ็งไปเรียกเอา  ถ้ามันตามเอ็งไปข้าก็ยกให้เลย


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 มี.ค. 15, 19:09
สองสามีภรรยาไปที่ฝูงวัว ร้องเรียกแม่เขียวๆ นางเขียวได้ยินก็เดินออกจากฝูงพร้อมลูกแหง่ตามมาด้วย ที่ตาของนางเขียวมีน้ำตาไหลพราก สองสามีภรรยาเดินไปยืนข้างๆ แล้วพากันร้องไห้

แม่วัวชื่อนางเขียวกับลูกแหง่วิ่งตามมาที่บ้านด้วย โดยที่ไม่ร้องเรียกอีก สองสามีภรรยาก็พาแม่วัวพร้อมลูกติด ไปเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ให้นางเขียวซึ่งเป็นแม่ในร่างวัวมีความสุขตลอดไป


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 มี.ค. 15, 19:11
ขออภัย เจ้าของสำนวนข้างบนเป็นผู้ใดไม่ทราบ แต่ผมเจอโดยอินทรเนตรเลยเซฟเก็บไว้ เพราะถูกจริต


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 มี.ค. 15, 20:10
การระลึกชาติ ตอนที่ ๑  ;D

ชาติภพใช่เพียงฝัน - การระลึกชาติในประวัติศาสตร์ไทย (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4546.0)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มี.ค. 15, 20:20
ไม่ได้ระลึกชาติ แต่ระลึกได้ว่ามีกระทู้เก่าเกี่ยวกับระลึกชาติอยู่ในเรือนไทย 
และยังระลึกต่อไปได้ว่า   ถ้ามีกระทู้เก่า แต่จขกท.ไม่ได้อ้างถึง   เดี๋ยวจะมีคุณหมอซายาเพ็ญเข้ามาช่วนระลึกให้
ในรูปของลิ้งค์

แม่นจริงๆเรา


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 23 มี.ค. 15, 21:50
เข้ามาแปะคลิปจาก youtube เรื่องของอดีตดาราสาว ปู วิชชุดา สวนสุวรรณ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และน้องชานเชื่อว่าลูกสาวอาจจะเป็นพี่สาวที่เสียชีวิตไปแล้วมาเกิดใหม่

ปู วิชุดา สวนสุวรรณ กลับชาติมาเกิด ตีสิบ HD 1080p (http://www.youtube.com/watch?v=Z0uD6-JbjoA#ws)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 15, 09:34
รูปข้างล่างนี้คือหนูน้อยชื่อเอ็ดเวิร์ด ออสเตรียน วัย 4 ขวบ  ตั้งแต่เล็กๆ เขามีอาการหวาดกลัวอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อเจอวันฝนตก อากาศขมุกขมัวชื้นแฉะ   นอกจากนี้เอ็ดเวิร์ดยังมีอาการเจ็บในคอที่พ่อแม่เองก็ไม่รู้สาเหตุว่าอะไร    หนูน้อยเรียกอาการเจ็บในคอว่า "กระสุน" ทั้งๆตัวเองก็ยังเด็กเกินกว่าจะรู้จักคำนี้
พ่อแม่พาลูกไปหาหมอ   พบว่าหนูน้อยมีซิสต์หรือถุงน้ำในลำคอ ที่เป็นชนิดหายากมาก และต้องผ่าเอาออก  เป็นซิสต์รูปร่างเหมือนอะไรบวมตุงอยู่ที่คอ  แต่ก่อนจะผ่าซิสต์ออก หมอต้องผ่าทอนซิลออกเสียก่อน
หลังผ่าตัดทอนซิล   เอ็ดเวิร์ดเริ่มเล่าถึงเรื่องแปลกประหลาดที่เด็กน้อยอย่างเขาไม่น่าเล่า คือเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองในสงครามโลกครั้งที่ 1  
ในประสบการณ์นั้น เอ็ดเวิร์ดเรียกชื่อตัวเองว่า "เจมส์"  อายุ 18 ปี   เขาจำได้ว่าเขาเดินอยู่ในสนามเพลาะในวันที่ฝนตก ชื้นแฉะ เขาลุยโคลนไปด้วยความยากลำบาก   ไรเฟิลในมือก็หนักอึ้งแทบคอนไม่ไหว
ฉับพลันเขาก็ได้ยินเสียงปืนระเบิดเปรี้ยง กระสุนนัดหนึ่งพุ่งมาจากด้านหลัง  เจาะเข้าที่คอ  คอเขาเต็มไปด้วยเลือดสดๆ
เขาเล่าถึงนาทีสุดท้ายในชีวิตอย่างถี่ถ้วนและแม่นยำ  



กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 15, 09:40
เหตุประหลาดยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากถ่ายทอดประสบการณ์ออกมาแล้ว    ถุงน้ำที่บวมเป่งอยู่ในลำคอก็ยุบ หายไปไม่มีร่องรอยโดยไม่ต้องผ่าตัดเลย   หมอเองก็ค้นไม่พบจนแล้วจนรอดว่ามันหายไปได้ยังไง
ตอนแรกพ่อแม่ซึ่งไม่เคยเชื่อเรื่องระลึกชาติก็ยังไม่ยอมเชื่ออยู่ดี   หาว่าเป็นจินตนาการเพ้อเจ้อของเด็กน้อย  แต่พ่อแม่ก็ยังให้คำตอบไม่ได้เรื่องซิสต์ว่ามันหายไปได้ยังไง

กรณีของเอ็ดเวิร์ด แสดงให้เห็นว่าการปลดปล่อยความทุกข์ทรมานในอดีตชาติแทนที่จะอดกลั้นหรือข่มเอาไว้   ก็เป็นการรักษาโรคภัยไข้เจ็บอันเกี่ยวพันกับอดีตชาตินั้นอย่างได้ผลเหมือนกัน


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 15, 09:41
Reincarnation Experience - 4 Year Old Edward Austrian (http://www.youtube.com/watch?v=TQ-zbIDg7IQ#)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 24 มี.ค. 15, 11:11
          'สัญญา' (ความจำได้หมายรู้) แต่ชาติปางก่อนยังหลงเหลือ(ในจิตดวงเดิม) มาถึงชาตินี้
ในบางคน ในขณะที่คนส่วนใหญ่มาเกิดใหม่โดยไม่เหลือสัญญาเดิม(ติดจิตดวงเดิม) อีกแล้ว
           ด้วยเหตุนี้นานๆ ทีจึงจะปรากฏเป็นข่าวสักครั้งที่นั่น ที่โน่นว่ามีคน(ส่วนมากจะเป็นเด็ก)
ระลึกชาติได้   

           ตามไปดู, เคสเปิดกระทู้ - ด.ช.ไรอันนี้ นายแพทย์ทัคเกอร์ ผู้ศึกษารวบรวมเคสระลึกชาติ
(และดูแลเจ้าหนูไรอันด้วย) สรุปข้อมูลเด็กระลึกชาติไว้ว่า


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 24 มี.ค. 15, 11:26
          เจ้าหนูไรอันพร้อมแม่ได้มีโอกาสพบกับลูกสาวของมาร์ติน(= ลูกสาวตัวเองในชาติก่อน) ด้วย
หลังจากสัมผัสมือกันแล้วไรอันก็เดินไปหลบอยู่หลังแม่ตลอดเวลา เขาบอกกับแม่ในเวลาต่อมาว่า
'พลัง' ของผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนไป(ไม่เหมือนเดิมแล้ว) และเขาไม่อยากไปฮอลลีวู้ดอีก นับจากวัน
นั้นไรอันก็พูดถึงฮอลลีวู้ดน้อยลงๆ
          คุณหมอทัคเกอร์กล่าวว่า การที่เด็กระลึกชาติได้พบกับคนในครอบครัวของตัวเองเมื่อชาติก่อน
นั้นเท่ากับเป็นการยืนยันการระลึกชาติได้ของตนมีผลให้เขารู้สึกผ่อนคลายเบาลง และเมื่อเขาได้พบว่า
ปัจจุบันนี้ไม่มีใครรอเขาอยู่แล้ว บางคนก็จะรู้สึกเศร้าและในที่สุดเขาก็จะหันจากอดีตกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับ
ปัจจุบันชาตินี้
          คุณหมอยังได้ตั้งทฤษฎีระลึกชาติโดยอิงควอนทัมฟิสิคส์ ดังนี้
(Consciousness ทางพุทธศาสนาคือคำว่า วิญญาณ  เป็นคำไวพจน์ของคำว่าจิต มีความหมาย
เหมือนกัน ใช้แทนกันได้)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 15, 11:56
นึกถึง มิลินทปัญหา ที่เคยตอบไว้เมื่อปี 2545

อีกประเด็นหนึ่งในมิลินทปัญหาที่น่าสนใจคือ เรามักจะเชื่อว่าคนมีวิญญาณ หรือ soul พอตายแล้ววิญญาณก็ออกจากร่างไป
ถ้าไปเกิดในร่างใหม่ ก็ใหม่แต่ร่างแต่วิญญาณยังคงเป็นดวงเดิม
ทำให้เกิดนิยายรักข้ามชาติข้ามภพ หรือไม่ก็เป็นความเชื่อว่าฉันเป็นคนนั้นคนนี้มาเกิด
เหมือนร่างกายคือเสื้อผ้าที่ถอดชุดเดิมออกแล้วสวมชุดใหม่ แต่ตัวเจ้าของ คือวิญญาณ ยังคงเดิม

แต่ในมิลินทปัญหา พระเจ้ามิลินท์ถามพระนาคเสนว่า คนที่ตายไปแล้ว ไปเกิดอีก เขาจะยังคงเป็นผู้นั้นหรือว่าเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง
พระนาคเสนตอบว่า จะเป็นคนเดิมก็ไม่ใช่ คนใหม่ก็ไม่ใช่
แล้วขยายความย้อนถามพระเจ้ามิลินท์ว่า ตอนนี้พระองค์เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ดูหน้าตารูปร่างแตกต่างจากตอนเป็นเด็กเล็กๆหรือไม่
พระเจ้ามิลินท์ตอบว่า ต่างกัน

พระนาคเสนถามว่า งั้นเป็นคนละคนกันหรือเปล่า
พระเจ้ามิลินท์ตอบว่า เปล่า ยังเป็นคนเดิม
พระนาคเสนก็ตอบว่า นั่นแหละ เพราะอาศัยร่างกายเดียวกัน

แล้วเปรียบอีกครั้งว่า เหมือนการจุดเทียน(หรือตะเกียง)ไว้ตลอดคืน
แล้วตามไฟ คือจุดใหม่ให้สว่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ไฟที่จุดใหม่ ถือเป็นเปลวไฟเก่าหรือไม่
พระเจ้ามิลินท์ตอบว่าไม่ใช่ เป็นเปลวไฟใหม่ไม่ใช่อันเก่า
พระนาคเสนถามว่า งั้นเป็นไฟคนละดวงกันหรือเปล่า
พระเจ้ามิลินท์ตอบว่าไม่ใช่อีก
พระนาคเสนก็ตอบว่า นั่นแหละ เมื่อเปลวไฟหนึ่งดับอีกอันก็เกิดขึ้นแทน สืบเนื่องกันเรื่อยๆไป จึงตอบได้ว่าเป็นอันเดิมก็ไม่ใช่ เป็นคนละดวงก็ไม่ใช่อีก




กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 24 มี.ค. 15, 12:23
แก้ไข 'จิตดวงนั้น' ครับ
         'สัญญา' (ความจำได้หมายรู้) แต่ชาติปางก่อนยังหลงเหลือ(ในจิตดวงนั้นสืบ) มาถึงชาตินี้
ในบางคน ในขณะที่คนส่วนใหญ่มาเกิดใหม่โดยไม่เหลือสัญญาเดิม(ติดจิตดวงนั้น) อีกแล้ว
          ด้วยเหตุนี้นานๆ ทีจึงจะปรากฏเป็นข่าวสักครั้งที่นั่น ที่โน่นว่ามีคน(ส่วนมากจะเป็นเด็ก)
ระลึกชาติได้  

           ตามไปดู, เคสเปิดกระทู้ - ด.ช.ไรอันนี้ นายแพทย์ทัคเกอร์ ผู้ศึกษารวบรวมเคสระลึกชาติ
(และดูแลเจ้าหนูไรอันด้วย) สรุปข้อมูลเด็กระลึกชาติไว้ว่า


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 15, 12:39
เจ้าหนูไรอัน กับอดีตนักแสดงประกอบ มาร์ตี้ มาร์ติน   ซึ่งตายไปเมื่อค.ศ. 1964


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มี.ค. 15, 18:34
จาก fb ของคุณ Kornkit Disthan เข้าเรื่องกับหัวข้อกระทู้ดี จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ไว้ด้วยครับ

แปลกจริงแปลกใจ หลานชายกลับได้แต่งกับย่า

ในสมัยพระเจ้าเหลียงอู่ตี้่ มีพระเถระรูปหนึ่งชื่อว่า จื้อกง สำเร็จทิพยจักษุและฉฬภิญญา แทงทะลุในเหตุและผลกรรมได้อย่างแจ่มแจ้ง ครั้งหนึ่งมีคหบดีนิมนต์ท่านไปสวดพุทธมนต์ในงานวิวาห์ แต่ครั้นท่านมาถึงบ้านที่จัดงาน กลับทอดถอนใจแล้วกล่าวว่า
 
แปลกจริงแปลกใจ หลานชายกลับได้แต่งกับย่า
ลูกสาวกินเนื้อมารดา หนังบิดาถูกลูกชายขึงตีกลอง
หมูแพะนั่งเคียงบนเตียงใหญ่ หม้อไฟตุ๋นญาติหกรุ่นไว้ทั้งผอง
ผู้คนร่วมยินดีอย่างเนืองนอง ข้าแลเห็นทุกข์หมองเต็มประดา


ถ้อยคำนี้หมายความว่าอย่างไร? ที่ว่าหลานชายแต่งงานกับย่าตัวเอง เราเห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาดหรือไม่? ที่จริงแล้วก่อนที่ย่าจะสิ้นใจ ตอนนั้นเจ้าบ่าวยังเป็นทารกน้อย นางขอหลานมาอุ้มไว้ไม่อยากจะปล่อยเขาจากอ้อมกอด แล้วบอกว่า "พวกเจ้าล้วนมีครอบครัวเป็นตัวตน แต่หลานต้วน้อยของข้าไม่มีใครคอยดูแลเขาเลย อนิจจาเอ๋ย จะทำอย่างไรดี?" ว่าแล้วนางก็ขาดใจตายไป

เมื่อดวงวิญญาณไปถึงยมโลก พญายมมีโองการว่า "ดีล่ะ ในเมื่อรักหลานของเจ้านัก ก็จงกลับไปเกิดเป็นเมียคอยดูแลเขาแล้วกัน" ว่าแล้วผู้เป็นย่าก็เกิดใหม่กลายเป็นว่าที่ฮูหยินของหลานชาย จะเห็นได้ว่ากฎแห่งกรรมช่างน่าสะพรึงกลัวเสียนี่กระไร

ที่ว่า "ลูกสาวกินเนื้อมารดา" ที่ด้านนอกของบ้าน หญิงสาวคนหนึ่งกำลังกินเนื้อแพะอย่างเอร็ดอร่อย หารู้ไม่ว่าแพะตัวนั้เคยเป็นแม่ของเธอในชาติก่อน

ที่ว่า "หนังบิดาถูกลูกชายขึงตีกลอง" พระเถระระจื้อกงมองเห็นพวกมโหรีปี่พาทย์กำลังเป่าปี่ตีกลองน่าตื่นเต้นยิ่ง มีหนุ่มคนหนึ่งกำลังรัวกลองหนังลาอย่างเมามัน หารู้ไม่ว่าลาเจ้าของหนังหน้ากลองเคยเป็นพ่อของเขาในชาติก่อน
 
พระเถระจื้อกงมองเห็นผู้คนนั่งอยู่บนเตียงรับรอง จึงกล่าวว่า "หมูแพะนั่งเคียงบนเตียงใหญ่" แล้วมองไปที่หม้อไฟกล่าวว่า "หม้อไฟตุ๋นญาติหกรุ่นไว้ทั้งผอง" ตอนนี้พวกหมูกับแพะที่เคยถูกเขาฆ่าเอาเนื้อ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วกลับมานั่งกินมนุษย์ที่เกิดเป็นสัตว์ซึ่งเคยฆ่าพวกเขามาก่อน พวกเครือญาติทั้ง 6 ชั้นที่เคยกินเนื้อหมูเนื้อแพะตอนนี้ต้องมาถูกสับเป็นชิ้นๆ แล้วตุ๋นในหม้อไฟ ชำระวิบากกรมที่ทำไว้
 
"ผู้คนร่วมยินดีอย่างเนืองนอง ข้าแลเห็นทุกข์หมองเต็มประดา" ทุกคนล้วนคิดว่าเป็นงานเฉลิมฉลองสุขสันต์ แต่พระเถระจื้อกงกลับทอดถอนใจ กล่าวว่า "นี่ช่างทุกข์มหันต์ยิ่งนัก ผู้คนเห็นผิดคิดว่าทุกข์เป็นสุข!"
 
*จากธรรมเทศนาของพระอาจารย์เซวียนฮว่า เรื่อง "รู้เหตุย่อมซึ้งถึงผล"

*เชิงอรรถ
1. พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ (梁武帝) หรือ เซียวเหยี่ยน แห่งราชวงศ์เหลียง (คร. 502–549) ทรงเป็นฮ่องเต้ที่มีศรัทธาปสาทะในพระบวรพุทธศาสนามากที่สุดองค์หนึ่งของจีน ทรงรับศีลอุบาสกตลอดพระชนม์ชีพ มีพระบรมราชโองการสั่งห้ามการทำปาณาติบาต เข่นฆ่าชีวิตสัตว์สังเวยบรรพชน และยกเว้นโทษประหารชีวิต จนได้รับการถวายพระนามเป็น "ฮ่องเต้โพธิสัตว์"
2. พระเถระจื้อกง (誌公) หรือ พระฌานาจารย์เป่าจื้อ (寶誌禪師) พระเถระองค์สำคัญในยุคหนานเป่ย มีพฤติกรรมแปลกประหลาดพิสดาร ไว้ผมยาว ไม่ค่อยกินนอน เดินเตร่เท้าเปล่าไปตามท้องถนน ชอบทำนายทายทักผู้คน ฮ่องเต้ฉีอู่ตี้เห็นว่าท่านอาจมอมเมาผู้คน จึงทรงสั่งให้คุมขังไว้ แต่ในวันรุ่งขึ้นกลับมีคนเห็นท่านเดินเตร่อยู่ตามท้องถนนอีก จนฮ่องเต้ต้องยอมนิมนต์ท่านเข้ามาในวัง ครั้นถึงรัชสมัยพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ จึงมีบัญชาว่า พระอาจารย์เป็นโลกตุรบุคคล อยู่เหนือกฎเกณฑ์โลกียะทั้งปวง ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ และห้ามผู้ใดขัดขวางจริยาของท่าน
3. เตียง (炕) ในที่นี้หมายถึงเตียงใหญ่สำหรับนั่งเอกเขนก หรือสำหรับนอน ในภาคเหนือของจีนจะเจาะช่องสุมไฟไว้ให้ความอบอุ่น สามารถใช้เป็นที่นั่ง ที่นอน ที่ทำกิจกรรมได้สารพัด
4. ญาติหกรุ่น หรือญาติทั้งหก (六親) คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง เมีย ลูก
5. ภาพประกอบวาดโดย ไต้ตุนปาง (戴敦邦) จิตรกรจีนร่วมสมัย ผู้เก่งกาจในการวาดภาพประกอบจากวรรณคดีโบราณ ภาพนี้คาดว่ามาจากเรื่องความฝันในหอแดง



กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 มี.ค. 15, 10:17
           อีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับอดีตชาติในพุทธศาสนา คือ วาสนา ที่สั่งสมมาแต่ปางก่อน
หลายชาติจนติดตัวมาถึงชาติปัจจุบัน

ตัดทอนเรียบเรียงจากที่ อ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก เขียนเล่าว่า

           วาสนา เป็นศัพท์บาลี และสันสกฤต ที่มีความหมายอย่างหนึ่ง แต่คนไทยนำเอามาใช้ในความหมาย
อีกอย่าง
           เดิมทีพระพุทธศาสนาหินยาน (เถรวาท) ซึ่งใช้ภาษาบาลีเป็นภาษาศาสนาได้แพร่เข้ามาก่อนใน
ราวพุทธศตวรรษที่ 3 ต่อมาฝ่ายมหายานถือภาษาสันสกฤตเป็นภาษาศาสนาตามมา กอปรกับศาสนาพราหมณ์
-ฮินดู ซึ่งใช้ภาษาสันสกฤตก็แพร่เข้าสมทบอีก ภาษาสันสกฤตจึงหยั่งรากลงลึก
           แม้ว่าจากสมัยสุโขทัยเป็นต้นมา พระพุทธศาสนาที่ประชาชนคนไทยนับถือจะเป็นเถรวาทภาษาบาลี
พระภิกษุสามเณรเล่าเรียนกันก็ตาม ยังมีอิทธิพลต่อภาษาไทยน้อยกว่าภาษาสันสกฤตอยู่ดี
           บาลีและสันสกฤตใช้ในภาษาไทย มิได้เอามาทั้งดุ้น หากเปลี่ยนแปลงรูปและเสียง พร้อมทั้งเปลี่ยน
ความหมายในบางครั้ง

         วาสนา เดิมหมายถึง "สิ่งที่สั่งสมอยู่ในจิตสันดานมายาวนานมาก" นอนเนื่องอยู่ภายในจิตเราแน่นแฟ้น
แกะไม่ออก เทียบกับคำไทยว่า "สันดาน"


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 มี.ค. 15, 10:20
          ในทางพุทธศาสนา วาสนามิใช่เรื่องดีนัก ว่ากันว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงละวาสนาได้
พร้อมทั้งกิเลสทั้งปวง พระอรหันต์นั้น ละได้แต่กิเลสเท่านั้น ไม่สามารถละวาสนาได้
          แต่ "วาสนา"ในความหมายไทยกลับเป็นเรื่องดี คือหมายถึง บุญบารมี บางทีพูดคู่กันว่า "บุญวาสนา"
มีเรื่องเล่าในแวดวงผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาอยู่ 2 เรื่อง แสดงถึงอิทธิพลของวาสนา

            เรื่องแรก พระปิลินทวัจฉะ เป็นพระอรหันต์แต่มีคำพูดติดปากว่า "วสลิ"(ไอ้ถ่อย) พบใครจะถามว่า
"ไปไหนมา, สบายดีหรือ ไอ้ถ่อย" อย่างนี้เสมอ คำพูดถึงจะฟังดูหยาบแต่จิตใจท่านมิได้หยาบไปด้วย ท่าน
พูดด้วยจิตเมตตา เป็นคำพูด "ติดปาก"ท่าน แก้ไม่หาย ชาวบ้านรู้ก็ไม่ถือสา ยกให้ท่าน ทางศาสนาเรียกว่า
ท่านเป็น "ปาปมุต" (คนเขาไม่ถือกัน)....

            อีกเรื่องหนึ่ง พระสารีบุตรอัครสาวก ว่ากันว่าท่านมีอารมณ์ศิลปิน หรือพูดแบบชาวบ้านก็ว่าท่านมี
อารมณ์โรแมนติค คือเวลาท่านพบสถานที่สวยงาม ท่านคล้ายจะ "ลืมตัว" ไปพักหนึ่ง
            วันหนึ่งท่านเดินทางผ่านป่าแห่งหนึ่ง พร้อมภิกษุจำนวนมาก เห็นลำธารใส ไหลเย็น ผ่านโขดหิน
กลางป่าเขาลำเนาไพรอันร่มรื่น ท่านกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 มี.ค. 15, 10:24
        พระสงฆ์ที่ติดตามเห็นเช่นนั้นไม่กล้าพูดแต่นึกตำหนิในใจว่า พระอัครสาวกผู้ใหญ่อะไร ทำไมทำอย่างนี้
ไม่เหมาะสมเลย
         เมื่อไปเฝ้าพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา พระพุทธองค์ทรงทราบว่าพระภิกษุเหล่านั้นคิดอะไรอยู่ จึงตรัสว่า

             "ภิกษุทั้งหลาย เราทราบว่าเธอคิดอย่างไรกับสารีบุตร สารีบุตรทำอย่างนั้น มิใช่เพราะ "ติด" ใน
ความสุนทรีย์ของบรรยากาศแห่งภูมิประเทศที่เธอพบเห็นดอก หากแต่เป็น "วาสนา" ของเธอ"
          พระพุทธองค์ตรัสเล่าให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า ในอดีตกาลอันไกลโพ้น พระสารีบุตรเคยเกิดเป็นลิง
ติดต่อกันหลายร้อยหลายพันชาติ มาชาตินี้จึงติด "วาสนา" ของลิงมา คือชอบโลดเต้นเมื่อดีใจ

         เรื่องอย่างนี้มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ทางศาสนา(ไม่มีในพระไตรปิฎก แต่มีในหนังสือระดับอรรถกถา) ถึงจะ
เป็นคัมภีร์รุ่นหลังพระไตรปิฎก ก็ฟังๆ ไว้ไม่เสียหลาย ปุถุชนคนกิเลสหนาอย่างเราท่าน ภูมิปัญญาหรือความ
สามารถยังห่างไกลเกินกว่าจะชี้ว่า เรื่องนี้จริงหรือไม่ เป็นไปได้หรือไม่ จริงไหมครับ
          เรื่องอย่างนี้เป็นวิบากแห่งกรรมที่ทำสืบเนื่องยาวนานจน "ติด"ตัวไม่รู้กี่อสงไขยกัปแกะไม่ออก แม้ว่า
กิเลสตัณหาจะละได้ดังกรณีพระอรหันต์ แต่ "สิ่ง"ที่ว่านี้กลับละไม่ได้ ยกเว้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
           เพราะฉะนั้นบางคนจึงมี "วาสนา"แปลกๆ แก้ไม่หาย ดังพระปิลินทวัจฉะ พระสารีบุตร เป็นต้น


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 มี.ค. 15, 10:34
ความหมายของ "วาสนา" ในภาษาสันสกฤตมีมากหลายนัก แต่ที่ตรงกับอาจารย์เสฐียรพงษ์ว่าไว้คงเป็นความหมายแรก  ;D

จาก พจนานุกรมสันสกฤต-อังกฤษ  (http://spokensanskrit.de/index.php?page=2)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 มี.ค. 15, 11:06
ขออนุญาตเข้าซอยภาษาประเดี๋ยว

ภาษาเป็นเพียงข้อตกลงในสังคมว่าคำเรียกนั้น ๆ หมายถึงสิ่งนั้น ๆ มีหลายคำที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤตซึ่งมีความหมายเดิมอย่างหนึ่ง แต่เมื่อไทยเรารับมาใช้ความหมายกลายเป็นอย่างอื่น ซึ่งอาจตรงข้ามกันทีเดียว ที่นึกออกตอนนี้คือคำว่า "อาวุโส"

อาวุโส “ผู้มีอายุ” เป็นคำเรียก หรือทักทาย ที่ภิกษุผู้แก่พรรษาใช้ร้องเรียกภิกษุผู้อ่อนพรรษากว่า (ภิกษุผู้ใหญ่ร้องเรียกภิกษุผู้น้อย) หรือภิกษุร้องเรียกคฤหัสถ์ คู่กับคำ ภนฺเต ซึ่งภิกษุผู้อ่อนกว่าใช้ร้องเรียกภิกษุผู้แก่กว่า หรือคฤหัสถ์ร้องเรียกภิกษุ; ในภาษาไทย มักใช้เพี้ยนไปในทางตรงข้าม หมายถึง เก่ากว่า หรือแก่กว่าในวงงาน กิจการ หรือความเป็นสมาชิก

จาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) (http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%CD%D2%C7%D8%E2%CA&original=1)

ออกจากซอยภาษาแล้ว ขอเชิญสัมมนาว่าด้วยเรื่อง "ระลึกชาติ" กันต่อ   ;D


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 25 มี.ค. 15, 13:36
       พระสงฆ์ที่ติดตามเห็นเช่นนั้นไม่กล้าพูดแต่นึกตำหนิในใจว่า พระอัครสาวกผู้ใหญ่อะไร ทำไมทำอย่างนี้
ไม่เหมาะสมเลย
         เมื่อไปเฝ้าพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา พระพุทธองค์ทรงทราบว่าพระภิกษุเหล่านั้นคิดอะไรอยู่ จึงตรัสว่า

             "ภิกษุทั้งหลาย เราทราบว่าเธอคิดอย่างไรกับสารีบุตร สารีบุตรทำอย่างนั้น มิใช่เพราะ "ติด" ใน
ความสุนทรีย์ของบรรยากาศแห่งภูมิประเทศที่เธอพบเห็นดอก หากแต่เป็น "วาสนา" ของเธอ"
          พระพุทธองค์ตรัสเล่าให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า ในอดีตกาลอันไกลโพ้น พระสารีบุตรเคยเกิดเป็นลิง
ติดต่อกันหลายร้อยหลายพันชาติ มาชาตินี้จึงติด "วาสนา" ของลิงมา คือชอบโลดเต้นเมื่อดีใจ

         เรื่องอย่างนี้มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ทางศาสนา(ไม่มีในพระไตรปิฎก แต่มีในหนังสือระดับอรรถกถา) ถึงจะ
เป็นคัมภีร์รุ่นหลังพระไตรปิฎก ก็ฟังๆ ไว้ไม่เสียหลาย ปุถุชนคนกิเลสหนาอย่างเราท่าน ภูมิปัญญาหรือความ
สามารถยังห่างไกลเกินกว่าจะชี้ว่า เรื่องนี้จริงหรือไม่ เป็นไปได้หรือไม่ จริงไหมครับ
          เรื่องอย่างนี้เป็นวิบากแห่งกรรมที่ทำสืบเนื่องยาวนานจน "ติด"ตัวไม่รู้กี่อสงไขยกัปแกะไม่ออก แม้ว่า
กิเลสตัณหาจะละได้ดังกรณีพระอรหันต์ แต่ "สิ่ง"ที่ว่านี้กลับละไม่ได้ ยกเว้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
           เพราะฉะนั้นบางคนจึงมี "วาสนา"แปลกๆ แก้ไม่หาย ดังพระปิลินทวัจฉะ พระสารีบุตร เป็นต้น


ถ้าแปลให้ฟังง่าย ๆ   "วาสนา"  ก็คือนิสัยเดิมนั่นล่ะครับ พระอรหันต์ท่านละกิเลส แต่นิสัยเดิมไม่ได้ละ ปุถุชนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าพระอรหันต์เป็นหัวหลักหัวตอ จริง ๆ แล้วท่านก็รับรู้อารมณ์ต่าง ๆ นะครับ แต่รู้แล้วละทันที ไม่ได้ปรุงแต่งต่อ เหมือนที่เขาใช้คำว่า สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน

นอกจากสององค์ข้างบนแล้ว ยังมีอีกองค์หนึ่ง ที่เป็นนักรบเก่า ถึงจะบรรลุอรหันต์แล้ว แต่ก็ชอบเล่นสมมติตีเมืองเป็นปกติ



กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มี.ค. 15, 05:13
หลวงตาบัว หรือที่คนรุ่นผมจะเรียกว่าท่านอาจารย์มหาบัวนั้น ท่านด่าคนเก่งมาก บางครั้งก็ด่าเอาแรงๆด้วย ท่านว่านิสัยนี้เป็นวาสนาของท่าน ท่านด่าไปตามเหตุ จบแล้วจบกัน ท่านไม่นำมาเป็นอารมณ์
(อารมณ์ภาษาพระแปลว่าสิ่งที่จิตไปกระทบเข้า ไม่ใช่กิริยาของจิตที่ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า emotion )


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 26 มี.ค. 15, 23:26
อันนี้ขอแทรกนิดหน่อย เพราะมันเกิดกับคนใกล้ตัว

คือ ข้าพเจ้าเรียนปริญญาเอกที่หนานจิง วันหนึ่งมีน้องผู้หญิงมาเรียนต่อเหมือนกัน เจอหน้าข้าพเจ้าก็อึ้ง...ไปพักใหญ่ ไม่พูดไม่จา มองหน้าตะลึง

ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ นึกว่าน้องเขาตกใจว่าเราหล่อมาก เลยอึ้ง เลยไม่ได้ติดใจอะไร ภายหลังเริ่มสนิทกัน คุยกันมากขึ้น วันหนึ่งข้าพเจ้าอวดภาพบ้านของข้าพเจ้าให้ดู เป็นบ้านเก่าในต่างจังหวัด ตกทอดเป็นร้อยปี รวมไปถึงรูปถ่ายบรรพบุรุษที่มี น้องเขาหน้าซีด

หลังจากนั้นน้องเขาเลยบอกว่า ขอหนูเล่าอะไรสักเรื่อง พี่อย่าว่าหนูบ้านะ

น้องเขาเลยเล่าให้ฟังว่า...

"เจอหน้าพี่ครั้งแรกกลัวมาก เพราะตรงกับผู้ชายที่เคยเจอในฝัน เป็นผู้ชายสมัยก่อน แต่งตัวแบบสมัยราชกาลที่ห้า ขับรถมา หนูจำได้ว่าในฝันหนูรอผู้ชายคนนี้ แล้วก็มีผู้หญิงอีกสามสี่คน ยืนหมั่นไส้อยู่ข้างหลัง

ในฝันหนูจำได้ว่ารักคนนี้มาก ฝันมาเรื่อยๆ แล้วบางทีก็ฝันเห็นตัวเองร้องห่มร้องไห้ ร้องเพราะผู้ชายคนนี้ ในฝันว่าเจอหน้ากันไม่ขอรักกันเป็นเนื้อคู่กันแล้ว ฯลฯ"

ภายหลังจากเจอข้าพเจ้า เป็นผู้ชายในฝันพอดีเป๊ะ... เห็นปุ๊บก็นึกถึงคนในฝันเลย แถมเป็นคนอีสานเหมือนกันอีก น้องเขาเลยกลัวมาก

หลังๆ เลยไปทำบุญกัน แล้วอธิฐานว่า อดีตถ้าเคยมีร่วมกันจริงๆแล้ว - อย่าได้ผูกเวรกันเลย

อันนี้ตัวเองฟังแล้วขนลุกนิดหน่อย เพราะว่าตัวเองก็เคยฝันว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง อยู่ในบ้านตัวเองนั้นแหละ...และมีภรรยาหลายคน

ภายหลัง เป็นเรื่องของเพื่อนคนหนึ่ง นั่งปฏิบัติธรรม เห็นตัวเองเป็นนางในเขมร เล่นอาคมกับกษัตริย์ มีชู้ โน้นนั้นนี้ ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคงจิตฟุ้งซ่าน เลยไม่อะไรมาก เล่าสู่กันฟังขำๆ

ภายหลังด้วยเธอเป็นนักธุรกิจสาวสวยไฟแรง จะไปติดต่องานกับประธานบริษัทหนุ่มคนหนึ่ง เปิดประตูเจอหน้าประธาน เธอตะลึง ภาพในนิมิตกลับมาครบถ้วน

เธอหนีออกจากตึกเลย ไม่ดิวงานแล้ว...

ผ่านไปสามปี... เชื่อหรือไม่ ชายคนนั้นตามแอดเฟสบุ๊คเธอ บอกว่าพยายามติดต่อเธอมานานตั้งแต่วันที่เจอกัน แต่เจอเธอเธอก็หนี และไม่ยอมคุย

ชายคนนั้นเล่าว่า เขาฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นสนมเอกของเขา เขาเป็นกษัตริย์ ทำอาคม มีชู้ ฯลฯ เขาแค้นมาก แต่ก็รักมาก ตอนนี้ก็ยังตามคิดถึงอยู่ โดยเขาไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร แต่ฝังอยู่ในใจ

ภายหลังเขาไปประเทศเพื่อนบ้าน มีคนเอาของมาขายให้เขา เป็นพระขรรถ์เล่มน้อย ประดับอัญมณีสวยมาก กับสังข์เวียนขวา พอเขาจับเขาก็เห็นภาพทุกอย่างประหนึ่งภาพฉาย

เขากลัวแต่ก็มีความรู้สึกว่าทิ้งของตรงนี้ไม่ได้ เลยซื้อมาด้วยราคาอันสูง

ภายหลังมีคนบอกว่า นี้คือของทำอาคมในชาติปางบรรพ์ ซึ่งทำหน้าที่อยู่ และจะตามติดไปทุกภพจนกว่าจะอโหสิกรรมกัน

จนเขามาเจอเธอ และตอนนี้ก็ตามพบกันแล้ว เขาบอกว่า ตั้งแต่วันที่เห็นหน้าก็นึกถึงทุกวัน แต่ว่าไม่ได้โกรธเกลียด จะมาขอให้อโหสิกรรมต่อกันและไม่ผูกพัน

ฝ่ายเพื่อนก็กลัวถึงขีดสุด เพราะเธอไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนอกจากคนใกล้ตัว และสะพรึงยิ่งกว่าเมื่อเขาส่งรูปของที่ขุดพบมา

เธอบอกว่าเธอจะปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้น และขออโหสิกรรมต่อกัน

ทั้งหมดที่เล่ายิ่งกว่านิยาย แต่คือเรื่องจริง

อันนี้มานอกเรื่อง ไร้สาระไปหน่อย แต่เอาเป็นว่าเป็นประสบการณ์ตรง








กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทิพยุทธ ที่ 27 มี.ค. 15, 00:39
ขออนุญาติแทรกเข้ามาอีกคนนะครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ ชอบบ้านวิชาการหลังนี้มากครับ มีทั้งสาระความรู้และก็มีแง่มุมอื่นๆให้อ่านด้วย

เป็นไปได้ไหมครับที่เรื่องการกลับชาติมาเกิด อาจเกิดจากการที่ดวงวิญญาณหนึ่งซึ่งเป็นจิตที่เพิ่งออกจากร่าง เดินทางสวนกับจิตวิญญาณหนึ่งซึ่งกำลังมาจุติลงในร่าง

จิตที่เพิ่งออกจากร่างอาจนำพาความห่วงหาอาวรณ์ในชาตินี้ไปด้วย ส่วนอีกจิตวิญญาณหนึ่งใสสะอาดพร้อมเผชิญกับสิ่งใหม่ๆในโลกจึงรับเอาความห่วงของจิตที่เพิ่งออกจากร่างมา

ทำให้มีความทรงจำในอดีตชัดเจนในอดีตแค่ช่วงหนึ่งแล้วก็ค่อยๆหายไป อีกอย่างในทางพุทธศาสนาต้องบำเพ็ญหลายภพชาติกว่าจะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกที ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะตาย
แล้วได้กลับมาเกิดในทันที

อันนี้กรณีเช่นของเจ้าหนูไรอัน ส่วนในกรณีแบบถ้าย้อนไปนานๆคงเป็นแบบจิตวิญญาณนั้นยังคงวนเวียนอยู่ยังไม่ถึงเวลาหมดกรรมในชาตินี้ เลยรอส่งต่อผลกรรมให้แด่ดวงวิญญาณที่จะเกิดมาในชาตินี้ ดวงวิญญาณนั้นจึงจุติมาเพื่อทำให้จิตวิญญาณบริสุทธิ์ในชาตินี้ ชาติหน้าจะได้เกิดมาเป็นดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์
ส่วนดวงวิญญาณที่มาจุติอย่างบริสุทธิ์ในชาตินี้ มีหน้าที่ขัดเกลาให้จิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ขึ้นในชาตินี้เพื่อได้พบนิพพานในชาติหน้าก็เป็นได้ครับ


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มี.ค. 15, 09:19
ตัวอย่างที่คุณหาญบิงยกมา  มันเป๊ะในเนื้อหา ราวกับนวนิยายย้อนภพระลึกชาติเลยทีเดียว   น่าทึ่งมาก
ถ้าหากว่าน้องคนนั้นกับคุณเคยผูกพันกันมาในชาติภพก่อน   ก็แปลว่าชาติก่อนคุณก็ต้องหน้าตาอย่างชาตินี้     ถ้าหากว่าคุณเกิดมามีหน้าตาเหมือนคุณพ่อหรือคุณแม่ของคุณ  ก็ทำให้คิดต่อไปว่าในชาติก่อนคุณพ่อคุณแม่ของคุณก็ต้องไปเกิดเป็นพ่อแม่ในชาติก่อน หน้าตาเหมือนชาตินี้ด้วย   ลูกชายถึงจะหน้าตาเหมือนกันทั้ง 2 ชาติได้
ยิ่งคิดยิ่งงง ในสมมุติฐานของตัวเอง   คุณหาญบิงก็คงงงเหมือนกัน    เห็นจะต้องยกให้ท่านอื่นอธิบายและตีความนะคะ

ไหนๆคุยกันมาจนหลายท่านหลวมตัวเล่าอะไรต่อมิอะไรออกมาหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเอง     ก็จะขอแย้มพรายว่ามีใครบางคนในเรือนนี้ ตอนเด็กๆ ระลึกชาติได้  แต่เดี๋ยวนี้จางไปมากเกือบไม่รู้สึกแล้ว
เจ้าตัวจำชื่อเสียงเรียงนามไม่ได้ว่าเคยเกิดเป็นใคร  ไม่เหมือนพ่อหนูไรอัน  แต่จำสถานที่ บ้าน และสภาพแวดล้อมได้    พอจะบอกอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเองได้
เพราะงั้นหมอดูตาทิพย์นั่งญาณทั้งหลายอย่ามาบอกใครคนนั้นเชียวว่า เคยเกิดเป็นใครสมัยอยุธยาหรือรัตนโกสินทร์  หรือแม้แต่สมัยสุโขทัย หรือน่านเจ้า   ไม่ได้แอ้มค่าสะเดาะเคราะห์ทำบุญหรอกนะ จะบอกให้


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 27 มี.ค. 15, 09:41
หลวงตาบัว หรือที่คนรุ่นผมจะเรียกว่าท่านอาจารย์มหาบัวนั้น ท่านด่าคนเก่งมาก บางครั้งก็ด่าเอาแรงๆด้วย ท่านว่านิสัยนี้เป็นวาสนาของท่าน ท่านด่าไปตามเหตุ จบแล้วจบกัน ท่านไม่นำมาเป็นอารมณ์
(อารมณ์ภาษาพระแปลว่าสิ่งที่จิตไปกระทบเข้า ไม่ใช่กิริยาของจิตที่ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า emotion )

เคยได้ยินพระรุ่นโบราณ บางท่านใช้ภาษาแบบไทยเดิมเพื่อตอบคำถามญาติโยม  ได้ยินแล้วคนสมัยนี้น่าจะตกใจ เช่น

โยมถามว่า "ถ้าผมบวชจะได้เป็นพระอรหันต์ไหม ?"

ท่านเมตตาตอบว่า  "  "โค-ตะ-ระ-บิดา  โค-ตะ-ระ-มารดา คุณ(โปรดย้อนไปถึงภาษาในสมัยพ่อขุนรามขึ้นต้นด้วย ม.ม้า ) บวชเอง แล้วฉัน(โปรดย้อนไปถึงภาษาในสมัยพ่อขุนรามขึ้นต้นด้วย ก.ไก่ ) จะรู้ได้อย่างไร..!.... "  อย่างนี้เป็นต้น

ก็เป็นการทดสอบศิษย์ไปในตัวครับ ว่าจะทนรับการทดสอบได้มากน้อยแค่ไหน



กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 27 มี.ค. 15, 09:52

ทำให้มีความทรงจำในอดีตชัดเจนในอดีตแค่ช่วงหนึ่งแล้วก็ค่อยๆหายไป อีกอย่างในทางพุทธศาสนาต้องบำเพ็ญหลายภพชาติกว่าจะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกที ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะตาย
แล้วได้กลับมาเกิดในทันที

อันนี้กรณีเช่นของเจ้าหนูไรอัน ส่วนในกรณีแบบถ้าย้อนไปนานๆคงเป็นแบบจิตวิญญาณนั้นยังคงวนเวียนอยู่ยังไม่ถึงเวลาหมดกรรมในชาตินี้ เลยรอส่งต่อผลกรรมให้แด่ดวงวิญญาณที่จะเกิดมาในชาตินี้ ดวงวิญญาณนั้นจึงจุติมาเพื่อทำให้จิตวิญญาณบริสุทธิ์ในชาตินี้ ชาติหน้าจะได้เกิดมาเป็นดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์
ส่วนดวงวิญญาณที่มาจุติอย่างบริสุทธิ์ในชาตินี้ มีหน้าที่ขัดเกลาให้จิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ขึ้นในชาตินี้เพื่อได้พบนิพพานในชาติหน้าก็เป็นได้ครับ

มีหลายกรณีครับ ที่คนที่ระลึกชาติได้ เกิดทันทีหลังจากตาย บางคนบอกว่าออกจากร่างเดิมแล้ว เดินโซซัดโซเซ ไปเจอบ้านหลังใหม่ จากนั้นก็หมดความรู้สึก(จิตเข้าไปในครรภ์) แล้วก็มาเกิดเป็นคนเล่าเรื่องให้ฟังแบบนี้


ดวงจิตที่บริสุทธิ์ ถ้าว่ากันตามตรง ก็ต้องนิพพานไปหมดแล้วล่ะครับ ถ้าหมายถึงดวงจิตของเด็ก ตรงนั้นแค่กิเลสน้อยกว่าผู้ใหญ่แค่นั้นเองครับ ไม่ได้บริสุทธิ์ทั้งหมด


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 มี.ค. 15, 10:03
      เป็นไปได้ไหมครับที่เรื่องการกลับชาติมาเกิด อาจเกิดจากการที่ดวงวิญญาณหนึ่งซึ่งเป็นจิตที่เพิ่งออก
จากร่าง เดินทางสวนกับจิตวิญญาณหนึ่งซึ่งกำลังมาจุติลงในร่าง
        อีกอย่างในทางพุทธศาสนาต้องบำเพ็ญหลายภพชาติกว่าจะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกที ไม่น่าเป็นไปได้
ที่จะตายแล้วได้กลับมาเกิดในทันทu

           ทางพุทธศาสนา จิตชาติภพนี้ เมื่อจุติ(ดับ)แล้วจิตนั้นก็ปฏิสนธิ(เกิด)ในภพชาติต่อไปเลย ไม่มี
ช่วงที่เป็น'แบบว่า' ดวงวิญญาณ(เร่ร่อน) รอเกิด และถ้ากรรมถึงก็เกิดเป็นมนุษย์, เทวดาต่อได้เลย ครับ

           เรื่องเล่าของคุณหาญนี่ 'แบบว่า'ละครหลังข่าวเรตติ้งสูงเลย ว่าตามหลักแล้ว ตัวคนเราที่ประกอบ
ด้วย รูป และ นาม(จิต) นั้น เมื่อตายไป จิต คือส่วนที่สืบต่อ
           หรือว่า เพราะแรงอธิษฐานของจิตนั้นขอรูปเดิมในชาติใหม่ หรือว่า วิบากกรรมปางก่อนนั้นแรงถึง
ขนาดชี้เป้า - รูป ของคู่วิบากรรมในชาตินี้ได้ว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ??? เป็นต้น
(มโนสนุกๆ ครับ)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 27 มี.ค. 15, 10:05

ไหนๆคุยกันมาจนหลายท่านหลวมตัวเล่าอะไรต่อมิอะไรออกมาหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเอง     ก็จะขอแย้มพรายว่ามีใครบางคนในเรือนนี้ ตอนเด็กๆ ระลึกชาติได้  แต่เดี๋ยวนี้จางไปมากเกือบไม่รู้สึกแล้ว
เจ้าตัวจำชื่อเสียงเรียงนามไม่ได้ว่าเคยเกิดเป็นใคร  ไม่เหมือนพ่อหนูไรอัน  แต่จำสถานที่ บ้าน และสภาพแวดล้อมได้    พอจะบอกอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเองได้
เพราะงั้นหมอดูตาทิพย์นั่งญาณทั้งหลายอย่ามาบอกใครคนนั้นเชียวว่า เคยเกิดเป็นใครสมัยอยุธยาหรือรัตนโกสินทร์  หรือแม้แต่สมัยสุโขทัย หรือน่านเจ้า   ไม่ได้แอ้มค่าสะเดาะเคราะห์ทำบุญหรอกนะ จะบอกให้

น่าอิจฉาครับ คนที่มีของเก่าดีแบบนี้ เพราะถ้านำข้อดีตรงนี้มาใช้ให้ถูกทาง(กำกับด้วยวิปัสสนาญาณ) รับรองว่าความเป็นพระอริยเจ้าอยู่ไม่ไกลแน่ ๆ ถ้าทำแบบไม่ยั้งตัวกลัวกิเลสเฉาตาย ก็น่าจะไปถึงจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้แน่ ๆ


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มี.ค. 15, 10:16

น่าอิจฉาครับ คนที่มีของเก่าดีแบบนี้ เพราะถ้านำข้อดีตรงนี้มาใช้ให้ถูกทาง(กำกับด้วยวิปัสสนาญาณ) รับรองว่าความเป็นพระอริยเจ้าอยู่ไม่ไกลแน่ ๆ ถ้าทำแบบไม่ยั้งตัวกลัวกิเลสเฉาตาย ก็น่าจะไปถึงจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้แน่ ๆ 

วิปัสสนาญาณ?

 วิปัสสนาญาณ ๙

๑. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นความเกิดและความดับ

๒. ภังคานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นความดับ

๓. ภยตูปัฎฐานญาณ พิจารณาเห็นสังขารเป็นของน่ากลัว

๔. อาทีนวานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นโทษของสังขาร

๕. นิพพิทานุปัสสนาญาณ พิจารณาสังขารเห็นเป็นของน่าเบื่อหน่าย

๖. มุญจิตุกามยตาญาณ พิจารณาเพื่อใคร่จะให้พ้นจากสังขารไปเสีย

๗. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ พิจารณาหาทางที่จะให้พ้นจากสังขาร

๘. สังขารุเปกขาญาณ พิจารณาเห็นว่า ควรวางเฉยในสังขาร

๙. สัจจานุโลมิกญาณ พิจารณาอนุโลมในญาณทั้ง ๘ นั้น เพื่อกำหนดรู้ในอริยสัจ

http://www.larnbuddhism.com/grammathan/vipassanayan3.html (http://www.larnbuddhism.com/grammathan/vipassanayan3.html)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 27 มี.ค. 15, 11:33

น่าอิจฉาครับ คนที่มีของเก่าดีแบบนี้ เพราะถ้านำข้อดีตรงนี้มาใช้ให้ถูกทาง(กำกับด้วยวิปัสสนาญาณ) รับรองว่าความเป็นพระอริยเจ้าอยู่ไม่ไกลแน่ ๆ ถ้าทำแบบไม่ยั้งตัวกลัวกิเลสเฉาตาย ก็น่าจะไปถึงจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้แน่ ๆ 

วิปัสสนาญาณ?

 วิปัสสนาญาณ ๙

๑. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นความเกิดและความดับ

๒. ภังคานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นความดับ

๓. ภยตูปัฎฐานญาณ พิจารณาเห็นสังขารเป็นของน่ากลัว

๔. อาทีนวานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นโทษของสังขาร

๕. นิพพิทานุปัสสนาญาณ พิจารณาสังขารเห็นเป็นของน่าเบื่อหน่าย

๖. มุญจิตุกามยตาญาณ พิจารณาเพื่อใคร่จะให้พ้นจากสังขารไปเสีย

๗. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ พิจารณาหาทางที่จะให้พ้นจากสังขาร

๘. สังขารุเปกขาญาณ พิจารณาเห็นว่า ควรวางเฉยในสังขาร

๙. สัจจานุโลมิกญาณ พิจารณาอนุโลมในญาณทั้ง ๘ นั้น เพื่อกำหนดรู้ในอริยสัจ

http://www.larnbuddhism.com/grammathan/vipassanayan3.html (http://www.larnbuddhism.com/grammathan/vipassanayan3.html)



การคิดที่ถูกต้องอันดับแรกให้คิดอยู่ในกรอบของ "ไตรลักษณ์" ไตรลักษณ์ คือลักษณะของความเป็นจริงสามประการ ประกอบด้วย
อนิจจัง ความไม่เที่ยงเป็นปกติ
ทุกขัง เราไปยึดถือมั่นหมายเมื่อไร จะประกอบไปด้วยความทุกข์อย่างแน่นอน
อนัตตา ไม่มีอะไรยึดถือเป็นตัวเป็นตน เป็นเราเป็นเขาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างในที่สุดก็เสื่อมสลายไปทั้งหมด

อันดับสองคิดในแบบของ "วิปัสนาญาณ ๙" คือ
พิจารณาเห็นความเกิดและความดับ
พิจารณาเห็นความดับ
พิจารณาเห็นสังขารเป็นของน่ากลัว
พิจารณาเห็นโทษของสังขาร
พิจารณาเห็นสังขารเป็นของน่าเบื่อหน่าย
พิจารณาเพื่อต้องการจะให้พ้นจากสังขารไปเสีย
พิจารณาหาทางที่จะให้พ้นจากสังขาร
พิจารณาเห็นว่า ควรวางเฉยในสังขาร
พิจารณาอนุโลมในญาณทั้ง ๘ ดังกล่าวมาข้างต้น
จนกระทั่งในที่สุดถึงจุดสุดท้ายก็จะปล่อยวางกลายเป็น สังขารุเบกขาญาณ คือยอมรับสภาพของสังขาร เห็นธรรมดาของสังขาร

อันดับสามคิดตามแนว "อริยสัจ" อริยสัจให้คิดในเรื่องทุกข์ อย่างเดียวก็พอ เพราะถ้าเรารู้ทุกข์ เราก็ไม่อยากจะไปแตะต้องทุกข์อีก ถ้าเห็นว่าเข้มข้นเกินไปหรือหนักเกินไป ก็พิจารณาสองตัวคือทุกข์กับสมุทัย สมุทัย คือสาเหตุที่ทุกข์เกิด ที่เราทุกข์อยู่ปัจจุบันนี้ สาเหตุใหญ่ก็คือการเกิดมา ถ้าเราไม่เกิดมา เราก็ไม่ต้องทุกข์อย่างนี้ พยายามตัดตรงที่สาเหตุคือ ตัวอยากเกิดให้ได้ ถ้าหากว่าตัดลงได้ก็คือ นิโรธ ขณะที่เรากำลังตัดกำลังทำก็คือ มรรค อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น..ก็พิจารณาแค่สมุทัยกับทุกข์สองตัวก็ได้ หรือจะเอาแต่ทุกข์อย่างเดียว เห็นแล้วเข็ดไม่เอาเลยก็ได้

ถ้าหากว่าอยู่ในกรอบของความคิดสามแบบ คือ ตามแนวของไตรลักษณ์ก็ดี ตามแนวของวิปัสสนาญาณ ๙ ก็ดี ตามแนวของอริยสัจ ๔ ก็ดี เป็นอันว่าความคิดของเราถูกต้อง แต่ถ้าพ้นจากนี้ไปคือคิดฟุ้งซ่าน


http://www.watthakhanun.com/webboard/archive/index.php/t-2967.html (http://www.watthakhanun.com/webboard/archive/index.php/t-2967.html)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 27 มี.ค. 15, 11:42
ถ้าเราวิเคราะห์จะในพระไตรปิฎกก็ดี หรือจะชาดกก็ดี ทุกครั้งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสถึงพระชาติในอดีตของพระองค์ ก็เพื่อแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการเกิดขึ้นมามีร่างกายนี้เป็นทุกข์ ทุกข์อย่างไร ก็ทรงชี้แจงไว้ชัดเจน ดังนั้นอย่างที่ผมได้เขียนไปว่า น่าอิจฉาคนที่มีของเก่า (ทิพจักขุญาณ) ดีอยู่แล้ว สามารถพ้นทุกข์ก้าวเข้าสู่การเป็นพระอริยเจ้าได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีความสามารถทางนี้เลย

เพราะรู้เห็นได้ชัดเจนว่า ชาติที่ผ่านมา ๆ ทุกข์หรือสุขอย่างไร แล้วตลอดการเวียนว่ายในสังสารวัฎอันไม่เห็นที่สุดนี้ มันสุขหรือมันทุกข์อย่างไหนมากกว่ากัน

หากทำอย่างจริงจัง ก็จะเข้าสู่จุดมุ่งหมายสูงสุดของทางพระพุทธศาสนาก็คือพระนิพพานได้

ทั้งนี้ ก็ต้องแล้วแต่ความพอใจของเจ้าตัวเองว่า ยังพอใจจะเกิดมามีขันธ์ ๕ อีกต่อไปหรือไม่ หากเห็นทุกข์ เห็นโทษภัยของการเกิด ก็จะมีแนวทางในการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไปครับ  ;D


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มี.ค. 15, 13:47
ตัวอย่างที่คุณหาญบิงยกมา  มันเป๊ะในเนื้อหา ราวกับนวนิยายย้อนภพระลึกชาติเลยทีเดียว   น่าทึ่งมาก
ถ้าหากว่าน้องคนนั้นกับคุณเคยผูกพันกันมาในชาติภพก่อน   ก็แปลว่าชาติก่อนคุณก็ต้องหน้าตาอย่างชาตินี้     ถ้าหากว่าคุณเกิดมามีหน้าตาเหมือนคุณพ่อหรือคุณแม่ของคุณ  ก็ทำให้คิดต่อไปว่าในชาติก่อนคุณพ่อคุณแม่ของคุณก็ต้องไปเกิดเป็นพ่อแม่ในชาติก่อน หน้าตาเหมือนชาตินี้ด้วย   ลูกชายถึงจะหน้าตาเหมือนกันทั้ง 2 ชาติได้
ยิ่งคิดยิ่งงง ในสมมุติฐานของตัวเอง   คุณหาญบิงก็คงงงเหมือนกัน    เห็นจะต้องยกให้ท่านอื่นอธิบายและตีความนะคะ

ไหนๆคุยกันมาจนหลายท่านหลวมตัวเล่าอะไรต่อมิอะไรออกมาหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเอง     ก็จะขอแย้มพรายว่ามีใครบางคนในเรือนนี้ ตอนเด็กๆ ระลึกชาติได้  แต่เดี๋ยวนี้จางไปมากเกือบไม่รู้สึกแล้ว
เจ้าตัวจำชื่อเสียงเรียงนามไม่ได้ว่าเคยเกิดเป็นใคร  ไม่เหมือนพ่อหนูไรอัน  แต่จำสถานที่ บ้าน และสภาพแวดล้อมได้    พอจะบอกอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเองได้
เพราะงั้นหมอดูตาทิพย์นั่งญาณทั้งหลายอย่ามาบอกใครคนนั้นเชียวว่า เคยเกิดเป็นใครสมัยอยุธยาหรือรัตนโกสินทร์  หรือแม้แต่สมัยสุโขทัย หรือน่านเจ้า   ไม่ได้แอ้มค่าสะเดาะเคราะห์ทำบุญหรอกนะ จะบอกให้

เนื่องจากเป็นผู้หนึ่งที่เชื่อในเรื่องภพชาติ แต่สมมุติฐานท่านอาจารย์เรื่องหน้าตาในภพชาติก่อนๆ ผมออกจะไม่เห็นด้วยนิดหน่อยครับ
จากประสบการณ์ละลึกชาติและฝันบ่อยๆ  เมื่อตื่นขึ้นมักจะจำไม่ได้ว่าคนในฝันหน้าตาเป็นอย่างไร  จริงๆ ไม่เคยจำได้เลย แต่จำอารมณ์หรือความรู้สึกในฝันได้มากกว่า
ดังนั้นแฟนเก่าคุณหาญอาจจะจำหน้าตาคนในฝันไม่ได้ด้วยเช่นกัน
เพียงแต่เมื่อเจอกันแล้ว เนื่องจากเคยผูกพันกันมาแต่อดีตชาติ ทำให้เมื่อเจอปุ๊บก็จะรู้สึกได้ว่าเคยเจอ จนกระทั่งรู้สึกไปว่านี่คือหน้าที่เคยเห็นในฝัน ทั้งที่จริงอาจจะไม่ใช่หน้านั้น
เป็นการจำได้เพราะความผูกพันกันของดวงจิตที่เคยเกี่ยวพันกันมากกว่า  ไม่ใช่เพราะตัวตนหรือรูปลักษณ์ในชาติปัจจุบันเหมือนกับในอดีตชาติ




กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 27 มี.ค. 15, 23:14
ตัวอย่างที่คุณหาญบิงยกมา  มันเป๊ะในเนื้อหา ราวกับนวนิยายย้อนภพระลึกชาติเลยทีเดียว   น่าทึ่งมาก
ถ้าหากว่าน้องคนนั้นกับคุณเคยผูกพันกันมาในชาติภพก่อน   ก็แปลว่าชาติก่อนคุณก็ต้องหน้าตาอย่างชาตินี้     ถ้าหากว่าคุณเกิดมามีหน้าตาเหมือนคุณพ่อหรือคุณแม่ของคุณ  ก็ทำให้คิดต่อไปว่าในชาติก่อนคุณพ่อคุณแม่ของคุณก็ต้องไปเกิดเป็นพ่อแม่ในชาติก่อน หน้าตาเหมือนชาตินี้ด้วย   ลูกชายถึงจะหน้าตาเหมือนกันทั้ง 2 ชาติได้
ยิ่งคิดยิ่งงง ในสมมุติฐานของตัวเอง   คุณหาญบิงก็คงงงเหมือนกัน    เห็นจะต้องยกให้ท่านอื่นอธิบายและตีความนะคะ

ไหนๆคุยกันมาจนหลายท่านหลวมตัวเล่าอะไรต่อมิอะไรออกมาหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเอง     ก็จะขอแย้มพรายว่ามีใครบางคนในเรือนนี้ ตอนเด็กๆ ระลึกชาติได้  แต่เดี๋ยวนี้จางไปมากเกือบไม่รู้สึกแล้ว
เจ้าตัวจำชื่อเสียงเรียงนามไม่ได้ว่าเคยเกิดเป็นใคร  ไม่เหมือนพ่อหนูไรอัน  แต่จำสถานที่ บ้าน และสภาพแวดล้อมได้    พอจะบอกอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเองได้
เพราะงั้นหมอดูตาทิพย์นั่งญาณทั้งหลายอย่ามาบอกใครคนนั้นเชียวว่า เคยเกิดเป็นใครสมัยอยุธยาหรือรัตนโกสินทร์  หรือแม้แต่สมัยสุโขทัย หรือน่านเจ้า   ไม่ได้แอ้มค่าสะเดาะเคราะห์ทำบุญหรอกนะ จะบอกให้

เนื่องจากเป็นผู้หนึ่งที่เชื่อในเรื่องภพชาติ แต่สมมุติฐานท่านอาจารย์เรื่องหน้าตาในภพชาติก่อนๆ ผมออกจะไม่เห็นด้วยนิดหน่อยครับ
จากประสบการณ์ละลึกชาติและฝันบ่อยๆ  เมื่อตื่นขึ้นมักจะจำไม่ได้ว่าคนในฝันหน้าตาเป็นอย่างไร  จริงๆ ไม่เคยจำได้เลย แต่จำอารมณ์หรือความรู้สึกในฝันได้มากกว่า
ดังนั้นแฟนเก่าคุณหาญอาจจะจำหน้าตาคนในฝันไม่ได้ด้วยเช่นกัน
เพียงแต่เมื่อเจอกันแล้ว เนื่องจากเคยผูกพันกันมาแต่อดีตชาติ ทำให้เมื่อเจอปุ๊บก็จะรู้สึกได้ว่าเคยเจอ จนกระทั่งรู้สึกไปว่านี่คือหน้าที่เคยเห็นในฝัน ทั้งที่จริงอาจจะไม่ใช่หน้านั้น
เป็นการจำได้เพราะความผูกพันกันของดวงจิตที่เคยเกี่ยวพันกันมากกว่า  ไม่ใช่เพราะตัวตนหรือรูปลักษณ์ในชาติปัจจุบันเหมือนกับในอดีตชาติ




พูดไปเดี่ยวหาว่าผมงมงาย มาขยายความเยอะ

แต่ไหนๆก็ขอเล่าหน่อย

วันนี้วันเกิดผม เลยชวนน้องๆกินข้าวกัน หนึ่งในนั้นก็มีสาวน้อยที่เคยฝัน(ร้าย)ถึงผม

ผมก็เลยเล่ากระทู้นี้ให้ทุกคนฟัง พร้อมยกเรื่องในฝันของน้องเขา

พอเล่าไป น้องเขาก็ทำหน้าไม่ดี เหมือนจะร้องไห้ หายใจฝืดฟาด วิงเวียน แล้วก็บอกว่า

"พี่คะ อย่าเล่าได้ไหมคะ หนูรู้สึกอึดอัด เครียด"

เลยต้องรีบเปลี่ยนประเด็น

แต่ว่า ข้อหนึ่งที่ไม่ได้เล่าในตอนแรก คือ มันน่าแปลกที่ว่า น้องเขาไม่เคยเห็นบ้านผมมาก่อน ตอนที่ผมอวดรูปบ้านให้ดู น้องเขาก็ถามขึ้นว่า "พี่ บ้านพี่เมื่อก่อนหน้าบ้านปลูกต้นแก้วไหม แล้วมีโอ่งวางไว้หน้าบ้านไหม มีบ่อน้ำหน้าบ้านไหม"

ผมก็บอกไปว่า "เออ เดาเก่ง สมัยก่อนมีจริงๆแหละ แต่ต้นแก้วตัดทิ้งไปหลายสิบปีแล้ว โอ่งเดี่ยวนี้วางไว้หลังบ้าน ส่วนบ่อน้ำถมไปแล้ว ถามทำไม เคยเห็นบ้านคล้ายๆบ้านพี่หรือ"

น้องเขาก็ยิ่งหน้าซีด แล้วหลังจากนั้นเลยค่อยๆเล่าเรื่องออกมา

แล้วมันก็มีบางส่วนตรงกับที่ผมเคยฝันเสียด้วยสิ

เล่าโดยไม่ได้นัดหมาย

ปล. น้องคนนี้ปัจจุบันนี้คนร้อยละเก้าสิบคิดว่าเป็นแฟนผมไปแล้ว เพราะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เหอะๆ

 ::)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 28 มี.ค. 15, 00:16



พูดไปเดี่ยวหาว่าผมงมงาย มาขยายความเยอะ

แต่ไหนๆก็ขอเล่าหน่อย

วันนี้วันเกิดผม เลยชวนน้องๆกินข้าวกัน หนึ่งในนั้นก็มีสาวน้อยที่เคยฝัน(ร้าย)ถึงผม

ผมก็เลยเล่ากระทู้นี้ให้ทุกคนฟัง พร้อมยกเรื่องในฝันของน้องเขา

พอเล่าไป น้องเขาก็ทำหน้าไม่ดี เหมือนจะร้องไห้ หายใจฝืดฟาด วิงเวียน แล้วก็บอกว่า

"พี่คะ อย่าเล่าได้ไหมคะ หนูรู้สึกอึดอัด เครียด"

เลยต้องรีบเปลี่ยนประเด็น

แต่ว่า ข้อหนึ่งที่ไม่ได้เล่าในตอนแรก คือ มันน่าแปลกที่ว่า น้องเขาไม่เคยเห็นบ้านผมมาก่อน ตอนที่ผมอวดรูปบ้านให้ดู น้องเขาก็ถามขึ้นว่า "พี่ บ้านพี่เมื่อก่อนหน้าบ้านปลูกต้นแก้วไหม แล้วมีโอ่งวางไว้หน้าบ้านไหม มีบ่อน้ำหน้าบ้านไหม"

ผมก็บอกไปว่า "เออ เดาเก่ง สมัยก่อนมีจริงๆแหละ แต่ต้นแก้วตัดทิ้งไปหลายสิบปีแล้ว โอ่งเดี่ยวนี้วางไว้หลังบ้าน ส่วนบ่อน้ำถมไปแล้ว ถามทำไม เคยเห็นบ้านคล้ายๆบ้านพี่หรือ"

น้องเขาก็ยิ่งหน้าซีด แล้วหลังจากนั้นเลยค่อยๆเล่าเรื่องออกมา

แล้วมันก็มีบางส่วนตรงกับที่ผมเคยฝันเสียด้วยสิ

เล่าโดยไม่ได้นัดหมาย

ปล. น้องคนนี้ปัจจุบันนี้คนร้อยละเก้าสิบคิดว่าเป็นแฟนผมไปแล้ว เพราะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เหอะๆ

 ::)

ถ้าเจอฝากบอกเขาด้วยครับว่าไม่ต้องเครียด  ที่ควรจะเครียดคือ หากตอนที่มีอาการหายใจติดขัดฝืดฟาดนั้นเกิดตายตอนนั้นขึ้นมา จิตเศร้าหมองตายไปก็มีสิทธิไปอบายภูมิเสียเวลาไปเปล่า ๆ

ควรจะชี้ให้เขาเห็นว่า เรื่องแบบนี้(หมายถึงทิพจักขุญาณ) เป็นของปกติ ถ้าคนเคยฝึกมาในอดีต ก็เหมือนความรู้อย่างหนึ่ง ก็แค่มาทบทวนการใช้งานแค่นั้นเอง สำคัญที่ว่าจะใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์มากกว่า

ถ้ามัวแต่เครียดหรือวิตกกังวล แทนที่จะเอาความสามารถตรงนี้ มาใช้งานให้เกิดประโยชน์ในการพ้นทุกข์ มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ๆ ครับ   ของแบบนี้ ถ้าคนได้ ก็จะได้เสียจนเบื่อ บอกเขาให้เห็นเป็นเรื่องปกติไป

ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียก็หมดเรื่อง  สักแต่ว่ารู้ไว้ก็จบครับ แรก ๆ อาจจะทำยากหน่อย แต่ถ้าฝืนฝึกตัวเองได้ ต่อไป ก็จะไม่รู้สึกอะไรอีก เหมือนนักปฏิบัติบางท่านก่อนได้ทิพจักขุญาณ เป็นคนกลัวผีมาก

ตอนหลังพอได้ทิพจักขุญาณแจ่มใส คุยกับผีเป็นปกติ กลายเป็นว่าไม่กลัวไปเลย เพราะเห็นผีก็เหมือนเห็นคน ดีเสียอีก เวลาไปไหนมาไหนต้องการความช่วยเหลือที่คนธรรมดาช่วยไม่ได้ ก็ถามเอาจากผีแถวนั้น ก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ไป  อย่างนี้ก็มีครับ


ถ้าเขายังไม่อยากพ้นทุกข์ แต่ไม่อยากเจออย่างนี้อีก ก็ไม่ยาก หมกมุ่นกับกิเลสมาก ๆ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะเสื่อมไปเอง ก็จะได้สบายใจ ไม่ต้องกังวลอีกแค่นั้นเอง





กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 มี.ค. 15, 11:20
           นึกได้ถึงเรื่องระลึกชาติเคยอ่านนานมากแล้วแต่ยังติดใจจำ เป็นงานเขียนของอ.วศิน
ในหมวด ธรรมะกับชีวิตประจำวัน : ความโกรธ
ในส่วนการระลึกชาตินี้อ.วศินเล่าว่า

               ในอรรถกถาธรรมบทว่า ภิกษุรูปหนึ่งได้รับอุปการะเรื่องปัจจัย 4 จากอุบาสิกาคนหนึ่ง ทำ
ความเพียรจนบรรลุอรหัตตผล มีความสุขอยู่ในมรรคผล พลางรำพึงว่า “น่าขอบใจจริงหนอ อุบาสิกา
มีอุปการะมาก เราได้อาศัยอุบาสิกานี้แล้วแล่นออกจากภพได้(คือพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด)
มหาอุบาสิกาเป็นที่พึ่งของเราเฉพาะในชาตินี้เท่านั้นหรือ หรือว่าในอดีตเธอเคยเป็นที่พึ่งของเราเหมือนกัน”
           เมื่อรำพึงดังนี้แล้ว ภิกษุนั้นระลึกชาติถอยหลังไป 99 ชาติ ได้เห็นว่าอุบาสิกานั้นเคยเป็นภรรยา
ของท่านมา 99 ชาติ และมีจิตปฏิพัทธ์ในชายอื่นฆ่าท่านมาตั้ง 99 ชาติแล้ว ท่านจึงปลงธรรมสังเวช
(แบบพระอรหันต์)ว่า น่าสังเวชจริงหนออุบาสิกาทำกรรมหนักมาแล้วเหลือหลาย
           ฝ่ายอุบาสิกาซึ่งได้บรรลุอนาคามิผลก่อนภิกษุและได้ปฏิสัมภิทา 4 และอภิญญา 5 แล้วนั่งใคร่ครวญ
อยู่ในเรือนของตนรู้ว่าภิกษุกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพิจารณาขึ้นไปถึงชาติที่ 100 เห็นว่าในชาตินั้น ตนได้สละชีวิต
คือตายแทนภิกษุนั้น จึงได้ส่งกระแสจิตไปเตือนว่า “ขอให้ท่านโปรดระลึกต่อไปถึงชาติที่ 100 เถิด” ภิกษุได้
สดับเสียงของอุบาสิกาด้วยหูทิพย์ จึงระลึกถึงชาติที่ 100 ได้เห็นอุปการะของอุบาสิกาแล้วมีจิตเบิกบาน กล่าว
สนทนาธรรมในมรรค 9 ผล 4 กันทางโทรจิต และปรินิพพาน ณ ที่นั้นเอง
            เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า คนที่ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏนั้น เมื่อมีความสัมพันธ์กันในรูปแบบต่างๆ ก็ย่อมจะ
ประพฤติผิดพลาดต่อกันบ้าง เกื้อหนุนกันบ้าง เรียกว่าทำดีต่อกันบ้าง ทำร้ายต่อกันบ้าง ตามกระแสกิเลสที่เกิดขึ้น
ในวาระนั้นๆ จึงควรสังเวชสลดจิตให้อภัย ไม่อยากก่อกรรมทำเข็ญอะไรอีกต่อไป


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 มี.ค. 15, 11:22
           ทบทวนแล้วชวนให้นึกถึงเรื่องระลึกชาติในยุคปัจจุบันจากคดีดังเมื่อปี 2550 ครับ

ทนายร้องกองปราบกล่าวหา น.ส.ป. ในข้อหาฉ้อโกง

          พฤติการณ์และเหตุการณ์ที่ น.ส.ป. ทำกับ นพ.ป. เกิดขึ้นระหว่างต.ค. 2549 ถึง ก.พ.2550
น.ส.ป.ได้สมคบกับเพื่อนอีก 5 คนใช้อุบายหลอกลวงทำให้หลงเชื่อว่าสามารถนั่งสมาธิจนเข้าฌานชั้นสูง
จนสามารถระลึกชาติได้ นอกจากนี้...  
         จากการพูดคุยกับ นพ.ป. ที่มีสติสัมปชัญญะดี เล่าให้ฟังว่า หลังเริ่มสนิทสนม น.ส.ป. กล่าวอ้าง
จนหลงเชื่อว่าเป็นสามีภรรยาแต่ชาติปางก่อนย้อนหลังไป 99 ภพชาติ และเคยรับปากในชาติภพก่อนแล้ว
ไม่ได้ทำให้ ก็ให้ทำให้ในชาตินี้
          น.ส.ป. ล่อลวงให้หมอซื้อรถโตโยต้า คัมรี สีดำให้ โดยอ้างว่า ชาติที่แล้ว หมอเป็นขุนศึกใช้ม้า
นิลพยัคฆ์เป็นพาหนะในการรบ ส่วนน.ส.ป. ใช้ม้านิลมังกร


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มี.ค. 15, 19:20
ถ้าระลึกชาติแล้ว พบว่ามันทำให้อะไรในชีวิตดีขึ้น    ก็ระลึกไปเถอะค่ะ  เช่นระลึกชาติได้ว่าเมื่อชาติก่อนเคยเรียนหนังสือเก่งมาก เพราะขยัน มานะอดทน เอาใจใส่การเรียนดี    ทำให้เกิดมุมานะอยากจะทำความดีได้เท่าชาติก่อน  ก็เลยเลิกขี้เกียจหันมาเอาใจใส่การเรียน อย่างนี้ก็น่าขอบใจ "สัญญา" ที่ทำให้ระลึกได้ นำไปเป็นแรงบันดาลใจให้ทำชีวิตให้ดีขึ้น

แต่ถ้าระลึกแล้วมันไม่ได้ดีขึ้นกว่าเก่า   อยู่เท่าเดิม   ก็ไม่รู้จะระลึกไปทำไม   ยิ่งระลึกแล้วแย่ลง ก็อย่าไประลึกมันเลยดีกว่า   เผลอไปยึดถือมันแล้วทุกข์มากกว่าสุข   จึงควรห่างๆไว้

กรณีคุณหมอป. กับนางสาวป. นั้น ต่อให้ไม่ใช่แก๊งค์สิบแปดมงกุฎทำกับเหยื่อ  แต่เป็นเรื่องที่เธอพูดความจริงว่าเธอเป็นสามีภรรยากับคุณหมอมาตั้ง 99 ชาติ  แต่ความจริงที่จริงยิ่งกว่านั้นคือชาตินี้คุณหมอมีภรรยาแล้ว   ย่อมมีหน้าที่จะซื่อสัตย์ต่อภรรยาในปัจจุบันยิ่งกว่าภรรยาในอดีต ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคนอื่น  ไม่เคยมีพันธะอะไรกันมาก่อน    ต่อให้ระลึกชาติได้ว่าเคยเป็นสามีภรรยากัน  มันก็ไร้ความหมายอยู่ดี    หากไปทำให้มันมีความหมายขึ้นมา   ก็จะผิดศีลข้อสามกันทั้งคู่   

สรุปว่าระลึกชาติได้แล้วชีวิตเลวลง  ระลึกไปก็ป่วยการค่ะ


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มี.ค. 15, 16:21

น่าอิจฉาครับ คนที่มีของเก่าดีแบบนี้ เพราะถ้านำข้อดีตรงนี้มาใช้ให้ถูกทาง(กำกับด้วยวิปัสสนาญาณ) รับรองว่าความเป็นพระอริยเจ้าอยู่ไม่ไกลแน่ ๆ ถ้าทำแบบไม่ยั้งตัวกลัวกิเลสเฉาตาย ก็น่าจะไปถึงจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้แน่ ๆ

ขออภัยคุณ Samun007   ดิฉันคิดว่าความทรงจำข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่บางคนลบไม่หมดเท่านั้นเอง     ไม่จำเป็นว่าต้องฝึกอะไรมาก่อน   ตัวอย่างจากเจ้าหนูไรอัน  ทั้งชาติก่อนชาตินี้ก็ไม่ได้มีตรงไหนบอกว่าได้ปฏิบัติญาณอะไรเป็นพิเศษ   โตพอรู้ความก็จำชาติก่อนได้เลยนะคะ


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มี.ค. 15, 16:50
กรณีระลึกชาติต่อไปนี้ เกิดขึ้นกับชายชาวอังกฤษชื่อปีเตอร์ ฮูม   มีอาชีพเป็นผู้ประกาศผลตัวเลขบิงโก    เขาเริ่มฝันแปลกๆถึงชีวิตของทหารชายแดนระหว่างอังกฤษกับสก๊อตแลนด์เมื่อสามร้อยปีก่อน     น้องชายซึ่งเป็นนักสะกดจิตสมัครเล่น ได้ทดลองสะกดจิตพี่ชายให้ถอยหลังย้อนกลับไปอดีตชาติ   ผลคือปีเตอร์เกิดจำรายละเอียดเพิ่มเติมได้อีกหลายอย่างว่าเขาเคยเกิดเมื่อศตวรรษที่ 17   เป็นพลทหารสังกัดอยู่ในกองทัพของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์  ตัวเขาเองมีชื่อว่าจอห์น ราฟาเอล

Reincarnation -- Peter Hume (http://www.youtube.com/watch?v=VStkcLk8zag#)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 30 มี.ค. 15, 23:41

น่าอิจฉาครับ คนที่มีของเก่าดีแบบนี้ เพราะถ้านำข้อดีตรงนี้มาใช้ให้ถูกทาง(กำกับด้วยวิปัสสนาญาณ) รับรองว่าความเป็นพระอริยเจ้าอยู่ไม่ไกลแน่ ๆ ถ้าทำแบบไม่ยั้งตัวกลัวกิเลสเฉาตาย ก็น่าจะไปถึงจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้แน่ ๆ

ขออภัยคุณ Samun007   ดิฉันคิดว่าความทรงจำข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่บางคนลบไม่หมดเท่านั้นเอง     ไม่จำเป็นว่าต้องฝึกอะไรมาก่อน   ตัวอย่างจากเจ้าหนูไรอัน  ทั้งชาติก่อนชาตินี้ก็ไม่ได้มีตรงไหนบอกว่าได้ปฏิบัติญาณอะไรเป็นพิเศษ   โตพอรู้ความก็จำชาติก่อนได้เลยนะคะ


อันนี้คนละกรณีครับ  ที่ผมเขียนหมายถึงเรื่องของสุภาพสตรีที่สนิทกับคุณหานปิงครับ

ส่วนกรณีของนายไรอัน  ถ้าถามส่วนตัวผม ผมก็เดาว่ากันเรื่องฤทธิ์ ในทางพระพุทธศาสนาก็แบ่งได้เป็น

วิกุพนาฤทธิ์    คือพวกที่ฝึกกสิณสิบ สามารถสำแดงฤทธิ์ด้วยวิธีประหลาด...พิลึกพิลั่นเกินกว่าชาวบ้านเขาทำได้อย่างพวกเดินน้ำ - ดำดิน - เหาะเหิน อะไรพวกนี้เป็นต้น

ฌานฤทธิ์ คือฤทธิ์ที่เกิดจากผู้ที่ทรงฌาน ทรงสมาบัติ กำลังจิตสูงมาก ต้องการให้เป็นอย่างไร ก็เป็นไปได้

บุญฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากการสั่งสมบุญมาระยะเวลายาวนาน ถึงเวลาปรารถนาอะไรก็จะเป็นไปตามที่ตนต้องการ

อธิษฐานฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากการตั้งใจมั่น ในเมื่อตั้งใจมั่นแล้ว กำลังใจส่งผลให้สิ่งนั้น ๆ เกิดขึ้นได้

กรรมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิบากกรรม อย่างเช่นว่า นกทำไมถึงบินได้โดยไม่ต้องฝึกกสิณ ? ปลาทำไมอยู่ในน้ำได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฝึกกสิณ...ทำไมไส้เดือนมุดดินได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกกสิณเลย อย่างนี้เป็นต้น
 
ฐานาฐานะฤทธิ์ ฤทธิ์อันเกิดจากฐานะอันสูงอย่างเช่น พระเจ้าแผ่นดิน เจ้าพระยามหากษัตริย์ เจ้าคนนายคน บัญชาการได้ สั่งให้เป็นก็ต้องเป็น สั่งให้ตายก็ต้องตาย เป็นต้น ไล่ไปเรื่อย ๆ จนถึงประเภท

วิชามัยฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิชาการสร้างเสริมมา ทำไมเหล็กหนักเป็นตัน ๆ ถึงเอาไปบินบนฟ้าได้ ทำไมเอาไปลอยในน้ำได้อย่างนี้

พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ครบทุกอย่างแล้ว ฉะนั้น..ถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็เกิดได้หลายวิธีด้วยกัน สร้างขึ้นมาก็มี บุญเก่าเสริมก็มี กรรมเก่าเสริมก็มี ฝึกฝนขึ้นมาก็มี


http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1293 (http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1293)

กรณีของไรอัน ไม่พ้นกรรมเก่า / บุญเก่า นั่นล่ะครับ





กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Kunlamata ที่ 01 เม.ย. 15, 23:24
ดิฉันระลึกชาติไม่ได้ค่ะ
แต่มีรูปที่ลงในเรือนไทย หน้าตาคล้ายดิฉันมากขนาดเห็นปุ๊บต้องร้อง"ฮ้า"ทั้งดิฉันและลูก
พอดีลูกชอบส่งรูปไปให้หมอดูท่านหนึ่งดูว่าเป็นใครในอดีตชาติ เลยลองส่งไปถาม หมอดูบอกว่าเป็นรูปของคุณย่าดิฉัน ซึ่งคือตัวดิฉันกลับชาติมาเกิด
ก็คุยฟุ้งไปโยงโน่นนี่กับลูกกับเพื่อนสนุกสนาน
แต่สรุปว่าไม่ทราบเหมือนกัน เพราะบุคคลในภาพท่านนี้เป็นบุคคลไม่ปรากฏนามในหอจดหมายเหตุ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นคุณย่าของดิฉันจริง
ก็ได้แค่สรุปว่าเป็นเพราะgenesหรือพันธุกรรม หลานสาวแท้ๆก็หน้าคล้ายปู่ย่าตายายได้

สาเหตุที่ลูกส่งรูปไปถามหมอดู เพราะคับข้องใจที่เจอพาลแกล้งค่ะ หมอดูทายว่าเป็นบ่าวไพร่ในเรือน ขโมยของสำคัญถูกลูกในชาตินั้นสั่งโบย หนีไปและอาฆาตแค้นมาถึงชาตินี้
ซึ่งดิฉันพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ถ้าเชื่อแล้วสบายใจก็เชื่อ พฤติกรรมเด็ก30พวกนี้ก็เป็นขโมยอยู่แล้ว(บุกรุกย่ำหน้าบ้านสามครั้งขโมยรองเท้าสองครั้ง ข่มขู่บ่อยๆเกียจคร้านไม่ทำงานเหมือนตุ๊ดตู่ในกลอนดอกสร้อย)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Rattananuch ที่ 02 เม.ย. 15, 15:53
ขอนำเสนอบทความอันเนื่องมาจากปาฐกถาของ ศ.จ.เอียน สตีเวนสัน ที่ได้แสดงไว้ที่สมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย
 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2509 และแปลเป็นภาษาไทยโดย ศ.จ.หลวงพิณพากย์พิทยาเภท อุปนายกสมาคมฯ
 และได้ตีพิมพ์ในหนังสือเรื่องเก่า-เล่าใหม่ ซึ่งเป็นหนังสือรวบรวมบทความต่างๆโดยนายแพทย์เชียร สิริยานนท์

บทความนี้ค่อนข้างยาวประมาณ 4 หน้ากระดาษA4 ดังนั้นจะขอตัดตอนมาเป็นช่วงๆ ที่คิดว่าเป็นสาระสำคัญนะคะ


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Rattananuch ที่ 02 เม.ย. 15, 16:05
ท่านศาตราจารย์ได้แสดงปาฐกถาไว้ดังนี้
" ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงหนังสือขึ้นเล่มหนึ่งจากการศึกษาค้นคว้าและประสบการณ์ต่างๆ ของข้าพเจ้า ได้ชื่อเรื่องว่า"20 รายที่ชวนให้คิดว่าตายแล้วเกิดใหม่"
คำภาษาอังกฤษ ข้าพเจ้าใช้คำว่า Rebirth หรือ Re-incarnation นื้ ซึ่งเข้าใจว่าจะผิดกันอยู่นิดหน่อย แต่ข้าพเจ้าจะกล่าวในความหมายเดียวกัน 
คำ Rebirth เป็นคำกล่าวในทางพระพุทธศาสนาส่วนคำ Re-incarnation เป็นคำกล่าวในประเทศตะวันตก และตามความเชื่อทางศาสนาของพวกฮินดู"


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Rattananuch ที่ 02 เม.ย. 15, 16:30
"ข้าพเจ้าได้ทำการศึกษาในรายที่ว่า ตายแล้วเกิดใหม่นี้ มีจำนวนประมาณ 600 รายในประเทศต่างๆกัน ปรากฎว่า จำนวนประมาณ

ครึ่งหนึ่งของ 600 รายนี้ ได้จากทวีบเอเชียโดยเฉพาะตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอินเดีย ลังกา..."

" สำหรับในสหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้าพบในอลาสกา อินเดียแดง เผ่าฟินกิช เป็นเผ่าที่มีความเชื่อในเรื่อง ตายแล้วเกิดใหม่นี้
และข้าพเจ้าเข้าใจว่าความเชื่อนี้ จะได้รับจากพระพุทธศาสนา ผ่านทางประเทศจีน

รายต่างๆ ที่ข้าพเจ้าได้ทำการตรวจสอบเหล่านี้มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันอยู่หลายประการ จะเป็นในอินเดีย ลังกา หรือในอลาสกา
อินเดียแดงเผ่าฟิกิช เหล่านี้มีลักษณะที่สำคัญอยู่อย่างหนึ่ง คื่อ การเป็นแผล หรือเป็นปานที่เด็กเกิดมาพร้อมลักษณะเหล่านี้
ซึ่งแสดงถึงรอยแผลที่ถูกแทง หรือได้รับอันตราย หรือเป็นปานอันเป็นลักษณะที่บังเกิดในชาติก่อน และลักษณะนี้ข้าพเจ้าพบในอลาสกาอยู่มาก

ในประเทศไทย ข้าพเจ้าได้พบลักษณะที่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งผิดแปลกจากประเทศอื่นๆ คือการจำได้ตั้งแต่ตายไปแล้วจนเกิดใหม่
ว่าระยะเวลานั้นได้ทำอะไรลงไปบ้าง ซึ่งในประเทศอื่นๆ ไม่มีลักษณะอย่างนี้ ทั้งนี้เป็นลักษณะที่แปลกสำหรับคนไทย ทีเป็นเช่นนี้ อาจจะ
เป็นเพราะอิทธิพลของพระพุทธศาสนาที่มีการนั้งวิปัสสนากัน อาจจะช่วยให้เกิดข้อนี้ขึ้นได้ ซึ่งยังเป็นข้อสงสัยของข้าพเจ้า"


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Rattananuch ที่ 02 เม.ย. 15, 16:54
"ข้าพเจ้าขอจำแนกประเภทต่างๆ ตามลักษณะที่ว่าตายแล้วเกิดใหม่ ดังนี้
 
ลักษณะแรกที่ชวนให้คิดว่า มีการเกิดใหม่นั้น เมื่อเด็กๆเกิดมาแล้ว ตั้งต้นเริ่มพูด อายุประมาณ 2 ขวบและ จะพูดไปจนอายุ
ราว 5 ขวบ ระหว่าง 2-5 ขวบนี้ เด็กจะกล่าวถึงชีวิตที่เคยมีมาแต่ในชาติก่อน ว่าเคยเป็นอะไร อยู่ที่ไหน เคยทำอะไร ทำนองนี้
 เป็นเรื่องราวเกี่ยวข้องกับชีวิตในอดึต หรือชาติก่อน ตลอดจนมักจะพูดถึงพ่อแม่เป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วก็ต้องการกลับไปหาพ่อแม่
ของตนในชาติก่อนเป็นต้น  เด็กจะพูดมากขึ้น จนสูงอายุขึ้นแล้วก็จะหายไป
 
การระลึกชาติเกิดนื้ มิใช่จะเกิดขึ้นแต่ในเด็กอย่างเดียว ผู้ใหญ่ก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกัน ข้าพเจ้าเคยพบว่าทั้งในทวีปเอเชีย
และทวีปยุโรป คือ เกิดมีความรู้สึกหรือเกิดมีภาพขึ้นมา ว่าในชีวิตก่อนนั้น ตัวเคยทำอะไรมาบ้าง อยู่ที่ไหนแล้วระลึกขึ้นมาได้  เมื่อเป็น
ผู้ใหญ่แล้วก็มีอีกลักษณะหนึ่งที่ทำให้เกิดระลึกถึงชีวิตในชาติก่อนได้ คือ เมื่อผู้ใหญ่คนนั้นได้ประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเศร้า
สลดใจอย่างรุนแรง เช่น มีบุคคลตายจากไป หรือมีเหตุการณ์อย่างอื่น ที่ทำให้เกิดอารมณ์ช็อคอย่างใหญ่หลวง กรณีนี้ทำให้เกิดนึกถึง
เรื่องราวในชีวิตชาติก่อนขึ้นมาได้

ลักษณะหรืออีกประเภทหนึ่งทีทำให้ระลึกชาติเกิดได้ คือความฝัน ฝันอยู่เรื่องเดียวกันหลายๆครั้ง เช่น ฝันว่าถูกแขวนคอ เป็นต้น
และความฝันนั้นรู้สึกว่าเป็นความจริงทีเดียว และเป็นความฝันที่เป็นตัวเป็นตน ฝันอยู่หลายๆครั้ง นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง"

ขออนุญาตลงจากเรือนไทยเพื่อไปธุระช้่วคราว และจะรีบกลับมาค่ะ


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Rattananuch ที่ 02 เม.ย. 15, 20:00
"วิธีหนึ่งที่สามารถจะทำให้เกิดความคิดและระลึกชาติเกิดได้ คือ การสะกดจิต แต่ข้าพเจ้าก็ไม่อยากที่จะเชื่อว่าวิธีนี้จะเป็นจริงได้
เพราะเหตุว่าวิธีสะกดจิตนี้ เมื่อผู้ถูกสะกดจิต อาจจะทำอะไรต่ออะไรได้หลายอย่าง เนื่องจากการชี้ชวน หรือคำแนะนำในการจูงใจ
ของผู้สะกด ไม่ใช่เกิดจากตัวเอง เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะทำให้ระลึกชาติได้ก็ตาม ข้าพเจ้าสงสัยว่า อาจจะไม่จริงเสมอไป คนๆนั้น
อาจะพูดอะไร ทำอะไรตามที่ผู้สะกดจิตแนะนำ หรือชี้ชวน แต่วิธีสะกดจิตจะว่าไม่มีประโยชน์เสียเลยก็ไม่ได้ ยังมีประโยชน์ซึ่งจะต้อง
ทดสอบกันต่อไป เพราะมีบางรายที่ถูกสะกดจิตแล้ว สามารถที่จะพูดภาษาต่างประเทศได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้ถูกสะกดจิตจะพูดไม่ได้เลย
การสะกดจิต จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยในการศึกษาเกี่ยวกับการระลึกชาติได้

วิธีการศึกษาในเรื่องตายแล้วเกิดใหม่นี้ ข้าพเจ้าขอแนะนำว่า เมื่อมีรายใดที่ปรากฏว่าตายแล้วเกิดใหม่ จำต้องรีบไปศึกษาโดยเร็วที่สุด
เท่าที่จะกระทำได้ จะทำให้เกิดประโยชน์มาก เพราะรายต่างๆที่ข้าพเจ้าได้ไปพบและศึกษามานั้น เป็นรายที่เกิดขึ้นนับจำนวนเดือน
บางรายนับจำนวนปีๆ มาแล้ว  รายที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ย่อมได้ข้อเท็จจริงที่แน่นอน และควรจะเชื่อได้มากน้อยเพี่ยงไร มีบางรายเหมือนกัน
ที่พ่อแม่ของเด็กมีความสนใจ และบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งเป็นหลักฐานที่ดีมาก ข้าพเจ้าได้พบมาเพียงประมาณ 10 รายเท่านั้นเอง
จากจำนวน 600 ราย"


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Rattananuch ที่ 02 เม.ย. 15, 20:01
" การศึกค้นคว้าในเรื่องนี้ จำเป็นต้องใช้วิธีการหลายอย่าง ทั้งวิธีการของนักสืบ นักกฏหมาย และนักประวัติศาสตร์ด้วย กล่าวคือ
พยายาม สอบสวน พยาน และหาหลักฐานต่างๆ ให้มากที่สุด ที่จะมากได้ แล้วทำการสอบถามปากคำพยานทุกๆคนไว้ ซึ่งเป็น
เรื่องยุ่งยากไม่น้อย แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องกระทำ การสอบถามนี้ควรจะเริ่มที่ตัวเด็กก่อน แล้วต่อไปจึงเป็นบิดา มารดา และบุคคล
ที่เกี่ยวข้องในครอบครัวเดียวกัน ต่อจากนั้น จึงไปสอบสวนยังบิดามารดาของเด็กในชาติก่อน ซึ่งอาจจะอยู่คนละบ้านคนละเมือง
และพยายามสอบถามพยานต่างๆ ให้มากที่สุดด้วย


การสอบถามนี้มิใช่ว่าจะกระทำเพียงครั้งเดียว ต้องทำหลายครั้ง บางทีเป็นปีๆต่อๆ มาก็ต้องตามไปพบ และสอบถามใหม่
ดูพยานปากคำที่ให้การไว้แล้วนั้นว่าเปลียนแปลงไปอย่างใด ตรงกันหรือไม่กับที่เคยให้ปากคำไว้  นอกจากนี้ จำต้องพบปะ
กับเด็ก ดูความเจริญเติบโตของเด็กว่าเป็นไปอย่างไร  ผิดแปลกจากเดิมอย่างไรหรือไม่เทียบเคียงดูกับบุคลิกลักษณะ
แล้วความประพฤติเดิมของเด็กว่า มีความผิดแผกไปอย่างใดหรือไม่ ตรงกันในชาติเดิมและในชาติใหม่ คล้ายคลึงกัน
ตรงกันอย่างใด ก็ต้องศึกษาดูด้วย"


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Rattananuch ที่ 02 เม.ย. 15, 20:04
" การศึกษาค้นคว้าเรื่องตายแล้วเกิดใหม่นี้ มีทางจะแปลหรืออธิบายออกไปในทางที่สำคัญๆ ได้ 5 ทางด้วยกัน คือ

1. การหลอกลวง อาจจะมีบางรายที่แจ้งมา หรือมาให้เรื่องราวต่างๆ นั้น สงสัยจะเป็นเรื่องที่กุขี้นเอง ซึ่งเป็นทางหนึ่งที่อาจ
เกิดขี้นได้ แต่เมื่อได้พิจารณาดู ก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นเหตุจูงใจให้กระทำเช่นนั้น ตามที่ข้าพเจ้าได้ศึกษามาในรายต่างๆ
ก็ยังไม่พบว่า จะมีการหลอกลวงกัน

2. ความทรงจำที่ซ่อนเร้น  เรื่องความทรงจำที่ซ่อนเร้นในตัวเด็กนี้ อาจเป็นได้ว่า เด็กได้ยินได้ฟังเรื่องราวของคนอื่นมา
หรือจากคนทื่อยู่ใกล้เคียง ก็จดจำไว้ แล้วฝังติดตัวอยู่ในใจต่อมา นึกว่าเป็นเรื่องของตนเอง เรื่องราวเช่นนี้ ข้าพเจ้าได้
ศึกษาดูก็ยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าจะเป็นอย่างนี้

3.  การประจักษ์นอกเหนืออินทรีย์ (E.S.P.) เป็นอีกทางหนึ่งที่เด็กอาจเกิดญาณพิเศษ สามารถล่วงรู้จิตใจของคนอื่น
หรือผู้ใกล้เคียง โดยผู้ที่อยู่ใกล้เคียงไม่เคยเล่า  หรือ บอกด้วยวาจา แต่เด็กทราบโดยญาณพิเศษนี้ขึ้น เรื่องญาณนี้ก็มี
ปัญหาน่าคิดอยู่ 2 ประการด้วยกัน ประการแรก หากเด็กเกิดญาณพิเศษขึ้น ทำไมไม่แสดงถึงความพิเศษอื่นๆ ออกมา
ให้เห็นด้วย และทำไมจึงเจาะจงแต่เรื่องระลึกชาติหรือการเกิดใหม่นี้แต่เรื่องเดียว

ประการที่สอง  ญาณพิเศษนี้ ก็ไม่ได้อธิบายถึงการที่เด็กเกิดมีปาน หรื่อเครื่องหมายบนร่างกายตามที่ปรากฏมาจาก
ชาติก่อน เพราะญาณพิเศษไม่อาจทำให้เกิดเครื่องหมายหรือปานดังกล่าวได้ตามร่างกาย

4. วิญญานมาสิงในต้วเด็ก ในข้อนี้อาจกล่าวไปได้ว่า เป็นเรื่องของวิญญานที่มาสิงหรือมาเข้าตัวเด็ก แล้วทำให้เด็กจำได้
พูดออกไป จึงว่าเป็นวิญญานอื่นมาเข้า แต่ก็เป็นทางพิจารณาที่อ่อนไม่อาจอธิบายถึงเรื่องปาน หรือเครื่องหมายบนตัวเด็ก
ได้อีกเช่นกัน จึงเป็นการแปลที่ไม่เหมาะสม

5. การเกิดใหม่ จึงเป็นทางสุดท้าย ตามความคิดของข้าพเจ้า อันเป็นทางที่จะเป็นไปได้ และเป็นทางเดียวที่จะอธิบาย
ถึงเหตุผลได้ คือ การเกิดใหม่นั้นเอง"

จบแล้วค่ะ


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 เม.ย. 15, 15:25
         แห่งหนบนโลกนี้ที่เชื่อในเรื่อง การเวียนว่ายตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ อย่างจริงจังฝังใน
คือ ธิเบต ชาวเรือนไทยบางคนคงเคยได้ชมหนังฝรั่งเรื่อง Little Buddha ในส่วนภาคปัจจุบัน
ของหนังนั้น เล่าเรื่องราวเด็กน้อยที่อาจจะเป็นลามะ(พระธิเบตระดับอาจารย์ มีความหมายเหมือน
กับ กูรู) ระดับสูง(รินโปเช) ผู้กลับชาติมาเกิดใหม่(ทุลกุ)
         นอกจากเรื่องนี้แล้วก็ยังมีสารคดีเล่าถึงภารกิจนานแรมปีของพระหนุ่มเพื่อติดตามหาเด็ก
ผู้เป็นลามะอาจารย์ของตนกลับชาติมาเกิด ชื่อเรื่อง Unmistaken Child


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 เม.ย. 15, 15:28
         ภารกิจตามหาทุลกุนี้ก็คล้ายกับกรณีของ องค์ทะไลลามะ ประมุขหัวหน้าคณะสงฆ์พุทธศาสนา
นิกายมหายานแบบทิเบตเกลุกปะ(นิกายหมวกเหลือง) ก่อนจะสิ้นพระชนม์องค์ทะไลลามะอาจจะทรง
กล่าวถึงดินแดนที่จะไปเกิดใหม่(อวตาร) ไว้บ้าง จากนั้นเรทิงรินโปเช(เจ้าอาวาสวัดเรทิง) ซึ่งเป็นพระ
ระดับรองลงมากับคณะก็จะร่วมกันออกค้นหา ทั้งนี้โดยอาศัยนิมิตที่รินโปเชหรือลามะผู้มีวิชาเห็นเป็น
เครื่องแสวงหาเด็กตามนิมิต หรือเด็กที่มีรูปลักษณะพิเศษบางอย่าง
          เมื่อพบเด็กคนนั้นแล้วก็จะทำการทดสอบด้วยการนำสิ่งของที่องค์ทะไลลามะเคยใช้ปะปนกับ
สิ่งของอื่นๆ มาให้เด็กเลือก(ให้ถูกชิ้น) โดยจะมี ลามะ ผู้มีญาณเป็นผู้ทดสอบเพื่อหาความแน่ใจอีกครั้ง

ภาพจากหนังเรื่อง Kundun ซึ่งสร้างจากประวัติของทะไลลามะองค์ปัจจุบัน(องค์ที่ 14)


กระทู้: ระลึกชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ค. 16, 17:55
เปิดพระไตรปิฎก-ถกหลักวิทย์ฯ ไขเหตุ 'ระลึกชาติ' มีจริงหรือแค่มโน?
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/525362 (http://www.thairath.co.th/content/525362)