เรือนไทย

ต่อจากกระทู้ก่อน
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2423.msg46835;topicseen#msg46835

ประเดิมด้วยดาราในหนังปี 1966  How to Steal a Millionaire
Audrey Hepburn

ฮอลลีวู้ดในยุค 1960s และก่อนหน้า   มีดาราหญิงหลายคนที่ฝีมือการแสดง ถึงขั้นศิลปะ
แต่ออเดรย์ผิดจากดาราอื่นๆ     เพราะ "ตัว" เธอนั่นแหละคือศิลปะ
ลองเทียบรูปสองรูปนี้ดูนะคะ    รูปแรกคือออเดรย์จาก Breakfast at Tiffany's  หนังที่ไม่มีใครจำเนื้อเรื่องได้   แต่จำฉากแรกอันยอดเยี่ยมได้
คือภาพออเดรย์ในชุดกลางคืนสีดำยาวกรอมเท้า  เกล้าผม ก้าวลงจากแทกซี่  ถือบุหรี่ก้านต่อยาว  ลงมาที่บาทวิถีหน้าร้านเพชรทิฟฟานีในยามเช้าตรู่ไร้ผู้คนสัญจร   ร้านก็ยังปิด
เธอเยื้องกรายไปมองผ่านกระจกหน้าร้าน   ในชุดสุดหรู แล้วเปิดถุงแซนด์วิชออกกินอาหารมื้อเช้า
Breakfast at Tiffany's จริงๆ

รูปซ้ายคือของแท้   ส่วนรูปขวาคือของเลียนแบบ   
คงมองเห็นความแตกต่างกันว่าอะไรที่ออเดรย์มี  แต่หนูปารีสไม่มี

เรื่องนี้เป็นเรื่องเบาสมอง Romantic Comedy   นางเอกเป็นลูกสาวนักสะสมศิลปะขึ้นชื่อลือนามของฝรั่งเศส
อีตาพ่อมักจะมีงานชิ้นเด็ดๆ ของศิลปินบันลือโลกที่หายสาบสูญไปโลกหาไม่พบ  หรือเป็นงานที่มีแต่บันทึกกล่าวถึง  แต่ไม่ได้เจอของจริง  แกก็เสาะหามาจนได้
หนึ่งในจำนวนนี้คือรูปสลักวีนัสของเชลลินี  ที่พิพิธภัณฑ์ฝรั่งเศสยืมไปตั้งแสดงนิทรรศการ  ด้วยความยกย่องชื่นชมสูงสุด
ประกันไว้เป็นเงินหนึ่งล้านเหรียญ

นางเอกไม่อยากให้พ่อเอาวีนัสไปโชว์ภายนอกบ้าน แต่ห้ามเท่าไรก็ไม่สำเร็จ 
ตาพ่อภูมิใจเกินกว่าจะฟัง   อีกอย่างก็ไม่เชื่อว่าใครจะล่วงรู้ได้ว่า
วีนัสของเชลลินี  ถือกำเนิดด้วยมือของปู่นี่เอง
ค่ะ  ตระกูลนี้สืบสายการปลอมศิลปะด้วยฝีมือดีที่สุดในโลก    ปู่เชี่ยวชาญทางประติมากรรม  ส่วนพ่อไปเก่งทางปลอมภาพวาด
ตอนเปิดฉากแกก็กำลังวาดภาพที่หายสาบสูญไปของแวนโกะอยู่  พร้อมจะเอาออกประมูล

ส่วนพระเอกเป็นนักสืบ ที่ไปสืบเรื่องนี้

ทำไมปีเตอร์ โอทูลโทรมจังคะ อาจารย์

ว๊าว...... ออเดรย์คนฉวย


จำได้ว่าเคยคุยกับอาจารย์เรื่องป้าคนนี้หนนึง
ตอนพูดถึงภาพยนต์เพลงเรื่องหนึ่ง
เธอสวยจริงๆครับ.... ตีบทกระจุย
เป็นได้ทั้งชนชั้นล่างที่สุด พูดไม่ชัด
ไปจนถึงชนชั้นสูงที่สุดที่คนอื่นยังเผลอนึกว่าเธอเป็นเจ้าหญิง......



รออาจารย์มาเล่าดีกว่าครับ แหะๆ

เจอคำถามคุณกุ้งแห้ง   สะดุ้งแทนปีเตอร์  โอทูล   รูปนี้แกแก่ผิดสังเกตค่ะ ไม่รู้คนจัดภาพแกล้งหรือเปล่า
ความจริงในหนัง หนุ่มหล่อสะอาดบาดตา  หาตัวจับยาก  ต้องรีบเอารูปจากในหนังมาลงแก้ตัว

เรื่องที่คุณติบอถาม   ก็คือเรื่อง My Fair Lady
ชุดนี้ถ้าไม่ใช่ออเดรย์ใส่   เอามาให้ไฮซ้อสักคนใส่   คงดูไม่จืด
แต่ออเดรย์สวมได้ไม่ขัดตาสักนิดเดียว

เรื่องคั่นระหว่างเล่า ครับ   

                    รู้จักเธอเมื่อสะดุดตากับภาพโปสเตอร์ บุษบาริมทาง ภาพสาวสวยในชุดอลังการที่ใครเห็นก็ต้องหยุดมอง
ได้ดูในโรงใหญ่เมื่อตอนกลับมาฉายครั้งหลัง ชอบมากๆ ครับ แม้ว่าจูลี่ แอนดรูวส์นางเอกคนโปรดอีกคนหนึ่งต้องผิดหวัง
ไม่ได้รับบทนี้ไปเนื่องจากสตูดิโอเห็นว่าเธอยังไม่ดังพอ
           สมัยก่อนได้ดูหนังเก่าของเธอทางทีวีหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่ประทับติดใจจำเป็นหนังตะวันตกเรื่อง The Unforgiven
เธอรับบทเป็นสาวอินเดียนแดงกำพร้าที่ครอบครัวคนขาวเก็บมาเลี้ยง และเรื่อง Wait Until Dark หนังตื่นเต้นที่เธอรับบท
เป็นสาวตาบอดต้องต่อกรกับชายคนร้ายตาดีเพียงลำพังในห้องพัก

           ผลงานเรื่องสุดท้ายที่เธอฝากไว้ ในบทเทพธิดาณ ดินแดนหลังความตาย คือ Always ของ สปีลเบิร์ก เหมือนเป็นบทอำลา
ให้คนดูที่ยังอยู่หลังบอกกันว่าจะยังคงมีเธออยู่ในใจเสมอไป

เลือกภาพนี้ ครับ เป็นภาพของเธอแบบที่เลือกจะเก็บไว้ความทรงจำ สาวน้อยสวยสดใส น่ารัก รูปร่างแบบบางในชุดกระโปรงบาน เอวคอดกิ่ว

 

ออเดรย์เป็น"ตำนาน"ของฮอลลีวู้ด ที่จนเดี๋ยวนี้ยังหาใครแทนไม่ได้
เธอเป็นคนที่แต่งแฟชั่นปารีสได้เข้ากับตัวสุดๆ   ดูโก้และเก๋ ทุกอิริยาบถ   เวลาดูบทที่เธอเล่น แค่ดูตัวเธอก็เพลินแล้ว
จึงมีหลายเรื่องที่เธอเล่นบทสาวทันสมัยแต่ตัวสวยเท่  บทกุ๊กกิ๊ก น่ารัก
ใน How to Steal a Million  ฉากแรกที่เธอแต่งเสื้อกระโปรงขาวของจิวองชี่  ถุงน่องขาว  วิ่งขึ้นบันไดคฤหาสน์    ถ่ายแค่นี้ก็น่าดูกว่านางแบบบนแคทวอล์คเป็นไหนๆ

อ่านความคิดเห็นสุดท้ายของอาจารย์แล้วนึกถึงไฟล์นี้ที่เคยดูอยู่ใน youtube ครับ
เลยขออนุญาตเอาที่อยู่มาฝากคุณ SILA ซะหน่อย โทษฐานที่มีดาราคนโปรดคนเดียวกัน
http://www.youtube.com/watch?v=bIfjB2Gm790


ไฟล์ที่ว่าถ้าเป็นออเดรย์มาเล่น คงไม่ดูขัดหุขัดตาเท่าจูลี่
หรือเพราะตอนนั้นเธอจะยังเล่นได้ไม่ค่อยดี ตีบทออกมาเท่าที่เห็น ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
แต่ดูแล้วเข้าใจว่าน่าจะก่อน shall we dance อยู่หลายปีนะครับ

        ขอบคุณคุณติบอ สำหรับซินดรูลี่ แอนดรูวส์ ครับ

          ความจริงชอบ จูลี่มาก่อน เพราะได้ดูมนต์รักเพลงสวรรค์ในโรงใหญ่ก่อนดูโรมันวันหยุดในทีวี ต้องยอมรับว่าทั้งสองมีดีโดดเด่นต่างกัน
จูลี่ งามและมีเสียงสวรรค์ แต่เสน่ห์ ความสดใส น่ารัก น่าทะนุถนอมน้อยกว่า
          ตามประวัติ Audrey เธอเอวบางร่างน้อยอาจเป็นเพราะความอดอยากจนเป็นโรคขาดอาหารในช่วงสงครามโลก
กล่าวกันต่อๆ มาว่าเธอและครอบครัวต้องกิน tulip bulbs บางที่ขยายความว่าเธอนำมันมาทำเป็นแป้งสีเขียวเพื่อใช้ทำเค้กและคุกกี้
          ในปี ๑๙๙๐ ดอก tulip สีขาวได้รับนามตามชื่อเธอ

          ภาพเคลื่อนไหวประกอบ ครับ - Audrey Hepburn tulip dedication ceremony
               
http://www.youtube.com/watch?v=MaQKOPp09V0

ไปโหลดยูทูปที่คุณติบอแนะนำ เรื่อง Cinderella ที่ทำสำหรับฉายทางทีวี แล้วค่ะ  ต้องร้องว่าคุณพระช่วย  จูลี่น่าจะเล่นเป็นแม่ของซินเดอเรลลามากกว่าเป็นตัวนางเอกเสียเอง 
เธออายุ ๒๒ แต่ดูยังกะ ๔๒  ทั้งรูปร่างหน้าตา เสื้อผ้าและทรงผม  ออกแบบแย่เท่าเทียมกัน
รวมทั้งเจ้าชายในเรื่องด้วย  อายุ ๒๕ เท่านั้น ก็ยังเหมือน ๔๕  เข้าชุดกับนางเอกจริงๆ
เรื่องนี้เห็นทีว่าเธอได้เล่นเพราะเสียงสวรรค์ของเธอนั่นเอง   ใครเหมาะจะร้องเพลงของร็อดเจอร์และแฮมเมอร์สไตน์เท่าจูลี่อีกล่ะคะ

จูลี่ มีบุคลิกหน้าตาซื่อๆ สะอาดสะอ้าน  ดูเป็นสาวชนบท น่ารัก ไม่ปรุงแต่ง    ใครที่จับเธอมาเล่น The Sound of Music  นับว่าตาแหลมมาก  เล่นเป็นอีไลซ่า สาวค็อกนีย์ในละครบรอดเวย์ My Fair Lady ก็เหมาะกว่าออเดรย์
แต่บทที่อีไลซ่าวางมาดเจ้าหญิงไปออกงานราตรีสโมสร    จะหาใครเล่นเหมาะเท่าออเดรย์เป็นไม่มีอีกแล้ว  แค่เดินขึ้นบันไดยังดูเป็นเจ้าหญิงของแท้เลยค่ะ

โดยส่วนตัวผมเอง ถึงจะชอบจูลี่แอนดรูวส์ซักแค่ไหน
ก็ยังถูกใจฉากเต้นรำกลางตลาดใน My fair lady ของออเดรย์
มากกว่าฉากเดินลงบันไดของจูลี่ในนางซินนี่เป็นกอง



เห็นแล้วเหมือนตุ๊กตาไขลาน.... มันขัดหูขัดตายังไง บอกไม่ถูกครับ

หุ่นของจูลี่ในเรื่องนี้หนาไปน่ะค่ะ ไม่อ้อนแอ้น   กลับล่ำสันแข็งแรงเกินกว่าจะแต่งชุดราตรียาวพลิ้วได้สวย 
อีกอย่าง  เธอเดินลงตามขั้นบันไดได้ไม่สง่า  ต้องใช้มือระผนัง ทรงตัวเอาไว้สองสามครั้ง  ทำให้เสียบุคลิก
แต่บทของมาเรีย ฟอนแทร็ป ใน The Sound of Music  เหมาะยังกะเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อเธอโดยเฉพาะ

พูดถึงดาราหญิงที่สวยสง่าในอดีตอีกคนหนึ่งดีกว่า    ไปค้น DVD หนังเก่ามาดู   เจอเรื่อง Gaslight   เรื่องนี้มีตัวแสดงเล่นอยู่ไม่กี่คน    เป็นหนังขาวดำ ปี 1944
เอารูปมาโชว์ก่อนค่ะ

อิงกริด เบอร์กแมน... สวยสะอาด คลาสสิค

พูดเหมือนใจค่ะ คุณกุ้งแห้ง   เรื่องนี้เธอได้ไปทั้งออสคาร์และลูกโลกทอง  อีกรางวัลที่หนังเรื่องนี้ได้ไป คือ Best Art Direction-Interior Decoration, Black-and-White
เป็นหนังขาวดำที่ให้บรรยากาศสมกับเรื่องลึกลับตื่นเต้นระทึกใจ     ดาราหลักก็มีแค่ ๒ คนคืออิงกริดกับชาร์ลส์ บอยเออร์ผู้เล่นเป็นสามีรูปหล่อ  ละเมียดละไม   ส่วนดาราประกอบเป็นสาวหน้าใหม่วัย ๑๗  เล่นเป็นสาวใช้ผู้จริตจก้านน่าหมั่นไส้เหลือทน  เธอเล่นได้ดีจนไม่น่าเชื่อ   เล่นเรื่องแรกก็ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงออสคาร์ ไม่น้อยหน้าดาราเจนเวทีอีกมาก
ดาราหน้าใหม่คนนี้คือแอนเจลา แลนสเบอรี่   คนโปรดของดิฉัน   

เนื้อเรื่อง ในปี 1944 อาจเป็นเรื่องใหม่แปลก  แต่มาถึง 2007 ก็พอเดาได้ไม่ยาก   ภรรยาถูกสามีเล่นเล่ห์เหลี่ยมเสียจนเธอเองนึกว่าตัวเองเป็นบ้าเสียสติไปแล้ว   อิงกริดเล่นบทนี้ได้ดีมาก จากภรรยาสาวใสซื่อ มาเป็นผู้หญิงเสียขวัญ และฉากเด็ดที่สุดคือเมื่อสามีถูกจับได้ มัดติดเก้าอี้  ขอให้เธอแก้เชือกมัดเขาออก  สีหน้าเธอที่มองชายผู้เป็นทั้งฆาตกรและศัตรูร้าย  ทำให้เธอกินขาดเลยค่ะ กับตุ๊กตาทอง 

ไม่ได้ดูเรื่องนี้ค่ะ อาจารย์เทาชมพู ได้ดูเรื่อง Casablanca ครั้งแรกก็ชอบเธอ มาดูอีกครั้งก็แก่เสียแล้ว เล่นหนังพวกของอกาธา คริสตี้ แก่และสง่ามาก เสียงเธอไม่ออเซาะเลย แหบหน่อยๆ โหด เหมือนผู้หญิงสแกนดีเนเวียน สงสัยต้องไปหาGaslight มาดูแล้วค่ะ  

        ได้ดูได้จำชัดเจนคือ Casablanca และ Murder on the Orient Express เหมือนคุณกุ้ง เรื่องหลังนี้จำได้ว่าเธอคว้าออสการ์
สาขาดาราสมทบไปครองด้วย
          Anastasia, The Inn of the Sixth Happiness, The Yellow Rolls-Royce(รวมนักแสดงไว้มากมาย) ได้ดูทางทีวี
นานมากแล้วครับ
          ส่วน Gaslight ไม่ได้ดู แต่พล็อตนี้เหมือนน่าจะเคยได้ชมตอนเป็นละครไทย เมื่อนานแล้วเช่นกันครับ

Isabella Rossellini ลูกสาวคนสวยด้วยเค้าความงามจากแม่
 

ผมทึ่งเธอสุดๆ ที่เล่นเป็นสาวแก่ใน Cactus Flower
ไม่น่าเชื่อว่า จะมีเสน่ห์ข่มเอ๊าะอย่างหนูโกลดี้ ฮอร์น ลงได้สนิทเลย

เป็นยอดดาราของแท้

แม่ลูกคู่นี้ ถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมของความงามกันได้อย่างเหลือเชื่อนะคะ..
เสียดาย ที่เฮปเบิร์นไม่มีลูกสาว..

เสียดายออเดรย์ไม่มีลูกสาว...

เมื่อพระเจ้าสร้างพิมพ์ หล่อออเดรย์ออกมาเสร็จแล้ว    ท่านก็คงทุบพิมพ์ทิ้ง   เพื่อให้มีเธอหนึ่งเดียวเท่านั้นในโลก
รูปนี้จาก Roman Holiday  เรื่องแรกเธอก็ได้ตุ๊กตาทองไปครองอย่างสง่างาม   ขวัญใจคุณกุ้งแห้งเล่นเป็นนักข่าวหนุ่ม แสดงศักดิ์ศรีตัวเองได้ยอดเยี่ยมมาก
ถ้าเกรเกอรี่ เป็ค ไม่เก่งไม่หล่อขนาดนี้   ในหนัง เจ้าหญิงนางเอกคงคว้าซีนไปหมด
มาดเธอเป็นเจ้าหญิงจริง ยิ่งกว่าจริง
****************************

ในความเป็นเจ้าหญิง นางเอ๊ก นางเอกของเธอ ดิฉันได้อ่านหนังสือเรื่องหนึ่งที่เขียนโดยลูกนอกสมรส ที่ออเดรย์ปกปิด จริงหรือไม่ คงมีเธอคนเดียวที่รู้

ไม่เคยอ่านเรื่องลูกนอกสมรสของออเดรย์เลยค่ะ   อ่านพบแต่ว่าเธอเป็นดาราที่ไม่มีประวัติฉาวโฉ่อย่างดาราสาวอื่นๆสมัยนั้น
แต่งงานกับเมล เฟอเรอร์ (ซึ่งหน้าตาไม่เป็นที่ถูกชะตาของดิฉันอยู่มาก)  หย่า   แล้วแต่งงานใหม่กับนายแพทย์
เพิ่งได้ยินนี่แหละ

เอารูปชาร์ลส์ บอยเออร์ พระเอก Gaslight มาฝาก    เคยเห็นเขาเล่นหนัง ตอนแก่ๆแล้ว ก็ยังหล่ออยู่ดี
มาดเป็นคุณชายมากเอาการ

เอารูปจาก Roman Holiday มาให้ดูกันอีกครั้ง
เจ้าหญิงแสนซนหนีออกจากวัง ไปเจอนักหนังสือพิมพ์หนุ่มชาวอเมริกัน หนังตำนานรักของดอกฟ้าและชาวดินก็ลือลั่นไปทั่วโลกเมื่อปี  1953 
ทำให้ออเดรย์ได้ตุ๊กตาทองไปจากเรื่องนี้
ส่วนพระเอก ขวัญใจคุณกุ้งแห้ง เล่นบทนักข่าวหนุ่มผู้รักศักดิ์ศรีมากกว่าผลประโยชน์

ทั้งที่รักกัน แต่เมื่อเจ้าหญิงกลับเข้าวัง  เสด็จออกพบผู้สื่อข่าว  พระเอกก็กลับมาสู่บทจริงในชีวิต
คือเป็นแค่ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งในแถวที่รอเข้าเฝ้าเท่านั้นเอง

พระเอกที่ได้เล่นคู่นางเอกชั้นดี ถ้าเสน่ห์บนจอสู้ออเดรย์ไม่ได้ Roman Holidayคงไม่ใช่หนังอมตะขนาดนี้นะคะ มาปรบมือให้ขวัญใจดิฉัน(อาจารย์เทาชมพูยกให้)
บทพวกแมนแท้ รักศักดิ์ศรีเกินผลประโยชน์ หนุ่มๆสมัยนี้เขาไม่ใคร่จะเป็นกันนะคะอาจารย์
...

      ดูโรมรำลึกแล้วประทับใจจำรำลึกสมชื่อจริงๆ ครับ ทั้งที่เป็นบทนำในหนังครั้งแรกของเธอ ประกบพระเอกนักแสดงใหญ่
แต่เธอก็สามารถทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมจนหนังประสบความสำเร็จ ทั้งรายได้และรางวัล

       แม้จะเป็นดาราหน้าใหม่ ยังไม่มีชื่อเสียง ยังห่างไกลจากเป็คอยู่ แต่ชื่อของเธอก็ได้ขึ้นป้ายด้วยขนาดใหญ่เทียบเทียม
   

          20 กว่าปีต่อมา มีหนังเล็กๆ ที่มีพล็อตคล้ายกัน แต่สลับให้เป็นเจ้าชายยุโรป ออกท่องราตรีอย่างสามัญชน
เพียงลำพังในกรุงโตเกียว ได้พบรักกับไกด์สาวชาวญี่ปุ่น และจบลงด้วยการจากลาอย่างที่ทุกคนคาดไว้อยุ่แล้ว 
       
         Seven Nights in Japan (1976) (จำได้ว่า) เข้าฉายในบ้านเรา 2 ครั้งๆ แรกไม่ประสบความสำเร็จ
ทั้งที่หนังพล็อตรักโรแมนติกอย่างนี้น่าจะขายได้
           แต่ในการฉายครั้งที่สอง ด้วยการโฆษณา การเน้นเพลงประกอบที่ไพเราะฮิทติดหู สามารถเรียกคนดูได้มากมาย
นางเอกของเรื่อง Hidemi Aoki กลายเป็นดาราดังในไทย ที่ต่อมามีผู้สร้างติดต่อให้มาแสดงหนังไทยด้วย (น่าจะชื่อเรื่อง สายทิพย์)
และเพลงประกอบหนังก็เป็นที่นิยมต่อเนื่อง ครับ

         http://www.sontayamusic.com/index.php?topic=6304.0;prev_next=prev

อีกเรื่องที่ได้ดูของออเดรย์ และทึ่งในความสามารถของเธอคือ Wait until dark ที่เล่นเป็นสาว(ที่เพิ่ง)ตาบอดเผชิญชะตากรรมลำพังในอพาร์ทเมนท์ที่มีโจรสามคน ปลอมตัวมาหลอกเอาตุ๊กตาซึ่งมียาเสพติดข้างในคืน..

พระเอก Seven Nights  in Japan คือไมเคิล ยอร์ค ใช่ไหมคะ
ติดใจบทของเขาใน Romeo and Juliet เวอร์ชั่นคลาสสิค ครั้งที่เลียวนาร์ด ไวติ้งและโอลิเวีย ฮัสซีเล่น  ไมเคิลเล่นเป็นญาติหนุ่มของจูเลียตที่โรเมโอพลั้งมือฆ่าตายเพราะแก้แค้นแทนเพื่อน   เล่นเป็นหนุ่มผู้ดีแววตาร้ายได้เนียนมาก
หลังจากนั้นก็เห็นเขาเล่นหนังเล็กๆของอังกฤษอีกหลายเรื่องจนเข้าวัยชรา   ไม่ได้ดูเขาเล่นหนังรักโรแมนติคค่ะ เลยบอกไม่ได้ว่าทำไมหนังไม่ฮิทในตอนแรก

เรื่อง Wait until Dark มีดีวีดีแล้ว แต่ยังใจไม่แข็งพอจะดูออเดรย์เล่นเรื่องนี้จนแล้วจนรอดค่ะ

ไมเคิล ยอร์ค เล่นหนังพวกตระกูลผู้ดีเก่งนะคะ ทั้งที่หน้าไม่ได้เพอร์เฝ็ค..
....
เมื่อไหร่อาจารย์ทำใจดูออเดรย์ตาบอดได้ล่ะคะ

       ใช่ครับ ไมเคิล ยอร์ค  สมัยนั้นได้ดูหนังของเขาหลายเรื่อง โดยเฉพาะบท ดาร์ตายัง ใน
The Three Musketeers และ The Four Musketeers  หนังระดมนักแสดงดังมากมายคุ้มค่าตั๋วครับ

          

เข้าไปอ่านประวัติของไมเคิล ยอร์คใน IMDB แล้วก็พบว่าเป็นดาราอังกฤษที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง 
อายุ 65 แล้วยังมีหนังเล่นอยู่ไม่ขาดสาย
มีชื่อใน Hall of Fame ของฮอลลีวู้ดด้วย
เอารูปในปัจจุบันกับอดีตเมื่อยังเป็นละอ่อน    มาฝากค่ะ

         ไมเคิล ยอร์ค ไม่ค่อยดังแต่อยู่ยาว นอกจากหนังเรื่อง สามและสี่ทหารเสือ แล้วมีหนังเพลงเด่นๆ อีกสองเรื่อง
ที่เขาร่วมแสดง ครับ
            เรื่อง Cabaret หนังดังระดับออสการ์ที่ความโดดเด่นของนักแสดงตกเป็นของ Liza Minnelli และ Joel Grey
ผู้ได้รับรางวัลทั้งสองคน
            อีกเรื่องคือ Lost Horizon เรื่องนี้เด่นเพราะดับ ครับ หนังระดมนักแสดงมากมาย ไมเคิลได้จับคู่กับจูเลียต - Olivia Hussey
มีนักแต่งเพลงระดับ Burt Bacharach ประพันธ์เพลง หนังได้รับการคาดหวังอย่างสูงแต่กลับประสบความล้มเหลว
            เพลงเอก Lost Horizon ตอนเปิดฉาก ไพเราะมากครับ ยังพอจำเนื้อทำนองได้อยู่ ฟังแล้วเหมือนจะพาคนดูให้ล่องลอย
สู่ดินแดนสวรรค์ แต่หลังจากนั้นแล้วก็ไม่เกิดอาการแบบมนต์รักเพลงสวรรค์อีก
            เรื่องนี้มี Charles Boyer รับบทเป็นลามะด้วยครับ (คนกลางแถวล่างสุด)

Lost Horizon เป็นวรรณกรรมคลาสสิคเรื่องหนึ่ง  ที่พวกเทวาลัยรุ่นสงครามโลกครั้งที่ ๒ เคยเรียนกัน รู้จากนิยายของคุณศุภร บุนนาค ที่เอ่ยไว้    เสียดายที่พยายามทำหนังดังแล้วดับ
พอคุณศิลาเอ่ยถึงนางเอกเรื่องนี้  ก็อดใจไม่อยู่ ต้องเอารูปโอลิเวีย ฮัสซี่ย์เมื่อเล่นหนังเวอร์ชั่นอมตะของ Romeo and Juliet ขึ้นมาโชว์กัน
เคยอ่านพบว่าเธอเป็นจูเลียตที่ใกล้เคียงกับจูเลียตของเชคสเปียร์มากที่สุด เท่าที่ทำหนังกันมา
เรื่องนี้ส่งให้ดาราสาววัย ๑๕  กลายเป็นดาวระดับแถวหน้า      และเป็นบทอมตะของเธอจนทุกวันนี้
(น่าเสียดายที่เรื่องต่อๆจากนั้น   ไม่แรงเท่าเรื่องนี้อีก)

นี่คือท่านลามะชาร์ลส์ บอยเออร์ สมัยยังหนุ่ม  มาดเป็นท่านชายพจน์ดีไหมคะ

      นักแสดงสมัยก่อนมีมาด วางท่ากันต่างจากนักแสดงหรือดาราสมัยนี้
       เหมือน Romeo Juliet สมัยก่อนที่สร้างเป็นหนังแบบโบราณกาลหลายครั้ง จนมาถึง version ยุคนี้
โดย  Baz Luhrmann เป็น  William Shakespeare's Romeo + Juliet  นำแสดงโดย Leonardo DiCaprio และ
Claire Danes ครับ
     

เห็นด้วยค่ะ  มาดต่างกันมาก ลีลาการแสดง ผู้กำกับก็กำกับออกมาต่างกัน

อีกฉากหนึ่งที่ชอบมาก  เมื่อโรเมโอกลับมาพบว่าจูเลียตตายแล้ว (ตามความเข้าใจ)

       แทรกนิดหนึ่งครับ โอลิเวียร์ เธอเคยมาแสดงหนังไทยเรื่อง ตัดเหลี่ยมเพชร ของคุณฉลอง ภักดีวิจิตร
เมื่อประมาณ ๓๐ ปีก่อน ได้เคยดูทางทีวี มีฉากรถไฟสองขบวนแล่นมาชนกันเป็นที่กล่าวขวัญในสมัยนั้น ครับ
ภาพจาก เว็บบอร์ด thaifilmfoundation

จำได้ว่าเธอเคยเล่นหนังไทย    แต่จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร  ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ 
เห็นมีดาราชายอีกคน คือคริส มิทชั่ม
ไปอ่านประวัติโอลิเวีย เธอได้รางวัลลูกโลกทอง สำหรับดาราหน้าใหม่ฝ่ายหญิงจาก บทจูเลียตนี่เอง

นำรูปโอลิเวียมาให้ดูกัน  รูปซ้ายเมื่อเป็นสาวเต็มตัว  และขวา ในปัจจุบัน ถ่ายในปี 2007

ขวัญใจวัยรุ่นค่ะ สมัยนั้นใครไม่ไว้ผมทรงโอลิเวีย เชยระเบิด ..จำได้ค่ะ ความสวยแบบไร้เดียงสา ใสๆ แต่งหน้าน้อยๆแบบnakedเป็นที่นิยมกัน ผมต้องยาวปล่อยสยาย ตามโรงเรียนคอนแวนต์หาคนหน้าแบบนี้มาเป็นดาว หรือดรัม (พอได้ วันแต่งตัวจริงก็พอกเครื่องสำอางจนกลายเป็นคนละคน)
นางเอกดังอีกหลายคนที่ตามมาก็จะใสๆเช่นกัน
เพลงที่ซึ้งสุดมาจากในเรื่อง ร้องกันระงมในงานmeet เล่นกีตาร์ด้วย ก็เพลง What is a youth? และ A time for us......

       ครับ Chris Mitchum เป็นลูกชายของพระเอกนัยน์ตาปรือ Robert Mitchum เขาเคยจับคู่กับ
Olivia ในหนังเรื่อง Summertime Killer ที่เมื่อมาฉายในไทยได้ชื่อหวือหวาว่า นักฆ่าเพลินสวาท
ทำให้เป็นที่รู้จักในบ้านเรา ต่อมาคุณฉลองจึงดึงทั้งสองคนมาแสดงใน ตัดเหลี่ยมเพชร ครับ

         อีกหนึ่งนักแสดงสาวชาวอังกฤษที่มีผลงานหนังไทยในเวลาไล่เลี่ยกัน คือ เจ้าแม่มินิซีรี่ส์ Jane Seymour ครับ
เธอโด่งดังจากหนังใหญ่ - เจมส์ บอนด์ ในบท solitaire อีกบทบาทเด่นของเธอที่ประทับใจคือบทในเรื่อง East of Eden
ที่เธอได้รางวัลลูกโลกทองคำ และไม่นานมานี้เธอยังได้รับบทเอกในซีรี่ส์ Dr. Quinn, Mdicine Woman

         หนังไทยที่เธอแสดง ถ่ายทำในต่างประเทศ ฝีมือกำกับโดยท่านมุ้ย เรื่อง นางแบบมหาภัย ครับ
ได้ดูที่โรงเฉลิมไทย มีนักแสดงมากฝีมืออย่าง สรพงษ์ ชาตรี(ศิษย์เอกท่านมุ้ย) ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ เปียทิพย์ คุ้มวงศ์ ร่วมแสดง
หนังไม่ประสบความสำเร็จ

อีกบทเด่นกับซูเปอร์แมน Chris Reeve ใน Somewhere in Time

จำ Jane Seymour ได้ค่ะ    เล่นบทในเจมส์บอนด์ Live and Let Die ที่โรเจอร์ มัวร์เป็นพระเอก   เรื่องนั้นเธอกำลังสาวเต็มตัว  สวยเหมือนภาพวาด
เจนเป็นดารามีฝีมือ     เคยดูหนังชุดทีวีที่เธอเล่นเป็นคุณหมอผู้หญิงในแดนเถื่อนยุคบุกเบิกของอเมริกา      เป็นสาวใหญ่แล้ว  ไม่สวยเหมือนก่อน แต่ฝีมือเล่นยังไม่ตก
เอารูปเจนในบท Solitaire มาฝากคุณศิลา  คุณกุ้งแห้งจำได้ไหมคะ

เห็นหน้าเธอบ่อยครับ แต่ดูอยู่เรื่องเดียว Somewhere in Time เคยสวยมาก

จำได้ค่ะ อาจารย์ สวยหวานซึ้งมาก .. เจนแต่งงานหลายครั้ง มีลูกชายแฝดด้วยนะคะ เดี๋ยวนี้ก็ยังสวยและเริ่ดตามงานแฟชั่นหรือเปิดตัวหนังทั่วไป

มีรูปของเจนซีมอร์ จากหนังเรื่องนี้มาให้ดูกันค่ะ

ดาราสาวคนสวยของคุณกุ้งแห้ง  เลือกชื่อแสดงจากชื่อราชินีในประวัติศาสตร์อังกฤษ  เธอเกิดในอังกฤษก็จริง แต่ดูชื่อเดิมแล้วน่าจะเป็นเยอรมัน ส่วนแม่เป็นดัทช์
Jane Seymour เป็นหนึ่งในราชินี ๖ องค์ของพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด     จะว่าเคราะห์ดีหรือเคราะห์ร้ายก็ได้ทั้งสองทาง     เคราะห์ดีคือเธอเป็นกุลสตรีชาวอังกฤษที่อภิเษกสมรสกับพระเจ้าเฮนรี่แล้วอยู่กันมาด้วยดี   ไม่มีเรื่องให้กริ้ว หรือเบื่อหน่ายจนจบลงด้วยการหย่าหรือตาย อย่างราชินีก่อนหน้านี้
แต่เคราะห์ร้ายคือเมื่อประสูติรัชทายาทชายให้สมประสงค์พระสวามีแล้ว      ด้วยสุขภาพเลวร้าย เธอก็อายุสั้น ตายไปตั้งแต่ยังสาว   ไม่มีบทบาทในประวัติศาสตร์อีก

โอ้ววว์....
เพิ่งทราบว่าลีซ่า แห่งสกุลซิมสั้น
สืบเชื้อสายมาแต่ใด....

ที่แท้เป็นแม่นางผู้สูงศักดิ์

เพล้ง!
ลงรูปผิดค่ะ    ต้องรูปนี้

ฮา...

หายไปไหนกันหมดแล้ว   ???

ย้อนกลับมาเรื่องที่เคยเอ่ยถึง    คือ The Mirror Crack 'd  ทำจากนิยายสืบสวนของอกาธา คริสตี้
แอนเจล่า แลนสเบอรี่รับบทเจน มาร์เปิล   คุณป้ายอดนักสืบ   
เรื่องนี้ถ่ายทำในอังกฤษ  สร้างฉากหมู่บ้านเล็กๆ  ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ จบลงไม่กี่ปี  ให้อารมณ์ถึงอดีตอย่างสวยงามมาก
แถมระดมดาราดังในอดีตมาหลายคน อย่างร็อค ฮัดสิน โทนี่ เคอร์ติส คิม โนแวค และเจอรัสดีน แชปลิน ลูกสาวชาลี แชปลิน
ที่สำคัญที่สุดคือมีลิซ เทย์เลอร์เล่นเป็นเอเดรียนา ฟอร์ด ดาวค้างฟ้า  ผู้ที่อกาธา คริสตี้จำลองชีวิตมาจากยีน เทียนี่
เลยเอารูปมาลงให้ชมกันค่ะ

      ข้อความคั่นรายการ ครับ

      มีหนังที่สร้างจากนิยายของ Agatha Christie ออกฉายมากมาย ส่วนใหญ่เป็นหนังทีวี
ตอนนี้ก็กำลังฉายอยู่ในเคเบิ้ลทีวีช่องออสเตรเลียครับ 
       ส่วนน้อยที่เป็นหนังโรงนั้นแต่ละเรื่องก็จะมีนักแสดงมีชื่อ มากฝีมือมาประชันโดยรับบทผู้ต้องสงสัยกันหลายคน

       ในช่วงหนึ่งมีหนังสืบสวนชุดนี้เข้ามาฉายในบ้านเรา เริ่มจาก

        Ten Little Indians (1974)  หนังบริษัทเยอรมันสร้าง พูดภาษาอังกฤษ เรื่องนี้มีนักแสดงมีชื่ออย่าง
Richard Attenborough, Elke Sommer, Oliver Reed หนังเข้าฉายอย่างค่อนข้างเงียบๆ

       หนังปีเดียวกัน แต่ Murder on the Orient Express (1974) ขนนักแสดงใหญ่ขึ้นขบวนรถไฟ  โดยมี
Albert Finney เป็น Poirot, ผู้โดยสารผู้ต้องสงสัย ๑๓ คน เช่น Lauren Bacall, Ingrid Bergman (ได้รางวัลออสการ์),
Sean connery, John Gielgud และ Vanessa Redgrave เป็นต้น

        ตามมาด้วย Death on the Nile (1978)  คราวนี้ Peter Ustinov เป็น Poirot และมีนักแสดงมากมายหลายคน
ลงล่องเรืออย่าง  Bette Davis, David Niven, Maggie Smith และยังมีนักแสดงคนโปรดของอาจารย์ Angela Lansbury ด้วย

สองโปสเตอร์จาก Murder และ Death โดย  Richard Amsel ครับ

      ส่งภาพผิดขนาดครับ เลยตามเลยครับ
โปสเตอร์ Death โดย Richard Amsel เช่นกัน

        The Mirror Crack'd (1980) ที่อาจารย์กล่าวถึง นอกจาก Angela แสดงนำแล้วแล้ว
ยังมี Kim Novak และ Liz Taylor ประชันบทเจรจาเชือดเฉือนกัน ร่วมด้วย Rock Hudson, Tony Curtis

        Evil Under the Sun (1982) เรื่องนี้มี Peter Ustinov เป็น Poirot อีก ร่วมด้วย James Mason,
Maggie Smith และคุณนายพีล Diana Rigg ร่วมแสดงแสดงด้วย

ยังไม่ได้ดู Evil Under the Sun  กับ Death on the Nile เห็นจะต้องไปหามาดูเสียแล้ว
นี่คุณป้าเจน มาร์เปิลนี่นา มาทำอะไรอยู่ในชื่อใหม่บทใหม่ใน Death on the Nile

ดวงของแอนเจล่า แลนสเบอรี่ คงถูกกับบทนักสืบหญิงวัยดึกเป็นพิเศษ   เพราะนอกจากเล่นบทเจน มาร์เปิล แล้ว  เธอยังเล่นเป็นเจสสิกา แฟลชเชอร์ในหนังทีวีเรื่องยาว ๑๒ ปี เป็นหนังอมตะเรื่องหนึ่งของวงการ  ชื่อ Murder, She Wrote
พอจบชุดนี้ไป   เธอก็มาเล่นยอดสปายหญิงวัยดึก คือ Mrs. Pollifax

ทั้งเจน เจสสิกา และเอมิลี่ พอลลิแฟกซ์ มาจากนิยายดังทั้งสามคน    แต่ละคนบุคลิกต่างกันไป ไม่ถึงกับซ้ำรอยกันเป๊ะๆ
แต่แอนเจล่าก็ถอดตัวเธอเข้าไปเป็นแต่ละคนได้   อย่างไว้ฝีมือ
เห็นจะต้องพูดถึงเธอ ยาวสักหน่อยละค่ะ

      สมัยก่อนโน้น ชอบตำรวจหญิงเก่ง เท่ วัย ๔๐ กะรัตกว่า ในซีรี่ส์โด่งดังชุดนี้ครับ

Angie Dickinson ใน Police Woman (1974)

คุณศิลาเล่นคว้าเซกซ์บอมป์ยุค 70s มาประชัน แล้วแอนเจล่าของดิฉันจะเหลืออะไร
แอนจี้เป็นดาราขางามก่อนมาเล่นบทยอดตำรวจหญิง  ตอน ๒๐กว่าๆกะรัตก็สวยมาก  ๔๐ ก็ยังสวยมากเช่นเดิม

เอารูปนี้มาลง สำหรับแฟนๆของปาวารอตตี     
คงยังไม่ลืมเขา  โดยเฉพาะเวลาได้ยิน Nessun Dorma

Angie ในวันนี้  ถ่ายคู่กับดิ๊ค แวนไดค์

เอารูปของแอนเจล่า แลนสเบอรี่เมื่อยังสาว มาประชันกับคุณป้าแอนจี้ดีกว่า

แอนเจล่าเกิดในอังกฤษ แต่ว่าโยกย้ายมาอยู่ในอเมริกา  เธอพูดได้สองสำเนียงทั้งอังกฤษและอเมริกัน
จากบทสาวใช้เจ้าจริตใน Gaslight  ทำให้แจ้งเกิดในฮอลลีวู้ด   
แต่กว่าจะดังก็ไปล้มลุกคลุกคลานกับบทต่างๆมามากในหนังหลายประเภท

       เธอชื่อเดียวกัน Angie - (pet form of) Angela แล้วยังได้รับบทคล้ายๆ กัน เป็นหญิงเก่ง
สืบสวนหาคนร้ายในหนังทีวี เลยนึกถึงเป็นคู่เหมือนที่แตกต่างครับ

Angie เป็นดาราขางามบันลือโลกมาก่อน    ล่วงเข้า ๔๐ กะรัตก็ยังสวยปิ๊งๆ   ส่วน Angela อาภัพเรื่องนี้    เธอมีดวงหน้าที่ดูแก่กว่าวัย ทั้งๆไม่มีริ้วรอย  ก็เลยได้รับบทแก่กว่าตัวเอง ในหลายๆเรื่อง
บางทีก็เล่นเป็นแม่ดาราชายที่อายุจริงอ่อนกว่าเธอไม่กี่ปีเอง

แอนเจล่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส    ในเมื่อหน้าเหมาะกับบทแก่  ก็เล่นเป็นคนแก่เสียเลย       ตำรวจสาวสวยยังมี  ทำไมนักสืบหญิงแก่ๆจะมีไม่ได้
เธอเล่นเป็นเจน มาร์เปิล ตัวละครอมตะของอกาธา คริสตี้    แล้วก็ต่อด้วยหนังนักสืบทางทีวี เรื่อง Murder, She Wrote   ตัวเอกเป็นแม่ม่ายวัยห้าสิบกว่า  ชื่อเจสสิกา แฟลทเชอร์
เจสสิกาไม่ได้เป็นนักสืบ  เธอเป็นนักเขียนสมัครเล่นที่นิยายสืบสวนเล่มแรก เกิดกลายเป็นหนังสือขายดี ก็เลยได้เป็นนักเขียนอาชีพ   
พร้อมกันนั้นความแหลมคมและข้อสังเกตละเอียดลออ ก็ทำให้เจสสิกากลายเป็นนักสืบสมัครเล่น ที่คนดูติดใจกันทั่วอเมริกา
ทำให้ Murder, She Wrote ออกอากาศยาวถึง ๑๒ ปีเต็ม   กลายเป็นหนังชุดคลาสสิคอมตะนิรันดร์กาลเรื่องหนึ่ง
และติดอันดับหนึ่งในสิบของหนังนักสืบยอดนิยมตลอดกาลของอเมริกา

ภาพนี้  แอนเจล่าถ่ายรูปคู่กับดาราประกอบที่เล่นประจำในเรื่อง

ผมชอบแอนครับ แอน มาร์เกร็ตในวิวาลาสเวกัส
ขาสวย หน้าเก๋ เต้นเก่ง เอลวิสเพ้อ
แก่ๆเล่นกรัมปี้ โอลด์เมน
ยังสวยไม่เสื่อม

ภาพนี้ขนาดไม่ได้โชว์ขานะครับ..

เอามาฝากคุณภู อีกรูปค่ะ
สองคนสมัยยังหล่อยังสวย ทั้งคู่

สามสิบเอ็ดยังแจ๋ว  ถ่ายในปี 1972 ค่ะ

 ;D ขอบคุณมากครับ

เสียดายค่ะ ไม่เคยได้ดูหนังMurder, she wroteเลย เพราะไม่ใช่เด็กเมกา หนังที่เพื่อนเล่าให้ฟังอีกชุดที่อยากดูมากคือ Thirty something ซึ่งเดี๋ยวนี้ พวกกลายเป็นfiftyกันไปหมดแล้ว
ดาราสาวที่เล่นหนังเก่งมากแต่เป็นสาวอังกฤษที่ชื่อ Julie Christie อาจารย์เทาชมพูเคยเขียนถึงมั่งหรือยังคะ

เคยเอ่ยถึงนิดหน่อยค่ะ 
จำได้ว่า เธอดังมากใน Far From the Madding Crowd จากวรรณกรรมอมตะของโธมัส ฮาร์ดี้  และ Dr. Zhivago
รู้แต่ว่าเธอเป็น"ตำนานหนึ่ง" ของฮอลลีวู้ด   พอโด่งดังถึงที่สุด  แทนที่จะกอบโกยชื่อเสียงให้คุ้ม   
เธอก็หายเงียบไปจากวงการ   กลับมาอีกทีก็แก่แล้ว

        จูลี่ เป็นนักแสดงคนโปรดครับ ได้มีโอกาสดู Far from the Madding Crowd ที่โรงหนังสุขุมวิท
ประทับใจบทบาทของจูลี่ รวมทั้งนักแสดงคนอื่นๆ (ทั้ง Alan Bates, Terence Stamp และ Peter Finch)
ภาพและบรรยากาศชนบทอังกฤษ ตลอดจนเพลงประกอบในหนัง มีเพลงที่เธอร้องด้วยเสียงคนอื่นที่ไพเราะมาก
จำได้ว่าชื่อ สุมทุมพุ่มไม้ - Bushes and Briars ครับ
         อุตส่าห์ซื้อหนังสือมาเก็บไว้ แต่ยังไม่ได้อ่านสักที

คัตเอาท์หน้าโรงจำได้ว่าเป็น ภาพหญิงสาวสวยผมสีทองสยายปลิวระใบหน้า
 

      เหมือนกับนักแสดงอังกฤษคนอื่นๆ เธอแสดงหนังไม่มาก เคยตามไปดูหนังเล็กๆ เรื่อง In Search of Gregory (1969)
ตอนเข้าฉายที่พาราเมาท์ แสดงคู่กับ Michael Sarrazin
      กับ Donald Sutherland ใน Don't Look Now (1973) สร้างจากนิยายของ Dapne Du Maurier (ผู้เขียน Rebecca)
บทรักของทั้งสองเป็นที่กล่าวถึงอย่างอื้ออึงในยุคนั้น
       
       หนังเด่นๆ ของเธอในเวลาต่อมา - Shampoo (1975) แสดงนำกับ Warren Beatty (คู่รักในช่วง 1967-1974)
และ Goldie Hawn
      ร่วมงานกับอดีตคนรัก Beatty อีกครั้งใน Heaven Can Wait (1978) พล็อตเรื่อง - พระเอกยังไม่ถึงที่ตายแต่ยมทูต
ปฏิบัติงานผิดพลาด จึงต้องให้วิญญาณของพระเอกกลับสู่โลกแต่อยู่ในร่างใหม่ 
      บริษัทสร้างละครทีวีไทยที่ซื้อนิยายไม่ทันสองช่องใหญ่ ต้องหาพล็อตสร้างละครเองได้หยิบยืมไปทำเป็นละครเมื่อนานนับ
สิบปีแล้วครับ

        เธอเดินทางสู่อินเดียเพื่อค้นหาอดีตของญาติผู้ใหญ่ของเธอ ในหนังจากทีมงานคุณภาพ Merchant Ivory
เรื่อง Heat and Dust (1983) เคยได้ดูในยุควิดีโอเฟื่องฟู ครับ
       หนังเด่นๆ เรื่องอื่น เช่น Power (1986), Dragonheart (1996), Afterglow (1997) ได้ชิงออสการ์,
Troy (2004), Harry Potter (2004) และ Finding Neverland (2004)
       เธอได้ชิงออสการ์ 3 ครั้ง และได้รางวัลนักแสดงนำจากเรื่อง Darling (1965)

บทคุณยายใจดี จากหนังซาบซึ้งประทับใจ Finding Neverland ครับ

 

อยากดู Finding Neverland ค่ะ เห็นจะต้องไปหามา

เกิดอาการเอ๋อขึ้นมาจากข้อความของคุณศิลา  เพราะดู Dragonheart ทางยูบีซี ซ้ำซากกันหลายหน 
ชอบเรื่องนี้มาก เจ้ามังกรแอนนิเมชั่นน่ารักน่าหยิก   
แต่จำไม่ได้เลยว่าจูลี่ คริสตี้อยู่ในเรื่องนี้    เป็นควีนอะไรสักคน  ที่ดิฉันมองผ่านไปเลย
ไม่น่าให้อภัยตัวเอง

          หลายครั้ง หลายเรื่องที่เห็นชื่อนักแสดงอาวุโสร่วมแสดงบทสมทบสั้นๆ จากไตเติ้ลตอนต้นเรื่องแล้ว
แต่พอดูในหนังกลับผ่านตาไปจนเกือบจำไม่ได้ ถ้าไม่ตั้งใจ ล่าสุดคือ Peter O'Toole แสดงเป็นพระราชา
ใน Stardust ครับ

            ใบหน้าของจูลี่ ชวนให้นึกถึงนักแสดงชาวอังกฤษอีกคนหนึ่ง เกิดปีเดียวกัน 1941 ได้แสดงในหนังของ
ท่านเซอร์เดวิด ลีน เช่นกัน (จูลี่ใน Doctor Zhivago ปี 1965)  เธอคือ Ryan's Daughter (1970)
- Sarah Miles ครับ 
          เมื่อคืนวันอาทิตย์เคเบิ้ลทีวีช่องออสเตรเลียฉายซีรี่ส์เรื่อง Poirot: The Hollow มีเธอร่วมแสดงด้วย
   
            ลูกสาวไรอัน เป็นงานชิ้นเอกของท่านเซอร์ที่นักวิจารณ์ไม่ปลื้ม จำได้ว่าคุณชายคึกฤทธิ์ เขียนวิจารณ์
ลงหนังสือพิมพ์สยามรัฐด้วย ครับ

แก้ไขเล็กน้อย - Daphne Du Maurier

Sarah Miles ลูกสาวไรอัน

        จากใบหน้า Sarah Miles ชวนให้นึกต่อไปถึงนักแสดงอังกฤษเจ้าบทบาทรุ่นหลังอีกคนหนึ่ง
เธอคือ Emily Watson ผู้ฝากฝีมือการแสดงโดดเด่นในงานชิ้นเอกอย่าง Breaking the Waves (1996)
และ Hilary and Jackie (1998) ครับ
         เรื่องหลังเธอรับบทเป็นนักเชลโลชื่อก้อง  Jacqueline du Pre

นึกหน้าซาร่าออก แต่จำหนังที่เธอเล่นไม่ได้สักเรื่องเดียวค่ะ

      ผลงานอีกเรื่องหนึ่งของเธอที่เข้ามาฉายในบ้านเราคือ Lady Caroline Lamb ครับ
เธอแสดงเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว แต่ไปหลงรักชายอื่น อีกครั้ง
      แต่ คราวนี้เธอเป็นภรรยาของ William Lamb, Lord Melbourne  และชายที่เธอหลงรักอย่างลุ่มหลง
คือ Lord Byron ที่สวมบทโดย Richard Chamberlain
     

สาวๆรุ่นผมเขาเรียก แม่ศาลาไม้...เพราะเธอหน้าแห้ง ตัวผอมซูบ

แม่ศาลาไม้ ในเรื่องนี้ค่อยดูน่ารักขึ้นมาหน่อย   เธอแสดงนำในหนังตลกปี 1965 ชื่อยาวเหยียดว่า
" Those Magnificent Men in Their Flying Machines or How I Flew from London to Paris in 25 hours 11 minutes"
เล่นคู่กับสจ๊วต วิทแมน  พระเอกมาดเถื่อน  โดยมากเขาจะเล่นหนังคาวบอย เป็นพระเอกดิบเถื่อนประมาณพระเอก "จำเลยรัก"
ไม่ค่อยได้ยินใครเอ่ยถึงในบ้านเรา   ทั้งๆเขาก็เล่นหนังหลายเรื่องและดังไม่น้อยในฮอลลีวู้ด
คุณศิลากับคุณภูพอนึกอะไรออกบ้างไหมคะ

       เรื่องที่ชื่อยาวเหยียดนี้ ได้แต่เคยอ่านพบในนิตยสารครับ ส่วนพระเอก Stuart Whitman ก็เคยได้ยินชื่อ
และน่าจะเคยได้เห็นแบบผ่านตาไป แต่จำไม่ได้ในหนังทีวีบางเรื่อง เช่น The Last Convertible ครับ

ไปเจอภาพ สจ๊วต วิทแมนเมื่อปี 2004  ถ่ายในงาน The Fifth Annual Directors Guild of America Honors ที่ Waldorf-Astoria Hotel ในนิวยอร์ค
คุณปู่เกิดเมื่อ 1928  อายุในรูปก็ 76 แล้ว (ปีนี้ 80)แต่ยังคงมีมาดดาราอยู่

ถ้าซาร่าห์เป็น "แม่ศาลาไม้"   เพื่อนหนุ่มๆของคุณภู เรียกสาวคนนี้ว่าอะไรคะ?

ปี 1962  ดาราสาวเชื้อชาติสวิส   นุ่งบิกินีสีขาว(ซึ่งยังไม่มีใครเขาสวมกัน)เหน็บมีดที่เอว    เดินช้าๆ แหวกคลื่นขึ้นมาสู่ชายฝั่ง   ในหนังบอนด์ Dr.No 
ฉากเดียวเท่านั้น  เออร์ซูล่า แอนเดรสในบทของฮันนี่ ไรเดอร์ นักประดาน้ำสาว ก็ดังไปทั่วโลก
เป็นสาวบอนด์ที่คนจดจำแม่นยำ   แทบจะว่าข้ามหน้าฌอน คอนเนอรี่ ไปเสียอีก

      ตอนเด็กๆ ประทับใจเธอแบบน่ากลัวๆ จากเรื่องนี้ครับ

      พระนางสองพันปี - She (1965) จากบทประพันธ์ของ Sir H. Rider Haggard
   

บทหญิงสาวสวยสง่าเซกซี่ ไม่ต้องแสดงอารมณ์ซับซ้อนมากนัก มักจะตกเป็นของเออร์ซูล่า  อย่างใน She
หลังจากดังเปรี้ยงปร้างใน Dr.No ปี 1962  พอปีต่อมาเธอก็ได้เล่นคู่กับรูปหล่อเสียงทอง  ใน Fun in Acapulco  เรื่องนี้มีจุดขายที่ฉากและเพลงสนุกแบบละตินอเมริกัน
ส่วนตัวพระเอกกับนางเอก  ไม่ค่อยจะสมกันเท่าไร    พระเอกก็เล่นเป็นตัวเอง ส่วนนางเอกลดลงมาเป็นสาวน้อยชาวบ้าน   ไม่เข้ากับบุคลิกที่ไปไกลกว่านี้แยะแล้ว

มาถึงวันนี้   เออร์ซูล่าอายุ ๗๑ แล้ว แต่ใจยังสู้สังขาร ไม่ยอมแพ้     ผิดกับผู้หญิงวัยเดียวกับเธอที่นั่งเก้าอี้โยกถักไหมพรมกันเป็นแถว

เอ้อ...เห็นสาวสองพันปีรูปนี้  ไม่รู้คุณศิลาจะกลัวหรือเปล่า   ;D

        ซีนสุดท้ายของเธอในพระนางสองพันปี น่ากลัวที่สุดแล้วครับ
        เพราะเธอเป็นดาราที่แสดงหนังโดยใช้รูปร่าง หน้าตา มากกว่าฝีมือ สมัยก่อนเธอจึงโดนตั้งชื่อใหม่
เป็น Ursula Undress         

         หนังเด่นอีกเรื่องหนึ่งของเธอคือ The Blue Max (1966) ครับ เธอรับบทเป็นภรรยานายทหาร
ที่นอกใจสามี (James Mason) ไปมีความสัมพันธ์กับนายทหารหนุ่ม (George Peppard)

คุณศิลาจำ Ursula Andress ได้  ก็คงจะจำคลื่นลูกใหม่ที่ไล่หลังเธอมาในยุคต้น 1970 ได้เช่นกัน  เรื่องที่ทำให้ดังระเบิดขึ้นมาคือหนังแฟนตาซีเรื่อง One Million Years B.C.
เรื่องนี้สมมุติว่าเป็นเหตุการณ์ยุคหิน   สมมุติล้วนๆ  ตั้งแต่ต้นจนจบ   ไม่ต้องคิดอะไรมาก   
ดูแค่เสื้อผ้ากับทรงผมของสาวยุคหิน  คนดูก็ต้อนรับ Raquel Welch ในฐานะ Sex Symbol คนใหม่ อย่างเต็มใจ
 

รูปของราเควล เวลช์  ในยุคเธอก้าวเข้าสู่แวดวงดารา   ออกมาเป็นแบบนี้ทั้งนั้น

        สมัยโน้นได้ดู โลกล้านปี ในโรงเมื่อตอนกลับมาฉายใหม่ครับ เป็นหนังที่ดูเพื่อความเพลิดเพลินอย่างเดียว
        นอกจากรูปร่าง หน้าตาแล้ว  'belly button' รูปสามเหลี่ยมของเธอยังเป็นที่กล่าวถึง  ผู้เชี่ยวชาญด้าน
รูปร่าง "กระดุม" จัดให้เป็นหนึ่งในชนิดที่นิยมว่าสวย

        รูปเธอแต่งตัวเป็นจังโก้สาวจับปืน ล้างแค้นทรชน ที่อาจารย์โพสต์ จากหนัง Hannie Caulder (1971)
เป็นหนังแอ็คชั่นตะวันตกฉายเปิดโรงปารีส สะพานขาว
       
         หนังเด่นที่เธอร่วมแสดงในปีเดียวกับ One Million Years B.C. (1966) คือ Fantastic Voyage
เป็นหนังวิทยาศาสตร์ผจญภัยล้ำยุค  เมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์และยานถูกย่อส่วนเพื่อนำไปฉีดเข้าสู่ร่างของบุคคลสำคัญ
ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เพื่อทำการรักษาภาวะเลือดคั่งในสมอง

       หนังสนุกมาก ตื่นเต้น และตื่นตาด้วยฉากยานท่องกระแสโลหิตในหลอดเลือดของร่างกายมนุษย์ ครับ

เป็นรูปที่สวยมาก และเซ็กซี่(ในทางดี)ทั้งสองรูปค่ะอาจารย์ รูปแรกของราเควล มาใช้เป็นวัตถุสำคัญอยู่ในหนังเรื่องชอว์แชงค์ รีเด็มฌั่น บนฝาผนังของนักโทษ เป็นรูปที่สวยฉกรรจ์จริงๆสมควรนำมาอยู่ในฉาก
บรรดาหนังของเธอ ไม่ทราบมีเรื่องไหนที่ประทับใจคนดูบ้าง แต่เท่าที่จำได้ เธอไม่เคยสวมบทไหนได้ดี แค่โผล่มา คนดูก็ตะลึงแล้ว ขนาดตอนนี้ก็ยังสวย ไม่มีการเปลี่ยนหน้าเป็นแม่มดเหมือนอันเดรสเลย
อ้อ ทราบว่าเธอได้ลูกโลกทองปี 1975 จาก สามทหารเสือ ในบทคอนสแตนซ์ แล้วชื่อก็จารึกบน hall of fame ของฮอลลีวู้ดด้วย

เมื่ออายุ 60

จาก Fantastic Voyage   กับสตีเฟน บอยด์   หนังแฟนตาซีเรื่องนี้ทำได้น่าดูมาก  เอากลับมาทำอีกครั้ง แต่ไม่ดังเท่าครั้งแรก

ราเควล เวลช์พัฒนาฝีมือขึ้นไปถึงขั้นได้รางวัลลูกโลกทอง จาก The Three Musketeers (1973)
นอกจากเป็นเซกซ์ซิมโบลแล้ว เธอยังพิสูจน์ด้วยว่าเล่นหนังเป็น
เรื่องนี้เป็นความเจ็บปวดอย่างหนึ่งที่ดาราสาวเซกซี่แต่มีสมอง ทุกคนจะต้องเจอ  คือเมื่อถูกประทับตราว่าเป็นสัญลักษณ์ทางเพศเสียแต่แรก  ก็ต้องพิสูจน์กันหนักหน่วงว่า นอกจากสวย  ชั้นยังมีฝีมือทางการแสดงด้วยนะจ๊ะ
ระยะเวลาจากต้นทศวรรษ ๗๐ มาจนถึงวันนี้ ยาวนานมาก    ราเควลโชว์ผลงานหลายด้านทั้งเล่นหนัง ทีวี  โชว์ตามแหล่งบันเทิง เล่นหนังสารพัดแบบ  บทนำบ้างบทประกอบบ้าง  ไม่ให้คนดูลืมเธอ จนยืนยงอยู่ได้ทุกวันนี้

ใครอยากดูหนังเก่าที่เธอเล่นโชว์ฝีมือ ไม่ใช่โชว์แต่หุ่น ลองหา Kansas City Bomber (1972) มาดูค่ะ
เรื่องนี้ราเควลเล่นได้สะบักสะบอมมาก

คลื่นลูกที่ไล่หลังราเควลมา ชื่อ โบ ดีเรค
สังเกตว่าการเปิดตัวในหนัง แบบเดียวกันเลยคือต้องสวมชุดว่ายน้ำลุยคลื่นขึ้นมาสู่สายตาคนดู   
หุ่นของโบดูแปลกๆ ท่อนบนกับท่อนล่างไม่สมดุลย์กัน   แต่ฮอลลีวู้ดย่อมสร้างสรรค์หุ่นได้ทุกแบบอยู่แล้ว

        หนังเรื่อง Kansas City Bomber เมื่อมาฉายในบ้านเราที่สยามสแควร์ ได้ชื่อไทยว่า  "อกตึงตะลุมบอน" ครับ

         ทั้ง Ursula และ Bo ต่างก็เป็นคู่รักต่างวาระของ John Derek นักแสดง ผู้กำกับ ผู้มี Linda Evans แห่ง
Dynasty เป็นอีกหนึ่งคนรักของเขาด้วย

        ส่วนทางฟากฝั่งฝรั่งเศสก็มี ดาราสาวเสน่ห์แรงรุ่นใหญ่ ผู้ได้รับฉายาว่า ลูกแมวยั่วสวาท - Brigitte Bardot ครับ

เคยลงรูปของบริจิตต์มาแล้วในกระทู้เก่า แต่ยังไม่ได้เปิดดูว่ากระทู้ไหน  ชอบรูปนี้ค่ะ

เอารูปโบ ดีเร็คในวันนี้มาฝากให้ดู  เธอก็ยังมีหนังเล่นอยู่บ้าง  เล็กๆน้อยๆ

ส่วนลูกแมวยั่วสวาทของคุณศิลา  ในวันนี้  ที่เธออยู่ในวัยคุณยาย   ก็กลายเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รณรงค์ให้เลิกล่าลูกแมวน้ำ
ถึงวันนี้ คิดว่าจิตใจของบริจิตต์งามกว่ารูปร่างเมื่อตอนสาวๆมากนัก
รูปนี้เป็นโปสเตอร์รณรงค์ต่อต้านการฆ่าลูกแมวน้ำค่ะ

ส่วนดาราสาวคนนี้ เป็น sex symbol ของ 1980s   แต่หันไปเอาดีทางร้องเพลง   รุ่งกว่าพยายามทำตัวเซกซี่
เพราะเธอตัวนิดเดียว  สูงแค่ 152 ซ.ม. 
คุณศิลาจำได้ไหมคะว่าใคร

        เธอคือดาราที่ได้รับคำบรรยายสรรพคุณจากนสพ. ไทยสมัยนั้นว่า หน้าประถม ... ครับ

        สมัยนั้นได้ดูหนังของเธอทั้ง Butterfly และ The Lonely Lady ที่สร้างจากนิยายของ Harold Robbins 

ภาพใบปิด Butterfly ส่อแนวหนังอย่างโจ่งแจ้ง ในขณะที่ The Lonely Lady ก็พอๆ กัน
 

สงสัยว่าจะมีดาราคนไหนที่คุณศิลาไม่รู้จัก หลงเหลืออยู่หรือไม่
เล่นเกมทายภาพดาราในกระทู้หน้าดีไหมคะ

เอารูปสาวหน้าประถม..... Pia Zadora มาลง   แต่นี่ก็หลายปีแล้ว  หารูปในปี 2007 ไม่ได้
เห็นว่าเธออำลาวงการไปแล้ว

ปิดท้ายด้วยภาพสาวคนนี้  คุณศิลาน่าจะนึกออก(ตามเคย)
ดิฉันเคยดูเธอออกรายการของ  Sha Na Na

เชิญต่อที่กระทู้นี้ค่ะ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2519.0