ย้อนมาถึงภาพช้างศึก โดยความเห็นส่วนตัว คิดว่าช้างออกศึกกับช้างเข้าขบวนแห่ในพระราชพิธี ใช้สัปคับไม่เหมือนกัน
ช้างศึกต้องการความคล่องตัวสนามรบ สมควรแบกน้ำหนักไว้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงจะได้เปรียบ เพราะคนสามคนบนหลังช้าง น้ำหนักรวมกันอย่างน้อยที่สุดก็ 150 ก.ก. เข้าไปแล้ว ยังไม่รวมอาวุธหนักซึ่งแต่ละอย่างก็หนักหลายกิโลกันทั้งนั้น อาจจะแบกแล้วรวม 200 ก.ก. น้ำหนักอะไรที่เพิ่มเข้ามาโดยไม่จำเป็นจึงทำให้ช้างอุ้ยอ้ายเสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามง่าย
ดังนั้น สัปคับที่มีจะต้องมีน้ำหนักเบา และเตี้ย เพื่อคนนั่งจะได้ไม่โงนเงน หากชนช้างกับศัตรู ช้างงัดกันขาหน้าลอยขึ้นมา สัปคับขนาดสูงก็จะเทกระจาดทั้งนายกลางช้าง แพนหางนกยูง และอาวุธสารพัดชนิดลงไปบนพื้นดินโดยง่าย สัปคับบนหลังช้างศึกจึงไม่ควรเป็นไม้ปิดทองล่องชาดขนาดหนัก ปักฉัตรเก้าชั้นบวกน้ำหนักเพิ่มเข้าไปอีกโดยไม่จำเป็น
บางทีสัปคับอาจใช้วัสดุเบา ทำง่ายๆเช่นหวายสานเรียบๆ ผูกติดหลังช้าง เลยไม่เหลือรอดมาให้เห็น เพราะยุทธหัตถีก็จบลงตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร มาถึงปลายอยุธยา ตอนอลองพญาเข้ามา ไทยก็ยิงเอาๆจากกำแพงเมือง ไม่ออกไปสู้บนหลังช้างกันตัวต่อตัวอยู่แล้ว
แต่ถ้าเสด็จประพาสที่ไหนในยามสงบ หรือในพระราชพิธี สัปคับหรูหราอลังการก็ย่อมเป็นเรื่องสมพระเกียรติ ถูกต้องตามกาลเทศะค่ะ
จึงคิดว่าสัปคับที่สร้างกันให้เห็นในสมัยรัตนโกสินทร์ น่าจะเป็นสัปคับยามสงบ มากกว่าสัปคับยามศึก ค่ะ
ขออนุญาต ผมอยากจะขออภิปรายต่อในเรื่องนี้หน่อยน่ะครับ
สมัยโบราณแถวอุษาคเนย์ ยามกษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพนำออกรบ พระองค์มักจะทรงช้างมากกว่าราชรถ เพราะภูมิประเทศและภูมิอากาศ ช้างย่อมลุยไปได้ทุกที่ การเดินทัพแต่ละครั้งมิใช่ไปกันวันสองวันก็ถึง แต่อาจกินเวลาเป็นเดือนๆ
ช้างทรงขององค์จอมทัพที่จะนำไป ย่อมไม่ใช่ช้างเดียวหากจะไปกันเป็นโขลง แต่ละช้างอาจถูกฝึกกับการผูกเครื่องหลังไม่เหมือนกัน แล้วแต่ช่วงไหนจะทรงโปรดอย่างไร เช่น ตอนแห่ทัพออกจากพระนคร อาจตั้งสัปคับปักฉัตร หรือมีคนถือพร้อมบังสูรย์บังแทรก แต่เมื่อแปรขบวนใหม่เพื่อเดินทางไกล อาจเปลี่ยนไปทรงแบบกูบ เพราะไม่ทราบจะประทับตากแดดไปทั้งวันทำไม พอเดินทัพถึงที่หมายเห็นตัวข้าศึกแล้ว ตั้งค่ายไว้ก่อนรอปะทะ ได้ฤกษ์วันใด ก็เสด็จประทับช้างทรงซึ่งเป็นช้างศึกที่ฝึกหัดไว้เฉพาะกิจ อาจจะมีสัปคับเบาๆพร้อมเครื่องสูงก็ได้ถ้าทรงเล็งผลทางด้านกำลังใจของทหาร หรือต้องการข่มขวัญศัตรูหากเห็นกษัตริย์เสด็จออกรบด้วยพระองค์เอง แต่ถ้าทรงคาดว่าอาจจะมีการรบบนหลังช้างแบบยุทธหัตถี ผมไม่คิดว่าพระองค์จะทรงช้างที่มีสัปคับอันเป็นภาระให้เสียเปรียบราชศัตรู น่าจะทรงรีบเปลี่ยนช้างที่บนหลังช้างจะมีแค่คนที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น
รูปสลักหินการรบกันบนหลังช้างที่เรียกว่ายุทธหัตถีที่นครวัตนี้เป็นเครื่องยืนยัน และผมก็ไม่เคยเห็นภาพอื่นไม่ว่าของชาติไหน ที่เป็นภาพการชนช้าง มีผู้กล้านั่งอยู่บนคอช้างพยายามใช้อาวุธยาวฟาดฟันสังหารกัน แต่มีผูกเครื่องสัปคับปักเครื่องอิสริยยศทั้งหลายบนตัวช้าง (นอกจากจะเป็นภาพช้างศึกที่ตลุยสมรภูมิโดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจะชนช้างกัน) คงมีแตภาพพระนเรศวรชนช้างของไทย ที่ทำขึ้นในสมัยหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปนับเป็นร้อยปีแล้วเท่านั้น