ดิฉันเคยเอ่ยถึงพระเจ้าทรงธรรมไว้ในกระทู้โปรตุเกสเข้าเมือง ค่ะ
ถึงตอนนี้ขอเดินเลี้ยวเข้าซอยไปสักนิด
จดหมายเหตุของบาทหลวงนิกายเยซูอิท ให้ภาพพระเจ้าทรงธรรมแตกต่างจากในพงศาวดารไทย
หลักฐานทางไทยให้ภาพลักษณ์พระเจ้าทรงธรรมเป็นนักปราชญ์ เลื่อมใสทางพุทธศาสนา มีพระราชกรณียกิจทางพุทธศาสนามากมาย สมพระนามว่าพระเจ้าทรงธรรม ก็น่าจะเป็นผู้ใหญ่ที่ค่อนไปทางธรรมะธัมโม สงบเยือกเย็นอยู่ในศีลในธรรม ไม่ชอบรบราฆ่าฟัน ชอบความสงบศานติ เพราะพงศาวดารไทยยังบอกอีกว่า ทรงมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกับต่างชาติ ทั้งดัทช์(ฮอลันดา) อังกฤษและญี่ปุ่น รัชสมัยของพระองค์นี่เองที่มีการตั้งกรมอาสาญี่ปุ่นขึ้น เพราะมีชาวญี่ปุ่นสมัครเข้ารับราชการที่กรุงศรีอยุธยาเป็นจำนวนมาก ซามูไรญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นขุนพลใหญ่ของอยุธยาคือยามาดะ นางามาซะ ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นออกญาเสนาภิมุข ก็อยู่ในรัชสมัยนี้
นอกจากนี้ ทรงบริหารการค้าได้เก่งมาก ทำให้อยุธยากลายเป็นแหล่งศูนย์รวมการค้าสำคัญ ฮอลันดาที่เข้ามาค้าขายก็ได้รับไฟเขียวด้วยดี ถึงขั้นพระราชทานที่ดินบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ริมคลองปลากด เหนือเมืองสมุทรปราการ ให้ชาวฮอลันดาตั้งคลังสินค้า ในปี พ.ศ. 2115 พระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ ได้มีพระราชสาส์นทูลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พ่อค้าชาวอังกฤษเข้ามาค้าขายที่กรุง ศรีอยุธยาได้สะดวก ก็โปรดอำนวยให้ตามนั้น
พงศาวดารไทยยังบอกด้วยว่า พระเจ้าทรงธรรมไม่นิยมการทำสงคราม จึงต้องเสียเมืองทวาย ให้พม่าที่ยกกำลังมาตีเมืองทวายใน พ.ศ. 2165 ต่อมา กัมพูชาและเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเคยเป็นเมืองประเทศราชมาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรต่างก็พากันแข็งเมืองไม่ยอมขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา
แต่อ่านจากจดหมายเหตุของบาทหลวงเยซูอิท พระเจ้าทรงธรรมทรงเป็นนักรบ และแข็งกร้าวมากทีเดียว