เรือนไทย

ขอออกตัวก่อนเลยนะคะว่านี่คือกระทู้แรกในชีวิต หลังจากแอบซุ่มเป็นเด็กนักเรียนหลังห้องมานานเต็มที คอยฟังท่านอาจารย์สอนมาหลายวิชา วันนี้นักเรียนขอออกมาทำรายงานชิ้นเล็กๆส่งนะคะ ผิดพลาดประการใด รบกวนชี้แนะได้เลยค่ะ
เนื่องจากได้มีโอกาสมาเดินเล่นในกรุงอัมสเตอร์ดัม เดินไปเดินมา ก็สังเกตเห็นว่าส่วนใหญ่บ้านที่นี่มักจะมีเลขคศ ที่สร้างกำกับไว้ด้วย หราอยู่หน้าบ้าน ส่วนใหญ่ก็จะประมาณปลายศตวรรษที่16 ไปถึงต้นศตวรรษที่17 แต่สิ่งที่สะดุดตาดิฉันมากยิ่งกว่านั้นเลยก็คือ ป้ายปูนปั้นที่บางบ้านจะมีประดับไว้ ส่วนใหญ่จะอยู่เหนือประตูหน้าบ้าน ป้ายนี้ส่วนใหญ่ที่เห็นจะทำเป็นภาพนูนต่ำ บอกเป็นเรื่องราวด้วยภาพ ทีแรกดิฉันเชื่อว่า เพื่อบอกอาชีพของเจ้าของบ้าน เพราะที่ส่องๆมามักจะดูแล้วเดาได้ว่าเป็นจำพวกอาชีพ เช่น อันนี้ดิฉันเดาว่าเป็นชาวประมง

ดูจากคำว่า visser ลองให้พี่กูเกิ้ลช่วย แปลว่า ชาวประมงค่ะ
แปลว่าอีกรูปนี้ก็ชาวประมงนะซิ แต่ไหงทำซะโหดขนาดน้าน

อันนี้เดาง่าย

นี่สวยเชียว เอ๊ หรือจะเป็นบ้านที่รับทำเก้าอี้
ลองแปลดู แปลว่า never perfect...แอบงงค่ะ เก้าอี้นี้จะไม่เพอร์เฟค หรือ แค่เป็นquote ที่ท่านเจ้าของบ้านชอบส่วนตัว

ส่วนอันนี้แปลได้ว่า The wild one บ้านนี้เป็นกะลาสีเรือหรืออย่างไร ::)

อันนี้แปลไม่ออกค่ะ หรือจะเป็นห้างขายนาฬิกา(ทราย) สมัยก่อน  ;D ;D ;D

The green fuzz?
ทำอาชีพอะไรหนอ หรือแค่ทำไว้สวยๆเพื่อประดับบ้าน

เกี่ยวกับศาสนาแน่ๆ ดิฉันแปลจากภาษาดัตซ์ไม่ได้ ต้องแปลจากภาษาละติน non solus = He is not alone

เจออันนี้เริ่มงง อันหลังๆนี่ทำให้ดิฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ปูนปั้นประดับบ้าน อะไรจำพวกนั้น
De palm boom = The palm tree.. ไม่คิดว่าจะเป็นอาชีพอะไรได้ แต่เดี๋ยวก่อน หรือมันจะมีความหมายอะไรซ่อนอยู่มากกว่าน้านนนน

หลังๆนี่เริ่มไม่ใช่ละ มีคุณวัว คุณเรือสำเภา และคุณมงกุฎ มันไม่น่าจะเป็นอาชีพน้า เอาเป็นว่าดิฉันโพสต์ให้ดูเพลินๆละกันนะคะ แค่ถ้าใครมีข้อเสนอแนะอะไร เชิญวิจารณ์กันตามสบายเลยค่า

อันสุดท้ายคิดไม่ออกจริงๆ แปลก็ไม่ได้ซักตัว มันคืออะไรกันนะ ทิ้งท้ายไว้ให้ดูก่อนนะคะ ถ้าออกไปเดินเล่นแล้วเห็นอีก จะเอามาโพสต์เพิ่มให้ค่ะ  :-[

ชอบมากค่ะ
ในลอนดอนก็มีบ้านที่มีรูปปูนปั้นประดับแบบนี้  บ่งถึงอาชีพของเจ้าของบ้าน(คนแรก?)  คุณประกอบน่าจะเคยเห็นบ้าง

ขอบพระคุณท่านอาจารย์เทาชมพูสำหรับคำชมนะคะ สร้างกำลังใจให้ดิฉันเลย เดี๋ยวจะฮึดออกไปหารูปมาเพิ่มอีกดีกว่า ท่านใดมีรูปเพิ่มเติมเอามาแชร์กันได้นะคะ  ;D ตอนนี้แถมด้วยรูปบ้านสวยๆที่ดิฉันมีไปก่อน ชอบรูปแบบสถาปัตยกรรมของบ้านเก่าที่นี่จริงๆค่ะ กลางเมืองแท้ๆแต่ยังอนุรักษ์ไว้ได้ดีมาก

อันที่เขียนว่า non solus เป็นตราของสำนักพิมพ์ elsevier ครับ นีกวิชาการรู้จักดี หมายความว่า ไม่ได้อยู่คนเดียวนั่นแหละ เพราะความรู้จะ connect ทุกอย่าง ผมเรียบเรียงภาษาไทยไม่สละสรวย แต่ก็ความหมายทำนองนี้ครับ

เพลิดเพลินมากเลยครับ ไปอยู่นานเท่าไหร่เนี่ยจึงได้สังเกตุเห็นรายละเอียดถึงขนาดนี้ ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาจะเห็นแต่ภาพใหญ่ๆ ภาพเล็กๆในสายตาจะเบลอหมด

ขอบคุณ คุณhobo มากเลยค่ะ บอกแล้วว่าความรู้มีอยู่น้อยนิด  :D
งั้นบ้านนี้ควรจะเป็นสำนักพิมพ์รึอะไรที่เกี่ยวข้องกับสำนักพิมพ์นี้รึเปล่าคะ ค้นดูบอกว่าเน้นพวกหนังสือหรือวารสารทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ สำนักพิมพ์นี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1880
แต่ข้างใต้ ตรงป้ายเป็นภาษาดัตช์  แปลว่า wine trade...รึ ตอนนี้กลายเป็นร้านไวน์ไปซะแล้นน

ขอบคุณมากเลยค่ะ ปลื้มมากที่คุณนวรัตนเข้ามาตอบกระทุ้นักเรียนใหม่ ตอนนี้ยังนั่งไล่อ่านมหากาพย์อยู่ไม่เป็นอันทำอะไรเลยค่ะวันๆนึง
เนื่องด้วยมีภารกิจลับ เลยต้องอยู่ที่อัมสเตอร์ดัมเดือนนึงค่ะ อาทิตย์หน้าก็ต้องกลับบ้านเฮาแล้ว ฮอลิเดย์หมดแล้ว เปลี่ยนโหมดแทบไม่ทัน  :'(
งั้นช่วงนี้จะรีบปั่นการบ้าน เดินหาป้ายหน้าบ้านต่อนะคะ จริงๆเวลาเดินผ่านชอบมองบ้านแถวนี้ เพราะว่าสวยจริงๆ บางทีเดินๆอยู่ไม่มีเวลาจะถ่ายรูป เห็นตลอดนะคะ ซักซอยนึงจะมีประมาณสองบ้านที่มีป้าย

คุณดิษยพงศ์ ใจหนักแน่น  (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10204559665732996&set=a.1223964000610.2031343.1274291751&type=1&fref=nf)เขียนอธิบายไว้ดังนี้

สำนักพิมพ์ Elsevier ซึ่งเป็นผู้จัดพิมพ์และเผยแพร่ผลงานวิจัยจากทั่วโลกมีต้นกำเนิดมาจากสำนักพิมพ์ของครอบครัว Elzevir ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้ที่เป็นคนคิดโลโก้นี้ขึ้นมาก็คือ Isaac Elzevir (https://wikipedia.org/wiki/Isaac_Elzevir) ลูกชายของผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์

สิ่งที่เห็นเด่นชัดที่สุดในภาพก็คือต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขา ซึ่งก็คือต้น Elm ซึ่งเป็นตัวแทนของความมั่นคงและแข็งแรง เปรียบได้กับสำนักพิมพ์ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ

ใต้ต้นไม้ใหญ่มีชายสูงอายุคนหนึ่งกำลังเด็ดพวงองุ่นอยู่ เขาเป็นใครนั้นทุกวันนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ นักประวัติศาสตร์บางคนบอกว่าชายคนนั้นคือโสเครตีส

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือต้นองุ่นที่เลื้อยอยู่รอบต้นเอล์ม เป็นที่ทราบกันดีว่าการจะปลูกต้นองุ่นนั้น ถ้าปล่อยให้มันเลื้อยไปตามพื้นคงไม่มีทางที่มันจะผลิดอกออกผลออกมาให้เราเอามาหมักเป็นไวน์ชั้นดีได้ ถ้าจะให้มันออกผลเป็นพวงองุ่นพวงโตนั้นจะต้องมีเสาหรือหลักให้มันเลื้อยพันขึ้นมา และต้นไม้ใหญ่ก็ทำหน้าที่นั้นได้เป็นอย่างดี

ไอแซค เอลซเวียร์ กำลังเปรียบเทียบว่าสำนักพิมพ์ก็เหมือนกับต้นไม้ใหญ่ที่เป็นหลักยึดให้ต้นองุ่นเติบโตขึ้นมา ส่วนต้นองุ่นก็คือบรรดานักคิดนักเขียนที่ต้องพึ่งพิงสำนักพิมพ์ถึงจะผลิตผลงานคุณภาพออกมาได้

หากต้องการองุ่นพวงงาม ๆ สักพวง ลำพังต้นองุ่นเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ ต้นไม้ใหญ่เพียงต้นเดียวก็คงไม่มีทางออกลูกเป็นองุ่นได้ในทำนองเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ ทั้งสำนักพิมพ์และนักเขียนจึงต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ดังเช่นข้อความในแถบผ้าที่ปลิวออกมาทางด้านซ้ายของต้นเอล์มซึ่งมีข้อความเป็นภาษาละตินเขียนเอาไว้ว่า NON SOLUS ซึ่งมีความหมายว่า NOT ALONE นั่นเอง

"Publishers and scholars cannot do it alone."

ภาพจาก elsevier.com (http://www.elsevier.com/about/company-information/history)

กระจ่างเลยค่ะคุณเพ็ญชมพู ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ
งั้นนักเรียนใหม่คนนี้ ขอฝากถามท่านอาจารย์เพ็ญชมพูถึงข้อที่นักเรียนข้องใจเลยนะคะ สงสัยมากว่าป้ายนี้มันคือรูปอะไรน่ะค่ะ ดิฉันดูว่าคล้ายใบเรือสำเภา แต่เนื่องจากแปลไม่ออก ขอท่านอาจารย์ชี้แนะด้วยค่ะ

Smack เป็นคำภาษาอังกฤษ หมายถึงเรือชนิดหนึ่งนิยมใช้ในศตวรรษที่ ๑๖-๑๙

Zeyl หรือ Zeil เป็นภาษาดัชต์ หมายถึง sail ในภาษาอังกฤษ

ภาพนี้คงเป็นใบเรือนั่นแล  ;D

ภาพจาก ipernity.com (http://www.ipernity.com/doc/288839/18089041)

ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ

เอ ผมไม่เคยสังเกตเห็นอะไรแบบนี้ในอังกฤษเลยครับ ที่เคยเห็นมีแต่ปีที่สร้างบ้าน หลักไว้บนขื่อประตูเท่านั้น

คุณวิกกี้ (https://wikipedia.org/wiki/Gable_stone) บอกว่าแผ่นรูปสลักหินอย่างนี้ไม่มีในอังกฤษดอก ในยุโรปนอกจากที่อัมสเตอร์ดัมในเนเธอร์แลนด์แล้ว ยังพบที่ Brussels เบลเยียม, Lille ฝรั่งเศส และ Copenhagen เดนมาร์ก เฉพาะที่อัมสเตอร์ดัมก็มีให้คุณปวันดาเดินชมประมาณ ๘๕๐ แผ่นแล้ว  ;D

แอร๊ยย 850 แผ่นในอัมสเตอร์ดัมที่เดียว ดิฉันได้เดินดูขาขวิดกันไปข้างนึงเลยค่ะ   ที่คุณเพ็ญชมพูให้ลิ้งค์คุณวิกกี้มา เห็นผ่านตาอยู่หลายแผ่นเลยนะคะ พรุ่งนี้ได้มีอีกภารกิจก่อนกลับบ้าน  ตามหาแผ่นป้ายปูนปั้น gabel stone in Amsterdam ที่เหลือค่ะ

ให้ลายแทงคุณปวันดาสำหรับเดินสำรวจค้นหาขุมภาพทั้ง ๘๕๐ แผ่นในอัมสเตอร์ดัม  ;D

http://www.livius.org/dutchhistory/amsterdam/amsterdam_gevelstenen4.html (http://www.livius.org/dutchhistory/amsterdam/amsterdam_gevelstenen4.html)

จำได้ว่าในนิยายของเซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์เคยระบุฉากในเรื่องไว้ว่า บ้านลูกความของยอดนักสืบ เหนือประตูมีลายสลักหรือไม่ก็ปูนปั้นนูนต่ำ เป็นช่างทำเนย บอกถึงอาชีพเดิมของเจ้าของบ้าน
ก็เลยคิดว่าในอังกฤษมีเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไรในภาษาอังกฤษ    ถ้ารู้ศัพท์อาจจะค้นมาได้บ้าง

ลายแทงเริ่ดมากค่ะคุณเพ็ญชมพู ดิฉันตามมาได้อีก สี่ห้าป้าย ระหว่างเดินมาเยี่ยมบ้านน้องแอนน์  แฟรงค์ ค่ะ คิวยาวสุดยอด หัวแถวมาตั้งแต่7โมง แต่บ้านเปิด 9 โมง และขณะนี้ยังไม่9 โมง ยืนรอด้วยความเบื่อค่ะ แถมฝนตกปรอยๆเลยไม่กล้างัดกล้องออกมาถ่ายอะไรเลย  :'(

ตอนไปแคนาดาเปลี่ยนเครื่องบินที่สนามบิน Schiphol อัมสเตอร์ดัม อ่านเรื่องของแอนน์ แฟรงค์ที่ห้องสมุดของสนามบิน น้ำตาไหลพรากเชียว  :'(

Gable Stone ครับ

เจอรูปสลักของนักเล่นซอ ประดับอยู่บนจั่ว ที่โบสถ์  Newstead Abbey,ใน Nottinghamshire, อังกฤษ ค่ะ

กลับมาจากบ้านแอนน์ แฟรงค์แล้วค่ะ เคยอ่านสมัยเรียน ตอนนั้นก็ไม่อินเท่าไหร่  ตอนนี้เอามาปัดฝุ่นอ่านใหม่ไปได้หน่อยนึง ยังไม่ทันอินก็วางไปก่อน ดิฉันเดินผ่านหน้าบ้านเธอแทบทุกวันมาเป็นเดือน เนื่องจากที่พักอยู่ใกล้มาก แต่เห็นคิวแล้วท้อ วันนี้กะว่าไหนๆก็ไหนๆ ฝนตกปรอยๆ เผื่อคนจะไม่อยากมาเยี่ยมเท่าไหร่  กัดฟันไปต่อคิวตอน 8.30 ได้เข้าถึงช่องขายตั๋วหน้าประตูบ้าน 10.30 เป๊ะๆ
ในนี้ห้ามถ่ายรูปค่ะ มีป้ายเขียนว่า เพราะคนที่มาเยี่ยมอาจมีอารมณ์ร่วม เลยไม่อยากให้มีการถ่ายรูปมาขัดจังหวะ เลยไม่มีรูปมาให้ชมกันค่ะ อ่านทีแรกก็คิดว่าเว่อร์จัง คงไม่มีใครมายืนร้องไห้ในนี้หรอกม้าง ก็บ้านหลังนิดเดียว คนอัดเข้าไปจนแน่นแทบไม่มีที่หายใจ แล้วมันไม่ได้น่าเศร้าขนาดconcentration camp แถมไม่ได้มีใครตายที่บ้านนี้อีกตังหาก พอเดินมาเจอถึงสมุดโน๊ตเล็กๆที่คุณOtto คุณพ่อของน้องแอนน์ เขียนขยุกขยิก แล้วมีบรรยายต่อว่า คุณพ่อเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตจากสงคราม คิดว่าเผื่อลูกๆโชคดีรอดชีวิตด้วย เลยมารอที่บ้าน ประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อตามหาลูก และไปรอลูกที้สถานีรถไฟทุกวัน เผื่อ..ลูกจะโชคดีอย่างเขา จนวันหนึ่งมีคนมาบอกว่าลุกสาวสองคนเสียชีวิคแล้วในแคมป์...เท่านั้นหล่ะค่ะ ดิฉันน้ำตาไหลพราก เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมทางมิวเซียมถึงห้ามถ่ายรูป
ปล. ขอโทษที่หลุดกระทู้ค่า พาออกทะเลไปอีก
เพิ่งรุ้นะคะว่าสนามบินSchiphol  มีห้องสมุดด้วย ว่างๆต้องไปส่องซะแล้ว

สบโอกาสมาลงรูปเพิ่มค่ะ หลังจากตะลอนเดินเล่นเมื่อเช้า ก่อนฝนจะตก

แผ่นนี้ดิฉันไปค้นคว้ามาได้ความว่า สองคนที่เห็นคือ Joseph and Mary ในการเดินทางกลับไปยังอียิปต์

เอ ทำยังไงถึงจะแปะลิงค์ไว้ในนี้ได้คะ เผื่อท่านใดสนใจที่มา ดิฉันเจอเว็บเกี่ยวกับป้ายปูนปั้นนี้ที่น่าสนใจมาก แต่เป็นภาษาดัตซ์ ต้องเอาไปแปลกะพี่กูเกิ้ลเพื่อนเลิฟอีกทีเอาเองค่ะ  ???

รูปแรกดิฉันถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์ค่า มันอยู่สูง เลยไม่ค่อยชัด ดิฉันเลยหาเอาจากแถวนี้มาแปะให้ชมภาพต้นแบบสวยๆไปก่อนพอถูไถนะคะ แหะแหะ

อันนี้คงเอาไว้ประดับเฉยๆให้บ้านสวยงามตามท้องเรื่องไปหยั่งงั้นเองนะคะ

ส่วนอันนี้ เขาคือใคร ;) ลองทายกันดู

เป็นกังหันลมที่ใช้สำหรับโม่แป้งข้าวโพดที่สร้างอยู่ที่เขต Amstelveen ในอัมสเตอร์ดัม พอเริ่มขยายเมืองอัมสเตอร์ดัม และขยายคลอง กังหันนี้เลยต้องถูกรื้อออกไปค่ะ

ข้อมูล https://nl.m.wikipedia.org/wiki/De_Spiering

IN DEN WILDEMAN

Wild man (https://wikipedia.org/wiki/Wild_man) คนป่าในตำนาน

คุณเพ็ญชมพู

สุดยอดดดดดค่า  ;D ;D ;D มิเสียแรงที่ข้าน้อยนับถือ

คุณหมอเพ็ญชมพู ท่านวิชาเอกสัตวแพทยศาสตร์   และโทอักษรศาสตร์ค่ะ

จริงๆในเรือนไทยนี้ ดิฉันก็นับถือทุกท่านนะคะ มีแต่กระทู้ที่น่าสนใจ แต่ที่เห็นมาตั้งกระทู้ปุ๊บแล้วต้องขออ่านปั๊บ ก็มักจะเป็น ของคุณนวรัตน คุณประกอบ และคุณเพ็ญชมพูนี่แหละค่ะ ปลื้มมาก ขอบอกเลยค่ะ

ไปเดินเที่ยวตามรอยคุณปวันดา โดยความเอื้อเฟื้อของ คุณกุ๊ก (https://www.google.com/maps/@52.374796,4.887673,3a,66.8y,2.11h,69.61t/data=!3m4!1e1!3m2!1s0UubmXftmauPinb3iFftfA!2e0?hl=en) พบว่าพระอาทิตย์สีทองสถิตอยู่ ณ โรงแรมริมคลอง (http://www.sunhead.com/en) (คุณปวันดาพักที่นี่หรือเปล่า  ???)  ว่ากันว่าท่านประทับที่นี่มาตั้งแต่ตึกนี้สร้างเมื่อ ๔๐๐ ปีมาแล้ว (พ.ศ. ๒๑๖๐) ตึกนี้เพิ่งเปลี่ยนเป็นโรงแรมเมื่อ ๒๐ กว่าปีมานี้เอง (พ.ศ. ๒๕๓๖)

บรรยากาศดูร่มรื่นทีเดียว สังเกตเห็นจักรยานจอดเรียงรายอยู่มากมาย อัมสเตอร์ดัมมีชื่อเสียงเรื่องการใช้จักรยานมาก ได้รับสมญานามว่าเป็น "เมืองหลวงจักรยานของโลก" ทีเดียว  ;D

ตัวเลข 1617 ข้างบนอาคารคือปี ค.ศ. ที่สร้าง ไม่น่าเชื่อว่าตึกนี้สร้างหลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคตเพียง ๑๒ ปี

      เริ่มมีสีสันแล้วนะคะโดยท่านอาจารย์เพ็ญ ติดตามมาตั้งแต่ต้นกระทู้ด้วยความสนใจแล้วค่ะ  :D

คนป่าในตำนาน ถือกระบอง น่าจะเป็น Hercules ทีแรกเห็นช่อ laurel น่าจะเป็น Bacchus แต่กระบองเป็นสัญลักษณ์เด่นของ Hercules เขา   

ส่วนบ้านของแอนน์นั้น เป็นตลอดทั้งปี หน้าร้อน หน้าหนาว มีคนเข้าคิวยาว ผมเห็นแล้วก็ไม่มีความอดทนเหมือนกันครับ อีกประการหนึ่ง ได้เคยทำงานกับยิวที่มาจากอิสราเอล ยังหนุ่มแท้ๆ แต่นิสัย... เอาเป็นว่าทุกวันนี้เข้าใจฮิตเลอร์ เปิดใจมากขึ้น ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมแกเกลียดขนาดนั้น ตอนนี้เข้าใจแล้วครับ

นานๆจะได้เข้ามาตอบซักครั้ง กระทู้นี้ต้องตอบ เพราะจะมาบอกว่าชื่นชมมากค่ะ ในยุโรปมีสิ่งละอันพันละน้อยที่น่าดูน่าชมมากจริงๆ ไม่เคยสังเกตป้ายเลขที่บ้านเลย ไม่คิดว่าจะมีน่ารักๆแบบนี้  คุณปวันดาช่างสังเกตจริงๆ วันหลังจะเก็บภาพป้ายเลขที่บ้านแบบนี้บ้างค่ะ (ชอบเนเธอร์แลนด์มากๆด้วย :) )

ส่วนตัวจะเก็บภาพป้ายร้านค้าค่ะ ดูแล้วบอกลักษณะธุรกิจเหมือนกัน

พักละแวกใกล้เคียงแถวนี้เลยค่ะ เลยโชคดีได้มาเดินเล่นดูบ่อยๆ เพิ่งทราบว่าเป็นโรงแรมก็จากคุณเพ็ญชมพูนี่แหละค่ะ  :-[ ข้างหน้ามิมีป้ายบอกอันใด
บางครั้งเดินดูก็รู้สึกว่าเค้าช่างสร้างบ้านเมืองได้เป็นปึกแผ่น สวยงามมีศิลปะ ที่ชอบมากกว่านั้นคือ ยังอนุรักษ์ของเก่าไว้ได้เป็นอย่างดีค่ะ

มีป้ายใหม่มาให้ทายกันเล่นๆค่ะ อิอิ

ขอบคุณคุณSinging Blue Jay มากๆเลยค่ะ มีกำลังใจเดินเก็บรูปต่อทันใด  ;D

ดูกันชัด ๆ ก่อน  ;D

ภาพจาก amsterdamsegevelstenen.nl (http://www.amsterdamsegevelstenen.nl/Singel192.htm)

บ้านนี้เคยเป็นร้านทำรองเท้าไม้สไตล์ดัชต์

บรรยากาศการทำรองเท้าในร้านคงเป็นลักษณะนี้  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=dt5BLJhiMO0#ws (http://www.youtube.com/watch?v=dt5BLJhiMO0#ws)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6379.0;attach=58799;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6379.0;attach=58774;image)

สองภาพนี้เป็นเพื่อนบ้านกันนี่เอง  ;D

ภาพโดยความเอื้อเฟื้อจาก คุณกุ๊ก (https://www.google.co.th/maps/place/Singel+194,+1016+AA+Amsterdam,+%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B8%A3%EF%9C%8E%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%94/@52.374564,4.889053,3a,66.8y,262h,96.11t/data=!3m4!1e1!3m2!1sst1z-wzm7iP5H5VF9R2jQg!2e0!4m2!3m1!1s0x47c609c4260512b9:0xefce2dad8f3c4ed)

ฮี่ฮี่ฮี่ กลายเป็นกระทู้ให้ท่านอาจารย์เพ็ญชมพูทำการบ้านซะงั้น ดีจังเลยค่ะชอบๆๆ  :D เอาภาพเพื่อนบ้านมาเปรียบเทียบงี้ เลยรู้เลยว่านักเรียนเดินถ่ายด้วยความขึ้เกียจค่ะ จริงๆป้ายพวกนี้บางที่อยู่ใ้กล้กันมากๆ ถัดไปสองสามหลังก็เจอแล้วค่ะ   ;D

ยังไม่เคยไปดูเค้าทำรองเท้าไม้จริงๆซักทีค่ะ รองเท้าไม้ที่นี่เรียกว่า klompen หน้าตาเชื่อว่าทุกคนคงเคยเห็นกันมาแล้ว

ขอตัดฉับกลับมาที่ป้ายปูนปั้นใหม่อีกรอบนะคะ บ้านหลังนี้ มีป้ายสามอันรวด ทั้งวัว ทั้งแกะเล็ก แกะใหญ่

มันจะติดไว้เพื่อสื่ออะไรนะเออ

ป้ายนี้น่าสนใจมากค่ะ ดีเทลชัดมาก พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่นะ ลองเดาดูกันมั้ยคะ ;) ;) ;)

แกะชรา โคลายจุด ลูกแกะน้อย

เป็นคำปริศนาอะไรสักอย่างหนึ่ง  ???

โรงงานทำกระดาษ  ;D

ถูกต้องนะคร้าบบบบ

แต่ไอ้สามป้ายนี่ ดิฉันเดาในใจทีแรกนึกว่าร้านขายเนื้อ รอคุณเพ็ญชมพูมาช่วยเฉลย
งั้นสงสัยต้องขอแว่บไปหาข้อมูลมั่งแล้วค่า

ระหว่างรอ ดิฉันขอคั่นด้วยป้ายนี้ น่ารักมากๆค่ะ ขอโทษด้วยที่ไม่ค่อยชัดหลายรูปเลย ช่วงนี้ฝนตกบ่อย แถมบางป้ายก็อยู่สูงเกินจะซูมน่ะค่ะ
เอ เจ้าจิ้งจอกแดงถูกปูหนีบหาง มันพยายามจะสื่อถึงอะไรหว่า ::)

ภาพนี้มาจากนิทานเรื่องสุนัขจิ้งจอกกับปู เป็นนิทานพื้นเมืองของ Nordrhein-Westfalen (ในเยอรมันติดกับเนเธอร์แลนด์) พี่น้องตระกูลกริมม์ได้รวบรวมเอาไว้ เนื้อเรื่องกล่าวถึงการแข่งขันระหว่างสุนัขจิ้งจอกกับปูน้อย จิ้งจอกดูถูกว่าปูช้า วิ่งสู้ตนไม่ได้ ปูจึงท้าแข่ง โดยให้จิ้งจอกออกสตาร์ทก่อน ปูอยู่ข้างหลังจึงใช้ก้ามหนีบที่หางจิ้งจอก พอถึงเส้นชัยจิ้งจอกหันซ้ายหันขวา ไปจะเอ๋กับเจ้าปูซึ่งคลายก้ามซึ่งหนีบที่หางจิ้งจอก แล้วเหวี่ยงตัวลงมาบนพื้นอยู่ข้างหน้าจิ้งจอก จิ้งจอกจึงแพ้ปูด้วยประการฉะนี้แล

นิทานเรื่องนี้ตรงกับสุภาษิตดัชต์ที่ว่า Hoogmoed komt voor de val แปลว่า ความหยิ่งผยองนำมาซึ่งความล้มเหลว

มองขึ้นไปบนยอดตึกในแนวเดียวกับตึก "จิ้งจอกและปู" จะพบส่วนที่ยื่นมาจากส่วนบนทุกตึก  มีไว้สำหรับแขวนรอกเพื่อส่งของที่มีน้ำหนักมาก ๆ  เช่น ตู้ เตียง ขึ้นไปบนอาคารโดยผ่านทางหน้าต่าง

รูปจาก คุณกุ๊ก (https://www.google.co.th/maps/place/Noordermarkt+39,+1015+NA+Amsterdam,+%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B8%A3%EF%9C%8E%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%94/@52.379153,4.886338,3a,67.2y,204.89h,136.39t/data=!3m4!1e1!3m2!1sFyjs2iy3sN1zNKCL-_CcIw!2e0!4m2!3m1!1s0x47c609cfa25479df:0x4dca384c9716fa71)

ใช่ค่ะท่านอาจารย์เพ็ญชมพู เคยอ่านนิทานเรื่องนี้เหมือนกัน ชอบสองพี่น้องตระกูลกริมม์เป็นพิเศษรู้สึกว่านิทานเค้ามีสีสันดีค่ะ เพิ่งทราบว่าเค้ารวบรวมนิทานพื้นบ้านเหรอคะ คิดมาตลอดว่าเค้าแต่งเองใหม่  :-[
ขอบคุณนะคะอุตส่าห์ไปหาสุภาษิตมาใหัด้วย  ;D


บ้านแถวที่อยู่นี่ทั้งละแวกมีรอกแทบทุกหลังค่ะ วันดีคืนดีมีเพื่อนบ้านย้ายเข้ามาก็เริ่มชักโซฟามั่ง โต๊ะมั่งเข้ามาทางหน้าต่าง ดูเพลินไปเลยค่ะ 555

รู้จักสองพี่น้องตระกูลกริมม์ตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เพราะการอ่านหนังสือแต่จากการดูภาพยนตร์ คลับคล้ายคลับคลาว่าชื่อเรื่อง "เทพนิยายนายกริมม์" จำได้ว่าฉากที่ตื่นเต้นที่สุดคือมังกรกี่หัวจำไม่ได้สู้กับพระเอก มีนิทานเป็นตอน ๆ สลับการเดินทางของสองพี่น้องเดินดงลงลำธาร เข้าหมู่บ้านนั่งฟังชาวบ้านเล่านิทานพร้อมกับการจดบันทึก

เรื่องที่ดูตื่นเต้นกว่าเรื่องนี้  ;D

http://youtube.com/watch?v=B8nSZfV7h7M#ws (http://youtube.com/watch?v=B8nSZfV7h7M#ws)

จำได้ว่าเคยมีหนังสือนิทานกริมม์ สมัยเด็กๆ เล่มใหญ่มาก รวมนิทานประมาณร้อยกว่าเรื่อง จำไม่ได้แล้วค่ะว่าอยู่ที่ไหน แต่จำได้ว่า มีเรียกชื่อตอนประมาณ ขาวหิมะ และแดงกุหลาบ แล้วเนื่อเรื่องแอบมีโหดอยู่หลายฉาก เช่น เจ้าชายไปตามหาเจ้าหญิงแล้วบังเอิญพลัดตกไปในกองหนาม เจ้าชายตาบอด แต่ก็จบแบบแฮปปี้ เอนดิ้งคือเจ้าหญิงมาเห็นเลยร้องไห้แล้วน้ำตามาโดนตาเจ้าชาย หายตาบอดอะไรประมาณนี้น่ะค่ะ ตอนเด็กๆชอบมากเล่มนี้ อ่านแล้วอ่านอีกค่ะ
ว่าแต่หนังของคุณเพ็ญก็แอบดูแล้วระทึกไม่ใช่น้อยนะคะ ถ้าคิดว่าดูตอนเด็กๆ  ;)

รูปรอกที่มีอยู่แทบทุกบ้านค่ะ

สองป้ายนี้เกี่ยวกับศาสนาแน่นอน

The Wonderful World Of The Brothers Grimm Trailer 1962

 (http://www.youtube.com/watch?v=HNHjy2ks8EI[/url)

น่าจะเป็นเรื่องที่คุณเทาชมพูเอาตัวอย่างมาฉายให้ชม มังกรเหลือหัวเดียวแฮะ แต่หัวเดียวสำหรับเด็กก็ตื่นเต้นแล้ว  ;D

จาก # ๖๒

ลิงกับสุนัขช่วยกันทำงาน อาจเป็นภาพปริศนาธรรม  ???

คุณปวันดาน่าจะพักอยู่ตึกฝั่งตรงกันข้าม  ;D

แผ่นภาพนี้  คนที่นั่นบอกว่าเป็นของปลอม ที่ว่าปลอมเพราะไม่ได้ทำขึ้นในสมัยศตวรรษที่ ๑๗ รุ่นราวคราวเดียวกับอันอื่น แถมยังทำด้วยพลาสติกอีกต่างหาก

เป็นผลงานของเจ้าของบ้านผู้มีอารมณ์ขัน ทำขึ้นเพื่อความสวยงามและเพื่อลวงนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ  ;D

ข้อมูลจาก https://mysticamsterdam.wordpress.com/2015/08/14/the-false-gable-stone/

OMG คุณเพ็ญชมพูคะ นอกจากจะเก่งรอบด้านสุดๆแล้ว ยังเป็นนักสืบด้วย
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจากรูปรูปเดียวท่านอาจารย์สามารถบอกได้ด้วยว่าดิฉันพักอยู่ฝั่งตรงข้าม แถมถูกอีกตังหาก ขอคารวะอีกทีเลยนะคะ ว้าว ::)

ยังสงสัยว่าใช่ตึกเรือใบนี้หรือเปล่า  ;D

 :oท่านเชอร์ล็อคเพ็ญชมพู ! เกือบถูกแล้วค่า เฉียดไปหลังเดียวเอง 555
น่าปลื้มใจจริงๆค่ะ ท่านอาจารย์ในเรือนไทยนี่เก่งกันรอบด้านทุกท่านเลย

ปล. แผ่นป้ายของปลอม? ตายหล่ะหวา ดิฉันกลายเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่ถูกหลอกไปด้วยอิกคน  เขินจัง :-[ แต่จะว่าไปเค้าก็ทำได้สวยเหมือนของเก่าอยู่นะคะ

ตึกกันสาดเหลืองก็คิดอยู่เหมือนกัน น่าจะเป็นชั้นบนสุด  ;D

เก่งงงงงงไปไหมคะนั่น  :-[ แหม่ ถูกต้องนะคร้าบบบ
จริงๆคุณเพ็ญน่าจะไปช่วยท่านนายกจับมือวางระเบิดพระพรหมเอราวัณนะคะ นี่พูดจริงๆจากใจ เผื่อจับพลัดจับผลูจับโจรได้ขึ้นมา เรือนไทยของเราจะดังระเบิดหล่ะค่ะทีนี้ แหะแหะ

ย่านที่คุณปวัดาพำนักอยู่เรียกว่า Lindengracht แปลว่า คลองต้น linden  (https://en.wikipedia.org/wiki/Linden) ด้วยเดิมเป็นคลองมาก่อน เมื่อปลายศตวรรษที่ ๑๙ จึงถมเป็นถนน แล้วจึงปลูกต้น linden (ตามชื่อคลอง) ไว้ ๒ ฝั่งถนน ถนนสายนี้มีแผ่นภาพ gable stone อยู่ถึง ๑๑ แผ่น ถือเป็นถนนที่น่าสนใจของบรรดาผู้สนใจ gable stone แห่งอัมสเตอร์ดัมทีเดียว  ;D

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6379.0;attach=59061;image)

 ;D

แอบดูอยู่นาน น่ารักดีจังกระทู้นี้

ส่งภาพปูนปั้นสองหลัง ตัวเลข 1642 คงเป็นเวลาที่สร้างอาคารกระมัง เก่าถึงอยุธยาเลยหรือ ? ภาพปูนปั้นเป็นชายทำอะไรก็ไม่รู้

ยังมีเก่ากว่าของคุณหนุ่มอีก  ;D

 8) ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ
ส่วนคำถามที่ว่าแผ่นป้ายนี้ ผู้ชายในป้ายกำลังทำอะไร  คุณเพ็ญชมพูตอบได้ชัวร์ค่ะ  ;D ;D ;D

ความจริงมี ๓ ภาพ  ;D

ชาวกรุง  ชาวนา ชาวประมง

ภาพจาก wikimedia (https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Bloemgracht_87,_Amsterdam#/media/File:Amsterdam_Bloemgracht_87,_89_and_91_angle.jpg)

De Land man คงเป็นคนงานในเหมืองกระมัง แต่ที่เนเธอร์แลนด์จะมีเหมืองอะไรหนอ ?

Steeman Landman Seeman (City Dweller, Farmer, Seaman)

ภาพและคำอธิบายจาก flickr.com (https://www.flickr.com/photos/bennetsummers/6273721690/in/photostream/)

De Landman และ De Seeman มีแสดงเป็นภาพพิมพ์แกะไม้และคำบรรยาย (เป็นภาษาดัชต์) ในหนังสือ Het Menselyk Bedryf  (https://en.wikipedia.org/wiki/Het_Menselyk_Bedryf_(%22The_Book_of_Trades%22)) (The Book of Trades) โดย  Jan Luyken และ Caspar (ลูกชาย) พิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๗ (ค.ศ. ๑๖๙๔) แสดงภาพอาชีพต่าง ๆ ๑๐๐ ภาพ ในเวลาใกล้เคียงกับแผ่นภาพข้างบนของคุณหนุ่ม

De Landman = ชาวนา (farmer)  De Seeman = ชาวเรือ (sailor)  De Visser =  ชาวประมง (fisherman)

ชาวเหมือง คือ De Bergwercker

สองภาพนี้สำหรับคุณปวันดา  ;D


De Schoenmaaker คนทำรองเท้า

De Papiermaaker คนทำกระดาษ

น่าสนใจจังค่ะ เคยอ่านเจอจากไหนไม่ทราบ จำได้ว่าฮอลแลนด์เป็นประเทศที่ริเริ่มเอาเส้นใยพืชมาทำกระดาษโดยใช้แรงจากกังหันลม เดี๋ยวขอเวลาไปค้นข้อมูลแปร๊บนะค้า  :-[

พลังงานที่ใช้ในโรงงานทำกระดาษน่าจะมาจากกังหันน้ำมากกว่า  ข้างล่างเป็นคลิปแสดงการทำงานในโรงงานกระดาษชื่อ De Middelste Molen ซึ่งดำเนินกิจการมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๖๕ (ค.ศ. ๑๖๒๒) เกือบ ๔๐๐ ปีมาแล้ว โอ้ ! (ข้างต้นคลิปมีรูปสะพานหกแถม เป็นแบบเดียวกับที่นำมาใช้ในกรุงเทพฯ สมัยรัชกาลที่ ๕)  ;D


http://youtube.com/watch?v=HGePFLd2vBc#ws (http://youtube.com/watch?v=HGePFLd2vBc#ws)

มงกุฏทองกับปากกาขนนก

ช้างเผือกกับต้นกล้วย น่าสนใจนะครับ เพราะเขาไม่มีช้าง

คุณเพ็ญญ ช่วยหน่อยเร็ว นี่อะไรกันครับ ข้างล่างเหมือนปาท่องโก๋เลย  ???

ข้างบนเป็นอาหารอย่างหนึ่งของคนดัชต์ เป็นเนื้อหมูอัดอยู่ในกระเพาะปัสสาวะหมู คงคล้าย ๆ กับ "หม่ำ" บ้านเรา

(http://www.ilovemyshopping.com/th/upload/1264657623_01.jpg)

ข้างล่างเป็นกระดูกนิ้วเท้าหมู ๗ ชิ้น ไม่ใช่ปาท่องโก๋ดอก  ;D

โอ้ว เหมือนปาท่องโก๋จริงๆด้วยค่ะ :o

มีอีกอันค่าคุณเพ็ญ  ;D อันนี้ถุงแป้งใช่ป่าวค้า

ใส่อะไรไม่ทราบ แต่คงไม่ใช่แป้ง  ;D

นอกเหนือจาก gable stone แล้ว ตึกเก่าในเนเธอร์แลนด์ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีก หากคุณปวันดาเงยหน้าดูที่ยอดของแต่ละตึก ตรงที่มีแท่งยาว ๆ สำหรับเป็นรอกขนสิ่งของขึ้นมาข้างบน ตรงนั้นเรียกว่า gable หรือ หน้าจั่ว ซึ่งมีหลายรูปแบบ อย่าง "ตึกถุงสีฟ้า" นี้เป็นแบบสี่เหลี่ยม ภาษาดัชต์เรียกว่า "Halsgevel" หมายถึง หน้าจั่วรูปคอ ทางซ้ายของภาพเป็น หน้าจั่วสามเหลี่ยม ทางขวาเป็นหน้าจั่วรูประฆัง

หน้าจั่วรูปคอ  "Halsgevel" นี้มีลักษณะพิเศษคือประดับด้วยลวดลายปูนปั้นรูปต่าง ๆ  แตกต่างจากหน้าจั่วแบบอื่น ๆ  ;D

ภาพจาก grachtenvanamsterdam.nl (http://www.grachtenvanamsterdam.nl/hals2.1.0p36i.htm)  ;D

เก็บตกหน้าจั่วอีกแบบหนึ่ง

แบบขั้นบันได

อาจารย์ครับ ตึกถุงสีฟ้านี้ ดูเอียงออกมาข้างหน้าเล็กน้อยหรือเปล่าครับ เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมของเขาหรืออย่างไรครับ

บ้านเหล่านี้รอดจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ มาได้เก่งมากๆเลย

คิดว่าตึกไม่ได้เอียงดอก เพียงแต่สองข้างตึกทำเป็นเหมือนเสาหลอก ๆ ยื่นออกมาเหมือนรับน้ำหนัก ทำให้ดูเหมือนตึกเอียงออกมาข้างหน้า

(http://www.grachtenvanamsterdam.nl/images/hals2.1.0kleinp36d.jpg)

ได้คำตอบจากหนังสือ Amsterdam. Ediz. Inglese (https://books.google.co.th/books?id=xu6fdorgqI4C&pg=PA120&lpg=PA120&dq=veersack+sleeping+bag&source=bl&ots=4Jr_11MqMv&sig=U2AI0C9bJUuTItpcJL61XklmXlQ&hl=th&sa=X&ved=0CB4Q6AEwAGoVChMI2JCi44j7xwIVixmOCh1B3wFP#v=onepage&q=veersack%20sleeping%20bag&f=false) ว่า ถุงสีฟ้านั้นคือ "ถุงนอน"  (sleeping bag) 

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6379.0;attach=59221;image)

ตึกถุงนอนสีฟ้านี้อยู่บนถนนริมคลอง Prinsengracht (คลองเจ้าหญิง - Princess canal) เลขที่ ๓๖ บ้านของแอนน์ แฟรงค์ ก็อยู่บนถนนสายนี้ เลขที่บ้าน ๒๖๓   ;D

ตึกเก่าพวกนี้เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเนเธอร์แลนด์ ทำเป็นของที่ระลึกหลายรูปแบบ คุณปวันดาซื้อกลับมาบ้างหรือเปล่า  ;D

ภาพจาก ghumakkar.com (http://www.ghumakkar.com/walking-tour-of-the-bicycle-capital-of-europe-amsterdam/)

สินค้าที่ระลึกเอามาวางเรียงกันแล้วสวยงาม หากอยากได้สวยๆ คงต้องหมดหลายยูโรเลย  :'(

ภาพนี้ก็แปลกดี เจ้าของบ้านไปสงครามหรอ  ??? มีเส้นสีแดงเยอะเลย

IN DE WAR นอกจากหมายถึง  "ในสงคราม" อีกความหมายหนึ่งคือ "สับสน ยุ่งเหยิง" ที่อยู่ปัจจุบันคือร้านนานา (Nana) ในย่านไฟแดง (red light district) บนถนน Warmoesstraat (ถนนผักกาดแดง - Beetroot street)

ร้านนี้ขายอะไรต้องสังเกตดูที่หน้าร้าน (http://www.afar.com/places/nana-sexshop-amsterdam) ;D

 ;D

ห้องแห่งสงคราม - น่าแวะเข้าไปดูสินค้าภายในร้านนะครับ  ;D ;D ;D ;D

ภายในร้าน ;D

ขออนุญาตส่งท้ายแทนคุณปวันดา ยังมีภาพ gable stone สวย ๆ อีกหลายแผ่นให้ติดตาม ตามลิงก์ข้างล่างนี้  ;D

https://www.flickr.com/photos/vvag/ (https://www.flickr.com/photos/vvag/)