เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: pomsang ที่ 01 ธ.ค. 09, 16:42



กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: pomsang ที่ 01 ธ.ค. 09, 16:42
ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตร แล้วทำไม่ต้องปฏิวัติขณะ ที่พระปกเกล้า รัชกาลที่ 7 ประทับอยู่ที่ วังไกลกังวล


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ธ.ค. 09, 20:04
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงได้รับพระราชทานยศจอมพล จอมพลเรือ ขณะทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ก่อนที่จะโปรดเกล้าฯให้เป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยก่อนหน้าการปฏิวัติไม่นาน

ทรงเป็นประธานอภิรัฐมนตรีสภา และ ขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่ง "ผู้สำเร็จราชการพระนคร" เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล หัวหิน

จากข้างต้นคุณจะเข้าใจได้แล้วว่าทำไมท่านจึงทรงตกเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของคณะผู้ก่อการ ที่จะต้องจับพระองค์ในเช้าวันนั้นให้ได้ไม่ว่าเป็นหรือตาย ถ้าทรงหลุดมือไปและทรงสั่งการได้ ทหารทั้งหมดคงจะต้องเชื่อฟังพระองค์ การปฏิวัติก็จะล้มเหลว

เมื่อจับได้ก็เอาเป็นตัวประกันเสียด้วย ถ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าไม่ทรงยินยอมตามข้อเรียกร้อง ตัวประกันเหล่านี้คงต้องพลีชีพ

นอกจากกรมพระนครสวรรค์แล้ว เจ้านายและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกจับมาควบคุมไว้ที่พระที่นั่งอนันตสมาคมก็ยังมี
สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนริศรานุวัติวงศ์ (สมเด็จกรมพระยา)
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
พลตำรวจตรี หม่อมเจ้าวงศ์นิรชร เทวกุล อธิบดีตำรวจภูบาล
พลตรี หม่อมเจ้านักขัตมงคล กิติยากร
พาลตรี พระยาเฉลิมอากาศ เจ้ากรมอากาศยาน
พันเอก พระยารามจตุรงค์
พันเอก พระยาสุรเดชรณชิต ผู้บังคับการทหารมหาดเล็ก รักษาพระองค์
และ พลโท พระยาสีหราชเดโชชัย เสนาธิการทหารบก

ส่วนคำถามที่สอง ถ้าปฏิวัติตอนที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าประทับอยู่กรุงเทพ มันก็จะยากกว่ากันมากน่ะซีครับ ทหารที่จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์มากมายคงไม่ยอมง่ายๆ จะต้องรบกันใหญ่แน่นอน

แผนปฏิวัติเป็นแผนลักไก่ ผู้ก่อการมีกำลังทหารอยู่ในมือกระหยิบเดียว อาศัยหลอกๆกันออกมาให้ดูเหมือนมีกำลังเยอะ วันนั้นถ้ามีใครไหวตัว กระสุนลั่นขึ้นนัดเดียว เหตุการณ์จะเปลี่ยนไปมาก ไม่สำเร็จโดยง่ายอย่างนี้แน่นอน


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: pomsang ที่ 02 ธ.ค. 09, 14:19
ขอบคุณคร้าบบบบบบ คุณNAVARAT.C  แล้วขอถามอีก 1 คำถาม
สาเหตุนี้ใช่หรือไม่ ที่ทำให้ทูลกระหม่อมบริพัตร สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศราฯ และสมเด็จกรมพระยาดำรง ต้องเสด็จลี้ภัยที่ต่างประเทศ ช่อยตอบหน่อยนะคร้าบบบบบบบ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ธ.ค. 09, 18:16
ใช่ครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: pomsang ที่ 03 ธ.ค. 09, 20:06
ถามอีกครั้งนะครับ แล้วทำไม ทั้ง 3 พระองค์จะต้องเสด็จลี้ภัยด้วยละครับ ทั้งทั้งที่เป็นประเทศของพระองค์เอง ขอบคุณคร้าบ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ธ.ค. 09, 00:01
อ้าว ลี้ภัยก็แปลความได้อยู่แล้วว่า มีภัยมาต้องหนีภัยไปก่อน ไม่หนีเดี๋ยวเขาหาเรื่องเอาเข้าคุกหรืออาจจะแย่กว่านั้นก็ได้น่ะซีครับ ประเทศของพระองค์ก็จริง แต่อำนาจมันเปลี่ยนมือไปอยู่ทางอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว สู้ไม่ได้ก็ต้องหลบฉากไปทีนึงก่อน จึงจะเรียกว่าเป็นคนฉลาดครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: Akararat ที่ 06 ธ.ค. 09, 02:09
ผมว่าทางพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่คงเห็นตัวอย่างเหตุการณ์ปฎิวัติของรัสเซีย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงเลือกที่จะออกไปประทับยังต่างประเทศครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 06 ธ.ค. 09, 07:52
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย  กิศกุล ทรงเล่าไว้ในสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็นว่า  เมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จกลับจากปีนังมาประทับที่วังวรดิศในตอนปลายพระชนม์ชีพ  ผู้คนในวังวรดิศล้วนสังเกตเห็นสันติบาลมาเฝ้าอยู่ที่หน้าวังตลอดเวลา  ฉะนั้นการที่เสด็จไปประทับต่างประเทศนั้นนอกจากเพื่อความสบายพระทัยแล้ว  ยังหมายรวมถึงความปลอดภัยในพระองค์และผู้ที่จงรักภักดีด้วย  ดังกรณีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร  ซึ่งทรงเป็นแพทย์และอาจารย์ซึ่งใครๆ ก็คิดว่าไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็ยังต้องทรงประสบภัย  แล้วเจ้านายที่เคยมีหน้าที่ราชการระดับสูงเช่นนั้นย่อมต้องทรงถูกเพ่งเล็งเป็นธรรมดา  แม้ไปประทับต่างประเทศแล้วก็ยังปรากฏว่ามีสันติบาลตามไปสอดแนมอีก  รายละเอียดหาอ่านในพระนิพนธ์ของท่านหญิงดูเถอะครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: pomsang ที่ 06 ธ.ค. 09, 12:40
แหม คุณV_Mee กำลัง จะถามอยูพอดีเลยว่า แล้วทำไมจะต้องจับตัวกรมพระยาชัยนาทนเรทรด้วยคับ ทั้งทั้งที่เป็นแพทย์ประจำพระองค์


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ธ.ค. 09, 14:09
ท่านไม่ใชแพทย์ประจำพระองค์ดอกครับ แต่ทรงใฝ่พระทัยทางนี้และเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมสถาปนาโรงพยาบาลศิริราชด้วย แต่คณะราษฎร์ท่านไม่จำเป็นต้องดูตรงนั้น เมื่อท่านเสี่ยงตนเข้ากระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็คือการเสี่ยงที่จะเป็นกบฏ หากว่าแพ้ โทษกบฏในสมัยสมบูรณายาสิทธิราชกฏหมายขู่ไว้ว่าจะประหารถึง7ชั่วโคตร แม้ในสมัยราชวงศ์จักรีจะไม่เคยกระทำถึงขนาดนั้นเลยก็ตาม แต่ตัวผู้ก่อการก็มีหวังโดนแน่ เมื่อคิดว่าตนเองยังไม่มั่นคงปลอดภัยจากสิ่งที่ได้กระทำไป ท่านก็ต้องกลัวและหวาดระแวงไว้ก่อน เสด็จในกรมชัยนาทท่านไม่ไฝ่ใจในเรื่องการเมืองและเข้าพระทัยไปเองว่าคนอื่นเขาจะเห็นพระองค์อย่างนั้น จึงทรงประมาทไปหน่อย เสด็จไปเฝ้ากรมพระนครสวรรค์ที่ชะวา เมื่อเสด็จไปอังกฤษก็มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระปกเกล้าหลังจากที่ทรงสละราชสมบัติและประทับที่นั่น ทั้งหมดสายของสันติบาลก็รายงานมากรุงเทพ ท่านก็เลยไม่ไว้ใจ เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตัวท่านทั้งหลายเองที่มักจะอ้างว่าเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของระบอบประชาธิปไตย ท่านก็เลยต้องกำจัดพระองค์เสียก่อน ผิดถูกก็ไว้ว่ากันทีหลังเท่านั้นเอง


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: pomsang ที่ 06 ธ.ค. 09, 21:55
ขอบคุณคร้าบบบบบบ คุณNAVARAT.C งั้นก็ถือว่าสมัยก่อนนั้น ขุนนางมีอำนาจมาก ถึงกับสั่งถอดพระอิสริยยศของพระองค์ให้เป็นสามัญชน เลวร้ายสะจริงจริง แล้วก็ยังน่าสงสาร พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าด้วย ที่ขอร้องให้ปล่อยเสด็จในกรมชัยนาท แต่กับไม่ปล่อย น่าสงสารพระองค์จัง


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ธ.ค. 09, 22:43
อย่าไปเหมารวมว่าสมัยก่อนเป็นอย่างนั้นหมดเลยครับ มันเป็นอยู่สมัยเดียวในระยะยี่สิบปีแรกที่ปฏิวัติล้มระบอบสมบูรณายาสิทธิราชได้ อย่าเรียกพวกท่านว่าขุนนางเลยเรียกว่าพวกผู้ก่อการดีกว่า ประเทศชาติตอนนั้นมีกษัตริย์ก็เหมือนไม่มี ผู้สำเร็จราชการกระทำการแทนภายใต้พระปรมาภิไธย ท่านนายกรัฐมนตรีก็สถาปนาตนเองขึ้นดำรงตำแหน่งท่านผู้นำ พร้อมคำขวัญว่า "เชื่อท่านผู้นำ ชาติพ้นภัย" เล่นเอาชาติเกือบบรรลัยไปเหมือนกัน

ว่าแต่ว่าคุณpomsangเรียนถึงชั้นไหนแล้วครับ ผมอยากทราบ เผื่อจะได้คุยกันให้นานๆ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: pomsang ที่ 06 ธ.ค. 09, 23:00
ปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาตร์ คร้าบ คุณ NAVARAT.C  แล้วคุณ NAVARAT.C เรียนที่ไหนหรือทำงานแล้วคร้าบบบ อ้อมีเมลล์ไหมครับถ้ามีขอด้วย


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: pomsang ที่ 06 ธ.ค. 09, 23:01
หวังว่าจะได้รู้จักกันนะคร้าบบบบบ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 08 ธ.ค. 09, 23:08
การลี้ภัยไปต่างประเทศในสมัยนั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างจากปัจจุบัน

การสื่อสารที่ไม่สะดวกทันใจอย่างในปัจจุบันนี้ การออกไปอยู่ไกลหูไกลตาหมายถึงการสื้อสารที่ยากลำบาก และหากประสงค์จะส่งเงินทองเข้ามาอุดหนุนการก่อการใดๆก็ทำได้ยาก ไม่สะดวกทันใจอย่างสมัยนี้

ดังนั้นการลี้ภัยไปต่างประเทศของพระบรมวงศ์ที่มีอำนาจในช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงเป็นความพอใจของรัฐบาลด้วย

เห็นได้จากการที่กรมพระนครสวรรค์ทรงเดินทางออกนอกประเทศโดยขบวนรถไฟด่วนที่วิ่งทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก คณะราษฎรเป็นผู้จัดการให้ (คงจะด้วยความโล่งอก) ด้วยครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: Kris ที่ 11 ธ.ค. 09, 09:46
คิดแล้วก็ใจหายวาบ เป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน
เผลอไผลไม่ได้การ เหล่ายังเตริ์กลุกขึ้นกระตุกหนวดเสือ
ยังผลให้เจ้านายเสด็จพลัดถิ่นที่อยู่ไปตามๆ กัน

เมื่อได้อ่านบันทึกความทรงจำบางเรื่อง ของ มจ.หญิงประสงค์สม บริพัตร ในสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนครสวรรค์วรพินิตฯ
ทรงเล่าว่านายทหารหนุ่มของผู้ก่อการอยากได้โน่นนี่สารพัด ราวกับตายอดตายอยากมาจากขุมไหนไม่ปาน
รู้สึกสลดใจในชะตากรรมของพระบรมวงศานุวงศ์ที่พลิกผันเช่นนี้

อย่างน้อยหลังจากที่พระองค์ทรงจบการศึกษาและเสด็จนิวัติพระนคร เข้ารับราชการช่วงปี พ.ศ. 2446-2475
พระองค์ทรงทำประโยชน์แก่บ้านเมืองมากมาย
การที่ท่านต้องใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างว้าเหว่ไกลบ้าน
ลงท้ายด้วยสิ้นพระชนม์ในต่างแดน รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ทารุณจิตใจเหลือเกิน

สงสัยว่าข้าเก่าเต่าเลี้ยงของท่านนั้น หายไปไหนหมด!


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 09, 11:21
อ่านค.ห.คุณหลวงแล้วนึกถึงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง                    คงจะต้องบังคับขับไส
เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป                    ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย
เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ                   จะนับถือพงศ์พันธุ์นั้นอย่าหมาย   
ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย     ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา

อ้างถึง
สงสัยว่าข้าเก่าเต่าเลี้ยงของท่านนั้น หายไปไหนหมด!
เห็นอยู่คนหนึ่งที่จงรักภักดี  เสมอต้นเสมอปลาย   ก็ตกระกำลำบากแทบเอาชีวิตไม่รอด 
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3025.msg58352;topicseen#msg58352


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: Kris ที่ 17 ธ.ค. 09, 10:37
ท่านไม่ใชแพทย์ประจำพระองค์ดอกครับ แต่ทรงใฝ่พระทัยทางนี้และเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมสถาปนาโรงพยาบาลศิริราชด้วย

คุณ pomsang ลองสังเกตที่ชื่อศูนย์นเรนทรซิว่าตั้งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติท่านผู้ใด?


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: manit peuksakondh ที่ 17 ธ.ค. 09, 18:13
ผมชอบอ่านเรื่องที่ท่าน"คุย ?"กันนี่มาก อ่านแล้วได้ข้อมูลมากมาย ครับผม อยากเพิ่มอะไรที่มีหลายท่านนอกเว็บ"ให้ข้อสังเกตุไว้" ลงไปจังเลยครับ แต่คิดไปคิดมาแล้ว อย่าดีกว่า ฮิ ฮิ
มานิต


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 18 ธ.ค. 09, 11:34
ถ้าอ่านหนังสือของลุงสรศัลย์ แพ่งสภา ผู้ล่วงลับแล้ว จะพบว่า เสด็จฯ ท่านน่าจะทรงตรอมพระทัยล่ะครับ เพราะ หัวหน้าเสธฯ (ที่อยู่เบื้องหลัง) ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือท่านหัวหน้าคณะฯ ผู้ก่อการปี พ.ศ. ๒๔๗๖ นั่นเอง แถมยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ กรอซลิซ เทอะ เฟลเดอร์ เหมือนกันเสียด้วยนี่สิครับ

ที่น่าเจ็บใจกว่า คือบรรดาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ในภายหลังต้องมาฆ่ากันเอง เพราะเด็กรุ่นน้องที่มาจากฝรั่งเศส ด้วยเหมือนกันครับ

สรุป ฝรั่งเศส เขามาแรงจริง ๆ  เยอรมันหายจ้อยเลย



กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: manit peuksakondh ที่ 21 ธ.ค. 09, 09:58
พยายามจะนึกว่าการไป"เรียน" ต่างด้าวนี่จะมีผลต่อแนวความคิดของเราหรือไม่ อย่างไร และการไป "เรียน" ในรร.ระดับที่ท่านเหล่านั้นไปเรียนกันนั้น ซึ่งสมัยนั้นถือว่าเด่นมากนั้น จะมีผลกระทบถึงอย่างอื่นหรือไม่ ครับผม
มานิต


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ธ.ค. 09, 11:11
ดิฉันไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงนี้อย่างลึก  ก็ต้องรอผู้รู้มาตอบคุณมานิตต่อไป
มาตอบเพื่อกระตุ้นกระทู้ให้เดิน เท่านั้นค่ะ

เข้าใจเพียงว่า การที่นักเรียนไทยมีโอกาสไปศึกษาต่อที่ยุโรป  ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงระบอบบการปกครองจากระบอบราชาธิปไตยมาเป็นสาธารณรัฐ    อย่างฝรั่งเศส  จะเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนไทยบางคนเห็นว่าระบอบกษัตริย์ของไทย ไม่ทันสมัยเสียแล้ว    บ้านเมืองควรจะมีปัญญาชนที่เป็นสามัญชน เป็นผู้กำหนดทิศทาง

ความคิดนี้ เริ่มเค้าให้เห็น ตั้งแต่พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ในปลายรัชกาลที่ ๕   แต่ไม่มีการสานต่อ 
กบฎทหารหนุ่มเมื่อ ร.ศ. ๑๒๐  ในรัชกาลที่ ๖  เป็นการไม่พอใจตัวบุคคลมากกว่าจะกว้างไปถึงไม่พอใจระบอบการปกครอง

การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕  เป็นจุดจบของราชาธิปไตย แต่จะเรียกว่าเริ่มต้นประชาธิปไตย ดิฉันก็ยังไม่อยากเรียกเช่นนั้น  เพราะอำนาจยังอยู่ในมือคนกลุ่มเดียว  เป็นศูนย์กลางการบริหาร
โดยส่วนตัว คิดว่าเป็นคณาธิปไตย

ต่อมาคณาธิปไตยก็แตกแยกกัน    ล้มล้างกันเอง    ก่อนจะกลายเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จในมือคนเดียว เมื่อปี ๒๔๘๒   
ระบบผู้นำ แม้ว่ามีสภาผู้แทน  ก็ยังถูกปกครองโดยฝ่ายผู้นำ  สามารถล้มล้างอำนาจเก่าของเจ้านาย และกลุ่มอำนาจใหม่ด้วยกันแต่เป็นฝ่ายตรงข้าม ลงได้   
ผู้นำแม้หลุดจากอำนาจในช่วงสั้นๆก็กลับมาได้อีกจน ๒๕๐๐  จึงจบลงไป
แล้วเริ่มต้นการปกครองด้วยอำนาจทหาร จนถึงพ.ศ. ๒๕๑๔   


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: manit peuksakondh ที่ 21 ธ.ค. 09, 15:18
เรื่องนี้น่าสนใจ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แต่ก็ต้องรอบคอบเป็นอย่างมากเช่นกัน ทำให้ผมแสดงความคิดเห็นอะไรลำบาก เพราะหลายท่านคงเข้าใจว่านี่คือ ความคิดเห็น ถูกก็ได้ ผิดก็ได้ ของธรรมดา แต่ก็กริ้งเกรง อยู่ครับ กลัวเสียของ ครับผม
มานิต


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: Lonelybankz ที่ 10 ม.ค. 10, 01:08
ได้ความรุ้เยอะแยะเลยครับ รออ่านต่อครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 05 เม.ย. 10, 19:10
[เห็นอยู่คนหนึ่งที่จงรักภักดี  เสมอต้นเสมอปลาย   ก็ตกระกำลำบากแทบเอาชีวิตไม่รอด]

ขอเรียนถามอาจารย์ค่ะ  ท่านผู้นี้คงเป็นผู้ที่เปิดเผยชื่อไม่ได้ใช่ไหมคะ  เพราะถ้าได้อาจารย์คงบอกแล้ว

พระยาโยธาบดีใน 'มาลัยสามชาย' คือตัวแทนของท่านผู้นี้ใช่ไหมคะ  และคำถามสุดท้ายที่คาใจมานาน

หลังจากอ่าน'มาลัยสามชาย' (ตอนนั้นมัวแต่งมโข่งค่ะ  ไม่รู้ว่ามีเว็บไซท์นี้ที่อาจารย์เข้ามาตอบคำถาม)

พระยาโธยาบดีที่เป็นราชองค์รักษ์ในกรมพระนครสวรรค์มีตัวตนจริงๆตามประวัติศาสตร์หรือไม่คะ     
 


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 เม.ย. 10, 19:24
มาลัยสามชายเป็นนวนิยาย     แม้มีที่มาจากเหตุการณ์จริงในอดีตบ้าง แต่ก็ไม่อาจนำมาอ้างอิงได้ว่าเป็นเรื่องจริง หรือบุคคลจริง ค่ะ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: mr.eakaluck_tum ที่ 02 ก.ค. 10, 23:21
แล้วผู้ว่าคนล่าสุดเกี่ยวข้องกับทูลกระหม่อมบริพัตรละครับ...ผมอยากรู้ครับ :)


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 ก.ค. 10, 07:48
ภาษาชาวบ้านใช้ว่าท่านเป็น"หลานปู่"น่ะครับ

เรื่องที่ควรรู้เกียวกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรอยู่ในเวปมากมาย คุณเข้าไปหาเองได้


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: mr.eakaluck_tum ที่ 03 ก.ค. 10, 18:52
ขอบคุณครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: teerat1 ที่ 03 ก.ค. 10, 22:01
แล้วเป้นยังไงละครับ ประชาธิปไตย ที่อยากได้กันนักหนา
เอามาเป้นเครื่องมือให้นักการเมือง ผลาญประเทศแบบทุกวันนี้


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: manit peuksakondh ที่ 04 ก.ค. 10, 20:08
ใครเคยได้ยินเพลง " 24 มิถุนา ยนมหาศรีสวัสดิ์ ......เริ่มระบอบแบบอา ระยะประชาธิปไตย ทั่วราษฏรไทย ได้สิทธิสมบูรณ์... " มั่งเอ่ย แหมตอนเด็กๆร้องได้คล่อง ตอนนี้ลืมไปเกือบหมดแล้วครับ
มานิต


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ค. 10, 22:40
ยี่สิบสี่มิถุนา….ยนมหาศรีสวัสดิ์….ปฐมฤกษ์ของรัฐ..ธรรมนูญของไทย

เริ่มระบอบแบบอารยะ....ประชาธิปไตย……ทั่วราษฎรไทยได้สิทธิ์เสรี

สำราญ สำเริง บันเทิงเต็มที่ เพราะชาติเรามีเอกราชสมบูรณ์

ไทยจะคงเป็นไทย โปรดร่วมใจ…เทอดไทย ไชโย……..


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: manit peuksakondh ที่ 05 ก.ค. 10, 15:45
ขอบพระคุณครับ อยากฟังจังเลยครับ
มานิต


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ก.ค. 10, 15:59
ผมกำลังร้องให้ฟังอยู่ ได้ยินไหมครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ค. 10, 16:31
ถ้าคุณมานิตฟังคุณนวรัตนร้องจบแล้ว  encore แล้ว ก็ยังไม่จุใจ เชิญเข้าไปฟังในเว็บนี้ได้ค่ะ
http://www.talkingmachine.org/
ลากเม้าส์ลงไปเรื่อยๆจะเจอลิ้งค์ เพลงชาติ ๒๔ มิถุนา

ป.ล. จำเพลงนี้ไม่ได้เลย   ไม่น่าเชื่อ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ก.ค. 10, 16:50
อ้าว เมื่อกี้ที่ร้องออกอากาศให้คุณมานิตฟัง ปรากฏว่าร้องผิดไปคนละทำนอง ถูกแค่ ยี่สิบสี่มิถุนา...ยนมหา...ศรีสวัสดิ์ ที่เหลือผิดหมด

ขออภัยนะครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: djkob ที่ 26 ส.ค. 10, 11:34
สวัสดีค่ะ เพิ่งเป็นสมาชิกได้ไม่นาน ขอคุยด้วยคนนะคะ

กบได้อ่านหนังสือของ มจ.หญิงพูนพิศมัย  ดิสกุล  เกี่ยวกับเรื่องราวช่วงปลายรัชกาลที่ 7 เป็นช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่เป็นช่วงที่เศร้ามากค่ะ  อ่านไปก็ร้องไห้ไปด้วย  ชื่อหนังสือ "สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น"  :'(

อ่านแล้วทำให้คิดไปว่า ทำไมพวก............เขาถึงใจร้ายกับเจ้าของแผ่นดินได้ขนาดนั้น ถ้าไม่มีบรรพบุรุษของท่านแล้วพวกเขา............เหล่านั้นจะได้มีแผ่นดินให้อยู่ดีมีสุข ระเริงกับอำนาจได้หรือ ?

พวกเขาใจร้อนไปหรือปล่าว  ประชาธิปไตยของเราถึงได้ไม่มั่นคงเหมือนทุกวันนี้  ไปถามตามบ้านนอกบ้านนา บางคนยังไม่เข้าใจเลยว่าคืออะไร รู้แต่ว่าเขาบอกให้ทำ เขาบอกให้เลือก เขาให้.................จึงไปเลือก

แต่อ่านว่าบางช่วงก็ต้องเดาเอาเอง เพราะผู้เขียนคงเอ่ยชื่อไม่ได้ได้แต่...........เหมือนกบนี่แหละ  แต่คิดไปคิดมาถ้าเดาส่งเดช ก็จะทำให้คนผิดเป็นคนถูก หรือคนถูกเป็นคนผิดได้ เพราะเกิดไม่ทัน  ก็เลยไม่เดาแต่อ่านเพื่อให้ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ดีกว่า  ถ้าท่านใดได้อ่าน แล้วบอกด้วยนะคะ เพื่อจะได้สอบถามเป็นการส่วนตัวว่าที่ ผู้เขียน........ไว้เป็นใครกันบ้าง  ???

ด้วยความเคารพ




กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 ส.ค. 10, 11:49
อ่านบันทึกของท่านหญิงพูนแล้ว ต้องอ่านตรงนี้ด้วยครับ

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9577433/K9577433.html


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 27 ส.ค. 10, 13:57
อ้างถึง
ผู้คนในวังวรดิศล้วนสังเกตเห็นสันติบาลมาเฝ้าอยู่ที่หน้าวังตลอดเวลา

แขกที่ไม่ได้รับเชิญแบบนี้  ลูกหลานนักโทษการเมืองรู้จักดีค่ะ
และทำให้ผู้ต้องสงสัย หรือ อดีตผู้ต้องหา กลายเป็นบุคคลน่ารังเกียจ
ไปไหนมาไหน ไม่มีใครเสวนาด้วย บางคนหันหน้าหนี และแอบปาดน้ำตาไปด้วย
งานการ ธุรกิจก็ทำไม่ได้ ล้มละลายเหมือนตกนรกทั้งเป็นอยู่นาน

กว่าฟ้าจะเปลี่ยนสี บางคน ก็เส้นเลือดในสมองแตก จำอะไรไม่ได้
นั่นแหละ คือ วันที่ สันติบาล คืนสันติภาพให้อย่างแท้จริง

นี่คือชะตากรรมของชาวบ้านธรรมดาที่ยืนอยู่คนละฝ่ายกับผู้มีอำนาจ ยังขนาดนี้
เจ้าฟ้าบริพัตร ทรงลี้ภัยไปบันดุง เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและ น่าเคารพยกย่องในความเสียสละเป็นอย่างยิ่ง


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 มิ.ย. 20, 11:25
ใครเคยได้ยินเพลง " 24 มิถุนา ยนมหาศรีสวัสดิ์ ......เริ่มระบอบแบบอา ระยะประชาธิปไตย ทั่วราษฏรไทย ได้สิทธิสมบูรณ์... " มั่งเอ่ย แหมตอนเด็กๆร้องได้คล่อง ตอนนี้ลืมไปเกือบหมดแล้วครับ
อยากฟังจังเลยครับ
มานิต

จัดให้ตามคำขอ  ;D

https://youtu.be/-jkJmp7Ou9k


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 20, 12:50
  ย้อนหลังไป 88 ปี เช้าวันเดียวกันนี้   คือวันที่ 24 มิถุนายน 2475    นายทหารกลุ่มหนึ่งนำโดย นายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิชาหารทหารโรงเรียนนายร้อย กับสมัครพรรคพวก ได้ทำการยึดการปกครองแผ่นดินได้เป็นผลสำเร็จ  โดยวางอุบายให้ทหารส่วนใหญ่ซึ่งไม่ได้รู้เห็นด้วย มาชุมนุมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ตรงหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วประกาศการยึดพระราชอำนวจ ในนามของ "คณะราษฎร์"

  ในจำนวนทหารที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยนี้ มีนายทหารหนุ่มยศนายพันตรีชื่อหลวงราญรณกาจ เป็นผู้บังคับการกองพันมหาดเล็กกองพันที่ 3  เป็นกองพันอยู่ใกล้ชิดกับเขตพระราชฐาน มีหน้าที่รักษาองค์พระมหากษัตริย์ เห็นว่าเป็นการกบฏ จึงได้สั่งการป้องกันกองพันของตนไว้ โดยให้ทหารตั้งปืนกลจุกช่องทางที่จะเข้ามาในกองพันทุกจุด ทั้งสั่งทหารให้สู้
    แต่ผู้ก่อการฯ ได้ยึดอำนาจไว้ได้แล้ว  รวมทั้งผู้บังคับบัญชาของหลวงราญรณกาจก็ไม่คิดต่อสู้    หลวงราญฯจึงต้องยกเลิกคำสั่ง    ถึงกระนั้น  ชะตากรรมของคุณหลวงก็ไม่ได้ดีขึ้น   เพราะนายทหารหลายคนฝ่ายผู้ก่อการถือว่าคุณหลวงไม่ได้ร่วมมือด้วยแต่แรก   ซ้ำยังกระทำการขัดขวางในการตั้งกองพันเตรียมต่อสู้   จึงได้บีบบังคับจนคุณหลวงต้องลาออกจากราชการ       มาทำงานเอกชนเป็นผู้จัดการโรงภาพยนตร์เฉลิมนคร
   เวลาผ่านไป บุคคลชั้นผู้นำของคณะราษฎร์แตกคอกันเอง   จนนายทหารรุ่นน้องนามพันตรีหลวงพิบูลสงครามก้าวขึ้นสู่อำนาจ    ในปี 2482  ห่างจากวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 7  ปี   เขาได้กวาดล้างฝ่ายผู้ก่อการฯ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์อย่างรุนแรง  มีทั้งจับเป็นและจับตาย 
     หลวงราญรณกาจถูกหมายหัวมาตลอด 7 ปีว่าเป็นฝ่ายสนับสนุนเจ้า   ประกอบกับเป็นเพื่อนนายทหารร่วมรุ่นของพระยาทรงสุรเดช หนึ่งในผู้ก่อการผู้ถูกโค่นอำนาจไปแล้ว   จึงถูกยัดเยียดข้อหากบฏ  และถูกตำรวจในยุคของหลวงอดุลเดชจรัส  ไปจับกุมถึงบ้าน   ยิงทิ้งคาบ้านตัวอง ด้วยปืนกลมือในระยะเผาขน นับรูลูกกระสุนจากแผ่นหลังได้ถึง 14 รู   หลักฐานของตำรวจคือปืนพก 1 กระบอก ถูกทิ้งไว้ใกล้ศพ   เพื่อเป็นหลักฐานในข้อหาต่อสู้เจ้าพนักงานอีกกระทงหนึ่ง  แทนที่จะเป็นคดีฆ่าคนตายของตำรวจเอง

    วันที่ 24 มิถุนายน ของทุกปี จึงเป็นวันที่เตือนใจให้ลูกหลานของหลวงราญรณกาจ รำลึกถึงนายทหารเล็กๆคนหนึ่ง ที่ตายไปอย่างไม่เสียชาติเกิด และไม่เสียหน้าที่ต่อแผ่นดินของปู่ย่าตายาย


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 24 มิ.ย. 20, 15:59
พึ่งเห็นภาพนี้ อยากเรียนถามผู้รู้ว่ามาจากหนังสือเล่มไหนครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 20, 17:00
ดิฉันจำไม่ได้ค่ะ  เห็นจะต้องถามผู้รู้ท่านอื่น

แต่จำข้อความข้างล่างนี้ได้ว่าใครพูด

""ในปี ค.ศ. 1925 (พ.ศ. 2468) เมื่อเราเริ่มจัดตั้งกลุ่มแกนของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้ว และได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี ข้าพเจ้าไม่มีความจัดเจน และโดยปราศจากความจัดเจน บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำความเป็นจริงในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี  ในปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) ข้าพเจ้าอายุ 32 ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน และครั้นข้าพเจ้ามีความจัดเจนมากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ  "


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 25 มิ.ย. 20, 22:52
ดิฉันจำไม่ได้ค่ะ  เห็นจะต้องถามผู้รู้ท่านอื่น

แต่จำข้อความข้างล่างนี้ได้ว่าใครพูด

""ในปี ค.ศ. 1925 (พ.ศ. 2468) เมื่อเราเริ่มจัดตั้งกลุ่มแกนของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้ว และได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี ข้าพเจ้าไม่มีความจัดเจน และโดยปราศจากความจัดเจน บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำความเป็นจริงในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี  ในปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) ข้าพเจ้าอายุ 32 ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน และครั้นข้าพเจ้ามีความจัดเจนมากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ  "

กราบสวัสดีครับอาจารย์เทาชมพู นานๆแวะมาที ช่วงนี้มีการพูดถึง 2475 ก็รำลึกได้ว่าฐานความรู้ของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้เกือบทั้งหมดมาจากห้องสมุดเรือนมยุราที่อาจารยเทาชมพู อาจารย NAWARAT C. เล่าเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว เดี๋ยวคงต้องอ่านกระทู้เหล่านั้นอีกสักรอบ อ่านรอบใหม่อาจจะมีความเข้าใจหรือมุมมองใหม่ตามวัยที่เปลี่ยนไป


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 20, 13:27
มาทักทายคุณผกานินีค่ะ   หายไปนานมากจนเกือบลืมชื่อไปแล้ว
ดีใจที่แวะเข้ามาอีกค่ะ 
ถ้าอ่านเสร็จแล้วจะออกความเห็นก็เชิญนะคะ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 20, 18:18
จาก FB ของคุณปัณณพัทธิ์ คำนึง

บทพระนิพนธ์ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนา
เจ้านายที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ ที่คณะราษฏร์ เข้ากุมพระองค์ ทูลกระหม่อมบริพัตร และทรงพระชมน์อยู่ในปัจจุบัน

“ที่เขียนนี้อยากจะให้ใครๆ ที่อ่านนำนิสัยการกระทำที่ดีเลิศของพระยาประดิพัทธ์ มาเทียบกับคนที่ชื่อ วรรณ ชูถิ่น (ที่เอาปืนจี้อกทูลกระหม่อมบริพัตร) และพวกคณะราษฎร์ที่ได้ไปเรียนต่างประเทศ ด้วยทุนของหลวง (เงินของพระเจ้าแผ่นดิน)

เรื่องพระยาประดิพัทธ ที่มีเกี่ยวกับพ่อ (ทูลกระหม่อมบริพัตร) ตอนอยู่ที่บันดุง เจ้าคุณยังอยู่เป็นเพื่อนพ่อ ฉันชอบฟังเจ้าคุณเล่าเรื่อง และท่านก็ชอบเล่าเรื่องตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ มาเลย ท่านเล่าว่า พวกตระกูลของท่านเป็นจีนแท้ๆ ทำเหมืองแร่อยู่ที่ระนอง ตัวท่านรับราชการมา ๓ รัชกาล ได้เป็นพระยา ได้รับพระราชทานนามสกุล ณ ระนอง ท่านได้ใกล้ชิดทูลกระหม่อมบริพัตรและเจ้านายอีกหลายพระองค์ ท่านมาประทับใจและศรัทธาในพระองค์ของทูลกระหม่อมบริพัตร เนื่องจากเห็นผลงานและพระนิสัยที่ดี ตรง ล้ำเลิศด้วยปัญญา และเมตตา

ตอนพ่อมีอำนาจวาสนา มีตำแหน่งในราชการ ฉันยังเด็กมาก แต่ก็จำได้ว่า เรามีงานทำบุญ มีเทศน์ที่วังบ่อย ทุกครั้งคนทุกระดับยศและอาชีพจะมากันเต็มตำหนักใหญ่ไม่ต้องเชิญ พวกมาประจำทุกชนิดงานก็มีมาก ใครมีลูกหลานจะแต่งงาน จะหมั้น จะเกิด ก็มาให้ที่วังเป็นเจ้าภาพ นั่นคือเวลาที่พ่อมีบุญวาสนา

๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ พวกคณะราษฎร์เอารถถังบุก ยิงปืนประจำรถถัง จนตำหนักใหญ่เป็นรูกระสุน ปลดอาวุธทหารเฝ้าวัง บุกไปที่ตำหนักน้ำ พอพ่อลงมาจากห้องบรรทมก็เอาปืนสี่ห้ากระบอกพร้อมหอกปลายปืนจี้พา ไปตำหนักใหญ่ ฉันรักและห่วงพ่อก็เดินเคียงข้างท่านไปตลอด แต่ฉันยังตัวเล็ก และทุกคนก็เครียดจัด ไม่มีใครสังเกตเห็นฉันสักคน จึงได้เห็นเหตุการณ์ตลอด

ไปถึงตำหนักใหญ่ มีนายทหารคนหนึ่งใช้ปืนยาวจ่อจี้ที่อกของพ่อ พ่อมองเห็นหน้าเขาแล้วจำได้ พ่อว่า "มึงก็เป็นพวกเขาด้วยรึ อ้ายวรรณ เอาสิวะ มึงยิงกูเลย!" แล้วพ่อก็เอามือของท่านฉีกเสื้อที่ท่านใส่อยู่ขาดตลอดแล้วยืดอกพร้อมจ้องตาคนที่ชื่อ "อ้ายวรรณ" แปลก... "อ้ายวรรณ" หน้าแดงจัด เหงื่อแตกทั้งหน้า ลอดปลายปืนลงชี้พื้นแล้วกลับหน้าซีดมากๆ ก้มหน้านิ่ง

เด็จย่า (กรมหลวงทิพยรัตน์) เล่าประวัติของ "อ้ายวรรณ" ว่า ตอนพ่อเสด็จต่างจังหวัด ไม่รู้จังหวัดไหนฉันจำไม่ได้ ท่านไปวัด พระที่วัดบอกพ่อว่า มีเด็กคนหนึ่งพ่อแม่ตาย ท่านเลี้ยงให้เรียน แล้วมันฉลาดจริงๆ อยากให้พ่ออุปการะ พ่อพามาเรียนที่กรุงเทพฯ ส่งโรงเรียนทหาร ส่งเรียนต่างประเทศ กลับมาทำราชการ เก่ง พ่อชุบเลี้ยงตั้งแต่เล็กจนทำราชการได้เป็นคุณพระ

คณะราษฎร์เอาพ่อไปขังใต้ถุนพระที่นั่งอนันต์ฯ ท่านแม่ หม่อมแม่ อ้อนวอนตามไป “จะตายก็ขอตายด้วยกัน” ที่คุมขังไม่มีห้องน้ำ มีแต่อ่างล้างหน้า โถอุจจาระ ต้องขอผ้าจากวังบางขุนพรมไปกั้นเป็นฉาก อาหารที่ทางวังส่ง พวกทหารใช้หอกปลายปืนกวนกระจุยกระจาย อ้างว่าต้องค้น เกรงจะมีอาวุธซ่อนมา ก่อนพวกคณะราษฎร์จะเอาพ่อไปขัง พ่อมอบหน้าที่ให้เด็จย่า (กรมหลวงทิพยรัตน์) ควบคุมดูแลคนในวังและท่านฝากพวกเราลูกๆ ไว้กับเด็จย่า

พวกคณะราษฎร์หัวรุนแรง จบมาจากฝรั่งเศส หัวสมองเห่อบวมไปด้วย “ปฏิวัติฝรั่งเศส” (French Revolution) จะเอาพ่อไปยิงเป้าที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ให้เหตุผลกันว่า อ้ายคนคนนี้ (ทูลกระหม่อบริพัตร) เอาไว้ไม่ได้ มันเก่ง แข็ง พวกทหารบกทหารเรือเชื่อมือมันมาก ถ้ามันคิดโค่นเรา เราก็แพ้ แต่เจ้าคุณพหลฯ เจ้าคุณทรงฯ ไม่ยอม ท่านว่า "พวกเราคณะราษฎร์ได้ไปสาบานในโบสถ์วัดพระแก้วมรกตว่า จะทำปฏิวัติโดยไม่ให้เลือดตกยางออก ใครจะฆ่าทูลกระหม่อมบริพัตรต้องข้ามศพกูสองคนไปก่อน"

ตอนนั้นทั้งสองเจ้าคุณยังกุมอำนาจทางทหารไว้ ดังนั้นจึงมีการเปลี่ยนแผน พ่อต้องเขียนยกวังบางขุนพรมเป็นของรัฐ และพ่อต้องออกไปจากประเทศไทย ห้ามกลับมาชั่วชีวิต ตลอดเวลาที่พ่อถูกขัง พวกคนที่เคยมาเป็นแขกประจำ ไม่ว่าจะมีอะไรพากันหายหน้ากันไป มีแต่เจ้าคุณประดิพัทธ์ มาเยี่ยมเราทุกวัน และก็ร้องไห้สงสารพ่อมาก เจ้าคุณบอกเด็จย่าว่า จะต้องเข้าหาพ่อให้ได้ แต่ย่าว่ามันจะไม่ดีสำหรับทั้งตัวเจ้าคุณและทูลกระหม่อม จะเกิดภัยทั้งสองคน

ในที่สุดพวกเขาปล่อยพ่อ ท่านแม่ และหม่อมแม่ออกมากลับวัง หลวงประดิษฐ์ มาแจกหนังสือเดินทางพร้อมลายเซ็น เราก็เตรียมตัวกันจะออกจากประเทศ ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน เจ้าคุณประดิพัทธ์ มาหอบกระเป๋าเดินทางมา หอบลูกชายรุ่นๆ มาด้วย ร้องไห้กันทั่วหน้า เจ้าคุณว่า "ขอตามเสด็จ จะพาไปอยู่บ้านของตระกูล ณ ระนอง ที่ปีนัง "พ่อว่าทางคณะราษฎร์ประกาศว่า ใครมาติดต่อสนิทสนมกับพวกตระกูลบริพัตร จะถูกจับกุม ไต่สวนปลดออกจากตำแหน่งราชการ เจ้าคุณอย่ามากับฉันเลย

ท่านเจ้าคุณตอบว่า "พวกเกล้ากระหม่อมเป็นจีน ได้พระเจ้าแผ่นดินในพระราชวงศ์จักรีชุบเลี้ยง พระราชทานนามสกุล สุขสบายกันอยู่ในประเทศไทย ก็จะขอตอบแทนพระคุณในครั้งนี้ มันจะฆ่า ก็ไม่เสียดายชีวิต พ่อว่าเจ้าคุณมากับเรา แต่พวกลูกหลานในตระกูล ณ ระนอง ยังอยู่ในเมืองไทยกัน เขาจะลำบาก ถูกกลั่นแกล้ง เจ้าคุณประดิพัทธ์ท่านตอบว่า "ใต้ฝ่าพระบาทไม่ต้องเป็นห่วง เกล้ากระหม่อมก่อนจะมานี่ ได้เรียกพวกคนในตระกูล ณ ระนอง มาประชุมบอกแล้วว่าจะตามเสด็จ แล้วถ้าเขาจะมาแกล้งก็ทนรับ เขาจะมาฆ่าก็ยอมตายกัน ตอบแทนผู้มีพระคุณ"

เราไปอยู่บ้านของตระกูล ณ ระนอง บนภูเขา อากาศดี สบายมาก การต้อนรับก็เป็นแบบเหมือนญาติสนิทกัน แต่ปีนังใกล้เมืองไทย ไปมาสะดวก เป็นที่นิยมของคนไทย ทุกครั้งที่รถเข้าเรือเข้า จะมีคนไทยมา พวกอยากมาดูสำหรับเอากลับไปลือคุยกัน พวกนักข่าว และพวกรับจ้างให้มาฆ่าพ่อของเรา

ครั้งหนึ่งพ่อพาเรานั่งรถไฟลงไปในเมือง ขากลับขึ้นมา มีผู้ชายตัวดำล่ำมานั่งตรงข้ามพ่อในรถไฟฟ้าและจ้องหน้า ฉันได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่า มีการจ้างคนมาฆ่าพ่อ ฉันเลยนึกกลัวพ่อจะถูกฆ่า เพราะดูที่กระเป๋ากางเกงของเขาคล้ายจะมีปืน ฉันก็เลยลุกไปนั่งตักพ่อ เอาตัวบังไม่ให้เขามองพ่อ พอถึงสถานีบนภูเขาเราก็ลง รีบเดินกลับบ้าน ฉันเห็นคนนั้นยืนมองตามเราอยู่ห่างๆ เพราะตามสถานีจะมีเจ้าหน้าที่แลตำรวจ เราขอให้เขาดูแลให้ แต่พ่อไม่สบายใจ เราก็ไม่สบายใจ พ่อเลยตัดสินพระทัยย้ายไปอยู่บันดุง เมืองที่รัชกาลที่ ๕ เคยโปรดและสมัยนั้นไม่ค่อยมีคนไทยไปเกาะชวา บันดุงไกลจากจาร์กาต้า สมัยนั้นมีถนนดีมากจากจาร์กาต้าผ่าน Poejak ไปบันดุง มีโรงแรมเล็ก สะอาด อาหารอร่อย มีเครื่องบิน KLM บินระหว่างจาร์กาต้ากับบันดุง

ในที่สุดทูลกระหม่อมบริพัตรก็ได้พบและอยู่ที่ที่เย็นสบาย สะดวก และสงบร่มเย็น ปลอดภัยจริงๆ เราเริ่มก็อยู่บ้านเช่า ปีแรกก็ยากจนกัน เพราะคณะราษฎร์ไม่อนุญาตให้ทางเมืองไทยส่งเงินของพ่อไปให้พ่อ เราไม่มีคนใช้ เราก็จัดระบบกันเช่นนี้ เด็จย่า (กรมหลวงทิพยรัตน์) พ่อ ท่านแม่ และเจ้าคุณประดิพัทธ์ห้ามทำงานบ้าน ส่วนพี่ห้าองค์และหม่อมแม่จัดเวรกันเป็น ๓ ชุด ชุดละ ๒ คน ผลัดกัน ชุดหนึ่งไปจ่ายกับข้าว อีกชุดทำกับข้าว อีกชุดทำความสะอาดบ้าน หมุนเวียน น้องชายกับฉันยังเล็กอยู่ก็วิ่งรับใช้ทั่วไป กุรับใช้ดูแลพ่อของกุ และบางครั้งก็มาช่วยยกของหนักๆบางวันก็ช่วยพ่อตัดต้นไม้

น้องชายของฉันเรียนภาษาดัทช์ (Dutch) 6 เดือน (จากไม่รู้เลยสักคำ) ก็เข้าโรงเรียนฝรั่งใกล้บ้าน เดินไปเดินกลับ อยู่บ้านก็ทำการบ้านและวิ่งรับใช้ทั่วไป ท่านเจ้าคุณแนะนำปรึกษากับพ่อว่า อยู่อย่างนี้ไม่ได้ ต้องรวบรวมเข้าทุนกิจการอะไรที่ทำรายได้สักอย่าง พอดีทางเมืองไทยเกิดอนุมัติให้ส่งเงินของพ่อมาให้บ้าง พ่อมีเพื่อนแล้วเป็นคนดัทช์ ออสเตรียน เยอรมัน และอเมริกัน ก็ปรึกษากัน

วันหนึ่งพ่อกับฉันเดินเล่นผ่านร้านและเอเย่นต์ขายจักรยาน พ่อว่าใครๆ แนะให้พ่อเข้าหุ้นกับบริษัทขายรถยนต์ แต่ดูแล้ว คนที่นี่ขี้เหนียว ถึงรวย มีรถยนต์ ถ้าจะไปไหนที่พอถีบจักรยานไปไหว ก็เก็บรถยนต์ไว้ในโรงรถ ใครจะมีตำแหน่งสูงแค่ไหนก็ใช้จักรยาน คนจนก็ใช้จักรยาน พอดีเจ้าของกิจการเดินออกมา เห็นพ่อเข้าก็จำได้ว่าเป็น Prins van Siam (เจ้าฟ้าแห่งสยาม) เขาเชิญพ่อเข้าไปคุยในออฟฟิศ ต่อมาพ่อก็ลงทุนกับเขา และทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีกันมาตลอดชีวิต “

หมายเหตุ :

๑. จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมหมื่นนครสวรรค์วรพินิจ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และอภิรัฐมนตรี

๒. เจ้าคุณพหล คือ พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา

๓. เจ้าคุณทรง คือ พันเอก พระยาทรงสุรเดช

๔.พระยาประดิพัทธภูบาลเป็นบุตรของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอ ซิม ก๊อง) ชื่อเดิม คอ ยู่ เหล ณ ระนอง เกิดที่เกาะปีนัง จบการศึกษาเนติบัณฑิตอังกฤษ เริ่มรับราชการในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นล่ามกิตติมศักดิ์ประจำสถานทูตลอนดอน รับราชการในกระทรวงต่างประเทศ ที่หลวงสุนทรโกษา ได้ติดตามเสด็จพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ ๕)และพระบรมวงศานุวงศ์ ในราชการต่างประเทศเกือบทั่วโลก รู้ภาษาอังกฤษ มลายู และภาษาจีน เมื่อครั้งมีกรณีพิพาทฝรั่งเศส พ.ศ. ๒๔๓๖ ทางราชการให้ท่านเป็นอัยการฟ้องคดีพระยอดเมืองขวาง เมื่อครั้งตรังกานู ยังเป็นส่วนหนึ่งของพระราชอาณาจักรไทย ได้อยู่ในคณะข้าหลวงฝ่ายไทย เมื่อครั้งกลันตัน ยังเป็นของไทย ได้เป็นผู้ไปฟังราชการ ณ เมืองสิงคโปร์ สมัยรัชกาลที่ ๖ ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ประจำสิงคโปร์ ปีนัง สหพันธรัฐมลายา ได้เป็นพระยาประดิพัทธภูบาล สิ้นชีวิตสมัยรัชกาลที่ ๙ อายุ ๙๖ ปี

๕. หลวงประดิษฐ์ คือหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือ ปรีดี พนมยงค์

๖.วรรณ หรือ วัน ชูถิ่น (พระประศาสน์พิทยายุทธ) นักเรียนทุนเยอรมัน

๗. นายสง่า ณ ระนอง หรือ กุ อายุราว ๒๐ ปี บุตรพระยาประดิพัทธภูบาล

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.naranong.net/history03.html

พระรูปพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนา (อินทุรัตนา บริพัตร) พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต และหม่อมสมพันธ์ บริพัตร ณ อยุธยา ประสูติเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2465 ในปี พ.ศ. 2496 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทุรัตนาได้ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับร้อยเอกสมหวัง สารสาส ปัจจุบันมีพระชันษา 95 ปี


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 29 มิ.ย. 20, 13:13
ข้อความที่อาจารย์จำได้ว่าใครพูดนั้น
ผมงี้ Save เก็บไว้ในมือถือเลยครับ ตั้งแต่คราวกระทู้ชะตากรรมของสี่เสือคณะราษฎรนั่นเลยครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 20, 16:22
ู^


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: นายโสรัจ ช่อชูวงศ์ ที่ 23 มี.ค. 21, 18:59
ใคร่ขอทราบว่าทูลกระหม่อมบริพัตร เสด็จเชียงใหม่กี่ครั้ง และเมื่อวันที่เท่าใด (ข้อมูลเท่าที่หาได้ เสด็จเดือนกรกฎาคม 2464 แต่ไม่มีวันที่) ขอบคุณครับ


กระทู้: เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มี.ค. 21, 19:30
ไม่ทราบวันที่ที่เสด็จไปถึงเชียงใหม่ค่ะ