ความยากลำบากของผู้ศึกษาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ก็เป็นดังที่ผมปรารภในกระทู้แล้วๆ ว่ายากที่คนในชั้นหลังจะทราบว่าข้อความอะไรเป็นเท็จ อะไรเป็นจริง โดยยกตัวอย่างกรณีย์ในยุคปัจจุบัน เห็นภาพเดียวกันแท้ๆคนยังเชื่อเป็นสองทาง
แต่ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสนุก โดยเฉพาะเรื่องค้นหาความจริงที่จะเลือกเชื่อจากหนังสือกองพะเนินเทินทึกที่แต่ละเล่มมีรายละเอียดชนิดที่เรียกว่า“คนละเรื่องเดียวกัน” ยิ่งอ่านยิ่งงง ยิ่งเมาตัวหนังสือ การเขียนกระทู้ในเนทมีข้อเสียอย่างหนึ่งที่เวลาจำกัดมาก ไม่เหมือนเขียนหนังสือซึ่งจะใช้เวลาเป็นปีก็ได้ แถมเมื่อโพสต์ลงไปแล้วกว่าจะเห็นที่ผิดพลาด ก็แก้ไขไม่ได้เสียแล้ว ต้องหาจังหวะเวลาในกระทู้หลังๆแก้ไขสิ่งผิด
สัญญาณเตือนของคุณม้าทำให้ผมต้องระมัดระวังตัวในเรื่องข้อเท็จจริงมากขึ้น และย้อนกลับไปดูที่ผมเอาข้อมูลของพลโทประยูรมาใช้ในตอนที่ไปเกี่ยวข้องกับหลวงประดิษฐ์ มีตอนหนึ่งในคคห.13 ที่ผมอ้างอิงเอาความมาเขียนเพื่อจะปูทางสู่เรื่องที่พระยาทรงมีความขัดแย้งกับผู้ก่อการสำคัญของคณะราษฎร์ด้วยกัน จนเป็นเหตุให้ต้องได้รับชะตากรรม ที่ผมตั้งใจจะเขียนเป็นหัวใจของกระทู้นี้ต่อไปมากกว่า คือเรื่องเข้าเฝ้าเพื่อทูลเกล้าฯถวายร่างธรรมนูญการปกครอง เพื่อให้ทรงพิจารณาลงพระนาม
สำหรับเรื่องขัดแย้งระหว่างพระยาทรงกับหลวงประดิษฐ์ ความจริงพระยาทรงเขม่นหลวงประดิษฐ์อยู่นานแล้วเพราะทนความเป็นนักวิชาการหัวก้าวหน้ามากไม่ไหว ในการประชุมคณะราษฎรครั้งแรกๆ พระยาทรงก็หลบออกจากที่ประชุมมาบ่นหลวงประดิษฐ์ให้ร้อยโทประยูร โซ่ข้อกลางระหว่างนักเรียนเก่าเยอรมันกับนักเรียนเก่าฝรั่งเศสฟังด้วยถ้อยคำรุนแรง และมาถึงที่สุดในวันที่พร้อมกันเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯเป็นครั้งแรกหลังวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งพระยาทรงเป็นหัวหน้าคณะแทนพระยาพหลที่ไม่กล้าเข้าเฝ้าเพราะตนเองอยู่ในตำแหน่งนายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ และโดนพันเอก พระยาสุรเดชรณชิต (ชิต ยุวนะเตมีย์) เพื่อนนักเรียนนายร้อยเยอรมันร่วมรุ่นอีกคนหนึ่งถามแสบๆว่า "ไอ้พจน์ มีทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ชาติไหนมั่งวะที่กบฎต่อพระเจ้าแผ่นดิน"
พระยาทรงนำคณะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบขอพระราชทานอภัยโทษ เมื่อพระองค์โปรดเกล้าให้หลวงประดิษฐ์นำรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าถวาย ทรงอ่านข้อความในรัฐธรรมนูญแล้ว ตรัสถามพระยาทรงว่าได้อ่านรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาแล้วหรือยัง พระยาทรงกราบทูลว่ายังไม่ได้อ่าน ทรงหันมาถามร้อยโทประยูรว่าได้อ่านหรือยัง ร้อยโทประยูรกราบทูลตอบว่าไม่ได้อ่านเพราะไม่มีหน้าที่โดยตรง แต่ได้ทราบว่าพระยาทรงได้กำชับหลวงประดิษฐ์ไว้มั่นคงแล้วว่าให้ร่างแบบอังกฤษที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
พระองค์ก็ตรัสตอบว่าต้องการให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ทำไมต้องใช้คำแทนเสนาบดีว่า "คณะกรรมการราษฎร" แบบรัสเซียซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์
พระยาทรงอึ้งอยู่ชั่วครู่จึงกราบบังคมทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานสารภาพรับผิดที่ไม่ได้อ่านมาก่อน ขอพระราชทานอภัยโทษและขอถวายสัตย์ว่าจะไปร่างมาใหม่ ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ทุกประการ"
ทรงตรัสว่า "ถ้าพระยาทรงรับรองว่าจะไปแก้ไขกันใหม่ฉันก็จะยอมเชื่อพระยาทรง แต่อย่างไรก็ตามวันนี้หัวเด็ดตีนขาด ฉันก็ไม่เซ็น" รับสั่งให้กลับไปแก้ไขแล้วนำมาเสนอใหม่ในอีก 2 วันข้างหน้า แล้วจึงเสด็จขึ้น
พวกที่เข้าเฝ้าก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ทยอยเดินออกมายืนที่ลานพระราชวัง พระยาทรงโกรธมากถึงกับชี้หน้าหลวงประดิษฐ์แล้วพูดว่า "คุณหลวงทำป่นปี้ ไม่ทำตามที่บอกกล่าวกันไว้ ทำอะไรไปนอกเรื่อง ฉิบหายหมดแล้ว
พระยาทรงเมื่อแสดงความแค้นเคืองแล้วก็เดินขึ้นรถจากไป หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพระยาทรงกับหลวงประดิษฐ์ก็ไม่ดีขึ้น ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมปรับความเข้าใจกัน ซ้ำยังเลวร้ายกว่าเรื่องของหลวงพิบูลเสียด้วยซ้ำ
มีประเด็นเดียวที่ผมตรวจสอบแล้ว เห็นว่ามีข้อมูลจากที่แตกต่างกันออกไป ผมพบข้อความข้างล่างก่อนจาก “สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น” ของท่านหญิงพูนพิศมัย ทำให้เข้าไปค้นหาต่อในเวป ได้ความต่อไปดังนี้
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ได้เสด็จจากหัวหินกลับกรุงเทพฯ โดยขบวนรถไฟพิเศษเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน เวลา ๑๙.๔๕ น. เสด็จลงที่สถานีรถไฟจิตรลดาวันอาทิตย์ที่ ๒๖ มิถุนายน เวลา ๐.๓๗ น. แล้วเสด็จตรงไปประทับที่วังสุโขทัย แล้วมีพระราชกระแสรับสั่งให้คณะราษฎรเข้าเฝ้าที่วังสุโขทัยเวลา ๑๑.๐๐ น. ของวันที่ ๒๖ มิถุนายนนั้น
เวลา ๙.๑๑ น. ของเช้าวันนั้น เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ เสนาบดีกระทรวงวังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นำรถยนต์หลวง ๒ คัน เชิญนายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระยาพหลฯ ได้ให้นายพลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี นายพันโทพระประศาสน์พิทยายุทธ นายพันตรีหลวงวีระโยธา พร้อมด้วยรถยนต์หุ้มเกราะ ๒ คัน นักเรียนร้อย ๒ หมวด และหลวงประดิษฐ์มนูธรรม รองอำมาตย์เอก ประยูร ภมรมนตรี นายจรูณ ณ บางช้าง นายสงวน ตุลารักษ์ ผู้แทนคณะราษฎร จากพระที่นั่งอนันตสมาคม ถึงพระราชวังสุโขทัยเมื่อเวลา ๑๑.๐๕ น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จออกท้องพระโรงเมื่อเวลา ๑๑.๑๕ น.พอคณะผู้แทนคณะราษฎรขึ้นท้องพระโรง พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ได้เบิกตัวนายพลเรือตรี พระศรยุทธเสนี หลวงประดิษฐ์มนูธรรม และคณะราษฎรเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
หลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้กราบบังคมทูล ขอพระราชทานพระราชกำหนดนิรโทษกรรมในคราวเปลี่ยนแปลงการปกครอง พุทธศักราช ๒๔๗๕ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้
ครั้น แล้วหลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้ยืนขึ้นอ่านพระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินถวายพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสดับฟัง และทรงพยักพระพักตร์เป็นคราวๆ ด้วยความพอพระราชหฤทัย เมื่อหลวงประดิษฐ์ฯ ได้อ่านถวายสิ้นกระแสความแล้ว จึงทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานพระบรมนามาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสว่า พระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินมีข้อความยืดยาว เพียงแต่ทรงสดับยังไม่เข้าใจดี จึงขอทอดพระเนตรเองอีกครั้งหนึ่ง แล้วหลวงประดิษฐ์มนูธรรม ได้น้อมเกล้าถวายพระธรรมนูญการปกครอง ครั้นแล้วเวลา ๑๒.๑๕ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จขึ้น
ครั้นเวลา ๑๒.๔๐ น. พระยาอิศราธิราชเสวีได้นำพระกระแสพระบมราชโองการว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงให้คำตอบในวันที่ ๒๗ เดือนนี้ เวลา ๑๗ น. ตามทางราชการ
ถ้าวันนั้น พระยาทรงมิได้เป็นหัวหน้าคณะผู้ก่อการที่เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวจริงๆ พลโทประยูรก็สร้างเรื่องที่ผมยกมาในกระทู้เอาเอง เพื่อจะเน้นความเชื่อของตนว่าหลวงประดิษฐ์โน้มเอียงไปในแนวทางเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งหลวงประดิษฐ์และสานุศิษย์ได้ปฏิเสธ และต่อสู้ตามขบวนการยุติธรรมกับกับผู้ที่ใส่ร้ายตนในทุกเรื่อง เป็นผลสำเร็จตลอดมาว่าไม่เป็นความจริงตามที่ถูกกล่าวหา
แต่บันทึกดังกล่าวกระทำโดยฝ่ายรัฐบาล รัฐบาลไหนไม่ทราบ ความในเวปก็ไม่ได้แจ้งที่มา ผมก็ไม่อยากจะปลงใจเชื่อ ชื่อพระยาทรงอาจจะถูกตัดออกโดยคนเขียนบันทึกก็ได้ ท่านหญิงท่านมิได้ประทับอยู่ในเหตุการณ์ ทรงเขียนตามที่เขาเล่าว่า จึงมีความคลาดเคลื่อนเหมือนกัน แต่เพื่อความเป็นธรรมก็ขอให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบรายละเอียดตามนี้ด้วย