เรียน คุณHotacunus ยินดีครับที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็น เพราะที่ผมมีอยู่ก็ใช่ว่าจะเป็นข้อสรุป ผมจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอก หากมีสิ่งที่เป็นเหตุผล และตรรกะเชิงวิทยาศาสตร์มาเปลี่ยน
เรื่องโลเกศวร เปล่งรัศมี ถ้าถามความเห็นของผม ผมว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ท่านมีปัญหาในการใช้พราหมณ์ในด้านการปกครอง เพราะอำนาจแห่งศาสนาพราหมณ์มันซ้อนทับอำนาจของรัฐ (ต่างจากพม่าในปัจจุบัน ที่อำนาจรัฐเหยียบย่ำอำนาจแห่งศาสนา)
ก่อนหน้าท่าน จามเองก็ใช้ระบอบเทพเจ้า ปกครอง เขมร และสมมุติตัวเองเป็นเป็นเหล่าเทพเจ้านั้นกันหมดแล้ว พอท่านปลดแอกเขมรจากอำนาจของจามได้ ท่านคงรังเกียจ และคงจะต้องหาเทพเจ้าองค์ใหม่มาทดแทน เทพเจ้าที่ต้องเหนือกว่า เทพเจ้าที่ต้องทรงพลังกว่า และเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ในโพธิญาณแห่งโลก ไม่ใช่แห่งธรรม นั่นคือการกำเนิดของลัทธิโลเกศวร ที่เป็น"ระบอบ" ไม่ใช่คติศาสนาหลักของรัฐ
ระบอบเจือไปด้วยการถือหุ้น 50 % ของคติวัชรยานตันตระ คติความเชื่อที่มีอยู่แล้วในเขมร แต่ไม่นิยม 20 % เป็นฮินดูเก่า และ 30 % เป็นสิ่งที่ท่านอุปโลกน์ขึ้นมาใหม่เอง นี่คือที่มาของหน้าปราสาททั้ง 4 ทิศ ที่หลายคนตีความกันงงไปหมด เพราะมันเป็นเฉพาะสมัยจริง ๆ ไม่มีใครที่อื่น ทั้งในอินเดีย ในธิเบต ในจาม หรือแม้แต่ในชวาที่เขมรรับวัชรยานต่อมา
ด้วยความที่ไม่เหมือน ก็ยากที่จะไปเปรียบเทียบในรายละเอียด แต่ก็ยังโชคดีที่ 50 % นั้น มีการใช้คัมภีร์ปรัชญาปรามิตาสูตร มาสร้างรูปบุคลาฐิษฐานฝ่ายศักติ
วัชรยานไม่ได้ใช้รูปเพื่อการเคารพ จึงไม่มีรูปเคารพ มีแต่รูปที่แทนความหมายนามธรรม ในเป้าหมายของการบรรลุโพธิญาณ ทางโลกก็ได้ ทางธรรมก็ได้ มีพระโพธิสัตว์ให้เลือกใช้เยอะและครอบคลุม
เรียกว่า เขมรโบราณใช้ไม่เหมือนใคร และหากจะตีความรูปใดสักองค์ การไปเทียบจากวัชรยานในปัจจุบัน ก็จะพาออกทะเลไป เพราะทั้งที่ญี่ปุ่น คุจากุ หรือการ์ตูนเทพฤทธิ์พิชิตมาร ก็ใช้วัชรยานในการปราบปีศาจ ( ที่ต้องเทียบการ์ตูน เพราะมันเป็นภาพสะท้อนวัชรยานในสังคมญี่ป่นได้เป็นอย่างดี) วัชระ กระดิ่ง และท่ามุทรา กลายเป็นอาวุธเทพอันทรงพลัง ของเหล่านักบวชสายวัชรยานในญี่ปุ่น ที่นี่ ดูจะมีรายละเอียด"คล้าย"กับวัชรยานเขมรโบราณ มากกว่าของธิเบต เนปาล จีน และเกาหลี เพราะหากมุทราและเปล่วจีรหัสตันตระของเทพองค์ใด เทพองค์นั้นจะลงมาสถิตและปราบมาร ที่สำคัญ มุทรามีทั้งหมด 250 ท่า แต่ละองค์โพธิสัตว์ มีท่าต่างกัน
ของผมเรียนรู้แค่มุทราของพระคเณศจากสาธุฮินดูจากอินเดียมา ก็มี 8 ท่า และมีวจีรหัส มากกว่าคำสวดโอม สั้น ๆ
อานุภาพแห่งการประสาน มือ ใจ กาย และภาษาลับ กลายเป็นอานุภาพแห่งองค์พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ผู้ที่บูชาเหวัชระ ก็ต้องมี องค์ประกอบครบถ้วน จึงจะเข้าสู่เป้าหมายแห่งโพธิญาณได้ ไหว้เฉย เคารพเฉย เช่นคนในปัจจุบัน ไร้ประโยชน์
เทพเจ้า พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ถูกสร้างขึ้น โดยมี เทพปกรณัมจากคัมภีร์กำกับและมีองค์ประกอบของการใช้ประโยชน์ เป็นคู่มือที่ผู้ใช้(ผู้หวังเป้าหมาย ช่วยเหลือมนุษย์)จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และถุกต้อง อำนาจแห่งองค์เทพโพธิสัตว์นั้นจะสำแดง อานุภาพ และโพธิญาณ
ตัวอย่างเช่นจตุคามรามเทพ ที่สร้างกันอย่างไร้ คติปรัชญาและองค์ประกอบในการใช้บรลุ ยิ่งอ้างว่าเป็นพระโพธิสัตว์ แล้วกล่าวคำผิดเพี้ยน มุทราก็ไม่เป็น เป็นแต่ท่าพนมมือ รูปเคารพก็มุทราผิด ยกมือบอกให้หยุดทุกสิ่ง ไม่ใช่ประทานพรแบบที่ต้องหงายมือด้านล่าง ซึ่งแปลว่า ไม่สำเร็จสักกะอย่าง
ทางคติวัชรยานตันตระ และฮินดูตันตระ มีทั้งด่านสว่าง และด้านมืด ที่มีอาถรรพ์เวทย์กำกับอยู่ หากใช้มุทราถูกตามยันตรมณฑลของตน ที่แต่ละคนจะแตกต่างกัน ตามอำนาจบารมี พระพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์ประจำตัวที่สัมพันธืกับตัว จะคำละองค์กัน จึงมียันตรมณฑลต่างกันทุกเทพเจ้า พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์
หากใช้แบบไม่รู้เรื่อง เช่นการใช้จตุคามรามเทพ ทางตันตระอธิบายว่า มันคือความเสื่อมสู่สังคมไทย เป็นการเร่งสาปแช่ง ให้กัลกีเข้ามาล้างเหล่าอธรรม(โดยเฉพาะชาวพุทธ)ให้พินาศไปเร็วขึ้น( ท่าทางจะแบ่งภาคอวตารมาลองเชิงชื่อ ตานฉ่วย)
การสาปแช่ง จึงพบทั้งในจารึกของเขมรและชวา ก็มาอิทธิพลด้านมืดของโพธิญาณที่มาจากตันตระเช่นกัน และหากใครใช้เป็น คาถาอาคม อาถรรพ์ และคำสาปแช่ง จะใช้ได้ผลจริง ๆ ( อันนี้พวกนักบวช แปลก ๆ ในอินเดียเชื่อกันมาก)
ตันตระน่ากลัว และผมก็เรียนตันตระจากสาธุอินเดียอยู่ในวันนี้ แต่มุทรายังไม่ได้เรื่อง เลยยังไม่บรรลุอะไรซักอย่าง
ไปไกล จากคำถาม คงไม่ติติงกันนะครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ในประเทศไทย หลักฐานทางตรงที่เห็นก็มีอย่างที่เห็นล่ะครับ พระโลกเศวรเปล่งรัศมี มีอยู่ 5 - 6 องค์ตามตำรา แต่ที่ผมเห็นจาก Collections ของหลายท่าน ก็น่าประมาณได้เกือบ 10 องค์ เอาเฉพาะเศียร ที่นครปฐมมี สององค์
พระโลเกศวรเปล่งรัศมี ก็คือพระอวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี แต่เรียกให้ เป็นเฉพาะในลัทธิโลเกศวร เพราะอวโลกิเตศวร มีทั้งในมหายาน วัรชยานที่ชวา เป็นบุคลาธิษฐานแห่ง"มหาอำนาจ" ในเชิงสงครามและการปกครอง ในความเห็นผม ที่ใดที่ไม่ใช่อำนาจของพระองค์ แล้วครอบครองได้ ก็จะสร้างรูปนี้เข้าประจำการ เพื่อการประกอบพิธีกรรมตามอานุภาพ ในพื้นที่นั้น ในขณะที่สบาย ๆ อยู่อาณาเขตแห่งอำนาจทางการปกครอง ก็จะใช้พระไภษัชยคุรุ พระชัยพุทธมหานาถ( ชินพุทธะองค์ที่ 6 พระพุทธเจ้าสูงสุด ในใบหน้าของพระองค์เอง) และพระวัชรสัตว์ ที่ทรงเครื่องกษัตริย์ ในฐานะของราชาแห่งตถาคตทั้งปวง รวมทั้งใช้วัชรธร บุคลาฐิษฐานของพระวัชรสัตว์แต่ทำหน้าที่สอนปัญญาและอุบายในที่สงบสุขในอาณาเขต ที่ไหนมีพระพุทธเจ้า หรือพระโพธิสัตว์อะไร อะไรก็พอตีความตามรูปสลักไปได้เช่นนั้น
ที่ราชบุรี หาย มีพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาในซุ้มเรือนแก้ว รอบกำแพงยันตรมณฑลของอโรคยศาลา แห่งเดียวในภาคตะวันตก
ที่เนินทางพระ หาย
ที่หนองแจง หาย หายทั้งปราสาท
ที่ลพบุรี พระชัยพุทธมหานาถ - พระวัชรสัตว์ -โลเกศวรเปล่งรัศมี -เครื่องบนพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา
พิษณุโลก - เครื่องบนพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา
ที่เพชรบุรี โลเกศวร เปล่งรัศมี
ที่โกสินารายณ์ โลเกศวร เปล่งรัศมี
ที่เพชรบุรี ไกลสุด โลเกศวร เปล่งรัศมี
ที่กาญฯ ไกลกว่า โลเกศวร เปล่งรัศมี - ปรัชญาปารมิตา - โพธิสัตว์อวโลกกิเตศวร - พระชัยพุทธมหานาถ(หาย) - พระวัชรสัตว์(หาย)
ที่สุโขทัย โลเกศวร เปล่งรัศมี ( เขานารายณ์ -หาย) - เครื่องบนพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา
อยุธยา - โลเกศวร เปล่งรัศมี ที่เหลือ หายเรียบทั้งถูกดัดแปลงสมัยหลัง และ หายตามน้ำ
ส่วนที่เห็นนอกข้อมูลที่บันทึกไว้ ก็มีมากมาย แต่ไม่ค่อยรู้ที่มา เช่นกระดิ่งและวัชระ พบกระจายทั่วภาคกลาง โดยเฉพาะที่ลพบุรีจะชุกชุมมาก ที่สุโขทัยก็พบ ( ผมยังได้พระกรุวัดมหาธาตุ จากร้านรีสอร์ท ใหล้โรงแรมใหญ่ หน้าทางเข้าสุโขทัยมาหลายองค์ ก็เลยไปพบของในพิธีกรรมวัชรยาน และของแปลก ๆ อีกมา ทั้งกลองมโหระทึกที่ขุดพบในตัวสุโขทัยเองก็มี) รูปเคารพเล็ก ๆ เช่นพระไตรโลกยวิชัย เจอที่พิมายองค์เดียวตามหลักวิชาการ ส่วนที่ผมเห็น เทพเจ้าขนาดพกพาสำริดนอกตำรา มีมากกว่าประมาณ 30 เท่า เฉพาะพระไตรโลกยวิชัย ก็เห็นมาแล้ว 2 - 3 องค์ พบในภาคกลาง ยิ่งอวโลกิเตศวร พระเครื่องสำริด พระเครื่องดินเผา เหวัชระมณฑล วัชรินณฑลและเหล่ายิดัมทั้งหลาย รวมทั้งพระวัชระสัตว์ พระโพธิสัตว์ นางปรัชญาปรามิตา ก็พบทั่วไป
ยิ่งพระเครื่อง พระกรุ ที่ผู้ใหญ่สมัยก่อนชอบขุดหาไปสะสมกัน มีรูปพระวัชรสัตว์ทรงเครื่องกษัตริย์ของวัชรยาน ที่มักเรียกว่า"พระร่วง" พบทั่วกรุในสุโขทัย มาจนถึงอยุธยา ซึ่งไม่ใช่คติของลังกาวงศ์อย่างแน่นอน
อย่าเชื่อผมนะครับ ทั้งหมดที่พูดมา ผมโม้ (ต้อออกตัวไว้ก่อน)พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ไม่เคยจารึกบอกว่าพระองค์คืออวตาร บอกแต่ พระองค์ปฏิบัติโพธิญาณ ครับ และพระองคืก็เลือกใช้เทพเจ้าโพธิสัตว์ ในหน้าที่ต่าง ๆ ไปประจำการตามสถานที่ต่าง ๆ ตามสถานการณ์บ้านเมืองในพื้นที่นั้น อย่างครบถ้วน ที่สุโขทัยน่าจะสงบ เพราะเอาพระไภษัชยคุรุไปประจำการ
ส่วนเรื่องวัรยานที่ศรีวิชัย เขมรรับมาจากศรีวิชัยด้วย และรับมาจากอินเดียด้วย ในอินเดียมีหลักฐานว่า กษัตริย์เขมรยังเคยเดินทางไปอินเดียด้วย ( ไม่ได้มาจากต่วยตูนนะครับ)
วัชรยานตันตระเริ่มนิยมในพุทธศตวรรษที่ 12 แต่กกว่าจะมาถึงชวา ก็พุทธศตวรรษที่ 14 - 15 มาถึงเขมร ก็ 16 - 18 รายละเอียดก็เพิ่ม นิกายย่อยก็แตกสาขาออก มากขึ้นแบบพุทธศาสนาเมืองไทย ที่ก็ไม่ใช่พุทธศาสนาสมัยพระเจ้าอโศก
วัชรยานเริ่มแรกก็คือมหายาน แต่พอไปรับ คัมภีร์และการปฏิบัติแบบตันตระมาใช้ ( ในอินเดียเขาว่า เป็นการแย่งลูกค้ากันระหว่างพุทธกับพราหมณ์ฮินดู นักบวชพราหมณ์จึงเอาพุทธมหายานไปใช้ ไม่ใช่พุทธมหายานไปเอาตันตระมา เป็นความร่วมมือเชิงอำนาจของผู้คนในการชิงทรัพยากร เมื่อเกิดวัชยาน Targets ทางการตลาดก็มากขึ้น พุทธมหายานก็เลยกลายมาเป็นวัชรยาน เพราะเข้าถึงนิพพานำได้ง่ายขึ้น ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้คนเอื่นก็ได้ แต่หินยานทำไม่ได้ เลยไม่รู้ว่า ใครกลืนใคร แต่ก็รู้ว่า เกิดวัชรยานตันตระ เป็นคติผสมผสานขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 12 เท่านั้น)
วัชรยานที่เป็นมหายานเก่า ก็เรียกตัวเองว่ามหายาน เพราะวัชรยานเป็นเพียงรายละเอียด ที่เพิ่มขึ้นในมหายานเดิม แต่นานวันเข้าชักเอ๊ะ ไฉนจึงกลายเป็นมหายาน แต่เนื้อในมีพระดุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์เกิดใหม่มากมาย แถมมีอำนาจไปรบรากำหราบเทพเจ้าของฮินดู ได้อยู่หมัด อาจจะแสดงว่า อำนาจการเมืองของฝ่ายมหายานวัชรยานตันตระ เอาชนะ พราหมณ์นดูเดิมได้แล้ว ก็แต่งคัมภีร์ขึ้นมารองรับใหม่ เทพเจ้าโพธิสัตว์เหล่านั้นก็ตามมาในเขมร ในขณะที่ทางชวายังเป็นมหายานที่มีคตืวัชระยานผสมอยู่แบบเดิม ๆ เขมรจึงต่างไปจากชวา หลายส่วน
ผมแนะนำว่า หากจะเข้าวิธีการใช้รูปบุคลาฐิษฐาน ของพระโพธิสัตว์ อยากให้มองไปที่ญี่ป่นมากกว่าของธิเบต เพราะที่นี่ ใช้รูปเทพเจ้าโพธิสัตว์ในทางโลกมากกว่า เช่นมารูจี ไตรโลก วัชรปราณี ประยุกต์เพื่อต่อสู้กับศัตรูในทางโลก ซึ่งมีส่วนคล้ายกับคตินิยมของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มากกว่าของทางธิเบตฃ
และชัดเจนในการใช้ วัชระกับกระดิ่ง วจีรหัส มุทรา มโนรหัส ตันตระยาน(ภาษาลับ) ผสมผสานในการปฎิบัติโพธิญาณเพื่อจุดประสงค์ทางโลก ได้ชัดเจนกว่า ทางธิเบต ที่ปัจจุบัน ใช้ไปในทางบรรลุสู่พระนิพพานเสียมากกว่า
หาก อธิบายไม่ตรงคำถามคุณ Hotacunus ก็สุดแล้วแต่ครับ เพราะมีวิธีคิดของตัวเอง และเคยเรียนหลักการของตันตระ จึงมั่นใจว่า ไม่ได้เหมือนใครแน่ ๆ ครับ