ขอยกข้อความที่ คุณ V_mee เคยลงประวัติตระกูลสุรนันทน์ไว้ที่พันทิป ดังนี้
พระยาราชสัมภารากร (เลื่อน สุรนันทน์) อดีตข้าหลวงสามหัวเมือง ณ เมืองนครเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงประวัติต้นสกุลสุรนันทน์ไว้ใน "ราชสัมภารากรชิขิต" ว่า
เมื่อกรุงแตก นายเพง นายด้วง นายสุจ สามพี่น้องสกุลพราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราช ขึ้นมาทำธุระที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อผ่านมาทางเมืองเพชรบุรี ได้พบและฝากตัวกับหลวงยกรบัตร (ทองด้วง - รัชกาลที่ ๑) เมื่อมาถึงกรุงศรีอยุธยา ประจวบเวลาเสียกรุงแก่พม่า จึงถูกพม่าจับกุมและนำตัวลงเรือล่องลงมาตามลำน้ำเจ้าพระยา มาถึงตำบลบางเขนแขวงเมืองนนทบุรี ทั้งสามพี่น้องได้คิดอุบายฆ่าพม่าที่คุมตัวมา จมเรือแล้วพากันขึ้นบกพร้อมครัวไทยที่พม่าเกณฑ์มา ไปตั้งมั่นรวบรวมผู้คนอยู่ที่บ้านวังม่วงแขวงเมืองสระบุรี
ครั้นพระเจ้ากรุงธนบุรีได้เป็นกษัตริย์ ทรงตั้งหลวงยกรบัตร(ทองด้วง) เป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจ แล้วเลื่อนเป็นพระยายมราชว่าการกรมมหาดไทย นายเพงจึงได้ฝากตัวเข้าทำราชการ พระยายมราชตั้งให้นายเพงเป็นขุนสุระสงครามนายกองเลกกองนอกในแขวงป่าสักตั้งแต่บ้านวังม่วขึ้นไปทั้งสิ้น ถึงปีจุลศักราช ๑๑๓๓ (น่าจะเป็น ๑๑๔๔ หรือ พ.ศ. ๒๔๒๔) เมืองเขมรแปรพักตร์ไม่ยอมสวามิภักดิ์กรุงธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงโปรดให้พระยายมราชซึ่งได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาจักรีที่สมุหนายก และเลื่อนเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตรศึกคราวชนะศึกเมืองลาว เป็นแม่ทัพยกออกไปปราบ
เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตรศึกยกกองทัพออกไปรบติดพันอยู่ทีเมืองเสียมราฐ พระยาสุริยอภัย เจ้าเมืองนครราชสีมาได้มีหนังสือลับบอกไปยังสมเด็จเจ้าพระยาฯ ว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงมีพระสัญญาวิปลาส ราษฎรทั้งหลายได้รับความเดือดร้อน เมื่อสมเด็จเจ้าพระยาฯ ทราบความแล้วก็ได้มีหนังสือตอบให้พระยาสุริยอภัยลงไปฟังเหตุที่กรุงธนบุรีก่อน แล้วจึงจะยกกองทัพกลับตามเข้ามาภายหลัง
พระยาสุริยอภัยเมื่อลงมาถึงกรุงธนบุรีและทราบชัดว่าจะเกิดจราจลขึ้นเป็นแน่ จึงส้องสุมเสบียงอาหาร เกลี้ยกล่อมผู้คนตั้งมั่นอยู่ที่บ้านปูนสวนมังคุต ครั้นพระเจ้ากรุงธนบุรีทราบว่าพระยาสุริยอภัยรวบรวมผู้คนตั้งมั้นก็มีพระบัญชาให้กรมขุนอนุรักษ์เทเวศร์และพระยาสรรคบุรีที่ลงมารับราชการอยู่ที่กรุงธนบุรี คุมไพร่พลขึ้นไปจับพระยาสุริยอภัย
ฝ่ายขุนสุรสงครามซึ่งตั้งมั่นอยู่ที่บ้านวังม่วงทราบข่าวว่า กรุงธนบุรีเกิดการจราจล ในขฯเดียวกันกรมขุนอนุรักษ์สงครมและพระยาสรรค์ยกทัพขึ้นมารบกับพระยาสุริยอภัย จึงได้ชักชวนนายบุนนากซึ่งเป็นผู้ใหญอยู่ที่บ้านแม่ลายกกำลังลงมาถึงจวนพระพระพิชิตณรงค์ผู้รักษากรุงเก่า ซึ่งตั้งเร่งเงินอยู่ บุนสุรสงครามและนายบุนนากคุมไพร่พลกรูเข้าจับพระพิชิตณรงค์กับกรมการผู้ใหญ่หลายคนมัดไว้ เมื่อสอบถามว่ารู้เรื่องที่เกิดจราจลในกรุงธนบุรีหรือไม่ พระพิชิตณรงค์ก็รับว่ารู้และนิ่งเสีย ถามว่าตัวจะมีความผิดหรือไม่ ผู้รักษากรุงก็นิ่งไม่ตอบว่ากระไร ขุนสุรสงครามและนายบุนนากจึงให้ประหารชีวิตผู้รักษากรุงนั้น แล้วยกทัพล่องลงมาบางกอกจะมาสมทบกับพระยาสุริยอภัย
เมื่อความทราบมาถึงกรุงธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรีได้มีรับสั่งให้เจ้าพระยามหาเสนาและพระยารามัญวงษ์คุมทหารขึ้นไปช่วยกรมขุนอนุรักษ์เทเวศร์และพระยาสรรค์ตีบ้านพระยาสุริยอภัยให้แตกแล้วรีบยกขึ้นไปจับผู้ร้ายที่ฆ่าผู้รักษากรุงเก่า ข้างขุนสุรสงครามและนายบุนนากยกกองลงมาถึงบ้านพระยาสุริยอภัย เห็นกำลังรบกันเป็นสามารถ ข้างฝ่ายพระยาสุริยอภัยกำลังจะเสียทีจึงยกไพร่พลเข้าตีกระหนาบทัพกรมขุนอนุรักษ์เทเวศร์และพระยาสรรค์ ไพร่พลพระยาสรรค์บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก พระยาสรรค์เห็นแล้วเกิดความท้อถอยจึงยอมเข้าวสามิภักดิ์กับขุนสุรสงคราม ข้างฝ่ายทัพกรมขุนอนุรักษ์เทเวศร์ก็ถูกโจมตีจวนเจียนจะเสียที กรมขุนอนุรักษ์เทเวศร์ก็ขับไพร่พลแหกด่านออกไปได้
ขุนสุรสงครามและนายบุนนากได้นำพระยาสรรค์เข้าสวามิภักดิ์ต่อพระยาสุริยอภัย และแจ้งความประสงค์ที่จะช่วยกอบกู้บ้านเมืองให้ทราบ ข้างฝ่ายพระยาสรรค์ได้อาสากระทำการล้างโทษ โดยรับอาสาคุมไพร่พลไปตีกรุงธนบุรีไว้ถวายแด่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริ์ศึก พระยาสุริยอภัยจึงให้พระยาสรรค์คุมไพร่พลไปตีกรุงธนบุรีได้แล้ว เกิดตระบัดสัตย์ หมายจะเอาราชสมบัติเสียเอง จึงคิดกับหลวงแพ่งผู้น้องและขุนนางเก่าหลายคนให้สึกพระเจ้ากรุงธนบุรีออกพันธนาการไว้ แล้วให้ตั้งกองประจำรักษาหน้าที่เชิงเทินเป็นกวดขัน ฝ่ายพระยาสุริยอภัยทราบว่าพระยาสรรค์คืนคำก็มีใบบอกข้อราชการออกไปกราบเรียนสมเด็จเจ้าพระยาฯ ร เมืองนครเสียมราฐ ครั้นสมเด็จเจ้าพระยาฯ ทราบข้อความตามใบบอกนั้นตลอดแล้ว เกรงว่าสมณชีพราหมณ์ประชาราษฎรจะได้รับความลำบากจึงยกทัพหลวงกลับคืนมายังกรุงธนบุรี
ครั้นทัพหลวงกลับถึงกรุงธนบุรี พระยาสรรค์ให้มีใจครั้นคร้ามพระเดชานุภาพยิ่งนัก ก็ออกมากราบถวายบังคมพร้อมด้วยขุนนางข้าราชการทั้งหลายในที่ประชุม จึงโปรดให้พิพากษาโทษผู้กระทำผิด ประหารชีวิตเสียให้เป็นแบบอย่าง เสร็จแล้วมุขมนตรีทั้งหลายได้พร้อมกันกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครั้นปราบดาภิเษกเสร็จแล้ว โปรดให้ขุนสุรสงครามเป็นพระยาสิงหราชเดโชไชย ถือศักดินาหมื่นหนึ่ง ภายหลังชราลงโปรดให้เลื่อนเป็นพระยารามจัตุรงค์ จางวางได้ว่าราชการทหารอาสา ๖ เหล่า ๘ เหล่า นายด้วงเป็นพระยาสมบัติบาล เจ้ากรมพระคลังในขวา นายสุจ เป็นจมื่นทิพรักษา ปลัดกรมตำรวจสนมขวา
พระยาราชสัมภารากร (เลื่อน สุรนันทน์) ผู้บันทึกเรื่องนี้เป็นบุตรคนใหญ่ของพระยาอภัยพิพิธ (เสศ สุรนันทน์) ซึ่งเป็นบุตรของนายพลพ่าย หุ้มแพร (เรือง สุรนันทน์) บุตรชายคนใหญ่ของพระยารามจัตุรงค์
ผู้ที่ประหารชีวิตพระยาสรรค์นั้นน่าจะเป็นพระยารามจัตุรงค์ เพราะดาบที่ใช้ฟันคอพระยาสรรค์นั้นได้ตกทอดมาในสายสกุลสุรนันทน์จนถึงคุณกรุ่ม สุรนันทน์ ผู้เป็นบุตรพระภูมีสวามิภักดิ์ (เกริ่ม สุรนันทน์) บุตรพระยาสุรนันท์นิวัทกุล (เกริ่ม สุรนันทน์) ซึ่งเป็นน้องต่างมารดาของพระยาราชสัมภารากร เป็นที่สุด เมื่อคุณกรุม สุรนันทน์เสียชีวิตโดยไม่มีผู้สืบสกุล จึงไม่ทราบว่าดาบนั้นตกไปอยู่ที่ผู้ใด
ที่มา
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/01/K10192039/K10192039.html