เรือนไทย

General Category => ชมรมอนุรักษ์ภาพจิตรกรรมไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 19:20



กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 19:20
วันนี้ได้เข้าไปถ่ายเพิ่มเติมวัดราชสิทธารามอีกครั้งหนึ่ง เลยนำข้อมูลมานำเสนอ เพราะปัจจุบันทางวัดกำลังได้รับการบูรณะภาพเขียนในพระอุโบสถใหม่ทั้งหมด จึงขอไปเก็บเกี่ยวอดีตด้วยภาพถ่ายเป็นที่ระลึกก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญและขอนำประวัติของวัดมาประกอบภาพถ่าย เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหาด้วยครับ
วัดราชสิทธาราม  เดิม ชื่อ วัดพลับซึ่งเป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยใด เดิมตัววัดตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของผังวัดปัจจุบัน ต่อมา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราชทรงอาราธนาพระอาจารย์สุก วัดท่าหอย จากพระนครศรีอยุธยา มาจำพรรษา ณ กรุงเทพศรีทราวดี พระอาจารย์สุกได้ขอพระบรมราชานุญาต ว่า ขออยู่ ณ วัดที่เป็นอรัญวาสี(วัดป่า) คือวัดพลับ ล้นเกล้ารัชกาลที่๑ จึงทรงโปรดให้สร้างวัดขึ้นใหม่ โดยรวมกับวัดพลับเดิม แล้วสถาปนาเป็นพระอารามหลวง ฝ่ายวิปัสสนาธุระคู่กับวัดรัชฎาธิษฐาน ซึ่งเป็นสำนักกรรมฐานฝั่งธนบุรี [ส่วนฝั่งพระนครมี วัดสระเกศ และ วัดราชาธิวาส เป็นวัดฝ่ายวิปัสสนาธุระ] ต่อมาพระอาจารย์ สุก ได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่๔ วัดราชสิทธารามจึงเป็นวัดที่สำคัญอีกที่หนึ่ง และอยู่มาตราบเท่าทุกวันนี้
พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรม ทรงดั้งเดิม แบบพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ ๒ ชนิดก่ออิฐถือปูน หลังคาลด ๒ ชั้น หน้าบันทั้ง ๒ ด้าน เป็นรูปนารายณ์ทรงสุบรรณด้านข้างเป็นลายขนด มีเสาพาไลรับหลังคารอบพระอุโบสถ มีทางเข้าด้านละ ๒ ประตู รวม ๔ ประตู ส่วนหน้าต่างมีด้านละ ๗ บาน ลายรอบกรอบประตูและหน้าต่างเป็นปูนปั้นลายดอกไม้แบบ เทศผสม ประตูและหน้าต่างเป็นไม้โบราณปิดทองประดับกระจก ด้านข้างพระอุโบสถมีกุฏิวิปัสสนาล้อมรายอยู จำนวน ๒๔ หลัง มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ทั้ง ๔ มุม มีเจดีย์ทรงเหลี่ยมแบบย่อมุมไม้สิบสอง ตอนล่างทำเป็นกุฏิวิปัสสนา รอบพระอุโบสถ มีตุ๊กตาจีนอีกด้วย ปัจจุบันชำรุดเสียส่วนมาก
จิตรกรรมฝาผนัง เป็นสถาปัตยกรรมอันนับว่าเป็นระดับชั้นบรมครู เป็นภาพวาดที่สวยงามมากซึ่งเขียนโดยช่างยุครัตนโกสินทร์ ด้านขวาพระประธาน เป็นเรื่องพระเวสสันดรชาดก และเทวดาชุมนุม ด้านซ้าย เป็นเรื่องพระพุทธประวัติ และเทวดาชุมนุม หนังหุ้มกลองหน้าพระประธาน เป็นภาพพระแม่ธรณีบีบมวยผม-พระพุทธเจ้าชนะมาร หนังหุ้มกลองด้านหลัง เป็นภาพไตรภูมิ บานประตูและหน้าต่างด้านใน เป็นรูปทวารบาล *ด้านนอกมีภาพพยุหยาตราทางสถลมารค และ ทางชลมารค ปัจจุบัน ชำรุดและเลือนลางมากด้วยความชื้นทำให้เรือนและกะเทาะออกมา*(ปัจจุบันไม่มีเหลืออยู่แล้ว)
พระประธาน เป็นแบบปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย หน้าตัก กว้าง๕ ศอก ๒นิ้ว สูงจรดพระรัศมี๖ ศอก ๑ คืบ โดยเล่ากันว่า ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒ ทรงปั้นพระเศียร ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ ทรงปั้นองค์ พระราชทานพระนามว่า "พระพุทธจุฬารักษ์" ด้านหน้ามีพระอัครสาวกทั้งสอง และพระอานนท์ ประดิษฐานตรงกลาง ซึ่งทั้งหมดนี้ ตั้งอยู่บนฐานชุกชี
พระเจดีย์คู่ทรงสังวาล เป็นพระเจดีย์แบบลังกา ทรงระฆังคว่ำ ปูนปั้นเป็นสังวาลห้อยลงมาจากบัลลังค์ มีฐานเป็นบัวลูกแก้ว แล้วจึงเป็นมาลัยลูกแก้ว ๓ ชั้น ต่ำสุดจึงป็นฐานบัว ล้อมด้วยเจดีย์บริวาร ๔ องค์ เจดีย์ทรงเครื่อง ด้านขวาพระอุโบสถมีนามว่า พระสิราศนเจดีย์ด้านซ้ายนามว่าสิรจุมภฏเจดีย์
พระวิหาร เดิมวิหารนี้สร้างพร้อมกับพระอุโบสถ เรียกว่า"วิหารแดง" ด้วยแต่ก่อนมีเจดีย์ทาสีฝุ่นสีแดงล้อมรอบอยู่ ต่อมาวิหารได้ชำรุดทรุดโทรมมาก ทางวัดจึงสร้างใหม่และทุบเจดีย์ทั้งหมดให้เหลือเพียง ๒ องค์ วิหารเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน มีมุขหน้าหลังหลังลด ๓ ชั้น มีคันทวยรับหลังคา ประตูมุขละ ๒ บาน หน้าต่างด้านละ ๕ บาน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป ปางมารวิชัยพระนามว่า "พระพุทธสิทธมงคล" ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนิน และทรงเททองหล่อองค์พระด้วย ส่วนพระวิหารทำพิธีเปิด โดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(ปุ่น ปุณฺณสิริ)
ศาลาการเปรียญ เป็นแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่๓ ก่ออิฐถือปูน ด้านในประดิษฐานธรรมาสน์บุษบก ๒ ฝั่ง
พระตำหนักเก๋งจีนและตำหนักจันทน์ เคยเป็นที่ที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ และ ๔ ทรงประทับ เมื่อยามทรงผนวช


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 19:27
ผนังด้านหน้าพระประธาน ปัจจุบันกำลังบูรณะใกล้เสร็จสมบูรณ์ฝั่งซ้ายมือเสร็จแล้ว ด้านขวากำลังจะเสร็จ จากนั้นก็จะดำเนินการทุกผนังจนสมบูรณ์


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 19:33
เจ้าหน้าที่บูรณะ


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 19:41
หน้ากาลบริเวณผนังสกัดหน้าพระประธานที่เขียนภาพมารผจญ ยักษ์ไม่ดุเท่าวัดใหญ่เทพนิมิตร แต่ยังดูมีกำลังมากกว่าวัดดุสิต


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 19:53
ผนังแรกขวามือพระประธานเขียนพระเวสสันดรกัณฑ์ฉกษัตริย์


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 20:04
ผนังด้านขวามือพระประธานจะเขียนเรื่องพระเวสสันดรทุกผนังแต่ไม่ครบ13กัณฑ์อย่างภาพที่แล้วเป็นกัณฑ์ที่12เนื่อเรื่องมีดังนี้
กล่าวถึงพระเจ้ากรุงสัญชัยและจตุรงคเสนา เดินทางไปถึงเขาวงกต กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ได้มาพบกัน ในกลางป่า โดยมิได้คาดฝัน ก็ทรงวิปโยคโศกศัลย์จนถึงวิสัญญีภาพสลบลง ฝนโบกขรพรรษ บันดาลตกลงมา ให้ทรงฟื้น แล้วพากันขอลุโทษและทูลอาราธนาให้ลาผนวช เนื้อเรื่อง

การเสด็จพระราชดำเนินของพระเจ้ากรุงสัญชัยและจตุรงคเสนาเป็นขบวนเสด็จ จากรุงเชตุดรนครหลวง ถึงเขาวงกตเป็นระยะทาง ๖๐ โยชน์ เท่ากับ ๙๖๐ กิโลเมตร กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ได้มาพบกันด้วยในกลางป่า โดยมิได้คาดฝัน จึงได้ร่วมเดินทางไปยังเขาวงกตพร้อมกัน

กองขบวนเกียรติยศ พร้อมมโหรีและไพร่พล ก็เคลื่อนสู่ป่าด้วยเสียงอันกึกก้องลั่นป่า พระเวสสันดรเข้าพระทัยว่า กองในพระราชวังคงจะมาประหารพระองค์ จึงทรงพาพระนางมัทรีไปหลบซ่อนในพุ่มไม้
ครั้นพระเจ้ากรุงสัญชัยบอกความให้ทราบ พระนางมัทรีก็ออกมาถวายบังคม ต่างก็ร่ำไห้ด้วยสลดใจ กันถ้วนทั่ว ในเคราะห์กรรมนี้ แม้บรรดาเสนาอำมาตย์และนางกำนัลต่างก็ร้องไห้กันทั่ว

พระราชาตรัสให้พระเวสสันดรลาผนวชกลับคืนสู่เวียงวัง พระนางผุสดีก็ขอให้พระนางมัทรีคืนสู่พระราชวังเถิด พระนางมัทรีได้แต่กันแสงสวมกอดกัณหาพระธิดา และพระโอรสชาลีไว้แนบอกด้วยทรงคิดถึงยิ่ง บริเวณป่า เต็มไปด้วย เสียงคร่ำครวญระงมจนหมดสติไปทั้งสิ้น

พระอินทร์บนสรวงสวรรค์เล็งทิพยเนตรเห็นดังนั้น จึงทรงบันดาลสายฝนให้โปรยปรายเป็นอัศจรรย์ ในป่าชุ่มชื้นด้วยในโบกขรพรรษที่มิสาดให้ผู้ใดเปียกปอน บรรดาพระราชวงศ์ก็ทรงฟื้นขึ้นมา ด้วยความแช่มชื่นปราโมทย์ หลังจากนั้นได้ขอลุแก่โทษ และทูลอาราธนาให้พระเวสสันดรทรงลาผนวช
ส่วนรูปนี้กัณฑ์มหาราชกัณฑ์ที่11เนื้อเรื่องมีอยู่ว่า
กล่าวถึงชูชกได้พาสองกุมารหลงทางไปจนถึงเมืองสีพี จนกระทั่งได้พบกับพระเจ้าปู่พระเจ้าย่า จึงรับสั่งให้ ไถ่ถอนตัวทั้งสองพระองค์ และพระราชทานเลี้ยงอาหารชั้นดีแก่ชูชก ชูชกไม่มีวาสนาเพราะบริโภคมากเกินไป เป็นเหตุให้ไฟธาตุพิการอาหารไม่ย่อยจนถึงแก่ความตาย พระเจ้าสญชัยรับสั่งให้เตรียมกองทัพไปรับสองพระองค์ เนื้อเรื่อง

ด้านชูชกเฒ่านั้นฉุดลากสองกุมารน้อยไปพลางทุบตีไปพลาง ด้วยหวังจะกลับไปหาภรรยาโดยเร็ว เมื่อถึงทางแยก เข้าเมืองกลิงคราฐ เทพยดาก็ดลบันดาลให้ชูชกเดินเข้ามาในเมืองสีพีรัฐ

พระเจ้ากรุงสัญชัยก็ได้ทรงสุบินประหลาดว่า มีชายอัปลักษณ์นำดอกบัวตูมและดอกบัวบานมาถวายให้ พระองค์ รับมาทัดที่พระกรรณแล้วก็ทรงตื่นบรรทม เหล่าโหรก็ถวายคำทำนายว่า พระราชวงศ์ที่จากพลัดไปจะเสด็จคืนวัง
วันรุ่งขึ้นนั้นเฒ่าชูชกจูงกุมารน้อยผ่านหน้าพระลาน พระราชาทรงเฉลียวพระทัย จึงให้เรียกตัวเฒ่าอัปลักษณ์ และกุมารน้อย มอมแมมแต่ผิวพรรณเปล่งปลั่งนั้นเข้ามาเฝ้า เมื่อพระราชาสอบถาม ชูชกก็กราบทูลว่า ได้รับบริจาคมา มิได้ไปฉุดคร่ามาที่ใด

พระราชาจึงทรงรู้ว่า ๒ กุมารน้อยนั้นเป็นหลานของพระองค์ จึงทรงไถ่ตัวหลาน และพระราชทานรางวัล ให้แก่ชูชกมากมาย ทั้งยังจัดอาหารคาวหวานชั้นเลิศมาให้แก่ชูชกอีกด้วย

ขอทานเฒ่าไม่เคยเห็นอาหารชั้นดี มีความโลภจะกินให้หมด จึงกินเข้าไปไม่หยุดจนกระทั่งท้องแตกตายไป พระราชาเจ้ากรุงสัญชัยทรงจัดพิธีเวียนเทียนบายศรี สมโภชรับขวัญหลานเป็นที่ยิ่งใหญ่สมเกียรติ ครั้นแล้วก็ทรงถามถึงพระนางมัทรีและพระเวสสันดร ที่จากไปนานเป็นเวลา ๑ ปี ๑๕ วันแล้ว

"พระมารดาทรงลำบากเหลือแสนพระเจ้าข้า" ชาลีราชกุมารทูลพระราชาด้วยสุระเสียงกำสรวลยิ่งนัก
เสด็จคืนเวียงวัง พระราชาจึงทรงให้จัดขบวนแต่งกองเกียรติยศ ยกออกนครไปรับพระเวสสันดร กลับสู่เวียงวังด้วยทรงคิดถึงราชบุตรและสำนึกผิดแล้ว


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 20:20
กัณฑ์ที่10สักบรรพ
กล่าวถึงพระอินทร์ เกรงว่าจะมีผู้มาขอพระนางมัทรีไปอีก จักไม่มีผู้ปรนนิบัติพรเวสสันดร พระโพธิญาณ จักเป็นอันตราย จึงได้แปลงเป็นพราหมณ์ชราลงมาขอ เมื่อได้แล้วไม่เอาไป กลับถวายคืนแก่พระเวสสันดร โดยห้ามประทานนางแก่ผู้ใดอีก พร้อมทั้งประสาทพร ๘ ประการ ให้แก่พระเวสสันดร แล้วจึงเสด็จกลับสู่สวรรค์ เนื้อเรื่อง

ขณะนั้นท้าวสหัสนัยบนสวรรค์ เกรงว่าจะมีชายโฉดมาทูลขอพระนางมัทรี จึงจำแลงกาย เป็นนักบวชชรา มาทูลขอ พระนาง พระเวสสันดรทรงยินดีบริจาคทานให้ แต่นักบวชชราเมื่อได้รับแล้วก็ไม่เอาไป กลับถวายคืน แก่พระเวสสันดร โดยห้ามพระองค์ประทานนางแก่ผู้ใดอีก

ก่อนกลับองค์อินทร์ ได้ประสาทพรให้พระเวสสันดร ๘ ประการ คือ

๑. ให้ทรงได้รับอภัยโทษ
๒. ให้ทรงช่วยคนถูกฆ่าได้
๓. ให้ไพร่ฟ้าได้พึ่งพา
๔. ให้มั่นคงในมเหสี ไม่ลุ่มหลงสตรีอื่น
๕. ให้ได้สืบสันติวงศ์
๖. ให้มีสิ่งของบริจาคทานมิสิ้น
๗. ให้มีอาหารทิพย์พอเพียงทุกรุ่งเช้า
๘. ให้ได้สำเร็จพระโพธิญาณ แล้วท้าวสหัสนัยก็เนรมิตรร่างเป็นพระอินทร์เหาะขึ้นฟ้าไปทันที


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 20:32
ตอนนี้ภาพลบเลือนช่วงล่างจนไม่ปรากฎตัวภาพแต่น่าจะเป็นกัณฑ์จุลพน กัณฑ์มหาพน และกัณฑ์กุมาร 6-7-8 ตามลำดับ อ้อภาพที่แล้วมันรวมกัณฑ์ที่9กัณฑ์มัทรีอยู่ด้วย เนื้อหาทั้งหมดขอข้ามไป เพราะที่นี่รู้สึกจะชอบดูรูป


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 20:44
ภาพที่ปรากฎไม่สามารถถ่ายได้เต็มผนัง แต่ภาพที่เหลืออยู่ชุดเจนว่าเป็นกัณฑ์วนประเวศน์กัณฑ์ที่4 ขอนำเสนอภาพเป็นส่วนเท่าที่ถ่ายได้ครับ(เริ่มจากมุมซ้ายของภาพ)


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 20:49
กลางภาพ


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 20:53
มุมบนขวา


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 20:55
ถัดมาจากมุมขวาหน่อยนึง


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 21:00
มุมขวาล่าง


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 21:06
กัณฑ์ที่1ทศพร


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 21:09
ตอนเดียวกันมุมซ้ายบน


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 21:15
มุมล่างซ้าย


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 21:25
กลางภาพเหลือเท่านี้


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 09 ก.ค. 09, 21:29
สวัสดีครับพี่ยีนส์  คราวนี้ข้อมูลแน่นเอียดเลยครับเท่าที่อ่านดูในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นวัดนี้สำคัญมากมายทีเดียวเลยนะครับ
บางภาพนี่ก็พังมากเหลือเกินนะครับ ไม่รู้จะซ่อมยังไง คงได้ดูเท่าที่เหลือแล้วสินะ
แต่ภาพเขียนที่นี่เขียนภาพป่าสวยดีนะครับ  แต่ผมจำภาพออกมหาภิเนษกรมณ์ของวัดดุสิตารามได้ ว่าภาพต้นไม้ใบหญ้าเขียน
กันเกือบทั้งผนังด้านนั้น  และสวยงามมากด้วย

พี่ยีนส์ขยันถ่ายภาพมากเลยนะครับ  ทำให้เรามีหลักฐานเก็บไว้ไม่น้อย
ผมส่วนใหญ่ชอบดูมากกว่าถ่ายเฉพาะที่ถูกใจจริงๆซะมากกว่า  เพราะถ่ายภาพต้องใช้สมาธิมาก
เลยชอบพลาดอะไรๆไปบ่อยๆ


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 21:32
ผนังด้านหลังพระประธาน เขียนเรื่องไตรภูมิ ผนังระหว่างประตูเขียนเรื่องนรกผมว่านรกที่นี่สวยงามกว่าวัดดุสิตอีก แต่หลุดลอกเสียมาก


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 09 ก.ค. 09, 21:37
ภาพในความคิดเห็นที่ 1 ทรงของมณฑปหกเหลี่ยมสวยมากเลยครับ  วาดเป็นหลังคาลดชั้นคล้ายๆมณฑปแบบอยุธยา
ส่วนภาพกัณฑ์ สักบรรพ เขียนภาพป่าได้รู้สึกเงียบเหงามากเลยครับ  ดูแล้วได้อารมณ์จังเลย
สองสามวันมานี้เหมือนได้อ่านตำราเล่มหนาๆเลยนะครับ


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 21:55
หวัดดีน้องเน หายป่วยยังครับ วันนี้นึกว่าจะเข้าไปซะอีก เพราะพี่บอกไว้วันก่อนที่คุยกันไง สงสัยลืม ไม่เป็นไร พี่เอารูปเอาเรื่องมาฝากเลย ที่บอกเรื่องซ่อมก็กรมศิลป์กำลังดำเนินการอยู่รวมทั้งเขียนใหม่เพิ่มเติมขึ้นด้วยไงครับ การไปดูซะตอนนี้ก็จะได้กลิ่นอายเก่าก่อนจะกลายเป็นของใหม่ในไม่ช้าไงครับ ส่วนภาพมหาภิเนษกรมณ์ที่วัดดุสิตนั้นลอกเสียมาก และไม่ค่อยมีคนถ่ายภาพตอนนั้น จะไปเน้นถ่ายตอนตวงพระธาตุเสียเป็นส่วนใหญ่ สำหรับการถ่ายภาพของผม จริงๆถ่ายมานานแล้วตั้งแต่กล้องฟิล์ม หยุดไปพักใหญ่ จนเพิ่งมาซื้อกล้องใหม่แล้วประจวบเหมาะกับมาทำงานทางด้านนี้อยู่พอดีในปัจจุบัน รูปถ่ายมันก็ทำให้เรามีข้อมูลการทำงานประกอบมากขึ้นด้วยครับ
หยั่งวันนี้ไปถ่ายภาพต้องแบกบันไดไปด้วยปีนจนเมื่อยไปทั้งตัว จากที่ไปอยุธยายังไม่หายเลย แต่วันนี้นัดพระไว้แล้วความอยากเราก็มี เลยต้องลุย


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 22:04
ก็อย่างที่บอกไงครับ ภาพเขียนที่นี่นั้นมีกลิ่นอายของอยุธยาอยู่มากแต่อนาคตอันใกล้ ก็จะหมดไปแล้วอีกไม่นาน รีบไปดูซะนะ(รูปตอนนี้ถ่ายยากมาก แต่โชคดีปีนชุกชีพระประธานได้จึงได้ภาพเต็มผนังมา) มุมซ้ายของภาพน่าจะมีการซ่อมสมัยร.3 เพราะลักษณะตัวภาพมันต่างออกไป


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 22:10
ผนังด้านขวาพระประธานทุกผนังเขียนเรื่องพุทธประวัติทั้งหมด(นี่ตอนออกมหาภิเนษกรมณ์)ถ่ายได้เต็มผนังเพราะปีนชุกชีอีกแล้ว การปีนป่ายทุกครั้งผมต้องขออนุญาตด้วยเจตนาดีครับ กันไว้ก่อน มิให้มีสิ่งมิดีมาแผ้วพานครับ


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 22:19
ผนังนี้เป็นอีกตอนที่ถ่ายได้ไม่เต็ม เสด็จออกบรรพชาตัดพระเมาลี


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 09 ก.ค. 09, 22:26
ขอโทษด้วยครับพี่  วันนี้มีเรียนน่ะครับ วันนี้ดีขึ้นเยอะแล้วน่าจะหายแล้วกลัวแต่จะติดใหม่นี่ล่ะครับ
ปีนฐานชุกชีเลย  โห เต็มที่เลยครับ

ีมีภาพมณฑปแบบนี้อีกแล้วนะครับ  อันนี้สวยดีมีพาไลยื่นออกมาด้วย  ทำให้นึกถึงงานเครื่องไม้ของอยุธยาเลย
ไม่ทราบว่าตอนอะไรครับนี่มองไม่ออก  มีเทพเทวดาเต็มไปหมด ตอนเชิญจุติหรือเปล่าครับ 

ส่วนภาพที่วัดดุสิตก็ลอกเยอะจริงๆ  แต่ก็สวยมากๆด้วยแต่ที่วัดนี้รูปแบบการใช้สีเขียนคล้ายๆกับวัดดุสิตนะครับ
ผมดูแล้วจะออกแนวๆเดียวกันยังไงไม่รู้
 
ถ้าใครบอกว่าการถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นเรื่องธรรมดา  คงคิดผิดมาก
เพราะใช้เวลาเยอะ  สมาธิและความอดทนต้อมีมากหน่อยถึงจะได้รายละเอียด
วันนี้ถ่ายไปกี่ชั่วโมงล่ะครับพี่





กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 22:27
ภาพนี้อธิบายไว้แล้วในภาคหนึ่ง แต่ตัดเฉพาะส่วนมา


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 22:39
ตอนโปรดปัญจวคีย์เต็มผนัง


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 22:56
ผนังสุดท้าย ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า อ้อตอบคุณเนก่อนภาพเขียนที่วัดดุสิตโทนสีต่างจากวัดราชสิทธมากครับ ลักษณะตัวภาพก็คนละแบบ ที่นี่กลิ่นอายอยุธยายังเหลืออยู่เยอะ ลักษณะสีที่ใช้เหมือนกับโทนสีที่ใช้เขียนบนสมุดข่อยสมัยอยุธยาจะปรากฎสีแดงชาด สีเหลืองแบบขมิ้น  สีหม้อใหม่อยู่มาก ส่วนที่วัดดุสิตนั้นเนื่องจากมีซ่อมครั้งร.3 ภาพเขียนจะใช้โทนสีคล้ายวัดสุวรรณาราม
 อ้ออีกเรื่องจริงๆแล้วบริเวณรักแร้ผนังทั้ง4ด้านขิงวัดราชสิทธารามนี้ยังเหลือภาพเขียนอยู่บ้างแต่เป็นเพียงสุมทุมพุ่มไม้ ไม่สามารถคาดเดาเรื่องได้เลยครับ


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 09 ก.ค. 09, 23:06
ภาพเขียนที่นี่ในส่วนของเทพชุมนุม มารผจญและไตรภูมิ ถ่ายได้ยากเนื่องจากพระอุโบสถสูงใหญ่ถ้าจะถ่ายให้สวยคงต้องมีการสร้างห้างรื้อโคมไฟ ซึ่งคงงยังไม่ต้องถึงขนาดนั้นมั๊ง รอให้มีเงินพันล้านก่อน 555555555555 ลาด้วยรูปนี้ละกัน รูปอับเฉาตุ๊กตาจีนเชิงบันไดทางเข้าพระอุโบสถ กำลังนั่งสูบยาอย่างสบายใจ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านที่เข้ามาชมครับ


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 10 ก.ค. 09, 02:41
ขยันจังเลยคะ

วันที่ 11 นี้หนูว่าง ถ้าพี่ไปไหนหนูตามไปได้หรือป่าวคะ หากไม่เป็นการเกะกะ


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 10 ก.ค. 09, 21:17
น้องแพรอยากไปไหนละครับ พี่ยังเหนื่อยไม่หายเลยน้องเอ๊ย แต่ใจจริงอยากไปวัดใหญ่อินทาราม ชลบุรี ไปถูกเปล่าละมารับหน่อยดิ 555555555555


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 10 ก.ค. 09, 21:29
นี้ขนาดเหนื่อย นา...ยังไปตระเวนหลายวัดเลยนะคะ น่าอิจฉาจัง

นัดตอนนี้จะทันไหมหนอ เอาในบางกอกก่อนดีไหมคะ ฝั่งธนฯก็ได้คะ

นัดเลย นัดเลย นัดเลย เย้...

เพราะนานๆที หนูจะเวียนมาหยุดตรงกับเสาร์อาทิตย์อะคะ ทำงานเป็นกะ ทำสี่วัน หยุดสองวัน บางครั้งก็ไม่ตรงเสาร์อาทิตย์เน๊าะ ก็หาโอกาสยาก

ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีใครไป ก็ยังคิดว่าจะนั่งเรือ เข้าพระนครสักหน่อย คิดถึงแม่น้ำเจ้าพระยาจัง


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 10 ก.ค. 09, 22:03
พี่ก็พูดไปงั้นและ แต่ก็ไม่แน่ ฝั่งธนน่าสนอยากไปอยู่ก็มีวัดระฆัง จะได้ดูแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยไง55555555555 ถัดไปอีกนิดวัดกัลยณมิตร จะได้มิตรสนิทใจ จากนั้นอีกไม่ไกล วัดเครือวัลย์สานสัมพันธ์ให้ใกล้ชิด 3วัดก็น่าจะพอแล้วมั๊ง ขอเสียงเร็ว ใครอยากไป ยกมือขึ้น


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 10 ก.ค. 09, 22:22
พรุ่งนี้ผมมีเรียนอ่ะครับขาดไม่ได้จะสอบอยู่แล้ว วันอาทิตย์ไม่ได้หรือครับ 
กะว่าวันอาทิตย์นี้จะได้ไปวัดซะหน่อย  เพราะหลังจากนี้ต้องติดสอบยาวเลยนะครับ

คุณแพรอยากไปเพชรบุรีผมก็อยากไปมากๆเลยครับ  นึกถึงวัดใหญ่สุวรรณารามตอนเช้าๆแล้วตรึงใจมากๆเลย
สงสัยต้องหาทางไปให้หายคิดถึงซะที 555

พี่ยีนส์อยากไปวัดใหญ่อินทารามหรือครับ ผมอยู่ศรีราชาแต่วัดใหญ่พอจะไปถูกครับ(มีธรรมาสน์เก่าสวยมากเลยครับ)
ถ้าเมื่อไหร่จัดทริปขอติดวัดอ่างศิลาไว้ด้วยนะครับ  คนชลบุรีแท้ๆผมยังไม่ลึกซึ้งเลย


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 10 ก.ค. 09, 22:44
อาทิตย์ทำงานคะ นัดกระทันหัน สงสัยจะล้ม

คุณพี่ยุทธหายไปอีกแล้ว สงสัยจะยุ่งเรื่องงานมงคลจริงๆหล่ะ น่าอิจฉาจริงๆด้วย

จะโทรไปก็มิกล้า

แต่ พรุ่งนี้ แม่น้ำเจ้าพระยาเจอกัน


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: jean1966 ที่ 10 ก.ค. 09, 23:30
เพิ่งอาบน้ำเสร็จเลยแว๊บมาสักหน่อย น้องเนก็รอให้สอบให้เสร็จไปเลยค่อยว่ากัน วัดใหญ่อินทารามที่อยากไปเพราะอยากไปดูภาพเขียนอีกครั้งในโบสถ์เก่าที่ปัจจุบันกลายเป็นวิหารนั้นมันถึงสมัยอยุธยาตอนต้นจริงหรือ เพราะผมดุยังไงมันก็ไม่น่าใช่อย่างที่อาจารย์ น ณปากน้ำบอกไว้ ส่วนวัดอ่างศิลาภาพเขียนสมัยรัชกาลที่๕ พอดูได้ชอบอยู่ตรงมีเขียนประตูวังอยู่ตอนนึงมียักษ์วัดแจ้งอยู่ด้วย ส่วนน้องแพรจะไปล่องเจ้าพระยาแถวไหนละ ต้องไปเหมาเรือสักลำแล้วล่องจากกรุงเทพไปเรื่อยตามคลอง สนุกมากๆ ผ่านวัดไหนขึ้นวัดนั้น ถ้าพี่ไม่ติดงานพรุ่งนี้ก็คงไปถ่ายรูปแถวฝั่งธน ไม่แนอาจแถวเยาวราช วันกันมาตุยารามเคยไปกันเปล่า


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 10 ก.ค. 09, 23:36
ไว้ยังไงโทรหาละกัน อยากไปแถวๆเยาวราชเหมือนกัน จะไปกิน ฮาๆๆๆๆๆ



กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 11 ก.ค. 09, 08:16
สำหรับพระวิหารเก่าที่ว่าสำหรับผมแล้วสะเทือนใจมากๆครับ  เพราะด้านหลังทำเป็นห้องส้วมก่อปูนผนังติดกับพระวิหารเลย
สภาพโดยรวมเห็นแล้วอนาถมาก เพราะตัวพระวิหารก็ดูเหมือนจะเป็นกำแพงกั้นระหว่างวัดกับโรงเรียนไปอีก ลายรดน้ำที่บานประตู
หน้าต่างต้องยืนมองดูพักใหญ่ถึงจะรู้ว่าเป็นรูปอะไร  แต่ด้านในผมไม่ได้เข้าไปเพราะดูเหมืนเขาจะใช้เป็นห้องเก็บของ
ผมไปมาตอนช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาครับ

ภาพลายรดน้ำบานหน้าต่างพระอุโบสถครับเขียนลายคล้ายๆตู้พระธรรมวัดเชิงหวาย  ตอนนี้ก็เหมือนจะจางๆไป


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 11 ก.ค. 09, 08:26
ธรรมาสน์บุษบกสมัยอยุธยาของวัดใหญ่อินทารามครับ สวยงามมาก


กระทู้: วัดราชสิทธารามภาค2
เริ่มกระทู้โดย: ฉันรักบางกอก ที่ 12 ก.ค. 09, 08:37
หายไปไหนกันหมดเอ่ย

ไม่มีเพื่อนคุยเลย แงๆๆ :'( :'(

สรุป เมื่อวานก็ไม่ได้ไปไหน เนื่องจากมารดาชักสงสัย เที่ยวบ่อยจริงๆ

วัดใหญ่อินทาราม คุ้นๆ เหมือนเคยไปเลย ... เป็นจังหวัดอีกจังหวัดหนึ่ง ที่ไม่คิดว่าจะมีของเก่าๆ