เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: NaCl ที่ 29 ก.ย. 01, 04:25



กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: NaCl ที่ 29 ก.ย. 01, 04:25
สมัยอังกฤษโบราณ..บุคคลมิอาจร่วมประเวณีกัน โดยปราศจากการยินยอมของกษัตริย์ ดังนั้น เมื่อชายหญิงต้องการจะมีบุตร จึงจะต้องได้รับพระราชานุญาติจากกษัตริย์ก่อน.... และกษัตริย์จะพระราชทานใบปิดซึ่งจะต้องนำไปปิดไว้ที่ประตูหน้าบ้าน



ระหว่างที่มีการร่วมประเวณี....ซึ่งจะมีข้อความว่า "ให้ร่วมประเวณีได้ภายใต้พระบรมราชานุญาติของกษัตริย์" ซึ่งภาษา อังกฤษเค้าเขียนอย่างนี้



"Fornication Under Consent of the King”



ซึ่งปัจจุบันคนทั่วโลกนิยมเรียกเป็นคำย่อครับ



(ตัวที่นำหน้านั่นหล่ะ)


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: เนยบิน ที่ 17 ก.ย. 01, 14:32
น่าสงสารกษัตริย์อังกฤษ
วัน ๆ มิต้องทำมาหากินอย่างอื่นน่ะสิคะ
แค่พิจารณาใบอนุญาต ก็คงอานแล้ว
แค่คิดก็สยิว  เอ๊ย!  สยอง


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 17 ก.ย. 01, 19:24
เคยได้ยินเหมือนกันค่ะ เคยได้ยินว่าก่อนหนุ่มสาวจะแต่งงานจะต้องส่งสาวไปนอนกับกษัตริย์ก่อนด้วยซ้ำ เหมือนในเรื่อง Brave Heart  แต่ก็ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่ามิเช่นนั้นถ้ากษัตริย์เป็นโรค คงแพร่ไปทั้งบ้านทั้งเมืองแน่ค่ะ


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 18 ก.ย. 01, 00:23
ในเรื่อง Brave Heart
กษัตริย์อังกฤษตอนนั้นมีนโยบายขยายอาณาเขตอย่างแยบยลครับ เพราะว่า ขุนนางหลายคน ที่กษัตริย์ มอบที่ดิน แถบสก็อตแลนด์ให้ก็ไม่ได้อยากจะขึ้นไปอยู่ เพราะว่ามันหนาวแล้วก็เป็นภูเขาซะมาก แถมต้องไปปกครองพวกสก็อต อีก กษัตริย์อังกฤษตอนนั้นเลย ปิ๊งไอเดียว่า ขุนนางที่ส่งขึ้นไปปกครองสก็อตให้ได้สิทธิ ในการนอนกับสาวชาวสก็อต ในคืนแรกของการแต่งงานก่อน ก็คงเป็นแรงจูงใจให้ขุนนางชาวอังกฤษ อยากขึ้นไปอยู่สก็อตกันมากขึ้นมั้งครับ แต่เป็นกฎหมายที่แย่มาก ๆ ผมยังสงสัยว่าสุดท้ายสก็อต ยอมมาอยู่กับอังกฤษได้ยังไง เป็นเรื่องที่จบแบบ happy ทั้งสองฝ่าย หรือว่า อังกฤษ ปราบจนสก็อต ไม่มีทางหือกันแน่


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 18 ก.ย. 01, 00:34
เข้าใจว่าทำในสก๊อตแลนด์นะคะ  ไม่แน่ใจคุณนวลหากมาเห็นช่วยยืนยันหน่อยค่ะ

สมัยนั้น  อังกฤษ สก๊อตแลนด์ ไอร์แลนด์ เวลส์ พวกนี้ไม่ใช่ประเทศเดียวกันอย่างสมัยนี้นะคะ  ต่างก็เป็นรัฐอิสระ  เหมือนกรุงศรีอยุธยา และเชียงใหม่น่ะค่ะ  เมื่ออังกฤษครอบครองสก็อตแลนด์ได้  ก็มีกฏไว้กดขี่ชาวสก๊อตน่ะค่ะ  อย่าลืมว่าความคิด ทัศนะคติของคนโบราณไม่เหมือนกับในสมัยปัจจุบันนะคะ  กฏหมายอันนี้ก็เพื่อตอกย้ำหยามน้ำหน้าชายชาตรีชาวสก็อตให้สยบต่ออำนาจของอังกฤษน่ะค่ะ  ไม่ทราบเหมือนกันว่า  คงอยู่ได้นานเท่าไหร่  ในอังกฤษเองไม่เคยได้ยินว่ามีกฏหมายอย่างนี้ใช้บังคับพวกเดียวกันเองหรอกค่ะ  หนังเรื่อง Braveheart เป็นการแสดงถึงการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวสก็อตที่ในสมัยนั้นนับว่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษน่ะค่ะ


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 19 ก.ย. 01, 01:26
กำลังพูดถึงอังกฤษสมัยไหนหรือค่ะ
เท่าที่ทราบ ในระบบ feudalism
พวกลอร์ด(ศักดินา เจ้าของที่ดินทั้งหลาย) จะนอนกับ
สาวไหนก็ได้ ที่มาตั้งรกรากทำมาหากินในดินแดนของตน
แต่นอกเขตไม่ได้ ส่วนเรื่องขออนุญาตกษัตริย์เพื่อการสมสู่นี่
ออกจะงงๆ ค่ะ หรือว่าคงละสมัยกับที่เคยสัมผัสมา
และคำว่า เอฟยูซีเค นี่ ก็เพิ่งเริ่มมาใช้กันในสมัยศตวรรษที่ 16 เอง
และในศตวรรษที่ 16 เป็นรัชสมัยของเฮนรี่ที่แปด แมรี่ที่หนึ่ง
และเอลิซาเบทที่หนึ่ง และย้อนกลับไปอีก ก็ยังนึกไม่ออกจริงๆ ค่ะ

อิฉันไม่ได้ดูเรื่อง Brave Heart ช่วยบอกหน่อยซิค่ะว่า
เกี่ยวกับกษัตริย์อังกฤษองค์ไหน จะได้ลำดับเวลาได้ถูก


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 19 ก.ย. 01, 01:36
ไปหาที่มาของ เอฟยูซีเค มาให้ค่ะ

        Word History: The obscenity fxxx is a very old word and
        has been considered shocking from the first, though it is
        seen in print much more often now than in the past. Its first
        known occurrence, in code because of its unacceptability,
        is in a poem composed in a mixture of Latin and English
        sometime before 1500. The poem, which satirizes the
        Carmelite friars of Cambridge, England, takes its title,
        "Flen flyys", from the first words of its opening line, "Flen,
        flyys, and freris," that is, "fleas, flies, and friars." The line
        that contains fxxx reads "Non sunt in coeli, quia gxddbov
        xxkxzt pg ifmk." The Latin words "Non sunt in coeli,
        quia," mean "they [the friars] are not in heaven, since".
        The code "gxddbov xxkxzt pg ifmk" is easily broken by
        simply substituting the preceding letter in the alphabet,
        keeping in mind differences in the alphabet and in spelling
        between then and now: i was then used for both i and j; v
        was used for both u and v; and vv was used for w. This
        yields "fvccant [a fake Latin form] vvivys of heli." The
        whole thus reads in translation: "They are not in heaven
        because they fuck wives of Ely [a town near Cambridge]."
(from American Heritage Dict.)


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 19 ก.ย. 01, 02:12
กษัตริย์อังกฤษในเรื่อง Brave Heart น่าจะตรงกับพระเจ้าเอ็ดเวอร์ที่ 1 นะครับ
Edward I ขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่อ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1274 ครับ

ส่วนวิลเลี่ยม วอลเลส พระเอกของเรื่องนั้น
มีอายุอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1272 ถึง ค.ศ. 1305 ครับ

อุๆๆๆ เมือง Ely นี่ผมนั่งรถไฟผ่านตั่งหลายครั้ง
พึ่งจะทราบประวัติ อุๆๆๆๆ


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 20 ก.ย. 01, 00:16
ถ้าเป็น Edward I (หลานของ King John ลูกของ Henry III)
สามารถนับได้ว่าเป็นกษัตริษ์ที่ดีมากพระองค์หนึ่ง
และดีที่สุดของสาย Plantagenet อีกด้วย ตามประวัติศาสตร์
Edward I เป็นกษัตริย์ที่รักประชาชน และพยายามล้างอำนาจ
ของพวกบารอนในระบบศักดินา เพื่อจะได้ข่มเหงชาวบ้านน้อยลงกว่าเดิม
จากที่เคยได้ผ่านตา ไม่เคยอ่านพบว่า Edward I จะเอาหญิงชาวบ้าน
มาข่มขืนอย่างนั้นค่ะ
ส่วนเรื่อง Brave Heart นั้น ถ้าเกี่ยวกับ Wallace แล้ว ก็ต้องยอมรับว่า
Wallace นั้นเป็นฮีโร่ของชาวสก็อตจริงๆ จนบัดนี้วิญญาณแห่งเสรีภาพ
ที่จะปลดเปลื้องตัวเองให้เป็นอิสระก็น่าจะคงมีอยู่อย่างไม่สั่นคลอน
แต่เกี่ยวกับความป่าเถื่อนเช่นนั้น ไม่แน่ว่าจะเป็นการตีสีใส่ไข่
อย่างเรื่องเอลิซาเบทหรือไม่

ตามเอาที่มาของคำ fornication มาแปะต่อค่ะ เพราะมีการบันทึก
คำนี้กันในปี 1303 ซึ่งหมายความว่า เพิ่งรู้จักใช้กันอย่างแพร่หลาย
แต่ในปี 1303 ก็เป็นในรัชสมัยของ Edward I ด้วย
(Wallace ถูกประหารในปี 1305) หากเป็นอย่างที่เจ้าของกระทู้ว่าไว้
คำๆ นี้ น่าจะแพร่หลายและได้มีการบันทึกไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว
เพราะมันเหมือนกับกฎที่บัญญัติไว้ (หากใช่) ทุกคนต้องรู้
แต่เนื่องจากอิฉันไม่สามารถหาหลักฐานมาหักล้าง หรือยืนยันได้ว่า
เป็นจริงหรือไม่ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าที่ต้องขออนุญาตเพื่อสมสู่นั้น
จริง หรือ ไม่จริง

Word History: The word fornication had a lowly beginning
        suitable to what has long been the low moral status of the act to
        which it refers. The Latin word fornix, from which fornicti,
        the ancestor of fornication, is derived, meant "a vault, an
        arch." The term also referred to a vaulted cellar or similar place
        where prostitutes plied their trade. This sense of fornix in Late
        Latin yielded the verb fornicr, "to commit fornication," from
        which is derived fornicti, "whoredom, fornication." Our word
        is first recorded in Middle English about 1303.


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 20 ก.ย. 01, 02:14
ไม่ใช่ King Edward I ที่ไปทำอย่างนั้นนะคะ  แต่เป็นขุนนางอังกฤษที่ไปปกครองสก๊อตแลนด์น่ะค่ะ  และคิดว่ากฏหมายเถื่อนนี้ออกมาโดยพวกสภาขุนนางรึไงเนี่ยะค่ะ  ไม่ใช่มาจากคิงโดยตรง  ก็พวกขุนนางเห็นดีเห็นชอบด้วยกันก็คงจะเออออกันไปแบบนั้น

คำว่า  fornication นี่ก็ยังใช้อยู่โดยเฉพาะทางศาสนาด้วยค่ะ  เป็นการใช้ในการกล่าวประนามผู้ผิดศีลกาเมค่ะ  โดยเฉพาะพวกที่คลั่งศาสนามากๆ  จำได้ว่าหลายปีมาแล้ว  มีเด็กคนหนึ่งเค้าว่ามีแววที่จะเป็นนักเทศน์  มีพรสวรรค์เทศน์ได้เก่งจากเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งทางใต้ในสหรัฐ  ที่เค้าเรียกว่า  Deep South น่ะค่ะ  ไม่ทราบจะเป็นรัฐอะไรก็จำไม่ได้แล้วค่ะ  ในหมู่คนที่ไม่มีการศึกษามาก  มักจะถูกหลอกให้เชื่อแบบขาวดำ  พวกนักเทศน์แบบนี้ก็อาศัยเทศน์ได้มันส์ชาวบ้านติดใจ  มีอิงคัมภีร์หน่อยๆให้ดูขลังอะไรแบบนั้น  เค้าไปทำข่าวโทรทัศน์มาออก  เป็นเด็กผู้ชายอายุสักสิบขวยได้  มีอนึงถือคัมถีร์ไบเบิ้ลไปยืนหน้าบาร์เหล้า  แล้วตะโกนโหวกๆใส่หน้าผู้ใหญ่ว่า "You fornicator!"  แต่ก็ไม่ยักมีใครเจ้าไปตักเตือนอะไร  คงเพราะกลัวคัมถีร์กระมัง  เดินผ่านเข้าไปกินเหล้าต่อกันเหมือนไม่ได้ยินอะไรน่ะค่ะ  หึหึ

เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ดูหนังเรื่องนึง  เป็นหนังที่ดีเยี่ยมมากค่ะ  แต่ตอนนี้นึกชื่อไม่ออก แหะๆ  รับประทานอัลไซเม่อร์ก่อนได้กาแฟค่ะ  เป็นเรื่องหนุ่มยิวไปหลงรักสาวชาวเวลส์  แต่ม่านประเพณีขวางกั้นจากทั้งสองฝ่าย  จนต้องแอบซ่อนความรัก  แล้วเมื่อความแตกสาวไปนั่งฟังเทศน์อยู่ในโบสถ์  หนุ่มเวลส์ด้วยกันที่แห้วไป  ก็ฟ้องพระว่า  "She had commited fornication with an outsider."  แล้วสาวก็ถูกลงโทษด้วยการไล่ออกจากโบสถ์ไปค่ะ  ไว้จะไปค้นชื่อเรื่องมาให้นะคะ  คุณนวลต้องชอบเรื่องนี้แน่ๆเลยค่ะ อิๆ ยั่งให้น้ำยายไหยเล่นๆยังงั้นแหละ


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 20 ก.ย. 01, 02:15
พระเจ้าเอ็ดเวอร์ดที่ 1 ในภาพยนต์ดูจะไม่ค่อยน่าคบเท่าไหร่นะครับเหอๆๆ
ขอเพิ่มเติมข้อมูลของคุณนวลเกี่ยวกับพระเจ้าเอ็ดเวอร์ดที่ 1 และลูกหลานครับ...

เอ็ดเวอร์ดนั้นเสียชีวิตในขณะที่ยกพลไปรบกับ โรเบอร์ท เดอะ บูลส์ กษัตริย์สก็อตแลนด์
หลังจากที่ตัดหัววิลเลี่ยม วอลเลสต์ไปแล้ว 2 ปี  ซึ่งลูกชายคือ เอ็ดเวอร์ดที่ 2
ก็ขึ้นครองราชย์ต่อ แต่ตามที่ประวัติศาสตร์ว่าไว้นั้น พระองค์ทรงไม่ค่อยจะมีความสามารถเท่าไหร่นัก
(สังเกตุได้จากในภาพยนต์ออกจะทรงพระแต๋วหน่อยๆ ...) อังกฤษแพ้สก็อตยับเยินในช่วงนั้น

เอ็ดเวอร์ที่ 2 นั้นใด้ราชินีเป็นเจ้าหญิงฝรั่งเศสคือ Isabella ที่ในภาพยนต์ Brave Heart บอกว่านางมีความสัมพันธ์กับพระเอกของเรื่องคือ วิลเลี่ยม วอลเลสต์ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่า
จะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า อาจจะเป็นเรื่องแต่งก็ได้
แต่ตามประวัติศาสตร์นั้น Isabella ลอบมีความสัมพันธ์กับชายอื่นจริง แต่เป็น Roger de Mortimer
และชู้รักของ Isabella ก็เป็นคนสังหารสามีของเธอคือพระเจ้าเอ็ดเวอร์ดที่2

หลังจากนั้นลูกชายของ Isabella ก็จับเธอขังไว้ และสังหาร Roger de Mortimer ซะเรียบร้องโรงเรียนอังกฤษ
แล้วจึงขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษมีพระนามว่าเอ็ดเวอร์ดที่ 3 ซึ่งต่อมาก็รวบรวมสก็อตแลนด์ให้มาอยู่ใต้อำนาจ
ของอังกฤษดังเดิม

ส่วนสงครามที่เอ็ดเวอร์ดที่ 1 รบกับบรรดาบารอน คือ สงครามบารอน
เท่าที่ผมเคยอ่านมาจำได้ว่าช่วงที่ปู่ของ เอ็ดเวอร์ดที่ 1 คือ King John ซึ่งเป็นกษัตรย์หลังจาก
ที่พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์เสียชีวิตในฝรังเศส พวกขุนนางดูจะมีอำนาจมาก
แล้วคิดแข็งข้อขึ้นมาเกิดเป็นสงครามบารอนสองครั้ง ครั้งแรกในสมัยของ King John
อีกครั้งคาดว่าเป็นสมัยของเอ็ดเวอร์ด ผมเดาว่าเป็นเพราะพระเจ้าริชาร์ด ฮีโร่สงครามครูเสดนั้น
ทรงออกรบเพื่อศาสนานานไปหน่อย เลยทำให้การเมืองภายในไม่มั่นคง...

หว๋า.... ออกนอกกระทู้ไปเยอะเลย ขออภัยครับผม โม้ติดลมไปหน่อย


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 20 ก.ย. 01, 14:42
ขออภัย เพราะไม่ได้ดู Brave Heart
ถ้าเป็นพวกขุนนาง ก็เข้าเค้าค่ะ
เพราะเป็น common law ของระบบ feudalism
ที่กล่่าวไว้แล้วว่า พวกเจ้าขุนมูลนายเจ้าของที่ดิน
ทั้งหลายมีสิทธิเต็มที
พวกขุนนางนั้นเริ่มขยายปีกมาตั้งแต่สมัยของ
Richard I แล้ว เพราะสาเหตุว่าริชาร์ดมั่วแต่
ไปยุ่งกับ crusade war โดยไม่คำนึงถึงไพร่ฟ้า
ประชาชนของตัวเอง ปล่อยให้การปกครองประเทศ
ตกอยู่ในมือของพวกขุนนาง พอมาถึง John
ตัว John เองก็ไม่ได้ความ แต่ก็ดีไปอย่าง
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิด Magna Carta ขึ้นมาค่ะ
(ออกนอกประเด็นไปมากเหมือนกัน... อิ อิ อิ)


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 20 ก.ย. 01, 16:10
เคยได้อ่านเรื่องนี้มาบ้างเหมือนกันครับว่าพระเจ้าริชาร์ดให้ความสำคัญกับ
สงครามครูเสดมาก ถึงกับทำทุกวิธีทางเพื่อให้มีเงินไว้ใช้เป็นทุนสำรองใน
การทำสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการรีดภาษีกับประชาชน เรียกค่าไถ่ การขายตำแหน่ง
ขุนนางสำคัญต่างๆ ตรงจุดนี้หรือเปล่าครับที่ทำให้อำนาจการปกครองประเทศ
มาอยู่ในมือขุนนาง

คุยกันเรื่องนี้แล้วผมอดนึกไปถึงอภิสิทธิ์ชนในสมัยนั้นที่เรียกว่าฐานันดรต่างๆไม่ได้
ฐานันดรที่ ๑ ได้แก่พวกเจ้านาย
ฐานันดรที่ ๒ ได้แก่พวกขุนนาง
ฐานันดรที่ ๓ ได้แก่พวกพระ
(ไม่ทราบว่าจะจำผิดหรือเปล่านะครับ)

ฐานันดรทั้ง ๓ จะมีอภิสิทธิ์เหนือคนทั่วไป พอมาในปัจจุบัน
ก็เกิดฐานันดรที่ ๔ ขั้นมาก็คือพวกนักข่าว ไม่รู้คนเค้าตั้งให้หรือว่า
พวกนักข่าวมาตั้งกันเอง แต่ก็เห็นภาพครับว่าพวกนี้เป็นกลุ่มที่มีอภิสิทธิ์
สมเป็นพวกฐานันดรจริงๆ

อยากฟังคุณนวลเล่าเรื่องกฏบัตรแม็กนาคาร์ตาครับ


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 21 ก.ย. 01, 00:59
คุณแจ้ง ใบตอง มีรสนิยมเลิศค่ะ... อยากฟังเรื่องเสาหลักของ
British Constitution แต่ต้องขอเวลาไปหยิบข้อมูลจากตู้หนังสือ
ส่วนตัวก่อนนะคะ จะได้เล่าไม่ขาดตกบกพร่อง
(ถึงจะขาด ก็ขาดนิดๆ หน่อยๆ)


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 21 ก.ย. 01, 01:36
มารอฟังด้วยคนค่ะ

คุณนวลเขียนเป็นบทความเลยซีคะ  คุณจ้อจะได้เอาไปลงหน้าบทความของหน้าต่างโลกด้วยไงคะ  อิๆ ยุซะเลย


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 21 ก.ย. 01, 07:20
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ฮี่ๆๆๆๆ
ถ้าคุณนวลมีเวลา ก็ขอบพระคุณมากครับ ฮี่ๆๆๆๆ
หากท่านอื่นสนใจจะเผยแพร่บทความก็ติดต่อทีมงานได้ครับ (ถือโอกาสชักชวน)
ความจริงจะแปะไว้เป็นกระทู้ก็ได้ แล้วแจ้งให้ทางวิชาการทีมทราบ
ผมจะตามไปอ่านดู ถ้าเป็นเรื่องที่ให้ความรู้และมีประโยชน์
ก็จะได้จัดรูปแบบให้สวยงาม แล้วเอาไปรวบรวมไว้อีกทีครับ


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 21 ก.ย. 01, 09:37
รอวิทยาทานจากคุณนวลด้วยคนค่ะ


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 21 ก.ย. 01, 23:34
แฮะ แฮะ ขอเป็นแค่กระทู้ก่อนก็แล้วกันนะคะ

อยากจะขออารัมภบทถึงพระเจ้าจอหน์ก่อน เพื่อที่จะได้ทราบเหตุผล
ที่มาของ Magna Carta ค่ะ
"พระเจ้าจอห์น  (1199-1216)"
เนื่องจากเป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัวที่สูงส่งมีอำนาจ
ในประเทศ (King Henry II กับ Eleanor of Aquitaine)
อนาคตของจอห์นถูกกำหนดให้ไปทางสายศาสนา ด้วยการส่งตัว
เมื่ออายุได้เพียงขวบกว่าไปอยู่กับทางวัด แต่พอหกขวบ ก็ถูกส่งกลับเพราะ
เห็นแล้วว่า อุปนิสัยใจคอของจอห์นนั้น ไม่สามารถเอาดีทางด้านนี้ได้
ในสายตาของผู้อื่น จอห์นเติบโตมาเป็นเจ้าชายหนุ่มที่มีอารมณ์ทั้งร้อนทั้งร้าย
เปลี่ยนใจได้เร็ว ป่าเถื่อนโหดร้าย รุนแรง กล้าแสดงออกได้ทุกเวลา
เก็บอารมณ์ไม่ได้ งก คิดถึงแต่ตัวเอง สามารถเป็นมิตรได้กับทุกคน
แต่ก็ทำให้ทุกคนขยะแขยงได้พอๆ กัน ชอบทำอะไรตามอำเภอใจ
แต่มีเหตุผล ฉลาดและมีความสามารถ มีความคิดริเริ่ม และอยากเรียนรู้  
แต่ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นลักษณะนิสัยของทางสายสกุล Angevin ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นเจฟฟรี้ แห่งอองจู เฮนรี่ที่สอง หรือริชาร์ดที่หนึ่ง ก็ตาม  
แต่เพราะอุปนิสัยเช่นนี้ รวมทั้ง จอห์นเป็นคนที่อยู่เฉยๆ ไม่เป็น กระตือรือร้น
มีพลังงานเหลือเฟือ จึงทำให้จอห์นเป็นกษัตริย์องค์เดียวที่สามารถรวม
สก็อตแลนด์ ไอร์แลนด์ และเวลส์ มาอยู่ใต้การปกครองของตน และสามารถทำ
ให้อาณาจักรเหล่านั้นยอมสยบเชื่อฟังได้อีกด้วย

ตลอดชีวิตของจอห์นล้วนแต่ติดพันกับการสู้รบ หรือไม่ก็ปราบกบฎภายในอังกฤษเอง
ในบางคราวเมื่อชนะศึก จอห์นได้แสดงความโหดเหี้ยมกับฝ่ายตรงข้ามที่จับเป็นเชลย
ไม่เว้นแม้แต่ญาติ จอห์นริดรอนสิทธิอำนาจของเหล่าขุนนางบารอนให้อยู่ใต้อำนาจของ
ตัวเอง หากเมื่อไรที่จอห์นจะออกศึก ก็หมายความว่าจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมาก
ซึ่งก็จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น แล้วพวกขุนนางไม่สนับสนุนด้วยกองกำลัง ต้องเสีย
ค่าปรับอีกด้วย ซึ่งทำให้เหล่าบารอนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะศึกต่างๆ นั้น
ล้วนแต่เป็นศึกต่างประเทศ (กับฝรั่งเศส) ทั้งสิ้น  นอกจากจะผิดใจกับพวกขุนนาง
ของตัวเองแล้ว จอห์นยังทะเลาะกับฝายศาสนาอันเนื่องมาจากการแต่งตั้ง Archbishop
of Canterbury ที่จอห์นต้องการให้คนของตัวเองเป็น แต่ทางฝ่ายศาสนากลับเลือกอีกคนหนึ่ง
ผลที่ตามมาทำให้จอห์นถูกขับออกจากศาสนา (excommunicated) และกว่าสันตะปาปา
Innocent II จะอภัยให้ก็เป็นเรื่องเป็นราวกันใหญ่โต จอห์นต้องให้สัญญาที่จะยอมรับ
ให้อำนาจของกรุงโรมเหนือบัลลังก์อีกครั้งในการแต่งตั้งพระราชาคณะ
ในการทำศึกกับกษัตริย์ฝรั่งเศสเพื่อช่วงชิงดินแดนใต้ปกครองทางฝรั่งเศสนั้น
ก็เพราะอุปนิสัยที่ขึ้นๆ ลงๆ ของจอห์น จึงทำให้ไม่สามารถจะชนะศึกได้ ทั้งๆ ที่มีโอกาส
และเป็นต่ออยู่ เหล่าพวกขุนนางต่างเอือมระอาและอยากหาความเป็นอิสระให้แก่ตัวเองบ้าง
โดยเฉพาะขุนนางบารอนทางเหนือ ซึ่งมีอารมณ์คุกรุ่นมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่จอห์นได้รับอภัยโทษ
จากกรุงโรม และจะยกทัพไปทำศึกกับฝรังเศสในปี 1213 แต่พวกบารอนทางเหนือปฏิเสธ
ที่จะรวมรบด้วย จอห์นถึงกับยกทัพขึ้นเหนือเพื่อไปสั่งสอนพวกบารอนนี้ แต่ Archbishop
of Canterbury ได้ห้ามไว้และเตือนให้จอห์นนึกถึงคำสัญญาที่ได้ให้ไว้ก่อนจะได้รับอภัยโทษ
ซึ่งได้แก่ให้วินิจฉัยตัดสินความผิดโดยนำขึ้นสู่การพิจารณาทางศาลมากกว่าจะใช้กำลัง
แต่กว่าจะทำให้จอห์นเชื่อได้ ก็เป็นเวลาสามสี่เดือน โดยทั้งสองฝ่ายยอมประนีประนอม
หันมาดีกันได้ชั่วคราวในเดือนพฤศจิกายน แต่แล้วในปีถัดไป ในขณะที่ทำศึกอยู่ที่ฝรั่งเศส
จอห์นได้ออกคำสั่งให้เก็บเงินค่าปรับสำหรับพวกบารอนที่ไม่ยอมส่งกำลังไปสนับสนุน
ซึ่งเป็นฟางเส้นสุดท้าย  เหล่่าบารอนทาางเหนือรวมตัวกันแข็งข้อไม่ยอมจ่ายค่าปรับ
และเรียกร้องให้จอห์นคืนเสรีภาพที่เคยมีมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งจอห์นเคยสัญญาไว้  
พวกบารอนทางเหนือได้ยกกำลังมาประชิดลอนดอน พร้อมขอแรงสนับสนุนจากกษัตริย์ฝรั่งเศส  
แต่แล้วจอห์นกลับพร้อมที่จะเจรจา ทั้งสองฝ่ายพบกันที่ รันนีมีด ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ใกล้กับวินเซอร์
และจอห์นได้ยินยอมที่จะลงนามในกฎบัตร Magna Carta ในวันที่ 15 มิถุนายน 1215

Magna Carta เขียนขึ้นเป็นภาษาลาติน ในขั้นแรกมีทั้งสิ้น 49 ข้อ
แต่ภายหลังได้เพิ่มขึ้นเป็น 61 ข้อ  ซึ่งในสาระสำคัญ ได้กำหนดสิทธิอันพึงมี
ีของแต่ละชนชั้น และกำหนดอำนาจของกษัตริย์ด้วย  


Magna Carta  ได้กำหนดให้อำนาจแก่ทางศาสนาที่จะเลือกคนเข้าดำรง
ดำแหน่งพระราชาคณะเอง โดยที่กษัตริย์จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้
-  กษัตริย์ไม่อาจเรียกเก็บภาษีโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภา
- กำหนดค่าปรับในอยู่ในอัตราที่เหมาะสม
- กำหนดมาตราชั่งตวงวัดสำหรับการค้าภายในประเทศและต่างประเทศ
- ห้ามไม่ให้มีการซื้อขายเพื่อล้มคดี
-  แต่ข้อที่สำคัญที่สุด เห็นจะได้แก่ข้อ 39 ซึ่งได้กำหนดไว้ว่า  
ห้ามจับกุม หรือกักขัง หรือประกาศให้เป็นคนนอกกฎหมาย หรือเนรเทศ
บุคคลใดๆ ที่เป็นคนอิสระ เว้นเสียแต่จะได้รับคำพิพากษาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ภายใต้คณะขุนนาง หรือกฎหมายของแผ่นดิน  ซึ่งข้อนี้เองได้กลายมาเป็นรากฐาน
การก่อเกิดของคณะลูกขุน
- ห้ามไม่ให้ขาย หรือปฏิเสธ หรือผัดผ่อนที่นะให้สิทธิ หรือความยุติธรรมแก่
บุคคลใดๆ ทั้งสิ้น
- การจำกัดอำนาจของเจ้าพนักงาน โดยห้ามไม่ให้ยึดทรัพย์ของผู้ใดมาเป็นของ
ตนตามอำเภอใจ ฯลฯ

จอห์นยังให้คำสาบานว่า ยินยอมให้ Magna Carto มีผลต่อตัวเองและลูกหลานที่จะมาครอง
บังลังก์สืบต่อไป แต่น่าเสียดายที่ ทั้งพวกบารอนและจอห์นไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ
อย่างเคร่งครัด และ Magna Carta มิได้ปรากฎผลเป็นที่เด่นชัดจนอีกประมาณสามร้อยปี
หลังจากการลงนามดังกล่าว

หากดูผ่านๆ Magna Carta เหมือนจะไม่มีความสำคัญสักเท่าไร
แต่ถ้าคำนึงถึงสาระสำคัญว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ (rights and liberties)
ของประชาชนแล้ว ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า นี่คือรากฐานของประชาธิปไตย


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: ลุงหมี ที่ 22 ก.ย. 01, 16:02
ตามมาอ่านเพราะหัวข้อ
กุ๊กกิ๊กกับคำย่อ
ตอนหลังมึน + มันดี กับ ประวัติศาสตร์
ชอบครับ  ชอบมาก


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: ไร้นาม ที่ 22 ก.ย. 01, 18:58
ดีจังค่ะ แวะเข้ามาอ่านได้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์เพิ่มเติมด้วย :)


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 23 ก.ย. 01, 01:55
ขอบคุณมากค่ะ คุณนวล ได้รู้ซะทีว่ามันมีที่มาอย่างไรกันแน่  เคยเรียนในชั้นเรียนประวัติศาสตร์ก็มึนมาก่อน  แต่คุณนวล อธิบายสรุปได้ให้เข้าใจง่ายมากเลยค่ะ


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: ฝอยฝน ที่ 23 ก.ย. 01, 09:38
ขอบคุณค่ะ คุณนวล
อ่านเรื่องเล่าแบบนี้  
สนุกและได้ความรู้มากค่ะ


กระทู้: จริงอ๊ะป่าวนี่ ใครรู้ช่วย Confirm
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 29 ก.ย. 01, 16:25
ขอบคุณคุณนวลมากๆ ครับ ผมอ่านแล้ว พอมาเปรียบเทียบของระบบศักดินาของไทย จะเห็นความแตกต่างได้ราง ๆครับ