เรือนไทย

หลังจากติดค้างมานาน จนถูกคนพวงร้อยทวงเข้าให้
รีบเอามาขัดตาทัพก่อนชุดนึงก็แล้วกันนะครับ



ถ้ำมอง
:)
src='http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW968x000.jpg'>

เกือบทั้งหมดนี่จากนครวัดครับ

อัปสราที่ยิ้มได้เปิดเผยที่สุด

อัปสราปูนปั้นจากปราสาทแปรรูป เชื่อแล้วว่าแฟชั่นผู้หญิงมีวงจรอยู่ ช้าเร็วต้องกลับมานิยมใหม่ 1000 ปีที่แล้วสาวเขมรเธอก็นิยมกระโปรงพลีทอัดจีบกันแล้วนะเนี่ย

อัปสราจากปราสาทธมมานนท์ ถึงปราสาทจะเล็ก มีอัปสราให้ดูไม่มาก แต่อัปสราที่นี่สวยไม่แพ้ใครเลยเชียวแหละ ศิลปะแบบนครวัดเช่นเดียวกัน

อัปสราจากปราสาทตาพรหม เธอคนนี้น่าจะล่ำสันน้อยที่สุดแล้วในศิลปะแบบบายน

กลับมาที่นครวัดอีกครั้ง

ผู้หญิงนะผู้หญิง ยุคไหนสมัยไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย

เหนือคำบรรยาย

อัปสรานางนี้โปรยสายตาลงมาได้เซ็กซี่จริงๆ เสียดายรูปออกมาไม่ได้ครึ่งของอารมณ์ ใครมีโอกาสไปอย่าลืมไปเยี่ยมเธอบ้างล่ะ

อัปสราลึกลับ แปลกทั้งท่าทางและที่อยู่ เธอยืนอยู่ระหว่างกลางกลุ่มอัปสราสองกลุ่ม และที่แปลกตำแหน่งเดียวกันของด้านอื่นๆไม่มีอะไรแกะอยู่เลย

ก็พอหอมปากหอมคอนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็น apsara.com ไป ยังมีรูปชุดอื่นๆอยู่ระหว่างจัดเตรียมครับ ขอโทษจริงๆที่ดองไว้นาน...ขนาดนี้ :)

ขอบคุณมากนะคะ  ไม่เสียหลายที่ไปทวงถึงที่หว้ากอ อิๆๆ  งามจริงๆเลยค่ะ  ไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นภาพสลักจากหิน  แกะได้กลมกลึง  แม้เก่าแก่ชำรุดไปบ้างแล้วก็ยังเห็นได้เลยว่า  จำลองภาพสาวสวรรค์ได้งามเหนือคำบรรยายจริงๆ  มิน่า คุณ CrazyHOrse ถ่ายได้ไม่เบื่อ  ถ่ายนางอับสราไปกี่ม้วนล่ะคะเนี่ยะ ฮ่าๆๆ

ขอบคุณมากเลยครับคุณพี่ ไม่เสียแรงที่ทวงถามผ่านไปทางคุณน้าเทาชมพู ภาพงามๆอย่างนี้จะหาได้ที่ไหนอีก ถ่ายได้ชัดเหลือเกิน เก็บรายละเอียดได้หมด มิน่าเล่า ของดีอย่างนี้ถึงได้อุบเอาไว้นาน ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ

อ้าว... ตกไปหนึ่งได้ไงเนี่ย คนนี้ก็ที่นครวัดเช่นเดียวกันครับ นอกจากที่ระบุว่าจากที่อื่นๆแล้ว ทั้งหมดมาจากนครวัดนะครับ



คุณพวงร้อยครับ เดี๋ยวนี้ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลตลอดครับ นับเป็นม้วนไม่ถูก แต่รวมความได้ว่าสามวันถ่ายไป600รูปพอดี เป็นอัปสราซะสี่ห้าสิบเห็นจะได้ แบบว่าแถวนี้หนุ่มๆเยอะน่ะครับ ยังมีของฝากคุณพวงร้อยโดยเฉพาะอยู่อีก ขอเวลาเตรียมอีกหน่อยครับ



ว่าแต่ว่าอัปสราที่นครวัดนี่ สงสัยจริงว่าจะใช่นางฟ้าหรือเปล่า ดูจากการจัดตำแหน่งและเครื่องแต่งกาย สงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นบรรดาสนมน้อยใหญ่ของสูรยวรรมันที่๒ซะมากกว่า เอ้า... หนุ่มๆแถวนี้ใครอยากแสดงความอิจฉา เชิญเลยครับ

แอบหลังหนุ่ม ๆ เข้ามาชมความงามนางอัปสราด้วยคนนะคะ
บางรูป ถึงน่ากลัว แต่ก็สวยจังเลยค่ะ

สวยจริง ๆ ครับ....อยากรู้จังว่าตอนที่ขึ้นมาจากเกษียรสมุทรนั้น จะสวยงามแค่ไหนหนอ...อิอิ
อัปสรา ศิลาสลัก....รูปไหนที่เป็น...ตัวแทนแห่งรัก พิษณุหริเกศวร?

แล้วมีอีกมั้ยครับ อัปสรา.....เนี่ย ....

มาดูอัปสรนครวัดดีกว่า สวยดีครับ

ช่วยบอกหน่อยว่าใช้กล้องอะไรได้มั้ยคะ  กำลังเก็บข้อมูลวันหลังได้ซื้อมั่งค่ะ  ขี้เกียจหอบกล้อง SLR กับเลนส์ตัวเบ้อเร่อแล้วค่ะ  แต่กะว่าจะรอให้เทคโนโลยี(และราคาด้วย)มันอยู่ตัวซะก่อน  

เดาเอาว่าคงใช่ค่ะว่าเอาแบบมาจากชีวิตในวังจริงๆ  เป็นปกติของระบบสมมติเทพที่ต้องการยกระดับองค์กษัตริย์ให้เทียมเทพ  จึงจำเป็นที่จะต้องยกเอารูปที่เตือนให้คนนึกถึงของจริง  จึงมีแรงจูงใจให้มากที่จะจำลองภาพจากราชสำนักไปทำเป็นรูปประดับที่ให้คนคิดว่าเป็นภาพจากสรวงสวรรค์  เพื่อเป็นการตอกย้ำทางจิตใต้สำนึกไงคะ  

เคยไปแค้มป์อพยพคนเขมรนานมาแล้วค่ะ  ไปทำงานแถวๆชายแดนมาก่อน  คนเขมรที่มาอยู่ในค่ายก็พยายามรักษาประเพณีและวัฒนธรรมไว้อย่างเหนียวแน่น  พวกนางละครรำจะแต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนนางอับสราเลยค่ะ  แล้วเค้าก็ยังเรียก อัปสรา กันอยู่  เด็กๆที่ฝึกรำอยู่นี่บอกยากมากเลยค่ะ  เพราะรำเขมรนั้น  ตัวรำต้องยกนิ้วเท้าขึ้นตลอดเลยค่ะ  มันไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย  แต่มันเหมือนในรูปสลักน่ะค่ะ  ลองเดินด้วยการยกนิ้วเท้าขึ้น  ได้สองก้าวก็เกือบคะมำแล้วค่ะ

เห็นว่าคตินางอับสราของเค้าก็อาจจะเป็นอย่างในอินเดียที่มีนางรำประจำในวิหารที่บูชา  คือนอกจะรำถวายเทพแล้ว   ก็ยังบำเรอความสุขให้ผู้เป็นใหญ่ด้วย (อันนี้ไม่แน่ใจว่ามั่วผิดไปรึเปล่านะคะ  มันเลือนไปมากแล้วค่ะ  และไม่ได้ไปค้น)  เลยเป็นแบบจำลอง fantasy ของคนในสมัยนั้นว่านี่เป็นรูปลักษณ์ของสตรีที่งามแบบที่กำลังนิยมกันน่ะค่ะ  คืออาจจะมีการเติมแต่งให้เป็น "ความงามสัมบูรณ์" ตามค่านิยมน่ะค่ะ

แต่ดิฉันชอบหน้าแบบนี้นะคะ  มันดูคลาสสิคอย่างบอกไม่ถูก  เคยมีเพื่อนคนนึง  มีพื้นเพมาจากอุบล  เค้าสวยมากเลยค่ะ  แล้วหน้าแบบนางอับสรานี่แหละ  คือหน้าเป็นเหลี่ยมแบบ chiseled มาเลย  แล้วตาหวานคม ปากรูปสวยเหมือนอัปสราจริงๆ  ดูในรูปสลักอาจจะไม่ใช่ความสวยอย่างที่เรานิยมกันในปัจจุบัน  แต่ดูหน้าเพื่อนแล้วเค้าทั้งหวานทั้งคม งามแบบไม่จืดตาจริงๆเลยค่ะ

กล้องที่ใช้เป็น Kodak DC220 น่าจะ obsolete ไปสัก 2 ปีได้แล้วละมังครับ ซื้อใช้มาได้ราว 4 ปีแล้ว ความละเอียดก็แค่ 1.3M pixel อัดลงกระดาษใหญ่กว่า 4x6 คงออกอาการแน่นอน ถ้าคุณพวงร้อยจะเลือกซื้อน่าจะลองแวะไปที่ Bluplanet ที่นั่นมีผู้เชี่ยวชาญอยู่เยอะเชียวครับ

คุณจอมกระต่าย พิษณุหริเกศวรคือใครหรือครับ เล่าให้ฟังบ้างสิครับ

คุณ นกข. รอหน่อยนะครับ มีของฝากเหมือนกันครับ

สวยกันทุกนางเลยครับ อย่างนี้ต้องขออนุญาตนำเสภาขุนช้างขุนแผนที่ชมความงามของสาวเชียงใหม่
มาชมนางอัปสรา ดังนี้ครับ

ใส่ตุ้มหูซ้ายขวาระย้าย้อย
เอวบางร่างน้อยนมถนัด
ดังประทุมตูมเต่งเคร่งครัด
จำปาทัดถันได้ไม่ลอดทรวง..

ความงามของผู้หญิงนี่  ทั้งไทยทั้งขอมเห็นจะชอบคล้ายๆ กันนะครับ

แต่ที่แน่ ๆ  คุณแจ้งชอบแบบออกนอกหน้าเลยใช่ไหมคะ
ไปหาคำกลอนมาประกอบความเห็นได้พร้อมสรรพเชียวค่ะ

พิษณุหริเกศวร ก็คือ สุริยวรรมันที่ 2 น่ะครับ
จากเรื่อง สุริยวรรมัน ของทมยันตีครับ กล่าวถึงการสร้าง ปราสาทนครวัด
แล้วเค้าก็ว่ากันว่า จะมีรูปอัปสราที่สวยที่สุดอยู่รูปหนึ่ง ที่จำลองมาจาก นางชลันธรี ผู้เป็นดวงใจของพิษณุหริเกศวร น่ะครับผม...อิอิ
ขอโทษด้วยครับ ที่แก่นิยายเกินไป...

แฮ่ๆ มิน่าไม่เคยได้ยินเลย มาจากนิยายของคุณทมยันตีนี่เอง ส่วนนางชลันธรีจะเป็นคนไหน อันนี้ไม่รู้จริงๆ เพราะในสายตาผมก็สวยๆกันตั้งหลายคนแน่ะครับ :)

ไหนๆแล้วแถมซักหน่อย กษัตริย์ของเขมรนี่จะอยู่ในสถานะของเทวราชาครับ คือเป็นเทพแบบไม่ต้องสมมติกันให้ยุ่งยากเลยแหละ เมื่อสวรรคตก็จะเป็นเทพเต็มตัวครับ กรณีสูรยวรรมันที่๒ มีพระนามหลังสวรรคตแล้วว่า "บรมวิษณุโลก" ครับ ว่าแต่ว่ายังสงสัยไม่หายว่าคุณทมยันตีแกไปเอาชื่อนี้มาจากไหนกันน้อ...

สาวที่คุณพวงร้อยพูดถึงที่อยู่ประจำวิหารเทพเจ้าในอินเดีย ดูเหมือนจะเรียกว่า เทวทาสี แต่จะเป็นพวกเดียวกับอัปสราขแมร์หรือไม่ก็ไม่ทราบครับ

ตามนิทานเดิมของฮินดู นางอัปสรก็เป็น ... จะเรียกอะไรดี ... หญิงบริการบนสวรรค์ มีหน้าที่บำเรอเทวดาที่เป็นผู้ชาย ไม่มีสามีเป็นตัวเป็นตนยกเว้นบางคนที่หนีหน้าที่ลงมาได้สามีเป็นมนุษย์ บางทีก็ถูกเทวดาใช้ไห้เป็นดาวโป๊ไปยั่วยวนทำลายตบะของมนุษย์ที่ชักจะทำท่าจะเก่งเกินเทวดา ดูๆ ก็น่าสงสารพวกเธอ เหมือนเป็นวัตถุทางเพศอย่างหนึ่งเหมือนกัน

ขออภัยท่านผู้ร่วม "เล่น" เน็ตท่านอื่น แต่ผมจะต้องตามไปออกตัวอย่างนี้ต่อท้ายความเห็นผมอีกหลายทีแหละครับ จนกว่าผมเองจะหายผวา เพราะไม่ทราบว่าจะมีใครตั้งตนเป็นครูใหญ่หรือสารวัตรเว็บผ่านมาคลิกเข้ามาตรวจเข้าเมื่อไหร่ ไอ้ที่ผมว่ามาข้างบนนั้น ผมได้ยินมารู้มาเท่าไหร่ก็เล่าสู่กันฟังเท่านั้นนะครับ ตรงไหนจำไม่ได้ก็บอกไว้ชัดว่า จำไม่ได้ หรือไม่แม่น ตรงไหนจำผิดไป รู้ผิดมา ถ้ามีคนกรุณาแก้ไขเพิ่มเติมผมก็จะขอบคุณ แต่ที่ว่ามานี่จำตำราไม่ได้ครับ ไม่มีแหล่งอ้างอิงครับ ถ้าจะเอาผมไปเข้าห้องสอบกันละก็ผมยอมแพ้ครับ เชิญสารวัตรเว็บไปข้างหน้าเถอะครับ สารวัตรเว็บทำบรรยากาศการแลกเปลี่ยนความเห็นสบายๆ ในนี้เสียหมดแล้วครับ รู้ตัวรึเปล่า

ทำใจให้สบายค่ะคุณนกข.
เรือนไทยตั้งมาปีกว่าแล้ว เราก็คุยกันมาเรื่อยโดยไม่ต้องมีบรรณานุกรมหรือเชิงอรรถประกอบความเห็นของเราให้เกร็งกันเปล่าๆ
ใครอยากรู้ก็ถาม ใครจำอะไรได้ก็บอก มากบ้างน้อยบ้างก็ไม่เห็นมีใครมาคาดคั้นอะไรกับใคร
เพราะที่นี่คือกระดานสนทนา ไม่ใช่กระดานรายงาน หรือกระดานวิทยานิพนธ์

เรื่องนางอัปสรขอบอกว่าจำถูกแล้วค่ะ นางอัปสรกลุ่มใหญ่เกิดขึ้นหลังกวนเกษียณสมุทร ที่เทวดากับอสูรเอานาคมาชักคะเย่อ มีเขาพระสุเมรุปั่นอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ลอยขึ้นมาเป็นครีมมีพิษร้ายที่พระอิศวรฉวยไปกลืนจนพระศอดำ   พระลักษมี   ธันวันตรี(แพทย์เทวดา) และนางอัปสร
นางอัปสรเหล่านี้เป็นของกลาง ไม่มีใครรับไปเป็นภรรยา   ทั้งที่ยังสาวสวย    นานๆก็ถูกใช้ลงมาทำลายตบะฤาษี ที่จำได้คือนางเมนกาถูกใช้มาทำลายตบะพระวิศวามิตรจนเกิดลูกสาวคือศกุนตลา  คลอดลูกเสร็จก็กลับสวรรค์ไม่มาเลี้ยงดู  อีกคนคืออุรวศี  แต่ทำอะไรลืมไปแล้วต้องไปหาหนังสือดร.ศักดิ์ศรีมาอ่าน
ส่วนนางอัปสรา ก็มาจากอัปสรนั่นละค่ะ ภาษาสันสกฤต  บาลีเรียกว่าอัจฉรา   ดิฉันคิดว่าสาวประดับผนังนครวัดคงเป็นรูปแบบของคนงามในสมัยนั้น
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์เคยเขียนล้อเอาไว้ในเรื่องสั้น   ที่นางอัปสรสวยที่สุดในนครวัดได้แบบมาจากนางตะเภาเหาะ   หล่อนเป็นหญิงงามแห่งนคร  พูดอีกทีคือโสเภณี

เรื่องนางอัปสรที่เกิดขึ้นตอนกวนเกษียรสมุทร ทำให้สงสัยอยู่อย่างครับ ก่อนหน้านั้นมีนางอัปสรอยู่บ้างแล้วหรือเปล่า เพราะรูปสลักการกวนเกษียรสมุทรที่นครวัดปรากฎเหล่าอัปสรจำนวนมากอยู่เหนือเหล่าเทพและอสูรที่ร่วมกันกวน ผมยังข้องใจอยู่ว่านั่นคือผลิตผลจากการกวน หรือเป็นเหล่าเชียร์ลีดเดอร์รุ่นดึกดำบรรพ์ซะก็ไม่รู้ :)

ไม่มีทะเบียนสำมะโนครัวของชาวสวรรค์อยู่ในมือเสียด้วย เลยจนใจค่ะไม่รู้ว่านางอัปสรมีกี่รุ่น รุ่นแรกเกิดเมื่อไร
คิดว่ารุ่นที่เกิดในเกษียณสมุทรน่าจะเป็นรุ่นตามกฏหมายสวรรค์ที่ยอมรับกันเป็นทางการ
ส่วนภาพในนครวัดดิฉันเดาง่ายๆว่าไหนๆจะสร้างนครวัดเป็นเขาพระสุเมรุตั้งอยู่กลาง
น้ำ ก็ต้องดึงเอาตอนกวนเกษียณสมุทรขึ้นเป็นหลัก
เมื่อกวนตอนนั้น จะขาดนางอัปสรเสียก็เหมือนเล่นหนังไม่มีนางเอก มีแต่ตัวประกอบ จึงมีนางอัปสรลอยกันอยู่เต็มผนังเท่าที่จะเห็นงาม
เอาเป็นว่าช่วงนั้นกวนน้ำนมกันมาพักใหญ่   ครีมคือนางอัปสรลอยขึ้นมาหมดแล้ว   พอไหวไหมคะ

ตอนกวนก็จะได้ทั้ง  สุรา แล นารี....
โฮ่ ๆๆๆ ช่างสุขเกษมแช่มชื่นเสียจริงหนอ...ครบองค์ประกอบเลย 55555

ได้ยาพิษด้วย ศศิศ อย่าลืม อย่าเผลอดื่มผิดล่ะ พิษที่ได้ยกให้พระอิศวรท่านเสวยไปองค์เดียวเถิด...

ตามความคิดเห็นส่วนตัว...โสเภณีไม่น่าที่จะมีบทบาทมากขนาดที่ต้องนำมาเป็นรูปแกะสลัก..น่าจะเป็นบุคคลอื่นที่มีความสำคัญมากกว่าโสเภณีชั้นฟ้า...แปลกใจอยู่อย่าง
รูปแกะสลักใบหน้านั้นไม่เหมือนเอเซียเลยนะ...เป็นคนคิดมากน่ะ..