ต้องขออภัยที่ตอบแล้วตอบอีกนะคะ ต่อไปคงได้แต่ตามอ่านให้ตาแฉะแล้วค่ะ พอดีเกิดสงสัยขึ้นมาว่าถ้าเราเป็นคนเขียนจะเขียนอะไรถึงจะเป็นความบันเทิง
ฉากรับราชทูตนี้ ได้ 8 แสนวีวขณะที่กุ้งเผาได้ไป 10 ล้านวีว หมูโสร่ง 2.7 ล้านวีว
ถ้ามีนางเอกภาคสองจริง อยากให้เป็นแม่ครัว ไม่ต้องสนใจวัดวังมาก บุกก้นครัวแม่มะลิให้พรุนน่าจะดีมาก
หมูโสร่ง ไม่มีอยู่ในนิยายเหมือนกุ้งเผาและมะม่วงน้ำปลาหวาน ท่าทางคนเขียนบทคงอยากนำเสนอเมนูอาหารกรุงศรีฯขึ้นมาบ้าง แต่เอาที่จริงสืบค้นลงไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเมนูช่วงไหนของกรุงศรีอยุธยา เพราะอยู่ในบันทึกจาก
"จดหมายเหตุความทรงจำของพระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี (เจ้าครอกวัดโพธิ์) ตั้งแต่จุลศักราช ๑๑๒๙ ถึงจุลศักราช ๑๑๘๒ เป็นเวลา ๕๓ ปี" ที่ท่านก็เกิดหลังยุคพระนารายณ์อาจถึงร้อยปี อันนี้คงเป็น Dramatic license of script writer อีกที
จากบันทึกของลาลูแบร์ มีข้าวเหนียวหัวหงอก แกงเหงาหงอด ก็ไม่ยอมทำ สงสัยว่าหน้าตาจะธรรมดาเกินไปไม่ขึ้นกล้อง
" อาหารเช้าที่คนกรุงศรีอยุธยานิยมทานคือ
“ข้าวเหนียวหัวหงอก” เป็นข้าวเหนียวคล้ายข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง แต่มีการโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด เมนูนี้พอไปถามคนพม่าจะบอกว่าคนโบราณกินกันมานาน พอไปดูที่เวียดนาม กัมพูชา ก็นิยมเหมือนกัน เราเลยสันนิษฐานว่า คนกรุงศรีอยุธยาสมัยก่อนเคยทานอาหารชนิดนี้ โดยเมนูนี้นิยมเพราะทำง่าย พอกินไปจะอยู่ท้อง รวมถึงมีความเค็มกับหวานอยู่ในตัว ในอยุธยาปัจจุบันอาหารชนิดนี้แทบไม่มีเหลือแล้ว ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านยังรักษาการกินอยู่
อาหารเช้าของราชวงศ์ในอยุธยามีความหลากหลายกว่าชาวบ้านทั่วไป เช่น นำ
แกงเหงาหงอด ที่ชาวโปรตุเกส นิยมทาน ซึ่งถ้ามีฐานะดีจะกินอาหารเช้าต่างจากชาวบ้านปกติ อย่างชาวบ้านหาข้าวกับปลามาปิ้งย่างก็กินได้ แต่คนมีเงินจะกินอาหารที่มีเครื่องเทศ เช่น น้ำพริกกะปิ แกงกะทิที่ใส่หัวหอม มีหลักฐานการใช้ผักหวานนำมาประกอบอาหาร ผิดจากชาวบ้านที่วันไหนไม่มีเวลาทำอาหารก็อาศัยขุดเผือกหามันกิน "
ตามรอยเมนูอยุธยาอื่นๆหลังหมูโสร่ง( ถ้ามี )
ข้าวเหนียวหัวหงอก
แกงงเหงาหงอด