เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 14, 13:30



กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 14, 13:30
มีคนขอมาหลังไมค์ ให้ช่วยลงรูปและคำอธิบายแฟชั่นสตรีไทยในแต่ละยุค ตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ เพื่อความเข้าใจในการจัดแฟชั่นค่ะ
สมัยรัชกาลที่ 1   ยังไม่มีการถ่ายรูปเกิดขึ้น    ก็คงจะอาศัยได้แต่ภาพวาดผนังโบสถ์ซึ่งกลายแห่งก็ซ่อมแซมที่ชำรุดในระยะหลังๆจนไม่แน่ใจว่าวัดไหนยังหลงเหลือภาพสตรีไทยที่ถูกต้องตามจริงบ้าง
ได้แต่อาศัยความเข้าใจจากหนังสือและบันทึกต่างๆว่า  สตรีไทยสมัยนั้นคงแต่งกายไม่ต่างจากสมัยธนบุรี  เมื่อเกิดศึกสงคราม   ผู้หญิงก็เปลี่ยนทรงผมจาก "ประบ่าอ่าเอี่ยมไร" อย่างสมัยปลายอยุธยามาตัดผมสั้นแบบผู้ชาย  เพื่อปลอมแปลงตัว
เปลี่ยนจากนุ่งจีบ มาเป็นโจงกระเบนแบบชาย เพื่อความรัดกุม
 


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 29 มิ.ย. 14, 15:04
ภาพวาดไตรภูมิ ฉบับธนบุรี พศ. ๒๓๑๙ ต้นฉบับเก็บที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ วาดฉากการประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเห็นลักษณะการแต่งกายของระดับผู้นำ ระดับนางใน ระดับล่าง


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 14, 15:54
ภาพข้างบนนี้งามจริงๆ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 10:55
ภาพข้างบนนี้แสดงให้เห็นว่าสมัยธนบุรี   ไม่ว่านางในระดับสูงใกล้เจ้านาย  หรือระดับบ่าวไพร่ทำงานพื้นๆ ล้วนไว้ผมสั้น  แต่ยังรักษาเค้าเดิมสมัยอยุธยาคือไรผมที่เป็นวงรอบศีรษะ เหนือหน้าผาก   
การแต่งกายของหญิงสามัญยังคงใช้ผ้าผืนเดียว ถ้าไม่คาดอกก็ห่มสไบ   ท่อนล่างเป็นโจงกระเบนเพื่อความรัดกุมและคล่องแคล่ว
น่าเสียดายที่ภาพนี้ไม่ได้แสดงว่านางในสูงศักดิ์ผู้นั่งประคองพานรอรับพระราชกุมารนั้น นุ่งผ้านุ่งหรือว่าโจงกระเบน

การแต่งกายแบบนี้ยังคงรักษาเป็นประเพณีนิยมต่อมาจนถึงรัชกาลที่ 3 ต่อเนื่องถึงต้นรัชกาลที่ 4    เห็นได้จากพระรูปพระบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ากินรี  พระราชธิดาในรัชกาลที่ 3   พระรูปนี้ฉายเมื่อพระชันษามากแล้ว ในรัชกาลที่ 4
ทรงห่มสไบแต่ก็มีเสื้อแขนยาวสวมข้างในด้วย มิดชิดเรียบร้อย   ท่อนล่างเป็นโจงกระเบน   ผมตัดสั้นทรงดอกกระทุ่ม


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: visitna ที่ 30 มิ.ย. 14, 12:00
typical  หรือ  routine  dress  ของผู้หญิงธรรมดา    ต้นรัตนโกสินทร์   


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 12:21
ผมทรงนี้พัฒนามาจากการตัดจุกของเด็กหญิง   เมื่อตัดออก ผมที่เคยยาวขมวดไว้เป็นจุกบนกระหม่อมก็เหลือสั้น  กระจายออกมาเป็นพุ่มบนศีรษะ
ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 3 


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 12:25
ส่วนรูปนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายสตรีของเขมรหรือไทยก็ตาม    ไว้ผมและการแต่งกายแบบสมัยรัชกาลที่ 4  เรื่อยมาจนต้นรัชกาลที่ 5
แฟชั่นอย่างหนึ่งคือไว้ผมทัด  คือมีเส้นผมยาวๆห้อยอยู่ข้างหู  ยาวลงมาเกือบถึงบ่า    ส่วนด้านบนยังตัดสั้นอยู่เช่นเดิม
เสื้อผ้าก็คือผ้าสไบและโจงกระเบน เช่นเดิม
เครื่องประดับมีเพียบทั้งกำไลมือและกำไลเท้า


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 01 ก.ค. 14, 07:19
ส่วนรูปนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายสตรีของเขมรหรือไทยก็ตาม    ไว้ผมและการแต่งกายแบบสมัยรัชกาลที่ 4  เรื่อยมาจนต้นรัชกาลที่ 5
แฟชั่นอย่างหนึ่งคือไว้ผมทัด  คือมีเส้นผมยาวๆห้อยอยู่ข้างหู  ยาวลงมาเกือบถึงบ่า    ส่วนด้านบนยังตัดสั้นอยู่เช่นเดิม
เสื้อผ้าก็คือผ้าสไบและโจงกระเบน เช่นเดิม
เครื่องประดับมีเพียบทั้งกำไลมือและกำไลเท้า

เป็นภาพราชสำนักฝ่ายใน กรุงกัมพูชา เต็มๆ ครับ ;)


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ค. 14, 17:21
การแต่งกายสมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงต้นรัชกาลที่ 5
ห่มจีบ นุ่งโจง  ผมทรงดอกกระทุ่ม   ไว้ผมทัดยาวสองข้างหู


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ค. 14, 17:34
สตรีทั่วไปยังคงนุ่งโจงกระเบน   แต่ถ้าเป็นในราชสำนัก  การแต่งกายของสตรีสูงศักดิ์ยังแต่งคล้ายกับนางในสมัยอยุธยาตอนปลาย คือห่มสไบและนุ่งผ้าจีบ     ถ้าแต่งเต็มยศก็ห่มผ้าทรงสะพัก อย่างในพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ค. 14, 17:38
แต่ในรัชกาลที่ 4 นี้เอง ก็เกิดพัสตราภรณ์ใหม่สำหรับหญิงไทยขึ้นมาเป็นครั้งแรก จากอิทธิพลของตะวันตก 
้เป็นเหตุให้หญิงไทยได้นุ่งกระโปรงกันเป็นครั้งแรก   ได้แก่พวก "ทหารหญิงจิงโจ้" ประจำในพระบรมมหาราชวัง   ทหารหญิงพวกนี้ก็หัดจากพวกโขลนดั้งเดิมนั่นเอง


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ค. 14, 20:59
การแต่งกายสตรีไทยสมัยปลายรัชกาลที่ 4 จนถึงต้นรัชกาลที่ 5  ไม่แตกต่างจากกันนัก
สตรีไทยทั่วไปยังคงนุ่งโจงกระเบน   ไม่ว่าสามัญชนหรือเจ้านาย    สวมเสื้อและมีสไบทับอีกทีหนึ่ง นิยมอัดกลีบสไบแบบพลีต
ในต้นรัชกาลที่ 5  ผมยังตัดสั้นแค่คอ แต่ด้านบนปล่อยให้ยาวขึ้น หวีเสยจากหน้าผากแต่งด้วยขี้ผึ้งให้เรียบอยู่ทรง


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.ค. 14, 14:31
สำหรับสตรีสามัญ  นุ่งผืน ห่มอีกผืน ก็ถือว่าเรียบร้อยพอแล้ว


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 16 ก.ค. 14, 15:43
สำหรับสตรีสามัญ  นุ่งผืน ห่มอีกผืน ก็ถือว่าเรียบร้อยพอแล้ว

บางครั้งก็ไม่ห่ม ผ้าก็มีครับ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.ค. 14, 16:44
ยังสงสัย
ว่าสาวๆท็อปเลสพวกนี้ถูกจ้างมาโพสเป็นนางแบบนู้ดให้ช่างกล้องฝรั่งหรือเปล่า

เพราะมาดสาวในรูปของคุณหนุ่มสยาม  ตั้งใจโพสอย่างนางแบบมืออาชีพ  ดูการวางแขนวางเท้า ท่าฝรั่งเชียวละค่ะ
ส่วนสาวงามของดิฉัน ก็ตั้งใจให้ถ่าย แต่คงยังอ่อนหัดอยู่ เลยยืนทื่อไปหน่อย


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ค. 14, 13:46
     หัวเลี้ยวใหญ่ของเสื้อผ้าผู้หญิงไทยเกิดขึ้นในรัชกาลที่ 5   เมื่อสยามได้รับอิทธิพลตะวันตกมากกว่ายุคใดๆที่ผ่านมา
     ช่วงกลางของรัชกาลที่ 5 ตรงกันสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งอังกฤษ  หรือเราเรียกว่า Edwardian     ผู้หญิงที่นำแฟชั่นในสมัยนั้นเห็นจะไม่มีใครเกินพระราชินีของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ทรงพระนามว่าพระราชินีอเล็กซานดรา    แฟชั่นเสื้อผ้าในยุคนั้นคือเสื้อแขนยาวแต่งแขนพอง ประดับประดาช่วงแขน คอปิด เข้ารูป และกระโปรงยาวบาน
     


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ค. 14, 13:47
    สตรีในราชสำนักสยามรับมาแต่เสื้อ   ไม่รับกระโปรงยาวลากดินมาสวม    แต่เสื้อลูกไม้ประดับประดาสวยงามนั้นก็สามารถเข้ากับผ้ายก และโจงกระเบนได้ดี   


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ค. 14, 13:53
เสื้อฝรั่งกับโจงกระเบน


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ค. 14, 14:06
เสื้อฝรั่งกับผ้านุ่งจีบหน้านาง   


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 18 ก.ค. 14, 19:30
ผ้านุ่งสีถั่วคือสีอะไรคะ ถั่วมันมีตั้งหลายสี แดง ดำ เขียว เหลือง ขาว
เคยอ่านเรื่อง'เด็กบ้านสวน'น่ะค่ะ ช่วงสงกรานต์มีคนส่งผ้านุ่งมาให้แม่ของผู้เขียนหนึ่งกุลี  มีสีถั่วด้วย ???


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ค. 14, 19:52
ไม่เคยได้ยินเหมือนกันค่ะ  ใครทราบบ้าง


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 19 ก.ค. 14, 08:24
ผ้านุ่งสีถั่วคือสีอะไรคะ ถั่วมันมีตั้งหลายสี แดง ดำ เขียว เหลือง ขาว
เคยอ่านเรื่อง'เด็กบ้านสวน'น่ะค่ะ ช่วงสงกรานต์มีคนส่งผ้านุ่งมาให้แม่ของผู้เขียนหนึ่งกุลี  มีสีถั่วด้วย ???

สีที่เป็นประธานมีสามสีคือ แดง เหลือง น้ำเงิน ซึ่งเรียกว่าสีเป็นประธานนั้น เพราะว่าสีเหล่านี้เป็นสีในตัวเอง ไม่ต้องเอาสีอื่นมาประสม
เมื่อเอาสีเป็นประธานสีหนึ่ง แลสีหนึ่งประสมกันเข้า ก็จะเป็นสีประสมที่สอง คือแสด เขียวเล็ดมปราง สีแดงกับเหลืองประสมกันเป็นสีแสด สีเหลือง
กับน้ำเงินประสมกันเป็นสีเขียว สีน้ำเงินกับแดงประสมกันเป็นสีเล็ดมปราง

เมื่อเอาสีประสมที่สองสีหนึ่งแลสีหนึ่งประสมกันเข้า ก็จะเป็นสีประสมที่สาม คือถั่วใบโสกไพล สีแสดกับเขียวประสมกันเป็นสีถั่ว สีเขียวกับเล็ดมปรางประสมกันเป็นสีใบโสก สีเล็ดมปรางกับแสดประสมกันเป็นสีไพล
ที่มาวชิรญาณวิเศษ ร.ศ. ๑๑๒

ดังนี้แล้วจึงหาภาพการผสมสีระหว่างสีส้มกับสีเขียว ไล่โทนเข้าหากัน จะได้สีออกไปทางเขียวเข้มข้างหนึ่ง ซึ่งก็เรียกอย่าง “สีเปลือกถั่วเขียว” ก็ได้ หรือออกไปทางสีน้ำตาลมากขึ้น เรียก “สีเปลือกถั่วสิสงแห้ง” ก็ได้


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 19 ก.ค. 14, 13:28
ขอบพระคุณอาจารย์siameseที่กรุณาให้ความรู้ค่ะ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ก.ค. 14, 14:55
ล่วงเข้าในต้นรัชกาลที่ 6  การแต่งกายของสตรียังคงเป็นเสื้อลูกไม้แบบฝรั่งและโจงกระเบนเช่นเดียวกับปลายรัชกาลที่ 5   แฟชั่นเสื้อลูกไม้เปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อยตามสมัย เช่นเป็นระบายซ้อน หรือแขนพองใหญ่   แพรสะพายอย่างเมื่อตอนกลางรัชกาลที่ 5 หายไป เป็นเสื้อแบบฝรั่งล้วนๆ

ภาพนี้คือเจ้าจอมม.ร.ว.สดับ(ลดาวัลย์)ในรัชกาลที่ 5   เกล้าผมหย่งขึ้นสูงแบบญี่ปุ่น  อาภรณ์ประดับกายเป็นแบบฝรั่งล้วน  มีสร้อยคอซึ่งทำเป็นเทียร่าสวมบนเรือนผมได้ด้วย


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 14, 16:31
ความเปลี่ยนแปลงในพัสตราภรณ์สตรีครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งในรัชกาลที่ 6   เมื่อพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คือโปรดให้สตรีนุ่งซิ่นแทนผ้าโจงกระเบนอย่างที่นุ่งมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1     
ก่อนหน้านั้น  สตรีไทยสูงศักดิ์นุ่งผ้าจีบหน้านางเป็นเครื่องประกอบการแต่งกายเต็มยศ ในพระราชพิธีต่างๆ    ไม่ได้นุ่งในชีวิตประจำวัน   สตรีที่นุ่งซิ่นคือสตรีทางเหนือ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 14, 16:33
 พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงผ้าซิ่นอย่างทางเหนือกับฉลองพระองค์ผ้าลูกไม้


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 14, 16:38
ในช่วงต้นและกลางรัชกาลที่ 6  สตรีไทยยังนุ่งโจงกระเบนอยู่    อย่างในภาพนี้คือละครพระราชนิพนธ์เรื่อง "โพงพาง"
คู่ซ้าย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับบทพระเอกคู่กับนางเอกคือพระวรกัญญาปทาน   ส่วนคู่ขวาคือเจ้าพระยารามราฆพ(ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ) กับพระนางเธอลักษมีลาวัณ พระรองนางรองของเรื่อง 
ขณะนั้น พระวรกัญญาฯ และพระนางเธอฯ ยังทรงดำรงฐานันดรเป็นหม่อมเจ้าหญิงในราชสกุลวรวรรณอยู่ค่ะ  โปรดสังเกตว่ายังทรงนุ่งโจงกระเบนทั้งสององค์


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 14, 16:39
พระรูปนี้ก็ยังคงทรงโจงกระเบนอยู่ ประมาณ พ.ศ. 2460 ต้นๆ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 14, 16:43
ต่อมา เนื่องด้วยพระราชนิยมให้สตรีนุ่งซิ่นแทนโจงกระเบน  พระวรกัญญาปทาน พระคู่หมั้นจึงนำแฟชั่นด้วยการนุ่งผ้าซิ่นสูงเหนือข้อเท้า กับเสื้อแบบฝรั่งตัวยาว  รัดเอว ดูๆก็เหมือนเสื้อกระโปรงชุดของแหม่ม สวมทับซิ่นอีกที
เมื่อซิ่นเข้ามาแทนที่  โจงกระเบนก็ค่อยๆหายไปจากความนิยมของหญิงสาว 


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 14, 16:45
เชิญอ่านได้ที่กระทู้เก่า  หน้านี้ค่ะ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5458.15 (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5458.15)


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ส.ค. 14, 16:17
เมื่อผ้าซิ่นเป็นพระราชนิยม   สตรีนำสมัยในรัชกาลที่ 6   จึงแต่งกายด้วยผ้าซิ่นแทนโจงกระเบน โดยเฉพาะเป็นการแต่งกายเต็มยศ
ผ้านุ่งในยุคนั้นยาวเพียงข้อเท้า  ไม่ลงมากรอมเท้า
ส่วนเสื้อเป็นแบบตะวันตก   เรียบๆ ไม่มีปก ไม่แต่งด้วยลูกไม้มากมายอย่างเมื่อต้นรัชกาล   ตรงกับแฟชั่นตะวันตกที่เปลี่ยนจากลูกไม้กรุยกรายหรูหรามาเป็นแบบเสื้อที่เรียบง่ายขึ้น


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ส.ค. 14, 12:55
สงครามโลกครั้งที่ 1 นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกตะวันตกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน    แม้สงครามสิ้นสุดลง ผลกระทบที่มีต่อชีวิตประจำวัน  ทัศนะความคิดอ่าน  ค่านิยม ความเชื่อถือ ก็เปลี่ยนแปลงไปจากยุคก่อนสงครามอย่างไม่มีวันกลับมาอีก   
รวมทั้งการแต่งกายด้วย

โลกที่อลังการด้วยผ้าลูกไม้หรูหรากับกระโปรงยาวลากดินจบลงไปแล้ว   ชีวิตใหม่เริ่มขึ้นอย่างเรียบง่ายและกระฉับกระเฉงคล่องตัวกว่า
แฟชั่นนี้เองที่มามีอิทธิพลแก่สตรีไทยในช่วงปลายรัชกาลที่ 6


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ส.ค. 14, 12:56
พระนางเจ้าสุวัทนาเมื่อครั้งยังทรงเป็นเจ้าจอมสุวัทนา  ฉลองพระองค์แบบสตรีในยุค 1920s กับซิ่นผ้าไทยซึ่งตัดคล้ายกระโปรงหญิงสาวชาวยุโรป


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ส.ค. 14, 17:40
ชุดวิวาห์ยุค 1920s ของหญิงสาวตะวันตก


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ส.ค. 14, 17:41
ฉลองพระองค์อภิเษกสมรสของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ส.ค. 14, 13:52
จากรัชกาลที่ 6 มาถึงรัชกาลที่ 7   แฟชั่นยุค 1920s  ล่วงผ่านเข้า 1930s   แบบเสื้อโดยเฉพาะเสื้องานปาร์ตี้ หรือชุดราตรี เป็นแบบเรียบๆเกลี้ยงๆขึ้น   แขนแค่ไหล่ เผยให้เห็นช่วงแขนตลอด  คอกว้าง  ตัวเสื้อยาวทรงตรงลงมาถึงกระโปรงยาวทิ้งตัว


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ส.ค. 14, 13:53
แฟชั่นสตรีไทยเมื่อถึงรัชกาลที่ 7  ก็ก้าวหน้าไปทางตะวันตกอย่างเต็มตัว


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ส.ค. 14, 13:55
 :D


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ส.ค. 14, 16:45
ฉลองพระองค์สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7  ตรงกับแฟชั่นยุคปี 1925


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ส.ค. 14, 16:58
แฟชั่นในยุคปลาย 1920s ประมาณ 1928  ตรงกับรัชกาลที่ 7
พระรูปนี้คือสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ส.ค. 14, 14:13
ในค.ศ. 1939  สงครามโลกครั้งที่ 2 ระเบิดขึ้นในยุโรปเมื่อเยอรมันบุกโปแลนด์   ไฟสงครามลามไปถึงฝรั่งเศสและอังกฤษ    การแต่งกายของสตรีในยุค 1940s ก็พลิกโฉมเป็นรูปใหม่ที่เหมาะกับสถานการณ์บ้านเมือง     ไม่มีชุดแนบเนื้อกรุยกรายดูสำอาง อย่างในศตวรรษก่อน   
แฟชั่นยุค 1940s  เป็นเสื้อผ้าเรียบๆรัดกุม  กระโปรงสั้นขึ้นแค่ปิดเข่า  เสื้อมีปกมีแขนมิดชิด   ถ้าออกนอกบ้านก็สวมโค้ต  มีหมวกและถุงมือเรียบร้อยเป็นงานเป็นการ

สำหรับสตรีไทย ยุค 2480s   แฟชั่นเดินมาถึงหัวเลี้ยวสำคัญอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การแต่งกายไทย   เมื่อจอมพลป.พิบูลสงครามมีโอกาสไปดูงานในประเทศตะวันตก   เห็นการแต่งกายของชายหญิงในประเทศเหล่านั้นว่าสวยงามมีระเบียบเรียบร้อย   สวมหมวกสวมรองเท้าดูภูมิฐาน   จึงกลับมาตั้งกฎหมายกำหนดการปฎิวัติเครื่องแต่งกายชายหญิงไทยให้เหมือนประเทศเหล่านั้น
ท่านผู้นำมีความเชื่อว่าประเทศที่เจริญแล้วคนเขาแต่งกายแบบนี้   ถ้าจะทำให้ไทยกลายเป็นประเทศเจริญขึ้นมาบ้างก็ต้องแต่งกายแบบเขาด้วย

มาดูแฟชั่นทศวรรษ 1940s กันนะคะ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ส.ค. 14, 14:15
ขณะที่สงครามโลกกำลังคุกคามชีวิตผู้คนอยู่ในยุโรป     ญี่ปุ่นก็แผ่แสนยานุภาพเข้ามาในประเทศไทย    กรุงเทพกลายเป็นสมรภูมิให้พันธมิตรและญี่ปุ่นทิ้งระเบิดกันเป็นว่าเล่น
แต่คนไทยก็ต้องแต่งตัวภูมิฐานกันไปร่วมงานต่างๆที่จัดโดยราชการและเอกชน    ต้องสวมหมวกตามหลัก "มาลานำไทยไปสู่มหาอำนาจ"


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ส.ค. 14, 14:18
สาวงามคนนี้ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนาม แต่แต่งกายชนะประกวดในงาน"วัธนธัม"    ถูกต้องตาม "รัฐนิยม"ของจอมพลป. ทุกประการ มีทั้งหมวก ถุงมือ และรองเท้าแบบฝรั่ง


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ส.ค. 14, 14:20
ตัวอย่างมาลา(หมวก)ไทย


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ส.ค. 14, 14:25
สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในค.ศ. 1945   สำหรับไทย สงครามมหาเอเชียบูรพาสิ้นสุดลงในพ.ศ. 2488  เมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้  ไทยค่อยๆกอบกู้บ้านเมืองขึ้นจากซากปรักหักพังและความยากแค้น    นักเรียนไทยจากต่างแดนทยอยกลับบ้าน นำแฟชั่นใหม่มาเผยแพร่ในกรุงเทพด้วย

เมื่อบ้านเมืองสงบ  ผู้ชายที่ไปทำหน้าที่ป้องกันประเทศพากันกลับบ้าน  ผู้หญิงก็มีโอกาสกลับสู่สภาพ "ผู้ยิ้งผู้หญิง" อีกครั้ง   แฟชั่นในยุค 1950s   เริ่มเน้นความอ้อนแอ้นอรชรด้วยกระโปรงรัดเอวเล็ก และตัวกระโปรงบานรอบตัว   ยาวเลยเข่าถึงครึ่งน่อง     ดูอ่อนช้อยแบบหญิงสาว
กระโปรงยาวบานแบบนี้เรียกว่า new look   ไทยเรียกทับศัพท์ว่ากระโปรงนิวลุค   สาวไทยหลังสงครามโลกรับมาเป็นแฟชั่นใหม่  โดยไม่มีหมวก   มาลาที่เคยนำไทยไปสู่มหาอำนาจสูญหายไปจากสังคมไทยแล้ว    แม้จอมพลป.กลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง ก็ไม่ได้เรียกร้องให้ชายหญิงสวมหมวกอีก


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ส.ค. 14, 14:32
ส่วนสาวไทยยุคหลังสงครามโลก ก็รับแฟชั่ินนิวลุคมา


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ส.ค. 14, 19:42
1945  คือปีสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2   พวกผู้ชายทยอยกันกลับบ้านมาสร้างครอบครัว   เด็กที่เกิดในยุคนี้เรียกว่า baby boomers  เป็นศูนย์กลางความสนใจของบ้าน  สังคมให้ความสำคัญกับเด็กที่เกิดหลังสงครามในฐานะคนยุคใหม่ค่อนข้างมาก   ในช่วงทศวรรษ 1950s  เมื่อพวกเขาเป็นเด็ก   ทีวีก็ผลิตรายการสำหรับครอบครัวออกมาค่อนข้างมากรวมทั้งรายการของดิสนีย์ด้วย
ผ่านไป 15+ ปี  ลูกๆของพวกนี้ก็เริ่มโตเป็นหนุ่มสาววัยรุ่น   ในสมัยก่อนหน้านี้  เด็กสาวไม่มีแฟชั่นของตัวเอง  พอพ้นวัยเด็กเธอก็แต่งกายแบบเดียวกับคุณแม่คุณน้าคุณป้าของเธอ   แต่ยุคนี้สาวน้อยเริ่มมีแฟชั่นของตัวเองไม่ซ้ำแบบผู้ใหญ่

ดีไซเนอร์ปลดปล่อยเอวเด็กสาวเป็นอิสระจากเข็มขัดหรือขอบกระโปรงรัดเอว     ชายกระโปรงที่ยาวลงคลุมครึ่งน่องก็ถูกพับขึ้นสูงเหนือเข่าหลายนิ้ว  อวดช่วงขาเพรียวงามตามแบบวัยสาว   


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ส.ค. 14, 19:42
ส่วนสาวใหญ่แต่งกายแบบนี้ค่ะ  ดูกระฉับกระเฉงปราดเปรียวคล้ายสาวน้อย  กระโปรงทรงกระสอบ หลวมสบาย  ชายสั้นแค่เข่าหรือเหนือเข่าอีกนิดหน่อย


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 18 ส.ค. 14, 21:00
อาจารย์คะ แล้วเด็กผู้หญิงในต่างจังหวัดสมัยก่อนแต่งตัวยังไงคะ  หมายถึงช่วงสักประมาณรัชกาลที่หก-เจ็ดน่ะค่ะ หาในเน็ทก็เห็นมีแต่รูปเด็กระดับลูกผู้ดี นุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้อคอกระเช้าร้อยริบบิ้น เกล้าจุก เนี้ยบเรียบกริบไปทั้งตัว เลยอยากจะทราบว่าแล้วระดับลูกชาวบ้านธรรมดาเขาแต่งกันยังไงคะ






กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 18 ส.ค. 14, 22:41
เมื่อกี้ลองไปค้นดูในหนังสือชุด 'เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก'ดูค่ะ แต่อ่านแล้วก็คิดว่านั่นเป็นการแต่งกายของคนระดับบน ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา

ลองดู'สี่แผ่นดิน กับ ร่มฉัตร' อ่านดูแล้วนั่นก็ระดับลูกเจ้าคุณเหมือนกัน  พอไปค้นดู'ราตรีประดับดาว' คิดว่าระดับอย่าง'แม่เกด'น่ะใช่เลยค่ะ  แต่'แม่เกด' ก็เป็นสาว ไม่ใช่เด็ก   


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ส.ค. 14, 11:31
สมัยก่อน  การเปลือยกายสำหรับเด็กๆ ไม่ได้ถือเป็นเรื่องอนาจาร   เด็กๆชาวบ้าน หรือแม้แต่ลูกคหบดีในต่างจังหวัด  เป็นแบบในรูปข้างล่างนี้ค่ะ    แม้ว่าโตพอจะวิ่งเล่นไปไหนมาไหนได้แล้ว ก็ไม่นุ่งผ้ากัน
ผู้หญิงผูกจับปิ้ง หรือตะปิ้ง  ผู้ชายก็ปลัดขิก

หลักฐานจากในขุนช้างขุนแผน    ยืนยันถึงข้อนี้ว่า เด็กผู้หญิงผูกจับปิ้งอยู่จนโต   อย่างน้อยก็โตกว่าเด็กอนุบาล     กล่าวคือเมื่อนางพิมจะแต่งงาน  นางศรีประจันผู้เป็นแม่ไปนิมนต์ท่านสมภารมาสวดในงานแต่ง     ท่านตอบว่า

สมภารได้ฟังก็ตอบไป                      มันมีผัวได้แล้วหรือหวา
เมื่อปีกลายกูได้เห็นมันมา                  ยังอาบน้ำแก้ผ้าตาแดงแดง
ผูกจับปิ้งเที่ยววิ่งอยู่ในวัด                  ..........................


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ส.ค. 14, 15:06
กลับมาเรื่องพัสตราภรณ์
ตั้งแต่ 1965  เมื่อหัวเข่าและช่วงขาท่อนบนของผู้หญิงเป็นอิสระจากชายกระโปรงปกปิด    กระโปรงมินิสเกิร์ตและไมโครสเกิร์ตที่สั้นหนักขึ้นไปถึงขาอ่อน ก็ครองยุคสมัยอยู่จน 1970s      รองเท้าบู๊ตสูงเข้ามาเป็นแฟชั่นด้วยเพื่อพรางความโล่งของช่วงขาให้มิดชิดขึ้นมาบ้าง


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ส.ค. 14, 15:09
แฟชั่นยุคปลายของ 1960s และ 1970s  ประมาณ พ.ศ. 2520-30 ของไทย   เป็นเสื้อตัวหลวมๆ ไม่รัดเอว  เน้นความสั้นเพื่อโชว์เรียวขา เป็นหลัก 
ในยุคนี้เองที่นางแบบผอมอย่างเหลือเชื่อคนหนึ่งชื่อ ทวิกกี้ แปลว่า แม่กิ่งไม้(แห้ง)  ได้รับความนิยมจากรูปร่างผอมแห้งแรงน้อยเหมือนเด็กขาดอาหาร   แต่มันทำให้เสื้อกระโปรงหลวมไร้รูปทรงนั้นดูดีขึ้นมาได้


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ส.ค. 14, 20:24
แฟชั่นยุค 70s ยังมีกระโปรงสั้นแบบยุคปลาย 60s อยู่ แต่ก็ไม่คลั่งไคล้สั้นกันสุดกู่แบบเดิม  มีแฟชั่นอื่นเข้ามาปนด้วย  อย่างหนึ่งคือเสื้อตัวยาวเข้ารูปเอวเรียกว่าทูนิค สวมกับกางเกงขาบานทรงสเปน   ใครนุ่งกางเกงขาตรง จะเชยจนแทบมองหน้าใครไม่ได้


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ส.ค. 14, 20:32
ทั้งสาวและหนุ่มในยุค 1970s นุ่งกางเกงขาบานที่เรียกว่า ทรงมอส   
ชาวเรือนไทยบางคนคงเคยสวมมาแล้ว


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ส.ค. 14, 20:34
สาวๆกับกางเกงขาบานในยุค 1970s


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ส.ค. 14, 22:06
ตั้งแต่ปลาย 1960s มาจน 1970s  มีเผ่าพันธุ์คนรุ่นใหม่เกิดขึ้น ไทยเรียกว่าฮิปปี้  หรือบุปผชน แปลจากคำว่า flower people   มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกา
พวกนี้คือทารกยุค baby boomers หลังสงครามโลก    เติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มสาว   พวกเขาเบื่อหน่ายสงครามในเวียตนามที่อเมริกาส่งหนุ่มๆไปพลีชีพเสียนับไม่ถ้วน โดยพวกนี้ไม่รู้ว่าจะตายไปทำไมในเมื่อไม่ใช่ชาติของเขา
พวกนี้สลัดแอกของขนบธรรมเนียมประเพณี กฎระเบียบต่างๆในสังคม มาใช้ชีวิตร่อนเร่เป็นอิสระอยู่ข้างถนน    ดำรงชีวิตกึ่งปรัชญาและกึ่งยา(เสพติด) ชูสองนิ้วเป็นเครื่องหมายของชัยชนะและสันติภาพ
แฟชั่นของพวกนี้ก็ออกมาสอดคล้องกับทัศนะการดำรงชีวิต  ผมยาวรุงรัง  ไม่ตัด รูปลักษณ์มอมๆ  ไม่เอี่ยมอ่องอย่างยุคก่อนๆ   เสื้อผ้าหลวมๆ รุ่มร่ามเอาสบาย ยับบ้างก็ช่างมัน  


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ส.ค. 14, 22:08
แต่ถ้าเป็นหนุ่มสาวที่อยู่ในกรอบสังคม  เสื้อผ้ายุคนี้ก็คือเสื้อเข้ารูปค่อนข้างฟิต ตรงข้ามกับกางเกงยาวหลวม


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 14, 10:44
ยุค 1970 นอกจากผมทรงฟาร่าห์ที่นิยมกันแล้ว ก็คือผมยาวเหยียดตรงไม่ดัด  แสกกลางเรียบสนิท


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 14, 10:47
พยายามหาแฟชั่นไทยยุคนั้นที่ตามแฟชั่นฝรั่ง แต่ยังไม่เจอค่ะ   เจอรูปดาราไทย ที่แต่งกายกันไปคนละเรื่องกับแฟชั่นยุค 1970s  ยังออกมาในแบบ 1960s อยู่มาก


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 14, 15:14
หาเจอแล้ว  ดาราไทย นัยนากับสรพงษ์ ก็นุ่งกางเกงขาบานในยุคปลาย 70s เหมือนกัน


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 14, 15:15
ก้าวเข้าไปสู่ปี 1980   แฟชั่นของบุปผชนหายไป  กางเกงขาบานก็เปลี่ยนเป็นขาแคบ หรือสั้นแค่เข่า


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 14, 15:17
ดาราไทยก็ไม่น้อยหน้าฝรั่ง  แฟชั่นยุค 1980s เป็นอย่างนี้


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 26 ส.ค. 14, 08:41
กระทู้นี้เลอค่ายิ่งค่ะอ.เทาชมพู ดิฉันชอบข้อมูลเรื่องการแต่งกายของยุคสมัยต่างๆมาก ชอบยุคปลายร.6ถึงร.7เป็นพิเศษค่ะ
เคยแต่งตามบ่อยๆ ;D


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 14, 10:07
ขอบคุณค่ะ  กระทู้ใกล้จะจบแล้วค่ะ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 09:12
ยุค 1980s แฟชั่นเปลี่ยนไปจากทศวรรษก่อน    กางเกงขาบานยาวกวาดดินหายไป   กลายเป็นกางเกงขาแคบกว่าเก่า  แต่ตัวหลวม  สั้นแค่ข้อเท้า ดูกะทัดรัด  หรืออาจจะสั้นถึงเข่าแต่ขาแคบเช่นกัน     สีสันที่นิยมในยุคนี้คือสีสันสดใส  
เสื้อเป็นแบบมิดชิดรัดกุม  มีแขน ไม่เปิดเผยเนื้อตัว



กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 09:13
 :D


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 14, 09:18
นางแบบยุค 2525-35 
แฟชั่นออกมาแบบเรียบร้อย รัดกุมและสวมสบาย ไม่รัดรึง


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 14, 10:05
มาถึงยุค 1990s  สีขาว ดำ เทา น้ำตาล ที่เรียกว่า earth tone เข้ามาแทนที่สีสันสดใสอย่างทศวรรษก่อน     ขนาดเสื้อผ้าเริ่มน้อยชิ้นลงเพื่ออวดสรีระหญิงสาวมากขึ้น    อะไรที่เคยเป็นชั้นในก็เอามาเป็นชั้นนอกอย่างเปิดเผย  ไม่ถือว่าไม่สุภาพ   
แฟชั่นไม่จำเป็นต้องมิดชิดอีกต่อไปแล้ว


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 14, 10:36
นางแบบยุค 1990s คนนี้คือตอง ภัครมัย   เธอได้รางวัล
 ปี 2544 รางวัล "ดาราต้นแบบสุขภาพวัยรุ่น"
ปี 2545 ทูตเยาวชนต่อต้านยาเสพติด, รางวัลเยาวชนดีเด่น สาขาสื่อมวลชนเพื่อเด็ก และเยาวชนที่ป้องกันปัญหาสังคม


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 14, 10:37
เห็นจะต้องจบแค่นี้ละค่ะ เพราะแฟชั่นยุค 2000 มาจน 2014  ก็คงหาดูกันเองได้แล้วตามเว็บต่างๆ  ไม่จำเป็นต้องนำมาลงในกระทู้นี้อีก


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ย. 14, 14:52
ถ้าใครชอบแฟชั่นสมัยรัชกาลที่ ๖ เชิญอ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6084.msg136958#msg136958 (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6084.msg136958#msg136958)
พัสตราภรณ์สตรีไทย สมัยรัชกาลที่ ๖


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 24 ก.ย. 14, 21:39
อันนี้อ่านแล้วขอเล่าเป็นเกร็ดจากที่ฟังเขาเล่ามาอีกหน่อยจากมุมมองคนต่างจังหวัด

ด้วยที่บ้านเป็นคนต่างจังหวัดทางภาคอีสาน จังหวัดชัยภูมิ มีรูปเก่าๆของคุณในบ้าน รูปเก่าสุด เป็นรูปคุณแม่ของทวด ถ่ายช่วงรัชกาลที่ ๕ น่าจะได้ แต่งตัวนุ่งโจงกระเบน เสื้อเป็นเสื้อสีขาวเรียบๆ มีผ้าแพรพาดเฉียงๆ คล้ายๆแพรสะพาย ใส่รองเท้าไม่รู้ว่าหนังหรือเปล่า แต่ว่าดูจากรูปเหมือนเป็นผ้ามากกว่า หุ้มส้นมิดชิดแบบรองเท้าคัดชู ผมเป็นทรงดอกกระทุ่ม ตำนานเล่าว่า ลงมาถ่ายที่กรุงเทพ ไม่ก็โคราช ต่อมาดูรูปคุณทวด แต่งชุดเป็นชุดผ้าซิ่น เสื้อสีขาวเรียบๆผมเป็นดอกกระทุ่มเหมือนกัน ถ่ายช่วงรัชกาลที่ ๗ ต่อมาเป็นรูปคุณยายถ่ายช่วงปลายรัชกาลที่ ๗ - ๘ คุณยายยังเป็นสาวผมดัดหยิก เสื้อเป็นเสื้อมีแขนติดกระดุม และนุ่งซิ่น และยายก็แต่งตัวอย่างนี้จนกระทั่งแก่ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คนรุ่นเดียวกับยายก็แต่งตัวกันอย่างนี้หมดข้าพเจ้าตอนเด็กๆทุกคนไม่มีการแต่งตัวแตกต่างเลย

คราวนี้มาถึงรุ่นแม่

คุณแม่เล่าว่า สมัยเด็ก (๑๙๕๕ - ๑๙๖๕)นุ่งซิ่นตลอด เนื่องจากคุณทวดเลี้ยง แต่กระโปรงก็มีใส่กันทั่วไป ถ้ามีเงินซื้อ แต่จากที่ฟังมา ราคาแพงระยับ

ภายหลังคุณแม่มาเรียนที่กรุงเทพในยุค ประมาณ ๑๙๗๕  จากที่เคยเป็นสาวนุ่งซิ่นก็แต่งตัวเป็นสาวบางกอกตามสมัยนิยม แต่แม่เล่าว่า ชุดอย่างนี้ใส่กลับต่างจังหวัด เขาค้อนกันทั้งอำเภอ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ หาว่าแต่งตัวไม่เรียบร้อย แม่เล่าว่าสมัยก่อนชุดโดยมากตัดเอง ไม่ก็จ้างตัด ไม่ค่อยมีชุดเสื้อผ้าสำเร็จขายในต่างจังหวัด อยากได้อะไรก็ต้องไปซื้อผ้า แล้วมาตัดมาเย็บ สวยไม่สวยก็สวยด้วยมือเรา (แอบสังเกตคนรุ่นคือแม่ตัวเองกับคุณป้าข้างบ้าน ไม่ได้ประกอบอาชีพตัดเสื้อผ้า แต่ว่าตัดเสื้อผ้าเก่งมาก...ก...ก...ก...ก...ก และทราบว่าสมัยสองคนสาวๆชอบใส่เสื้อสวยๆ จึงมีความเพียรในการตัดเอง)

แต่แม่ก็เล่าอีกว่า อย่างไรก็ตาม แฟชั่นสมัยใหม่ก็ชนะ หลังๆคนก็เลิกค้อน และสาวๆก็แต่งตัวตามอย่างสาวบางกอกกันทั้งจังหวัด

อะไรจะทานกระแสธารรักสาวรักงามของสาวๆได้

จริงไหม



กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 14, 21:45
คุณแม่ของคุณหาญบิงคงเคยนุ่งกระโปรงแบบตัวซ้ายและขวา ในช่วง 1975 แน่ๆ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 24 ก.ย. 14, 22:02
แม่ไม่ได้แต่งแบบคนซ้ายคนขวา แต่แต่งแบบคนกลาง

กระโปรงแบบนี้ เสื้อแบบนี้ มีผ้าผูกคอ บางชุดเป็นผ้าผูกผม

ที่อัศจรรย์ที่สุดคือรองเท้า

รองเท้าส้นตึกสูงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

มากจนนึกสงสัยว่าใส่เดินได้อย่างไร

มีชุดหนึ่งแม่ยังเก็บไว้ รักมาก คุณแม่บอกว่าตัดเอง เลียนแบบจากชุดของทวิกกี้ ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่าทวิกกี้คือใคร รู้แต่เป็นนางแบบชื่อดัง ชุดเป็นเสื้อกระโปรงติดกัน แต่เป็นกระโปรงสั้น เอว ๒๓ นิ้ว (แม่ถึงขั้นวัดอวด) แม่บอกว่า สมัยก่อน เอวเล็กๆเขาถึงว่าสวย

ปล. แม่เล่าว่า ตัดเองทั้งนั้นจ้า เดินตะลุยพาหุรัด บางลำพูซื้อผ้าตัดเองหมด

รูปที่เอามาลงเป็นรูปของแม่และป้าๆ สมัยสาวๆ ไปรับญาติที่สนามบินดอนเมือง ญาติมาเยี่ยมจากฮ่องกง แม่ข้าพเจ้าใส่ชุดสีเขียว ส่วนคนข้างๆเป็นลูกพี่ลูกน้อง อายุเท่ากัน ใช้ผ้ามัดหมี่มาตัดชุด



กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 14, 22:13
รองเท้าส้นตึกสูงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

มากจนนึกสงสัยว่าใส่เดินได้อย่างไร

ข้างล่างคือรองเท้ายุค 1970s  สมัยนี้ย้อนกลับมาอีกแล้ว    คุณแม่คงเคยสวมนะคะ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 14, 22:18
มีชุดหนึ่งแม่ยังเก็บไว้ รักมาก คุณแม่บอกว่าตัดเอง เลียนแบบจากชุดของทวิกกี้ ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่าทวิกกี้คือใคร รู้แต่เป็นนางแบบชื่อดัง ชุดเป็นเสื้อกระโปรงติดกัน แต่เป็นกระโปรงสั้น เอว ๒๓ นิ้ว (แม่ถึงขั้นวัดอวด) แม่บอกว่า สมัยก่อน เอวเล็กๆเขาถึงว่าสวย

ปล. แม่เล่าว่า ตัดเองทั้งนั้นจ้า เดินตะลุยพาหุรัด บางลำพูซื้อผ้าตัดเองหมด
ทวิกกี้ หรือแม่กิ่งไม้(แห้ง) เป็นนางแบบอังกฤษที่เป็นยอดนางแบบในทศวรรษ 1970    หล่อนผอมแห้งแรงน้อยเหมือนเด็กขาดอาหาร    แต่หน้าไม่ซูบ  แต่งตาโต เขียนขอบตา ใส่ขนตาปลอม เป็นแฟชั่นยุคนั้น


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 14, 22:21
หุุ่นเหมือนกิ่งไม้ สมชื่อ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 25 ก.ย. 14, 14:01
คุณแม่คุณหานบิงเก๋ เปรี้ยวมากๆเลยค่ะสมัยสาวๆ

คุณน้ากับคุณแม่ดิฉันเป็นช่างตัดเสื้อค่ะ อยู่จ.ลำปาง เสื้อผ้าทุกอย่างตัดเย็บเองหมด เพราะเป็นนักเรียนร้านตัดเสื้อ

น้าเล่าว่าตอนนั้นเลือกจะเรียนสองอย่างคือ ตัดเสื้อกับทำผม (น้าเขยออกเงินให้เรียน) ก็ลังเลว่าจะเรียนอะไรดี

สุดท้ายเลือกเรียนตัดเสื้อกับห้องเสื้อบุญสนอง น้าบอกว่า ที่เลือกเรียนตัดเสื้อเพราะถ้าเรียนทำผมคงทำผมตัวเองไม่ได้

เรียนตัดเสื้อดีกว่าจะได้ตัดให้ตัวเองได้ด้วย แล้วน้าก็เป็นช่างตัดเสื้อมาจนทุกวันนี้หกสิบกว่าแล้วก็ยังทำไหว แม้จะเลิกทำร้านไปแล้วแต่ลูกค้าเก่าๆก็

ยังตามมาให้ตัดเสื้อให้

ส่งแฟชั่นยุคนั้นมาให้ดูบ้าง คุณน้าเป็นคนที่สวมรองเท้าขาว คนที่ 2 จากซ้ายค่ะ


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 14, 14:26
ถ้าสวมรองเท้าขาว น่าจะเป็นคนที่สองจากขวานะคะ
คุณน้าตอนสาวๆ ทั้งหน้าทั้งหุ่นสวยทีเดียว


กระทู้: พัสตราภรณ์สตรีไทย รัชกาลที่ ๑ ถึงปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 25 ก.ย. 14, 15:37
 :-[ :-[ ใช่แล้วค่ะ คนที่สองจากขวา แฮะๆ สับสนซ้าย ขวา อีกแล้วค่ะ :-[ :-[