ง่ะ ทั้งท่านอาจารย์ใหญ่และอาจารย์ใหญ่กว่ามาเรียกให้ ด.ช. ประกอบลุกตอบหน้าชั้นแล้ว
ในส่วนของพระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒโดยภาพรวมผมเห็นด้วยกับท่านนะครับ แม้ในส่วนรายละเอียดบางอย่างอาจจะมีสงสัยหรือไม่แน่ใจบ้างเช่น
1. เรื่องความเป็นเอกภาพที่ญี่ปุ่นมีมากกว่าไทย เพราะจากการดูละครย้อนยุคและอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมามาก ในยุคเปิดประเทศความรู้สึกว่าเป็นญี่ปุ่นน่าจะมีน้อยกว่าความรู้สึกว่าเป็นชาวแคว้นนั้นแคว้นนี้ คือน่าจะยังรู้สึกแปลกแยกไม่หล่อหลอมกันเท่าไหร่ แต่หลังโชกุนยกอำนาจคืนให้พระจักรพรรดิแล้วญี่ปุ่นสามารถสร้างศูนย์รวมใจได้ดีมากโดยยึดพระจักรพรรดิเป็นสัญล้กษณ์จนหล่อหลอมกันได้ แต่ในส่วนของไทยผมออกจะยังไม่แน่ใจแบบพระคุณเจ้าฯ ว่าเรารู้สึกว่าเป็นชาติเดียวกันแถวๆ เมืองหลวงเท่านั้น เพราะคิดว่าชาวบ้านชาวป่าชาวดงห่างไกลอาจจะไม่สำนึกว่าเป็นชาวสยาม แต่น่าจะสำนึกถึงการเป้นข้าแผ่นดินของพระมหากษัตริย์เช่นกัน คือเรามีจุดรวมศูนย์กลางเช่นเดียวกับญี่ปุ่น ความแตกต่างทางเชื้อชาติไม่น่าจะเป้นปัญหาของคนไทย เพราะเราเปิดรับวัฒนธรรมต่างๆ ได้ง่าย หล่อหลอมกันได้เร็ว
2. ความหนาแน่นของประชากร อันนี้เป็นเรื่องสำคัญแต่ไม่อาจจะบอกว่าสำคัญที่สุดได้ เพราะปริมาณอาจจะไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมด แต่ขึ้นกับคุณภาพด้วย บางประเทศที่มีประชากรหนาแน่นมาช้านานเช่นจีน ดูแค่ชนชาวฮั่น จะเห็นได้ว่าบางช่วงเจริญ บางช่วงย่ำแย่ อังกฤษเองในช่วงเวลาเดียวกันน่าจะมีประชากรน้อยกว่าญี่ปุ่น ทำไมจึงเจริญกว่า ดังนั้นเรื่องปริมาณคงมีผลแต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก
3. เครือข่ายการตลาด อันนี้ผมเห็นด้วยกับพระคุณเจ้าฯ หมดครับ แต่อยากเสริมว่าส่วนหนึ่งที่การค้าไม่เฟื่องฟูเพราะด้วยวัฒนธรรมของเรา ระบบการค้าของเราถูกผูกขาดโดยกลุ่มขุนนางและเจ้านายมาเป็นเวลานาน ชาวบ้านไม่ได้รับอนุญาตให้ค้าขาย อันนี้จะไปโทษเจ้านายไม่ได้เพราะระบบมันเป็นแบบนี้มาหลายร้อยปีแล้วสภาพสังคมที่วิวัฒนาการมาต่างกันย่อมไม่เหมือนกัน
4. กลไกปกครองคน อันนี้เห็นด้วยกับท่านครับ แม้จะยังไม่แน่ใจ
เนื่องจากถ้ามองประวัติศาสตร์ไป มองการพัฒนาประเทศต่างๆ โดยเฉพาะเกาหลีที่พัฒนามาจากยิ่งกว่าศูนย์ ทำให้องค์ประการต่างๆ ข้างต้นดูจะมีน้ำหนักน้อยลงไปเมื่อมองที่ปัจจัยด้านวัฒนธรรมหรือแนวคิดของผู้คน ยังมีประเด็นเรื่อง man-year อีกที่ผมคิดว่าถ้าประเด็นนี้มีผลมาก ตอนนี้เราน่าจะต้องเจริญกว่าเกาหลีใต้แล้ว ดังนั้นปัจจัยหลักที่ทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบต้องไม่ใช่แค่นี้ ปัจจัยหลักที่ผมเห็นว่าเป็นปัญหาน่าจะมาจากเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมของเราแบบที่ท่าน V_Mee เคยว่ามาว่าเราไม่มีภัยธรรมชาติใหญ่ๆ บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ ทำให้ประชากรไม่มีความจำเป็นต้องเตรียมตัวเตรียมพร้อมอะไร บวกกับสภาพสังคมการปกครองทำให้ป่วยการที่ชาวบ้านธรรมดาจะกระตือรือล้น เพราะทำไปก็แค่นั้น จะเจริญก้าวหน้าหรือได้ดีไม่ได้ขึ้นกับความสามารถของตัวเองแต่อยู่ที่ว่าจะมีใครอุปถัมภ์ เลยทำใหเราเคยชินกับระบบอำนาจเป็นชั้นๆ บวกกับความเชื่อทางศาสนาที่มีพราหมณ์มาผสมทำให้เราเชื่อในลัทธิดลบันดาล จนทำให้เรากลายเป็นแบบนี้กันไป เราจึงพัฒนาไปได้ไม่เท่าที่ควร ว่ากันสั้นๆ คือคุณภาพของประชากรที่ผ่านเบ้าหลอมวัฒนธรรมที่ฝังแน่นมาหลายร้อยปีของเรานั่นแหละ
จริงๆ อยาก lecture ยาวกว่านี้ แต่แบบท่านอาจารย์นวรัตนแหละครับ บางทีก็ไม่สามารถเรียบเรียงความคิดในหัวออกมาเป็นตัวอักษรได้ดีพอ