เกือบทุกปีบริเวณที่แม่น้ำเจ้าพระยา มาบรรจบกับแม่น้ำป่าสักนี้จะต้องมีเรือบรรทุกทรายลำใหญ่ๆ มาล่มให้เห็น เพราะน้ำเชี่ยวมากๆ เป็นที่มาของชื่อตำบลสำเภาล่ม เพราะล่มกันมาหลายร้อยปีแล้ว เมื่อก่อนตอนเด็กๆบริเวณป้อมเพชรมีอาชีพ ดำน้ำพ่นทรายงมสมบัติเก่า หน้าน้ำได้หยุดเรียนกันยาวๆ
ขออนุญาตร่วมกระทู้ด้วยอีกคนครับ
คือผมสนใจเรื่องแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณนี้เนื่องจากติดตามเรื่องการเดินทาง ยกทัพเรือของชาวสยามในสมัยกรุงเทพฯครับ(เคยโพสท์ในเว็ปอื่นไว้บ้าง)
การเดินทางช่วงนี้อาศัยแม่น้ำเจ้าพระยาสายใหญ่ ด้วยเรือพายอย่างยาว การพายเรือในแม่น้ำช่วงนี้ผมตั้งข้อสังเกตุว่าคนเดินทางในสยามยุคก่อนจะต้องพายเรือช่วงน้ำกำลังขึ้น คือแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงนี้น้ำจะไหลย้อนขึ้นไปถึงทางแยกใหญ่ของสายน้ำ แยกไปเป็นแม่น้ำน้อย
แต่เมื่อหมดเวลาช่วงน้ำขึ้น เขาจะหาทางหลบกระแสน้ำเชี่ยวเข้าไปพายในคลองที่เลียบขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งจะเบาแรงฝีพายได้มากกว่า ผมมองว่าเป็นเทคนิคการเดินทางของชาวสยามลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เมืองสยามมีคลองลักษณะนี้ที่สำคัญ เช่น คลองถนน คลองเปรมประชากร ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออกและสมัยนั้นยังไม่ได้ขุด
แต่ส่วนมากกองทัพเดินทางมาในลำคลองฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อไปออกฝั่งตะวันตกเกาะกรุงศรีอยุธยา เขาพายเรือกันทั้งคืนจนฟ้าสาง มาสว่างเอาที่คลองคูเมืองด้านเหนือของเกาะเมืองขณะมุ่งไปหัวรอ เป็นจุดรวมสายน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่ง
การเดินทางช่วงนี้ก็เคยมีปรากฏอยู่ในนิราศภูเขาทองของสุนทรภู่ด้วย แสดงว่าสมัยก่อนเขาหลบกระแสนัเชี่ยวทางตะวันออกไปทาฟากตะวันตกของตัวเกาะอยุธยานะครับ