เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 03, 16:29



กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 03, 16:29

กระทู้นี้ตั้งตามคำขอของคุณ paganini เรื่องพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต ตอนเราคุยกันในกระทู้ เจ้าวังปารุสก์ ค่ะ
 http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Pid=16387

ก่อนอื่นมาเท้าความกันก่อนว่าเจ้าชายนักบิน หรือพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต ท่านเป็นใครมาจากไหน

ขอเริ่มตรงว่า
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี  ไม่ทรงมีพระราชโอรสหรือธิดา
แต่คงมีคนน้อยคนที่รู้ว่าสมเด็จพระปกเกล้าฯ  ทรงเคยมีพระโอรสบุญธรรมที่ทรงสนิทเสน่หาประหนึ่งพระราชโอรสแท้ๆ
เจ้านายองค์์นั้นคือพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต

พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯทรงเป็นใครมาจากไหน และมีความเกี่ยวพันอย่างใดกับสมเด็จพระปกเกล้าฯตามสายเลือด  
ขอย้อนกลับไปลำดับถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนนะคะ

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเจ้าน้องยาเธอองค์สุดท้อง ที่ประสูติร่วมพระชนนี คือสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์บรมราชชนนี (สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี)
ทรงพระนามว่าสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
ต้นราชสกุลภาณุพันธุ์
สมเด็จกรมพระยาภาณุพันธุ์ฯ ทรงมีหม่อมหลายคน และมีพระโอรสธิดาเกินกว่า 10องค์

7 องค์ในจำนวนนั้น เกิดจากหม่อมเล็ก  นามสกุลเดิมยงใจยุทธ   นามสกุลคงคุ้นหูเรา
เพราะหม่อมเล็กมีน้องชายชื่อร้อยเอกชั้น ยงใจยุทธ  
บุตรชายของร้อยเอกชั้นก็คือพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ  หรือ "บิ๊กจิ๋ว"ไงคะ

หม่อมเจ้าที่ประสูติจากหม่อมเล็ก ที่เจริญพระชนม์มาจนโตมี  5 องค์ ด้วยกันคือ
1   หม่อมเจ้า(หญิง)รำไพประภา
2   หม่อมเจ้า(ชาย) อาภัสสรวงศ์
3   หม่อมเจ้า(ชาย) พีรพงศ์ภาณุเดช
4   หม่อมเจ้า(ชาย)นรเศรษฐสุริยลักษณ์
5   หม่อมเจ้าชายจิรศักดิ์สุประภาต
อีกสององค์สิ้นชีพิตักษัยแต่ยังเป็นทารก

ต่อมาในรัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเลื่อนหม่อมเจ้าทั้งหมดขึ้นเป็นพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า

ในตอนแรก  สมเด็จกรมพระยาภาณุพันธุ์ฯ ทรงนำพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช มาถวายสมเด็จพระปกเกล้าฯก่อนค่ะ  ตั้งแต่พระองค์พีระฯทรงพระเยาว์
ก็เป็นที่โปรดปราน ทรงอุปถัมภ์ให้ไปศึกษาต่อที่อังกฤษ
แต่พระองค์พีระเกิดไปถูกชะตากับพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์  ซึ่งทรงอยู่ที่ลอนดอน   ก็เลยย้ายไปอยู่ในพระอุปถัมภ์ของพระองค์จุลฯ
อย่างที่เล่าไว้ในกระทู้ เจ้าดาราทอง
 http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Pid=16239

สมเด็จกรมพระยาภาณุพันธุ์ฯ ก็เลยทรงนำพระโอรสองค์เล็ก ซึ่งกำพร้าหม่อมแม่มาถวาย    ก็กลับเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าอยู่หัวยิ่งขึ้นไปอีก  ทรงทุ่มเทความรักและความเอาใจใส่ให้เหมือนบิดากับบุตรแท้ๆ

คุณหญิงมณี สิริวรสาร เล่าไว้ใน "ชีวิตเหมือนฝัน" ว่า
"ทูลกระหม่อมทรงมีรับสั่งว่า " เล็ก" (หมายถึงพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ) นั้นคงต้องมีความสัมพันธ์กับพระองค์ท่านมาแต่ชาติปางก่อน   เพราะลักษณะหน้าตาก็มีส่วนคล้ายคลึง  รวมทั้งอุปนิสัยใจคอหลายอย่างก็มีส่วนเหมือนกัน  เช่น เล็กชอบเครื่องตุ๊กกะฉึก(เป็นศัพท์ที่ทูลกระหม่อมทรงตั้งขึ้น   หมายถึงเครื่องเล่นที่เป็นกลไกต่างๆ  ที่ฝรั่งเรียกว่า gadgets) และชอบเครื่องยนต์กลไกต่างๆ เช่นเดียวกับพระองค์  เล็กเป็นเด็กนิสัยดี  ไม่เคยอวดอ้างว่าเป็น "คนโปรด" เลย"


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 03, 12:05
 พอพระชนม์ได้ 13  พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯก็ทรงส่งพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯไปศึกษาต่อที่อเมริกา  เพราะทรงเกรงว่าถ้าส่งไปอังกฤษ ก็อาจจะไปพบพระองค์จุลฯ แล้วขอทูลลาไปอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระองค์จุลฯเสียอีกองค์หนึ่ง อย่างที่เคยเกิดมาแล้วในกรณีพระองค์พีระฯ

พระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพระองค์จิรศักดิ์ฯมาก    มีพระราชหัตถเลขาถึงพระโอรสบุญธรรมทุกวัน    และรอจดหมายตอบทุกอาทิตย์
ความในพระราชหฤทัยต่างๆนั้นก็ถ่ายทอดลงในจดหมาย  เล่าให้พระโอรสบุญธรรมฟังอย่างที่ไม่อาจจะทรงเล่าให้ผู้อื่นฟังได้ แม้แต่พระบรมวงศานุวงศ์
ส่วนหนึ่งของจดหมายเหล่านี้  นำมาตีพิมพ์ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพของคุณหญิงมณี สิริวรสาร

ต่อมาเมื่อสมเด็จพระปกเกล้าฯเสด็จอเมริกาเพื่อทรงลอกต้อกระจก  พอหายดีแล้วก็เสด็จประพาสยุโรป   พระองค์จิรศักดิ์ก็ทรงออกจากโรงเรียนที่นั่นตามเสด็จไปด้วยทุกหนทุกแห่งในฐานะพระโอรสบุญธรรม   ได้มีโอกาสพบปะผู้นำและประมุขของประเทศต่างๆด้วย
จนสมเด็จพระปกเกล้าฯทรงสละราชสมบัติ  เสด็จไปประทับอยู่ในอังกฤษ  พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ก็โยกย้ายจากอเมริกาเป็นการถาวรมาอยู่ด้วยที่อังกฤษ เตรียมตัวเรียนต่อในระดับสูงต่อไป

พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ ไม่ค่อยจะทรงถนัดทางวิชาการนัก   แต่ว่าทรงมีหัวทางด้านงานประดิษฐ์และเครื่องยนต์กลไก   นอกจากนี้ยังเก่งเรื่องขับรถและขับเครื่องบินเป็นพิเศษ  
ทรงเรียนขับเครื่องบินพร้อมกับสมเด็จพระปกเกล้าแค่ 8 ช.ม. ก็ทรงบินเดี่ยวได้  ต่อมาก็สอบประกาศนียบัตรนักบินได้    สมเด็จพระปกเกล้าฯจึงทรงซื้อเครื่องบินเล็กให้ลำหนึ่งเป็นส่วนตัว    ท่านก็ขับเครื่องบินเข้าแข่งแรลลี่ได้ที่ 1  แต่ว่ายังไม่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอย่งที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯมีพระราชประสงค์

พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯเจริญพระชนม์ขึ้นเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี  มาดดี  กิริยามารยาทเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว   แต่งกายโก้ และใช้ชีวิตอย่างลูกผู้ดีอังกฤษ  มีรถสปอร์ตคันงามยี่ห้อ Bentley ขับไปไหนมาไหน    หูตากว้างมีโอกาสได้เข้าสมาคมในกลุ่มเจ้านายและผู้นำประดับนานาชาติ   นอกจากนี้ยังนิสัยดี มีความประพฤติเป็นสุภาพบุรุษแท้
สรุปง่ายๆว่าพระเอกนิยายอย่างคุณชายกลางหรือท่านชายพจน์เป็นยังไง  ท่านก็เป็นยังงั้นละค่ะ   เรียกว่าเป็นปรินซ์ชาร์มมิ่งตัวจริง

เมื่อพระชนม์ได้ 21   พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ เสด็จไปที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอังกฤษ เพื่อร่วมในงานดินเนอร์ที่นั่น  
ฉากที่แสนจะโรแมนติคราวกับเรื่องซินเดอเรลลาก็เกิดขึ้น   เมื่อทรงพบหญิงสาวสวยที่สุดเท่าที่ทรงเคยเห็นมาก่อน    
เป็นการพบโดยบังเอิญ เธอกำลังหาถุงมือที่หายไปในห้องเก็บเสื้อคลุม ท่านก็ทรงหาให้จนพบ  โดยต่างคนต่างก็ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร  รู้แค่ว่าเป็นคนไทยด้วยกัน

(ทิ้งไว้ยังงี้ก่อนละคะ ให้อยากอ่านมากๆ)


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 28 พ.ย. 03, 14:31
 ว้าว มาลงชื่อครับ  แหมรู้สึกเป็นเกียรติไงก็ไม่รู้ที่คุณเทาชมพูอุตสาห์เล่าให้ฟังตามคำขอ ปลื้มมากครับ
อ้อย่างงี้ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ ร.7 สิครับ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 03, 16:03
 ใช่ค่ะ  เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
ถ้าลำดับญาติกันอย่างชาวบ้านๆ  ก็ต้องพูดว่าพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯเป็น "ลูกผู้น้อง" ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ   เพราะเป็นลูกชายของอา แท้ๆของพระองค์ท่าน

พระองค์พีระฯก็เป็น "ลูกผู้น้อง" ของสมเด็จพระปกเกล้าฯเหมือนกัน

ส่วนพระองค์จุลฯซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์พระองค์พีระ  นับญาติกันจริงๆแล้วอยู่ในลำดับ "หลานอา" ของพระองค์พีระ
เพราะ" พ่อ"ของพระองค์จุล หรือเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลก เป็นลูกผู้พี่ของพระองค์พีระ ค่ะ    พระองค์จุลฯจะต้องเรียกพระองค์พีระว่า " อา" ถ้าเรียกอย่างชาวบ้าน

การลำดับความเกี่ยวพันในวงศ์ญาติของเจ้านาย  ยังมีอะไรให้นับได้ซับซ้อนกว่านี้มาก   อย่างเช่นการนับญาติระหว่างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3

ถ้านับจากลำดับรัชกาล    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ท่านก็เป็น" หลานลุง" ของสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ
เพราะว่าพ่อของพระองค์ท่าน คือสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เป็น"น้องชาย" พ่อเดียวกัน(แต่คนละแม่)ของสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ
นั่นคือการนับญาติทางพ่อ  

แต่ถ้ามานับกันทางแม่แล้ว  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ อยู่ในฐานะ" "เหลนทวด" ของสมเด็จพระนั่งเกล้า"
เพราะว่า " แม่" ของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ คือสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี  เดิมคือหม่อมเจ้าหญิงรำเพย
เป็น "ลูกสาว" กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์  
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ท่านก็เป็น"หลานตา" ของกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์

กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ เป็น "ลูกชาย" ของสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ

เพราะงั้น สมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ นับทางแม่ ก็เป็น "เหลนทวด" หรืออีกนัยหนึ่ง สมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ก็เป็น  "คุณ(ตา)ทวด" ของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ (ผู้ซึ่งนับทางพ่อ ใกล้กว่า เป็นแค่หลานลุง)

เอาตัวอย่างแค่นี้ก่อนนะคะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 29 พ.ย. 03, 02:18
 หายไปอบไก่งวง กินไก่งวงจนเพิ่งหายจุกค่ะ  เรื่องนี้อ่านสนุกจริงๆค่ะ  คุณเทาชมพูทิ้งท้ายให้ฉงนใจจริงๆ  จะตามเกาะจออ่านต่อนะคะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 03, 13:42
 ไก่งวง Thanksgiving อร่อยกำลังดี ถูกใจไหมคะ     ดิฉันเป็นไงไม่ทราบ เคยกินแล้วกลับไปชอบกินเยลลี่แครนเบอรี่มากกว่า  รู้สึกว่าเนื้อไก่งวงมันหยาบกว่าเนื้อไก่ รสชาติสู้ไก่ไม่ได้  หรือลิ้นเราไม่ชินก็ไม่รู้

กลับมาเล่าเรื่องต่อนะคะ

พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯสนพระทัยหญิงสาวสวยคนนั้นมาก   สอบถามพระสหาย   จนได้ความว่า
เธอชื่อ มณี  บุนนาค  เป็นธิดาของพระยาราชานุประพันธ์ อดีตทูตไทยประจำอังกฤษ   กับภรรยาชาวอังกฤษชื่อดอริส
เพราะเลือดผสมอังกฤษครึ่งหนึ่งในตัว  มณีจึงมีความงามแปลกไปจากบรรดาญาติพี่น้องทางฝ่ายบุนนาคทั้งหมด

เธอสอบเข้าคณะอักษรศาสตร๋ จุฬาฯ และสอบชิงทุน กพ. ได้มาศึกษาด้านอักษรศาสตร์ต่อที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด   ด้วยความงามเป็นที่เลื่องลือ พร้อมด้วยสติปัญญาเฉลียวฉลาด และมีตระกูลดี   มณีมีมีชายหนุ่มทั้งไทยและอังกฤษหมายปองกันมากมาย

พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯทรงตามไปหามณีถึงออกซฟอร์ด  ครั้งแรกไม่พบ ทรงผิดหวังมาก   ต่อมา ด้วยความช่วยเหลือของพระสหาย  พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯก็ขอ "นัดบอด" พบมณีจนสำเร็จ  ไปงานเต้นรำที่คอลเลจกัน   ต่างคนต่างรู้สึกสนิทสนมราวกับรู้จักกันมานานหลายปี
ความรักของพระองค์จิรศักดิ์เป็นรักแรกพบ ที่รวดเร็วและรุนแรง   ทรงย้ายมาพำนักที่ออกซฟอร์ดเพื่อจะได้พบมณี   พร้อมกับทรงติวหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าออกซฟอร์ดด้วย

ข่าวเล่าลือไปถึงพระเจ้าอยู่หัวว่าผู้หญิงที่พระโอรสบุญธรรมทรงคบอยู่เป็นสาวเปรี้ยวมีผู้ชายติดพันมากมาย  หลายคนไม่เห็นด้วย  
แต่พระองค์จิรศักดิ์ก็กราบทูลให้ทรงทราบว่า  มณีมีผู้ชายหมายปองจริงมากมายจริง  แต่เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครเป็นพิเศษ  
เธอเคยมีคนรักสมัยก่อนมาเรียนแต่ก็เลิกกันไปแล้ว  หยุดการติดต่อกันหลังจากเธอมาอังกฤษได้ไม่นาน

ในที่สุด พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯโปรดเกล้าฯให้มณีเข้าเฝ้า  เมื่อเข้าเฝ้าก็ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แต่งงานกันได้    ทรงอยากจะเห็นพระโอรสบุญธรรมมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาไปให้หมดห่วง
เพราะทรงตระหนักว่าพระพลานามัยไม่แข็งแรง  อาจจะเสด็จสวรรคตเมื่อไรก็ได้    

ส่วนเรื่องการเรียนของมณี  ทรงเห็นว่าการเรียนขั้นอุดมศึกษาจำเป็นน้อยกว่าการแต่งงานที่เหมาะสม

ปลายปีนั้นเอง  มณีก็เข้าสู่พิธีเสกสมรส รับพระราชทานน้ำสังข์จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
กลายเป็นหม่อมมณี   ศักดิเดชน์ ภาณุพันธ์ ณ อยุธยา  


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 01 ธ.ค. 03, 02:09
 หวังว่าคุณเทาชมพูมีเรื่องเล่าต่อว่าแต่งงานแล้วชีวิตบั้นปลายท่านเป็นอย่างไรด้วยนะคะ  อ่านสนุกเหมือนนิยายเลยค่ะ

ขออนุญาตแตกประเด็นนิดหน่อยนะคะ  เรื่องไก่งวงน่ะค่ะ

ไก่งวงมันมีเนื้อมากและเนื้อแน่น  กว่าจะสุกทั่วกันได้ก็ต้องใช้เวลาอบนานมากค่ะ  เพราะวิธีอบในเตาอบนั้นความร้อนค่อยๆซึมเข้าจากผิวหนังเข้าไปข้างใน  ยิ่งถ้ายัดไส้ด้วย  ต้องตื่นแต่ตีห้ามาอบทีเดียวแหละค่ะ  เพราะเหตุนี้  ถ้าให้ความร้อนมากๆ  ด้านนอกที่เป็นเนื้อก็สุกเกินไป  น้ำในเนื้อหยดใส่ถาดหมด  เนื้อเลยแห้งเหมือนมัมมี่ตายซากเลยค่ะ อิๆๆ  ตามธรรมเนียมเก่าเค้ายัดไส้  stuffing แต่จะทำให้เนื้อไม่อร่อยค่ะ  ดิฉันเลยต้องแหกประเพณีสักหน่อย  เรื่องกินสำคัญกว่าค่ะ

จะอบให้เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำต้องใจเย็นๆค่ะ  แล้วที่สำคัญ อย่ายัดไส้  เอาไส้ใส่ชามอบต่างหาก  จะทำให้มีความร้อนเข้าไปในโพรงข้างในได้แล้วสุกได้เร็วกว่าค่ะ  และก็ยังมีเคล็ดอีกค่ะ  เวลา.ซื้อไก่ดิบๆจากร้านมันจะแช่แข็งโป๊กเลย  จะให้มันละลายเร็วๆไม่ได้  เพราะน้ำที่ซึมออกมาจากผนังเซลจะหยดออก  ถ้าเราค่อยๆละลายในตู้เย็นเป็นสามสี่วันเลยค่ะ  น้ำจะค่อยๆซึมกลับเข้าไปในเซลตามเดิม  ถ้าเราเอาเนื้อแห้งๆ(คือไปอบทั้งๆที่มันยังละลายไม่หมด  น้ำก็ไม่เข้าเนื้อค่ะ)  ออกมาก็ยิ่งแห้งเข้าไปใหญ่ค่ะ  ต้องซื้อไก่ล่วงหน้าอย่างน้อย ๕ วันแล้วทิ้งในตู้เย็นให้มันค่อยๆละลายค่ะ

เอาไปแช่น้ำผสมเกลือกับน้ำตาลและเครื่องเทศสักคืนนึง  ไม่เค็มหรอกนะคะ  แต่มันจะช่วยให้เนื้อไม่เสียน้ำค่ะ  อบออกมาแล้วก็ชุ่มดี

ปีนี้ไม่อยากเรื่องมาก  ก็ไปซื้อแบบที่เค้าทำสุกมาแช่แข็งมาทั้งตัวมาเลย  แต่ก็ต้องให้มันค่อยๆละลายอยู่สองวัน  ตอนเอาออกมาอบยังมีน้ำแข็งอยู่ด้วยค่ะ  แต่อบไฟต่ำๆ  พอให้หนังกรอบๆ  แต่ก็ยังต้องอบเกือบสามชั่วโมง  พอให้บ้านหอมๆค่ะ  เอาอาหารมาเผื่อค่ะ  ช่วยๆกันกินหน่อยนะคะ อิๆๆ

จากบนซ้ายนะคะ  จานแรกเป็นมันจากอัฟริกาเรียกว่า yam  รสคล้ายมันเทศบ้านเรามากแต่เนื้อไม่แน่น  เอาไปเคี่ยวช้าๆกับเนยสดและน้ำตาลทรายแดง  เรียกว่า  candied yam  จานถัดไป คือ wilted arugula  ผักนี่ขึ้นอยู่ในสวนที่บ้าน  เอามาทำสลัดแบบรสซ่าก็ดี  แต่เอามาผัดน้ำมันมะกอกร้อนๆเร็วๆเรียกว่าพอสลดน่ะค่ะ  ถัดไปก็มันบด  

แถวล่างจากซ้าย  stuffing อบในชามก้นลึกเป็น cassarole น่ะค่ะ  อันกลางก็คือ carrot with orange-mustard sauce ค่ะ  แล้วท้ายสุดก็ไก่งวงหั่นเรียบร้อยใส่จานพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 01 ธ.ค. 03, 02:16
 ส่วนแครนแบรี่ซอสก็เปิดกระป๋องเลยค่ะ  ปกติจะซื้ออย่างสดมาทำใส่ผิวส้ม-อบเชย ฯลฯ  แต่ก็คงมีแต่เราสองคนตายายกินกัน  เด็กๆชอบแบบเปิดกระป๋องมากกว่า  เลยใช้วิธีลัดค่ะ  ตักมาเสิร์ฟคุณเทาชมพูเลยนะคะ

ที่สีแดงมืดๆตรงกลางด้านบนคือแครนแบรี่ซอสแลลที่มีทั้งลูกผสมมาด้วยค่ะ  ทานอร่อยกว่าแบบที่มีแต่เจลค่ะ  กับมีฟักทองอบอีกชิ้นนึง  ไม่ใช่ฟักทองบ้านเราเป็นแบบที่เค้าเรียกว่า  butternut squash ลูกคล้ายๆน้ำเต้าแต่ยอดหนา เนื้อแน่นมันๆไม่หวานจัดค่ะ  กับเนื้อน่อง(อร่อยกว่าเนื้อหน้าอกค่ะ)  แยม มันบดราดเกรวี่  ถั่วแขกอบโรยหน้าด้วยหอมทอด  กับอารุกุล่าผัดไฟแดงค่ะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 03, 09:57
 อ่านวิธีทำแล้วน้ำลายไหลค่ะ   แต่ดิฉันขอยกมือยอมแพ้ ไม่สามารถจะทำได้อย่างคุณพวงร้อย  แค่นั่งเฝ้าให้ละลายในตู้เย็นดิฉันก็หมดแรงแล้ว   เอาเป็นว่าขอชิมผ่านทางคำบรรยายก็แล้วกันนะคะ
รับแยมเครนเบอรี่มากินกับขนมปังด้วยความเต็มใจค่ะ

กลับมาเล่าถึงพระเอกนางเอกของเรา

ชีวิตคู่ของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์และหม่อมมณี เริ่มต้นยังไงน่ะหรือคะ    ดิฉันว่าเหมือนตอนจบของนิยายรักหวานชื่นที่ทิ้งบทท้ายไว้ในตอนแต่งงานของพระเอกนางเอก
บทต่อไปที่นักเขียนไม่ได้เขียนแต่คนอ่านต้องวาดภาพเอาเอง จะหวานชื่นฉ่ำโรแมนติคแสนสุขยังไง  ชีวิตของทั้งคู่นี้ก็เหมือนยังงั้นละค่ะ

อ้อ  มีขวากหนามจากภายนอกหลุดเข้ามาเล็กน้อย  แต่ไม่มีผลอะไรมากนัก

คือพอรัฐบาลไทยทราบว่านางสาวมณี บุนนาค นักเรียนทุน ก.พ. ลาออกจากมหาวิทยาลัยไปแต่งงาน  ก็สั่งสถานทูตไทยระงับการออกหนังสือเดินทางให้เธอทันที    จะทำให้ต่อเมื่อเธอต้องจ่ายเงินทุนคืนย้อนหลัง 3 ปีที่เรียนมา

ทั้งที่ตอนได้ทุน  เงื่อนไขสัญญาของก.พ. มิได้ผูกมัดอะไรเธอเลย  เนื่องจาก ไม่ใช่ทุนของกระทรวงใดๆที่เธอจะต้องกลับมาทำงานให้
นอกจากนี้  ในสัญญายังระบุอีกว่า ถ้าผู้ได้ทุนหยุดเรียนหรือเลิกเรียนด้วยสาเหตุใดๆ รัฐบาลไม่มีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย
เมื่อผู้เรียนกลับเมืองไทย รัฐก็ไม่ต้องหางานให้  เป็นทุนที่ฟรีที่สุดทุนหนึ่ง

มณีประท้วงไม่ยอมจ่ายค่าชดใช้  แต่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯทรงไกล่เกลี่ยด้วยการจ่ายเงินชดเชยให้ตามที่รัฐบาลเรียกร้อง เพื่อให้เรื่องจบสิ้นกันไป
ทรงกล่าวกับเธอว่า  รัฐบาลทำเช่นนี้เพื่อบีบบังคับพระองค์ท่านให้จ่ายเงินแทนมณี   เพราะรู้ว่าท่านเป็นประธานงานสมรส  นอกจากนี้พระองค์ท่านยังทรงทราบว่าท่านทูตไทยถูกรัฐบาลตำหนิอย่างรุนแรงที่ยอมให้ใช้สถานทูตเป็นที่ประกอบพิธีสมรส
เมื่อสมเด็จพระปกเกล้าฯยอมจ่ายค่าชดเชยให้   ทุกอย่างก็เรียบร้อยในพริบตาเดียว   มณีก็ได้หนังสือเดินทางเพื่อเดินทางไปฮันนีมูนในยุโรป


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 01 ธ.ค. 03, 15:46
 โอยพี่พวงร้อยครับ  หิวมากครับ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 01 ธ.ค. 03, 15:52
 แล้วตอนนั้นเปลี่ยนแปลงการปกครงรึยังครับ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 01 ธ.ค. 03, 16:21
 แฮ่ม พอดีได้อ่าน "ชีวิตเหมือนฝัน" ของคุณหญิงมณี "สิริวรสาร" เหมือนกันครับ แต่ไม่อยากแย่งคุณเทาชมพูเล่าครับ ขอบอกใบ้คุณ paganini แค่ว่าตอนนั้นเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วครับ ร.7 ทรงสละราชสมบัติและเสด็จไปประทับที่อังกฤษแล้วครับ ทางนโยบายรัฐบาลในขณะนั้นดำเนินการในลักษณะ against สถาบันพระมหากษัตริย์มากครับ (ก่อนที่จะพบว่าประชาชนไทยยังยึดมั่นกับสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่มาก จึงหันกลับมา... เอ้อ...จะว่ายังไงดี...ให้ความสำคัญอีกครั้งก็แล้วกันครับ)

ส่วนเมนูคุณพวงร้อย เห็นแล้วน้ำลายหกครับ เอื๊อก    


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 03, 18:01
 อ้าว คุณCrazyHOrse เพิ่งโผล่ให้เสียงตอนนี้เอง    เงียบอยู่ตั้งนาน เลยไม่รู้ว่ากลับมาร่วมวงแล้ว

ได้อ่านชีวิตเหมือนฝันเหมือนกันรึคะ      งั้นช่วยกันเล่าหน่อยซีคะ  ถ้ามีตอนไหนที่ดิฉันเล่าข้ามหรือว่าเล่าผิดพลาดไปก็ช่วยเติมเสริมแต่งให้สมบูรณ์ด้วยค่ะ



พระองค์จิรศักดิ์ฯทรงพาเจ้าสาวไปฮันนีมูนที่ฝรั่งเศส  ได้รับพระราชทานเงินสด 1000 ปอนด์สำหรับฮันนีมูน 3 สัปดาห์

ค่าของเงินสมัยก่อนสงครามโลกถ้าเทียบกับสมัยนี้เป็นเท่าใดดิฉันก็ไม่ทราบ  แต่ก็พอที่คู่บ่าวสาวจะใช้ชีวิตอย่างเศรษฐี ตลอด 3 สัปดาห์(เฮ้อ  อิจฉา!)

เริ่มต้นที่ปารีส  เมืองโรแมนติคที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป  พักที่โรงแรมจอร์จแซง (George V)  ได้กินอาหารกันที่ร้าน Tour d' Argent ที่จักรพรรดินโปเลียนและพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จมาเสวย

ทุกวันนี้ร้านก็ยังอยู่  เป็นร้านแพงระยับจับกระเป๋ายิ่งนัก



ความสุขของเจ้าสาวหมาดๆในนี้ บรรยายไว้สุขสมหวังเท่าที่หญิงสาวคนหนึ่งจะพึงพบได้ว่าฝันเป็นจริง     เธอได้ชุดราตรีหรูๆของฝรั่งเศส  ได้กินอาหารชั้นเลิศสารพัดร้าน   ในเมืองเศรษฐีของโลก

โอย ไม่เล่าดีกว่า   ข้ามไปเถอะค่ะ  

เอาเป็นว่าจากปารีสก็ไปเที่ยวริเวียร่า   ดาจอง  ลิออง  แถวโค้ทดาซูร์



ถ้าเป็นยุคนี้มีทัวร์ไปนอกได้ทุกอาทิตย์ก็ไม่แปลกอะไร   แต่สมัยนั้น เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยังไม่เข้ามาถล่มยุโรปให้ลำบากตรากตรำ     ชีวิตแบบนี้จึงเป็นชีวิตในฝันที่ประชากรไทย(ยี่สิบล้านหรือเท่าไรไม่แน่ใจ) ไม่มีโอกาสได้พบ

ครบกำหนด   ทั้งสองก็กลับไปเริ่มต้นชีวิตคู่ที่แฟลตของพระองค์จิรศักดิ์ที่เวสต์เอนด์ ลอนดอน ด้วยความรักและความสุข


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 01 ธ.ค. 03, 20:07
 กระทู้นี้ได้อ่านสองเรื่องไปพร้อมๆกันเลย โดนใจจริงๆ สนุกทั้งสองเรื่องค่ะ เรื่องของชายสูงศักดิ์กับหญิงงาม คุณเทาชมพูคะ หยุดค้างอยู่ตอนหวานชื่นอย่างนี้ ชีวิตหม่อมมณีเป็นชีวิตเหมือนฝันจริงๆเลยค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ ดิฉันได้เคยเห็นรูปคุณหญิงมณีตอนอายุมากแล้ว ก็ยังคงเค้าความงามไม่เปลี่ยนแปลง

ส่วนเรื่องไก่งวงของพี่พวงร้อยก็สนุกอีก ได้ความรู้และเคล็ดลับต่างๆด้วย เพิ่งทานไก่งวงหมดไปหมาดๆเหมือนกันค่ะ บ้านนี้ทานกันอยู่สามวัน ปีนี้หนูอบแบบ New England หมักกับ Apple Cider กับ Maple Syrup ค่ะ เนื้อชุ่มฉ่ำดี เสียดายมากที่ที่นี่ไม่มี yam เลยทำให้รู้สึกว่าเป็น Thansgiving ที่ขาดอะไรไปซักอย่าง


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 02 ธ.ค. 03, 14:38
 คนอยู่หลังเขางงแล้วค่ะ  เห็นพูดถึงหนังสือของ คุณหญิงมณี "สิริวรสาร" ท่านคือ "หม่อมมณี" หรือคะ  ยังไม่มีโอกาสได้ยินหรือได้เห็นหนังสือเลยค่ะ

ไม่นึกว่ามีคนชอบทานอาหารแบบนี้ด้วย  ดิฉันยังไม่รู้จะเอาอาหารที่เหลือไปทำอะไรเลยค่ะ  อาหารแบบนี้ทานปีละมื้อก็เหลือแหล่แล้วค่ะ  ต้องมาทานของเหลือเพราะไก่งวงมันอึ๋มเหลือหลาย  ทำให้อยากวิ่งขึ้นรถไปกินส้มตำที่ไทยทาวน์เลยค่ะ  แต่สูตรของน้องนนทิราฟังดูน่าสนใจนะคะ  ไว้คราวหน้าฟ้าใหม่ไก่ถึงฆาตตัวหน้าจะได้ลองแต่งตัวเป็นแย้งกี้กะเค้ามั่งนะคะ ฮี่ๆๆ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 03, 17:43
 "ชีวิตเหมือนฝัน" ของคุณหญิงมณีเป็นหนังสือหายาก เนื้อหาสาระน่าสนใจมากเล่มหนึ่งค่ะ  
ในนี้มีคอหนังสือระดับมือโปร  เลยได้อ่านกันแล้วทำให้ดิฉันออกจะจ๋อยลงไปพอสมควรที่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน  แต่เอาเถอะ แข็งใจฟังไปอีกหน่อยละกันค่ะ  ถือว่าเผื่อคนที่ยังไม่ได้อ่าน
คุณหญิงมณี สิริวรสารก็คือหม่อมมณีคนเดียวกันละค่ะ      ตอนนี้ขอตัวไปเรียบเรียงเรื่องของเธอก่อนนะคะ  ก่อนกลับมาเล่าให้คุณพวงร้อยฟัง    
รับรองว่าสีสันยิ่งกว่านิยายค่ะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 02 ธ.ค. 03, 17:46
 ฮั่นแน่! คุณพวงร้อยตาไวมองเห็น "เครื่องหมาย" ที่ผมทำไว้ แต่ไม่เล่าหรอกครับ แต่ขอบอกว่าลึกลับซับซ้อนกว่าที่คิด ชีวิตคนบางคนยิ่งกว่า soap opera อีกนะขอรับ

คุณเทาชมพู ผมเองยังแวะมาที่นี่เป็นประจำ แต่ด้วยความขี้เกียจ Login เลยนั่งอ่านไปเรื่อยๆ ต้องขออภัยเจ้าบ้านด้วยครับ ที่เอาแต่ด้อมๆมองๆข้ามรั้วอย่างนี้


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 03 ธ.ค. 03, 01:49
 แหม มีอ่อยกันด้วย  แค่นี้ก็อยากฟังต่อจนตัวสั่นแล้วค่ะ  ขออนุโมทนาในความอารีของคุณเทาชมพูที่สละเวลามาเขียนให้คนไม่มีปัญญาหามาอ่านอย่างดิฉันได้อาหารใจยามยากด้วยนะคะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 03, 13:40
 ยังไม่ทันครบสองเดือน  พระองค์เจ้าจิรศักดิ์กับหม่อมมณีได้ย้อนกลับไปฮันนีมูนรอบสอง   3 สัปดาห์  ในการตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ ไปริเวียร่า
เพื่อทรงพักผ่อนหลังหลังจากรักษาพระองค์ที่ยุโรปจนพระอาการดีขึ้น
การตามเสด็จครั้งนี้เหมือนฝันยิ่งกว่าครั้งแรก เพราะอยู่ในขบวนเสด็จของพระมหากษัตริย์    หนุ่มสาวทั้งสองได้ไปร่วมงานกุศลหรูหราที่มีกษัตริย์เสด็จมาร่วมถึง 4 พระองค์ และงานลีลาศอื่นๆที่งามหรูไม่แพ้กัน  

สมเด็จพระปกเกล้าฯยังทรงพระเมตตาหม่อมมณีด้วยการซื้อนาฬิกาสายเพชรและสร้อยไข่มุก ให้  เพื่อประดับกายไม่น้อยหน้าใคร
และสมเด็จพระนางรำไพพรรณีพระราชทานเสื้อขนสัตว์ให้เธอด้วย

พระองค์จิรศักดิ์และหม่อมมณีย้ายจากแฟลตในลอนดอนไปอยู่บ้านสวยที่เวอร์จิเนียนวอเตอร์  
มีรายได้จากทรัสต์ฟันด์ที่สมเด็จพระปกเกล้าฯทรงตั้งให้พระโอรสบุญธรรม ใช้จ่ายในบ้านเดือนละ 100 ปอนด์  
และยังมีเงินเก็บเป็นเงินก้อนจากทรัสต์ฟันด์ที่จะเรียกมาใช้จ่ายได้ในยามจำเป็น

ชีวิตแสนสุขดำเนินต่อไปจนมณีเริ่มตั้งครรภ์บุตรคนแรก  
สงครามก็เริ่มฉายเงาตึงเครียดขึ้นในยุโรป     นับแต่ค.ศ. 1939

สมเด็จพระปกเกล้าฯจึงทรงย้ายจากลอนดอนมาเช่น คอมป์ตัน เฮาส์อยู่ห่างจากบ้านของพระองค์จิรศักดิ์เพียง 5 นาที  
ครอบครัวก็อยู่ใกล้ชิดกันอย่างอบอุ่นอีกครั้ง

ความสุขในครอบครัวเล็กๆนี้เพิ่มขึ้นอีกเมื่อหม่อมมณีให้กำเนิดบุตรชายคนแรก สมพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯยิ่งนัก
ทายาทของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯได้รับชื่อว่า ม.ร.ว. เดชนศักดิ์   ส่วนนามสกุลคือ
"ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์"


เรื่องนามสกุล  เป็นเรื่องขมขื่นของสมเด็จพระปกเกล้าฯอีกเรื่อง
หลังสละราชสมบัติ้เสด็จไปประทับที่อังกฤษ  แทนที่จะได้อยู่อย่างสงบ  เพราะไม่กีดหน้าขวางตาใครอีก   ก็กลับถูกบีบคั้นกดดันจากรัฐบาลหลายเรื่องด้วยกัน  

รวมทั้งเรื่องรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามฟ้องร้องต่อศาลว่าทรงขนทรัพย์สินเงินทองออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมายและยึดทรัพย์ของพระองค์ท่านรวมทั้งวังศุโขทัยไว้ด้วย ตั้งแต่คดีเพิ่งจะถึงศาล ยังไม่ได้ตัดสินว่าผิดจริง
แล้วยังเรียกร้องให้เสด็จกลับมาแก้คดีในเมืองไทย

แม้เรื่องเล็กๆอย่างนามสกุลของพระนัดดาบุญธรรมก็ยังไม่วายเป็นเรื่องขัดข้องขึ้นมาอีกจนได้
เริ่มแรก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงตั้งนามสกุลสำหรับเชื้อสายพระองค์เองว่า "ศักดิเดชน์"(ณ อยุธยา)
ในเชิงกฎหมายเราก็คงทราบกันแล้วว่าลูกบุญธรรมเป็นผู้มีสิทธิ์ทุกอย่างเท่าลูกจริง  เพราะเหตุนี้นามสกุลใหม่ที่พระราชทานให้
พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯก็มีสิทธิ์จะใช้พอกับพระราชโอรสจริงๆ(ถ้าหากว่ามี)
แต่เมื่อแจ้งไปทางเมืองไทยให้ทราบเป็นทางการ   เรื่องกลับตาลปัตร
ทางคณะผู้สำเร็จราชการกลับตอบมาว่า ไม่สามารถจะทำได้ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯมีนามสกุลเดิมอยู่แล้วคือภาณุพันธุ์   ก็ต้องใช้ภาณุพันธุ์ตามพระบิดาแท้จริง
ทั้งนี้เป็นได้ว่ารัฐบาลไม่่ประสงค์จะให้พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯมีสิทธิ์ในเรื่องต่างๆที่สำคัญ เช่นสิทธิ์ในการสืบสันตติวงศ์   หรือเรื่องอะไรอื่นก็ตามที่เป็นสิทธิ์สืบเนื่องจากสมเด็จพระปกเกล้าฯ
สมเด็จพระปกเกล้าฯทรงแค้นเคืองมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้   จึงได้แต่พระราชทาน ศักดิเดชน์ เป็นส่วนหนึ่งของ ภาณุพันธุ์
พระนัดดาบุญธรรมน้อยๆที่เกิดมาจึงเป็น ม.ร.ว. เดชนศักดิ์ ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 03, 14:27
ความยากลำบากคืบคลานเข้ามา เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้นจากเยอรมันบุกโปแลนด์    
อังกฤษเริ่มถูกคุกคามจากภัยสงครามยืดเยื้อไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ
คนอังกฤษต้องประหยัดค่าใช้จ่าย  สิ่งต่างๆในตลาดเช่นน้ำมันก็เริ่มขาดแคลน
ครอบครัวเล็กๆของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์กับมณีก็ประสบภาวะลำบากกว่าก่อนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

แต่เรื่องที่เศร้าโศกที่สุดของหนุ่มสาวทั้งสอง คือปีครึ่งต่อมานับแต่ม.ร.ว.
เดชนศักดิ์เกิด     พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เสด็จสวรรคต
หลังจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯสวรรคต  
หน้าที่ดูแลพระองค์ท่านด้วยความรักความเอาใจใส่อย่างเมื่อก่อนนี้ก็พลอยสิ้นสุดลงไปด้วย พระองค์จิรศักดิ์ฯไม่อยากจะทรงอยู่เฉยๆ   จึงสมัครเข้าเป็นนักบินของหน่วยงาน A.T.A  เป็นหน่วยขนส่งทางอากาศของกองทัพอังกฤษ    

หน้าที่ของท่านคือขับเครื่องบินไปส่งที่ท่าเรือ  หรือสนามบิน หรือโรงซ่อม
แล้วแต่ภารกิจที่ได้รับมอบหมายแต่ละครั้ง เป็นงานที่ตรงกับพระทัยรักของท่าน  
แม้หม่อมมณีเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านแค่ไหนก็ไม่อาจจะห้ามปรามได้      สมเด็จพระนางรำไพฯก็ทรงคัดค้าน  เพราะเห็นเป็นเรื่องเสี่ยงตาย
แต่ก็ไม่มีสิ่งใดทำให้พระองค์จิรศักดิ์ฯทรงเปลี่ยนความตั้งพระทัย

พระญาติอีกองค์หนึ่งที่เข้ามาเยือนครอบครัวเล็กๆในระยะนี้   ให้คลายความว้าเหว่ลงได้มาก คือพระเชษฐาแท้ๆของพระองค์จิรศักดิ์
ทรงพระนามว่าพระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์  เสด็จมาเรียนที่อังกฤษ จนจบปริญญาทางสถาปัตยกรรมจากเคมบริดจ์  
ในยามสงครามก็ไม่ได้กลับเมืองไทย  แต่อยู่ที่ลอนดอนและเสด็จมาเยี่ยมพระอนุชาเป็นประจำ  
พี่น้องทรงรักใคร่กลมเกลียวกันดี  พระองค์อาภัสฯเข้ากับน้องสะใภ้ได้ดี

มณีเริ่มตั้งครรภ์บุตรคนที่สองในช่วงที่สามีเป็นนักบิน   คลอดเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 1942 ได้รับชื่อว่า ม.ร.ว. ทินศักดิ์ ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์

พระองค์อาภัสฯเสด็จมาค้างที่บ้านเป็นเพื่อนด้วยทุกสุดสัปดาห์   พระองค์จิรศักดิ์ทรงห่วงหม่อมมาก ก็เบาพระทัยที่พระเชษฐามาอยู่เป็นเพื่อนด้วย
เหตุการณ์ดำเนินไปด้วยความปกติเรียบร้อยจนถึงเดือนกันยายนปีเดียวกัน
คุณชายทินศักดิ์อายุได้ 5 เดือน   พระองค์จิรศักดิ์ทรงครบรอบพระชนม์ 25 ชันษา  
ทรงออกจากบ้านไปปฏิบัติงานตามปกติ      

หม่อมมณีซึ่งอยู่บ้านพร้อมกับพระองค์อาภัสฯ ก็ได้ข่าวร้ายที่สุดในชีวิตจากหน่วยงาน A.T.A ว่าพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต ทรงขับเครื่องบินที่จะนำไปส่งที่ท่าเรือ  
ประสบอุบัติเหตุชนภูเขาในเวลาที่หมอกลงจัด สิ้นพระชนม์ทันที

ปิดฉากชีวิตเหมือนฝันระหว่างเจ้าชายนักบิน  และหม่อมสาวสวยของท่าน
หลังสร้างครอบครัวร่วมกันได้เพียง 3 ปี 9 เดือน


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 03 ธ.ค. 03, 22:41
 โอย อ่านแล้วใจหายเฮือกเลยค่ะ  ช่วงนี้นี่  น่าเห็นใจบรรดาเชื้อพระวงศ์จริงๆนะคะ  โดยเฉพาะพระปกเปล้าฯและเจ้านายใกล้ชิดพระองค์ท่าน  ที่ฝ่ายรัฐบาลตามจองล้างจองผลาญไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 04 ธ.ค. 03, 09:35

เกิดอะไรขึ้นกับหม่อมมณีและลูกหลังจากนั้นครับ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 03, 15:23
 มันเป็นชีวิตที่เหมือนฝันจริงๆละค่ะ
เราคงจะนึกว่าหลังจากพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯสิ้นพระชนม์กะทันหัน   หม่อมมณีคงลำบากทั้งกายใจ  เป็นม่ายแต่ยังสาว  สมเด็จพระปกเกล้าฯผู้สามารถจะเป็นที่พึ่งได้ก็เสด็จสวรรคตไปก่อนล่วงหน้า
ชีวิตอาจจะพลิกผันไปสู่ความระทมขมขื่น    ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน  จะกลับไปเรียนก็คงไม่ได้แล้ว มีลูกเป็นห่วงผูกคอ  

เปล่าค่ะ   ชีวิตจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น
 หลังจากพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯสิ้นพระชนม์ ในช่วงนี้เองพระองค์เจ้าอาภัสฯ ผู้ทรงปลอบโยนน้องสะใภ้อย่างดี   ก็สารภาพความในพระทัยว่าทรงหลงรักเธอมาก่อนหน้านี้นานแล้ว  และขอแต่งงานกับเธอเพื่อจะดูแลเธอต่อไป
ด้วยความรักและการทุ่มเทเอาใจใส่  มณีก็ใจอ่อน  เห็นสมควรแต่งงานใหม่กับท่าน

หลังพระองค์จิรศักดิ์ฯสิ้นพระชนม์ได้ 6 เดือน  หม่อมมณีก็สมรสใหม่กับพระองค์เจ้าอาภัสฯ   ต่อจากนั้นมีบุตรหญิงด้วยกัน 1 คนคือ ม.ร.ว. อรมณี  ภาณุพันธุ์


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 03, 13:55
 "ชีวิตเหมือนฝัน"ของหม่อมมณี ภาณุพันธุ์ฯ หรือคุณหญิงมณี สิริวรสาร เป็นหนังสือที่ตั้งชื่อได้เหมาะที่สุด
ชีวิตเธอ"เหมือนฝัน" เป็นชีวิตที่ไม่เคยตกต่ำ มีแต่สวยงามรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป จนบั้นปลายชีวิตก็พรั่งพร้อมด้วยเงินทองเกียรติยศ ยากจะหาคนเทียบได้
ทั้งที่มีมรสุมแรงๆหลายหนในชีวิตที่จวนเจียนจะทำให้เธอจมดิ่งลงไป แต่ก็ไม่ยักจม  กลับรอดมาได้ด้วยดี
อย่างครั้งแรกคือเมื่อพระองค์จิรศักดิ์ฯสิ้นพระชนม์กะทันหัน   เป็นใครเจอเข้าแบบนี้ก็คงแทบล้มทั้งยืน   ชีวิตอาจไม่ฟื้นคืนสู่ความสุขอีกก็ได้
แต่พระองค์อาภัสฯก็ยื่นมือเข้ามาทันเวลา ราวกับสวรรค์ส่งมาให้รออยู่แล้ว

ชีวิตสมรสครั้งที่สองของหม่อมมณี ดำเนินมาได้ 7 ปี   พระองค์อาภัสฯกับเธอกลับมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในกรุงเทพ  ชีวิตก็สุขสบายทุกอย่าง
เธอได้มรดก 2 ต่อ ในฐานะหม่อมของพระองค์จิรศักดิ์ฯ คือมรดกของสมเด็จพระปกเกล้าฯที่ทรงแบ่งให้พระโอรสบุญธรรม
กับมรดกของสมเด็จวังบูรพาฯ พระบิดาองค์จริงของพระองค์จิรศักดิ์ฯ ที่แบ่งกันในระหว่างพี่ๆน้องๆราชสกุลภาณุพันธ์
ที่ดินจำนวน 10 ไร่แปลงหนึ่งที่เธอได้รับมรดก ก็คือที่ดินที่ถนนเพลินจิต  ติดกับโรงแรมไฮแอทเอราวัณ  ไม่รวมมรดกอื่นๆ

บังเอิญโรงเรียนของดิฉันอยู่แถวนั้น     ตอนเด็กๆนั่งอยู่ในหอประชุมมองข้ามกำแพงไป ก็เห็นตัวบ้านชั้นบนของบ้านสวยหลังหนึ่ง   ยังเคยสงสัยว่าเป็นบ้านใคร   จำได้ว่าในช่วงเดือนธันวาคม เจ้าของบ้านนำต้นคริสตมาส หรือ poinsettia ออกดอกสีแดงสด มาตั้งเรียงรายไว้บนระเบียง   ชูดอกไสว สีแดงสดของดอกไม้ตัดกับสีครามอ่อนของท้องฟ้าฤดูหนาว สวยอย่างพรรณนาไม่ถูก จนจำได้ติดตา
บ้านนี้เจ้าของอยู่จนกระทั่งถึงแก่กรรม   ตอนนี้มองข้างหน้ามีอาคารร้านรวงบังอยู่ ไม่ทราบว่ายังอยู่หรือเปล่าค่ะ

ย้อนกลับมาเล่าต่อนะคะ
ชีวิตแต่งงานครั้งที่สองที่พรั่งพร้อมด้วยเกียรติยศเงินทองไม่แพ้ครั้งแรก ดำเนินมาได้ 7 ปีก็ถึงจุดจบ ด้วยการหย่าร้างกัน
อ่านจากหนังสือ    สิ่งหนึ่งที่ฝังใจหม่อมมณีหรือคุณหญิงมณี(ในภายหลัง)คือเธอยังฝังใจกับความดีงามของสวามีองค์แรกอยู่ไม่คลาย  พระองค์อาภัสฯไม่อาจจะเทียบพระอนุชาของท่านได้ในเกือบทุกด้าน
ต่อมา  เมื่อเธอจับได้ว่าท่านมีสัมพันธ์กับสาวใช้ในบ้าน แล้วแสดงความลุ่มหลง ไม่ยอมเลิก    เธอก็ขอหย่า ไม่คิดจะอดทนหวานอมขมกลืนหรือถือเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายไทย อย่างเมียหลวงอื่นๆ

หลังจากหย่าจากพระองค์อาภัสฯ  ชีวิตของเธอก็เจอมรสุมแรงอีกครั้ง เมื่อเธอหวนกลับไปติดต่อกับคนรักเก่าคนแรกที่รักกันมาตั้งแต่วัยรุ่น
เธอติดต่อกับเขาร่วม 10 ปีด้วยความหวังว่าเขาจะหย่าจากภรรยามาเริ่มชีวิตคู่กับเธอ   แต่เขาก็บ่ายเบี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่า  เธอก็เฝ้าแต่รอด้วยความหวัง
จนแน่ใจว่าเขาไม่มีวันหย่าจากภรรยาแน่ๆ เธอก็ขอเลิกกับเขาเสียเอง
ในจังหวะนี้  สวรรค์ก็ช่วยให้เธอตัดสินใจง่ายดายอีกครั้ง ไม่ต้องเป็นทุกข์อยู่นาน  ด้วยการส่งนายแพทย์หนุ่มโสด รูปหล่อ ร่ำรวย  อายุน้อยกว่าเธอ มาให้หลงรักเธออย่างจริงจัง
ชื่อนายแพทย์ปชา สิริวรสาร

ขอหยุดกลืนน้ำลาย ไล่ความน้อยใจเทวดาให้หมดอีกครั้งนะคะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 06 ธ.ค. 03, 15:32

โอ้โห คุณหญิงท่านมีความคิดล้ำสมัยคนไทยรุ่นนั้นมากเลยนะคะ   ยังนึกน้อยใจเทวดาตามไปด้วยค่ะ  ที่พระองค์เจ้าจิรศักดิ์มาสิ้นตั้งแต่ทรงพระเยาว์ขนาดนี้  หากทรงมีพระชนม์ยืนยาว  คงได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติไทยไม่น้อย  ไม่นับที่ว่า  คุณหญิงท่านคงไม่ต้องฝ่ามรสุมชีวิตขนาดนี้  แต่นับถือท่านจริงๆ  ท่านคงเป็นคนเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวมากเลยนะคะ

แปลกนะคะ  คุณหญิงท่านคงเป็นบุคคลที่มีความรู้กว้างขวางมากนะคะ  ต้น poinsettia นึ่นึกว่ารู้จักกันแต่ในหมู่คนอเมริกันเท่านั้นเสียอีกค่ะ  เพราะมันมีแหล่งกำเนิดในเม็กซิโก  คนอเมริกันเองก็เพิ่งรู้จักเมื่อราวๆ คศ ๑๘๒๐ กว่าๆเองค่ะ  หาเจอแต่รูปเล็กๆเอามาฝากด้วยค่ะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 07 ธ.ค. 03, 23:53
 ตอนที่อ่าน "ชีวิตเหมือนฝัน" ถึงตอนที่พระองค์อาภัสฯกำลังลุ่มหลงสาวใช้อย่างไม่ยอมเลิก ก็นึกเห็นใจคุณหญิงมณีมากเลยค่ะ ความรู้สึกคล้ายๆกับตอนที่นึกเห็นใจและโกรธแทนแม่เกด (จากเรื่อง "ราตรีประดับดาว") พออ่านถึงตอนที่คุณหญิงมณีตัดสินใจอย่างเฉียบขาด ก็นึกดีใจและยกย่องการตัดสินใจของคุณหญิงจริงๆ

ได้มาฟังเรื่องย่อของคุณเทาชมพู แล้วสนุกจริงๆค่ะ เป็นการทบทวนความสนุกและสาระที่ได้ตอนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ คุณเทาชมพูอย่านึกว่าเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเลยนะคะ ดิฉันติดตามอ่านอย่างสนุกเชียว

บ้านหลังนั้นที่คุณเทาชมพูเคยมองข้าวรั้วโรงเรียนไป คิดว่าน่าจะยังอยู่นะคะ ดิฉันเคยนั่งมองอยู่เสมอๆเวลาที่กำลังเบื่อฟังครู (จากห้องแล็บวิทยาศาสตร์ยิ่งมองได้อย่างใกล้ชิดเลยค่ะคุณเทาชมพู) ยังจำได้ว่าตอนนั้นทาสีเหลืองอ่อนๆเกือบขาว ขลิบด้วยสีขาว ถ้าจำไม่ผิดมีหน้าต่างอย่างที่เรียกว่า French windows มองไปแล้วก็นึกว่าข้างนอกยังดูดีขนาดนี้ ข้างในจะสวยขนาดไหนหนอ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 03, 08:32
 ดีใจที่มีคนจำความหลังร่วมกันได้ค่ะ คุณนนทิรา  
บ้านทาสีเหลืองอ่อนๆขลิบขาว  สวยเหมือนบ้านหนังสือแบบบ้านของต่างประเทศ  
ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ๆขึ้นเหมือนป่าโปร่ง คล้ายบ้านของผู้ดีอังกฤษที่มีปาร์คส่วนตัวในบ้าน
แต่ว่าตอนนี้ บริเวณนั้นกลายเป็นแหล่งธุรกิจไปหมดแล้ว

คุณพวงร้อยคะ   Poinsettia ในตอนนี้ ตามร้านขายต้นไม้แถวชานเมือง
ใส่กระถางขายแดงสะพรั่งไปหมดเลยค่ะ  ดิฉันซื้อมา10 กระถาง ตั้งไว้ที่ลานข้างนอกห้องทำงานในตอนนี้ มองออกไปเห็นสีแดงสวยสด  
ชวนให้นึกถึงความหลัง  
สมัยเรียน poinsettia แทบไม่เคยเห็นในเมืองไทย   ไม่มีการเพาะชำกันขายกันง่ายดายเหมือนเดี๋ยวนี้  
ดิฉันมาย้อนนึกแล้วชักสงสัยเหมือนกันว่าคุณหญิงมณีอาจจะสั่งต้นหรือกิ่งมาจากเมืองนอกก็ได้  แล้วให้คนสวนทะนุบำรุงอย่างดีให้ออกดอกทันเวลาใกล้ปีใหม่  
เพราะจำได้ว่ามองเห็นทุกปีตอนใกล้ๆคริสต์มาส

ขอกลับเข้าเรื่อง
หม่อมมณีได้รับพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า  มีคำนำหน้าว่า "คุณหญิง" ในบั้นปลาย    เธอกับคุณหมอปชาใช้ชีวิตคู่ด้วยดี ยืนยาวถึง 23 ปี จนคุณหมอเป็นฝ่ายถึงแก่กรรมไปก่อน
ปัจจุบันคุณหญิงมณี สิริวรสารถึงแก่กรรมแล้วค่ะ

เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2546  ดิฉันได้พบม.ร.ว. เดชนศักดิ์ ศักดิเดชน์ ภาณุพันธ์  ที่เมือง Eastbourne ประเทศอังกฤษ  คุณชายใช้ชีวิตอยู่่ในอังกฤษ
ภรรยาของคุณชาย (เป็นคนไทยค่ะ และสวยจนดิฉันนึกว่าเคยเป็นนางงามหรือดาราหนังมาก่อนหรืออย่างไร)เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยตกแต่งสวยมาก ชื่อ Thai Marina มี 2 สาขา
เป็นภัตตาคารชั้นหรูของเมือง   ลูกค้าแน่นขนัด  ใครไปเที่ยว Eastbourne น่าจะหาโอกาสไปแวะทานอาหาร  รสเหมือนร้านอาหารอร่อยๆในเมืองไทย
Eastbourne เป็นเมืองชายทะเลที่น่าอยู่มาก  เงียบสงบและสวยแบบแหล่งที่อยู่อาศัย   ดิฉันชอบมากกว่า Brighton ซึ่งออกจะใหญ่โตและจอแจ  

วันที่ไปถึงเป็นวันเกิดคุณชายเดชนศักดิ์ ก็เลยฉลองกันครึกครื้นจนล่วงเข้าวันใหม่
คุณชายพูดภาษาไทยได้คล่่องพอสมควร แต่ว่าพูดภาษาอังกฤษได้ถนัดกว่า  
บุตรชายอายุ 17 ชื่อม.ล. ศักดิเดชน์  ศักดิเดชน์ ภาณุพันธ์  กำลังเตรียมตัวจะเข้าออกซฟอร์ดที่คุณย่าเคยเรียนมาก่อน


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: สยาม ที่ 09 ธ.ค. 03, 12:29
 Thank you so much Khun Taochompoo, I'm very pleased to read this article. Since I'm very interested in Khunying Mani's life for many years. "Cheevit Mhuen Phun" series are my all times favorite books, I've read them many times and there're always somthing new that I get from it, especially for the gratefulness to King Prajadhipok.  Besides, I'm another one that whenever I pass by Chid Lom area, I always look at the beautiful three storeys house which still remain, and remind to Khunying Mani and her stories.  And I'm glad to hear that her cousin will go to Oxford as her did in the past.


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 03, 14:47
 ขอต้อนรับเข้าร่วมวงสนทนาค่ะ  คุณสยาม
ดิฉันเองก็คงจะบอกอะไรเกี่ยวกับบุตรชายหญิงของคุณหญิงมณีมากกว่านี้ไม่ค่อยได้
อ้อ  ในร้านอาหารวันนั้น   ม.ร.ว.อรมณี  ธิดาของเธอมาอยู่ที่นั่นด้วยค่ะ  เธอมาจากออสเตรเลีย  เที่ยวอังกฤษ เยี่ยมพี่ชาย
ส่วนม.ร.ว.ทินศักดิ์เข้าใจว่ายังอยู่ในประเทศไทย    ทราบแต่ว่าเคยเป็นอาจารย์ที่จุฬาฯ
คุณชายสมรสกับคุณศิริกาญจน์ (ศรีกาญจนา)   หรือคุณป๋ำ   เธอเป็นนักธุรกิจหญิงเจ้าของกิจการกระเป๋าคิปลิง  ที่มีตัวลิงขนปุยห้อยเป็นห่วงติดกระเป๋าอยู่น่ะค่ะ  ฮืฮฮากันสมัยหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นและไม่รุ่น

เมื่อวานผ่านไปทางเพลินจิต  ชะเง้อมองไปก็เห็นบ้านสวยยังตั้งอยู่  แต่บริเวณรอบๆกลายเป็นอาคารร้านค้าไปหมดแล้ว

คุณหญิงมณี เท่าที่อ่านจากประวัติของเธอ เป็นผู้หญิงฉลาดและเข้มแข็ง  ออกจะตรงไปตรงมา  อะไรดีอะไรไม่ดีเธอก็ยอมรับ  คุณสมบัติเหล่านี้คงมีส่วนช่วยให้เธอตัดสินใจได้ถูกในหลายๆเรื่อง และแก้ไขได้ทันในอีกหลายเรื่องเช่นกัน  ชีวิตของเธอถึงดำเนินมาได้ "เหมือนฝัน" ในความเป็นจริง


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: สยาม ที่ 09 ธ.ค. 03, 18:19
 Thank you very much Khun Taochompoo for your mentioned to me and some additional information. I feel really warm welcomed.


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 09 ธ.ค. 03, 20:48
 คุณสยามครับ คุณเทาชมพูเป็นเจ้าเรือนไทยที่นี่ครับ และเป็นขวัญใจพวกเราด้วย อิอิอิอิ(อันนี้แปลว่าอยากใหห้คุณเทาชมพูเขียนให้เราอ่านอีก เยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น)
เอ๊ะอยากถามท่านผู้รู้ครับเพราะผมอาจจะผ่านเพลินจิตโดยทางรถไฟฟ้า ถ้ามองจากสถานีเพลินจิตจะเห็นหรือเปล่าครับ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 03, 08:10
 เรื่องรถไฟฟ้าเห็นจะต้องถามคุณนิลกังขาหรือใครอื่นที่ใช้เส้นทางนั้นบ่อยๆ   ดิฉันอยู่คนละเส้นทาง  แต่คิดว่าน่าจะมองเห็นนะคะจากที่สูง  
ขนาดดิฉันนั่งรถผ่านไปตามถนนเพลินจิตยังเห็นเลยค่ะ

คุณpaganini อยากฟังเรื่องอะไรล่ะคะ  ถ้าเล่าได้ก็จะเล่าให้ฟัง  ถ้าเล่าไม่ได้เดี๋ยวก็คงมีชาวเรือนไทยอย่างคุณพวงร้อย คุณนิลกังขา คุณแจ้ง และคนอื่นๆมาช่วยกันเล่าเองละค่ะ

  ขอบคุณสำหรับตำแหน่งที่มอบให้  จะตอบรับอย่างนางงามก็จำไม่ได้ว่าเขาพูดว่าอะไร  เทพีสวนกล้วยประจำเรือนไทยเธอก็อำลาไปเกณฑ์ทหารเสียแล้ว  ไม่มาช่วยบอกบท


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: สยาม ที่ 10 ธ.ค. 03, 09:51
 Khun Paganini, I agree with you, I also love to read articles by Khun Taochompoo. If you'd like to see the house, it stands near BTS Chidlom Station, between Mater Dei School and the Maneeya Building krub.


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: is that so? ที่ 19 ธ.ค. 04, 17:08
 เคยดูละครพีเรียดเรื่องนึงทางช่อง7
สร้างจากบทประพันธ์ของใครจำไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ
ที่นางเอกมีสามี 3 คน คนแรกเป็นแนวๆว่าเป็นเจ้าชาย
คนที่สองเป็นเพลย์บอย คนที่สามมีอายุน้อยกว่า
ดูเรื่องนี้แล้วได้อ่านชีวิตเหมือนฝันในแพรว
รู้สึกว่าชีวิตของตัวละครตัวนี้คล้ายกับชีวิตของคุณหญิงมณีเลย
ไม่ทราบคิดไปเองป่าวนะคะ มีใครคิดเหมือนกันบ้างมั๊ยคะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 30 ต.ค. 05, 13:56
 ขอเรียนถามค่ะ ดิฉันไปอ่านเจอโดยบังเอิญ ที่ว่า

1) ล้นเกล้าฯ ร. 7 พระองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงรับพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต เป็นโอรสบุญธรรม
ส่วนสมเด็จพระนางเจ้ารำไพฯมิได้ทรงรับด้วย ในเมื่อพระมหากษัตริย์ก็ทรงจดทะเบียนสมรสด้วย
ดังนั้นก่อนที่พระองค์จะทรงกระทำนิติกรรมใดๆ คู่สมรสต้องทรงยินยอม
นิติกรรมนั้นจึงจะมีผล ดังนั้นที่ดิฉันทราบมา มีมูลหรือเปล่าค่ะ

2) อาจารย์พอทราบชันษาของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯตอนทรงเป็นโอรสบุญธรรมไหมค่ะ
ดิฉันแปลกใจว่าล้นเกล้าฯ ร. 7 ทรงแบ่งมรดกให้กึ่งหนึ่ง เท่าที่ทรงพระราชทาน
ให้สมเด็จพระนางเจ้ารำไพฯ ถือว่าค่อนข้างมาก

3) ชีวิตเหมือนฝัน ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ 2 เล่ม ราคา 1,300 บาท อาจารย์ช่วยกรุณาวิจารณ์สั้นๆว่า
เนื้อหาคุ้มกับราคาไหม จักขอบพระคุณยิ่งค่ะ (กำลังจะโอนเงินฝากคุณติบอซื้อค่ะ)


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 05, 10:56
1)ไม่เข้าใจคำถามของคุณค่ะ     ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
แต่ฟังจากที่คุณเล่ามา  เหมือนกับใครสักคนพยายามจะบอกว่าพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ ไม่มีสิทธิ์ในความเป็นพระโอรสบุญธรรม  
ซึ่งการค้านแบบนี้ ก็อาจจะมุ่งหวังผล ให้ท่านหมดสิทธิ์ในอะไรๆหลายอย่างไปด้วย

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงจดทะเบียนสมรส ตั้งแต่ประเทศไทยยังเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ถ้าจำไม่ผิดก็ในรัชกาลที่ 6
ในสมัยนั้นกฎหมายสมรสอย่างทุกวันนี้ดูเหมือนจะยังไม่เกิด
กฎหมายเรื่องบุตรบุญธรรม ก็คิดว่ายังไม่เกิดเหมือนกัน

การรับบุตรบุญธรรม เท่าที่เห็นมาในอดีต  ก็คือการแสดงความจำนงของบิดาหรือมารดาบุญธรรมอยางเปิดเผยเท่านั้นเอง
ไม่ต้องไปจดทะเบียนอะไร  
ในเมื่อเป็นพระราชประสงค์ของสมเด็จพระปกเกล้าฯ  ผลก็เป็นไปตามนั้น  ไม่มีใครจะมาทักท้วงได้
เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาฯ ทรงมีพระอำนาจเต็มทั้งในเรื่องหน้าที่ราชการและส่วนพระองค์

ต่อให้พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ ไม่ได้เป็นพระโอรสบุญธรรม แต่เป็น "พระเจ้าหลานเธอ" ที่พระเจ้าอยู่หัวโปรดปราน จะทรงให้สิทธิ์บางอย่างเป็นพิเศษ เช่นยกมรดกส่วนพระองค์ทั้งหมดให้ก็ได้

นี่คือความเข้าใจของดิฉัน  ส่วนรายละเอียดเป็นยังไงคงต้องถามนักกฎหมาย อย่างคุณ UP ถ้าแวะเข้ามาอ่านคงชี้แจงได้

2)ไม่ทราบพระชันษาที่แน่นอนของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์  เมื่อสมเด็จพระปกเกล้าฯทรงรับเป็นพระโอรสบุญธรรม   แต่น่าจะประมาณ 7 ปี
ในหนังสือ"ชีวิตเหมือนฝัน" คุณหญิงมณีเล่าว่าพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯทรงถูกส่งเข้าไปในวังหลวงให้เจ้านายฝ่ายในทรงเลี้ยงดูจนพระชันษาได้ 6 ปี
จึงเสด็จออกมาอยู่กับสมเด็จวังบูรพา พระชนก
หลังจากนั้นไม่นาน  สมเด็จวังบูรพาก็ทรงนำมาถวายสมด็จพระปเกล้าฯ
คำว่า "ไม่นาน" ดิฉันตีความว่าไม่เกิน 1 ปี

พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯเป็นที่รักของสมเด็จพระปกเกล้าฯ เหมือนพระราชโอรสแท้ๆ   การแบ่งมรดกให้ลูกครึ่งหนึ่งและแม่อีกครึ่งหนึ่งก็ไม่เห็นแปลกนี่คะ   ดิฉันก็ว่ายุติธรรมดี
เรื่องมรดกเป็นสิทธิ์ของผู้ทำพินัยกรรม จะยกให้ใครก็ได้  บางท่านไม่ยกให้ลูกสักบาท แต่ไปยกให้หลานทั้งหมดก็ยังมี  ยังงี้มิแปลกกว่าหรือคะ

3) เรื่องพรรค์นี้ พูดยากค่ะ  เขาเรียกว่าลางเนื้อชอบลางยา   หามาตรฐานตรงกันไม่ได้
อะไรที่ดิฉันเห็นว่ามีคุณค่าคุ้มราคา   คุณอาจจะเห็นเป็นอีกอย่างก็ได้  
and vice versa  
วิจารณ์ไปก็เท่านั้นแหละค่ะ   ถ้าอยากรู้ต้องอ่านเอง  

เอาอย่างนี้ดีไหม  อ่านแล้วไม่ชอบ   บริจาคให้ห้องสมุดที่ไหนสักแห่งไป  ก็ได้ประโยชน์เท่ากับเอาเงินไปทำบุญน่ะค่ะ  
แต่ยังได้ความรู้ในหนังสือแถมมาก่อนบริจาคด้วย


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 31 ต.ค. 05, 11:10
 ขอบคุณค่ะ พึ่งอ่านเจอสดๆร้อนๆในเว็บแห่งหนึ่ง ซึ่งคุยเรื่องนี้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ในระหว่างที่ดิฉันกำลัง search หา ชื่อ สนพ. แต่พบว่าขายที่ศูนย์ฯจุฬาแห่งเดียว เดี๋ยวจะหา link ให้ค่ะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 31 ต.ค. 05, 19:56
 ....การที่รัชกาลที่ ๗ ทรงรับ พระวรวงศ์เธอ (ไม่ใช่พระเจ้าวรวงศ์เธอ นะครับ) พระองค์เจ้าจีรศักดิสุประภาต
(ไม่ใช่ จิรศักดิสุประภาต ครับ)เป็นพระโอรสบุญธรรม นั้น เป็นการทรงรับเฉพาะพระองค์
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี มิได้ทรงรับ

พระราชพินัยกรรมของรัชกาลที่ ๗ ที่ทรงกระทำ ณ ประเทศอังกฤษ ได้ทรงให้แบ่งพระราชมรดกเท่า ๆ กัน
ระหว่าง สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี และ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจีรศักดิสุประภาต
ยกเว้นวังศุโขทัยทรงยกให้พระวรวงศ์เธอฯ  การแบ่งพระราชมรดกไม่ได้กระทำ
จนกระทั่งพระวรวงศ์เธอฯ สิ้นพระชนม์ และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
ได้เสด็จฯ นิวัติพระนครแล้ว

ดังนั้น การแบ่งพระราชมรดก จึงเป็นการจับฉลากระหว่าง
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี และ คุณหญิงมณี สิริวรสาร (หม่อมมณี ภาณุพันธ์)
ยกเว้นวังศุโขทัย เนื่องด้วยหลังจากที่รัชกาลที่ ๗ สละราชสมบัติ รัฐบาลได้ยึดวังศุโขทัย และ อื่น ๆ
เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จฯ นิวัติพระนคร รัฐบาลเตรียมที่จะถวายคืนวังศุโขทัย
แต่พระองค์ท่านไม่ทรงรับ แต่ทรงขอประทับที่วังศุโขทัย ตลอดพระชนม์ชีพ
ดังนั้นวังศุโขทัยจึงไม่ได้กลับมาอยู่ในพระปรมาภิไธยของรัชกาลที่ ๗ พระราชพินัยกรรม จึงไม่เป็นผล
 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K3801827/K3801827.html

ที่ดิฉันถามเป็นเพราะในเน็ท เรื่องเดียวกัน อาจมีหลายเวอร์ชัน จึงต้อง "กรอง" บ้าง ใช่เชื่อได้ทั้งหมดค่ะ ขอบคุณค่ะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: อุษณี ที่ 01 พ.ย. 05, 04:58
 เป็นสมาชิกใหม่ค่ะ....
นั่งอ่านมาเรื่อยๆ ทำให้ได้ความรู้และข้อมูลที่น่าสนใจ
ขอบคุณมากๆ นะคะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 01 พ.ย. 05, 22:23
 สวัสดีครับคุณอุษณี
อ่านเนื้อหาในกระทู้นี้แล้ว นึกอยากจะแสดงความเห็นนะครับ
1. ชีวิตเหมือนฝัน เป็นบทประพันธ์ที่ผมไม่เคยอ่านเลย(เพราะยังค้นไม่เจอ) แต่ได้รับคำแนะนำให้หามาอ่านเพราะมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการเมืองหลัง ร.7 สละราชสมบัติ ดูจากเนื้อหาในกระทู้นี้แล้วก็เลยชวนใจให้อยากอ่านมากขึ้นครับ
2. พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ เป็นพระราชวงศ์ที่เข้าพิธีโสกันต์เป็นลำดับสุดท้ายในพระราชวงศ์จักรีหรือเปล่าครับ (เคยอ่านในเกิดวังปารุสก์ เล่ม 2 ระบุว่ามีพิธีโสกันต์ใหญ่มาก ก่อนที่พระบิดาของพระองค์จะสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา)
3. สังเกตชะตากรรมของพระโอรสธิดาในสมเด็จพระราชปิตุลาฯ แล้ว ดูเหมือนจะหลายชีวิตมากครับ บางพระองค์ก็ดีไป บางพระองค์เป็นอย่างไรก็ขอให้ไปหาเอาเองครับ และผมสงสัยว่าทำไมพระโอรสธิดาที่ประสูติแต่คุณแม้น หม่อมคนแรกในสมเด็จพระราชปิตุลาฯ จึงมีพระยศเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอครับ
4.จากกระทู้ที่ 37 ที่คุณ Nuchan (สมาชิกกิติมศักดิ์) นำมาลงนี้ เทียบกับลาบเซ็นของพระองค์ท่านแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมในกระทู้บอกมีพระนามว่า จีรศักดิ์ แต่ในลายเซ็น(ในหัวเรื่อง) ลงว่า จิรศักดิ์
ป.ล. น่าเสียดายที่เกิดวังปารุสก์ เล่ม 3 ยังไม่ได้รับการตีพิมพ์ ทั้ง ๆ ที่สอดแทรกข้อมูลเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ไว้ด้วย (ถึงแม้พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์จะทรงออกตัวว่า เป็นชีวิตส่วนตัวก็ตาม แต่ก็ยังสอดแทรกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เอาไว้ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ทรงด้านการทรงนิพนธ์ของพระองค์ครับ)
หมดมุกแล้วครับ นิทราราตรีสวัสดิ์ครับ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: หยดน้ำ ที่ 02 พ.ย. 05, 08:23
 มาแอบอ่านนะครับคุณเทาชมพู


ขออนุญาตมาตอบคุณศรีปิงเวียง  เรื่องที่สงสัยว่า  "ว่าทำไมพระโอรสธิดาที่ประสูติแต่คุณแม้น หม่อมคนแรกในสมเด็จพระราชปิตุลาฯ จึงมีพระยศเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอครับ"


เหตุผลก็คือ  รัชกาลที่  5  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้พระโอรสธิดาของสมเด็จพระอนุชาที่ประสูติร่วมพระครรภ์โภทรเดียวกับพระองค์  ซึ่งพระมารดาเป็นสะใภ้หลวงพระราชทานมีพระยศเป็น  "พระเจ้าวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้า"  ครับ


ต่อมาในสมัยรัชกาลที่  6  จึงได้ทรงใช้ธรรมเนียมนี้สถาปนาพระโอรสในสมเด็จพระเจ้านย้องยาเธอ  เจ้าฟ้าฯ  กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ  เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ครับ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 02 พ.ย. 05, 10:05
 คุณศรีปิงเวียงเปิดเทอมหรือยังค่ะ
คุณสงสัยในประเด็น (ข้อ4 ) เดียวกับที่ดิฉันสงสัยเลยค่ะ
ที่ยิ่งงงหนักคือมีด้วยหรือที่คู่สมรสจะเสียงแตก
เฉพาะพระองค์ท่านรับเป็นบุตรบุญธรรม สมเด็จฯไม่ทรงรับด้วย
พักหลังนี้ดิฉันซื้อหนังสือหลายเรื่อง แล้วไม่ชอบ
ต้องทนดูมันวางอยู่บนชั้นหนังสือ เปลืองที่เสียเปล่าๆ
แต่ดูแล้วอัตชีวประวัติของท่าน ท่านเรียบเรียงได้สละสลวยทีเดียว
คงซื้อไม่ผิดแน่

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจการพัฒนาอสังหาฯ เครือมณียาได้ที่
 http://gotomanager.com/news/details.aspx?id=1417  


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 02 พ.ย. 05, 19:01

มีรูปมาฝากค่ะ ยิ่งเห็น ยิ่งอยากอ่าน


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 05 พ.ย. 05, 11:59
 บทเรียนจากเน็ต

จั่วหัวเรื่องไว้อย่างนี้แปลว่าดิฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเน็ต
1. เมื่อ 2 วันก่อนดิฉันฝากเพื่อนซื้อหนังสือเล่มนี้ เขียนโน้ตบอกเขาถึงชื่อหนังสือ 2 เล่ม
ราคาเล่มแรก 700 บาท เล่มสอง 600 บาท (ดูมาจากเว็บศูนย์หนังสือจุฬา และที่เขาโพสต์บอกกันในเน็ต)
พอเพื่อนเอามาให้วันศุกร์ กลายเป็น 2 เล่ม ดิฉันต้องจ่าย 1400 บาท แต่เพื่อนถามว่า
จะซื้อไปฝากใครอีก 1 เล่ม

สมัยนี้เล่ม 1-2 เขาพิมพ์รวมเป็นเล่มเดียวกัน ราคาเล่มละ 700 บาท กลายเป็นว่าซื้อมา 2 copies
หนักเล่มละ 2 ก.ก. เห็นจะได้ สงสารเพื่อนที่ต้องแบกขึ้นรถไฟฟ้าให้จังเลยค่ะ
บอกกับเพื่อนว่าช่างมันเถิด จะยอมทิ้งรถเสีย 1 อาทิตย์ นั่งรถรับส่งของที่ทำงานก็ได้
เพื่อนคนเดิมก็บอกว่า เอาอย่างนี้ซิ นั่งรถบริการสักเดือน จะได้ซื้อของนอกโควต้าได้มากขึ้น...แป่ว

ต่อแต่นี้ไป สิ่งที่จะไม่ฝากใครซื้อ นอกจากรองเท้า เห็นจะต้องเพิ่มหนังสือเล่มที่ไม่เคยเห็นหน้าตาเข้าไปด้วย และข้อมูลจากเน็ตอ่านแล้วคิดตามเสียให้ดีก่อนเชื่อนะคะ


2. เมื่ออ่านเองถึงได้รสชาติตามที่อาจารย์บอก คุณหญิงมณีเล่าได้ละเอียดยิบ เล่มใหญ่มาก
หนาเกือบหนึ่งพันหน้าดิฉันอ่านรวดจาก 4 ทุ่ม ถึง ตี 4 จบไปแล้วครึ่งเล่ม สนุกทุกหน้า

คุณอเทตยา ใน ค.ห. ที่ 37 เอาที่ไหนมาเล่าเป็นตุเป็นตะ ชื่อสามีของคุณหญิงมณีเอง
(พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต) ตัวท่านเขียนไม่ผิดหรอกค่ะ
ดิฉันเห็นคุณคนนี้เล่าในพันทิพอย่างมั่นอกมั่นใจ  ก็ขอเตือนเพื่อนๆ น้องๆ ได้ยินอะไรมา กรองเสียก่อนนะคะ

ตามปกติดิฉันไม่ได้เข้าพันทิพหรอกค่ะ เข้าเว็บนอกเรื่องกีฬาเป็นหลัก ตอนนี้คือยุคตกต่ำของปีศาจแดง
Manchester ๊United ไม่กล้าชะแว้บไปที่นั่น ขอหลบฝนมาที่เรือนไทยก่อนคะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 08 พ.ย. 05, 08:17
 สวัสดีครับคุณ Nuchan
ตอนนี้เปิดเทอมแล้วครับ เกรดออกมาสวยแต่ลดลงครับ
1. ตอนนี้ทีมปีศาจแดงยังไม่ถึงยุคตกต่ำครับ เพียงแต่ผลงานการเล่นยังไม่คงเส้นคงวาเท่าใดนัก คราวก่อนแพ้ทีมลีลล์ แต่ชนะเชลซี (ดีใจแทนมูรินโญ่จริง ๆๆๆๆ)ครับ
2. ได้มีโอกาสไปงานแฮปปี้บุคเดย์ที่จ.เชียงใหม่ครับ (ตอนนี้กำลังจะไปจัดที่ลำปาง 9- 13 พ.ย. นี้ ที่ห้องสมุดประชาชนเทศบาลนครลำปาง) ได้ศิลปวัฒนธรรมฉบับล่วงเวลามา 2 เล่ม (ตกเล่มละ 20 บาท) ทั้ง ๆ ที่อยากจะซื้ออีก แต่สตางค์ไม่พอครับ
3. โรงเรียนใกล้เข้าแล้วครับ ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนครับ อรุณสวัสดิ์ครับ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: กอหญ้า ที่ 08 พ.ย. 05, 11:39
 ขอเรียนถามคุณ Nuchan ค่ะ หนังสือชีวิตเหมือนฝันหาซื้อได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาใช่มั๊ยค่ะ สามารถสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตได้หรือเปล่า เพราะว่าอยู่ที่ภูเก็ตน่ะค่ะ อีกคำถามนึงก็คือตอนนี้ที่เค้ารวมเล่มแล้ว ยังใช้ชื่อเดิมหรือเปล่าคะ จะได้ฝากเพื่อนซื้อได้ถูก หรือถ้าคุณ Nuchan ไม่รังเกียจ จะขายต่อเล่มที่ซื้อเกินมาก็ได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 08 พ.ย. 05, 15:20
 ข้อมูลที่ถูกต้องคือ
เล่มหนึ่ง 876 หน้า   ราคา 700 บาท
เล่มสอง 400+ หน้า ราคา 600 บาท
ที่ CUBook สาขาสยาม มีแต่เล่มหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เพื่อนดิฉันจึงได้เล่มหนึ่งมาสองเล่มค่ะ

ที่ได้ยินจากเน็ตคือ “ชีวิตเหมือนฝัน” มีอีกเวอร์ชันหนึ่ง คุณนรุตม์ หยิบเรื่องนี้มาเรียบเรียงใหม่
ทำให้บางลง และราคาถูกลง จริงเท็จไม่ยืนยันค่ะ

เล่มหนึ่ง (ตอนสำคัญ) ที่อ่านจบนั้น คือเรื่องเล่าที่อิงประวัติศาสตร์ จบที่ตอนหม่อมมณีแต่งงานกับ
หมอปชา พ. ศ. 2503 พออ่านจบ ดูแมนยูบดเชลซีต่อถึงตี 1 ตื่นตี 4 เข้ากรุงเทพฯ จนตาลืมไม่ขึ้นน่ะคะ
รายละเอียดอย่างอื่นจะแจ้งทางเมล์ค่ะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: กอหญ้า ที่ 08 พ.ย. 05, 17:26
 ขอบคุณ คุณ Nuchan มากนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักด้วยค่ะ
เคยแต่อ่าน แต่ไม่ค่อยได้โพสต์ซักเท่าไหร่ นั่งอ่านอย่างเดียวก็เพลินดีนะคะ ได้ความรู้ใหม่ ๆ เยอะมาก ขอฝากเนื้อฝากตัวกับอาจารย์ทุกท่านด้วยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์เทาชมพู ที่ได้แบ่งปันความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ ขอบคุณอีกครั้ง


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ย. 05, 09:07

.


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 09 พ.ย. 05, 17:41
 ขอบพระคุณคุณหยดน้ำครับ (จากความเห็นที่ 40)
ไม่มีอะไรแล้วครับ สวัสดีครับ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 11 พ.ย. 05, 18:51
 ขอส่งข่าวให้คุณกอหญ้าทราบค่ะ
ดิฉันอ่านเล่ม 2 จบแล้ว ไม่ตื่นเต้นเท่าภาคแรก แต่คุณหญิงก็เรียบเรียงได้น่าอ่านพอสมควร
อ่านไปแล้วเห็นสัจจธรรมของชีวิตมากขึ้น  และพบว่าบางท่านมีชีวิตเหมือนฝัน ยิ่งกว่าคุณหญิงมณีอีกค่ะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: หยดน้ำ ที่ 23 ธ.ค. 05, 17:41
 พอดีผมได้เข้ามาหาข้อมูลในกระทูนี้  และบังเอิญเห็น  คคห. 37ของคุณ  Nuchan  เกี่ยวกับเรื่องวังศุโขทัย  ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไป  จึงขอนุญาตเรียนว่า  วังศุโขทัย  รัฐบาลในขณะนั้นไม่ได้ถวายคืนแก่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพฯแต่อย่างใด  การที่หนังสือหลายเล่ม หรือข่าวลือที่ออกมาได้อ้างว่ารัฐบาลได้ถวายคืนแล้วแต่ไม่ทรงรับ  จึงนับว่าก่อให้เกิดความเข้าใจผิด  และส่งผลให้ภาพพจน์ของอีกฝ่ายหนึ่งดูดีขึ้น  ในฐานะที่ได้สำนักผิดและหันกลับมาภักดีต่อราชวงศ์


"...ตอนญี่ปุ่นบุกเมืองไทยนั่น  ในหลวง(รัชกาลที่  7)เสด็จสวรรคตแล้ว  ทางรัฐบาลก็มีหนังสือไปอัญเชิญเสด็จกลับ  แต่ฉันก็ไม่เคยนึกว่าจะได้กลับเมืองไทยหรอก  จนกระทั่งสวรรคตแล้ว  ตอนกลับมาไม่มีบ้านอยู่หรอก  เพราะว่าวุงสุโขทัยเข้าใช้เป็นที่ตั้งกระทรวงสาธารณสุข  ก็เลยต้องไปอาศัยอยู่วังสระปทุมถึง  2  ปี  ถึงได้กลับมาอยู่ที่นี่(วังสุโขทัย)  ก่อนเข้ามาอยู่ต้องซ่อมแซมเสียยกใหญ่ทางรัฐบาลบอกให้อยู่ไปจนกว่าจะตาย  หมายความว่าไม่ยอมคืนให้..."

(พระราชบันทึกเล่าในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี  พระบรมราชินีในรัชกาลที่  7  :  เบื้องแรกประชาธิปไตย)


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 23 ธ.ค. 05, 18:13
 อ๊ะ..อา ช้าก่อนค่ะ คุณหยดน้ำ

ค.ห. 37 คือความเห็นของ คุณอเทตยา ในพันธุ์ทิพ ดิฉันไปเสริ์ชหาหนังสือคณหญิงมณี
จึงพบลิงค์โดยบังเอิญ และเดี๋ยวนี้ก็กลายเป็น bad link ไปแล้วค่ะ
ถ้าคุณหยดน้ำ อ่านความเห็นของดิฉันในอันถัดๆมา จะเห็นว่าดิฉัน discount ความเห็นในเน็ตเยอะที่เดียว

จากการอ่านอัตของคุณหญิงมณีฯ พบว่า คุณหญิงมณีจับสลากได้ที่ดินติดน้ำท้ายวังศุโขทัย
พระนางเจ้ารำไพฯ ทรงนำที่ดินเพลินจิต 10 ไร่มาขอแรก เพื่อให้สามารถขยายวังเพิ่มเพราะจะสร้าง
โกดังเก็บของที่ขนมาจากอังกฤษ ส่วนวังศุโขทัยได้กรรมสิทธิ์กลับคืนมาหรือเปล่า ขอไปอ่าน
ละเอียดอีกทีหนึ่ง เพราะครั้งนั้นอ่าน skim  


ในค.ห. 43 ดิฉันเขียนว่า...
คุณอเทตยา ใน ค.ห. ที่ 37 เอาที่ไหนมาเล่าเป็นตุเป็นตะ ชื่อสามีของคุณหญิงมณีเอง
(พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต) ตัวท่านเขียนไม่ผิดหรอกค่ะ
ดิฉันเห็นคุณคนนี้เล่าในพันทิพอย่างมั่นอกมั่นใจ ก็ขอเตือนเพื่อนๆ น้องๆ ได้ยินอะไรมา กรองเสียก่อนนะคะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: หยดน้ำ ที่ 23 ธ.ค. 05, 23:41
 ขออภัยคุณ   Nuchan   ด้วยคับผม  ที่อ่านไม่รอบคอบ  อย่าโกรธนะค๊าบบบบบ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: กอหญ้า ที่ 03 ม.ค. 06, 11:15
 คุณ Nuchan คะ ดิฉันเพิ่งอ่านชีวิตเหมือนฝัน เล่ม 1 จบไปเมื่อวันก่อนนี้เอง ใช้เวลาอ่านนานเพราะว่าอ่านตอนก่อนเข้านอนน่ะค่ะ สนุกมากเลยค่ะ ชีวิตเหมือนฝันจิง ๆ ไม่ทราบว่าเล่ม 2 เนื้อหาเป็นยังไง พอจะเล่าย่อ ๆ ให้ฟังได้มั๊ยคะ จะได้ตัดสินใจว่าควรจะซื้อต่อหรือเปล่า ขอบคุณมากค่ะ


กระทู้: เจ้าชายนักบิน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 08 ม.ค. 06, 00:11
 เล่มแรกคุ้มกว่าค่ะ แต่ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะ proceeds ก็ไปที่มูลนิธิเพื่อการศึกษาอยู่แล้ว เหมือนทำบุญค่ะ
เล่มสองกล่าวถึงชีวิตคู่กับคุณหมอปชา ทั้งคู่เก็บหลานยายของคุณหญิงมณีมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม 2 คน
ทำให้ตายายมีกิจกรรมทำ ไม่เงียบเหงานจนเกินไป คุณหมอเป็นหัวหอกบุกเบิกพัฒนาที่ดินเพลินจิต
ประสบความสำเร็จอย่างมาก

บุตรชายคนโตของคุณหญิงแทบจะไม่ได้มาเมืองไทยเลย เป็นหนุ่มโสด พอช่วงหมอปชาใกล้สิ้นลม
ม.ร.ว. คนโตก็มาเมืองไทย ขากลับพาเด็กในบ้านกลับไปอังกฤษด้วยค่ะ คุณชายไม่กล้าบอกมารดา
เกรงว่าหม่อมแม่จะขัดขวางว่าเลือกคู่ไม่สมเกียรติ สนุกค่ะ อ่านเล่ม 1 แล้ว ควรหาเล่ม 2 มาอ่านต่อค่ะ