เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: paganini ที่ 22 พ.ย. 02, 01:55



กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 22 พ.ย. 02, 01:55

พอดีครึ้มอกครึ้มใจนึกถึงกลอนท่อนหนึ่งจากนิราศพระบาท(ไม่แน่ใจครับ 555)
"ถึงสามเสนแจ้งความตามสำเหนียก
 แต่ก่อนเรียกสามแสนทั้งกรุงศรี
ประชุมฉุดพุทธรูปในวารี
ไม่เคลื่อนที่ชลธารบาดาลดิน
จึงสาปนามสามแสนเป็นชื่อคุ้ง
เออชาวกรุงกลับเรียกสามเสนสิ้น
นี่หรือรักจักมิน่าเป็นราคิน
แต่ชื่อดินเจียวยังกลายเป็นหลายคำ
ขอใจนุชที่ฉันสุจริตรัก
ให้แน่นหนักเหมือนพุทธรูปเลขาขำ
ถึงแสนคนจะมาวอนชะอ้อนนำ
สักแสนคำอย่าให้เคลื่อนจงเหมือนใจ"
(ผิดพลาดตรงไหนช่วยแก้ด้วยนะครับ เขียนจากความจำ)
สำหรับผมนี่คือกลอนที่สมบูรณ์แบบจริงๆ  เพราะทั้งคำ สัมผัส ความหมายที่ลึกซึ้ง และใจความที่รวบรัดแต่เห็นภาพ   เล่าตำนานแต่ยังใช้ตำนานมาสื่อถึงความในใจ  คือท่านสุนทร(อ้อ  สำหรับน้องๆลืมไปว่ากลอนของท่านสุนทรภู่ครับ)ใช้สองสิ่งจากตำนานเรื่องเดียวนั่นคือ   ความผันแปร(ชื่อสามเสน---ความรัก----ใจนาง 5555 ) และความหนักแน่น(พระพุทธรูป---ใจนางที่เราอยากให้เป็น)และคำอธิษฐานของท่านนั้นสวยงามหยดย้อยที่สุด
"ถึงแสนคนจะมาวอนชะอ้อนนำ
สักแสนคำอย่าให้เคลื่อนจงเหมือนใจ"
เจ๋งเป้ง  จ๊าบป้าบ   นี่ละครับผมว่าความลึกซึ้ง ความเป็นศิลปิน ของท่านสุนทรไม่เป็นรองกวีชาติไหนคนใดในโลกนี้เลย
มีคำเดียวที่ผมให้ท่าน "อัจฉริยกวี"
เพิ่มเติม
บางทีบางวรรคไม่เป็นประโยคเลยนะครับแต่พอเอาคำมาเรียงกันแล้วมองเห็นภาพชัดเจนสื่อความหมายสู่ใจเราโดยตรง
เช่น "ไม่เคลื่อนที่ ชลธาร  บาดาลดิน"
แทนที่จะบอกว่า
"ประชุมฉุดพุทธรูปในวารี
อยู่กับที่  จมในท้อง ชลาสินธุ์"(555 ล้อเล่นนะครับ)
คือของท่านนี่เรานึกออกเลยว่าพระพุทธรูปจมดึงยังไงก็ไม่เคลื่อนที่แต่ถ้าอธิบายมากไปวรรคมันไม่พอและไม่ลงตัวท่านเลยใส่ไว้แค่นั้นแต่คนอ่านรู้เลย(อันนี้ผมวิจารณ์ตามประสาคนไม่รู้นะครับ   เดาเอาไม่มีหลักอะไรเลย ท่านผู้รู้เห็นด้วยไม่เห็นด้วยยังไงก็ขอเชิญสั่งสอนนะครับ)

พอเขียนมาถึงขั้นนี้ก็นึกได้ว่ายังมีวรรคสุดโปรดอีกเยอะ  ขอเก็บไว้ก่อนแล้วกัน ขอฟังท่านทั้งหลายบ้าง


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 02, 17:59
 ตอนพระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวงค่ะ

ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้อยู่ในใต้ฟ้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม่เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมปทุมทอง
เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่
เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป

 http://www.supersongshit.com/songs/4275.htm


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 22 พ.ย. 02, 18:52
 มีหลายบทค่ะ แต่ตอนนี้ที่ขึ้นใจคือ ที่พระฤาษีสอนสุดสาครค่ะ

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

ตอนที่คุณเทาชมพูยกมา ทองรักก็ชอบค่ะ โดยเฉพาะที่เป็นเพลงแล้วขับร้องโดยธงไชย แมคอินไตย์นี่สุดโปรดเลยค่ะ  


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 24 พ.ย. 02, 16:29
 จำได้นิดเดียว
  สารพัดตัดขาดประหลาดนัก
   แต่ตัดรักไม่ขาดประหลาดใจ
  ข้อความก่อนหน้านี้จำไม่ค่อยได้ค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ย. 02, 08:09
 อันหักอื่นขืนหักก็จักได้
หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดขาดประหลาดนัก
แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ

ค่ะ  คุณลิตเติ้ลซัน

อีกตอนหนึ่งค่ะ

หนึ่งว่าอย่าลักเอาของเขาอื่น
มาชมชื่นฉ้อฉลคนโกหก
หนึ่งทำชู้คู่เขาเล่าลามก
จะตายตกในกระทะอเวจี

หนึ่งสูบฝิ่นกินสุรามุสาวาท
ใครทำขาดศีลห้าสิ้นราศี
ใครสัตย์ซื่อถือมั่นในขันตี
จะถึงที่พระนิพพานสำราญใจ

อย่าโกรธขึ้งหึงสาพยาบาท
นึกว่าชาติก่อนกรรมจะทำไฉน
เหมือนดุมวงกงเกวียนอันเวียนไป
อย่าโทษใครนี่เพราะกรรมจึงจำเป็น

ประการหนึ่งซึ่งขาดพระศาสนา
ทั้งโลกาเกิดทุกข์จึงยุคเข็ญ
ซึ่งจะกลับดับร้อนให้ผ่อนเย็น
ก็ต้องเป็นไมตรีปรานีกัน

บทสุดท้ายแม้สุนทรภู่เขียนมา ๒๐๐ ปีแล้ว ก็ยังใช้ได้ทันสมัยมากในโลกปัจจุบัน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 25 พ.ย. 02, 19:03
 ขอบคุณค่ะคุณ เท่าชมพู


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 26 พ.ย. 02, 08:44
 อันนี้ขอมอบแด่ Little Sun ครับเพราะมันคล้ายๆกัน

ถึงต้องง้าวหลาวแหลนสักแสนเล่ม
แม้ติดเต็มตัวฉุดพอหลุดถอน
แต่ต้องตาพาใจอาลัยวรณ์
สุดจะถอนทิ้งขว้างเสียกลางคัน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 26 พ.ย. 02, 10:23
 มีชอบอยู่หลายบทค่ะ แต่ระยะนี้กำลังประทับใจอยู่กับ บทประพันธ์ประเภท ฉันท์ ด้านล่างนี้จากเรื่องมัทนพาธา บทแรกเป็นความในใจของท้าวชัยเสนที่มีต่อนางมัทนา
โอ้โอ๋กระไรเลย
 บมิเคยณก่อนกาล
พอเห็นก็ทราบส้าน ฤดิรักบหักหาย
ยิ่งยลวะนิดา ละก็ยิ่งจะร้อนคล้าย
เพลิงรุมประชุมภาย ณ อุราบลาลด...

บทนี้เป็นความในใจของนางมัทนาค่ะ
คราใดประสพเนตร์ ฤก็เราละร้อนและหนาว
เธอไกลก็ดูราว นภะไร้ตวันและเดือน

ชอบทั้ง 2 บทเลยค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 26 พ.ย. 02, 12:01
 เคยผ่านตา ขุนช้างขุนแผนอยู่สำนวนหนึ่ง  รู้สึกว่าของครู.... จำชื่อท่านไม่ได้แล้ว   จำได้ติดหัวอยูวรรคเดียว   พยายามถามหาส่วนที่เหลือ  ยังไม่พบ  ใครรู้ช่วยสงเคราะห์หน่อยนะครับ  ติดใจสงสัยมานานแล้ว   ส่วนที่จำได้ก็มีว่า

.....นาภีแนบนาภีสนิทเนื้อ.....

หรืออะไรทำนองนี้แหละ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 26 พ.ย. 02, 12:15
 ขอบคุณค่ะคุณpaganiniที่มอบให้ขอบคุณจากใจ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 27 พ.ย. 02, 10:43
 สมัยเด็กๆเจอกลอนบทนี้บนปกสมุดเขียนเล่มละบาท
"เปลวเทียนละลายแท่ง
เพื่อเปล่งแสงอันอำไพ
ชีวิตมลายไป
ทิ้งอะไรเอาไว้แทน"


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 02, 11:00
 พฤกษภกาสร
อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง
สำคัญหมายในกายมี

นรชาติวางวาย
มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี
ประดับไว้ในโลกา

ขอโทษ ออกห่างสุนทรภู่ไปถึงสมเด็จกรมพระปรามานุชิตค่ะ

คำถามของคุณถาวภักดิ์ ดิฉันจำไม่ได้ว่ามีในขุนช้างขุนแผน  เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องชาวบ้าน ใช้ภาษาง่ายๆ ไม่น่าจะมีคำว่า นาภี
จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า มีในลิลิตพระลอ ค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 27 พ.ย. 02, 12:00
 เห็นคุณเทาชมพูพูดถึง ลิลิตพระลอ
เลยนึกถึงโคลงบทนี้ขึ้นมาได้ค่ะ
เป็นอีกบทหนึ่งที่ชอบมากค่ะ

ใดใดในโลกล้วน......อนิจจัง

คงแต่บาปบุญยัง......เที่ยงแท้

คือเงาติดตัวตรัง.......ตรึงแน่น อยู่นา

ตามแต่บาปบุญแล้....ก่อเกื้อรักษา


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 27 พ.ย. 02, 13:39
 ลมสารทโชยฉ่ำชื่น    จันทร์คืนสารทแสงเด่นงาม
ใบไม้ร่วงสุมซ่านตาม   ยามหนาวนกเนาว์หวาดบิน
สุดถวิลจะพบกันวันใดเล่า   ยามราตรีนี้เศร้าสุดจินต์

หลี่ป๋อ
พากษ์ไทยอย่างแนบเนียนโดย  ถาวร  ศิกขโกศล


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 27 พ.ย. 02, 13:43
 โคลงโลกนิติรึเปล่าครับคุณทองรัก?
5555  คุณเทาชมพู  นับว่าผมโยนกระเบื้องล่อหยกโดยแท้
แต่กระเบื้องที่ผมโยนก็ใช้ด้อยค่านะ กระชับแต่กินความลึกซึ้ง ไม่รู้ว่าใครแต่ง


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ย. 02, 14:11
 หาหยกมาให้อีกชิ้นหนึ่งค่ะ  อย่าโยนกระเบื้อง
กระเบื้องพอสเลนมันแพง
ถ้าเป็นกระเบื้องจารยิ่งต้องระวังรักษาให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
****************
เทียบทุกคำที่เขียนคือเทียนไข
ผู้เผาไหม้ตัวเองเพื่อเปล่งแสง
ยิ่งค่าความงามเทิดเจิดแจรง
ยิ่งเสียดแทงหัทยางค์ให้ร้างเลย

อย่าให้เหมือนใบศรีที่เบิกขวัญ
พอเสร็จพลันเป็นใบตองนะน้องเอ๋ย
ถนอมหน่อยอย่าลอยร้างไปอย่างเคย
เก็บไว้เชยเมื่อช้ำเช็ดน้ำตา

จาก ใบศรี
ในหนังสือ คำหยาด ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 27 พ.ย. 02, 16:16
 โคลงบทนั้นมาจากลิลิตพระลอค่ะ คุณ Paganini
ไม่ใช่โคลงโลกนิติ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 27 พ.ย. 02, 17:26
 ปรียทรรศิกา - พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ ค่ะ

เสียงหงส์ทองร้องระหริ่งหวาน   ดุจะปิยะนริคราญ   ใส่กำไลผ่าน   สบายกรรณ;
เห็นเรือนหลวงเลิดวิไลฉัน   ณตรุและชลอัน   ส่งสง่าสรรพ์   สบายเนตร;
หอมกลิ่นบัวหลวงภิรมเยศ   กมลวิมลเกสร์   ส่งสุคนธ์เศรษฐ์   สบายฆาน;
ลมเย็นรวยรื่นเพราะพัดผ่าน   ชลธิสรสถาน   ถูก ณ กายซ่าน   สบายกาย.


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 28 พ.ย. 02, 08:38
 Fathomed deep through the sea       may be.
Measurable is the sea          in depth.
Scaled can mountains be       in height.
Immeasurable is the depth       this heart of man.

ขอบคุณ คุณเทาชมพูครับ  และขอนำเสนอร้อยกรองเข้าประกวดอีก 1 บทครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 02, 09:01
 ขออนุญาตแปลของคุณถาวภักดิ์ค่ะ
พระสมุทรสุดลึกล้น.....คณนา
สายดิ่งทิ้งทอดมา........หยั่งได้
เขาสูงอาจวัดวา...........กำหนด
จิตมนุษย์นี้ไซร้.............ยากแท้หยั่งถึง

จาก โคลงโลกนิติ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 28 พ.ย. 02, 10:16
 เอามั่ง

เรื่องทะเลนั้นพี่พอรู้
แต่เรื่องเจ้าชู้มิรู้จะทำฉันใด
หยั่งทะเลพอคะเนดูได้
แต่ความรักเกินครวญใคร่
ลึกเท่าไหร่ มิรู้หยั่งถึง

ท่าฉลอม  โดย  ชาลี  อินทรวิจิตร

อยากทราบว่าที่คุณเถาวภักดิ์ post มาคือคำแปลของโคลงโลกนิติรึเปล่าครับ โดยใครครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 28 พ.ย. 02, 17:09
 น่าจะเป็นรัชกาลที่ ๖ นะคะ ท่านทรงแปลโคลงโลกนิติไว้หลายบท


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 28 พ.ย. 02, 22:26
 คลับคล้ายคลับคลาว่า โคลงสี่สุภาพภาษาอังกฤษนั่น เหมือนเป็นฝีปากอาจารย์ มรว.เสนีย์ ปราโมช ครับ ท่านชอบเล่นถอดโคลงสี่ไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยคงฉันทลักษณ์โคลงสี่ไทยไว้ด้วย
Fathomed deep though the sea.......may be,
Measurable is the sea...........in depth,
Scaled can mountains be........in height,
Imeasurable is the depth.........this heart of man.

ส่วนของผม ชอบวรรคทองหลายบทมาก ทั้งที่เป็นโคลง กลอน กาพย์ ฯลฯ
อย่าง นาภีแนบนาภี ..... สนิทเนื้อ ก็เคยชอบ แต่นึกไม่ออกแล้วว่ามาจากไหน และบทที่เหลือว่ายังไง ดูรูปหน้าตาน่าจะเป็นโคลงครับ ถ้าเป็นบาทหนึ่งของโคลงก็ควรจะอยู่ในลิลิตพระลอมากกว่าขุนช้างขุนแผน ข้อสำคัญในลิลิตพระลอตอนที่โป๊ที่สุดมีโคลงสองอยู่บทหนึ่งที่เนื้อความใกล้เคียงกัน คือตอนที่พระลอกับพระเพื่อนหรือพระแพงก็ไม่รู้ละ xxx (ติดเรท) กวีบรรยายว่า
...นมแนบนมนิ่มน้อง ท้องแนบท้องโอ่ท้อง อุ่นท้องทรามสงวนฯ
ว้าวววววววว...

เอาอารมณ์อื่นบ้างดีกว่า
อุรารานร้าวแยก.....ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ....ท่าวดิ้น
(บุ๋งๆๆๆๆๆๆๆ)
วายชิวาตม์สุดสิ้น ....สู่ฟ้าเสวยสวรรค์ฯ
เตลงพ่าย ครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 28 พ.ย. 02, 22:33
 โอย......โดนจับได้อีกแล้วว่าเรามั่ว  


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 29 พ.ย. 02, 01:29
 หาเป็นไรไม่คุณ caeruleus คุณนิลฯ ท่านดำน้ำได้สลวยมาก ฮ่าๆๆๆๆ  โคลงนั้นเป็นฉากอวสานของยอดคนท่านไหนครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เปิดหูเปิดตาให้กระผมได้รับทราบกลอน(ขอเรียกรวมๆแล้วกันนะ)ดีๆเยอะขึ้น  สังเกตว่าจะมีรสนิยมอยู่ 2 แบบคือ กลอนที่ภาษาสวยงามวิลิศมาหรา  และกลอนที่มีความหมายลึกซึ้งแสดงอารมณ์
ผมชอบแบบหลังมากกว่าครับเพราะว่าภาษานับวันก็จะแปรผันไปกลอนโบราณ ใช้คำโบราณ แม้สูงส่งล้ำค่าแต่ยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจเช่นผมเป็นต้น แหะๆๆ
ถ้าเทียบกับกลอนที่กล่าวถึงอารมณ์ความรู้สึกแม้ภาษาจะเรียบง่ายแต่ชนรุ่นหลังสามารถรับรู้ความในใจของกวีโดยง่าย
กิมย้งกล่าวว่าอารมณ์ของมนุษย์เป็นสิ่งร่วมกันของมนุษยชาติบทประพันธ์ที่กล่าวถึงอารมณ์แม้กาลเวลาผ่านไปยังมีคนซาบซึ้งเสมอเช่นอันนี้

เสียเจ้า
     ๑.เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง     มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า
มิหวังกระทั่งฟากฟ้า ซบหน้าติดดินกินทรายฯ
     ๒.จะเจ็บจำไปถึงปรโลก     ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย     อย่าหมายว่าจะให้หัวใจฯ
     ๓.ถ้าเจ้าอุบัติบนสวรรค์     ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้
สูเป็นไฟเราเป็นไม้     ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณฯ
     ๔.แม้แต่ธุลีมิอาลัย     ลืมเจ้าไซร้ชั่วกัลปาวสาน
ถ้าชาติไหนเกิดไปพบพาน จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตาฯ
     ๕.ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า     ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า
เพื่อจดจำพิษช้ำนานา     ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอยฯ

อังคาร กัลยาณพงศ์

  จากเวปนี้ครับ
 http://www.geocities.com/thailiterature/ak1.htm


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 29 พ.ย. 02, 02:24
 ไม่ได้มาจากวรรณคดี แต่ชอบค่ะ

โคลง..สยามานุสสติ
@ รักราช จงจิตน้อม...........ภักดี ท่านนา
รักชาติ์ กอบกรณีย์.............แน่วไว้
รักศาสน์ กอบบุญตรี..........สุจริต ถ้วนเทอญ
รักศักดิ์ จงจิตให้................โลกซร้องสรรเสริญฯ

@ ยามเดินยืนนั่งน้อม.........กะมล
รำลึกถึงเทศตน..................อยู่ยั้ง
เปนรัฏฐะมณฑล...............ไทยอยู่ สราญฮา
ควรถนอมแน่นตั้ง...............อยู่เพี้ยงอวสานฯ

@ ใครรานใครรุกด้าว..........แดนไทย
ไทยรบจนสุดใจ..................ขาดดิ้น
เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล.........ยอมสละ สิ้นแล
เสียชีพไป่เสียสิ้น................ชื่อก้องเกียรติงามฯ

@ หากสยามยังอยู่ยั้ง.........ยืนยง
เราก็เหมือนอยู่คง...............ชีพด้วย
หากสยามพินาศลง............ไทยอยู่ ได้ฤา
เราก็เหมือนมอดม้วย...........หมดสิ้นสกุลไทยฯ

ขอโทษนะคะที่ยกมาแต่พระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๖ พอดีมีหนังสืออ้างอิงแค่เล่มเดียว (แล้วก็ชอบโคลงและกลอนของท่านหลายบทมากๆ)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 29 พ.ย. 02, 08:10
 พอดีมีหนังสือ ลิลิตเตลงพ่ายอยู่ในมือค่ะ
เลยขออนุญาตคุณนิลกังขา ต่อโคลงบทนั้นให้จบนะคะ

อุราราญร้าวแยก...........ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ.........ท่าวดิ้น
เหนือตอคชซรอนซรบ....สังเวช
วายชีวาตม์สุดสิ้น...........สู่ฟ้าเสวยสวรรค์ ฯ

เป็นบทบรรยายการสิ้นพระชนม์ของพระมหาอุปราชาแห่งพม่า
ในการทำสงครามยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชค่ะ

ในลิลิตเตลพ่ายนี้มีบทชมนกชมไม้ที่ทองรักชอบมากจำได้ขึ้นใจอยู่บทนึงค่ะ บางตอนของโคลบทนี้เคยมีนักประพันธ์ท่านหนึ่งนำมาตั้งเป็นชื่อนวนิยายของท่านด้วยค่ะ มีใครชอบโคลงบทนี้เหมือนทองรักบ้างไหมคะ

สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง............ยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ห์หาย.............ห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย......................วางเทวศ ราแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้า................หยุดได้  ฉันใด ฯ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 29 พ.ย. 02, 08:11
 มีร้อยกรองอันไหนที่พูดถึงดวงดาว หรือจักรวาลบ้างไหมครับ
ขอผมซักบทเถอะ หวานๆ หน่อยก็ได้ อิอิ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 29 พ.ย. 02, 08:20
 ตอนนี้นึกได้แต่บทนี้ค่ะคุณจ้อ แถมจำไม่ได้อีกว่าใครแต่ง

นอนนับดาวที่บนฟ้า..........อยากหยิบดาราดวงไหน
เอื้อมไม่ถึงเพราะรู้ว่าไกล...เก็บมาไม่ได้ก็ไม่ตรม

ขอเวลาไปนั่งนึกก่อนนะคะว่ามีบทกลอนหวาน ๆ บทไหนบ้าง
แล้วจะเอามาฝากใหม่ ว่าแต่ว่ามันชักยังไง ๆ อยู่นานถามหาบทกลอนหวาน ๆ เกี่ยวกับดวงดาวแต่เช้านี่น่ะ    


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 29 พ.ย. 02, 09:11
 ถูกแล้วครับคุณหลวงนิลฯ  เป็นของอาจารย์เสนีย์ฯ  ความจริงท่านแปลไว้หลายบท  แต่จำติดหัวได้ตอนนี้อยู่บทเดียว

นอกจานี้ยังมีกาพย์ ทำนองเดียวกัน คือ

....สองคนยลตามช่อง.........คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
อีกคนตาแหลมคม..............มองเห็นดาวอยู่พราวพราย

Two men see through bars.
One sees mud.
The other, stars.

ความแปลกอยู่ที่ว่า version ภาษาอังกฤษนั้น แต่งโดยคนไทย  ระหว่างต้องโทษการเมือง  คลับคลาคลับคลาว่าเป็น คดีกบฎบวรเดช  คิดว่าคือ สอ เสฐบุตร

ส่วนผู้แปลเป็นไทยกลับเป็นฝรั่ง คือ บราเธอร์ฮีแลย์ผู้โด่งดังแห่งโรงเรียนอัสสัมชันนั่นเอง


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 29 พ.ย. 02, 09:22
 สักวาดาวจรเข้ก็เหหก
ศีรษะตกหันหางขึ้นกลางหาว
เป็นวันแรมแจ้มแจ้งด้วยแสงดาว
น้ำค้างพราว..............

ขออภัยค่ะ มาไม่เต็มบท จำได้แค่เนี้ยเองค่ะ จำได้ว่าเคยท่องสมัยเรียน มีการวิเคราะห์กันด้วยค่ะ ว่าบทสักวานี้น่าจะแต่งช่วงที่ดาวจรเข้จะลับขอบฟ้าแล้ว หางของจรเข้จึงชี้ขึ้น น่าจะเป็นช่วงใกล้รุ่งสาง


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 29 พ.ย. 02, 09:34
 สักวาดาวจรเข้ก็เหหก
ศีรษะตกหันหางขึ้นกลางหาว
เป็นคืนแรมแจ่มแจ้งด้วยแสงดาว
น้ำค้างพราวปรายโปรยโรยละออง
ลมเรื่อยเรื่อยเฉื่อยฉิวต้องผิวเนื้อ
ความหนาวเหลือทานทนกมลหมอง
สกุณาดุเหว่าก็เร่าร้อง
ดูแสงทองจับฟ้าขอลาเอย

ไปค้นมาแล้วค่ะ จาก http://faylicity.com/echo/echo0.html
ไม่ค่อยหวานเท่าไรนะคะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 29 พ.ย. 02, 12:07
ขอบคุณครับผม ...

จริงๆแล้วก็ไม่ได้โรแมนติกกับใครหรอกครับ
กำลังหากลอนมาประกอบการบรรยายวิชาจักรวาลวิทยาอยู่นะครับ แหะๆ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ฝอยฝน ที่ 29 พ.ย. 02, 14:48
 กลอนเสภาขุนช้างขุนแผน ฉบับครูแจ้ง  ที่ฮือฮากันมากหน่อย มีตัวอย่างอยู่ในฉบับเขียนใหม่ ของคุณชายคึกฤทธิ์ และฉบับของศิลปวัฒนธรรมเล่าถึงตอน ขุนแผน ผ่าท้องบัวคลี่ทำกุมารทอง กับตอน นางศรีประจันส่งตัวนางพิมเข้าหอกับพลายแก้วค่ะ แต่จะมาใส่ไว้กระทู้นี้เกรงจะไม่งามนะคะ

ส่วนบทนี้...
....สองคนยลตามช่อง.........คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
อีกคนตาแหลมคม..............มองเห็นดาวอยู่พราวพราย

เคยเป็นข้อสอบตอนเรียนปริญญตรี ถ้าจำไม่ผิดวิชา concept design ค่ะ      


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 30 พ.ย. 02, 11:56
 โธ่  คุณฝอยฝนครับ  ถ้าอย่างเราๆไม่ช่วยกันนำมาแลกเปลี่ยนความรู้กันแล้ว  ต่อๆไปจะเหลือหรือครับ  ความงามมีอยู่ในทุกแง่มุมตามแต่เจ้าของสายตานั้นจะเล็งเห็นนะครับ  แต่เท่าที่จำได้สำนวนของเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ก็นับเป็นสุดยอดฝีมือในยุทธภพ  อ่านแล้วขนลุกซู่เลยเชียว

นึกโคลงของอาจารย์เสนีย์ได้อีกบท  ขอนำเสนอครับ

Born men are we all............and one,
brown, black by the sun.......culture.
Knowledge can be won........alike.
Only heart differs................from man to man.

ใครจะช่วยภาคภาษาไทยก็ยินดีนะครับ  เพราะความจำผมมันเป็นแบบ sequencial access  กว่าจะงัดออกมาได้แต่ละอย่าง ต้องรอกันเหงือกแห้ง


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 30 พ.ย. 02, 12:18
 ฝูงชนกำเนิดคล้าย       คลึงกัน
......ผิวพรรณ             ..........
ความรู้อาจเรียนทัน    กันหมด
ผิแต่ชั่วดีกระด้าง       ห่อนแก้ ฤาไหว
555555555555   บุ๋งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 30 พ.ย. 02, 20:05
 เรามีหนังสือกลอนอยู่ในมือ  
     
ฟ้าสวยด้วยดาว   ดาวสวยด้วยฟ้า
คืนค่ำแห่งการล่ำลา  น้ำตาสวยเพียงใด
หยาดสวยเพียงดาว  แวววาวดุจแก้วใส
   เอ่อท้นล้นใจ   ลูบไล้นัยต์ตา
กว่าจะถึงพรุ่งนี้    บางทีที่ปลายฟ้า
อาจจะมีดาวล่วงลงมา   หล่นลงตระกร้าความรงจำ
เราจะอธิฐาน       ตราบนานเท่านานลึกล้ำ
ขอให้มิตรภาพยังคงงดงาม  ให้เราได้ดื่มด่ำชื่นใจ
ฟ้าสวยด้วยดาว      ดาวสวยเพียงไหน
ดาวรักฟ้าเพียงใด   เรารักมิตรภาพเพียงนั้น
ฟังนะมิ่งมิตร       ชีวิตเหมือนฝัน
เกิดมาเพื่อผูกพัน   รับขวัญเพื่อลับลา
 ขอให้โชคดี     ระหว่างที่แสวงหา
วันหนึ่งเราจะกลับมา   นั่งมองฟ้าด้วยกัน
 ผู้แต่ง กุดจี่  จากนิทานพระจันร์และคืนวันระหว่างเรา
     เกี่ยวกับจักวาลแต่งโดยเด็กขี้แย
จักวาลกว้างใหญ่สุดจะคณานับ
ทั้งลี้ลับน่าพิศวงชวนสงสัย
ไม่รู้ว่าถือกำเนิดเกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อไรหนอเราจักได้ล่วงรู้ถึงความจริง


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 01 ธ.ค. 02, 17:31
 ฝูงชนกำเนิดคล้าย...คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศ.........ผิวพรรณ แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน..กันหมด
เว้นแต่ชั่วดีกระด้าง.....ห่อนแก้ ฤาไหว

ไม่แน่ใจว่าถูกหมดหรือเปล่านะคะ พอดีไม่มีหนังสืออยู่ในมือค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 02 ธ.ค. 02, 09:35
 อาจารย์สอนภาษาไทยเคยเล่าถึงโคลงบทหนึ่งที่ศรีปราชญ์แต่ง จำได้ว่าขำกันมากเลยค่ะ
เรียมร่ำเนตรท่วม            ถึงพรหม
พาหมู่สัตว์จม                ชีพม้วย มรณา
พสุธาเปื่อย...ตรม          ..........
หาก... ช่วย                   พี่ไว้ จึ่งคง

เนื้อความประมาณว่าท่านศรีปราชญ์อกหัก เศร้าเสียใจมาก ร้องไห้จนน้ำท่วมโลก แผ่นดินถล่ม สัตว์ทั้งหลายก็พากันตาย พอแต่งมาได้เท่านี้ คนฟังคงจะเกิดหมั่นไส้เลยขัดว่าแล้วถ้าอย่างนั้นเนี่ย ตัวท่านศรีปราชญ์น่ะรอดมาได้อย่างไร บาทสุดท้ายเลยหักมุมจบพอดีค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 02 ธ.ค. 02, 09:43
 พูดถึงกลอนอกหัก  นึกได้บทหนึ่งที่ว่า

"เจ้าเห็นเขางาม............เจ้าก็ตามเขาไป
เขาทำเจ้ายับ................เจ้ากลับมาใย"

จำได้ทำนองว่าเป็นส่วนหนึ่งของตำนานรัก  ตำนานหนึ่งในรั้วในวังสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์  ใครพอทราบรายละเอียด  ลองขยับๆให้เพื่อนๆฟังบ้างซิครับ

โคลงอาจารย์เสนีย์  บรรทัดสุดท้าย  รู้สึกว่าผมจะเขียนตกไป  ที่ถูกน่าจะเป็น

"Only the heart differs.............from man to man."


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 02, 10:35
มาจาก ประวัติศรีปราชญ์ เรียบเรียงโดยพระยาปริยัติธรรมธาดาค่ะ

เรียมร่ำน้ำเนตรถ้วม.........ถึงพรหม
พาเทพเจ้าจ่อมจม..........ตกม้วย
เขาพระเมรุเปี่อยเป็นตม..ทบท่าว ลงนา
หากอกนิษฐ์พรหมฉ้วย.....พี่ไว้จึ่งคง

ส่วนอีกบทที่คุณถาวภักดิ์ถาม  เป็นพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ  หมายถึงคุณพุ่ม กวีหญิง หรือบุษบาท่าเรือจ้าง   เพราะเธอทูลลาออกจากตำแหน่งคุณพนักงานในพระบรมมหาราชวัง เพื่อไปเป็นหม่อมของเจ้าฟ้าจุฑามณี (ต่อมาคือสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ)  
ต่อมาอยู่ไม่ได้ก็กลับเข้ามาในวังหลวงใหม่   สมเด็จพระนั่งเกล้าท่านก็ไม่ว่าอะไร  นอกจากจะขับบทนี้

เจ้าช่อมะกอก  เจ้าดอกมะไฟ
เจ้าเห็นเขางาม   เจ้าตามเขาไป
เขาทำเจ้ายับ   เจ้ากลับมาไย
เขาสิ้นอาลัย  เจ้าแล้วหรือเอย

ก็คงเป็นการเหน็บแนมกันเล่นๆ ไม่มากไปกว่านั้น  คุณพุ่มก็ยังเป็นชาววังได้เช่นเดิม   แต่ไม่เคยได้เป็นเจ้าจอมของพระเจ้าแผ่นดิน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 03 ธ.ค. 02, 21:08
 ทองรักเคยชอบโคลงอยู่บทหนึ่งค่ะ
ไม่แน่ใจว่าเป็นโคลงโลกนิติ์หรือเปล่า
ความหมายของโคลงบทนี้เป็นการกล่าวถึง
คนที่รักเกียรติศักดิ์ยิ่งชีวิตน่ะค่ะ
โดยนำไปเปรียบเทียบกับตัวจามรี
แต่ทองรักจำได้แค่สองบาทแรกเท่านั้นเองค่ะ

จามรีขนข้องอยู่..................หยุดปลด
ชีพบ่รักรักยศ.....................ยิ่งไซร้

ไม่ทราบว่ามีท่านใดจำบทเต็ม ๆ ได้บ้างคะ ช่วยโพสต์ให้หน่อย
จะขอบพระคุณมากเลยค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 07 ธ.ค. 02, 14:13
 เอ ทำไมส่งไม่ได้หว่า


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 07 ธ.ค. 02, 19:57
 ลองดูอีกที
มีชอบหลายบทค่ะ
ที่จำได้ก็มี

"ฉุกใจได้คิดสิการแล้ว
ดังดวงแก้วตกต้องแผ่นผา
ร้าวrayamช้ำจิตเจ็บอุรา
ประหนึ่งว่าจะวายชีวี"

แล้วบทนี้ก็ติดอยู่ในความทรงจำมาก
เข้าใจว่าจะมาจากเรื่องพระอภัยมณี เอ หรือขุนแผนกันแน่  

"เห็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก
แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล......."  
อ่านแล้วกลุ้มใจ  เมื่อไรจะแต่งได้อย่างนี้บ้าง


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 07 ธ.ค. 02, 19:58
 เย้ ส่งได้แล้ววว
มาฝากเนื้อฝากตัวค่ะ
เป็นคนหน้าใหม่ของเรือนไทยยุคมีพาสเวิร์ด
ทักทายเพื่อน ๆทุกคนค่ะ
แล้วจะมาใหม่


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 07 ธ.ค. 02, 19:59
 เย้ ส่งได้แล้ววว
มาฝากเนื้อฝากตัวค่ะ
เป็นคนหน้าใหม่ของเรือนไทยยุคมีพาสเวิร์ด
ทักทายเพื่อน ๆทุกคนค่ะ
แล้วจะมาใหม่


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 08 ธ.ค. 02, 10:03
 คุณดาฯยกมาแต่ของสุนทรภู่รึเปล่า
และบทสุดท้ายนี่นี่เอาให้จบสิครับ  ไม่รู้จักเหมือนกัน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 09 ธ.ค. 02, 00:04
 กำลังหาอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่ามาจากไหน ถ้าเจอแล้วจะเอามาแปะให้นะคะ
วรรคทองแรกมาจากอิเหนาค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 09 ธ.ค. 02, 06:54
 มาต้อนรับคุณดาหาชาดาครับ ดีใจที่เห็นคุณดาหาฯ เข้ามาเล่นอีกครับหลังจากไม่ได้เห็นกันนาน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 02, 07:52
 สวัสดีค่ะคุณดาหาชาดา
ขอต่อให้จนจบนะคะ เพราะเป็นบทที่ชอบมากเช่นกัน มาจากขุนช้างขุนแผนค่ะ
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล
บ้างเหมือนพู่กลิ่นร้อยห้อยเรียงราย


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 09 ธ.ค. 02, 14:06
 หวัดดีคุณนิลกังขากะคุณเทาชมพูด้วยค่ะ
ยังหาไม่เจอเลยค่ะ  อยู่แถว ๆตอนไหนพอจะนึกออกไหมคะ
เคยท่องเมื่อตอนเด็ก  ๆ   ชอบมาก
ขุนช้างขุนแผนกับพระอภัยมณีอ่านตอนผู้ใหญ่ซาบซื้งใจผิดกับตอนท่องปาว ๆเพื่อที่จะสอบเอ็นทรานซ์เยอะ  โดยเฉพาะขุนช้างขุนแผนนี่เป็นเพชรแท้เทียวค่ะ อ่านเมื่อไรเห็นความวาววาม คมกริบเมื่อนั้น  
แล้วก็ยังมีลิลิตพระลออีกเล่ม  อ่านเมื่อไรก็ชื่นใจ เป็นความงามที่ให้เสพได้ไม่มีวันหมด  ยิ่งพินิจก็ยิ่งลึก  
ส่วนรามเกียรติ์กับอิเหนา อลังการณ์ดี ์ บางบทบรรยายก็สวยงามมลังมเลืองเหลือเกิน แต่ไม่สัมผัสลึกเข้าไปถึงอารมณ์เหมือนสามเล่มแรกค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 09 ธ.ค. 02, 17:13
 เจอแล้วค่ะ   อยู่ตอนที่ขุนแผนพลายงามยกทัพไปตีเชียงใหม่

"ยกออกนอกเมืองสวรรคโลก      ข้ามโคกเข้าป่าพนาศรี
เจ้าพลายกระสันพันทวี           รำลึกถึงนารีศรีมาลา
ถ้าแม้นแก้วตามาด้วยพี่            จะชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา
คิดพลางเดินพลางตามทางมา    ข้ามท่าเขินเขาลำเนาธาร
แลเห็นเขาเง้าเงื้อมชะง่อนโงก    เป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน
โครมคึกกึกก้องท้องพนานต์    พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์
เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก       แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล     บ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย
ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผิน      ชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย
ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทลาย       เป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย
บ้างเป็นยอดกอดก่ายตะเกะตะกะ    ตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย
ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อย      บ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ
บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลม   บ้างโปปมเป็นปุ่มกระปุบกระปิบ
บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบ            โล่งตลิดแลตลอดยอดศิขรินทร์
เหล่ามิ่งไม้ไทรโศกอยู่ริมห้วย       ลมชวยหล่นลอยกระแสสินธุ์
น้ำใสแลซึ้งถึงพื้นดิน           ฟุ้งกลิ่นสุมามาลย์บานระย้า
สัตตบุษย์บัวแดงขึ้นแฝงฝัก     พันผักพาดผ่านก้านบุปผา
แพงพวยพุ่งพาดพันสันตะวา          ลอยคงคาทอดยอดไปตามธาร
สาหร่ายเรียงเคียงทับกระจับจอก    ผักบุ้งงอกยอดชูดูสะอ้าน
ภุมรินบินเคล้าสุมามาลย์            ในธาราปลาพล่านตระการตา  ฯ

ให้อ่านยาวเลย คนแต่งต้องเป็นคนที่เก่งภาษาไทยเอามาก ๆ เข้าใจเรื่องการบรรยายภาพโดยใช้เสียงอย่างหาที่ติมิได้     ชอบที่เขาบรรยายถึงหิน เขา จะใช้เสียงสั้น หนักให้เห็นภาพความเว้าแหว่ง แง่คมของหิน   พอย้ายมาบรรยายน้ำ ก็ใช้เสียงเบา ฟังสบายรื่นหูชื่นอารมณ์    อย่างนี้เวลาขับเสภาออกมาคงจะน่าฟังมาก    อ่านแล้วก็เลยคิดไปถึงว่าการมีภาพถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวตลอดจนวิทยุเทปก็เลยทำให้คนเราสูญเสียความสามารถในการบรรยายเสียง  ภาพไปเยอะนะคะ   เพราะคิดแล้ว่าภาพหนึ่งภาพเท่ากับคำพันคำ   กลอนบทนี้พิสูจน์ได้ว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นจริง  แต่เราก็พลาดที่จะได้เสพความอิ่มเอมใจจากจินตนาการที่สร้างขึ้นด้วย"น้ำคำ"ของมนุษย์ล้วน ๆไป.....เพ้อเจ้อมากแล้วกลับไปทำงานต่อดีกว่า


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 09 ธ.ค. 02, 17:14
 เจอแล้วค่ะ   อยู่ตอนที่ขุนแผนพลายงามยกทัพไปตีเชียงใหม่

"ยกออกนอกเมืองสวรรคโลก      ข้ามโคกเข้าป่าพนาศรี
เจ้าพลายกระสันพันทวี           รำลึกถึงนารีศรีมาลา
ถ้าแม้นแก้วตามาด้วยพี่            จะชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา
คิดพลางเดินพลางตามทางมา    ข้ามท่าเขินเขาลำเนาธาร
แลเห็นเขาเง้าเงื้อมชะง่อนโงก    เป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน
โครมคึกกึกก้องท้องพนานต์    พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์
เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก       แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล     บ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย
ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผิน      ชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย
ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทลาย       เป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย
บ้างเป็นยอดกอดก่ายตะเกะตะกะ    ตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย
ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อย      บ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ
บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลม   บ้างโปปมเป็นปุ่มกระปุบกระปิบ
บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบ            โล่งตลิดแลตลอดยอดศิขรินทร์
เหล่ามิ่งไม้ไทรโศกอยู่ริมห้วย       ลมชวยหล่นลอยกระแสสินธุ์
น้ำใสแลซึ้งถึงพื้นดิน           ฟุ้งกลิ่นสุมามาลย์บานระย้า
สัตตบุษย์บัวแดงขึ้นแฝงฝัก     พันผักพาดผ่านก้านบุปผา
แพงพวยพุ่งพาดพันสันตะวา          ลอยคงคาทอดยอดไปตามธาร
สาหร่ายเรียงเคียงทับกระจับจอก    ผักบุ้งงอกยอดชูดูสะอ้าน
ภุมรินบินเคล้าสุมามาลย์            ในธาราปลาพล่านตระการตา  ฯ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 09 ธ.ค. 02, 17:15
 - ยกออกนอกเมืองสวรรคโลก      ข้ามโคกเข้าป่าพนาศรี
เจ้าพลายkrasanพันทวี           รำลึกถึงนารีศรีมาลา
ถ้าแม้นแก้วตามาด้วยพี่            จะชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา
คิดพลางเดินพลางตามทางมา    ข้ามท่าเขินเขาลำเนาธาร
แลเห็นเขาเง้าเงื้อมชะง่อนโงก    เป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน
โครมคึกกึกก้องท้องพนานต์    พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์
เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก       แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล     บ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย
ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผิน      ชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย
ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทลาย       เป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย
บ้างเป็นยอดกอดก่ายตะเกะตะกะ    ตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย
ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อย      บ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ
บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลม   บ้างโปปมเป็นปุ่มกระปุบกระปิบ
บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบ            โล่งตลิดแลตลอดยอดศิขรินทร์
เหล่ามิ่งไม้ไทรโศกอยู่ริมห้วย       ลมชวยหล่นลอยกระแสสินธุ์
น้ำใสแลซึ้งถึงพื้นดิน           ฟุ้งกลิ่นสุมามาลย์บานระย้า
สัตตบุษย์บัวแดงขึ้นแฝงฝัก     พันผักพาดผ่านก้านบุปผา
แพงพวยพุ่งพาดพันสันตะวา          ลอยคงคาทอดยอดไปตามธาร
สาหร่ายเรียงเคียงทับกระจับจอก    ผักบุ้งงอกยอดชูดูสะอ้าน
ภุมรินบินเคล้าสุมามาลย์            ในธาราปลาพล่านตระการตา  ฯ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 09 ธ.ค. 02, 17:19
 อ้าวแล้วทำไมส่งหลายหนขนาดนั้น
ครือพยายามทำให้วรรคมันขาดกันอ่านจะได้สะดวกขึ้นน่ะค่ะ
แล้วไม่ได้refresh คิดว่ามีคำหยาบเลยส่งไม่เข้า
สมาชิกให้อภัยแก่สติปัญญาอันน้อยนิดของข้าพเจ้าด้วยเทอญ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 11 ธ.ค. 02, 15:28
 โห หายไปไหนกันหมดคะนี่
สงสัยหยุดยาวกันหมดเลย
เหลือเราอยู่โยงคนเดียว
ไม่เป็นไรเพิ่มเรตติ้ง

"ลูกเอ๋ย ไม่เคยรู้รสร้าย
ที่ความรักกลับกลายแล้วหน่ายหนี
อันเจ็บปวดยวดยิ่งทุกสิ่งมี
ไม่เท่าที่เจ็บช้ำระกำรัก"

มาจากขุนช้างขุนแผนเหมือนกัน   บทนี้หลังจากบทข้างบนหน่อยนึง  พลายงามขี่ม้าจะไปตีเชียงใหม่ นึกถึงศรีมาลาไปด้วย เผลอตัวยกแส้ฟาดม้าของขุนแผน ที่ตกใจโผนขึ้นทำให้ขุนแผนเกือบหล่นจากหลังม้า  ขุนแผนโกรธถามว่าทำอะไร  พลายงามตอบตามจริงว่าฝันกลางวันว่าแต่งงานกับศรีมาลาแล้ว  และศรีมาลากำลังจะคลอดลูก  แต่บ่าวงกเงิ่นทำไม่ถูกใจ  พลายงามเลยเฆี่ยนเสียด้วยหวาย แต่กลายเป็นเอาแส้ฟาดม้าของพ่อเสียนี่   ขุนแผนซึ่งผ่านความรักมาโชกโชนจึงรำพึงบทนี้ขึ้นมา


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 02, 07:58
 ขอแซมด้วยบทกวียุคปัจจุบันสักนิดนะคะ  
ที่จริงก็ไม่ใหม่นักหรอก เดาว่าไม่ต่ำกว่า ๓๐ ปีแล้ว

ให้คิดถึงเพียงใดใจจะขาด
ก็มิอาจไปตามความคิดถึง
ห้ามมาหาแต่อย่าห้ามความคะนึง
จะดื้อดึงโดยถ้อยร้อยรำพัน

คิดเสมอเมื่อใจใฝ่ถึงเขา
สายตาเศร้าเฝ้าเตือนว่าเหมือนฝัน
แววอาวรณ์อ่อนหวานผสานกัน
เหมือนจำนรรจ์จำนนท้นอาลัย

จะตัดพ้อต่อว่าประสารัก
ใจก็ทักท้วงห้ามตามวิสัย
จงมองตาตาจะเตือนว่าเหมือนใจ
ถ้าแจ้งได้ก็จะแจ้งไม่แฝงเงา

รู้ทั้งรู้ว่ารักจักให้ทุกข์
ใจยังรุกเร้าหลอกให้บอกเขา
ช่างไม่เข็ดหรือไรนะใจเรา
เขามีเจ้าของแล้วในแววตา


เดือนดับในดวงตา
ของ
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 16 ธ.ค. 02, 09:46
อ่านบทกลอนที่คุณเทาชมพูยกมาแล้วทำให้นึกถึงกลอนบทนี้ค่ะ

น้ำค้าง
หยาดลงกลางกลีบแก้วดูแพรวพร่า
แวววิเชียรเฉกฉันพรรณผกา
งามเหมือนตาเธอฉายประกายวาว

เกรงเหลือเกินเกรงฝันจะพลันดับ
เลือนไปกับทิวาในหน้าหนาว
คิดถึงเธอทุกวันฝันทุกคราว
อยากจะกล่าวรำพันก็หวั่นใจ

เสน่หา
ของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เช่นเดียวกันค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 17 ธ.ค. 02, 08:52
 พี่พบสองน้องนางต่างวาระ
ต่างพันธะผูกจิตพิศมัย
จึ่งคนแรกเอาฤดีของพี่ไป
อีกคนได้รักสุดท้ายของชายทราม

จำไว้นานแล้ว  ไม่ทราบว่าใครแต่ง  ไม่มีโอกาสได้ใช้ซะที  ของัดมาส่งประกวดอีกบทนะครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ธ.ค. 02, 16:08
 เพิ่งพบโคลงที่คุณทองรักโพสต์ไว้ ๒ บาทแรก  เลยต่อให้จนจบค่ะ

จามรีขนข้องอยู่............หยุดปลด
ชีพบ่รักษ์รักษ์ยศ...........ยิ่งไซร้
สัตว์โลกอันสมมต..........มีชาติ
ดูเยี่ยงสัตว์นั้นได้...........ยศซ้องสรรเสริญ

จาก  โคลงโลกนิติ

ตัวจามรี ดิฉันนึกไม่ออกว่าแปลเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไร  สัตว์ที่เราเรียกว่า ลามะ หรือลามา  หรือเปล่าคะ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตฯบอกแต่ชื่อชนิดชื่อวงศ์เป็นภาษาวิทยาศาสตร์ยาวเหยียด แต่ไม่มีชื่อสามัญ  
รู้แต่ว่าอยู่แถวธิเบต มีขนยาวเป็นพวง      กล่าวกันว่าถ้ามันหนีศัตรูวิ่งเข้าป่า  ถูกกิ่งไม้หรือหนามเกี่ยวขน มันจะหยุดปลดขน  ไม่ยอมให้หนามเกี่ยวกระชากจนขนขาดหลุด   ก็เลยถูกพรานยิงตายเอาง่ายๆเพราะมัวหยุดนี่แหละค่ะ
ในพระสุตตันตปิฎก  ขุททกนิกาย  มีคาถาบทหนึ่ง นำจามรีมาเทียบกับผู้หวังพระโพธิญาณ ย่อมรักษาศีลยิ่งชีวิต  เหมือนจามรีรักษาขนหาง  ยอมตาย แต่ไม่ยอมทำให้ขนหางเสียหายไป


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 17 ธ.ค. 02, 19:20
 ขอบคุณคุณเทาชมพูมากค่ะ  
ที่กรุณาหาโคลงบทนี้มาให้จนครบ
ทองรักนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกสักที
ตัวจามรีนั้นจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า
อาจารย์ที่สอนเคยบอกไว้ว่าภาษาอังกฤษคือ yak
ทองรักลองใช้ google ค้นหาดูก็ได้เจ้าตัวนี้มาน่ะค่ะ
ไม่แน่ใจว่าใช่ไหมนะ รบกวนผู้รู้ท่านอื่นเข้ามาช่วยยืนยัน
หน่อยค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 02, 16:52
 น่าจะตัวนี้ละค่ะคุณทองรัก
พจนานุกรมให้คำจำกัดความว่าเป็นสัตว์ประเภทเคี้ยวเอื้อง  ตอนแรกก็งงๆ  มาเห็นรูปถึงรู้ว่าเป็นญาติเจ้าทุยนี่เอง

เอากลอนมาฝาก จาก "ตากรุ้งเรืองโพยม" ของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ค่ะ

เปิดหนังสือเพื่ออ่านงานความคิด
เปิดชีวิตเพื่ออ่านความฝันใฝ่
เปิดทางทองเพื่ออ่านการก้าวไกล
เปิดทางชัยเพื่ออ่านสันติธรรม


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 13 พ.ค. 03, 10:50
 ไม่ได้มาแวะเยี่ยมเรือนไทยเสียนาน
ชอบกระทู้นี้ขอร่วมด้วยคน คงไม่ช้าไปนะครับ

จากกาพย์นางลอย
เท่าที่จำได้ติดใจ อาจมีเพี้ยนไปบ้างนะครับ

พระน้องเอยเสียดายนัก ...พระวรพักตร์ดั่งดวงเดือน
หาไหนจะได้เหมือน.........ไม่มีแล้วในโลกีย์
มาตรแม้นจะหาดวง..........วิเชียรช่วงเท่าคีรี
หาดวงพระสุริย์ศรี............ก็จะได้ดุจดังใจ
จะหาโฉมให้เหมือนนุช......จนสุดฟ้าสุราลัย
ตายแล้วและเกิดใหม่........มิได้เหมือนเจ้านฤมล

แสดงถึงว่าสีดาเป็นหญิงที่งามสุดไม่อาจหาใครงามทัดเทียมได้อีกแล้ว ไม่เหมือนนางสาวไทยที่เพิ่งประกวดกันไปหยก ๆ
สามารถหาสาวงามกว่าได้ทั่วไป


เรียนคุณเทาชมพูครับ

จากโคลง

จามรีขนข้องอยู่............หยุดปลด
ชีพบ่รักษ์รักษ์ยศ...........ยิ่งไซร้
สัตว์โลกอันสมมต..........มีชาติ
ดูเยี่ยงสัตว์นั้นได้...........ยศซ้องสรรเสริญ

คำว่า"อัน"ใน"สัตว์โลกอันสมมต..........มีชาติ"
ผมคิดว่าน่าจะแทนด้วย"ซึ่ง"นะครับ
ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยด้วยนะครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 14 พ.ค. 03, 03:35
 มาต้อนรับอาจารย์นิรันดร์ครับ

พักหลังๆ ผมก็ไม่ค่อยได้เข้ามาเรือนไทยเหมือนกัน

ผมเองก็ชอบกาพย์นางลอย จำได้ว่าขึ้นว่า
...ดาวเดือนก็เลื่อนลับ แสงทองระยับพโยมหน
จวบจวนพระสุริยน จะเยี่ยมยอดยุคนธร
สมเด็จพระหริวงศ์ ภุชพงศ์ทิพากร
เสด็จลงสรงสาคร กับด้วยพระลักษมณ์อนุชา
พรั่งพร้อมเสนามาตย์ โดยพระบาทเสด็จคลา ฯลฯ...
ไปจนถึงเมื่อพระรามเห็นสีดาแปลงลอยทวนน้ำมา
...ผวาวิ่งประหวั่นจิต ไม่ทันคิดก็โศกา...
แล้วก็รำพันว่า...พระน้องเอยเสียดายนัก ฯลฯ ที่อาจารย์นิรันดร์ยกมาแล้ว

เป็นความบังเอิญที่แปลกดีที่อาจารย์นิรันดร์เอาบทนางลอยนี้ไปโยงกับนางงาม ทำให้นึกถึงความเห็นของผมเอง นานมาแล้ว จำได้ว่าเคยเขียนจดหมายแสดงความไม่เห็นด้วยไปที่คุณย่า บก. สตรีสาร เพราะเมื่อหลายปีมาแล้วตอนที่ไทยเราได้นางงามจักรวาลคนใหม่ชื่อน้องปุ๋ย ก็มีการทำสกู๊ปข่าวน้องปุ๋ยออกทีวีช่องหนึ่ง คนทำดันไปคว้าบทชมโฉมตอนนางลอยนี้มาชมว่า "จะหาโฉมให้เหมือนนุช .... ไม่ได้เหมือนเจ้านิรมล" ผมฟังแล้วทนไม่ได้ ต้องขอบ่นให้คุณย่า บก. ฟัง ว่า คนที่คัดมาช่างกระไรเลย บทชมโฉมนางในวรรณคดีไทยมีตั้งแยะดันไปคว้าตอนนี้มาได้ ซึ่งเพราะมากก็จริง แต่แบ็กกรานด์ของบทกาพย์มันคนละเรื่องกับเรื่องของหนูปุ๋ย คุณปุ๋ยเธอยังอยู่ดีมีชีวิตเป็นๆ อยู่นะครับ ไม่ใช่ว่าตายแล้วเหมือนที่พระรามรำพันอาลัยสีดา แถมยังปรากฏว่าความงามที่ขับรำพันชมโฉมอาลัยอาวรณ์นั้น แท้จริงเป็นของลวงด้วย เพราะจริงๆ เป็นนางยักษ์ปลอมมา จะให้ผมเข้าใจว่าคนเขียนบทสกู๊ปนั้นจะว่าความงามของคุณภรณ์ทิพย์เป็นของปลอมกระนั้นหรือ???

แต่ในแง่วรรณศิลป์ ผมชอบน้ำคำ น้ำความ จังหวะ รสถ้อยคำในบทกาพย์นี้มากครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 พ.ค. 03, 09:19
 ขอบคุณมากที่ท้วงมาค่ะคุณนิรันดร์
ดิฉันย้อนกลับไปตรวจสอบแล้ว   เลือกฉบับประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ที่ ศ.ดร.นิยะดา เหล่าสุนทรรวบรวมไว้  เพราะยึดตัวสะกดถอดแบบจารึกของเดิมมาเลย
ของคุณถูกต้องค่ะ  ดิฉันไปเอาจากฉบับไหนมาพิมพ์ก็ไม่ทราบ
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 14 พ.ค. 03, 10:16
เรียนคุณเทาชมพู
ผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรเหมือนกัน ได้มาจากความจำเมื่อกว่า 30 ปีมาแล้วสมัยที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ทั้งที่เรียนสายวิทยาศาสตร์
แต่ด้วยใจที่รักในวรรณคดีไทย ก็พยายามท่องจำเอาไว้
คุณนิลกังขาครับ
บทนางลอยนี้ผมชอบมาก เคยจำได้ทั้งหมด แต่ด้วยกาลเวลาที่ห่างไปนานก็เลยเหลือติดหัวอยู่ไม่มากนัก
ในความเห็นของผม ทั้งพิเภกและทศกรรณ์เป็นพี่น้องกัน คงจะหน้าตาดีทั้งคู่ มีลูกออกมา หน้าตาก็คล้าย ๆ กัน
ลูกพิเภกแปลงเป็นลูกทศกรรณ์เหมือนเสียจนแม้กระทั่งสามีก็จำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร
นางแปลงในยุกต์นั้น แปลงเพราะเป็นพี่น้อง ประพิมประพายคงคล้าย ๆ กันอยู่แล้ว
แต่นางแปลงในสมัยนี้ เขาอาศัยศัลยกรรมพลาสติก เอาตรงนั้นไปปะตรงนี้
สาวไทยบางคนหน้าไทย ๆ แต่จมูกใหญ่เกินหน้า ดูแล้วเห็นสวยกันได้อย่างไร ผมก็งงอยู่เหมือนกันครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ต้นรัก ที่ 18 พ.ค. 03, 08:18
 ขอร่วมวงด้วยคนนะคะ   รักของโคลงสองบทนี้มากค่ะ  ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แต่ง เห็นเพราะดีก็เลยจดมาค่ะ

เอียงอกเทออกอ้าง.............อวดองค์  อรเอย
เมรุชุบสมุทรดินลง..............เลขแต้ม
อากาศจักจานผจง..............จารึก พอฤา
โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม...........อยู่ร้อน ฤาเห็น

ตราบขุนคิริขัน...................ขาดสลายแลแม่
รักบ่หายตราบหาย..............หกฟ้า
สุริยจันทรขจาย.................จากโลก  ไปฤา
ไฟแล่นล้างสี่หล้า...............ห่อนล้างอาลัย


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ค. 03, 16:20
 ความทรงจำแม่นยำมากค่ะคุณนรินทร์

โคลงที่ยกมา มาจากนิราศนรินทร์ค่ะ   ของนายนรินธิเบศร์ (อิน) มหาดเล็กวังหน้าสมัยต้นรัตนโกสินทร์
เดิมสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าเป็นมหาดเล็กในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ในรัชกาลที่ 2
แต่ปัจจุบันมีนักวิชาการบางท่านวิเคราะห์จากเนื้อความในนิราศ  แล้วสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นมหาดเล็กในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาทในรัชกาลที่ 1 มากกว่า
แต่ก็ยังไม่เป็นข้อยุติว่าอย่างไหนแน่

นิราศนรินทร์ได้ชื่อว่าเป็นยอดโคลงสี่สุภาพ    บางบทได้อิทธิพลจากกำศรวลศรีปราชญ์  แต่ก็มีความไพเราะตามแบบของตนเองอยู่มาก
ขกยกบางบทมาให้อ่านนะคะ

โอศรีเสาวลักษณ์ล้ำ...........แลโลม โลกเอย
แม้ว่ามีกิ่งโพยม................ยื่นหล้า
แขวนขวัญนุชชูโฉม..........แมกเมฆ ไว้แม่
กีดบ่มีกิ่งฟ้า.......................ฝากน้องนางเดียว

ฝากอุมาสมรแม่แล้..............ลักษมี เล่านา
เกรงสยมภูวจักรี.................เกลือกใกล้
เรียมคิดจวบจนตรี..............โลกล่วง แล้วแม่
โฉมฝากใจแม่ได้.................ยิ่งด้วยใครครอง


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 19 พ.ค. 03, 11:02
 ขอฝากโคลงนิราศนรินทร์อีกบทนะคัรบ

......โฉมจักควรฟากฟ้า...........ฤาดิน ดีฤา
เกรงเทพไท้ธรณินทร์..............ลอบกล้ำ
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน...............บนเล่า นะแม่
ลมจะชายชักช้ำ....................ชอกเนื้อเรียมสงวน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ค. 03, 15:20
 โคลงบทหนึ่งใน นิราศนรินทร์ ถือกันว่าเป็นแบบการแต่งโคลงที่ลง เอก โท สมบูรณ์ครบถ้วนเช่นเดียวกับ  "เสียงลือเสียงเล่าอ้าง"  ในลิลิตพระลอ
เหมาะสำหรับท่องจำ เพื่อให้จำรูปแบบโคลงสี่สุภาพได้
คือ
จากมามาลิ่วล้ำ....... ลำบาง
บางยี่เรือราพลาง.... พี่พร้อง
เรือแผงช่วยพานาง...... เมียงม่าน มานา
บางบ่รับคำคล้อง...... คล่าวน้ำตาคลอ

ความเป็นมาของนายนรินทร์ธิเบศร์ ค่อนข้างมืดมนสำหรับคนรุ่นหลัง  แม้แต่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพผู้นิพนธ์คำนำของการพิมพ์นิราศเรื่องนี้ไว้  ก็ไม่ทรงพบข้อมูลอื่นนอกจากข้อสันนิษฐานว่า  ผู้แต่งเป็นมหาดเล็กชื่อนายอิน   ดำรงตำแหน่งมหาดเล็กหุ้มแพร นายนรินทร์ธิเบศร์
ตามที่กล่าวไว้ในโคลง
ส่วนที่ว่าเป็นมหาดเล็กกรมพระราชวังบวรฯในรัชกาลที่ 2 ก็ทรงสันนิษฐานตามเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่กรมพระราชวังบวรฯเคยยกทัพไปศึก
แต่ความเป็นไปของกวีเอกคนนี้   เราแทบไม่รู้อะไรอีกเลย  ไม่ว่าท่านเกิดเมื่อไรตายเมื่อไร  เป็นลูกหลานใคร
ไม่มีขุนนางเก่าแก่คนไหนจดจำประวัติของนายนรินทร์ธิเบศร์ไว้ พอจะทูลสมเด็จกรมพระยาดำรงฯได้เลย
ผลงานของท่านก็เพิ่งมาค้นพบหลังสมัยของท่านมาก    ประมาณรัชกาลที่ 5  
ผลงานอื่นๆนอกจากเพลงยาว ที่เชื่อกันว่าท่านแต่ง  ก็ไม่มีหลักฐานให้พบอีก

ส่งท้ายด้วยอีกบทค่ะ

ชมแขคิดใช่หน้า.....นวลนาง
เดือนตำหนิวงกลาง..... ต่ายแต้ม
พิมพ์พักตร์แม่เพ็ญปราง.....จักเปรียบ ใดเลย
ขำกว่าแขไขแย้ม......... ยิ่งยิ้มอัปสร

หาอ่านโคลงทั้งหมดได้ที่
 http://www.geocities.com/thailiterature/nn.htm  


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 20 พ.ค. 03, 10:12
 ยอดเยี่ยมเลยครับคุณเทาชมพู ได้เอาไปรื้อฟื้นอ่านอีกครั้งหลังจากเรื้อไปหลายสิบปี
ตอนผมเป็นเด็ก ก็ได้ร่ายสุภาพของนายนรินทร์เป็นแบบฉบับ ดัดแปลงแต่งร่ายส่งเข้าประกวด
ในโรงเรียน ได้รางวัลด้วยในงานรัชฏาภิเษก
ขอบคุณมากครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ค. 03, 16:27
 โวหารโคลงของนายนรินทร์ธิเบศร์ เคยได้รับคำวิจารณ์จากดร.วิทย์ ศิวศริยานนท์ว่า  แตกต่างจากกำศรวลศรีปราชญ์
กำศรวลมีโวหารหวานเศร้า   แต่นิราศนรินทร์โลดโผนแบบฝีมือคนหนุ่ม

ดิฉันเดาว่าส่วนหนึ่ง เป็นเพราะนายนรินทร์ธิเบศร์ชอบใช้โวหารแบบ อติพจน์ หรืออธิพจน์(Hyperbole)
คือการกล่าวอลังการ เกินจริง  เกินความเป็นไปได้  เพื่อเน้นให้เห็นอารมณ์รักโศกอย่างเข้มข้นได้สมจริงสมจัง

ถ้อยคำของนายนรินทร์ธิเบศร์ แม้ว่าบางบทดำเนินตามรอยของศรีปราชญ์  แต่ส่วนใหญ่แล้วมีลีลาเฉพาะตัวอยู่มาก   อย่างอติพจน์นี่ละค่ะ
ลองอ่านบทนี้นะคะ

พันเนตรภูวนาถตั้ง....ตาระวัง ใดฮา
พักตร์สี่แปดโสตฟัง.....อื่นอื้อ
กฤษณนิทรเลอหลัง.....นาคหลับ ฤาพ่อ
สองพิโยคร่ำรื้อ.....เทพท้าวทำเมิน

แบบนี้จัดเป็นอติพจน์    คือคำคร่ำครวญของหนุ่มสาวสองคนแค่นี้  กวีก็ตัดพ้อถึงพระอินทร์ พระพรหม  พระนารายณ์เสียแล้วว่า ไม่เห็นไม่ได้ยินหรือไง  ถึงทำเมินไม่มาช่วยเหลือ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ค. 03, 16:29
 ร่ายของนายนรินทร์ธิเบศร์ว่ายังงี้  

ศรีสิทธิ์พิศาลภพ เลอหล้าลบล่มสวรรค์  จรรโลงโลกกว่ากว้าง
แผนแผ่นผ้างเมืองเมรุ  ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า  แจกแสงจ้าเจิดจันทร์
เพียงรพิพรรณผ่องด้าว  ขุนหาญห้าวแหนบาท สระทุกข์ราษฎร์รอนเสี้ยน  
ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า ราญราบหน้าเภริน เข็ญข่าวยินยอบตัว  
ควบค้อมหัวไหว้ละล้าว ทุกไทน้าวมาลย์น้อม ขอออกอ้อมมาอ่อน  
ผ่อนแผ่นดินให้ผาย  ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว เลี้ยงทแกล้วให้กล้า
พระยศไท้เทิดฟ้า  เฟื่องฟุ้งทศธรรม ท่านแฮ
                             
คุณนรินทร์ แต่งว่ายังไงคะ  ยังพอจำได้ไหม?


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 22 พ.ค. 03, 12:57
ผมมิบังอาจไปใช้นาม"นรินทร์"ของครูกวีที่เป็นแบบฉบับอย่างท่านหรอกครับคุณเทาชมพู
เพียงเป็นคนรักอ่าน แล้วก็ ลักเรียน คือเป็นนักเรียนวิทยาศาสตร์แต่อยากเรียนประวัติวรรณคดีและการประพันธ์
ก็เลยหาหนังสือมาอ่านเอง
จินตนาการของคนนั้น ไม่มีขอบเขตจำกัด
ผมว่าอย่างสุนทรภู่ที่ก็กล่าวถึงการผูกหุ่นพยนต์หรือการเดินทางไปในอากาศมาตั้งสองร้อยปีมาแล้ว
การกล่าวเกินจริงในยุกต์หนึ่งบางเรื่อง ในเวลาต่อมาก็กลายเป็นจริง แต่บางเรื่อง อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้
อย่าง เอาโลกมาทำปากกา เอานภามาแทนอากาศ เอาน้ำหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด...
เอาปากกาโลกมาจุ่มน้ำในมหาสมุทรทีเดียวคงเขียนอักษรได้สักตัวสองตัว เขียนคำว่าแม่คำเดียวก็คงไม่ครบ

่ร่ายที่ผมแต่เมื่อประมาณ 32 ปีที่แล้วเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงของเราและปฏิญญาณว่าจะรับใช้แผ่นดินครับ


ศรีสิทธิ์สยามหล้า แจ่มเจิดจ้าเลอสรวง ไทยทั้งปวงตั้งเจตน์
กาลพิเศษเวียนถึง ซึ่งอภิลักขิตกาล เวียนผ่านอุดมฤกษ์
ฉลองเกริกแก่ราชา นคราสยามินทร์ นครินทร์สยามภพ
ทรงราชครบยี่สิบห้า เกล้าประชานิกรไทย น้อมใจสวามิภักดิ์
จงรักแทบแทบเบื้องบาท มหาราชแผ่นสยาม จะทำตามพระดำรัส
มิให้ขัดระคายข้อง มิให้ต้องระคายบาท ตามพระราชประสงค์
ทั้งโดยตรงและอ้อม วิทยาศาสตร์ห้ากอน้อม เกล้านพบูชา

ถึงตอนนี้ คงรู้อายุจริงของผมแล้ว ผมอยู่ม.ศ. 5 ปีรัชดาภิเษกพอดี
โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ชื่อโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ ฉะเชิงเทรา
ก็จัดงานสมโภชแล้วก็มอบหมายให้นักเรียนทุกห้องแต่งบอร์ดสดุดีและคำประพันธ์เข้าประกวด
ผมก็รับหน้าที่แต่งคำประพันธ์ เพราะเพื่อน ๆ เห็นว่าชอบเขียนกลอนจีบสาวอยู่บ่อย ๆ
จะแต่งกลอนสดุดีก็รู้สึกไม่เข้ากับงานเท่าไร ก็เลยลองแต่งร่ายดูเพราะดูความร่ายของ"นายนรินทร์"แล้วน่าเอาเป็นต้นแบบได้
คนที่รับหน้าที่เขียนข้อความลงบนบอร์ด ตอนนี้ก็เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนไปแล้ว ส่วนผมก็ยังเป็นครูสอนฟิสิกส์มาตลอด
คุณเทาชมพูลองติชมดูนะครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 22 พ.ค. 03, 13:28
 กวีอีกท่านหนึ่งที่ผมชมชื่นท่านเป็นอย่างยิ่งก็คือ นายชิต บูรทัต
ที่ท่านแต่งสามัคคีเภทคำฉันท์
ฉันท์ของชิด บูรทัต นั้น  ท่านสามารถใช้คำไทยง่าย ๆ บรรจงแต่เป็นฉันท์ที่ลงตัวสวยงาม
ต่างจากฉันท์ของกวีท่านอื่นที่มักใช้ศัพท์ยาก
ฉันท์ของนายชิต อ่านแล้วส่วนใหญ่เข้าใจได้ทันที ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีก
อย่างเช่น
เนื่องนับเอนกแนว ระยะแถวตลอดลาย
เฆี่ยนครบสยบกาย ศิรพับพะกับคา
หมู่ญาติอมาตมิต -รสนิทและเสนา
สังเวชณเหตสา -หสล้วนสลดใจ
สุดที่จะกลั้นโท มนโศกอาลัย
ถ้วนหน้ามิว่าใคร ขณะเห็นบ่เว้นคน...


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ค. 03, 08:58
 ดิฉันคงจะ "อิน" กับนายนรินทร์ธิเบศร์(อิน) อย่างหนักจริงๆด้วย  อาจารย์นิรันดร์เลยกลายเป็นคุณนรินทร์    ขออภัยอย่างมาก

นามสฤษดิ์นายชิตบุรทัต.......เชลงเฉลยเผยอรรถ
กถารบูรมูลมี
ไว้ปากไว้วากย์วาที...............ไว้วงศ์กวี
ไว้เกียรติและไว้นามกร
เป็นเฉลิมเสริมศรีพระนคร.....

จำได้แค่นี้ละค่ะ    เคยเรียนสามัคคีเภทคำฉันท์มา
อ่านพบว่านายชิต บุรทัต สามารถแต่งฉันท์สดได้  ไม่ต้องเสียเวลาคิดเป็นการบ้าน
เวลามีคนขอ   ก็สาธยายออกมาเป็นฉันท์ได้เลย


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 24 พ.ค. 03, 01:54
 ผมชอบอาจารย์ฟิสิกส์ที่แต่งโคลงแต่งร่ายได้ รู้สึกว่าเป็นส่วนผสมที่น่าทึ่งครับ อาจารย์นิรันดร์
ร่ายของอาจารย์อ่านเรียบลื่นไม่มีติดขัด และผมเข้าใจว่ถ้าฟังเฉพาะเสียงก็ลื่นไหลดี ฟังเพลินครับ แต่ขออนุญาตยกมือถามว่า ฉันทลักษณ์ของร่ายนั้นลงสุดท้ายด้วยยโคลงสามหรือโคลงสองใช่ไหมครับ ผมไม่แม่น แต่รู้สึกนิดๆ ว่า บาทสุดท้ายเอกโทสลับที่กัน (เกล้านบบูชาฯ) ถ้าเขียนลงเป็นอักษร แต่ถ้าฟังแค่เสียงสูงต่ำก็ไปได้ไม่ขัดหู แต่ถ้าอาจารย์จะกรุณาอนุญาตให้ผมละลาบละล้วงปรับแต่งของอาจารย์นิดเดียว ผมจะขอปรับเป็นว่า วิทยาศาสตร์ห้ากอน้อม นอบเกล้าบูชาฯ ครับ

ผมจำของชิต บุรทัต ได้กระท่อนกระแท่นในสามัคคีเภทคำฉันท์ เช่นที่ว่า
...สามยอดตลอดระยะระยับ  วะวะวับสลับพรรณ
 ช่อฟ้าตระการกลจะหยัน   จะเยาะยั่วทิฆัมพร...

หรือ
เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร ...

เรื่องปฏิภาณกวีของท่านที่ว่าแต่งฉันท์เก่งมากนั้นก็เคยได้ยินมา ว่ากันว่าถ้าจะให้แต่งคล่องต้องมีเหล้าเข้าไปเป็นเชื้อหน่อยๆ แล้วจะแต่งปร๋อเลย

มีหนหนึ่ง ในวงเหล้า มีเพื่อนท้าท่านแต่งฉันท์ ท่านไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยก็ไหลออกมาเองสดๆ ว่า
...เชิญดื่มสิดื่มปิยสหาย ผิจะตายก็ช่างมัน (ฮา..)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 พ.ค. 03, 18:38
 ...เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร ...ทุทาสสถุลฉะนี้ไฉนก็มาเป็น
ศึกบ่ ถึงและมึงก็ยังมิเห็น ....จะน้อยจะมากจะยากจะเย็นประการไร
... อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ... ขยาดขยั้นมิทันอะไรก็หมิ่นกู
กลกะกาขวาดถมังธนู.... บ่ ห่อนจะเห็นธวัชริปูสิล่าถอย

แหม ท่านนิลกังขา เข้ามาจุดไฟให้ผมจนได้
บทนี้ เป็นบทที่ผมชอบมาก และจำได้เกือบหมดเหมือนกัน
อาจมีพลาดบ้าง ช่วย ๆ กันต่อก็แล้วกันนะครับ ว่าง ๆ จะมาต่อให้ครบครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ลลิน ที่ 01 พ.ย. 03, 13:55
 ไม่รู้ว่ากลอนนี้ของใคร แต่ท่องมาจนติดปากแล้วค่ะ  ใครทราบช่วยบอกทีนะคะ

  แม้มิได้เป็นหงส์ผู้ทรงศักดิ์    
  ก็จงรักเป็นโนรีที่หรรษา
  แม้มิได้เป็นน้ำแม่คงคา
  จงเป็นธาราใสที่ไหลเย็น  
  แม้มิได้เป็นมหานภาลัย
  จงพอใจจอมปลวกที่แลเห็น
  แม้มิได้เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ
  ก็จงเป็นวันแรมที่แจ่มจาง    

     ........................  
ส่วนอีกบทนึง
 ขอกายเจ้าจงเป็นเช่นต้นไม้  
 ยืนอยู่ได้โดยภพสงบนิ่ง  
 เพื่อแผ่ร่มและเป็นหลักให้พักพิง
 แต่งดอกพริ้งผลัดฤดูอยู่ชั่วกาล
 และใจเจ้าจักเป็นเช่นสายน้ำ
 ใสเย็นฉ่ำชื่นแล้วไหลแผ่วผ่าน  
 เพื่อเลี้ยงชีพชโลมไล้ให้เบิกบาน
 เพียงพ้องพานผิวแผ่วแล้วผ่านเลย
 อิสระเสรีที่จะไหล  
 ด้วยเพลงไพเราะล้ำร่ำเฉลย
 ชมดอกไม้สายลมพรมรำเพย
 และชื่นเชยกับชีวิตทุกทิศทาง  

จากเรื่อง  วารีดุริยางค์  ของคุณเนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์ค่ะ  เป็นบทอาขยานของม. 6  ความจริงยาวกว่านี้แต่จำได้เท่านี้ค่ะ เพราะว่าชอบ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 19:46
กลอนบทแรก เคยได้ยินบาทที่สองแต่ไม่ทราบว่าของใครค่ะ
จำแตกต่างจากที่คุณลลินท่องมานิดหน่อย
คือ

แม้มิได้เป็นมหาหิมาลัย
จงพอใจจอมปลวกที่แลเห็น
แม้มิได้เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ
ก็จงเป็นคืนแรมที่แจ่มตา

คุณลลินเป็นสมาชิกหน้าใหม่หรือเปล่าคะ
ขอต้อนรับค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 13 พ.ย. 03, 10:22
 จากเพลงสาส์นรัก(บทละครเรื่องท้าวแสนปม)

"ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง
คงชวดปวงบุปผาชาติสะอาดหอม"

ใครรักใครก็ต้องใจกล้าหน่อยนะครับ
ช้าไปแล้วจะเสียทีแมลง


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ลลิน ที่ 27 พ.ย. 03, 07:30
 ขอบคุณค่ะคุณเทาชมพู  ดูจากความหมาย มันก็น่าจะเป็นมหาหิมาลัยมากกว่า เพราะมันจะดูเข้ากับ "จอมปลวก" มากกว่า มหานภาลัย ค่ะ  มาตอบช้าไปนิด แต่ก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 24 เม.ย. 05, 18:13
 ตามลิงค์มา revive กระทู้ค่ะ

คุณทองรัก ถ้ายังอยู่แถวๆนี้ ดิฉันหาโคลงสี่สุภาพให้ได้แล้วนะคะ มาจากโคลงโลกนิติค่ะ

จามรีขนข้องอยู่.........หยุดปลด
ชีพ บ่ รักรักยศ..........ยิ่งไซร้
สัตว์โลกซึ่งสมมติ.......มีชาติ
ดูเยี่ยงสัตว์นั้นได้........ยศซ้องสรรเสริญฯ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: บุษยามินตรา ที่ 03 พ.ค. 05, 13:49
 อันความติฉินยินร้าย
มีทุกหญิงชายนะโฉมศรี
ที่รักก็เห็นว่าเป็นดี
ที่มิชอบทีก็นินทา

จากอิเหนาค่ะ ชอบมากเพราะแสดงให้เห็นธรรมดาของมนุษย์ได้ชัดเจนดี


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ค. 05, 09:24
 อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี
ประดุจมโนภิรมย์ระตี ณ แรกรัก
แสงอะรุณวิโรจน์นะภาประจักษ์
แฉล้มเฉลาและโสภินัก นะฉันใด
หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย
สว่าง ณ กลางกมลละไม ก็ฉันนั้น
แสงอุษาสะกาวพะพราว ณ สรรค์
ก็เหมือนระตีวิสุทธิอัน สว่างจิต
อ้าอนงคะเชิญดำเนิรสนิธ
ณ ข้างดะนูประดุจสุมิตร มโนมาน
ไปกระทั่ง ณ ฝั่งอุทกจีระธาร
และเปล่งพจี ณ สัจจะการ ประกาศหมั้น
ต่อพระพักตร์สุราภิรักษะอัน
เสด็จสถิต ณ เขตอะรัณ - ยะนี่ไซร้
ว่าตะนูและน้องจะเคียงคระไล
และครองตลอด ณ อายุขัย บ่คลาดคลา

จาก มัทนะพาธา
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 07 พ.ค. 05, 23:54
 ไม้ชื่อผกากุพ ชกะสีอรุณแสง
ปานแก้มแฉล้มแดง ดรุณีณยามอาย
ดอกใหญ่และเกสร สุวคนธมากมาย
อยู่ทนบ่วางวาย มธุรสขจรไกล

มัทนะพาธา

ความเจ็บปวดจากความรัก


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 07 พ.ค. 05, 23:57

   


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 05, 08:51
 ภาพกุหลาบสวยมากค่ะ อาจารย์นิรันดร์  สวยทั้งภาพและดอกไม้

วรรคนี้เป็นวรรคทองเช่นกันค่ะ
พระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
จากพระราชนิพนธ์ นิราศท่าดินแดง

ตั้งใจจะอุปถัมภก
ยอยกพระพุทธศาสนา
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา
รักษาประชาชนแลมนตรี


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 10 พ.ค. 05, 12:05
 เข้าใจว่าวรรคนี้ คุณพร ภิรม จะนำมาร้องเป็นเพลงด้วย
 


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 พ.ค. 05, 09:49

จาก มัทนะพาธา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

มัทนา.
กระหม่อมฉันก็เคยทราบ................ สุภาษิตบุราณว่า
บุรุษยามสิเนหา............................... ก็พูดได้ละหลายลิ้น
ประจบนางและพลางกอด................. พนอพลอดและปลอดปลิ้น
และหลอกเยาวะนาริน

ชัยเสน.
.......................................................ผิลิ้นพี่จะมีหลาย
ก็ทุกลิ้นจะรุมกล่าว............................. แสดงรัก ณ โฉมฉาย,
และทุกลิ้นจะเปรยปราย...................... ประกาศถ้อยปะฎิญญา
พะจีว่าจะรักยืด...................................บจางจืดสิเนหา
สบถให้ละต่อหน้า............................... พระจันทร์แจ่มณเวหน

มัทนา.
พระกล่าวอ้างพระจันทร์นี้.................... ชรอยทีมิชอบกล

ชัยเสน.
เพราะเหตุใดละหน้ามน

มัทนา.
........................................................... เพราะเดือนนั้นมิมั่นคง
ณ ฃ้างขึ้นสิหงายแจ่ม............................ กระจ่างสดและกลดทรง
ณ ฃ้างแรม บ เห็นองค์........................... พระจันทร์เจ้าณราตรี

ชัยเสน.

ฉนั้นขอสบถต่อ...................................... สุดาราจำรัสศรี
วะแวววับระยับที่.................................... นะภากาศพะแพรวพราย

มัทนา.
ก็เห็นว่ามิชอบกล..................................... ละอีกแล้วพระฦาสาย
เพราะเมื่อใดพระจันทร์ฉาย...................... ก็ขับดาวละลายไป

ชัยเสน.
ฉนั้นเจ้าจะให้พี่........................................ สบถโดยสุเทพใด

มัทนา.
ก็หากทรงประทานให้............................... กระหม่อมฉันนะเลือกสรร
จะขอให้พระสาบาล.................................. ณ องค์เทวะเทวัน
พระองค์ใดก็ไม่มั่น.................................... ฤดีเท่าพระจอมเกศ
พระองค์ทูลกระหม่อมแก้ว......................... ก็สมมตสุเทเวศร์
ฉนั้นแม้พระทรงเดช.................................. ดำรัสคำปฏิญญา
กระหม่อมฉันก็จงรัก................................... และภักดีและเปนฃ้า
ไฉนเล่าจะสงกา  

ชัยเสน.
................................................................. ฉนั้นพี่ก็ยินดี


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 11 พ.ค. 05, 23:09

หวานจับใจจริง ๆ ครับคุณเทาชมพู
ผมเคยท่องสมัยยังเป็นวัยรุ่น จำได้กระท่อนกระแท่น
แต่ก็เป็นบทหนึ่งที่ชอบมากครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: Lee ที่ 01 มิ.ย. 05, 16:07
 เฉน่งไอมาเวิ้งเวา  วู่กา
รูกับกาวเมิงแต่ยา  มู่ไร้
ปิดเศนจะมูซ่า     เคราทู่
เฉ่แต่จะตอบให้   หลิ่งกล้น กล ถนาง
(ตอนเด็กๆ ตกภาษาไทย อาจจำผิดได้ครับ)
(เด็กๆอ่านอาจงง  เป็นคำผวนทั้งบทนะครับ)
  ต.ย. เฉน่งไอ  =ไฉนเอง
         ปิดเศน   =เป็นศิษฐ์
ขอบคุณครับ
จำไม่ได้ว่าเอามาจากไหนครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: Lee ที่ 01 มิ.ย. 05, 16:11
 เฉะแต่จะตอบให้ หลิ่งกล้น กล ถนาง
พิมพ์ผิดนิดหน่อยครับ
=ชอบแต่จะเตะ ให้ หล่นกลิ้ง  กลางถนน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: คำฝอย ที่ 01 มิ.ย. 05, 22:12
 สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง   ยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ห์หาย    ห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย              วางเทวศร์  ลาแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้า       หยุดได้ ฉันใด

ชอบโคลงโลกนิติมากค่ะ โดยเฉพาะที่ชอบพูดถึงต้นไม้น่ะค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: คำฝอย ที่ 01 มิ.ย. 05, 22:14
 เอ๋ รู้สึกจะเพี้ยน เป็นโคลงโลกนิติ หรือเปล่านะ ไม่ได้อ่านวรรณกรรมไทยนาน ท่าจะลืม ใครทราบช่วยไขข้อข้องใจด้วยนะคะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: คำฝอย ที่ 01 มิ.ย. 05, 22:19
 อ้อ แล้วก็ชอบเรื่องขุนช้าง ขุนแผนมากค่ะ รู้สึกจะแต่งได้หวานหยด เช่น


โอ้พ่อพลายสายสวาทของน้องเอ๋ย
มิเคยจะห่างเหสิเน่หา
นอนหอด้วยน้องสองเวลา            
พ่อเคยพาพิมพูดพิไรวอน
นั่นนี่ซี้ซิกสรรพยอก                  
ยั่วหยอกมิใคร่ให้ไปไกลหมอน
แขนซ้ายเคยให้เมียหนุนนอน
เห็นเมียร้อนพ่อก็พัดกระพือลม

อ่านแล้วรู้สึกว่า โห ชายไทย ถ้าเป็นอย่างนี้ ต่อให้สิบดอนฮวน หรือคาซาโนวา ก็เห็นจะต้องถอยไปแล้วละ ค่ะ (ความจริงเป็นฉันใด ไม่ปรากฏ)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: คำฝอย ที่ 02 มิ.ย. 05, 00:16
 สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ห์หาย ห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย วางเทวศร์ ลาแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ ฉันใด
...ในที่สุดก็จำได้ จาก ลิลิตตะเลงพ่าย ค่ะ เฮ้อ  ...แก่จนเลือน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 02 มิ.ย. 05, 01:01
 พระลอ

อายุเยาวเรศรุ่นเจริญศรี.............พระเพื่อนพี่แพงน้องสองสมร
งามองค์งามทรงอ่อนซ้อน..........ดังอัปสรหยาดฟ้าลงมาเอย
แม่คุณเอ๋ยเราบ่เคยพบเจ้า..........สองนางลำเภาดูเจ้างามตา
สาวใดบ่เหมือนสองเพื่อนแพงนา..แต่ข้อยดูมาลักษณาบ่ปาน
จะหางามสามโลกก็เหลือหา........สมเป็นนางพญาที่สูงสุด
ไม่ควรคู่ผู้ใดในมนุษย์...............ควรสมมติแต่กษัตริย์ขัตติยา
บุ๋ง บุ๋ง บุ๋ง

จำได้แค่นี้ค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: sukhon ที่ 06 มิ.ย. 05, 22:24

คิดถึงนางจินตะหราค่ะ
แล้วว่าอนิจจาความรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป  ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา
สตรีใดในพิภพจบแดน  ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า
ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา  จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์
โอ้ว่าน่าเสียดายตัวนัก  เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงช้ำจิต
จะออกชื่อฤๅชั่วไปทั่วทิศ  เมื่อพลั้งคิดผิดแล้วจะโทษใคร

น้องใหม่ขอคารวะท่านพี่ๆ ทุกคนค่ะ  สุคนธ์ธาร


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 07 มิ.ย. 05, 09:45
 . . . . .ไม้ค้อมมีลูกน้อม . นวยงาม
คือสัปบุรุษสอนตาม . . . . ง่ายแท้
ไม้ผุดั่งคนทราม . . . . . . . สอนยาก
ดัดก็หักแหลกแล้ . . . . . . ห่อนรื้อโดยตาม


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 07 มิ.ย. 05, 22:50
 ครูเอยครูสอนเสดื้องกรต่อง่า
ครูสอนให้ผูกผ้า สอนให้ข้าทรงกำไหล
สอนให้ครอบเทริดน้อยแล้วจับสร้อยพวงมาลัย
สอนให้ทรงกำไหลสอดใส่ซ้ายใส่ขวา
ครูให้เสดื้องเยื้องข้างซ้ายตีค่าได้ห้าพารา
ครูให้เสดื้องเยื้องข้างขวาตีค่าได้ห้าตำลึงทอง
ตีนถีบพนักส่วนมือชักเอาแสงทอง
หาไหนจะได้เหมือนน้องทำนองพระเทวดา

ศักดา  ลิกขะไชย  (จากกลอนมโนรา)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: สียะตราหนึ่งหรัด ที่ 08 มิ.ย. 05, 00:28
 พระแย้มยิ้มพริ้มเพราเย้าหยอก  สัพยอกยียวนสรวลสม
  พักตร์เจ้าเศร้าสลดอดบรรทม  พี่จะกล่อมเอวกลมให้นิทรา
สายสมรนอนเถิดพี่จะกล่อม  เจ้างามจริงพริ้งพร้อมดังเรขา
   นวลละอองผ่องพักตร์โสภา  ดังจันทราทรงกลดหมดมลทิน
งามเนตรดังเนตรมฤคมาศ  งามขนงวงวาดดังคันศิลป์
    อรชรอ้อนแอ้นดังกินนรินทร์  หวังถวิลไม่เว้นวายเอย


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: สียะตราหนึ่งหรัด ที่ 08 มิ.ย. 05, 00:39

น้องเอ๋ย เพราะน้อยหรือถ้อยคำ  ช่างหวานฉ่ำจริงแล้วแก้วพี่เอ๋ย
   เจ้าเนื้อหอมพร้อมชื่นดังอบเชย  เงยหน้ามาจะว่าไม่อำพราง
ได้เชยชิดจนสนิทอย่างนี้แล้ว  ขอเชิญแก้วกิริยาเมตตาบ้าง
   พี่ขอฝากรักไว้ที่ในนาง  อย่าระคางข้องแค้นระคายเคือง
ถ้าพี่ลวงน้องให้หมองสัตย์  จงวิบัติขัดเข็ญให้เป็นเนื่อง
   สารพัดวิชาสง่าเปลือง  แม่เนื้อเหลืองดังทองมาทาบทับ  


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 08 มิ.ย. 05, 22:39
 ปากหนึ่งว่าโอ้เจ้าขวัญเนตร
บิตุเรศจะม้วยสังขาร์
ขอฝากฝังแก้วเนตรเกษรา
จงวันทาระเด่นมนตรี

ปากสองร้องว่าพิเภกเอ๋ย
กระไรเลยช่างมาฆ่าพี่
ขอฝากนางดาราเทวี
กับสาวศรีนักสนมกำนัลใน

ปากสามสั่งความพระสมุท
ขอฝากบุษมาลีศรีใส
โอ้พราหมณ์มัจฉายาใจ
หวังจะได้ฝากผีบิดร

ปากสี่ว่าโอ้องคต
โอรสจงจำคำสอน
ตั้งใจภักดีพระสี่กร
อย่าคิดว่าภูธรเป็นสามี

ปากห้าร้องว่านางเงือกน้ำ
จงฟังคำนับถือพระฤๅษี
อุตส่าห์รักษาครรภ์เทวี
แม่จะได้เป็นศรีจรกา

ปากหกว่าเจ้าตะเภาทอง
ทั้งสองอย่าคิดริษยา
อันองค์อุณากรรณกับสียะตรา
จงนึกว่าพี่น้องท้องเดียวกัน

ปากเจ็ดเสร็จสั่งจะสังขาร์
ชีวาพี่จะม้วยอาสัญ
ไปยื่นด้ามให้กับโจรใจฉกรรจ์
เลื่อมไลวรรณไยเป็นเช่นนี้

ปากแปดวอนว่าทรงยศ
พระรถจงช่วยเผาผี
แม่จะเขียนมนต์เรียกมฤคี
ไว้กับคิรีให้ลูกยา

ปากเก้าเฝ้าสั่งพระอุณรุท
ทรงภุชเมียจะม้วยสังขาร์
น้องรักจักถวายบังคมลา
กลับไปอยู่คูหาในวารี

ปากสิบเสร็จคำที่ร่ำสั่ง
สิ้นกำลังด้วยพิษศรศรี
พราหมณ์ก็กลายกายาเป็นนารี
สิ้นชีวีอยู่ในไพรวัน



จากอุณรุทร้อยเรื่อง ของคุณสุวรรณครับ

อ่านแล้วผมชอบบทนี้มากที่สุดอีกบทนึงในเรื่องเลยก็ว่าได้ครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: คุณจันต์ ที่ 05 ก.ค. 05, 18:33
 พฤษภกาสร       อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง      สำคัญหมายในกายมี
  นรชาติวางวาย     มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี     ประดับไว้ในโลกา

กลอนบทนี้จำได้ว่าท่องมาตั้งแต่อยู่ ป.4 ยังจำได้ขึ้นใจมาถึง ณ วันนี้  แต่จำไม่ได้ว่าใครคือผู้ประพันธ์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ลิงน้อย ที่ 06 ก.ค. 05, 18:24

• กาพย์เห่เรื่องกากีฉบับของเดิม ตอน : พญาครุฑอุ้มนางกากี
 พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้ากุ้ง

 กางกรอุ้มโอบแก้ว       กากี
ปีกกระพือพาศรี            สู่งิ้ว
ฉวยฉาบคาบนาคี          เป็นเหยื่อ
หางกระหวัดรัดหิ้ว          สู้ไม้รังเรียง ๚
 
 กางกรโอบอุ้มแก้ว       เจ้างามแพร้วสบสรรค์พางค์
ปีกปกอกเอวนาง           พลางคลึงเคล้าเต้าจรัล

ฉวยฉาบคาบนาคา        เป็นภักษาพาผกผัน
หางกระหวัดรึงรัดพัน      ดั้นเมฆาสิมพลี

ดลสถานพิมานมาศ       เกลียวกลมสวาทนาฏกากี
เหิมหวนยวนกามี           ปรีดาแนบแอบอิงองค์ ๚


   


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 07 ก.ค. 05, 09:08
 ทั้งทรวดทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น . . . . เป็นหนุ่มแน่นน่าชมประสมสอง
ถ้าแม้นได้กันกับกูเป็นคู่ครอง   . . . . .จะประคองกอดแอบไว้แนบเนื้อ
น้อยหรือแก้มซ้ายขวาก็น่าจูบ   . . . . . ช่างสมรูปนี่กระไรวิไลเหลือ
ทั้งลมปากเป่าปี่ไม่มีเครือ . . . . . . . . นางผีเสื้อตาดูทั้งหูฟัง
ยิ่งปั่นป่วนรวนเรเสน่ห์รัก . . . . . . . .สุดจะหักวิญญาณ์เหมือนบ้าหลัง
อุตลุดผุดทะลึ่งขึ้นตึงตัง . . . . . . . . .โดยกำลังโลดโผนโจนกระโจม
ชุลมุนหมุนกลมดังลมพัด . . . . . . . .กอดกระหวัดอุ้มองค์พระทรงโฉม
กลับกระโดดลงน้ำเสียงต้ำโครม . . . กระทุ่มโถมถีบดำไปถ้ำทอง ฯ

นึกถึงกลอนบทนี้ของที่รัตนกวีศรีสุนทรโวหาที่พรรณารักแรกพบของผีเสื้อสมุทรที่หลงไหลในรูปรสกลิ่นเสียงของพระอภัยมณีแล้ว ก็ร้องอ๋อที่ว่าทำไมวันรุ่นหญิง หรือแม้บางทีก็มีวัยไม้ใกล้ฝั่งไปหลงใหลศิลปินอย่างไม่คำนึงถึง
จารีตประเพณี คงจะเป็นเชื้อสายนางผีเสื้อสมุทรนี่เอง แล้วเหล่าศิลปินที่มีโอกาสเชยชมสตรีเหล่านั้นก็คงจะนึกแบบนี้

๏ พระฟังคำจำจิตพิศวาส. . . . . . . . .ฝืนอารมณ์สมพาสทั้งโศกเศร้า
การโลกีย์ดีชั่วย่อมมัวเมา. . . . . . . . . เหมือนอดข้าวกินมันกันเสบียง
เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด. . . . . . . . กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง. . . . . . . . .ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด
กุลาโคลงไม่สู้คล่องกะพร่องกะแพร่ง. .ปักเป้าแทงตละที่ไม่มีผิด
จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิด. . . . . .ประกบติดตกผางลงกลางดิน
สมพาสยักษ์รักร่วมภิรมย์สม. . . . . . .เหมือนเด็ดดอกหญ้าดมพอได้กลิ่น
เป็นนิสัยในภพธรณินทร์. . . . . . . . ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณีฯ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ค. 05, 10:55
มาร่วมวงกับคุณติบอ เรื่อง อุณรุทร้อยเรื่อง  ค่ะ

สมัยเรียน อาจารย์สอนให้จำบทนี้  คุณสุวรรณเข้าใจคิดได้เก๋มาก
คือบทยกทัพแปลงตัว ซึ่งเป็นทำนองแต่งในเรื่องรามเกียรติ์ หลายตอน  
ตัวละครของเธอก็แปลงตัวบ้าง แต่แปลงแล้วคือตัวเดิมทุกประการ
ผู้หญิงแปลงเป็นผู้หญิง  กองทัพแปลงเป็นกองทัพ  ช้างแปลงเป็นช้าง
ม้าแปลงเป็นม้า ฯลฯ
แสดงความแตกฉานเรื่องศัพท์ภาษาไทย และความรอบรู้เรื่องวรรณคดีของคุณสุวรรณ

จำจะยกโยธาคลาไคล
ตามองค์พระอภัยเชษฐา
ว่าพลางนางแปลงกายา
เป็นองค์สุดาเยาวมาลย์

รี้พลให้กลายเป็นโยธา
ไอยราแปลงเป็นคชสาร
พาชีแปลงเป็นอาชาชาญ
พระพรหมานแปลงเป็นท้าวธาดา

ไกรสรให้แปลงเป็นสิงหราช
สกุณชาติให้แปลงเป็นปักษา
พระราเมศแปลงเพศเป็นรามา
พยัฆาแปลงเป็นพยัคฆี

พระยาครุฑแปลงเป็นสุบรรณจร
วานรแปลงเป็นกระบี่ศรี
นาคาเป็นพระยาวาสุกรี
โกสีย์แปลงเป็นท้าวหัสนัยน์

พระสุริยันนั้นเป็นทินกร
ศศิธรเป็นดวงแขไข
เจ้าพลายงามแปลงนามเป็นหมื่นไวย
ชาละวันนั้นให้เป็นกุมภา

พระอิศวรแปลงเป็นพระศุลี
ทรพีแปลงเป็นมหิงษา
เทเวศรแปลงเพศเป็นเทวา
กินราแปลงเป็นกินรี

พระยาหงส์แปลงองค์เป็นเหมราช
พระดาบสแปลงชาติเป็นฤๅษี
โคกลายกายาเป็นคาวี
มฤคีแปลงเป็นมฤคา

มยุเรศกลายเพศเป็นยูงพลัน
ทศกัณฐ์นั้นแปลงเป็นยักษา
อุณากรรมนั้นเป็นบุษบา
ปันหยีแปลงกายาเป็นอายัน

ขุนแผนแปลงกายเป็นพลายแก้ว
สียะตราเพริศแพร้วเป็นย่าหรัน
คนธรรพให้แปลงเป็นคนธรรพ์
นางพิมกลายกายพลันเป็นวันทอง

ต่างตนสำแดงแผลงฤทธิ์
ทศทิศไหวจบสยบสยอง
โยธาเหลือหลายก่ายกอง
คับคั่งทั้งท้องสนามใน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ค. 05, 11:02
ตอบคุณจันต์
มาจาก กฤษณาสอนน้องคำฉันท์
พระนิพนธ์ใน, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส
ค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 08 ก.ค. 05, 16:06
 กูจักฆ่าเทวา ห่าเหว
เลวทรามต่ำช้ามี ดีชั่ว


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 08 ก.ค. 05, 16:12
 ต่อให้หน่อยซิครับคุณ "เทาชมพู"


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ค. 05, 16:22
ทำไมจะต้องให้ดิฉันต่อล่ะคะ
คุณเอามาจากไหนก็ต่อของคุณเอง
อยากจะเห็นว่ามันเป็นวรรคทองตรงไหน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 08 ก.ค. 05, 17:18
 "วิวาห์พระสมุทร" - พระมงกุฎเกล้า

ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์
ไม่เห็นหน้านงลักษณ์ยิ่งมืดใหญ่
ถึงราตรีมีจันทร์อันอำไพ
ไม่เห็นโฉมประโลมใจก็มืดมน


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 08 ก.ค. 05, 17:23
 "อิเหนา" - พระมงกุฎเกล้า

โอ้ว่าอนิจจาความรัก
พึงประจักษ์ดังสายน้ำไหล
มีแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป
ไหนเลยจะไหลกลับมา


"ดุสิตสมิต" - พระมงกุฎเกล้า
มัวเผลอเพลินเพลิดด้วย     ความสุข
มัวฝันว่ามั่นทุก                    อย่างแล้ว
มัวคิดว่าหมดยุค                  เข็ญหมด
มัวพูดอวดดีแจ้ว                  จักต้องเสียใจ
.................................................................................
                     
เรียมรักนุชนาฏด้วย       เห็นใจ จริงเอย
ใช่รักรูปวิไล                     เลิศล้ำ
ชื่นจิตแต่หล่อนไข              คำซื่อ
อีกสิ่งปฏิบัติซ้ำ                  ส่งให้รักแรง


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ค. 05, 18:00
 อิเหนา เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 08 ก.ค. 05, 22:27
 เมื่อนั้น
กุมภกรรฐ์คำนับรับบรรหาร
กับพระคาวีปรีชาชาญ
รับสั่งแล้วคลานออกมา

เกณฑ์หมู่จตุรงค์องอาจ
พรหมทัตธิราชเป็นกองหน้า
ปีกซ้ายชุณรัตน์ราชา
ปีกขวาอินทรชิตฤทธิรงค์
กองหลวงล้วนสันทัดจัดเจน
กะเกณฑ์ให้พระสุวรรณหงษ์
คุมพวกพหลรณรงค์
แล้วโบกธงสัญญาคลาไคล ฯ ๔ คำ ฯ กราว

ออกจากขีดขินธานี
ปัถพีเลื่อนลั่นหวั่นไหว
เร่งทัพขับพหลพลไกร
เข้าในเหมันต์ทันที ฯ ๒ คำ ฯ เชิด




ขอบคุณอาจารย์เทาชมพูนะครับ สำหรับบทแปลงกาย
เป็นอีกบทนึงที่ผมชอบที่สุดใน อุณรุทร้อยเรื่องเลยครับ

เลยเอาบทจัดทัพ-เคลื่อนทัพมาฝากครับ






เคยมีผู้ใหญ่ท่านนึง เล่าให้ผมฟังว่าคุณพุ่มเป็นเหมือนดีเจประจำวัง ใครมีก๊อซซิปอะไร ก็ไปเล่าให้เธอฟัง แล้วเธอก็กระจายเสียงผ่านบทขับกลอนไป เหมือนที่เราจะเห็นได้จากกลอนเพลงยาวเรื่องหม่อมเป็ดสวรรค์ ที่หม่อมสุดกับหม่อมขำเล่นเพื่อนกันในตำหนักกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพซึ่งว่ากันว่าเป็นบทประพันธ์ของเธอ

ตามความเห็นของผู้ใหญ่ท่านที่เล่าให้ผมฟังนั้น กลอนบทละครเรื่องอุณรุทร้อยเรื่อง จึงเหมือนการรวบรวมเอาเรื่องก๊อซซิปต่างๆของชาววังเอาไว้ และนำเสนอผ่านตัวละครแทบไม่ซ้ำหน้าที่เปลี่ยนชื่อ แปลงร่างกันไปในแต่ละบทละบาทของกลอน

แต่ในช่วงบั้นปลายชีวิตของคุณพุ่ม จึงดูเหมือนว่าเธอเป็นคนไม่เต็มซักเท่าไหร่ ได้แต่แต่งกลอนแปลกๆๆในนามปากกาของคุณสุวรรณ แต่ถ้าใครที่เคยได้อ่านกลอนของเธอ ไม่ว่าจะอุณรุทร้อยเรื่อง หรือ พระมเหลเถไถ เทียบกับระเด่นลันไดของพระมหามนตรี(ทรัพย์)แล้ว คงพอจะดูออกว่าสำนวนที่เขียนมีระดับแตกต่างกันมากขนาดไหน

แต่ผู้ใหญ่ที่เล่าให้ผมฟัง ท่านก็เตือนผมไว้ว่า ท่านเอง ก็เกิดไม่ทันคุณสุวรรณและไม่ได้เติบโตในรั้วในวัง จึงอยากให้คนรุ่นหลังอ่านอุณรุทร้อยเรื่องเหมือนอ่านกลอน อ่านนิทานสนุกๆสักเรื่องมากกว่านะครับ


(ขอยกมาพูดเกี่ยวกับคุณพุ่มไว้ตรงนี้นะครับ หงังว่าคุณ paganini คงไม่โกรธผมนะครับ)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 09 ก.ค. 05, 10:50
 แฮะๆๆๆๆ รู้ไปหมดเลยนะครับคุณ เทาชมพู ผมเนี่ยความรู้แค่หางอึ่งเมื่อเทียบกับคุณเทาชมพู


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 09 ก.ค. 05, 10:52
 อย่างที่ท่านผู้นำของเรากล่าวไว้เลยว่า รู้น้อยอย่าพูดมาก งั้นคราหน้าถ้าผมไม่รู้ก็จักไม่โพสต์อีกเลย


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 09 ก.ค. 05, 11:00
 บางครั้งปล่อยตัวไปในกระแสรัก
บางคราโจนทะยานไปในธารเมรัย
บางครั้งกระชับดาบ
บางครามือจับพู่กัน
ในระหว่างความเป็นและความตาย
เพียงชั่วกระพริบตาเท่านั้น
มีชีวิตจะเป็นไร
ตายไปก็จะเป็นไรไปเล่า ?


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ค. 05, 15:21
 คุณพุ่ม กับคุณสุวรรณเป็นคนละคนกัน  
คุณติบอเขียนเหมือนเป็นคนเดียวกัน
ยังงั้นหรือคะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 09 ก.ค. 05, 21:31
 มากราบขอโทษท่านสมาชิกทุกท่านที่เผลออ่านไปแล้วครับ

อย่างที่อาจารย์เทาชมพูว่าไว้ล่ะครับ
คนละคนกัน ผมเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคของผมเองครับ เขินเลย 555+


คนละคนครับ สายสกุลบางช้าง กับ สกุลภมรมนตรี รึเปล่าครับ


ขอโทษอีกครั้งนะครับ มาอ่านอีกรอบ (ตอนนี้) เขินตัวเองเลยครับ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: kenkorn ที่ 14 ก.ค. 05, 20:42
 เราเชื่อผีจึงรับนับถือผี
มีผีดีผีร้ายผีหลายเหล่า
ทั้งผีสางคางแดงผีแฝงเงา
พร้อมผีเรือนผีเหย้าเผ้าอารักษ์
(เนาวรัตน์ฯ)

ใจร้ายแฮะต่อหน่อยก็ไม่ได้


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: นิรนารี ที่ 20 ก.ค. 05, 20:00

โคลง๔

เสียงลือเสียงเล่าอ้าง.........อันใด พี่เอย
เสีงย่อมยอยศใคร ...........ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับไหล...........ลืมตื่น ฤาพี่
สองพี่คิดเองอ้า ...............อย่าได้ ถามเผือ ฯ

เป็นวรรคทอง
ในบทกวีนิพนธ์ตำราวรรณคดีเรื่อง ลิลิตพระลอ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: คำฝอย ที่ 20 ก.ค. 05, 22:25
 นิจจาเจ้าวันท้องน้องพี่อา
พี่จำหน้าเนื้อน้องได้ทุกแห่ง
นิจจาเอ๋ยช่างกระไรมาแปลกแปลง
เอามือคลำแล้วยังแคลงอยู่คลับคล้าย
เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มประทุ่มต่ำ
เด็ดใบบอนช้อนน้ำที่ไร่ฝ้าย
แต่กินหมากเจ้าอยากพี่ยังคลาย
แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน
เจ้ามาได้ผัวดีมีทรัพย์มาก
จึงลืมเลือนเพื่อนยากแต่เก่าก่อน
หลงลมขุนช้างมันช่างวอน
.................................

วรรคสุดท้ายลืมค่ะ ที่จำมาได้ก็กระท่อนกระแท่น
มาจากขุนช้างขุนแผน ตอนที่ขุนแผนจะเข้าไปลักตัวนางพิม ค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ค. 05, 07:26
 นิจจาเจ้าวันทองน้องพี่อา
พี่จำหน้าเนื้อน้องได้ทุกแห่ง
นิจจาใจช่างกระไรมาแปลกแปลง
เอามือคลำแล้วยังแคลงอยู่คลับคล้าย

เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มกระทุ่มต่ำ
เด็ดใบบอนช้อนน้ำที่ไร่ฝ้าย
พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย
แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน

เจ้ามาได้ผัวดีมีทรัพย์มาก
จึงลืมเลือนเพื่อนยากแต่เก่าก่อน
หลงเชิงชุนช้างช่างชะอ้อน
กอดท่อนซุงสักสำคัญคน

ค่ะ

บทนี้เป็นโวหารตัดพ้อต่อว่าที่เฉียบคมมาก
เป็นที่จดจำกันมามากที่สุดบทหนึ่งในขุนช้างขุนแผน
ฝีพระโอษฐ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ยอดเยี่ยมจริงๆ

คำว่า เจ้าเคี้ยวหมากพี่อยากเจ้ายังคาย
แสดงความโรแมนติคกันสุดๆ คือคายชานหมากให้กัน
สมัยนี้คงกินไม่ลงก็จริง
แต่สมัยก่อน  แม่ทัพที่จะออกไปรบ จะรับชานหมากพระราชทาน
ไปเคี้ยวเป็นขวัญกำลังใจ
ถือกันว่าเป็นการพระราชทานด้วยความไว้วางพระทัยสูงสุด


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ดารากร ที่ 21 ก.ค. 05, 22:36
 แช่มชื่นรื่นร่มพนมพนัส
สิ้นวิบัติไพรีไม่มีข้อง
อิงแอบแนบเนื้อนวลละออง
หนุนแต่ขอนไม้รองสำราญใจ

ไร้ฟูกถูกเนื้อวันทองอ่อน
เหมือนนอนเตียงทองอันผ่องใส
เพลินฟังวังเวงเพลงเรไร
พิณพาทย์ไพรกล่อมขับสำหรับดง

เมื่อสิ้นแสงเทียนประทีปส่อง
ก็ผ่องแสงจันทร์กระจ่างสว่างส่ง
บุปผาชาติสาดเกสรขจรลง
บุษบงเบิกแบ่งสะบัดบาน

เรณูนวลหวนหอมมารวยริน
ประพายพัดประทินกลิ่นหวาน
เฉื่อยฉิวปลิวรสสุมามาลย์
ประสารสอดกอดหลับระงับไป

จากขุนช้างขุนแผนตอนขุนแผนลุแก่โทษค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ครูหมูอ้วน ที่ 24 ก.ค. 05, 21:24
 สารนี้นุชแนบไว้..........ในหมอน
อย่าแม่อย่าควรเอา........อ่านเหล้น
ยามนอนนาฎก์เอานอน...เป็นเพื่อน
คืนค่ำฤๅได้เว้น............ว่างใด

กำศรวลศรีปราชญ์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ศสา ที่ 25 ก.ค. 05, 19:56
 งามทรงวงดั่งวาด
งามมารยาทนาดกรกราย
งามพริ้มยิ้มแย้มพราย
งามคำหวานลานใจถวิล
...กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ากุ้ง...


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ศสา ที่ 25 ก.ค. 05, 20:04
 ...แม้มิได้เป็นซามุไร         ก็จงพอใจที่เป็นสมุนเขา
แม้มิได้เป็นดอกซากุระ      ก็อย่ารังเกียจที่จะเป็นดอกไม้อื่น
แม้มิได้เป็นถนน               ก็จงพอใจที่จะเป็นบาทวิถี
แม้มิได้เป็นดวงตะวัน         ก็ยินดีที่จะเป็นดวงดาว
อันว่าภูเขาไฟฟูจีนั้นสวย     แต่ภูเขาลูกอื่นก็มิได้ด้อยค่า
ไม่ว่าจะเป็นอะไร              จงพอใจ และเป็นให้ดีที่สุด

...ดร.เกียรติวรรณ  อมาตยกุล...


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: คำฝอย ที่ 26 ก.ค. 05, 18:29
 ไม่แน่ใจว่าในเรื่อง ขุนช้างขุนแผน เป็นต้นกำเนิดสำนวนไทยบางสำนวน หรือ มีสำนวนไทยอยู่ก่อนแล้วถูกกวีหยิบยกมาใช้ในบทประพันธ์ ที่ดิฉันจำได้คือ ตอนที่นางวันทองตัดพ้อขุนแผน ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นตอนที่ขุนแผนมาพาหนี แล้วเธอก็เกิดแง่งอน กันระหว่างทั้งสองฝ่าย จำได้ว่านางวันทองกล่าวว่า " อดน้ำแล้วสิเลี้ยวมากินตม"  และตอนที่ขุนแผนรำพึงว่า " เหมือนกินน้ำเห็นปลิงทุกสิ่งไป" แต่จำกลอนทั้งหมดไม่ได้เสียแล้วล่ะค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เตียบ่อกี้ ที่ 19 ส.ค. 05, 20:10
 "โฉมควรจักฝากฟ้าฤาดิน  ดีฤา
เกรงเทพไท้ธรณิน  ลอบกล้ำ
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน  บนเล่า ณ แม่
ลมจะชายชักช้ำ  ชอกเนื้อ เรียมสงวน"
"เรียมร่ำน้ำเนตรถ้วม  ถึงพรหม
พาหมู่สัตว์จ่มจม  ชีพม้วย
พระสุเมรุเปื่อยเป็นตม  ทบท่าว
หากอกขนิษฐานี้ช่วย  พี่ไว้จึ่งคง"

นิราศนรินทร์


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: Mr.B ที่ 20 ส.ค. 05, 21:26
 ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง  
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ
สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย
ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ
วรรคนี้อ่านแล้วชอบมากๆ จากนิราศภูเขาทองของสุนทรภู่ครับ
(นิราศภูเขาทองของสุนทรภู่ได้ชื่อว่าป็นนิราศที่สั้นที่สุดแต่ไพเราะที่สุดครับ)


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 05, 09:54
กระทู้นี้ยาวมากแล้วค่ะ   บางท่านอาจจะโหลดข้อความได้ลำบาก
ขอเชิญไปต่อที่กระทู้นี้ ซึ่งยังสั้นอยู่ พอจะโหลดได้สะดวก

 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=19&Pid=16554

ขอจบกระทู้นี้ไว้แค่นี้นะคะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: สลักทองคล้องอำไพ ที่ 08 ธ.ค. 05, 21:09
 ผมหน้าใหม่นะครับแต่ขอส่งนี่มาก่อนกลอนนะครับ( กลอนจะมาทีหลัง )    


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: สลักทองคล้องอำไพ ที่ 08 ธ.ค. 05, 21:09
 ความกลัว มิใช่ความรัก
การเกาะอิงพึ่งพิงผู้อื่น ก็มิใช่ความรัก
ความอิจฉาริษยา ก็มิใช่ความรัก
การครอบครองเป็นเจ้าของ
และการวางอำนาจเหนือ ก็มิใช่ความรัก
ความต้องการที่จะรับผิดชอบและหน้าที่  มิใช่ความรัก
ความสงสารตัวเอง ก็มิใช่ความรัก
ความปวดร้าวที่มิได้รับความรัก ก็มิใช่ความรัก
ความรัก มิใช่สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเกลียด
เช่นเดียวกับความอ่อนน้อมถ่อมตน
ก็มิได้เป็นสิ่งตรงกันข้ามกับความทระนง...


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: สลักทองคล้องอำไพ ที่ 08 ธ.ค. 05, 21:12
 กัมปนาทฟาดเปรี้ยงเสียงพิโรธ
ทุ่มความโกรธผ่านวิชชุที่ลุไล่
ทำลายภูตรงหน้าให้สาใจ
ฟาดลงไปสะกิดปลิวเป็นริ้วรอย

คราวเยือกเย็นเป็นวรรษามาซบเซาะ
เสียงเสนาะกล่อมผาคราเงื่องหงอย
ให้สดชื่นฟื้นชนม์ยามฝนปรอย
ลบร่องรอยอัสนีที่บีฑา

คราวอบอุ่นละมุนโลกโบกวายุ
คลายระอุเมทนีที่พื้นผา
กล่อมยอดเขาเร้าลมสมอุรา
นี่คืออารมณ์เพื่อนที่เยือนยล

ฉันเป็นเพียงภูผาศิลาแกร่ง
จะกี่แรงกัมปนาทที่ฟาดหน
ยังทะนงคงมั่นไม่หวั่นตน
รองอารมณ์ของคนเป็นเพื่อนกัน

ฉันเป็นเพียงภูผาศิลารัก
ให้สายฝนพิงพักยามวสันต์
ทอดเส้นสายพรายร่างให้พร่างพรรณ
มิเคยหันเหไปให้ไกลตา

ฉันเป็นเพียงภูผาศิลามั่น
มิมีวันเคลื่อนไปในใต้หล้า
รอสายลมพรมพริ้วเสมอมา
มิเคยลืมสัญญากับสายลม


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: สลักทองคล้องอำไพ ที่ 09 ธ.ค. 05, 19:49
 สวัสดีค้าบ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ธ.ค. 05, 23:58
 ค.ห. 103...จากอุณรุทร้อยเรื่อง ของคุณสุวรรณครับ..

เรื่องนี้ไม่เห็นเคยมีบรรจุในหลักสูตรมัธยมเลยค่ะ แล้วไปหาอ่านกันจากที่ไหนค่ะ


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 17 ธ.ค. 05, 00:48
 ที่ผมหาได้ เป็นสำเนาจากหนังสือเก่าในห้องสมุดจุฬาฯครับ
รวมเล่มอยู่กับ กลอนอีก 2 - 3 เรื่องของคุณสุวรรณ (ที่รู้จักกันดีคงไม่พ้น "พระมเหลเถไถ" มั้งครับ) และบทละครเรื่องระเด่นลันไดของพระมหามนตรี (ทรัพย์)

จนเมื่อหลายเดือนก่อน เพื่อนสนิทที่ไมได้คุยกันนานโทรเข้ามาบอกว่าเจอเล่มเก่า(แต่ทางสำนักพิมพ์แก้ราคาใหม่เป็น 50  บาท - จากเดิม 15 บาท)วางขายอยู่หลายเล่ม ผมจะเอากี่เล่ม เลยได้ซื้อมาอีก 6 เล่ม(จนหมดที่เขาขายอยู่) แต่ก็แจกเพื่อนๆกันไปหลายเล่มแล้วเหมือนกันครับ

เดี๋ยวจะเก็บไว้ให้พี่นุชนาเล่มนึงนะครับ

     


กระทู้: วรรคทองในวรรณคดีสุดโปรดของท่าน
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 17 ธ.ค. 05, 04:49
 ขอบคุณค่ะ ต้องบอกว่าคุณติบออ่านรอๆหน่อยนะ อย่าล้ำหน้ามากนัก วันก่อนเรื่องแปลงกาย
ก็งงไปทีหนึ่งแล้ว จขกท คิดขึ้นมาได้ไงว่าในวรรณคดีมีการแปลงกายกันมากขนาดนั้น ทึ่งน่ะ