ลิเก น่าจะมีก่อนรัชกาลที่ ๕ นะคะ คุณเพ็ญชมพู คลับคล้ายคลับคลาว่าในประกาศของรัชกาลที่ ๔ มีการประณามลิเกด้วย ว่าเป็นสิ่งไม่สมควรจะดู
แต่ดิฉันจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว
ดร.สุรพล วิรุฬรักษ์ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่องลิเก มีคนคัดลงในวิกี้ ก็เลยคัดมาให้อ่านอีกที
ลิเก เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือต้นกรุงรัตนโกสินทร์ คำว่า ลิเก เพี้ยนมาจากคำว่า ซิเกร์ ในภาษาเปอร์เซีย ที่ยืมมาจากคำว่า ซิกรุ (Zakhur) ในภาษาอาหรับ อันหมายถึงการอ่านบทสรรเสริญเป็นการรำลึกถึงอัลลอหฺพระเจ้าในศาสนาอิสลาม พระครูศรีมหาโพธิคณารักษ์ก็ได้กล่าวถึงลิเกไว้ ว่า พวกมุสลิมนิกายชีอะห์ หรือเจ้าเซ็นจากเปอร์เซีย นำสวดลิเกที่เรียกว่า ดิเกร์ เข้า มาในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กรมพระยาดำรงราชานุภาพก็ทรง บันทึกว่า ยี่เกนั้น เพี้ยนมาจาก จิเก
มีบันทึกว่า พวกแขกเจ้าเซ็นได้ สวดถวายตัวในการบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อ พ.ศ. 2423 ต่อมาคิดสวดแผลงเป็นลำนำต่าง ๆ คิดลูกหมดเข้าแกมสวด ร้องเป็นเพลงต่างภาษา และทำตัวหนังเชิด โดยเอารำมะนาเป็นจอก็มี ลิเกจึงกลายเป็นการเล่นขึ้น ต่อมามีผู้คิดเล่นลิเกอย่างละคร คือ เริ่มร้องเพลงแขก แล้วต่อไปเล่นอย่างละครรำ และใช้ปี่พาทย์อย่างละคร
สวดดิเกร์ มีมาก่อนรัชกาลที่ ๕ แต่ลิเกที่เป็นการประยุกต์จากสวดดิเกร์ของแขกมุสลิม
ที่มาสวดในการพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ จนกลายเป็นการแสดงละครนั้น
เพิ่งเริ่มมีในสมัยรัชกาลที่ ๕ ลิเกคณะแรก คือคณะลิเกของพระยาเพ็ชรปาณี
ดังข้อความว่า
"...การแสดงลิเกออกภาษาในส่วนที่เป็นสวดแขกกลายเป็น การออกแขก
มีผู้แสดงแต่งกายเลียนแบบชาวมลายูออกมาร้องเพลงอำนวยพร
มีตัวตลกถือขันน้ำตามออกมาให้ผู้แสดงเป็นแขกประพรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล
ส่วนที่เป็นชุดออกภาษา กลายเป็นละครเต็มรูปแบบ ซึ่งวงรำมะนายังคงใช้บรรเลงตอนออกแขก
แต่ใช้ปี่พาทย์บรรเลงในช่วงละคร เครื่องแต่งกายหรูหราเลียนแบบข้าราชสำนักในสมัยรัชกาลที่ 5
จึงเรียกว่า ลิเกทรงเครื่อง ลิเกทรงเครื่องแสดงในโรง (วิก) และเก็บค่าเข้าชม
เกิดขึ้นโดยคณะของพระยาเพชรปาณี ข้าราชการกระทรวงวัง ซึ่งนำแสดงโดยภรรยาของตน
วิกพระยาเพชรปาณีตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง หน้าวัดราชนัดดาราม ..."
จาก
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=10223.0