ส่วนเสรีไทยที่โดนยิงตายสองท่าน เข้าใจว่าเป็นฝีมือของตำรวจที่อยากปล้นทองที่เสรีไทยพกติดตัวมา เลยวิสามัญซะเลย ก็นับว่าเป็นความสูญเสียที่น่าเศร้าและน่าเสียดายยิ่งนัก
เสรีไทยสายอเมริกา ๒ ท่านนี้คือร้อยเอกการะเวก ศรีวิจารณ์ และร้อยโทสมพงษ์ ศัลยพงษ์
แครี่ (การะเวก ศรีวิจารณ์) รู้จักชายแดนตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอย่างดี เขาเป็นคนขรึม กำลังกายปานกลางและรู้จักชั่งใจ พ.อ. ขาบถือว่าเขาเป็นสื่อสารดีที่สุด คู่ของเขา คือ ทาซานแซล (สมพงษ์ ศัลยพงศ์) ขี้โกรธและใจเร็ว ไม่กลัวใครหรือสิ่งใด ทั้งสองทำงานร่วมกันดี แครี่สามารถนำกำลังของแซลให้เป็นประโยชน์
เนื่องจากเป็นการเดินทางเข้าประเทศไทย เป็นครั้งแรกของเสรีไทยสายอเมริกา โดยที่ยังไม่มีการประสานงานมาก่อน ทำให้คณะของการะเวกและสมพงษ์ ที่มีนายบุญช่วยเป็นผู้นำทาง ถูกตำรวจคุมตัวที่ตำบลบ้านด่าน อำเภอเชียงแมน จังหวัดล้านช้าง (ซึ่งเป็นของไทยในขณะนั้น) ในวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๘๗ ระหว่างทางทั้งสามถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต โดยอ้างว่าบุคคลทั้งสามขัดขืนและต่อสู้เจ้าหน้าที่ แต่จากคำให้การของ โล่ห์ โจ๊ะทอง ซึ่งเป็นนายท้ายเรือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้การต่อศาลในเวลาต่อมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฆ่าคนทั้งสามเพื่อชิงทรัพย์
แต่การเสียชีวิตของการะเวกและสมพงษ์ไม่สูญเปล่า เพราะการที่ตำรวจได้นำหลักฐานเช่นวิทยุและเอกสารต่าง ๆ รายงานให้ พล.ต.อ. อดุล อดุลเดชจรัส รับทราบ จึงรู้ว่ามีความพยายามในการติดต่อจากต่างประเทศเข้ามา
๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๗ ตำรวจเชียงแมนจับกุมการะเวกและสมพงษ์ข้อหาจารชนและยึดปืนพกไว้ ตามคำสั่งรัฐบาลต้องส่งทั้งสองไปที่กรุงเทพฯ แต่ตำรวจกลับควบคุมตัวเป็นเชลยลอยเรือไปกลางลำน้ำโขง เมื่อเวลาราว ๑๕.๔๐ น. ส.ต.ท.สมวงษ์ จันทศร และพลตำรวจถึง มูลพิชัย ได้ยิงปืนใส่ทั้งสอง และผู้นำทาง ร.อ.การะเวกกับผู้นำทางเสียชีวิตทันที ส่วนร.ท.ยังไม่ตายร้องขึ้นว่า"ผมเป็นคนไทยแท้ ๆ ผมมาทำงานเพื่อชาติ ไม่ควรยิงผมเลย"
แต่ตำรวจทั้งสองไม่ปรานีมุ่งค้นสมบัติที่เสรีไทยทั้งสองนำติดตัวมา และเมื่อได้ทองคำที่ทั้งสองได้รับจาก O.S.S.มาใช้ในงานกู้ชาติก็โยนร.ท.สมพงษ์ลงน้ำโขง เมื่อว่ายขึ้นมาก็ใช้ไม้ค้ำคอลงไปในลำน้ำ ขณะที่กำลังว่ายหนีไปอยู่ที่แก่งหินกลางน้ำ พลตำรวจถึงยิงใส่ร.ท.สมพงษ์จมหายไปท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว
เรือลำนั้นกลับมาที่สถานีตำรวจเชียงแมนเเวลา ๑๗.๐๐ น. แล้วอ้างว่าจารชนขัดขืน ต่อสู้แย่งชิงปืนตำรวจจึงถูกวิสามัญฆาตกรรม จากนั้นยึดปืน,กระสุนปืน,พันธบัตร,ทองคำ,เครื่องรับส่งวิทยุไว้ ศพของ"แครี่"การะเวกกับคนนำทางถูกทิ้งไว้หน้าสถานีตำรวจ จนเย็นวันรุ่งขึ้นจึงนำไปขุดฝังไว้หลังสถานี ส่วนศพของสมพงษ์ไม่มีผู้พบเห็นทำให้ญาติยังฝังใจมาจนทุกวันนี้ว่าเขายังไม่ ตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๘ ปรีดี พนมยงค์ "รูธ"หัวหน้าขบวนการเสรีไทย กล่าวปราศรัยก่อนสลายขบวนการเสรีไทยตอนหนึ่งว่า
"ขอให้ท่านได้สำนึกถึงวีรกรรมของเพื่อนร่วมตาย ซึ่งต้องเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้คือนายจำกัด พลางกูร ,นายการะเวก ศรีวิจารณ์ และนายสมพงศ์ ศัลยพงศ์ ชีวิตเขาสิ้นไปเพื่อได้มาซึ่งเอกราช และความคงอยู่ของชาติไทย ซึ่งชาวไทยไม่ควรลืม"ข้อมูลจาก
หนังสือตำนานเสรีไทย โดยดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร และบทความ ๖๐ ปีเสรีไทย โดยธนาพล อิ๋วสกุลภายหลังวีรชนเสรีไทยทั้ง ๒ ท่านนี้และอีกท่านหนึ่งที่เสียชีวิตที่จุงกิงคือคุณจำกัด พลางกูร ได้รับพระราชทานยศเป็น "พันตรี" ชื่อของทั้ง ๓ ท่านถูกจารึกไว้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาจนตราบทุกวันนี้