เรือนไทย

ครับสืบเนื่องจากการพูดคุยในกระทู้ของคุณเนเรื่องพระพุทธบาทสระบุรีเลยเอามาเรียกน้ำย่อยก่อนครับ เศียรสำริดนี้มีอยู่ ๒ คู่  คู่หนึ่งสมัยพระเจ้าปราสาททอง (ที่เอามาลงให้ดูครับ )  อีกคู่สร้างในสมัยพระเจ้าทรงธรรม สังเกตว่าเศียรนาคตรงกลางโดนถอดยอดไปแล้วไม่รู้ว่าหายไปไหน ( โชคดีที่ถ่ายรูปตอนที่ยังมียอดอยู่เอาไว้ จะลงในรูปต่อๆไปครับ )

อันนี้เป็นรูปด้านหลังของนาคสำริดครับใครเคยเห็นงูเห่าแผ่แม่เบี้ยคงรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของช่างให้ความรู้สึกเหมือนงูๆจริงๆเลย ให้ดิ้นตายเลยครับ  เคยไปดูเก้าอี้แกะสลักไม้เป็นรูปพญานาคในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแล้วหงอนพญานาคที่เป็นลายกนกหักไปทำให้เห็นเลยว่านี่มันงูเห่าชัดๆใครบอกว่าช่างไทยไม่รู้กายวิภาค   ช่างไทยนี้ท่านรู้กายวิภาคแต่ท่านเลือกเอาความงามของรูปทรงเส้นตัดทอนให้เหลือแต่ความงามเอาความไม่งามออกไป  ชมทัศนารูปต่อไปเลยครับเดี๋ยวจะหาว่าผมโม้มากไปครับ

ด้านหลังของเศียรพญานาค(เศียรรองจากเศียรกลาง) ลืมบอกไปว่าช่างโบราณท่านเก่งเรื่องหล่อคือท่านหล่อเป็นชิ้นๆแล้วใช้สลักโลหะต่อกันอย่างแนบเนียนมากครับไม่ได้หล่อทั้งชิ้นเป็นชิ้นเดียวแบบปัจจุบันครับ

มุมมองหนึ่ง

เพราะความที่สลักถอดได้จึงทำให้โจรลักลอบถอกออกไปหมดอย่างที่เห็นครับ

เศียรกลางด้านหลังครับ  โปรดสังเกตทีละส่วนนะครับเส้นลวดรอบเทริดที่เป็นเม็ดกลมๆเกิดจากการใช้เขาควายเล็กๆเป็นรูกดขี้ผึ้งลงไป  ตามกระจังหรือลายที่เป็นวงกลมๆก็ใช้เทคนิคเดียวกันส่วนการบากลายใช้ไม้เนียนหรือไม้ละเอียด(ทำจากเส้นทองเหลือง มาตีให้ปลายทั้งสองด้านแบน)  ปลายลายนี่เป็นติ่งสะบัดซะสวยงามตามลายปั้นขี้ผึ้งจริงๆ

เศียรด้านนอกยังอยู่ดี  สังเกตรูสี่เหลี่ยมที่คอเป็นสลักเดือย  แต่เดือยถูกถอดออกไปถ้ายังอยู่จะเหมือนเศียรข้างๆที่เป็นรูปกระจังและมีหมุดเหมือนตะปูอยู่ตรงปลายเพื่อเชื่อมระหว่างเศียรกับคอครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ  อันนี้เป็นนาคอีกด้านหนึ่งลายด้านหลังจะไม่เหมือนกันครับ

รูปต่อไปครับดูกนกเสียก่อนว่าสบัดเพียงไหน   หล่อเป็นชิ้นและติดด้วยสลักเช่นกัน

อีกด้านหนึ่ง  โปรดสังเกตโครงของกนกที่ลื่นไหล  ไม่เป็นทรงสามเหลี่ยมเหมือนรัตนโกสินทร์

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

ด้านหลัง โปรดสังเกตว่าลายด้านหลังเป็นลายก้านขดสำหรับฝั่งนี้

ด้านหลังนาค

ลายด้านหลังอีกฝั่งหนึ่งสังเกตว่าครูจะออกลายไม่เหมือนกัน   สังเกตดุมลายประจำยามตรงช่วงคอ เป็ยสลักดุนถอดได้สำหรับยึดตัวกับคอพญานาคครับ

รูปต่อไปครับ   เห็นเกสรของดอกบัวไหมครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

รูปต่อไปครับ

ภาพนี้ครั้งหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ที่พระพุทธบาทมีโครงการจะปั้นยักษ์โลหะสี่ตนขึ้นอันนี้เป็นแบบสเก็ซหนึ่งในสี่องค์แต่โครงการถูกล้มเลิกไปในภายหลังครับ   ตอนนั้นได้มีการเปิดวิหารน้อยด้านหลังเขาพระพุทธบาทโดยเข้าไปดูกับเจ้าหน้าที่ของกรมศิลป  มีซุ้มเรือนแก้วแกะไม้สมัยอยุธยาตอนต้น ซึ่งอ.ผมได้ถ่ายภาพไว้   และในคืนวันเดียวกันก็มีคนร้ายมานำเอาซุ้มนี้ไปขายเรียบร้อยแล้วโดยจับมือใครดมไม่ได้น่าเสียดายศิลปกรรมของชาติชิ้นนี้อย่างยิ่ง   ถ้ามีเวลาจะไปขอภาพถ่ายที่บ้านอ.  และนำมาให้ดูต่อไปในภายภาคหน้า  ลากันด้วยภาพงานปั้นของตนเองที่แสดงที่ริเวอร์ซิตี้เมื่อสิบกว่าปีก่อน   ไปนอนแย้ว.......

รูปนาคเจ็ดเศียรในคคห ๓๐   มีพลังส่งประกายออกมาวับ ๆ

ยอยเยี่ยมไปเลยครับพี่  เชิงช่าง รายละเอียด ภาพถ่าย น่าตื่นตาตื่นใจมาก :o
ทุกครั้งที่ไปพระบาทก็ต้องมาขึ้นบันไดนี้ก่อนทุกครั้ง แค่ได้เห็นรูปหล่อสำริดก็ชอบ
มากมาย นั่นเป็นความคิดสมัยเด็กๆ แต่พอมาตอนนี้เห็นแล้วภาคภูมิใจมากกว่าครับ

ฮั่นแน่ ลูกศิย์อาจารย์สุดสาคร สำแดงฝีมือซะแล้ว ครูเดียวกัน ชอบเหมือนกัน เดี๋ยวนี้ยังปั้นอยู่รึเปล่าครับ ส่วนเรื่องนาคเจ็ดเศียร อีกด้านนึงซึ่งรู้สึกจะทำสมัยรัตนโกสินทร์ แม้จะไม่สวยเท่า แต่ก็น่าดูนะครับ

ว่าแต่พี่เคยเห็นราวเทียนเรื่อนาคราชไหมคับ หรือพอจะมีรูปไหมคับ ล่าสุดไปมา ส่วนที่เป็นมิวเซียมได้ปิดลง ด้วยเหตุผลของอาคารที่เก็บรักษานั้นชำรุด เสียดายจังอยากเข้าไปดู เพื่อเจอราวเทียนชึ้นนั้น ซึ่งคุณโพธิประทับช้างได้เคยเขียนไว้ว่าเป็นรูปเรือสมัยอยุธยา อยากเห็นๆๆ ในส่วนหัวนาคเจ็ดเศียรนี้เราอ้่งอิงเป็นส่้วนของโขนเรือในยุคนั้นได้ไหมคับพี่ๆผุ้รู้

 :o...โห ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ แปลกตามากเลย

ขอบคุณคุณพรรษาครับที่นำมาให้ชมครับ

โอ้ววววววววว ใช่เลยครับบบบบบบบบบบบบบบบบ อันนี้ละ พี่ๆลองสังเกตุว่าช่วงปลายหางเรือนั้นเหมือนมาก กับในบันทึกของชาวต่างชาติเลยคับ ขอบคุณมากๆๆคับที่ได้หามาให้ดูเป็นบุณตา ว่าแต่ของจริงไปไหนแล้วละ เฮ้อ ข่าวเศร้าอีกเรื่อง ที่ลพบุรี คนร้ายได้เข้าไปตัดเศียรพระอีกแล้ว คราวนี้ตั้งหกองค์ พวกมันนี้ไม่กลัวนรกเลยนะคับ

สวยงามมากครับ ขอบคุณที่ถ่ายรูปดี ๆ มาให้ดู
วันหลังมีเวลาจะเเวะไปพระพุทธบาทไปดูนาคสำริดซะหน่อย
เห็นเเล้วภูมิใจในความเป็นไทยเเละความสามารถของบรรพชนของเรา 8)
ประทับใจจริงๆ 8)

ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ ได้ความรู้ใหม่ว่านาค 2 ตนนี้ถอดสลักได้  ::)
ครูช่างสมัยโบราณท่านเก่งจริงๆ ดูแล้วเหมือนนาคมีชีวิตจิตใจ

อดคิด (แบบเด็กๆ) ถึงเทคโนโลยีการหล่อปืนสมัยอยุธยาไม่ได้ ปืนแต่ละกระบอกก็ใหญ่โต งดงาม บ้านเมืองก็มั่งคั่งบริบูรณ์ ทำไมไม่หล่อปืนไว้เยอะๆ เอาไว้ป้องกันบ้านเมือง จะว่าบ้านเราเมืองพุทธ ฝักใฝ่ในพระศาสนา ไม่ฝักใฝ่สงครามก็อาจจะพอฟังได้ แต่ก็ยังอดคิดเล่นๆไม่ได้   :-\

โลหะวิทยาในการทำอาวุธของไทยเราก้าวหน้ามากครับ.......ขอยืนยัน
ปืนใหญ่ที่หน้ากระทรวงกลาโหม ตั้งตากเเดด ตากฝนมาเป็นร้อยปี
สนิมเล่นไม่ได้เลย......ลองเป็นเหล็กสมัยนี้สิอยู่ถึงไหม? สเเตนเลสยังสู้ไม่ได้เลย
วิชาความรู้ของไทยหลายๆเรื่องสูญหายกันไปมากตอนเสียกรุง
อย่างน้อยก็เรื่องเหล็กเเข็งที่เอามาทำลำกล้องปืนประเภทต่างๆอย่างหนึ่งละ
อีกอย่างก็เหล็กออ่นเเต่เหนียว ที่เรียกว่าเหล็กกำพลที่ใช้ทำดาบที่ให้ตัวได้ดีอย่างหนึ่งละ
น่าเสียดายจริงๆ

วิจิตรมากๆครับ

......