naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1005 เมื่อ 27 มิ.ย. 18, 18:29
|
|
แว๊ปไปเรื่องแตงกวาญี่ปุ่นนิดนึงครับ
เดี๋ยวนี้ แตงกวาญี่ปุ่นมีขายอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เป็นแตงกวาที่มีเนื้อเยอะ มีใส้ในน้อย มีความกรอบไปในเชิง brittle ต่างกับแตงกวาของเราที่มีความกรอบไปในเชิง crisp เอามาทำอาหารแทนกันได้น่าจะเกือบทุกเมนู ยกเว้นอยู่เมนูหนึ่ง(เท่าที่นึกออก) คือเอามาทำแตงกวายัดใส้ไม่ได้ (ต้มจืด)
และก็มีอยู่เมนูหนึ่งที่ใช้แตงกวาญี่ปุ่นทำได้แต่ใช้แตงกวาไทยทำไม่ได้ เอาแตงกวาญี่ปุ่นมาหั่นเป็นท่อนๆยาวประมาณ 1 นิ้ว ผ่าตามยาวออกเป็นสี่ส่วน หรือหกส่วน หรือใหญ่เล็กตามต้องการ เอาใส่ในจาน แล้วเอาซีอิ๊วขาวราด ครับ เท่านี้เอง จะกินเป็นผักกรอบๆกับข้าวต้มก็ได้ จะจัดเป็นจานผักในสำรับอาหารก็ได้ หรือจะกินเป็นผักแนมกับกับข้าวจานอื่นใดก็ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1006 เมื่อ 27 มิ.ย. 18, 18:43
|
|
แตงกวาญี่ปุ่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1007 เมื่อ 27 มิ.ย. 18, 19:06
|
|
กลับมาต่อเรื่องของกุนเชียง
แต่ก่อนนั้นจะเห็นมีแต่กุนเชียงเนื้อหยาบ เดี๋ยวนี้มีกุนเชียงแบบเนื้อละเอียดไม่ต่างไปจากใส้กรอกของฝรั่ง บรรดาอาหารที่ทำการถนอมอาหารในรูปแบบของใส้กรอกนั้น จะต้องมีการผสมมันของสัตว์เข้าไปด้วย และความอร่อยนุ่มนวลของมัน นอกจากรสแล้วก็คือความพอดีของส่วนผสมระหว่างมันกับเนื้อ ซึ่งทำให้แบบเนื้อหยาบนั้น อย่างน้อยเราก็พอจะเห็นปริมาณของมันที่มีผสมอยู่ ก็พอจะเลือกได้ว่าจะเอาแบบมีมันมากหรือมีมันน้อย แต่หากเป็นแบบเนื้อละเอียด เราจะเลือกได้ก็เพียงจากการอ่านฉลากหรือฟังจากคำบอกเล่าเท่านั้น จะจริงจะเท็จมากน้อยเพียงใดก็ไม่รู้ ผมจึงนิยมเลือกซื้อกุนเชียงแบบเนื้อหยาบ ซึ่งเมื่อเราเอามาทำกินเราก็ยังพอจะสามารถจะปรับปริมาณความมันได้ตามความต้องการ เช่น ใช้วิธีการปิ้งเพื่อไล่น้ำมันให้หยดออกไป ก็พอจะได้กุนเชียงที่สุก หอมกลิ่นใหม้ๆ และค่อนข้างแห้ง ทอดในกระทะบนไฟอ่อนก็จะไล่น้ำมันออกไปได้เยอะ เมื่ือเพิ่มไฟให้แรงหน่อยก็จะได้ผิวที่เกรียม หอม ซึ่งก็จะเป็นแบบที่มีน้ำมันเปียกไปหมด ต้องใช้กระดาษซับออก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1008 เมื่อ 27 มิ.ย. 18, 19:25
|
|
กุนเชียงปิ้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1009 เมื่อ 27 มิ.ย. 18, 19:27
|
|
เดี๋ยวนี้มีไมโครเวฟ ก็ทำให้มีวิธีทำกินกับกุนเชียงอีกวิธีหนึ่ง
หั่นกุนเชียงเป็นท่อนๆ เอาลงต้มในน้ำเดือดๆสักพัก ก็จะพอลดไขมันไปได้มากอยู่ ตักออกมาวางพอสะเด็ดน้ำ แล้วก็เอาเข้าไมโครเวฟไฟแรง เราก็จะได้กุนเชียงที่มีกลิ่นหอมและน่ากินไปอีกแบบหนึ่ง ในมุมหนึ่งก็คือการทอดด้วยน้ำมันที่มีอยู่ในตัวของมันเอง (ที่ออกมาจากมันที่ผสมปนกันอยู่ในเนื้อของกุนเชียง) มิใช่การทอดที่ใช้ความร้อนของน้ำมันในกระทะ ซึ่งจะอยู่แต่เพียงชายขอบรอบนอก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1010 เมื่อ 28 มิ.ย. 18, 19:25
|
|
ก่อนจะออกจากนครปฐม ก็ขอไปเรื่องข้าวหลามนิดนึง
ข้าวหลามนครปฐม กับ ข้าวหลามหนองมน ดูภายนอกจะเหมือนๆกัน แต่หากจะสังเกตหน่อยนึงจะพบว่ามันมีความต่างกันอยู่ เช่น ความใหญ่และความหนาบางของลำไม้ไผ่ ความสั้นยาวของกระบอกข้าวหลามทั้งอันและของปล้องส่วนที่ใช้ใส่ข้าวเหนียว และเนื้อในที่มีความนิ่มกำลังพอดีกับความนิ่มแฉะใกล้จะเป็นเปียกข้าวเหนียว
ไม้ไผ่ที่ใช้ของนครปฐมน่าจะเกือบทั้งหมดมาจากป่าใน จ.กาญจนบุรี ส่วนของหนองมนนั้นนอกจากจะมาจากกาญจนบุรีแล้ว ก็ยังมาจากที่อื่นๆอีกด้วย
เมื่อมีความต่างกันในเรื่องต่างๆ อาทิ ความมัน รส ข้าวเหนียวที่เลือกใช้ กระบวนการเผา กระบอกไม้ไผ่... ก็คงพอจะเห็นภาพของพื้นฐานว่า แม่ค้า/ลูกค้าจึงมีเจ้าประจำ และก็มีที่แม่ค้าเรียกว่าขาจร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1011 เมื่อ 28 มิ.ย. 18, 19:38
|
|
เรื่องราวสองสามวันมานี้อาจจะกระท่อนกระแท่นไปบ้าง ก็ต้องขออภัยด้วยครับ
จิตใจไปอยู่กับเรื่องน้องๆติดอยู่ในถ้ำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1012 เมื่อ 12 ก.ค. 18, 17:56
|
|
สบายใจแล้วครับ ภารกิจปฏิบัติการช่วยเหลือได้ประสบผลสำเร็จอย่างเยี่ยมยอด ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากเช่นกันที่ต้องสูญเสียผู้กล้าไปหนึ่งท่านในภารกิจครั้งนี้
มีความรู้สึกปิติที่เห็นความสามัคคีและพลังที่ยังฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของคนไทยและของผู้คนต่างชาติ ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ต่างศาสนา ต่างความเชื่อ ต่างวัฒนธรรม ที่ล้วนแต่มีสำนึกที่เปี่ยมไปด้วยการให้มากกว่าการโกย เข้าเกณฑ์พรหมวิหารสี่ที่สมบูรณ์เลยทีเดียว (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) คือเป็นลักษณะที่ต้องมีทุนสะสมอยู่ในตนเองแล้วจึงสามารถแสดงออกมาได้พร้อมกันไปทั้งในด้าน tangible และ intangible มิใช่มีแต่เพียงลมปากและเพียงแต่การกระทำที่พึงจะส่งผลให้บังเกิดแต่ตน พรรคพวกของตน และพวกพ้องของตนแต่เพียงเท่านั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1013 เมื่อ 12 ก.ค. 18, 19:19
|
|
ขอย้อนกลับไปในอดีตนิดนึงครับ
ยังจำภาพดอยนางนอนและกลิ่นไอของพื้นที่ อ.แม่จัน ว่าเป็นพื้นที่ๆมีน้ำอุดมสมบุรณ์ เป็นแหล่งผลิตข้าวเจ้าและข้าวเหนียวชั้นดีจนต้องมีชื่อติดห้อยท้ายข้าวสารที่นำมาขายกันในตลาด เมื่อนั่งรถผ่านพื้นที่ทุ่งนาในช่วงเวลาเย็น อากาศเย็น (สมัยนั้นใช้รถจี๊บที่ใช้กันในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง) ก็จะได้กลิ่่นหอมดอกมหาหงส์โชยบางๆ เมื่อผ่านหมู่บ้านก็จะเห็นต้นมหาหงส์ปลูกอยู่ริมรั้วหรือเป็นกอๆอยู่บริเวณประตูทางเข้าบ้าน หน้าบ้านก็จะเป็นลำเหมือง(ร่องน้ำขุด)ที่ไหลผ่านหน้าบ้าน ทำให้ผมรู้จักต้นมหาหงส์และกลิ่นหอมของมันมาตั้งแต่เด็ก ก็คงพอจะให้ภาพของความสวยงามและความสุนทรีย์ของธรรมชาติของพื้นที่นั้นในสมัยก่อนโน้นได้บ้างนะครับ
ก็อาจจะทำให้นึกโยงไปถึงความงดงามที่เกี่ยวกับเรื่องราวในตำนานของดอยนางนอน
ในปัจจุบันนี้ มหาหงส์ ก็ยังเป็นต้นไม้ที่ผมชอบมากๆอยู่ไม่เสื่อมคลาย กลิ่นของดอกมหาหงส์ที่โชยในอากาศเย็นๆให้ความรู้สึกของความความสดชื่น ความสะอาด และความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่ยังไม่ปนเปื้อนด้วยมลภาวะ (polluted environment)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1014 เมื่อ 12 ก.ค. 18, 20:42
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ninpaat
|
ความคิดเห็นที่ 1015 เมื่อ 13 ก.ค. 18, 16:51
|
|
สบายใจแล้วครับ ภารกิจปฏิบัติการช่วยเหลือได้ประสบผลสำเร็จอย่างเยี่ยมยอด ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากเช่นกันที่ต้องสูญเสียผู้กล้าไปหนึ่งท่านในภารกิจครั้งนี้
มีความรู้สึกปิติที่เห็นความสามัคคีและพลังที่ยังฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของคนไทยและของผู้คนต่างชาติ ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ต่างศาสนา ต่างความเชื่อ ต่างวัฒนธรรม ที่ล้วนแต่มีสำนึกที่เปี่ยมไปด้วยการให้มากกว่าการโกย เข้าเกณฑ์พรหมวิหารสี่ที่สมบูรณ์เลยทีเดียว (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) คือเป็นลักษณะที่ต้องมีทุนสะสมอยู่ในตนเองแล้วจึงสามารถแสดงออกมาได้พร้อมกันไปทั้งในด้าน tangible และ intangible มิใช่มีแต่เพียงลมปากและเพียงแต่การกระทำที่พึงจะส่งผลให้บังเกิดแต่ตน พรรคพวกของตน และพวกพ้องของตนแต่เพียงเท่านั้น
ปรากฏการณ์ที่ ถ้ำหลวง ขุนน้ำดอยนางนอน และที่ท่านอาจารย์บรรยายไว้ ทำให้ผมนึกถึงบทเพลงนี้ขึ้นมาครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 1016 เมื่อ 13 ก.ค. 18, 17:37
|
|
แม้จะเป็นเพียงฝันขอฝันเถิด โลกบรรเจิดเพียงใดอยากได้เห็น เลิกแบ่งเราแบ่งเขาเฝ้าลำเค็ญ เป็นดั่งเช่นเพื่อนร่วมโลกโศกเศร้าคลาย
ImagineImagine there's no countries It isn't hard to do Nothing to kill or die for And no religion too
ลบเส้นแบ่งแห่งรัฐชาติลองวาดฝัน เพียงเท่านั้นเรื่องร้ายร้ายก็คลายคลี่ ไม่ต้องฆ่าไม่ต้องรีบเอาชีพพลี และไม่มีเส้นทางต่างศรัทธา
No need for greed or hunger A brotherhood of man Imagine all the people Sharing all the world
จะสิ้นทุกข์ทรมานการกดขี่ เมื่อโลกนี้พี่น้องกันชนทั้งผอง ลองวาดฝันวันใหม่ได้ปรองดอง ร่วมแบ่งปันครรลองโลกของเราคำแปลโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1017 เมื่อ 13 ก.ค. 18, 18:12
|
|
ครับ
เป็นเพลงของ John Lennon ที่แต่งออกมาในสมัยสงครามเวียดนามกำลังทวีความรุนแรง มีการต่อต้านและประท้วงกันในสหรัฐฯ เป็นเพลงที่กล่าวถึงความฝันที่อยากจะเห็นภาพของความสันติสุขและความเสมอภาคของมนุษย์แบบสังคม Utopia
อันที่จริงแล้ว ในช่วงเวลาของการดำเนินการกู้ภัยที่ถ้ำหลวงนั้น โดยสภาพและสิ่งต่างที่เกิดขึ้นในองค์รวมแล้ว ก็เป็นลักษณะของสังคมที่เป็น Utopia ในลักษณะหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1018 เมื่อ 13 ก.ค. 18, 18:53
|
|
Utopia เป็นสังคมของการให้และการแบ่งปัน Dystopia เป็นสังคมของการผูกขาดและการกอบโกย
ด้วยความฉลาดของมนุษย์ก็เลยมีการสร้างภาพ Utopia เพื่อประโยชน์ของตนในด้าน Dystopia แต่ก็มีภาพในทางกลับกันเช่นกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1019 เมื่อ 13 ก.ค. 18, 19:39
|
|
ในสมัยก่อนโน้น ที่ตัว อ.แม่สาย และ อ.แม่จัน จะมีของอร่อยขาย 2 อย่าง คือ เป็ดและหมูสามชั้นย่างชานอ้อย ที่ตัวผมเองชอบจะเรียกว่าเป็ดและหมูพะโล้แห้ง เป็นของอร่อยที่ทำขายโดยพวกจีนฮ่อ มีแขวนขายอยู่ในร้านอาหารที่มีอยู่เพียงร้านหรือสองร้านในพื้นที่นั้นๆ ในปัจจุบันนี้หายไปไม่เคยเห็นอีกเลย แต่กลับมาเห็นมีขายในกรุงเทพฯแถวเยาวราช เคยซื้อมาทานแต่รู้สึกไม่อร่อยติดใจอย่างที่เคยกินมาเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
ไปลองท่องหาความรู้ก็เลยได้พบว่าในปัจจุบันนี้มีการผลิตอยู่สองสามแห่งในปริมณฑลของ กทม.
ของอีกอย่างหนึ่งที่มีขายเฉพาะในตลาด อ.แม่สาย (ในสมัยนั้น) คือ มันฮ่อ ซึ่งก็คือ Walnut นั่นเอง เมื่อจะกินก็จะต้องใช้ก้อนหินทุบเปลือกให้ปริออกพอที่จะแกะได้ต่อไป ชื่อมันฮ่อหายไปจากความทรงจำของผมจนกระทั่งโตเป็นหนุ่มใหญ่ใกล้วัยกลางคน จนเข้ายุคที่มีอาหารของหวานหลายชนิดบรรยายว่าใส่ walnut ลงไปด้วย ก็จึงได้รู้ว่ากินมาตั้งแต่เป็นเด็กก่อนวัย teenage คิดว่าในปัจจุบันนี้ มันฮ่อมีขายตามร้านขายของฝากอยู่หลายแห่ง ที่สนามบินเชียงรายนั้นมีวางขายอยู่แน่ๆ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|