ขอบคุณครับท่านอาจารย์สำหรับข้อมูลดีๆ
เป็นคำตอบของหลายเรื่องราวก่อนหน้านี้และต่อไปของชีวิตพระองค์ท่าน
ทำให้ทราบว่าการตัดสินใจทำอะไรของพระองค์ท่านอยู่ในระดับ "ไม่ปรกติ"
- ในหลวงรัชกาลที่ ๕ มีหนังสือถามเป็นการส่วนพระองค์ ท่านก็ไปเรียกประชุมเจ้านายซะทั่วยุโรป
- ท่านใช้ชีวิตในยุโรปแบบมือเติบ กลับมาแบบมือเปล่า
- เงินเดือนราชการในยุค ๑๐ พ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง แค่เรื่องที่อยู่ก็เป็นเรื่องวุ่นวาย คาบเกี่ยวหลายท่าน หลายพระองค์
- ท่านตัดสินใจปลดหนี้ด้วยแผนการพาตัวเองไปตกถังข้าวสาร แต่แผนไม่สำเร็จเพราะเรื่องพี่ศรีดังกว่า
- ท่านตัดสินใจหนีแบบครึ่งพระองค์ โดยคิดแผนให้พี่ศรีหนีไปเขมร ท่านรอข่าวอยู่ที่ฮ่องกง ถ้าทางกรุงเทพโอเคย์ก็จะตามพี่ศรีกลับมาเอาความดีความชอบ
- แต่ทางกรุงเทพเฉยๆ เลยต้องหนีจริงๆ ไปกับออเนอร์ กตัญญู กรรมเก่า และหมดโฮปกับทางกรุงเทพ
- เมื่อท่านได้พบกับพระบรมสารีริกธาตุ ท่านตัดสินใจฉกไว้ส่วนหนึ่ง เพราะกลัวว่าอังกฤษจะไม่ให้
การตัดสินใจทำอะไรของพระองค์ท่านนี่แหละครับที่ทำให้ชีวิตท่านยุ่งยาก
เพราะจะเอาตรรกะอะไรไปจับได้ยากเต็มทีครับ
ก็น่าคิดว่า เงินที่ท่านเที่ยวยืมชาวบ้านทั้งฝรั่งและไทย จนต้องหนีหนี้ไปต่างแดนนั้นท่านเอาไปบริหารจัดการอย่างไร จึงหมดเนื้อหมดตัว เป็นหนี้สินรุงรัง
เห็นว่าทำธุรกิจหลายอย่างแต่ไม่สำเร็จ ก็ไม่มีรายละเอียดให้น่าเชื่อได้ว่า ท่านบริหารจัดการจริงๆ
ขนาดบ้านช่องไม่มีจะอยู่ ต้องไปอาศัยแพอย่างแออัดยัดเยียดกับหม่อม 3 คน (ลูกอีกต่างหาก) ก็แสดงถึงการวางแผนครอบครัวที่ไม่รัดกุม
แผนตกถังข้าวสาร ดูเป็นแผนง่ายๆ ใช้แต่แม่สื่อกับลมปาก ถ้าทำธุรกิจด้วยวิธีคิดง่ายๆแบบนี้ ก็ไม่แปลกที่จะเจ๊งหมด
วิธีคิดของพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ที่แปลกไปจากปกติชนทั้งหลาย คือสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่บั้นปลายที่อาภัพของท่าน
ช่วงแรกของชีวิตท่านมีความเจริญรุ่งเรือง เพราะมีสติปัญญา มีความรู้ความสามารถ
แต่มาเริ่มเพี้ยนในช่วงหลัง ทำอะไรแปลกไปกว่าเดิม เหมือนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
ถ้าให้วิเคราะห์สาเหตุแบบที่คิดว่าเป็นโรค
๑. มีความผิดปกติทางจิตเอง
๒. เป็นโรคทางกายที่ส่งผลอาการทางจิตที่เรียกว่า organic brain syndrome เช่นอาจจะเป็นจากเหล้า ยาเสพติด หรือเนื้องอกในสมอง