กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ค. 18, 15:51 มีหลักฐานเพียงว่า พระศรีวิโรจน์ เจ้ากรมเศรฐิ ในรัชกาลที่ ๒
ใครเคยได้ยินชื่อกรมนี้บ้างคะ ทำหน้าที่อะไร สังกัดอะไรในจตุสดมภ์? ดิฉันเดาว่าสังกัดคลัง กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 04 ก.ค. 18, 10:22 ผมหา กรมเศรฐิ ไม่พบครับ แต่พบพระศรีวิโรจน์ ในเรื่องเกี่ยวกับการตั้งโรงหวย ดังนี้ครับ
https://guru.sanook.com/4011/ วิธีเล่นหวยเกิดขึ้นในเมืองจีนดังกล่าวมาแล้วข้างต้น เกิดขึ้นแล้วไม่ช้าก็เข้ามาถึงเมืองไทยเมื่อรัชกาลที่ ๓ เรื่องมูลเหตุที่จะเกิดการเล่นหวยในประเทศนี้ มีในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแสดงไว้ดังนี้ว่า "เมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีเถาะ (พ.ศ. ๒๓๗๔) น้ำมาก เมื่อปีมะโรง (พ.ศ. ๒๓๗๕) น้ำน้อยข้าวแพงถึงต้องซื้อข้าวต่างประเทศมาจ่ายขาย คนก็ไม่มีเงินจะซื้อข้าวกิน ต้องมารับจ้างทำงานคิดเอาข้าวเป็นค่าจ้าง เจ้าภาษีนายอากรก็ไม่มีเงินจะส่งต้องเอาสินค้าใช้ค่าเงินหลวง ที่สุดจนจีนผูกเบี้ยก็ไม่มีเงินจะให้ ต้องเข้ารับทำงานในกรุงฯ จึงทรงพระราชดำริลงไปว่า เงินตราบัว เงินตราครุฑ เงินตราปราสาทได้ทำใช้ออกไปก็มาก หายไปเสียหมด ทรงสงสัยว่าคนจะเอาเงินไปซื้อฝิ่นมาเก็บไว้ขายในนี้ จึงโปรดฯให้จับฝิ่นเผาฝิ่นเสียเป็นอันมาก ตัวเงินก็ไม่มีขึ้นมา และจีนหงพระศรีไชยบาน(๓) จึงกราบทูลว่าเงินนั้นตกไปอยู่ที่ราษฎรเก็บฝังดินไว้มากไม่เอาออกใช้ ถ้าอย่างนี้ที่เมืองจีนตั้งหวยขึ้นจึงมีเงินมา จึงโปรดฯให้จีนหงตั้งหวยขึ้นเป็นอากรอีกอย่าง ๑ และมาในจดหมายเหตุ(๔)ฉบับ ๑ ว่าเจ๊สัวหง แรกออกหวยเมื่อเดือนยี่ ปีมะแม ก็ต้องด้วยกระแสพระราชนิพนธ์ จึงยุติได้เป็นแน่ว่า การเล่นหวยแรกมีขึ้นในเมืองไทยในรัชกาลที่ ๓ เมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๓๗๘ เรื่องตำนานของการอากรหวย ตามที่เล่ากันมาว่า เมื่อแรกเจ๊สัวหงทำอากรนั้น ตั้งโรงหวยที่ในกำแพงเมืองใกล้สะพานหัน แล้วเลื่อนมาอยู่ที่หน้าวังบูรพาภิรมย์เดี๋ยวนี้ เดิมเจ๊สัวหงออกหวยแต่เวลาเช้าวันละครั้ง ต่อมาไม่ช้าพระศรีวิโรจน์ดิศ เห็นเจ๊สัวหงมีกำไรมากจึงกราบบังคมทูลขอตั้งหวยขึ้นอีกโรง ๑ โรงหวยของพระศรีวิโรจน์ดิศอยู่ทางบางลำภู ออกหวยเวลาค่ำวันละครั้ง เพื่อมิให้พ้องเวลากับหวยโรงเจ๊สัวหง หวยจึงมีเป็น ๒ โรง เรียกกันว่าโรงเช้าโรง ๑ โรงค่ำโรง ๑ ต่อมาหวยโรงพระศรีวิโรจน์ทำการไม่เรียบร้อย ที่สุดอากรหวยจึงไปรวมอยู่อยู่ที่โรงเจ๊สัวหงแห่งเดียว เลยเป็นเหตุให้ออกหวยได้ ๒ เวลา แต่คงเรียกตามมูลเหตุเดิมว่า หวยโรงเช้าเวลา ๑ หวยโรงค่ำเวลา ๑ มาจนกระทั่งเลิกอากรหวย เงินอากรหวยนั้นได้ยินว่าเมื่อแรกตั้งอากรหวยในรัชกาลที่ ๓ เงินอากรราวปีละ ๒๐,๐๐๐ บาท เจ๊สัวหงจะได้ทำอยู่กี่ปี และผู้ใดจะได้ทำต่อมาหาทราบไม่ ปรากฏแต่ว่า ต่อมาจัดให้ว่าประมูลกันคราวละปีเหมือนอากรบ่อยเบี้ย เมื่อการออกหวยมีการประมูลกันเป็นอากร เงินหลวงก็เพิ่มทวีขึ้นโดยลำดับ กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 04 ก.ค. 18, 10:23 จะใช่ท่านเดียวกันหรือไม่ครับ
กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ค. 18, 11:00 คนละคนค่ะ
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ พระศรีวิโรจน์ดิศ น่าจะมีฐานะดีมาแต่เดิม ถึงมีทุนพอจะขอตั้งโรงหวยได้ กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.ค. 18, 14:04 น่าจะเป็นพระศรีวิโรจน์ (อ่อน) ผู้นี้
มีบันทึกอยู่ในหนังสือ "ราชินิกุลรัชกาลที่ ๓" ของ สมเด็จฯเจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ ข้อมูลที่มีอยู่ในมือตอนนี้ คือ หน้า ๙ : "ท่านทองคำ คือท้าวทรงกันดาร (ทองมอญ) เปนภรรยาหม่อมเจ้าองค์ ๑ ในราชตระกูลครั้งกรุงศรีอยุธยา …มีบุตรและธิดา ๔ คน คือ ที่ ๑ ช. ชื่อ หม่อมอ่อน เปนพระศรีวิโรจน์ ที่ ๒ ช. ชื่อ หม่อมทับ เปนพระอักษรสมบัติ ...ที่ ๔ หม่อม (ไม่ทราบชื่อ) เปนภรรยานายนาคบุตรพระชนกจัน" ท้าวทรงกันดาล (ทองมอญ) มีบุตรธิดารวม ๔ คน ได้แก่ หม่อมอ่อน (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ที่พระศรีวิโรจน์ รับราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติ) หม่อมทับ (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ที่พระอักษรสมบัติ เสมียนตรากรมพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งเป็นบิดาของเจ้าจอมมารดาทรัพย์ในรัชกาลที่ ๓) หม่อมทิม (ได้เป็นเจ้าจอมมารดาในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หม่อมทิมผู้นี้เองที่มีผู้สืบเชื้อสายคือหม่อมแสง หม่อมในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ ต้นราชสกุลกุญชร และเป็นย่าของเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร)) และหม่อมอีกท่านหนึ่งไม่ทราบนาม) จาก https://www.facebook.com/HRHPrinceNaris/posts/'ห้ามกินปลาสีเสีย%EF%BF%BD/820680598072045/ (https://www.facebook.com/HRHPrinceNaris/posts/'ห้ามกินปลาสีเสีย%EF%BF%BD/820680598072045/) กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 05 ก.ค. 18, 16:02 เช่นนี้ก็แสดงว่า ตำแหน่ง พระศรีวิโรจน์ เป็นตำแหน่งในสังกัดคลัง กรมเศรฐิ ก็ต้องเป็นกรมในสังกัดคลังด้วยหนะซีครับ
แต่กรมนี้จะทำหน้าที่อะไร และอาจจะได้พัฒนามาเป็นกรมหรือส่วนราชการอะไรในปัจจุบัน ยังไม่รู้ กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ค. 18, 17:43 ขอบคุณค่ะ คุณเพ็ญชมพู นึกแล้วว่าต้องหาเจอ
ไปเช็คกรมต่างๆที่สังกัดพระคลังแล้ว ไม่มีกรมเสฏฐิ สมัยต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระคลังได้แบ่งการบริหารราชการออกเป็น 8 หน่วยงาน แต่ละหน่วยงานมีหน้าที่เก็บภาษีอากรต่างชนิดกันไป และมีงานที่นอกเหนือออกไปจากการเก็บภาษีอากร คือ 1. พระคลังมหาสมบัติ มีหน้าที่เรียกเร่งพระราชทรัพย์และว่าความที่เกี่ยวข้องด้วยพระราชทรัพย์หลวง 2. พระคลังสินค้า มีหน้าที่ผูกขาดการค้าขายของรัฐ 3. พระคลังในซ้าย พระคลังในขวา มีหน้าที่ในการจัดซื้อของสำหรับงานโยธาเพื่อจ่ายให้แก่ทางราชการ 4. กรมท่าซ้าย กรมท่าขวา มีหน้าที่ว่าการต่างประเทศกรมท่าซ้าย พระยาโชฏึกราชเศรษฐีเป็นหัวหน้าว่าการเกี่ยวกับเรื่องคนจีน กรมท่าขวาพระยาจุฬาราชมนตรีเป็นหัวหน้าว่าการเกี่ยวกับเรื่องคนแขก 5. พระคลังราชการ มีหน้าที่รับส่งส่วยซึ่งมาจากหัวเมืองที่ขึ้นอยู่กับกรมท่า 6. พระคลังวิเสศ เป็นคลังผ้าทั้งหมด ยกเว้นผ้าเหลือง 7. พระคลังศุภรัตน์ เป็นคลังผ้าเหลืองสำหรับพระสงฆ์ 8. พระคลังสวน มีหน้าที่เก็บเงินอากรสวนตามหน้าโฉนด นอกจากนี้ยังมีพระคลังอีกคลังหนึ่งเป็นสาขาของพระคลังมหาสมบัติ มีท้าวทรงกันดารเป็นผู้ดูแล ทำหน้าที่รักษาเงินสำหรับใช้จ่ายในพระราชนิเวศน์ ทีนี้ พระศรีวิโรจน์(อ่อน) อยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๒ การแบ่งส่วนราชการอาจไม่เหมือนสมัยรัชกาลที่ ๕ เป๊ะๆนัก แต่ยังไงก็ตาม กรมเสฏฐิน่าจะสังกัดพระคลัง เพราะดูชื่อแล้วไม่น่าจะสังกัดเวียง วัง หรือนา หันไปถาม ท่านรอยอิน ได้คำตอบมาว่า คำว่าเสฏฐิ มาจากภาษาบาลี สันสกฤตใช้ว่า เศรษฐี แปลว่า ประมุขพ่อค้า เศรษฐี (๑) [เสดถี] น. คนมั่งมี (ส. ว่า ประมุขพ่อค้า; ป. เสฏฺฐิ). (๒) น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์ธนิษฐา มี ๔ ดวง, ดาวกา ดาวไซ ดาวศรวิษฐา หรือ ดาวธนิษฐะ ก็เรียก. (ส. ว่า ประมุขพ่อค้า; ป. เสฏฺฐิ). กรมเสฏฐิ น่าจะเกี่ยวกับพ่อค้าในสยาม มีหน้าที่เก็บภาษีจากพ่อค้า เป็นไปได้ไหมคะ? คงไม่ใช่กรมที่ชุมนุมของบรรดาเถ้าแก่เจ้าสัวในสยาม ทีแรกคิดว่ากรมเสฏฐิ ต่อมาอาจจะพัฒนามาเป็นกระทรวงเศรษฐการ ซึ่งก็คือกระทรวงพาณิชย์ในปัจจุบัน แต่ถ้ามีไว้เก็บภาษีพ่อค้า อาจจะกลายมาเป็นกรมสรรพากร กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: ศรีสรรเพชญ์ ที่ 04 ส.ค. 18, 14:11 มีตำแหน่ง "เศรษฐี" อยู่ในพระไอยการตำแหน่งนางพลเรือนดังต่อไปนี้ครับ
เศรษฐีซ้าย พระเนาวรัชโชดธิบดินทรธรรมธาเศรษฐี ซ้าย นา ๓๐๐๐ หลวงอินทมูลบาทเศรษฐี นา ๑๖๐๐ ขุนพิบูรรณสมบัติเศรษฐี ขุนไชยภักดีเศรษฐี ๔ คน นา ๖๐๐ ขุนชะดินวิวันเศรษฐี ขุนโภชนาภานิชเศรษฐี เศรษฐีขวา พระศรีวิโรทเศรษฐี ขวา นาคล ๑๖๐๐ พระศรีธรรมบาลเศรษฐี ขุนพิพิใจเศรษฐี ขุนสิทสมบัดิเศรษฐี ๓ คน นาคล ๖๐๐ ขุนพัดสมบูรรเศรษฐี (ส่วนตัวผมเห็นว่าพระไอยการน่าจะวางบรรทัดผิด "พระเนาวรัชโชดธิบดินทรธรรมธาเศรษฐี" น่าจะเป็นเจ้ากรมหรือหัวหน้าของทั้งเศรษฐีซ้ายขวา เพราะเป็นคนเดียวที่มีศักดินา ๓๐๐๐ ในขณะที่ตำแหน่งที่มีศักดินา ๑๖๐๐ ๒ คน น่าจะเป็นหัวหน้าของกรมซ้ายและกรมขวาครับ) หน้าที่ของตำแหน่ง "เศรษฐี" นี้ไม่ปรากฏหลักฐานกล่าวถึงอย่างชัดเจน ในพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือนก็แยกออกมาเป็นหน่วยงานต่างหาก ไม่ได้เขียนรวมไว้กับกรมคลังต่างๆ ครับ แต่พิจารณาจากหน้าที่และชื่อตำแหน่งแล้วก็น่าเชื่อว่าเป็นตำแหน่ง "พ่อค้า" ที่รับผิดชอบทำการค้าขายให้เป็นหลักและดูแลการคลังครับ พบหลักฐานว่าในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ ขุนนางชาวเปอร์เซียชื่อ อากอ มุฮัมหมัด (เป็นหลานชายของเฉกอะหมัด) ได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็น "ออกพระศรีเนาวรัตน์" ตำแหน่งเศรษฐี เป็นขุนนางต่างประเทศคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์ก่อนยุคของออกญาวิไชยเยนทร์ ได้รับผิดชอบกิจการต่างประเทศส่วนใหญ่ร่วมกับเจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) จนปรากฏว่าบางครั้งมีอำนาจเกือบจะพอๆ กัน ออกพระศรีเนาวรัตน์ผู้นี้ยังผู้นำประชาคมอิหร่านในสยาม และมีส่วนในการชักนำให้ชาวมุสลิมอินโด-อิหร่านจำนวนมากได้รับราชการในราชสำนักในตำแหน่งสำคัญ มีการวิเคราะห์ด้วยว่าออกพระศรีเนาวรัตน์ผู้นี้น่าจะได้ว่าที่พระคลังในบางช่วง ผศ.ดร.จุฬิศพงศ์ จุฬารัตน์ อธิบายไว้ว่า "คำว่า "ศรี" เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่าดี หรือผู้เป็นใหญ่ ส่วนคำว่า "เนาวรัตน์" เดิมเขียน "เนาวรัช" ซึ่งตรงกับภาษาอิหร่านว่า "นาวาราชา" (navaraja) แปลว่า "เจ้าแห่งเรือ" คำว่า "ศรีเนาวรัตน์" จึงน่าจะหมายถึงนายเรือผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งคล้ายกับตำแหน่งของหัวหน้าพ่อค้าหรือเจ้าแห่งพ่อค้าในภาษาอิหร่านที่เรียกว่า "ซูดาการ์ราชา" อันเป็นตำแหน่งพ่อค้าหลวงในราชสำนักอิหร่านสมัยราชวงศ์ซาฟาวี ตำแหน่ง "ศรีนาวาราชา" ยังคล้ายกับขุนนางในตำแหน่ง "ศรีโนรา" หรือ "ศรีโนราช" (Srinora หรือ Srinoraj) ของราชสำนักมลายู หัวหน้าพ่อค้าเหล่านี้เข้าไปรับราชการอยู่ในราชสำนักของอินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังที่บันทึกของ ปีเตอร์ ฟลอริส (Peter Floris) ระบุว่า โอรังกายาศรีโนราช (Orang Kaya Srinoraj) คือตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีของรายาแห่งปัตตานี มีหน้าที่ดูแลการค้าให้กับราชสำนัก ตำแหน่ง "ศรีเนาวรัตน์" คงมีใช้ตั้งแต่ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมปรากฏหลักฐานตำแหน่งออกพระศรีเนาวรัตน์ในบันทึกการค้าของฮอลันดา ราชทินนาม "ศรีเนาวรัตน์" มีกล่าวถึงในเอกสารต่างชาติหลายแห่งเรียกว่า "Oya Signorat" "Oya Signorativo" "Oya Singorat" "Opra Sinorat" "Okphra Jinorat" หรือ "Opera Sicarat" เอกสารหลายฉบับระบุว่าออกพระศรีเนาวรัตน์มีความสัมพันธ์กับกรมท่าขวาและกรมพระคลังสินค้า จากเอกสารของฮอลันดาระหว่าง พ.ศ. 2183-2184 (ค.ศ. 1640-1641) ระบุว่า ออกญาศรีเนาวรัตน์ เป็นพ่อค้าของกษัตริย์ และมีหน้าที่คุมโรงกษาปณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน แสดงว่าขุนนางผู้นี้มีความสำคัญในพระคลังสินค้า และยังทำหน้าที่ผู้ควบคุมดูแลงานด้านการค้าที่เกี่ยวข้องกับกรมท่าขวา" ผศ.ดร.จุฬิศพงศ์ จุฬารัตน์ วิเคราะห์ว่า ในสมัยอยุทธยา ตำแหน่ง "ศรีเนาวรัตน์" นั้นมีอำนาจสูงกว่า "จุลา" หรือ "จุฬาราชมนตรี" ด้วยเหตุที่ในสมัยพระเจ้าปราสาททองพบว่าผู้เป็น "ศรีเนาวรัตน์" ได้เป็นออกญา และมีศักดินาสูงกว่าจุฬาราชมนตรีที่เป็นเพียง "ออกพระ" แต่ในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ พบว่าอำนาจของศรีเนาวรัตน์น้อยลงกลายเป็นตำแหน่งรองจากจุฬาราชมนตรี เพราะบทบาทหน้าที่ในการดูแลการค้าลดน้อยลงไปเนื่องจากกรมท่ากลางขยายบทบาทมาดูแลพระคลังสินค้าแทน และในหลายครั้งพบว่าผู้ที่เป็นศรีเนาวรัตน์มักจะได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็นจุฬาราชมนตรี ตำแหน่ง "ศรีเนาวรัตน์" นี้ ในสมัยอยุทธยาพบว่าเป็นขุนนางมุสลิมต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวอิหร่านครับ กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ส.ค. 18, 14:57 ขอบคุณค่ะคุณศรีสรรเพชญ
ดิฉันเห็นด้วยกับคำสันนิษฐานค่ะ กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ส.ค. 18, 20:26 มีต่างกันเล็กน้อยระหว่างข้อมูลของคุณศรีสรรเพชญ์และคุณ art47
เศรษฐีขวา พระศรีวิโรทเศรษฐี ขวา นาคล ๑๖๐๐ พระศรีธรรมบาลเศรษฐี ขุนพิพิใจเศรษฐี ขุนสิทสมบัดิเศรษฐี ๓ คน นาคล ๖๐๐ ขุนพัดสมบูรรเศรษฐี พระศรีวิโรทเศรษฐี } ขวา นาคล ๑๖๐๐ พระศรีธรรมบาลเศรษฐี ขุนพินิจใจเศรษฐี } ๓ คน นาคล ๖๐๐ ขุนสิทสมบัดิเศรษฐี ขุนพัดสมบูรรเศรษฐี กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: ศรีสรรเพชญ์ ที่ 04 ส.ค. 18, 22:09 มีต่างกันเล็กน้อยระหว่างข้อมูลของคุณศรีสรรเพชญ์และคุณ art47 เศรษฐีขวา พระศรีวิโรทเศรษฐี ขวา นาคล ๑๖๐๐ พระศรีธรรมบาลเศรษฐี ขุนพิพิใจเศรษฐี ขุนสิทสมบัดิเศรษฐี ๓ คน นาคล ๖๐๐ ขุนพัดสมบูรรเศรษฐี พระศรีวิโรทเศรษฐี } ขวา นาคล ๑๖๐๐ พระศรีธรรมบาลเศรษฐี ขุนพินิจใจเศรษฐี } ๓ คน นาคล ๖๐๐ ขุนสิทสมบัดิเศรษฐี ขุนพัดสมบูรรเศรษฐี ผมพิมพ์ผิดเองครับ ที่ถูกคือ ขุนพินิจใจเศรษฐี ๓ คน คือรวมขุนทั้ง ๓ ครับ จริงๆ ต้องมีปีกกาครอบทั้ง ๓ คน แต่ในคอมทำไม่ได้ครับ กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 06 ส.ค. 18, 11:26 บุคคลผู้มีตำแหน่งเหล่านี้ ทำหน้าที่เป็นพ่อค้าของรัฐบาลหรือครับ หมายถึงว่า ท่านเหล่านี้ออกค้าขาย กำไรที่ได้ส่งเข้ารัฐเป็นรายได้แผ่นดิน อะไรแบบนั้น
กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ส.ค. 18, 11:00 ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการค้าขายเห็นจะเป็นหน้าที่ของกรมท่ามากกว่า
ตามพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน นาทหาร หัวเมือง ๑๒๙๘ กรมท่าแบ่งเป็นขวาและซ้าย ท่านรอยอินอธิบายไว้ดังนี้ กรมท่าขวา (โบ) น. ส่วนราชการในสังกัดกรมพระคลัง ทำหน้าที่ติดต่อกับต่างชาติเรื่องการค้าขายและการต่างประเทศ กับชาติที่อยู่ทางด้านขวาหรือทางตะวันตกของอ่าวไทย เช่น อินเดีย อิหร่าน รวมทั้งชาติที่เข้ามาติดต่อทางด้านนั้น. กรมท่าซ้าย (โบ) น. ส่วนราชการในสังกัดกรมพระคลัง ทำหน้าที่ติดต่อกับต่างชาติเรื่องการค้าขายและการต่างประเทศกับชาติที่อยู่ทางด้านซ้ายหรือทางตะวันออกของอ่าวไทย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งชาติที่เข้ามาติดต่อทางด้านนั้น. กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ส.ค. 18, 11:01 เจ้ากรมท่าขวาคือ พระจุลาราชมนตรี
พระจุลาราชมนตรี เจ้ากรมท่าขวา นา ๑๔๐๐ ขุนราชเศรษฐี ปลัด ได้ว่าแขกประเทศฉวามลายูอังกฤษ นา ๘๐๐ หลวงราชมนตรี เจ้าท่า ได้ว่าแขกประเทษอังกฤษญวนฝรั่ง นา ๘๐๐ หมื่นพินิจวาที } ล่าม ๔ คน นาคล ๓๐๐ หมื่นศรีทรงภาษา หมื่นสัจวาที หมื่นสำเรจ์วาที หมื่นทิพวาจา } ล่ามอังกฤษ ๒ คน นาคล ๓๐๐ หมื่นเทพวาจา หลวงนนทเกษ เจ้าท่า ได้ว่าพราหมณ์เทษ นา ๘๐๐ หมื่นสัจะวาจา } ล่าม ๒ คน นาคล ๓๐๐ หมื่นสัจวาที และเจ้ากรมท่าซ้ายคือ หลวงโชดึกราชเศรษฐี หลวงโชดึกราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าซ้าย ถือศักดินา ๑๔๐๐ หลวงเทพภักดี เจ้าท่า ได้ว่าวิลันดา นา ๖๐๐ ขุนท่องสื่อ } จีนล่ามนายอำเพอ นา ๖๐๐ ขุนท่องสมุท ขุนวรวาที ล่ามฝรั่งเศศ นา ๓๐๐ ขุนราชาวะดี } ล่ามกะปิตัน นา ๓๐๐ ขุนรักษาสมุท ขุนวิสุทสาคร ล่ามแปลนายสำเภาปากนำ นา ๔๐๐ นายเรือปาก ๔ วาขึ้นไป } นา ๔๐๐ จีนแขกฝรั่งอังกฤษสำเภาใหญ่ นายเรือปากกว้าง ๓ วาเศศ นา ๒๐๐ จุ่นจู๊ นายสำเภา นา ๔๐๐ ต้นหน ดูทาง } สำเภา ใหญ่ } นา ๒๐๐ ล้าต้า บาญชียใหญ่ น้อย ๑๐๐ ปั๋นจู ซ่อมแปลงสำเภา } นาคล ๘๐ ใต้ก๋ง ซ้าย } ๒ นายท้าย ขวา ชินเตงเถา ซ้าย } ๒ บาญชียกลาง } นา ๕๐ ขวา อาปั๋น กระโดงกลาง จงกว้า ใช้คนทังนั้น เต๊กข้อ ได้ว่าระวางบันทุก อากึ่ง ช่างไม้สำเภา เอียวก๋ง บูชาพระ } นา ๓๐ ตั้วเลียว ว่าสายเลียวกับเสาท้าย สำปั้น กับเสาหน้า ชมภู่ เท่าเต้ง ว่าสมอ ฮู้เตี้ยว ทอดดิ่ง อิดเซี่ยร } ลด } นา ๒๕ ยิ่เซียร สามเซี่ยร จับกะเถา กวาดสำเภา เบ๊ยปั้น จ่ายกับเข้า ชินเต๋ง ๑๘ คน ทนายจุ่นจู๊ ล้าต้า ปั๋นจู นายรอง ๗ คน ได้รวางคนละ ๑๖ กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ส.ค. 18, 10:44 บุคคลผู้มีตำแหน่งเหล่านี้ ทำหน้าที่เป็นพ่อค้าของรัฐบาลหรือครับ หมายถึงว่า ท่านเหล่านี้ออกค้าขาย กำไรที่ได้ส่งเข้ารัฐเป็นรายได้แผ่นดิน อะไรแบบนั้น ยังไม่ได้คำตอบค่ะเดาอีกครั้งว่า กรมเศรฐิ ทำหน้าที่คล้ายหอการค้าของคนจีนในไทย เป็นไปได้ไหม คือรวบรวมเถ้าแก่เจ้าสัวทั้งหลายมาสังกัด สร้างคอนเนคชั่นระหว่างพ่อค้าจีนกับราชการไทย กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ส.ค. 18, 11:00 เดาอีกครั้งว่า กรมเศรฐิ ทำหน้าที่คล้ายหอการค้าของคนจีนในไทย เป็นไปได้ไหม คือรวบรวมเถ้าแก่เจ้าสัวทั้งหลายมาสังกัด สร้างคอนเนคชั่นระหว่างพ่อค้าจีนกับราชการไทย ติดตรงตำแหน่งพระเนาวรัชโชดธิบดินทรธรรมธาเศรษฐี ที่ไม่ใช่คนจีนแต่เป็นแขก ตำแหน่ง "ศรีเนาวรัตน์" นี้ ในสมัยอยุทธยาพบว่าเป็นขุนนางมุสลิมต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวอิหร่านครับ กระทู้: ใครเคยได้ยินชื่อ กรมเศรฐิ บ้าง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ส.ค. 18, 11:07 เอาใหม่
กรมเศรษฐิเป็นกรมประมวลเถ้าแก่ เจ้าสัว นายห้าง สรุปว่าเชื้อชาติไหนก็ตามที่มารวยอยู่ในสยาม ราชการเชิญมาสังกัดกรมนี้หมด เพื่อสร้างคอนเนคชั่น ทำนองเดียวกับหอการค้า ประสานงานระหว่างภาคเอกชนและรัฐ |