เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: pipat ที่ 30 พ.ค. 06, 19:33



กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 30 พ.ค. 06, 19:33
 ผมไปทำเลอะเทอะที่ห้องชาวบ้านเขา จนออกจะเกรงใจ
เขาพูดซ้าย ผมก็เฉไปขวา เขาพูดบน ผมก็มุดล่าง
ถูกแซวมาหลายที

เอางี้นะครับ เปิดห้องใหม่ เป็นสรีระสำราญละกัน หรือไม่ก็สามแยกปากหมาน ..แหะๆ

โรงเรียนเก่ามีสามแยกที่ว่านี่ อยู่ใต้ร่มพิกุลโบราณ ใครไม่รู้เอาเก้าอี้ยาวมาตั้ง อยู่หน้าประตูติดโรงอาหาร
กลิ่นพิกุลอบอวล ยังมิอาจเปลี่ยนนักเรียนช่าง ให้หอมขึ้นมาได้ แม้สักชั่วอึดใจมด
แต่มาอยู่เรือนไทย อาจจะดีขึ้นมาบ้าง

ฝากห้องนี้ในอ้อมใจมิตรรักนักเลงนะครับ  


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 30 พ.ค. 06, 19:43
 หลงปู่
อย่าลืมอาจารย์ทวด ขรัวอินโข่ง กระทู้โน้นนาครับ รออ่านอยู่

...สามแยกปากหมา-น รู้สึกจะมีกันอยู่ในหลายสถาบันครับ เข้าใจว่าเป็นอาการร่วมกันของเด็กผู้ชายวัยฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่าน ตอนจวนเป็นหนุ่มหรือหนุ่มต้นๆ   อิอิอิ

สามแยกของ ครูพัฒน์หัดประดิษฐ์คิดอักษร ท่านอยู่ใต้ต้นพิกุล ซึ่งในภาษาเยอรมันน่าจะเรียกเทียบได้ว่า Under den Linden แปลตรงตัวเป๊ะเลยว่า "ใต้ต้นพิกุล" เหมือนกัน เป็นชื่อตำบลหรือย่านหนึ่งซึ่งค่อนข้างดังในกรุงเบอร์ลิน เยอระมะนี ขะรับ แต่ตรงโน้นที่ประเทศเยอรมันมีสามแยกปากหมานเหมือนเมืองไทยด้วยหรือไม่ ข่าวรอยเต่อไม่ได้แจ้ง


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ค. 06, 19:53
 สามแยกปากหมาที่ดิฉันเคยเห็น  เป็นแหล่งที่ชาวเรือนไทยคนหนึ่งเคยสิงสู่อยู่
ย้อนกลับไปในวัยที่คุณนกข.เรียกว่าฮอโมนส์ยังฉีดพลุ่งพล่าน
แต่ไม่เคยเห็นกันค่ะ  เข้าใจว่าอยู่กันคนละยุค  เพราะคนหนึ่งๆก็อยู่กันแค่ 4 ปี

ตอนนี้หายไปไหนไม่รู้  อาจจะจากเรือนไปแล้วไม่กลับ หรือแวะกลับมาเป็นเสือซุ่ม   ก็ไม่อาจเห็นได้
ชื่อคุณถาวภักดิ์
ถ้าหากว่าแวะมา  ก็อยากฟังวีรกรรมของคุณถาฯอยู่เหมือนกัน
เพราะดิฉันไม่เคยเดินผ่านแถวนั้นเลย   มันมีทางอื่นให้เดินออกแยะไป


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 30 พ.ค. 06, 20:09
 สามแยกของผมออกจะเจริญหูเจริญตากว่าที่คุณนกข.ว่า ซึ่งน่าจะเป็นที่ไปมาของถังเบียร์ขนาดต่างๆ

ของผมเป็นสาวอ้อนแอ้น นุ่งผ้าแดง วิ่งไล่กันไปมาวันละสี่ห้าร้อยนาง ตั้งแต่สิบขวบต้นจนสิบขวบปลาย ดาราหลายคนก็เห็นมาแต่ตัวกะเปี๊ยก



แต่สามแยกบันลือโลก ต้องยกให้ใต้ลั่นทม หน้าประตูทางเข้ากรมศิลปากร ราว 2510' ถึงลงข่าวไทยรัฐ

พวก นั่งกันจนรากไม้เป็นมันเงาวับ  แต่..จะเรียกนั่ง บางทีจะไม่ถูก เพราะกระดูกสันหลัง อยู่พ้นผิวโลกขึ้นมาไม่มาก



ดูเหมือนประยูร จรรยาวงศ์จะเป็นคนโวยวายมาก่อน จนสุดท้ายสถาบันต้องสั่งห้าม

แต่ ...คุณเอ๋ย ผมลองนั่งแล้ว มันสะบายอย่าบอกใครเลย รากไม้คดโค้งรับกับสรีระ



จะแพ้ก็ที่ไทรงามกระมัง



ไม่ลืมแน่ครับ ท่านขรัวต้นโคตรของผม หยุดไปสักหลายวัน มาใหม่ไฉไลกว่าเก่า จะเถียงนักปราชญ์ทั้งที ไม่เตรียมสะเบียงไม่ได้หรอกครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 30 พ.ค. 06, 20:30

.



ยกมือขึ้นถามแทนสาวๆทั้งแท้และเทียมทั้งหลาย ที่ปวารณาเป็นเหล่าสาวิกาพระสรัสวดีและแอบแผงเป็นแฟนเรือนไทยอยู่
ว่าแล้วครูพิพัฒน์จะลืมพระสรัสวดีมั้ยน๊อ หรือจะปล่อยให้รอแล้วรอเล่า หลังนกยูงโดนยึดไปเป็นฟลอร์ลีลาศจนแอ่นแล้วแอ่นอีกหรือเปล่าครับเนี่ยะ หิหิ


ปล. เรื่องกระทู้อื่น ไม่กล้าพูดถึงครับ
มันหวาดเจี๋ยวอ่า แหะๆ

ปล.2 ผมยังงงไม่หาย ว่าพระสรัสวดีเป็นชายาใครกันแน่อ่ะครับ คุณpipat ทำไมในธิเบตบอกว่าเป็นชายาพระโพธิสัตว์หว่า ??
เด็กน่อยผู่นี้งงอีหลีเด้ออ้าย


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 30 พ.ค. 06, 21:04
 ธิเบตบอกว่าอะไรเฮียอย่าไปสนเลย ที่นั่น พระเขารับจ้างชำเราสตรีเพศ อ้างว่าเป็นการเข้าสู่นิพพานผ่านเนื้อหนังมังสา

ดร. ท่านหนึ่งที่จุฬาทำเอกมาจากอินเดีบ เล่าเสียผมงงว่าฮินดูเข้าข่มพุทธได้หนักแน่นถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ถ้ายกมหายานธิเบตมาถกกันละก้อ ผมยกธงขาวตั้งแต่ยังไม่จัดทัพเลยละครับ อย่างท่านทะไลลามะ ผมดูข่าว เห็นท่านเดินจูงมือประธานาธิบดีหญิงแอฟริกัน ยิ้มแย้มแจ่มใส
จนบัดนี้ก็ยังงงว่า ตกลงท่านเป็นพระเซ็นหรือไง
สายนั้นมีลูกเมียได้


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 30 พ.ค. 06, 21:33
 ผมรู้สึกแปลกๆ กับพระหลายนิกายแล้วล่ะคุณpipat ตั้งแต่ไหนก็ไม่รู้
จะบอกว่าตั้งแต่ใส่จีวรสวยๆ ก็น่าจะก่อนหน้า หรือตั้งแต่ปั้นพระรูปมหาบุรุษขึ้นมาเป็นพระพุทธเจ้าก็อาจจะว่าได้


แต่จะว่าไป ถ้าคำสอนของศาสนาทำให้เราสงบได้เราก็สงบที่ใจพระจะทำอะไรไปก็เรื่องของพระ
อย่ามาทำให้ชาวพุทธเชื่องมงาย ชี้แสงเลเซอร์เป็นปาฏิหาริย์ชาวบ้านก็ดีใจร้องไห้ ชี้อาบัติเป็นถูกชาวบ้านก็ศรัทธา
แบบนั้นขออนุญาตเรียกเองครับ ว่า "ชาวบ้า"บ่ใจ้ "ชาวบ้าน" เพราะบ้างมงายไร้สาระเชื่อพระที่ศีลข้อ 3 ก็รักษาไม่ได้ได้ลง



อ่อ ว่าแล้วก็มีคำถามมาถามคุณพิพัฒน์นิดนึง ว่าภาพที่คุณพิพัฒน์ให้ดูว่าพระภิกษุใช้จีวรลายเนี่ยะ
ถ้าผ้าผืนนั้นเป็นผ้าลายที่ชาวบ้านอยากถวาย แล้วพระเอาไปย้อมกรักมาห่มอีกที จะสรุปได้มั้ยครับ ว่าพระใช้จีวรลาย
เพราะผ้าสมัยนั้นมันก็ทอยาก ทำยากอยู่นะครับ แหะๆ

(ผมชวนเข้าปรัชญาเซนมากไปหรือเปล่าเนี่ยะ แหะๆ)


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: กุรุกุลา ที่ 30 พ.ค. 06, 22:33
 พระโพธิสัตว์สรัสวดีเป็นศักติของพระโพธิสัตว์มัญชูศรีครับ คุณติบอ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: Its me ที่ 30 พ.ค. 06, 23:05
 I was a member of the famous "Sam Yak" too. That was in front of "Tuek Jak". Our hormones made us chant "left-right-left" to see arts students tried to walk out of sync.
I have to corect Khun "Pink/Grey" about how many years I spent there. Four years was too short to enjoy life at the "Red Palace". I was an exchange student the first year. It took me 5 more years to leave the palace.
We did not have our own cafeteria then. That was a good excuse to have lunch at other faculties. My faverite was at the Faculty Union by the pond next to the Arts Faculty.


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 30 พ.ค. 06, 23:53
 สมัยผม(เกือบ 20 ปีแค่นั้นเอง)สามแยกหน้าตึกจักรพงษ์หายขลังไปเยอะแล้วครับ

ส่วนตัวผมเองยึดสามแยกสิงสู่อยู่ร่วม 3 ปีเพราะความเป็นเจ้าถิ่น ตึกไฟฟ้าอยู่ตรงนั้นนั่นเอง

กิจกรรมแซวสาวกลายเป็นแค่การสืบทอดเล่าเรื่องราวให้น้องๆฟัง(มีการสาธิตประกอบเล็กน้อย)

ตัวผมเองดันใช้เป็นที่นั่งทำการบ้าน เขียนรายงานไปซะได้ ยิ่งหลังๆนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เข้าใจว่าเกิดชุมชนใหม่ "ลานเกียร์" ส่งผลให้ชาวปราสาทแดงถอยเข้าไปซุกอยู่ลึกในคณะ

เดาว่าคงแทบจะปิดฉากตำนาน "สามแยกปากหมาน" ที่เป็นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งไปเลย

การตะโกน "ซ้าย-ขวา-ซ้าย"  ให้จังหวะเทพธิดาแห่งเทวาลัยอย่างในสมัยท่านพี่ Its me คงจบเห่ไปพร้อมๆกันนั่นแหละ

แม้... เสียดายจัง


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 31 พ.ค. 06, 00:12
 เรื่องสัพเพเหระละถนัด

ขอเลี้ยวเข้าสามแยกปากหมานหน่อยเถอะ คันยิบๆ

ทีสัพเพเหระอย่างนี้ละ ใช้ ร หัน นะคะ ครูพัด อิอิ

ขอเล่าเรื่อง พระยุคใหม่ สู่ให้กันฟัง
เน้นตรงนี้ก่อนว่า ไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวนะคะ

มีพระรูปหนึ่งทำงานวนๆเวียนๆ อยู่แถวๆ บางที่เฟื่องอยู่
แกก็เป็นพระนิกายเถรวาทอย่างเราๆ นี่แหละ (ไม่ใช่พระไทยนะคะ)
ท่านเล่าว่า ตอนที่ท่านเรียนมาเรียนปริญญาโทที่ฝรั่งเศส
อาจารย์ที่ซอร์บอนน์ถามว่า จะไหวหรือหลวงพี่ ครองผ้าเหลืองจีวรปลิวเข้ามหาวิทยาลัย
ชาวบ้านจะแตกตื่นหมดนา
อาจารย์ชี้แจงว่า เข้าใจดีว่า พระเป็นพระในพุทธศาสนา
แต่ก็ขอให้พระ สลัดผ้าเหลืองชั่วคราว เพื่อให้กลมกลืนกับคนอื่นๆ
อย่างน้อย ก็ขออย่าให้ครองจีวรมาเข้าชั้นเรียน

ขยายนิดหนึ่งว่า ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศ Laic ไม่มีศาสนาประจำชาติ
และในสถานศึกษาค่อนข้างเคร่งครัด เรื่องการแสดงออกด้านศาสนา
การสวมเครื่องราง สัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ไม้กางเขน หรือผ้าคลุมผม เป็นของต้องห้าม

พระก็เลยไม่ห่มจีวรเมื่ออยู่ในสังคมประเทศฝรั่งเศส
แต่เวลาจำวัด ก็สวมจีวรปกติ โชคดีที่ผมสกินเฮดมาเข้าสมัยตอนนี้
ถ้าออกมาข้างนอก พระก็สวมชุดเสื้อกางเกงสีออกเฉดหม่นๆ
ตัวเสื้อคล้ายเสื้อพระราชทานคอปิด แกมีเป็นหลายตัว คล้ายเครื่องแบบ

พระเล่าให้ฟังแล้วก็บอกว่า พระยึดหลักว่า
ถ้าจะทำงานให้คนเข้าถึงศาสนา
คนของศาสนาต้องกลมกลืนกับคนในสังคม เพื่อเผยแพร่ศาสนา
ตอนนี้ พระทำงานในองค์กรนานาชาติ
และเช็คแฮนด์กับเพื่อนร่วมงานสุภาพสตรีได้ (หากจำเป็น)

แต่ขณะเดียวกัน พระก็เคร่งวินัยมาก ไม่ดื่มเหล้า ไม่ฉันเนื้อสัตว์นอกจากปลา
และมีความรู้กว้างขวางมาก ทั้งทางโลกและทางธรรม
เข้าทำนองเป็นพระในนิกายเถรวาท แบบประยุกต์ให้เข้ากับสมัยปัจจุบัน

(พระรูปนี้ เป็นหนึ่งในแกนหลักในการจัดงานวันวิสาขบูชาที่เมืองไทยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาด้วยค่ะ)  


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 31 พ.ค. 06, 00:20
 นี่ถ้าพวกเรารวบรวมรายละเอียดของ สามแยก"นรก" (สำหรับคนที่รู้ตัวว่าสวย) ไปเรื่อยๆแล้วละก้อ จะมิเป็นการจำกัดสิทธิทางเพศมากไปใหมเนี่ย เดี๋ยวเจ๊เบียบแกก็อยกพลมาถล่มเรือนไทย 555

ผมขอเอาใจสาวๆ ด้วยคำเตือนจากอิตาลีว่า
เจ๊ หรือ หมวย ท่านใด เดินผ่านหนุ่มอิตาเลี่ยนที่จับกลุ่มเกินสามคน แล้วไม่ได้ยินเสียงอะไรดังออกมาสักแอะ ไม่มีไอ้กะล่อนวิ่งล้อมหน้าล้อมหลัง หรือไม่ได้ดอกไม้สักดอกเขวี้ยงใส่ละก้อ
ท่านว่า เธอคนนั้นวิกฤติหนักเลยเชียวแหละ
แต่ถ้าเดินตลาด แล้วมีใครแอบหยิกก้นสักแหมะ ก็จงภูมิใจในเสน่ห์อันจรุงใจ และมั่นใจได้ว่า มีดีพอเชิดใส่ไอ้เบื๊อกตามสามแยกได้อีกหลายปีเชียว

มีของมายั่วครับ เฮียปักกิ่งอยู่หรือเปล่า ที่เมืองจีนมีแบบนี้ถูกๆ ขายใหมครับ
Kenneth Clark : Civilisation
Jacob Bronowski : The Ascent Of Man

.


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 31 พ.ค. 06, 00:24
 สมัยดิฉัน สามแยกนี้ยังมีอยู่ค่ะ อย่างมั่นคงเข้มแข็ง พวกเขาก็จะโดนเราแก้เผ็ดเมื่อเดินผ่านลานชงโคหลังห้องสิบเช่นกัน
แต่ที่ทำให้พวกเราขำมาก คือที่บันใดตรงตึกถาปัดมากกว่า ซ้าย ขวา ซ้าย ...ๆๆๆๆ
และบางทีก็ทำหน้าตาน่าเกลียดมากๆแกล้งสาวๆที่เดินผ่าน
พวกนี้ ชอบโผล่หน้าต่างมาหลอกเราตั้งแต่อยู่เตรียมแล้วค่ะ
คณะที่เรียบร้อยก็พวกวิดยา กับเภสัช คงเป็นเพราะพวกเขาเรียนหนักจนไม่มีอารมณ์ขันกันเท่าไหร่มังคะ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 31 พ.ค. 06, 00:52
 ใครว่าเด็กวิดยา เภสัช แพทย์ ทันตะ สัตวะ เรียบร้อยครับ
ผมขอเถียงคอเป็นเอ็นเลย (น่ากลัวอ่ะ คอก็ต้องเป็นคอสิ ทำไมสำนวนไทยต้องให้คอเป็นเอ็นก็ไม่รู้อ่ะ)


คณะพวกนี้น่ะบทจะแรงขึ้นมาต่อให้เอาช้าง หรือ รถไถมาฉุดไว้ก็ไม่อยู่ล่ะครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 31 พ.ค. 06, 01:12
 นู๋เฟื่อง ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติ
แสดงว่าผมกับตุ๊ดตู่ออนไลน์ เอหรือจะเป็นบ้องตันดี เดินกันคนละแนว โดยมิได้นัดหมาย
เพราะดันไปคิดว่าใช้สัพเพ...มันจะลากเข้าวัดเกินไป
สรรพเพนี่ กวีดีออก ฮิฮิ...
คือไม่ชอบสับ มันฟังกระด้าง สับเพ ...สับเพ
หางเสียงไม่เชื่อมกันเลย

ต้องถี่ถ้วนกว่านี้อีกมาก ขอบคุณอีกทีนะจ๊ะ

เออ  ห้องนี้ไร้สาระสมใจเชียวแฮะ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 พ.ค. 06, 08:18
 ได้คติธรรโมอิตาเลียโนช้าไปมาก

จะย้อนกลับไปปลุกสามแยกปากหมาขึ้นมาอีกในปูนนี้  ก็เกรงว่าอ้ายหนุ่มชาวเกียร์จะต้องพากันค้อมหัว ยกมือไหว้กันเป็นแถว  
ถ้ามีเสียงให้จังหวะอะไรสักอย่างแถวนั้น ก็คงเป็นเสียงครูไหวแกเอ็ดอึง สั่งให้ไหว้พร้อมกันมั้งคะ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 31 พ.ค. 06, 09:07
 ทำไมเครื่องมันไม่ยอมให้แก้ คห. 1 ง่ะ?

นิ้วพรมไวไปหน่อย แล้วพอจะแก้ก็เข้าไปแก้ไม่สำเร็จ ตำบลนั้นของเบอร์ลินของ Unter den Linder ครับ ไม่ใช่ Under ... อันนั้นมันภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เยอรมัน


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 31 พ.ค. 06, 09:16
 หนูเฟื่อง...
(เอ ยอมเป็นหนูของครูพรรฒน์ท่านเดียวรึเปล่าก็ไม่รู้)

เอ้า คุณแม่เฟื่องแก้ว - ก็ได้
แม่เฟื่อง ผมเข้าใจพระท่านดี และในกรณีนี้ผมไม่โทษท่านเรื่องท่านไม่สามารถห่มจีวรได้ ที่ผมไม่เข้าใจมากๆ ไม่เข้าใจมานานแล้ว คือสังคมหรือระบบของฝรั่งเศสต่างหาก ว่าเป็นบ้าอะไรบังคับให้คนเขาแต่งตัวอย่างที่เขาไม่ได้เป็น จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีกรณีมุสลิมหญิงซึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่คนต่างชาติ เป็นประชาชนฝรั่งเศสแล้วด้วยซ้ำไป ถูกห้ามไม่ให้แต่งชุดฮิญาบหรือใช้ผ้าคลุมหน้าเหมือนกัน

เอ๊กซคูเซมัว เขาจะแต่งยังไงมันหนักโวตเตรอะเต๊ตตรงไหนมิทราบ - หน็อง? ไหนว่าลีแบร์เต้ เอกาลีเต้ ฟราแตร์นิเต้ไงละโว้ย ?

ถ้ายังงั้น หลวงพ่อพระบาทหลวงฝรั่งในปารีสท่านจะแต่งตัวยังไง แม่ชีฝรั่งล่ะท่านแต่งยังไ แล้วทหารตำรวจฝรั่งเศสที่เขาแต่งเครื่องแบบบผิดกับคนธรรมดาน่ะทำไมแต่งได้ล่ะ วันรับปริญญาซอร์บอนน์อาจารยืใส่ครุยรึเปล่า เกิดผมปลุกม๊อบคนกลัวครุย ประท้วงโวยวายให้อาจารย์มหาวิทยาลัยเลิกใส่ครุย มหาวิทยาลัยจะยอมบ้าตามผมไหม? ฯลฯ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 31 พ.ค. 06, 14:23
 กรี๊ดดดดดดดด มาเรียกเขา คุณแม่.. มิอาจเอื้อมละค่ะ
((เดี๋ยวเถอะนะ จะเรียก คุณพระปลาทู ฮึ))
เป็นหนูเฟื่องของทุกคนแหละค่ะ ก็หนู..เฟื่องนี่คะ

คุณนิลคะ เมื่อปี 2004 รัฐบาลฝรั่งเศสโดนโจมตีอย่างมากๆ ที่ออกกฎหมายเรื่อง ผ้าคลุมผม ของนักเรียนหญิงอิสลาม
จริงๆ ถ้าเป็นคนเดินถนนไม่มีปัญหาค่ะ แต่ในสถานศึกษาเขาจะห้าม
ไม่ว่าศาสนาใดๆ ก็ตามที เพราะเขากลัวจะมีปัญหานี่แหละ

เรื่องนี้ เฟื่องฟังๆ เขาดูแล้ว (ตอนนั้น ฟังอย่างเดียวค่ะ ไม่กล้าวิจารณ์เพราะตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับประเทศนี้เท่าหางอึ่งตัวเมีย)
ที่ปัญหาลุกลามใหญ่โต เป็นเพราะว่า..  สื่อมวลชน ค่ะ
ปัญหาเริ่มที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ครูไม่ให้นักเรียนหญิงอิสลามสวมผ้าโพกผม
นักเรียนหญิงรู้สึกจะสามคนเลยประท้วงไม่ไปโรงเรียนเสียเลย
ทีนี้ พอเด็กไม่ไปโรงเรียนก็ไม่ด๊ายย ผิดกฎหมาย (คราวนี้ เอกาลลิเต้ เดอ ชองซ์ ค่ะ)
คนนั้นคนนี้ ก็ออกมาเต้นคองก้ากันให้วุ่นหน้าจอทีวี
เรื่องนี้ เลยตกเป็นเหยื่อน้ำลายค่ะ
พี่เศสทั้งหลายเนี่ย เขาชอบอยู่แล้วเรื่อง Polemic
ต่อให้ไม่มีรายการให้ไปเถียงกันออกทีวี
พ่อคุณแม่คุณก็จับกลุ่มเม้ากัน เถียงกัน ฝอยกันมันหยด ตามคาเฟ่ต่างๆ อยู่แล้ว
กาแฟถ้วยเดียว นั่งได้ทั้งวัน ถกกันเรื่องการเมืองน้ำลายแตกฟองสุดๆ



ทีนี้ ตอนนั้น สื่อต่างๆ ก็ประโคมกันเข้าไป ใครๆ ก็ให้ความสนใจประเด็นนี้
เรียกว่า ถ้าเข้าวงไหนไม่มีเรื่องนี้หยิบยกขึ้นมาพูดนี่ เชยระเบิด
พอมีคนถกเถียงเรื่องนี้มากๆ เข้า รัฐบาลเลยเทค แอคชั่น ออกกฎหมายมันเสียเลย
บ้านเมืองระส่ำระสายสิคะทีนี้ มีข่าวจะระเบิดสถานีรถไฟใต้ดินด้วย ฮ่วย
ตอนนี้ เห็นเงียบๆ ไปแล้ว ไม่ทราบน้องหนูสามคนนั่น กลับเข้าโรงเรียนไปหรือยัง

เรื่องครุย ไม่น่าจะอยู่ในข่ายสัญลักษณ์ทางกฎหมายนะคะ
ส่วนพิธีประสาทปริญญาบัตร หนูก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันค่ะ
รู้สึกว่า พอเรียนจบก็จบ ไม่มีพิธีแจกปริญญาบัตรกันให้เมื่อยตุ้ม
เดี๋ยวต้องไปเช็คค่ะ หนูได้แต่ประกาศนียบัตร ไม่เคยได้ปริญญาบัตรจากซอร์บอนน์เสียด้วยซี แหะๆ

อย่างพระ ชี สงฆ์ที่นี่ สวมชุดเครื่องแบบได้ทั่วไปค่ะ ไม่ว่าศาสนาไหน
เขาจำกัดอยู่แค่ในสถานศึกษาเท่านั้น เป็นมานานแล้ว
คุณย่าคุณยายใครก็ไม่ทราบ เล่าว่า ตอนเป็นนักเรียนโดนครูให้เขกโต๊ะมาแล้ว
เพราะสวมสร้อยร้อยไม้กางเขนไปโรงเรียน

เรื่องสังคมคนที่นี่ ขอยกตัวอย่างแบบไม่ต้องเอาไกลตัวเลยนะคะ
มีวันหนึ่งแมวที่บ้านเข้าบ้านมาก็บ่น บอกว่า เห็นผู้หญิงอิสลามคนหนึ่งที่ไหนไม่ทราบ
ใส่ชุดคลุมมิดชิดหมด ตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมใส่แว่นดำปิดตาอีกต่างหาก เรียกว่า ไม่เห็นอะไรเลยว่างั้นเถอะ
เขาก็มาบ่นว่า เป็นอะไรเนี่ย ทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้ อยู่บ้านเมืองเขาแต่ไม่ปรับตัว
บ่นแบบสงสัยลืมตัวค่ะ นึกว่าอิฉันจะเข้าข้างคนฝรั่งเศส เอิ๊ก
เฟื่องก็แว้ดกลับไปแบบเดียวกับคุณพระนิลเลยว่า เป็นบ้าอะไรของเธอ
เขาจะแต่งแบบไหนก็เรื่องของเขาซียะ โรคจิตหรือเปล่า
แมวก็เถียงว่า อ้าว แล้วทำไมทีเวลาเราไปบ้านเมืองเขา เขาก็บังคับให้แต่งตัวมิดชิดเหมือนกันล่ะ

เฟื่องเลยบอกว่า แล้วไง พวกเศสอย่างเธอเนี่ย จิตป่วนนะ
สมัยนี้ แค่อิสระภาพ เสรีภาพ และภราดรภาพของเธอมันไม่เพียงพอแล้วนะ
คนฝรั่งเศสจะต้องหัดมี Tolerance ด้วย คำนี้ พยายามแปลให้ตรงแล้ว สำหรับหนูคือ การยอมรับและเข้าใจผู้อื่น  
แต่ยังไม่ค่อยพอใจค่ะ
หนูเลยบอกเขาว่า ฉันคิดอย่างคนไทยนะ
ฉันเป็นพุทธแต่เรียนโรงเรียนคาธอลิกมาตลอด แทบจะเป็นครึ่งพุทธครึ่งคริสต์อยู่แล้ว
แล้วในหลักสูตรการเรียนการสอน เราไม่ได้ปิดกั้นที่จะเรียนรู้แต่ศาสนาพุทธ
ในวิชาสังคม สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต เด็กไทยเรียนหมด ทุกศาสนาที่มีในโลก
ทำให้เราไม่รู้สึกแปลกแยก ยอมรับและเคารพในสิ่งที่ผู้อื่นเคารพนับถือ
เพื่อนที่เรียนด้วยกัน บางคนก็ได้ทุนมาเรียนจากใต้สุด สวมผ้าโพกผม
เราก็รู้ว่า ไม่ควรชวนเพื่อนให้กินกุ้งอบวุ้นเส้นกับเรา เพราะไอ้ที่อบอยู่ข้างล่างน่ะ มันคือมันเปลวหมูนะจ๊ะ
ว่าแล้วก็ชวนเพื่อนไปกินโรตี มะตะบะไก่อย่างเอร็ดอร่อยกันทั้งสองฝ่าย

นอกจากเคารพแล้ว แถมยังช่วยเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญๆ ต่างๆ ของศาสนาอื่นเสียด้วยซี
จำไม่ได้หรือ ช่วงเดือนธันวา บ้านเมืองไทยตกแต่งบรรยากาศคริสมาสต์ทั่วไปหมด
(ฝรั่งงงค่ะ ไปเจอต้นคริสมาสต์ตามท้องถนนในเมืองไทย)
ตรุษจีน เพื่อนคนไหนไหว้เจ้าก็เอาขนมเข่งขนมเทียนมาแจกกัน
ใครทำอะไร พี่ไทยเฮด้วยหมด นี่คือ Tolerance ของคนไทย

ไปเรียนรู้ของดีๆ ในบ้านเมืองไทยแล้วไม่รู้จักจำเลยนะยะ

((แมวฝรั่งเศส เจอแมวไทย เลยหงอยค่ะ เดินคอตกกลับไปทางเก่า อิอิ))


อ้อ เมื่อคืนฝันถึงคุณพระนิลด้วยแหละ ฮ่าๆ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 31 พ.ค. 06, 14:39
 ครูพัดค้า คิดเสียว่าเป็นสามแยกปากหมานแล้วกันนะคะ
แซวเล่นหนุกๆ ค่า กราบขออภัย...
หนูแปะ คหพต. นี้เสร็จแล้วจะวิ่งไปสำรวจตัวเองในกระจกอีกที
สงสัยจะเต็มกลืนฮ่ะ เพราะเคยฝ่าดงพี่เลี่ยนมาแล้ว
แต่ไม่ยักโยนหยิกก้นแฮะ
เป็นฝ่ายอยากแอบหยิกก้นหนุ่มอิตาเลี่ยนเสียเองนี่นา ตะละคน หืมมม..

สำหรับเฟื่อง พวกพี่เลี่ยนทั้งหลายไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ
แต่คุณอา(หรับ) ทั้งหลายเนี่ยสิคะ สุดๆของความ...(ติ๊ดด เซ็นเซ่อร์)

ถ้ามาเดินแถวๆนี้ แล้วไม่โดนคุณอาเต๊าะเนี่ยค่ะ ต้องไปโดดน้ำป๋อมแป๋มแล้วล่ะ
เพราะคุณอาเต๊าะแบบไม่จำกัดวัยซีคะ สาวแก่แม่ม่าย คุณอาเต๊าะเรียบ
เผือฟลุคละมั๊ง
เพื่อนเฟื่องเพิ่งกลับมาจากมอร็อคโคเร็วๆ นี้เอง
บอกว่า อยู่ที่นู่น เธอรู้สึกตัวเหมือนเป็นเทพธิดาเลยค่ะ
(อิฉันว่า เหมือนทุเรียนมากกว่ามั๊ง แมงวันตอมหึ่ง อิอิ)


กำลังพยายามนึกไปด้วยค่ะว่า สมัยเรียนมีสามแยกปากหมาไหม
หรือไม่ค่อยมีใครกล้าแซวก็ไม่ทราบ (ดุค่ะ)


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 31 พ.ค. 06, 15:02
 สำหรับผมนะ มาด๋าม ภราดรภาพรวมขันติธรรมต่อความแตกต่างอยู่แล้วในนั้นครับ คุณจะมีฟราแตร์นิเต้กะใครได้ คุณต้องทนได้กะความที่เขาอาจจะแตกต่างจากคุณไปหน่อยได้ซะก่อน ใช่มั้ยล่ะ ประเภทว่า แตกต่างแต่ไม่ต้องแตกแยกไง

ไม่ยังงั้นจะพูดว่าภราดรภาพทำไมว้า เหม็นขี้ฟัน


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 31 พ.ค. 06, 15:07
 ง่า -
ที่เผอิญฝันถึงผมน่ะ คนฝันเห็นว่าเป็นฝันดี หรือฝันร้ายครับ?


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 31 พ.ค. 06, 15:51
 ง่า-
บอกไม่ถูกค่ะ ว่าฝันดีหรือฝันร้าย
คุณพระกำลังบรรยายเรื่องอะไรก็ไม่ทราบค่ะ
เฟื่องฟังไม่เข้าใจเลย หน้าครูก็ไม่เห็น รู้แต่ว่าเป็นครูนิลสอน
จะเรียกได้ว่า ฝันร้ายได้ไหมเนี่ย ฮ่าๆ

เห็นด้วยกับเรื่องขันติธรรมค่ะ (ขอบคุณค่ะ ได้ศัพท์ถูกใจแล้ว)

คราวหน้า เฟื่องจะส่งแมวที่บ้านไปวาก๊องซ์ที่ฉนวนกาซ่าเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป
เผื่ออาการประสาทจะหายมั่ง
แบบนี้ เรียกคัลเจอร์ช็อคไหมคะ เฟื่องไม่ค่อยมีนะเรื่องช็อคๆ
ด้วยความที่ค่อนข้างใจกว้างแบบไทยๆ เลยไม่ค่อย "ช็อค" กับวัฒนธรรมฝรั่งนัก


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 31 พ.ค. 06, 17:01


   กลัวจะไร้สาระน้อยไป

ขอเชิญเที่ยวพิพิธภัณฑ์ตอแหล
 http://www.museumofhoaxes.com/photos/photos.html











รูปซ้ายคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว

แต่พิพิธภัณฑ์นี้ ช่างรวมเรื่องแหลๆไว้ครบถ้วนดีจริง

A photograph supposedly of the Loch Ness monster taken by Robert Kenneth Wilson, a British gynecologist, on April 19, 1934 at around 7:30 AM.

Because of Wilson's profession, the picture came to be known as "The Surgeon's Photo."

In 1994 it was revealed that the picture actually shows a toy submarine outfitted with the head of a sea serpent.  


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 31 พ.ค. 06, 18:08
 สวัสดีครับ มาช่วยชงครับ
ตอแหลเป็นคำพจนานุกรม แปลว่า
 ค้น :  ตอแหล 
คำ :  ตอแหล ๑
เสียง :  ตอ-แหฺล
คำตั้ง :  ตอแหล ๑
นิยาม :  เป็นคำด่าคนที่พูดเท็จ (มักใช้แก่ผู้หญิง).
2. ค้น :  ตอแหล
คำ :  ตอแหล ๑
เสียง :  ตอ-แหฺล
คำตั้ง :  ตอแหล ๑
นิยาม :  ช่างพูดและแสดงกิริยาน่ารัก (ใช้เฉพาะเด็กที่สอนพูด).
ปรับปรุง :  98/4/2
3. ค้น :  ตอแหล
คำ :  ตอแหล ๒
เสียง :  ตอ-แหฺล
คำตั้ง :  ตอแหล ๒
ชนิด :  ว.
นิยาม :  เรียกต้นไม้ที่ให้ผลเร็วผิดปรกติ เช่น มะเขือตอแหล.


เอ๊ะ! แล้วพิพิธภัณฑ์นี้ น่ารัก หรือว่า โข่งโหย่งโย่เย่อีเล้กุก ๆ กันแน่ครับ      


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 31 พ.ค. 06, 18:14

เรียน ทุกๆ ท่าน ที่เคารพครับ
ผมนึกถึงโฆษณาหนึ่ง ที่ว่าแมวหมากินดีอยู่ดีแล้วอ้วนพีกันใหญ่
ถ้าเป็นจริง ๆ คงเอาเนื้อไปชำแหละทำสเต็ก เอ๊ย สะเต๊ะหมาสะเต๊ะแมวได้ทีเดียวครับ

ถึงพี่เฟื่องครับ
ผมเจอลูกโป่งพี่เฟื่องแล้วครับ กว่าจะตามหาใช้เวลานานมาก...
น่ารักดีครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 31 พ.ค. 06, 18:18

รูปจากกระทู้ตุ๊กแกเกาะติดเทฟลอน ท่านโก๋แก่เป็นเจ้าของรูปครับ
คงต้องเถียงกันนานว่า ผิดทฤษฎีวิวัฒนาการหรือไม่ และช้างจะตัวโตเท่าไก่ เนื้อช้างอร่อยกว่าเนื้อไก่หรือไม่ หรือว่าช้างจะออกลูกเป็นไข่ ฯลฯ ครับ

(เชื่อหรือไม่ เคยมีคนเอาเนื้อช้างมาทำเค็มแทนควาย )


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 31 พ.ค. 06, 18:33

ใครรู้จัก สมภาร บ้างครับ
ข้าง ๆ รูปภาพท่านพุทธทาสนั่นแหละครับ สมพาล

สมพาล
เป็นหมาดำพันธุ์ไทย หูปรก เลี้ยงไว้ต้อนรับคนมาขอหวยขอเบอร์ มาขอเลข ๓ ตัว บอกไปขอสมพาลโน่น

นำมาจากนิตยสารสารคดี ฉบับ พ.ค. 2549 ครับ

ใครอยากขอหวยกับ สมพาล บ้างเอ่ย
และนี่ เป็นตัวอย่างของคำพ้องเสียงครับ
ลองอ่านดูในเว็บนี้ครับ
 http://www.rosenini.com/suanmokkh/chaiya/sm31.htm
http://www.buddhadasa.org/html/life-work/bio/tell_chapter4-03.html  


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: Peking Man ที่ 01 มิ.ย. 06, 10:08

ตอบคุณพิพัฒน์ เนื่องจากปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่ประเทศจีนจึงไม่สามารถตอบคำถามของท่านได้ แต่สำหรับที่ประเทศอังกฤษหนังสือสองเล่มนี้ผมเห็นประจำครับ แต่ว่าวาสนายังคงมาไม่ถึงเพราะผมยังไม่เคยอ่านครับ
สำหรับพักนี้ผมเพิ่งอ่านหนังสือเล่มนี้จบครับ น่าสนใจทีเดียว ถ้ามีใครสนใจลองหยิบไปอ่านดูก็ได้นะครับ

The 48 Laws of Power
by Robert Greene

 http://rapidshare.de/files/3086301/_Ebook_Robert_Greene_-_The_48_laws_of_power.pdf.html  


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 01 มิ.ย. 06, 11:51
 ไม่ต้องใช้วาสนามังครับ ใช้แค่ชะตากรรมก็คงพอ ฮิฮิ
ที่เรียนถามคือ DVD ครับ

หนังสือน่ะเก่างั่กสามสี่สิบปีแล้ว แต่ทำไมเพิ่งคิดมาทำเป็น DVD ก็ไม่รู้ เคยเห็นเป็นวิดีโอ แต่ผมไม่ศรัทธาสื่อฟอร์แมทนี้

ฝันว่าจะมีใครที่เมืองจีน แจกแบบที่แจกเพลง
ชอบของไม่เสียตังค์ครับ........


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 01 มิ.ย. 06, 11:57
 อ่าน โข่งโหย่งโย่เย่อีเล้กุก ๆ ของคุณศรีฯ ที่ 24 แล้ว
เกิดดวงตาเห็นธรรมว่า
ภาษาไทยนี่มันไม่มีคำด่าผู้ชายเลยนิ
....มีน้อยมากเมื่อเทียบกับคำด่าเพศแม่

ใครรู้ภาษาอื่น มา  โข่งโหย่งโย่เย่อีเล้กุก ๆ กันหน่อยปะไร


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 01 มิ.ย. 06, 12:15
 476 หน้า สำหรับการได้ มะริกันดรีม มาเป็นของตน
เสียดายเฮียแม้วเลิกแนะนำหนังสือแล้ว แต่แกคงอ่านอยู่กระมัง

ผมแนะนำมั่งดีกว่า
Tractatus.. เป็นฝ่ายฆ่าฝัน หรือเปลี่ยนเป็นฝันร้าย ........5555

คุณนกข.น่าจะเอามาซ่อนใต้หมอน ฮิฮิ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 01 มิ.ย. 06, 16:40
 เรียน คุณพิพัฒน์ ที่เคารพครับ
ไม่ทราบว่าใครเคยได้ยินคำว่า หมวกแข็งคุ่ม บ้างครับ
ผมรับประกันว่า พจนานุกรมไม่เคยบรรจุทรัพย์นี้ลงไปเลย
คนที่นำมาอ้าง (เท่าที่ผมทราบ) คือ คุณดำรงค์ อารีกุล ครับ
เขา(แอบ)บอกในเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของเขาว่า เคยมีคนใช้ศัพท์นี้ครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 01 มิ.ย. 06, 17:26
 เรียนคุณศรีปิงเวียงที่เคารพยิ่งกว่า ครับ

อย่าหวังว่าจะหาศัพท์อะไรที่คุณอยากรู้จากราชบัณฑิตเหล่านี้ ท่านเคยบอกแล้วว่าพจนานุกรมไม่ใช่ที่รวมของศัพท์อะไรที่หาไม่เจอแล้วเป็นต้องมาเจอในพจนานุกรมของท่าน
ครือ...ท่านสมเป็นราชบัณฑิตง่ะ คุณอยากได้อะไรจากราชบัณฑิตล่ะ นอกจากความเป็นบัณฑิต
ผมละให้แปลกใจจริงๆ ที่คำนี้ทำไมมาตรงกับคำว่า bandit หยั่งกะเดาใจผมออก
อันนี้ขอบ่นนิดหน่อยในฐานะที่เสียภาษีนะครับ

ส่วนคุณดำรงค์นั้น ท่านมีภาระเหมือนเราในการทำร้ายภาษา ท่านจึงมีอิสระในการสร้างสรรค์จนกว่าไม่ใครก็ใครสักคนจะวายวอดไปข้าง ถ้าอยากรู้ความหมายของ หมวกแข็งคุ่ม
คุณก็ต้องอยากรู้ กระบือบาล, โสดไม่เสร็จ, แหกคอกเขียว,....
และอาจเตลิดเพริดแพร้วไปถึง อึ้กกะบึ้ก ของทางเชียงใหม่เขา

สรุปว่า จนด้วยเกล้าครับ
มันคืออะไรหรือ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 01 มิ.ย. 06, 17:44
 สวัสดีครับคุณพิพัฒน์(ผู้เคารพยิ่งที่สุดท่านหนึ่งในเรือนไทย)
คำทำนายของพี่ติบอ เป็นจริงแล้วครับ        

ตอนนี้ ผมขออนุญาตไปเสาะหาเจ้า แข็งคุ่ม ก่อนนะครับ
ป.ล.
1. ผมเคยได้ข่าวมาว่า ท่านราชบัณฑิตท่านเปลี่ยนคำว่า นกขุ้ม เป็นนกคุ่ม
2. คุณ อาว์ หายไปไหน และ
3. และประเด็นสุดท้าย
ท่านจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ชวด แปลว่าทวด หรือว่าแปลว่าหนูกันแน่ครับ
ขออนุญาตลาพักฝนสักพักนะครับ เกรงว่าจะอุกอักกระอักอึก ๆ ไปมากกว่านี้ครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 01 มิ.ย. 06, 18:34
 ขออนุญาตช่วยครูพัดตอบน้องศรี ประเด็นสุดท้าย

พี่ว่า อยากทราบความหมายของคำพ้อง คงต้องดูที่บริบทนะคะ

ถ้าได้ยินพี่พูดว่า  

"พี่เฟื่องเกิดปีชวด  ส่วนคุณชวดเกิดปีระกา"

หนูคงไม่สับสนแน่ๆ ว่า ชวดไหนเป็นหนูกันแน่

ชวด ยังแปลว่า อด ด้วยนะ ไม่แน่ใจว่าเป็นภาษาปากเท่านั้นหรือเปล่า

การเรียนรู้ความหมายของคำพ้องโดยอาศัยบริบท
น่าจะใช้ได้ในการเรียนทุกๆ ภาษานะคะ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 01 มิ.ย. 06, 21:47
 ปวดหัวกะกระทู้นี้จริงๆ อ่านแล้วมีการบ้านเยอะจะทำไม่ไหว
แค่ที่ต้องทำจากที่คณะ ก็เกือบๆจะไม่เหลือเวลาเป็นตัวของตัวเองแหล่ว
ทำไมคุณpipat ถึงได้เปิดประเด็นที่น่าสนใจออกมามากขึ้นเรื่อยๆกลั่นแกล้งเด็กอย่างผมก็ไม่รู้
ไปดีฝ่า



ปล. คุณศรีฯ ครับ ตั้งแต่เล่นเรือนไทยมาผมไม่เคยทำนายอะไรกับเขาเลย
เคยแต่ไปอ่านเซียมซีคนอื่นที่โดนทักเรื่อง "นกดำ" น่ะพอจำความได้
คุณเอาลูกแก้วหมอดูที่ไหนมาให้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ ??


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 01 มิ.ย. 06, 22:04
 นู๋เฟื่อง
ที่น้องเนตรปริบๆ ถือไว้น่ะ
มันกำลังถูกแมลงวันตอม หรือมันกะลังร้องไห้น้ำตากระเซ็น....555

ส่วนคุณศรีปิงเวียงที่เคารพมากยิ่งกว่าเมื่อตะกี้ ครับ
คุณทำให้ผมต้องไปขุดรู คุยกับตุ๊ดตู่ออนไลน์ ได้ความว่า
นกคุ่ม เป็นปืนชนิดหนึ่งจริง ส่วน "ขุ้ม" นั้น เขาไม่นับเป็นภาษา ข่าวที่คุณได้ยินมาจึงถูกต้อง

ทีนี้คำแปลนกคุ่มที่ผมเจอนี่ ทำความปวดหัวใจแก่ผู้หมั่นไส้เป็นอาจิณอย่างผมเป็นอักโขโสหินี

ครือว่า ถ้าเกิดลูกชายผม เจอว่านกคุ่มเป็นปืน
มัน ซึ่งไม่มีความสำนึกรอบคอบพอจะทราบว่าในยุคก่อนมีปืนไฟ เขาเรียกอาวุธอย่างหนึ่งว่าปืน อย่างที่โลกนิติบอกว่า -ดุจช่างปืนดัดไม้ แต่งให้ปืนตรง  ...จะเกิดความเข้าใจผิดไปมากแค่ใหน ไม่อยากนินทา
มันอาจจะเข้าใจต่อว่า ปืนนกคุ่ม ปืนขานกยาง ปืนนกสับ ฯลฯ เป็นปืนรุ่นอะไรต่อมิอะไรให้วุ่นวาย ซึ่งชื่อปืนเหล่านี้ ราชบัณฑิตก็ไม่รับเข้าเป็นภาษาอีกเหมือนกัลลล์
เฮ้อออ... มันต้องฉลาดมากจึงจะรู้ว่า ให้ค้นที่ ขานกยาง จะพบคำอธิบายว่าเป็นปืน แต่...ถ้ามันฉลาดขนาดนั้น มันคงไม่คบกับราชบัณฑิตอีกแหละ

ผมเคยเชื่อว่าพจนานุกรมคือหน้าตาของวัฒนธรรม มันจะใช้ไม่ได้กับเสียมก๊กซะละมั้ง


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 02 มิ.ย. 06, 14:03
 ว้าย ที่ถือไว้นั่น กุหลาบทิพย์ค่ะ ที่เห็นกระจายๆ อยู่นั่นคือ กากเพชร อิอิ

ไปแระ หนูไปประชุมก่อน บ่ายๆ จะเข้ามาให้แซวกันใหม่ค่ะ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 มิ.ย. 06, 18:08
 ไม่อยากให้กระทู้ตกไป  เลยดันขึ้นมาอีก
พรรคพวกที่ช่วยกันไม่เป็นเรื่อง
วันนี้ไปเป็นเรื่องอยู่ที่ไหนกันหมด
.
.


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 05 มิ.ย. 06, 19:04

กราบเรียน และสวัสดี อ. เทาชมพูครับ
จริง ๆ ผมตั้งใจจะมาต่อประเด็นเรื่อง โข่งโหย่งฯ ครับ
แต่ช่วงนี้ไม่ว่างจริง ๆ ครับ พอพี่เฟื่องกับท่านผู้สัมเรทธิราชการประจำเรือนไทย(24 ชั่วโมง) หายหน้าไป กระทู้นี้ก็เงียบต๋อมครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 มิ.ย. 06, 19:16
 คุณศรีปิงเวียงคะ  
ลูกระเบิดชื่อ หมวกแข็งคุ่ม ที่คุณมาหย่อนเอาไว้น่ะค่ะ  ยังได้ยินเสียงมันเดินติ๊กๆ อยู่เลย
มันแปลว่าอะไรกันแน่

ถ้าเป็นชื่อหมวกชนิดหนึ่ง  คำว่า แข็ง และ คุ่ม เป็นวิเศษณ์  (adjective)ประกอบคำนาม หมวก
ดิฉันก็นึกถึงหมวกปีกแข็ง ที่ปีกหมวกหลุบลง
อย่างหมวกกะโล่


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 05 มิ.ย. 06, 19:23
 เรียน อ.เทาชมพู ที่เคารพอีกครั้งครับ
หมวกแข็งคุ่ม ในนิยายเรื่องหนึ่งเขาระบุไว้แค่ว่า
ตำรวจสองนายเดินไปที่รถ สวมหมวกแข็งคุ่ม
ครับ
แน่นอนว่า มันคือ หมวกกันน็อกครับ
ขอบพระคุณความเห็นของ อ. และทุก ๆ ท่าน มา ณ ที่นี้ครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 มิ.ย. 06, 19:33
 หมวกกันน็อค ???

ค้น :  คุ่ม
คำ :  คุ่ม ๒
เสียง :  คุ่ม
คำตั้ง :  คุ่ม ๒
ชนิด :  ว.
ที่ใช้ :  
ที่มา :  
นิยาม :  ค่อมน้อยๆ เช่น หลังคุ่ม, โค้งเข้า, โค้งลง.

หมวกกันน็อค น่าจะเรียก หมวกแข็งครอบ  มากกว่าหมวกแข็งคุ่ม
หรือ บอกผ่านแบบไม่ต้องต่อ..เอ้า...หมวกแข็งหุ้ม(หัว)


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 05 มิ.ย. 06, 20:20
 นึกว่าผมติดใจหมวกแข็งคุ่มอยู่คนเดียว

คือได้แต่ติดอยู่ในใจ ไม่มีอะไรจะร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนแบ่งปันได้ ครั้นมาอ่านของคุณครู ทชพ. ก็ต้องพยักหน้าหงึกๆ ว่า ผมก็นึกว่าหมวกแข็งคุ่ม น่าจะเป็นหมวกทำนองหมวกกะโล่เหมือนกัน

ซึ่งตำรวจสมัยหนึ่งก็อาจจะใส่ แต่สมัยนี้ไม่ทราบว่าใส่รึเปล่า

ผมคลับคล้ายคลับคลา - แต่ไม่ยืนยัน - ว่า จะเคยเห็นครูอบ ไชยวสุ (ฮิวเมอริสต์) หรือนักเขียนรุ่นอาวุโสท่านอื่น จะ พ. เนตรรังษี รึเปล่าไม่แน่ใจ พูดถึงหมวกที่เด็กสมัยโน้นใส่ โดยใช้คำนี้บรรยาย เข้าใจว่าถ้าไม่หมวกฟางนักเรียนรุ่นโบราณ ก็หมวกเครื่องแบบลูกเสือรุ่นโบราณเหมือนกัน


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 05 มิ.ย. 06, 20:23
 ทั้งนี้เว้นเสียแต่ว่า ภาษาทางการของตำรวจท่านใช้ยังงั้นจริงๆ ใครเป็นตำรวจมั่งครับ?

ภาษาศัพท์ทางการบางทีฟังแล้วก็ไม่เก็ททันทีนะครับ อย่าง เครื่องบินปีกหมุน นั้น เป็นศัพท์ทางการของทหาร ใช้เรียกสิ่งที่พวกเรา (พลเรือน) เรียกทับศัพท์เป็นภาษาฝรั่งว่า เฮลิคอปเตอร์ หรือ ฮอ (ฮ.)

ครั้งหนึ่งเราดูเหมือนจะเรียกคอมพิวเตอร์ว่า เครื่องจักรประมวลผล หรืออะไรทำนองนั้น เดี๋ยวนี้แม้แต่ทางราชการก็เรียก "คอมพิวเตอร์" ไปหมดแล้ว


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 05 มิ.ย. 06, 20:26
 อ้อ พาสาลาวเพิ่นเอิ้น น่ารักครับ เป็นตาฮักหลาย หมวกกันน็อคซึ่งภาษาราชการไทยเรีก "หมวกนิรภัย" เนี่ย ทางลาวเขาเรียกตรงๆ ว่า "หมวกกันกะทบ"

มีคำขวัญตามถนนในเมืองลาว เขียนว่า
"ซีวิดปอดไพ ใส่หมวกกันกะทบ"

เขาไม่ต้องใช้คำว่า knock อย่างที่ไทยเราทับศัพท์ฝรั่งด้วย น็อค มันก็ กระทบ นั่นแหละ ถูกของเขา


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 06 มิ.ย. 06, 11:18
 เคยได้ยินพ่อพูดถึง หมวกกะโล่ ค่ะ
หมวกแข็งคุ่ม นึกไม่ออกจริงๆ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 06 มิ.ย. 06, 13:24
 ขอปรับสองบาทครับ
"เครื่องบินปีกหมุน" ทหารอากาศแท้เขาไม่ใช้ เพราะมันไม่ตรงกับกายภาพ

ผมเคยค้นเจอว่า เครื่องบิน ให้หมายถึงอากาศยานปีกแข็ง สมัยก่อนมีนะครับ อากาศยานปีกอ่อน ทำด้วยผ้าใบครับ
ไอ้ใบพัดหมุนๆ นี่ เขาเรียกอากาศยานปีกหมุน

ต่อมาก็เพิ่มอีกหมวด เป็นอากาศยานขึ้นลงแนวดิ่ง อันนี้ผมแอบเดาว่า ท่านแม่ทัพอาจจะกำลังเล็งไอพ่นแฮริเออร์ ที่บินขึ้นลงทางดิ่งของอังกฤษไว้

ศัพท์นักบินนี่สนุกไม่แพ้ศัพท์ศิลปิน
อย่าง "ทิ้งฐาน" ใครเดาได้ ว่าหมายถึงอะไรครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 07 มิ.ย. 06, 17:41
 สวัสดีทุก ๆ ท่านที่เคารพ และขอบพระคุณทุก ๆ ความเห็นครับ
ทิ้งฐาน ผมว่าน่าจะเกี่ยวกับ ตอนจะปล่อยอะไรลงข้างล่าง ก็ต้องกำหนดจุดจุดนี้ปล่อยสิ่งนั้นครับ
ฐาน น่าจะหมายถึง เป้าหมายครับ
ของที่ทิ้ง จะเป็นอะไรก็ได้ เช่น ระเบิด พลร่ม เสบียง จดหมายลับ อาวุธ ฯลฯ ครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 07 มิ.ย. 06, 21:31
 ใบ้ให้นิดครับคุณศรี ฯ
"ฐาน" นี้ ต้องอยู่กับเครื่องบินครับ ขืนหลุดออกไปแบบระเบิด หรือพลร่ม เครื่องบินนั้นไม่ได้กลับบ้านครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: Its me ที่ 08 มิ.ย. 06, 00:52
 Doers it mean to open the landing gear?


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 08 มิ.ย. 06, 04:04
 ทิ้งฐาน หมายถึงการกางล้อเครื่องบินหรือเปล่าคะคุณพิพัฒน์?


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 08 มิ.ย. 06, 17:38
 สวัสดีทุก ๆ ท่านที่เคารพครับ
ผมคิดว่าความเห็นของคุณ Its me และคุณ B ถูกต้องครับ
ทิ้งฐาน น่าจะใช้ได้กับการร่อนลงจอดของ ฮ. ครับ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 08 มิ.ย. 06, 19:32
 คุณ B นี่เป็นจอมตอบถูกจริงๆ โชคดีไม่ได้มี CD แจกในงวดนี้
ทหารอากาศเขาแปล "ฐาน" มาจาก base คือล้อทั้งชุด
ดังนั้นอากาศยานปีกหมุนทั่วๆไป ไม่มีฐานให้ทิ้งครับ ดูเหมือนไม่แน่ใจว่าเขาเรียก ฐานแข็ง หรือเปล่า

ไม่ได้ตามข่าวเครื่องบินเสียนานแล้ว


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 08 มิ.ย. 06, 22:09

มองไม่เห็นเน้อ....  


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 08 มิ.ย. 06, 22:50
 ได้กลิ่นคุ้นๆ ครายจุดธูปเรียกเราเนี่ย คุณศรีนี่เอง

มาช่วยดันกระทู้ด้วยคนค่ะ แหม น้องหนูสายตาสั้น น่ารักจัง อิอิ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 09 มิ.ย. 06, 03:45
 ไม่มี CD ไม่เป็นไรค่ะ คุณพิพัฒน์

ความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่ได้จากคุณพิพัฒน์ มีค่าเหนือของรางวัลทั้งหมดค่ะ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 09 มิ.ย. 06, 10:55
 อย่าเชื่อทั้งหมดนะครับ ขอให้สนุกและรักประวัติศาสตร์เป็นพอ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 10 มิ.ย. 06, 10:37
 สวัสดีพี่การีน คุณเฟื่อง คุณพิพัฒน์ คุณ B ครับ
ขออนุญาตฝากเพลงไว้ที่นี่ครับ

ติงนังนัง ตังนิง ชะเออเอ่อเอย พูดจริง ๆ ไม่หลอก
บอกว่ารักจึงบอก จึงบอกออกมาจากหัวใจ
เกิดมาเป็นหนุ่ม ร้อนรุ่ม ยังไม่เคยรักใคร
อยากจะบอกความนัย ความนัย แต่มันก็ไม่ค่อยกล้า
(ดำน้ำ)
    (สร้อย)รักจริง ๆ ให้ติงนัง ติงนัง ๆ ถี่
             จำได้ไหมคนดี คำนี้ ที่เราเข้าใจกัน
             ถึงมันไม่มีความหมาย แปลไม่ได้ ก็ไม่สำคัญ
             เป็นภาษาสวรรค์ ที่สองเรานั้นรู้กันก็พอ
ติงนังนัง ตังนิง ชะเออเอ่อเอย ไม่รักจริง ไม่ว่า
เดือนสี่ปีหน้า ปีหน้า พี่ก็จะมาขอ
แม้ไม่รวยเท่าไหร่ แต่หัวใจ มันบอกไม่ต้องรอ
วันนั้นละหนอ ละหนอ พี่จะขอติงนัง
(ซ้ำตั้งแต่ท่อนสร้อยลงมา)


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 11 มิ.ย. 06, 15:22
 รายงานข่าวล่าสุดจากสามแยกปากหมานสองแห่งในจุฬาฯค่ะ
บันไดตึกถาปัด
ไม่มีแล้วค่ะ หนุ่มถาปัดบอกว่าร้อนมาก ไม่มีเวลามานั่งพักแซวสาวๆ
ธ่อ.. หนุ่มสมัยนี้ไม่มันเลย
ส่วนข้างตึกจักร ตรงตึกวิศวะ มีโต๊ะนั่งเป็นล่ำเป็นสัน
ถามว่ายังหมานอยู่ไหม
เด็กๆบอก ไม่หมานแล้ว เรียนกันหนัก
ว้า...
รสชาติของชีวิตมันเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ


กระทู้: สรรพเพเหระ...ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 13 มิ.ย. 06, 18:09
 สวัสดีทุก ๆ ท่านครับ
สืบเนื่องจาก เรื่องกาพย์ ๆ กลอน ๆ ครับ
"ความเห็นเพิ่มเติมที่ 154

คำว่า กานท์ พจนานุกรมว่า แปลว่า บทกลอน จ้ะ

แต่ต่างจาก กลอน ยังไงผมก้ไม่ทราบแน่ครับ

โดย: นิลกังขา  [IP: hidden]
วันที่ 20 ก.พ. 2549 - 20:18:58
กาพย์ โบราณท่านกล่าวว่าเป็นคำเรียกบทประพันธ์ที่คล้องจองกัน แต่มักเอาไว้ท้ายคำ เป็นกลอนก็เรียก "กลอนกานท์"
เป็นโคลงก็เรียก "โคลงกานท์" เป็นกลบท ก็เรียก "กลกานท์" ฯลฯ มักใช้ในหนังสือโบราณ เช่น ยวนพ่าย ฯลฯ เป็นต้น
อ้างจาก ฉันทลักษณ์ ผลงานของพระยาอุปกิตศิลปสาร
"