เรือนไทย

 กำลังจะทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับปรัชญาค่ะ ซึ่งต้องการจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับการคลุมถุงชนเพื่อนำไปใช้เป็นกรณีศึกษา
อยากทราบว่า ในปัจจุบันนี้ยังมีการคลุมถุงชนอยู่หรือไม่ และ มีกรณีไหนที่เด่นๆและพอจะนำมาอ้างอิงได้บ้างค่ะ
ตามที่ดิฉันเข้าใจ ดิฉันคิดว่าในปัจจุบันยังคงมีการคลุมถุงชนอยู่มาก แต่อาจจะเบาบางลงในเรื่องของการบังคับ คือไม่ใช้วิธีการทารุณหรือบีบบังคับอย่างรุนแรงอีกแล้ว แต่จะเป็นการหว่าล้อมเพื่อให้ยอมทำตาม อาจจะอ้างในเรื่องของวามกตัญญู หรือเพื่อผลประโยชน์มากกว่าซึ่งมันจะกลายเป็นการบังคับทางอ้อม ใช่หรือไม่คะ

 คลุมถุงชน  หมายถึงการแต่งงานที่ผู้ใหญ่จัดการให้  โดยที่เจ้าตัวไม่รู้จักมักคุ้นหรือรักกันมาก่อน
ไม่ได้เน้นถึงการบังคับรุนแรงหรือหว่านล้อม

ในสังคมที่ชายหญิงไม่มีโอกาสรู้จักมักคุ้นกันเอง  การคลุมถุงชนก็เป็นทางออกอย่างหนึ่งของการตั้งครอบครัว   คือผู้ใหญ่เป็นฝ่ายตัดสินใจให้แทนเจ้าบ่าวเจ้าสาว  

ปัจจุบันนี้  เชื่อว่าในสังคมเล็กๆเช่นในหมู่บ้านไกลๆ น่าจะยังมีการคลุมถุงชนอยู่

 การแต่งงานแบบคลุมถุงชน เป็นการแต่งงานโดยพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายตกลงปลงใจแต่งงานกันจักรู้จักมาก่อนหรือไม่ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่คนสองคนต้องแต่งงานกันภายใต้ข้อตกลงของผู้ปกครองทั้งสองฝ่าย
ปัจจุบันนี้การคลุมถุงชนก็ยังมีอยู่ทั้งในเมืองและชนบทภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ เช่นเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ สัญญาระหว่างเพื่อนหรือคนนับถือกัน เป็นต้น

เทาแดง

ขออนุญาติเรียนถามต่อเลยแล้วกันนะคะ

หากการคลุมมีลักษณะที่ว่ามา แล้วการแต่งงานระหว่างอิเหนากับบุษบา หรือสียะตรากับวิยะดา ในเรื่องอิเหนาจัดว่าเป็นการแต่งงานแบบคลุมถุงชนด้วยไหมคะ

เพราะทั้งคู่ถูกผู้ใหญ่หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็กไม่เคนเห็นหน้ากันมาก่อน

หลังจากนั้นโตขึ้นค่อยได้เจอกันรักกันและแต่งงานกันในที่สุด

        คลุมถุงชนนั้น    มาจากกีฬาไทยเดิมประเภทหนึ่ง    ที่ปิดบังคู่ต่อสู้ไม่ให้เห็นความได้เปรียบเสียเปรียบก่อนการเปรียบตัวจริง

       
        อิเหนาได้เห็นตัวบุษบาก่อน    จึงหลงรักเป็นนักหนาเพราะนางงามดั่งหยาดฟ้ากระยาหงัน

งามจริงยิ่งเทพนิมิต                              ให้คิดเสียดายเป็นหนักหนา

จึงได้ลักตัวนาง  จนนางถูกลมหอบหายไป   ต้องมะหงุมมะงาหราอยู่นาน


        ส่วน ย่าหรัน นั้น  รักนางเกนหลงเมื่อแรกเห็นเพราะเป็นคู่ตุนาหงันกันมา        จึงลักตัวไป  แทบจะโดนอิเหนาสังหาร

จนต้องขอดูกริชกันถึงรู้ตัวกัน


        เป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาสค่ะ


        สงสัยอยู่แต่ว่านางเกนหลงหรือวิยะดาอายุเท่าไร  เพราะก่อนกว่าอิเหนามาก  ราว  ๑๕ ปีหรือมากกว่า

ย่าหรันหรือสียะตรานั้นอิเหนาพึ่งอุ้มอยู่หยก ๆ  เมื่อไปเมืองดาหา      หนุ่มแล้วก็ออกมะงุมมะงาหรากับเขาบ้าง     อายุตอนปลอมตัว

เพิ่งได้ ๑๕  และผ่านโสกันต์มาหยก ๆ

คลุมถุงชน ภาษาอังกฤษใช้คำว่า arrange marriage   คือการแต่งงานที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่ความสมัครใจของเจ้าบ่าวเจ้าสาว    สังคมอังกฤษยุคเก่ามีการแต่งงานประเภทนี้เหมือนกัน เรียกว่า marriage of convenience  คือเป็นการแต่งงานเพื่อประโยชน์ที่ลงตัวกันทั้งสองฝ่าย     ไม่เกี่ยวกับความรัก
การกำหนดแต่งงานในหมู่เครือญาติ หรือคนในแวดวงเดียวกัน ด้วยจุดประสงค์จะรักษาชาติตระกูลให้บริสุทธิ์ หรือดำรงอาชีพฐานะเอาไว้ในกลุ่มเดียวกัน  โดยผู้ใหญ่สองฝ่ายตกลงใจร่วมกัน   ก็เข้าข่ายคลุมถุงชน     
เจ้าบ่าวเจ้าสาวอาจจะเห็นหน้าค่าตากันก่อนแต่งก็ได้ ไม่ถึงกับมืดมนเพิ่งเห็นหน้ากันวันวิวาห์เป็นครั้งแรก  แต่จะสมัครใจหรือไม่ ไม่สำคัญ  โดนจัดสรรให้เรียบร้อยไปแล้ว
อิเหนากับบุษบา  สียะตรากับวิยะดา เป็นการแต่งงานแบบคลุมถุงชน  นอกจากอยู่ในวงศ์เทวากระยาหงัน 4 เมืองด้วยกัน  ยังต้องคำนึงถึงลำดับตำแหน่งของพระมารดาด้วย   ลูกประไหมสุหรีก็ถูกคลุมถุงชนกับลูกประไหมสุหรี    ลูกมเหสีรองก็เข้าคู่กับมเหสีรองด้วยกัน
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมอิเหนาจึงถูกจับคลุมถุงชนกับบุษบา สียะตรากับวิยะดา  กะหรัดตะปาตีพี่ชายของอิเหนา ซึ่งเกิดจากลิกูเมืองกุเรปัน  จึงถูกจับคลุมถุงชนกับบุษบารากา ธิดาลิกูเมืองกาหลัง

ในเรื่องบอกแต่ว่าจินตะหราเกิดปีเดียวกับอิเหนาแต่อ่อนเดือนกว่า    บุษบาเกิดทีหลัง ดูจากลำดับการเล่าเรื่อง   
แต่ไม่ได้บอกว่าเกิดทีหลังกี่ปี  แต่ก็คงไม่ห่างกันมาก  เพราะโตเป็นหนุ่มสาววัยเดียวกันเมื่ออิเหนาเข้าเมืองดาหา
สียะตราอ่อนกว่าบุษบา 5 ปี
อิเหนาอายุไม่ต่ำกว่า 15 ตอนไปเมืองหมันหยา   ติดนางจินตะหราอยู่ที่นั่น   พ่อแม่เรียกกลับมาเพราะแม่คลอดน้องสาว วิยะดาน่าจะอ่อนกว่าพี่ชายประมาณ 15-16 ปี

        ขอบพระคุณคุณเทาชมพูค่ะ

ตั้งใจจะรวบรวมเรื่องเก่า ๆ ของ แสงทอง   มาให้ในเร็วๆนี้ค่ะ

เป็นสำนวนที่มาจากการชนไก่



พอเข้าสังเวียนแล้วก็....

สู้จนเย็บตา ไม่ตายก็คางเหลือง

 ;D

        ความสำคัญของเรื่องมิใข่อยู่ที่ว่าไก่จะเห็นคู่ต่อสู้เมื่อถอดผ้าคลุมหัวออก      ส่วนมากจะคลุมมาทั้งกรงเลยค่ะ

จุดประสงค์เพื่อไม่ให้เจ้าของไก่ฝ่ายตรงข้ามและพรรคพวกที่ถือหางพนันจะทันรู้ตัวว่าพ่อแหยมแกเอาไก่หน้าใหม่มาลง

คะแนนพนันขันต่อจะเปลี่ยนวูบก็ตอนนี้ล่ะค่ะ    น้าเหมือน   น้าชัย  ลุงผู้ใหญ่ก็ได้เปรียบไปล่วงหน้า

        วรรณคดีไทยที่เปรียบการโลมนางว่าเหมือนตีไก่  ก็คือขุนช้างขุนแผนสำนวนครูแจ้งค่ะ