ไอ้กระผมเนี่ยไม่กล้าพิมพ์คำว่าคนเกาหลี(ถ่อย) เลย กลัวเดี๋ยวจะถูกหาว่าเหยียด
แต่ผมคิดเช่นเดียวกับท่านอาจารย์ใหญ่กว่าจริงๆ
พวกเกาหลีที่มาเจอที่ ตปท นี่จะแปลกๆ มาก หน้าตาบึ้งตึงตลอดเวลา ไม่ทักไม่ทาย เคยมาเป็นเพื่อนบ้านกันอยู่บ้านนึง คนภรรยานี่เค้าจะไม่ทักไม่ยิ้มตอบไม่พูดคุยกับคนชาติอื่นเลย คนอื่นที่เจอก็ออกจะคล้ายๆ กัน ดูไว้ตัวมากๆ จะว่าภาษาไม่ดีก็ไม่น่า ต่างกับญี่ปุ่นที่จะยิ้มแย้มแจ่มใส มีมารยาทกว่า น้องสาวเคยเป็นแอร์การบินไทยก็บอกว่าเบื่อพวกเกาหลีเพราะถ่อย
เกาหลีแม้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีกษัตริย์ของตัว เคยแม้แต่ยกทัพไปญี่ปุ่น แต่โดยส่วนใหญ่จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีน และตอนหลังมาเป็นญี่ปุ่น ช่วงที่อิสระนี่คือช่วงที่จีนตกต่ำเอง แต่โดยทั่วไปมีสภาพเป็นรัฐบรรณาการตลอด แม้จะเคยสร้างเรือรบเหล็กได้แต่ก็เป็นแค่ครั้งนึงในประวัติศาสตร์ ไม่ได้มีการต่อยอดหรือพัฒนาต่อ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและพื้นที่ก็น้อยกว่าไทย ถ้า man-year หมายถึงการสั่งสมวิทยาการและความรู้ที่ถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น เกาหลีไม่น่าจะมีมากไปกว่าไทยเท่าไหร่ แต่ถ้าหมายถึงเบ้าหลอมวัฒนธรรมที่ทำให้คนเกาหลีมีแนวคิดบางอย่าง เช่นชาตินิยม หรือยอมรับการโกงกินสินบนได้ยากกว่า การหน้าบางรับผิดชอบต่อความผิดไม่ลอยหน้าต่อ หรือความเอาจริงเอาจังมุ่งมั่น เกาหลีอาจจะมีมากกว่าไทยเพราะสภาพทางภูมิประเทศมันเป็นอีกตัวแปรที่บังคับให้ต้องเป็นแบบนั้น
เคยดูสารคดีอู่ต่อเรือฮุนไดของเกาหลี เค้าเริ่มจากการไม่มีอะไรเลยจริงๆ ภูมิความรู้เป็น 0 เพราะเกาหลีไม่เคยต่อเรือ ตาเจ้าของเอาภาพเรือเต่าบนธนบัตรเกาหลีไปขอกู้เงิน bank บอกดื้อๆ ว่าจะสร้างอู่ต่อเรือเพราะว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนเกาหลีเคยต่อเรือเต่าเป็นเหล็กมาแล้ว ดังนั้นต้องทำได้ ปัจจุบันเรือสินค้าขนาดใหญ่หลายหมื่นตันต่อในเกาหลี รวมถึงเครื่องจักรเรือที่เกาหลีทำ และยังส่งออกเครนและปั้นจั่นด้วย ถ้ามองว่าเกาหลีสะสม man-year มานาน ผมมองว่าวิทยาการความรู้ด้านการต่อเรือของเกาหลี เพิ่งจะสร้างมาโดยคนในรุ่นหลังสงครามเกาหลีนี่เอง
ที่ผมยกเกาหลีมาด้วยเพราะหลังสงครามเกาหลีนี่เรียกได้ว่าเกาหลีไม่เหลืออะไรเลยนอกจากคน สงครามทำลายอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคแทบทั้งหมดของเกาหลี และแม้จะมีพี่กันมาช่วย เกาหลียังต้องระดมลงทุนในการสร้างเสริมสมรรถนะของกองทัพอย่างขนานใหญ่ เพราะสงครามยังไม่จบ ภัยคุกคามยังสูง ผู้ชายทุกคนต้องถูกเป็นทหาร ทำให้ระบบแรงงานไม่ต่อเนื่องด้วยซ้ำ เมืองที่ท่านอาจารย์ใหญ่กว่ายกมา จะเห็นว่าไม่ค่อยมีอาคารใหญ่ๆ หรือปล่องไฟโรงงานเลย ท่าเรือก็เล็กนิดเดียว ถ้ามีรูปเมืองโคราชหรือสงขลาในยุคเดียวกันมาเทียบ ของเราอาจจะใหญ่กว่าก็ได้
(นักเรียนยังดื้อครับ)
เรื่องระบบการศึกษานี่ผมเชื่อท่านผู้รู้ว่าพี่ยุ่นเค้ามีและพัฒนามาก่อนเรา นี่ก็เลยเป็นข้อได้เปรียบอีกประการทำให้ไปรุ่งกว่า และอาจจะมีการผลิตที่มากกว่าไทย รวมถึงระบบภาษีสุดโหด แต่ถ้าทางวิทยาการ แม้จะต่อเรือ ตีดาบได้ แต่วิทยาการพวกนี้ไม่สามารถทำให้สู้กับตะวันตกได้ แถมการปิดประเทศทำให้ญี่ปุ่นหยุดนิ่งมาหลายร้อยปี ญี่ปุ่นก่อนปิดประเทศ กับญี่ปุ่นตอนปิดประเทศ 200 ปีก่อนหน้า น่าจะไม่แตกต่างกันมาก ผมมองว่าปัจจัยหลักที่สำคัญยิ่งคือวิธีคิดของคนที่ต่างกัน ทำให้พัฒนาไปได้เร็วกว่า ไม่ใช่คนเราแย่กว่าหรือโง่กว่า แต่ด้วยกรอบวิธีคิด เบ้าหลอมทางวัฒนธรรมแบบของเรา ทำให้ความมุ่งมั่นของเราน้อยกว่าเขา บวกกับการหยวนๆ ยอมรับความไม่ถูกต้องได้ง่ายกว่า ฉาบฉวย มองเปลือกมากกว่าแก่น เราเลยคล้ายๆ จะกลายเป็นประเทศหยุดพัฒนาแล้ว