เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: ดาวกระจ่าง ที่ 30 ก.ย. 20, 19:32



กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 30 ก.ย. 20, 19:32
ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางสมัยสุโขทัย-อยุธยาหน่อยค่ะ ว่าถ้านับเฉพาะคนไทยภาคกลางในสมัยสุโขทัย-อยุธยามีความเชื่อในเรื่องเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดอะไรบ้างไหมคะที่เป็นเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดของไทยแท้ๆไม่ได้รับอิทธิพลความเชื่อจากจากภาคอื่น หรือเอามาจากต่างชาติ เช่น เอามาจากฝรั่ง อินเดีย หรือจีนเลย


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ก.ย. 20, 19:46
ตอนนี้นึกออกแต่ "เงือก" ในลิลิตพระลอ ค่ะ
เงือกเอาคนใต้น้ำ
กล่ำตากระเหลือก
กระเกลือกกลอกตากลม
ผมกระหวัดจำตาย

เงือกชนิดนี้ไม่ใช่ mermaid  แต่เป็นสัตว์ประหลาดดุร้าย อาศัยอยู่ตามห้วยหนองคลองบึงในป่า   
กวีบรรยายไว้ว่า เงือกมีดวงตาเหลือกกลมโต ผมยาว  เมื่อคนลงไปเล่นน้ำ ก็เอาผมรัดคนฉุดลงไปใต้น้ำ จนจมน้ำตาย


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 20, 08:12
เทพเจ้าของไทย ที่ไม่ได้มีที่มาจากอินเดีย   แต่เป็นเทพประจำอยู่ในท้องถิ่นแหลมทองมาก่อน  เท่าที่นึกออกตอนนี้ก็คือ
พระเสื้อเมือง
พระทรงเมือง
ปู่เจ้าเขาเขียว
ปู่เจ้าสมิงพราย
ค่ะ


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ต.ค. 20, 08:53
พระสยามเทวาธิราช เทพเจ้าซึ่งเพิ่งสร้างในรัชกาลที่ ๔

(รัชกาลที่ ๔) ครั้นได้ขึ้นเสวยราชย์แล้ว ก็เริ่มใช้คำ สยาม เป็นชื่อราชอาณาจักรไทยในการติดต่อกับต่างประเทศ. ได้หล่อรูปพระสยามเทวาธิราชขึ้นเป็นตัวแทนวิญญาณของเทวดาผู้รักษาราชบัลลังก์สยาม. พระองค์เองก็ใช้นามในภาษาละตินว่า Rex Siamen Sium. ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้คิดดวงตราหรือพระราชลัญจกรขึ้นดวงหนึ่งสำหรับประทับพระราชสาส์นไปยังราชสำนักจีนโดยเฉพาะ ในดวงตรานั้นมีอักษรเขียนว่า สยามโลกัคคราช (สยาม+โลก+อัคค+ราช = ผู้เป็นใหญ่แห่งแผ่นดินสยาม).

 จากหนังสือ  "ความเป็นมาของคำ สยาม, ขอม, ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ"  โดย จิตร ภูมิศักดิ์


พระสยามเทวาธิราช เป็นเทวรูป หล่อด้วยทองคำสูง ๘ นิ้ว ประทับยืนทรงเครื่องกษัตริยาธิราช ทรงฉลองพระองค์อย่างเครื่องของเทพารักษ์ มีมงกุฎเป็นเครื่องศิราภรณ์ พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงขรรค์ พระหัตถ์ ซ้ายยกขึ้นจีบดรรชนีเสมอพระอุระ องค์พระสยามเทวาธิราชประดิษฐานอยู่ในเรือนแก้วทำด้วยไม้จันทน์ ลักษณะแบบวิมานเก๋งจีน มีคำจารึกเป็นภาษาจีนที่ผนังเบื้องหลัง แปลว่า "ที่สถิตย์แห่งพระสยามเทวาธิราช" เรือนแก้วเก๋งจีนนี้ประดิษฐานอยู่ในมุขกลางของพระวิมานไม้แกะสลักปิดทอง ตั้งอยู่เหนือลับแลบังพระทวารเทวราชมเหศวร์ ตอนกลางพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง

ประวัติ
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดการศึกษาประวัติศาสตร์ ทรงมีพระราชดำริว่าประเทศไทยมีเหตุการณ์ที่เกือบจะต้องเสียอิสรภาพมาหลายครั้ง แต่เผอิญให้มีเหตุรอดพ้นภยันตรายมาได้เสมอ คงจะมีเทพยดาที่ศักดิ์สิทธิ์คอยอภิบาลรักษาอยู่ สมควรที่จะทำรูปเทพยดาองค์นั้นขึ้นสักการบูชา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการปั้นหล่อเทวรูปสมมุติขึ้น ถวายพระนามว่าพระสยามเทวาธิราช ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งทรงธรรมในหมู่พระที่นั่งพุทธมณเฑียร ในพระอภิเนาว์นิเวศน์



กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 20, 09:16
คุณดาวกระจ่างถามถึงเทพเจ้าสมัยสุโขทัย - อยุธยา ที่ตอบไปคือสมัยรัตนโกสินทร์    คุณจะรวมด้วยหรือเปล่าคะ
ถ้ารวมก็จะนำมาแสดงอีกหลายองค์ค่ะ


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ต.ค. 20, 13:27
และถ้าไม่เฉพาะคนไทยภาคกลาง ก็จะมีอีก 'หลายองค์' และ 'หลายตัว'  ;D


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 01 ต.ค. 20, 14:20
ขอบพระคุณคุณเทาชมพูและคุณเพ็ญชมพูสำหรับคำตอบค่ะ

ถ้าจะกรุณาแนะนำรวมไปถึงยุคสมัยรัตนโกสินทร์ด้วยดิฉันก็ยินดีค่ะ ขอให้อยู่ในความเชื่อเฉพาะของคนภาคกลางก็พอ


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 20, 19:28
ย้อนไปสมัยสุโขทัย   เทพเจ้าที่ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1  ของพ่อขุนรามคำแหง คือ "พระขพุงผีเทพดาในเขา"
ชื่อนี้ยังเป็นที่เถียงกันว่า เทพองค์นี้ ชื่อ "พระขพุง" เป็น "ผีเทวดา"  หรือว่าชื่อ "พระขพุงผี" เป็น "เทวดาในเขา"
แต่พอมาพบจารึกปู่ขุนจิดขุนจอด ซึ่งเป็นศิลาจารึกสมัยสุโขทัยแต่ยุคหลังพ่อขุนราม  ปรากฏชื่อว่า "ปู่เจ้าพระขพง"
ก็เลยทำให้สรุปได้ว่า เทพองค์นี้ชื่อพระขพุง หรือพระขพง  เป็นเทพเจ้าแห่งภูเขา   

การนับถือภูเขาว่ามีเทพเจ้าครอบครองอยู่ น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของชาวบ้านสมัยนั้นที่นับถือธรรมชาติเป็นใหญ่

คำว่า ปู่เจ้า  คือคำนำหน้าเทพเจ้าท้องถิ่นของไทย   ต่อมารู้จักกันว่ามีชื่อปู่เจ้าเขาเขียว ปู่เจ้าสมิงพราย


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ต.ค. 20, 20:56
คำว่า "ปู่เจ้า" ท่านเอิร์สท (orst) บอกว่ามี ๒ ความหมาย  ความหมายแรกคือ ผู้เฒ่าที่คนเคารพนับถือ, เจ้าปู่ ก็ว่า อีกความหมายคือ เทพารักษ์ เช่น เขาใส่สมญาเรา ปู่เจ้า (จากลิลิตพระลอ)

"ปู่เจ้าลาวจก" อยู่ในความหมายแรก

จิตร  ภูมิศักดิ์เล่าถึง "ปู่เจ้าลาวจก" ไว้ในหนังสือ ความเป็นมาของคำสยาม ไทย, ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ (http://www.openbase.in.th/files/tbpj027.pdf) ดังนี้

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=4734.0;attach=24767;image)


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ต.ค. 20, 08:55
เทพเจ้าของไทย ที่ไม่ได้มีที่มาจากอินเดีย   แต่เป็นเทพประจำอยู่ในท้องถิ่นแหลมทองมาก่อน  เท่าที่นึกออกตอนนี้ก็คือ
พระเสื้อเมือง
พระทรงเมือง
ปู่เจ้าเขาเขียว
ปู่เจ้าสมิงพราย
ค่ะ

ประวัติที่มาของพระเสื้อเมืองและพระทรงเมือง นี้มีการพูดถึงอยู่เนือง ๆ แต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ชัดแจ้ง

ครั้งหนึ่งได้เคยถกเรื่องนี้กันกับคุณโฮและคุณม้าในห้องสมุด พันทิป มีความเห็นต่อเทวดาทั้งสองนี้หลายหลาก
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/03/K7677216/K7677216.html

คุณเพ็ญเริ่มก่อน

พระเสื้อเมือง อาจจะมาจากคำว่า พระเชื้อเมืองอันหมายถึงว่าเป็นผีเชื้อสาย หรือเทวดาที่คุ้มครองรักษาเมืองตามลัทธิของไทยโบราณที่นับถือผีบรรพบุรุษปู่ย่าตายาย ตามความเห็นของขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์)

คุณโฮมีความเห็นกลับตรงกันข้ามคือ คำว่าพระเชื้อเมืองก็อาจมาจากพระเสื้อเมือง ก็ได้

"เสื้อ" น่าจะเป็นคำไทเดิม ที่ตรงกับคำว่า "เสื้อ (ผ้า)" คือ สวมใส่ หรือ สถิต หรือ สิง ปกป้องอะไรบางอย่าง เช่น เสื้อผ้า ก็ปกป้องร่างกาย เสื้อเมืองก็ปกป้องเมือง

ผีเสื้อเมือง พระทรงเมือง ก็คือ ดวงวิญญาณของผี ที่ปกป้องเมือง (สังเกตว่า พระเสื้อเมือง และ พระทรงเมือง น่าจะเป็นการเปลี่ยนคำให้ดูเป็นทางการมากขึ้น คือ เปลี่ยนจาก ผี เป็น พระ และ เปลี่ยนจาก เสื้อ เป็น ทรง)

คุณม้าเห็นด้วยกับคุณโฮ

แต่คุณเพ็ญมีความเห็นแตกแขนงมาจากคุณโฮ

มีเรื่องล้อเล่นกันอยู่เสมอว่า เมื่อมีพระเสื้อเมืองแล้วจะมีพระกางเกงเมืองด้วยหรือเปล่า ถ้าหากคำว่า "เสื้อ" ใน พระเสื้อเมืองมาจาก "เสื้อผ้า" อย่างที่คุณโฮว่าแล้ว คำว่า "ทรง" ในคำว่า "พระทรงเมือง" ก็เป็นไปได้ว่ามาจากคำว่า "ซง หรือ ส่ง" (ในภาษาผู้ไทและไทยอีสาน) ซึ่งเป็นคำไทเก่า ที่แปลว่า กางเกง

คนไทยเรียกชาวไทดำว่า ลาวโซ่ง โซ่งนั้นมีการสันนิษฐานว่า น่าจะมาจากคำว่า ซ่วง หรือ ซ่ง ซึ่งเป็นภาษาไทดำ แปลว่ากางเกง เพราะว่าชาวไทดำเหล่านี้สวมกางเกงสีดำ  ปัจจุบันเรียกคนเหล่านี้ว่า ชาวไทยโซ่ง หรือ "ไทยทรงดำ"

พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เป็นใคร หรือ อะไร มาจากไหนกันแน่ อยากให้ชาวเรือนไทยมาช่วยวิสัชนาต่อ  ;D


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 02 ต.ค. 20, 14:58
ขอถามเพิ่มหน่อยนะคะ

1 คนไทยภาคกลางมีความเชื่อแบบเทพชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่กว่านี้เช่นเทพแห่งท้องฟ้า สรรค์ นรก น้ำ ดิน โดยที่ไม่ได้เอามาจากต่างชาติบ้างไหมคะเพราะที่อ่านดูเหมือนจะมีความเชื่อเทพจะเป็นชั้นต้นๆ ชั้นล่างซะส่วนใหญ่

2 คนไทยภาคกลางมีความเชื่อในเรื่องสัตว์ประหลาด สัตว์ในเทพนิยาย ในจินตนาการโดยที่ไม่ได้เอามาจากต่างชาติบ้างไหมคะเพราะไม่เห็นท่านๆพูดถึงเลย


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 20, 07:59
ที่จริง เพื่อประหยัดเวลาคนตอบ ที่จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาค้นคำตอบที่ไม่ตรงกับความต้องการของคุณดาวกระจ่าง     คุณน่าจะถามแต่แรกว่า

"คนไทยภาคกลางมีความเชื่อแบบเทพชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่  เช่นเทพแห่งท้องฟ้า สรรค์ นรก น้ำ ดิน โดยที่ไม่ได้เอามาจากต่างชาติบ้างไหมคะ
ไม่เอาความเชื่อเกี่ยวกับเทพที่เป็นชั้นต้นๆ ชั้นล่าง"

ส่งต่อคำถามของคุณให้ท่านอื่นๆนะคะ


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ต.ค. 20, 08:01
และถ้าไม่เฉพาะคนไทยภาคกลาง ก็จะมีอีก 'หลายองค์' และ 'หลายตัว'  ;D

เสียดายที่ พญาแถน, พญาคันคาก, แมงสี่หูห้าตา, มอม ไม่อยู่ในสเปกของคุณดาว   :)


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: kui045 ที่ 03 ต.ค. 20, 09:01
เทพเจ้าและสัตว์ประหลาด ของไทยภาคกลาง
ก็คงไม่พ้นพวกผี
ผีในท้องถิ่น พวกเจ้าพ่อเจ้าแม่ ต้นไทร ต้นตะเคียน
ความเชื่อที่ยึดโยงกับสิ่งที่ไม่รู้ สะท้อนในรูปแบบประเพณี
ผีประจำป่า- เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าทุ่งเจ้าท่า
ผีในน้ำ
เทพเจ้าประจำสายลม แผ่นดิน แม่น้ำ พืชพันธ์ ธัญาหาร
ผีกระสือ กระหัง


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 03 ต.ค. 20, 11:10
คือดิฉันก็ไม่ได้ต้องการถามแบบเจาะจงเอาเฉพาะเทพชั้นบนๆหรอกค่ะคุณเทาชมพู ดิฉันต้องการรู้เรื่องเทพ  สัตว์ในเทพนิยาย สัตว์ในตำนานที่คนไทยภาคกลางเชื่อทุกองค์ ทุกตนโดยที่ไม่ได้เอามาจากต่างชาติ เพียงแต่พออ่านที่ท่านทั้งหลายตอบมาแล้วนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ไม่เทพชั้นที่ใหญ่กว่านี้หรอก็เลยถามไปถ้าทำให้ไม่พอใจก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ

ที่ดิฉันไม่เอาภาคอื่นเพราะมองว่าในสมัยก่อนอีสาน เหนือ ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากเพื่อนบ้านน่ะค่ะคุณเพ็ญชมพูก็เลยกลัวว่าความเชื่อมันจะผสมผสานกันเพราะดิฉันอยากได้เฉพาะความเชื่อแค่ในไทยเท่านั้น

คุณ kui045 พอจะบอกชื่อเทพเจ้าประจำสายลม แผ่นดิน แม่น้ำ พืชพันธ์ ธัญาหาร ที่ท่านว่าไว้ให้หน่อยได้ไหมคะดิฉันไม่เคยทราบเลยว่าไทยมีเทพแบบนี้ด้วยถ้าไม่ได้รับมาจากต่างชาติ


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: กะออม ที่ 03 ต.ค. 20, 18:34
มี พระขพุงผี ในจารึกสุโขทัยค่ะ


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ต.ค. 20, 19:07
ศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ ๑ หน้า ๓ บรรทัดที่ ๖-๗

มีพระขพุงผีเทพดาในเขาอันนั้น เป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ต.ค. 20, 08:21
ท้าวหิรัญพนาสูร หรือ ท้าวหิรันยพนาสูร เทพอสูรผู้พิทักษ์รัชกาลที่ ๖

คราวเสด็จประพาสมณฑลพายัพนั้น  เสด็จโดยกระบวนเรือจากปากน้ำโพมาขึ้นบกที่ท่าอิฐ คือ เมืองอุตรดิตฐ์ เสด็จตรวจสถานที่ราชการในเมืองแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินข้ามเขาพรึงไปเมืองแพร่  ซึ่งระหว่างที่ประทับแรมในระหว่างทางที่เขาพรึงนี้ที่มีอสูรชื่อ หิรันย์ มาเฝ้าฯ  และเมื่อเสด็จเสวยราชย์แล้วได้พระราชทานนามให้หิรันย์ว่า "ท้าวหิรัญพนาสูร"

เรื่องท้าวหิรัญพนาสูร  ซึ่งมีพระราชบันทึกพระราชทานกรมพระสมมตอมรพันธุ์ทรงแต่งเป็นโองการสังเวยท้าวหิรัญพนาสูรเข้าสิงในรูปหล่อที่โปรดให้สร้างขึ้น เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔ ความว่า

เมื่อเสด็จเลียบมณฑลพายัพ พ.ศ. ๒๔๔๘  ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินข้ามเขาพรึงซึ่งเปรียบเสมือนกำแพงธรรมชาติกั้นเมืองอุตรดิตถ์กับเมืองแพร่นั้น  คุณมหาดเล็กและคณะผู้ตามเสด็จซึ่งไม่เคยเดินป่ากันมาก่อนต่างก็พากัน  

“หวาดหวั่นเพราะเกรงกลัวความไข้และภยันตรายต่าง ๆ ซึ่งจะพึงมีมาได้ในกลางทางป่า  จึงได้ทรงพระกรุณาดำรัสชี้แจงว่า  ธรรมดาเจ้าใหญ่นายโตจะเสด็จแห่งใดๆ ก็ดี คงจะมีทั้งเทวดาและปีศาจฤาอสูรอันเป็นสัมมาทิฏฐิ  คอยติดตามป้องกันภยันตรายทั้งปวง  มิให้มากล้ำกลายพระองค์และบริพารผู้ตามเสด็จได้  ถึงในการเสด็จพระราชดำเนินประพาสครั้งนี้  ก็มีผู้ป้องกันภยันตรายเหมือนกัน  อย่าให้มีผู้หนึ่งผู้ใดมีความวิตกไปเลย    ต่อนั้นไปมีผู้ที่ได้ตามเสด็จพระราชดำเนินผู้หนึ่ง  กล่าวว่านิมิตฝันเห็นชายผู้หนึ่งรูปร่างล่ำสันใหญ่โต  ได้บอกแก่ผู้ที่ฝันนั้นว่า ตนชื่อหิรันย์เป็นอสูรชาวป่า  เป็นผู้ตั้งอยู่ในสัมมาปฏิบัติ  ในครั้งนี้จะมาตามเสด็จพระราชดำเนินไปในกระบวนเพื่อคอยดูแลระวังมิให้ภยันตรายทั้งปวงอันจะพึงบังเกิดมีขึ้นได้  ในระยะทางกลางป่านั้นมากล้ำกลายพระองค์ฤาราชบริพารได้  ครั้นทรงทราบความเช่นนั้น  จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้จัดธูปเทียนและเครื่องโภชนาหารไปเส้นสังเวยที่ในป่าริมพลับพลา  และเวลาเสวยค่ำทุก ๆ วัน  ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แบ่งพระกระยาหารจากเครื่องต้นไปเซ่นสรวงเสมอ”  

นับแต่นั้นจนเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ แม้จะต้องบุกป่าฝ่าดงขึ้นเขาลงห้วยไปตามภูมิประเทศที่เป็นป่ารกทึบก็ไม่ปรากฏว่า ผู้ใดในขบวนเสด็จประสบภยันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น  

“ภายหลังคราวที่เสด็จพระราชดำเนินประพาสมณฑลพายัพนั้น  แม้จะเสด็จพระราชดำเนินไปแห่งใด  ก่อนที่จะเสด็จจากกรุงเทพมหานคร  ราชบริพารก็ได้เคยพร้อมกันน้อมใจเชิญหิรันยอสูรให้ตามเสด็จด้วย  และโดยมากเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปโดยสวัสดิภาพแล้ว  ก็พากันกล่าวว่า เพราะหิรันยอสูรตามเสด็จไปด้วย  บางคราวบางสมัยเมื่อเสด็จประทับอยู่ในหัวเมือง  ถึงกับได้มีผู้อ้างว่าแลเห็นรูปคนรูปร่างกายใหญ่ล่ำสันยืนหรือนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ที่ประทับ  และอ้างว่าได้เห็นพร้อม  ๆ กันหลาย ๆ คนก็มี  การที่มีผู้นิยมเชื่อถือในหิรันยอสูรเช่นนั้นมิใช่แต่เฉพาะในหมู่ที่เป็นราชบริพารที่ตามเสด็จไปในกระบวน  ทั้งข้าราชการฝ่ายเทศาภิบาลก็พลอยนิยมเชื่อถือไปด้วย  การที่มีผู้เชื่อถือเช่นนี้  จะมีมูลฤาไม่อย่างไรก็ดี  ทรงพระราชดำริว่าเป็นธรรมดาคนโดยมากยังละเว้นความประสงค์ที่จะหาเทวดาฤาอมนุษย์เป็นที่พึ่งคุ้มกันภยันตรายต่าง ๆ นั้นมิได้ขาดทีเดียว  เมื่อมีที่นิยมยึดเหนี่ยวอยู่เช่นหิรันยอสูรนี้เป็นต้น  ก็มักจะทำให้เป็นที่อุ่นใจ  การที่จะเดินทางไปในที่ถิ่นกันดาร  ถ้าแม้ใจดีอยู่แล้ว  ก็มักจะไม่ใคร่เป็นอันตราย  เมื่อทรงพระราชดำริดังนี้  จึงได้ทรงตกลงเซ่นสังเวยหิรันยอสูรต่อมา  คือให้แบ่งพระกระยาเสวยจากเครื่อง  อย่างเช่นที่เคยทำมาแล้วครั้งเสด็จมณฑลพายัพนั้น  เป็นธรรมเนียมต่อมา”

ท้าวหิรันยพนาสูรองค์เล็กที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ โปรดให้ปั้นหล่อไว้มีอยู่ด้วยกัน ๓ องค์

องค์หนึ่งทรงเก็บไว้ประจำพระองค์  มีคุณมหาดเล็กเชิญตามเสด็จเวลาแปรพระราชฐานไปประทับแรมที่ต่างๆ  ปัจจุบันเป็นพระราชมรดกในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี  

องค์หนึ่งพระราชทานไว่ที่กรมบัญชาการกลางสถาจางวางมหาดเล็ก  เมื่อยุบเลิกกรมบัญชาการกลางมหาดเล็กในตอนต้นรัชกาลที่ ๗ แล้ว  คงเก็บรักษาไว้ในพระบรมมหาราชวัง  

องค์หนึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานไว้ที่หน้ารถยนต์พระที่นั่งสีม่วงแก่  ภายหลังปลดระวางรถยนต์พระที่นั่งองค์นั้นแล้ว  ชาวพนักงานกองพระราชพาหนะได้อัญเชิญรูปหล่อท้าวหิรันยพนาสูรขึ้นประดิษฐานไว้บนหิ้งบูชาภายในหมวดรถยนต์หลวง  ริมถนนราชวิถี  ใกล้รัฐสภา  ที่เรียกกันว่า "หมวดนอก"

เทพอสูรองค์นี้น่าจะอยู่ในสเปกของคุณดาว  ;D

รูปหล่อท้าวหิรันยพนาสูรองค์ที่ประดิษฐานไว้ที่หน้ารถยนต์พระที่นั่ง


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ต.ค. 20, 09:40
คำให้การของ ปู่เจ้าสมิงคา

เรื่องมันมีอยู่ว่าในแผ่นดินสยามของคนไทยทั้งชาตินี้ แบ่งเขตการปกครองโดยฝ่ายเทพวิญญาณออกเป็น ๖ ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคกลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้ ในแต่ละภาคได้จัดให้มีเทพแต่ละองค์ปกครองดูแลรักษากัน ในเขตพื้นที่บริเวณตามการรับมอบเทวอำนาจจากเทวบัญชา หรือเทวโองการ ขององค์อิศวรมหาเทพ และองค์อมรินทราธิราช เทพนายก ดังต่อไปนี้

๑. ภาคเหนือ เป็นเขตในอำนาจปกครองของ ปู่เจ้าสมิงพราย
๒. ภาคกลาง เป็นเขตในอำนาจปกครองของ ปู่เจ้าเขาเขียว
๓. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก เป็นเขตในอำนาจปกครองของ ปู่เจ้าจำปาศักดิ์
๔. ภาคตะวันตก เป็นเขตในอำนาจปกครองของ ปู่เจ้าประภัสสร
๕. ภาคใต้ เป็นเขตในอำนาจปกครองของ ปู่เจ้าสมิงคา
๖. สำหรับภาคตะวันออก นั้นขณะนี้ยังมิได้แต่งตั้งเทพองค์ใดให้ปกปักรักษา คงฝากการปกครองบังคับบัญชาไว้กับ ปู่เจ้าจำปาศักดิ์

เนื่องจากเทพผู้ปกครองดินแดน เขตแคว้นตะวันออกนี้ ได้ถูกโยกย้ายขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่อยู่กับสมเด็จพระอมรินทราธิราชนานมาแล้ว จึงทำให้ตำแหน่งนี้ว่างอยู่ และกำลังพิจารณาแต่งตั้งเทพวิญญาณที่เหมาะสม (ตั้งปู่เจ้าเขาเขียวแล้ว)

อันเทพเจ้าผู้ปกปักรักษาเขตแค้วนแดนดินทั่วประเทศสยามทั้ง ๖ ภาคนี้ ทั้ง ๕ องค์ ล้วนขึ้นอยู่กับสมเด็จพระสยามเทวาธิราชผู้เป็นใหญ่ และการแต่งตั้งเทพวิญญาณ เพื่อปกปักรักษาเขตแค้วนแดนดินในภาคต่าง ๆ ก็จะต้องปรึกษาหารือกับ สมเด็จพระสยามเทวาธิราช ก่อนเสมอเดิมทีเคยมีเทพดำริทรงพิจารณาจะแต่งตั้ง ปู่เจ้าท้าวหิรัญพนาสูรย์ แต่ท่านองค์นั้นขอตัวไม่รับตำแหน่ง เพราะกำลังต้องการบำเพ็ญบารมีเพื่อใช้หนี้กรรมที่เคยทรงเป็นพรานป่ามาก่อน

แม้บัดนี้พระทัยจะบริสุทธิ์แล้วและได้สร้างบารมีมามากแล้ว จนมีพระทัยเยือกเย็นสุขุมคัมภีรภาพ มีเมตตากรุณาธิคุณสูงแล้วก็ตาม แต่พวกวิญญาณทั้งหลาย ก็ยังหวาดกลัวอยู่ โดยเฉพาะวิญญาณสัตว์ป่า

ด้วยเหตุนี้ ท่านท้าวหิรัญพนาสูรย์จึงไม่ยอมรับตำแหน่ง เทพเจ้าผู้ปกปักรักษาภาคตะวันออก ครั้นจะแต่งตั้งวิญญาณดวงอื่น ก็ยังไม่มีวิญญาณที่เหมาะสมกับตำแหน่ง ที่พูดนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเลย ตรงข้ามมีอยู่มาก แต่ท่านไม่ปรารถนาจะรับกัน เพราะท่านไม่อยากมายุ่งกับโลก ยุ่งกับมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ที่เบียดเบียนชีวิตฆ่าฟัน ประหัตประหารกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน

จาก ประสบการณ์เกี่ยวกับวิญญาณของ พล.ท.สมาน วีระไวทยะ ตอน ปู่เจ้าสมิงคา (ทวดเสือ) เทพเจ้าผู้ปกปักรักษาภาคใต้
ถ่ายทอดโดย ทองทิว สุวรรณทัต  (http://www.dharma-gateway.com/misc/misc-104.htm)

เรื่องนี้เกี่ยวกับความเชื่อ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของคุณดาวและเพื่อน ๆ ชาวเรือนไทยทุกท่าน  ;D


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 06 ต.ค. 20, 08:26
ขอบพระคุณที่มาเพิ่มเติ่มให้ค่ะ ถ้ามีอีกก็เพิ่มเติมได้เรื่อยๆนะคะ


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: กะออม ที่ 12 ต.ค. 20, 08:20
เพิ่งนึกได้ว่าในสมัยอยุธยามี พระเชษฐบิดร ซึ่งเป็นพระรูปพระเจ้าอู่ทองเป็นที่เคารพสูงสุด ในพิธีถือน้ำข้าราชการไปถวายบังคมก่อนอื่นใด ประเพณีปฏิบัตินี้ยกเลิกตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ต.ค. 20, 09:24
เรื่องพระเทพบิดร หรือพระเชษฐบิดรนั้น ได้เคยพบในพระราชกำหนดใหม่แห่งกฎหมายซึ่งหมอปลัดเลตีพิมพ์ ได้เปิดขึ้นตรวจดูครั้งนี้อีก อยู่เล่ม ๒ หน้า ๕๐๒ บทที่ ๔๐ กล่าวเลเพลาดพาดเป็นใจความว่าคนแต่ก่อนเมื่อครั้งกรุงเก่า เวลาถือน้ำตรุษสารทก็ไปไหว้พระเชษฐบิดรก่อนคนเดี๋ยวนี้ก็ทำตาม เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ทั้งนี้เป็นด้วยพระเจ้าแผ่นดินหลงมัวเมายกพระองค์ ทำให้คนขาดพระไตรสรณาคม แต่นี้ต่อไปถึงเพลาถือน้ำตรุษสารท ให้นมัสการพระรัตนตรัยแล้วแผ่เมตตาจิต พระราชกำหนดนี้ตราไว้ปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๓๒๘ (เสวยราชย์ได้ ๔ ปี)

พระราชกำหนดนี้ “อิน” มากเต็มที่ แปลว่าท่านผู้แก่วัดแต่งไปเที่ยวเมืองเขมรดูปราสาทหินต่าง ๆ สังเกตเห็นเป็นเทวสถานโดยมาก ที่เป็นพุทธสถานมีน้อย ซ้ำถูกแกล้งแปลงเป็นเทวสถานเสียก็มี เห็นได้ว่าเวลาโน้นพุทธศาสนกับไสยศาสตร์แข่งแย่งกัน พระ พุทธศาสนาออกจะแพ้ พระเจ้าอู่ทองอยู่ในยุคที่ศาสนาแข่งแย่งกัน คนครั้งนั้นแม้ไหว้รูปเทวดาอารักษ์ก็ควรจะอภัย จะปรับว่าขาดพระไตรสรณาคมและมหากษัตริย์มัวเมาเห็นจะหนักมือเกินไป

ตามพระราชกำหนดใหม่บทที่ ๔๐ นั้น เป็นอันฟังได้ว่ารูปพระเจ้าอู่ทองนั้นเดิมเป็นเทวรูป ใน พ.ศ. ๒๓๒๘ ได้เชิญลงมาไว้ในกรุงเทพฯ แล้ว เพราะเห็นว่าไหว้ขาดพระไตรสรณาคมจึงได้แก้เป็นพระพุทธรูป ข้อนี้เป็นหลักอันหนึ่งแน่ และในการแก้นั้นต้องว่าหล่อใหม่ ถ้าบวชเทวรูปเป็นพระพุทธรูปก็คงเห็นปรากฏอยู่

จาก https://vajirayana.org/สาส์นสมเด็จ-พุทธศักราช-๒๔๘๑/ตุลาคม/วันที่-๒๒-ตุลาคม-พศ-๒๔๘๑-น (https://vajirayana.org/สาส์นสมเด็จ-พุทธศักราช-๒๔๘๑/ตุลาคม/วันที่-๒๒-ตุลาคม-พศ-๒๔๘๑-น)


กระทู้: ขออนุญาตเรียนถามถึงเทพเจ้าและสัตว์ประหลาดในความเชื่อของคนไทยภาคกลางหน่อยค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ต.ค. 20, 09:58
ในการเปลี่ยนราชประเพณี “ถือน้ำพระพัทสัจา” หรือ ถือน้ำพิพัฒน์สัตยา โดยรัชกาลที่ ๑ ดังปรากฏในกฎหมาย “พระราชกำหนดใหม่” ในหนังสือกฎหมายตราสามดวง ประกาศเมื่อปี ๒๓๒๘ ขึ้นปีที่ ๔ แห่งรัชสมัย

ประกาศกฎหมายนี้ เริ่มต้นด้วยการชี้ว่า ราชประเพณีของกษัตริย์อยุธยามานั้นว่าด้วย “ถือน้ำพระพัทสัจา” นั้น มีขั้นตอนประเพณีที่ “ผิด” และไม่เหมาะสม เป็นการกระทำที่ “ขาดพระไตรสรณาคม” หรือขาดความนับถือสูงสุดในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ดังนั้น จึงเป็นราชชประเพณีที่เป็น “มฤฉาทฤษฐี”

ราชประเพณี “ถือน้ำพระพัทสัจา” ของกษัตริย์อยุธยาที่สืบต่อกันมานั้นใน “พิทธีตรุดสาต” นั้น ให้

 “ข้าทูละอองฯ ผู้ใหญ่ผู้น้อย ไปถือน้ำพระพัทสัจา เข้าไปสำมาคารวะไว้นบนับถือรูปพระเชษฐบิดรนั้นคือรูปพระเจ้ารามาธิบดีก่อน แล้วจึ่งไปคำรบนับถือพระรัตนไตรต่อเมื่อพายหลัง ปรฏิบัดิกลับปลานเปนต้นฉะนี้ ปรเวนีอันนี้ผิด เพราะเหตุพระมหากระษัตรแต่ก่อน แลราชวงษานุวงษทังปวงมีทฤฐิมานะมาก ถือพระองคว่าเปนกระษัตรอันปรเสริฐเกิดก่อน กระทำสำมาคารวะรูปตนก่อนพระรัตนไตร อันทรงโลกุดรคุณประเสริฐกว่าไตรภพโลกยทังสาม”

ข้อความในกฎหมายฉบับนี้ของรัชกาลที่ ๑ ปี ๒๓๒๘ ให้ข้อมูลโดยนัยได้ว่า

ประการแรก รูปพระเชษฐบิดร คือรูปจำลองของพระเจ้าอู่ทอง ปฐมวงศ์กรุงศรีอยุธยา

ประการที่สอง  รูปพระเชษฐบิดร เป็นรูปที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ และเมื่อถึงพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ก็ได้มีการเชิญรูปพระเชษฐบิดรมาตั้งในวิหารพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวง ซึ่งระบุไว้ในพระราชพงศาวดารว่าเป็นสถานที่ประกอบพิธีในวาระปกติ

ประการที่สาม รูปพระเชษฐบิดร ซึ่งมีความสำคัญยิ่งนี้ ต้องมีอาคารที่เป็นหอพระรูปไว้ประดิษฐานรูปพระเชษฐบิดร เป็นไปได้ว่า อาคารหรือหอนี้อาจอยู่ในเขตพระราชวังหลวงชั้นกลาง หรือในเขตวัดพระศรีสรรเพชญ์ และต้องมีทหารยามเฝ้าดูแลรักษาอย่างดี เหมือนอย่างการมีทหารยามดูแลรักษาโกศพระอัฐิของอดีตกษัตริย์อยุธยาที่ท้ายจรนำวิหารพระศรีสรรเพชญ์

จาก เฟซบุ๊กของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์  (https://www.facebook.com/715431241835960/posts/1616630361716039/)