"รับความเครียดจาก brahms ไม่ไหว "
"ท่อนแรกของ Symphony #4 ผมไม่เคยฟังเพลงอะไรแล้วเครียดแบบนี้มาก่อนเลย"
ผมรู้สึกว่าเวปนี้ มีสมาชิกที่โสตสัมผัสพิเศษหลายท่านจริงๆ พูดในสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เลย ตรงประเด็นยังกับล็อคเป้าไว้
Sir Donald Tovey (1875–1940) ปรมาจารย์การวิเคราะห์เพลงแกชอบเบอร์ 4 นี้มาก อยู่ในคีย์ eไมเนอร์ (ท่านปะกานินี่จะอธิบายได้ดีกว่าผม โน๊ตสักตัวยังอ่านไม่ออกเลยครับ อย่าว่าแต่จะเคาะคีย์ให้เป๋นดนตรี) ซึ่งแปลกจากปกติ
แกอธิบายง่ายๆ ว่า ใครก็ตามที่เป็นคนปกติ ฟังตอนแรกของท่อนเริ่มต้นนี้ น่าจะรู้ว่า เพลงกำลังจะกล่าวถึงความโศกาอาดูรอย่างลึกซึ้ง...................
แต่เดี๋ยวก่อน ผมว่าอีตา Tovey นี่แหละ ต้นเหตุของความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบราห์มส
เรื่องลึก เรื่องยาก เรื่องดูดดื่มอะไรพวกนี้ มันมาจากการตีความล้วนๆ
ลุงบีแกไม่ใช่พวก Sarasate หรือไชค็อฟสกี้ ที่สร้างเมโลดี้สุดสะเทือนใจ ฟังๆ ไปน้ำตาหยดเผาะ เผาะ เหมือนฟังละครเรื่องสายเปล ตอนที่ผู้พิพากษา(ลูกชาย) สั่งประหารชีวิตแม่บังเกิดเกล้า(โดยไม่รู้ชาติกำเนิด -นอกเรื่องไปหน่อยครับ กลอนพาไป)
แต่ลุงแกเป็นพวกชนชั้นต่ำเขยิบฐานะเป็นชนชั้นกลาง พวกนี้ไม่ใช้วัฒนธรรมฟูมฟาย แต่เป็นพวกเก็บกดมากกว่า
เอาอย่างนี้ครับ ฟังอีกคนซิว่า วิเคราะห์งานของบราห์มสว่าไง Claudio Arrau (1903–1991.) นักเปียนโนที่เล่นโน๊ตได้สะอาดที่สุดที่หูสั่วๆ ของผมเคยได้ยิน แกบอกว่าท่อนช้าในโซนาต้าเบอร์ 3 (op.5) ของลุงแกนี่ ไพราะที่สุดต่อจากท่อนเพลงรักใน Tristram and Isolde ของ Wagner เลยทีเดียว แถมยังหยอดด้วยว่า เป็นเปียนโนที่ sexy มาก
ตรงนี้ละครับ ที่อยากจะตอบคุณช็อคร้อนว่า ลุงบราห์มสแกทำเรื่องเครียดไม่เป็นครับ แต่ความเครียดน่าจะมาจากคอนดัคเตอร์ที่คิดว่าลุงแกเครียดมากกว่า
เอางี้นะครับ ลองหาเบอร์ 4 ที่กำกับโดย Victor de Sabata (1892–1967) เมื่อปี 1939 มาฟังดู
http://www.cduniverse.com/search/xx/music/pid/1033777/a/Victor+De+Sabata+-+Brahms:+Symphony+no+4%3B++Wagner,+et+al.htmอย่าดูถูกว่าเป็นการบันทึกเสียงเมื่อพ.ศ. 2482 นะครับ ในความเห็นอันไร้เดียงสาของผม มันคือบราห์มสจากแผ่นเสียงที่ดีที่สุดตลอดกาล
วิคตอร์เป็นอิตาเลี่ยน ซึ่งโดยพื้นฐานจะแพรวพรายในการสำแดงออก ยังบวกกับที่แกเชี่ยวชาญในโอเปร่า สองอย่างนี้รวมกัน ย่อมผลิตของวิเศษได้ง่ายๆ ผมขออธิบายแบบคนไม่รู้ดนตรีนะครับ ว่าแกกำกับเพลงไปตามกำลังลมหายใจของมนุษย์ เพลงของแกจึงไม่เครียด เพราะไม่ต้องกลั้นใจรอท่อนอร่อย หรือยืดลมหายใจเพื่อรองรับบางวลี (ไม่รู้จะว่าผมบวมรึเป่า)
คือธรรมดาเวลาเราลากคันชักไวโอลิน หรือเป่าแตร มันจะไปตามใจปราถนา แต่คนเรามีขีดจำกัดในการหายใจ คอนดัคเตอร์ดาดๆ จะเน้นจังหวะ ลากอารมณ์ หรือกระแทกกระทั้น จนโครงสร้างของเพลงเสียดุลย์ ดังสุด ช้าสุด เร็วสุด พวกนี้แหละครับ
ดุลย์ในงานของบราห์มสคืออะไร
อันนี้ต้องยืมคำของ Dietrich Fischer-Dieskau ออกเสียงว่า ฟิชเช่อร์-ดิสเกาว(1925-) นักร้องเสียงสวรรค์คนสุดท้าย แกบอกว่า จะเข้าถึงสุนทรีย์ภาพของบราห์มส คุณต้องทำผ่านเพลงร้อง
ผมก็เลยถึงบางอ้อ ว่า ที่คนส่วนมากเบื่อบราห์มส น่าจะเป็นเพราะเพลงไปอยู่ในมือซาตาน(เปรียบเทียบให้เห็นภาพน่ะครับ)
ฟังเรื่องนินทานี้หน่อย เมื่อสักห้าหกปีก่อน วงเอเชี่ยน ยูธ มีคิวมาเล่นที่เมืองไทย คอนดัคเตอร์ก็เป็นคนไทย แกให้สัมภษษว่า เสียดายที่ต้องเปลี่ยนจากซิมโฟนี่ของไชค็อฟสกี มาเป็นบราห์มส เบอร์ 4 แต่ก็ยังโชคดี เพราะเพลงไม่ยากกกกกกกกกกก
ผมงี้ร้องจ๊าาาาากกกกกก เลยครับท่าน
นี่คงเป็นการประกาศเป็นครั้งแรกในโลก ว่าเพลงนี้ไม่ยาก
ตอนแต่งเพลงนี้ ลุงแกรู้อยู่แล้วว่าเป็นเพลงปราบเซียน แกก็เลยเรียบเรียงเป็นเปียนโนสี่มือ เล่นให้เพื่อนวงในของแกตรวจสอบเสียก่อน ทุกคนสั่นหัวครับ คนที่สั่นหัวนี่ ล้วนแต่เป็นชื่อในตำนานทั้งนั้น บางคนขอปรับเปลี่ยนบางส่วน คุณลุงแกก็สั่นหัวลูกเดียวบ้าง บอกว่าโน แล้วแกก็ไปแอบเตี๊ยมกับวงบ้านนอกเล็กๆไว้ เพื่อลองเล่นก่อน เลยกลายเป็นความผิดใจกันนิดหน่อย เพราะคอนดัคเตอร์ที่จะได้เล่นรอบปฐมทัศน์โลก ดันถูกเจ้าของเพลงตัดหน้า
แต่แล้ว เพลงนี้ก็รอดมาถึงทุกวันนี้
ผมมีหลักฐานมาเสนอด้วยนะครับ ว่าเพลงนี้ ของแท้ต้องไม่เครียดครับ เพราะการแสดงแบบเต็มยศครั้งแรกนั้น พอจบท่อนแรก คนดูก็ไม่ยอมฟังท่อนสองครับ ยึนขึ้นปรบมือทั้งโรงแสดง นาน กว่าจะยอมให้เล่นท่อนสอง และปรบมือทุกท่อนครับ
มีครั้งหนึ่งลุงแกไปแอบฟังอยู่ในที่นั่ง box office คนดูรู้เข้า ตบมือไม่เลิก จนลุงแกต้องลุกขึ้นโค้งรับ นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ชาวเวียนนาเห็นแกในที่สาธารณะ
เพลงอย่างนี้ไม่น่าจะเครียดนะครับ
ส่วนท่านหัวหน้าม้าผยอง ฟังอยากเดียว จะถูกแช่งให้ฟังเพลงแม่นยิ่งขึ้นนะครับ