กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Vivienne Germany ที่ 19 ธ.ค. 05, 02:25 เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก ทิพย์วาณี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 05, 05:21 เคยอ่านทั้ง ๔ เล่มค่ะ สนุกมาก
จะชวนคุยต่อไหมคะ เชิญเริ่มต้นค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 19 ธ.ค. 05, 10:02
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Vivienne Germany ที่ 19 ธ.ค. 05, 20:34 เ็ป็นหนังสืออ่านนอกเวลาเมื่อตอนเรียน ม.๑ ค่ะ จำไดัว่ามีแค่ ๒เล่มเองค่ะ อาจารย์ได้อ่าน ๔ เล่ม สงสัยต้องตามหามาอ่านแล้วล่ะค่ะ ยังเคยทำน้ำปรุงใช้เองเลยนะคะ หอมค่ะ มาอยู่ีที่เยอรมนี๑๐ ปีกว่า คิดถึงของไทยๆ โบราณค่ะ พิมพ์เครื่องคอมพ์ไม่มีแป้นไทยค่ะ เลยคุยมากไม่ได้ อ่านอย่างเดียวก็มีความสุขค่ะdanke schön
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 05, 23:34
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 05, 23:37
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 19 ธ.ค. 05, 23:56 คุณทิพย์วาณี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อายุราวนักเขียนคนไหนคะ จะได้นึกภาพประกอบตอนอ่านถูกว่าสมัยคุณยาย พ.ศ. หยังก้อ
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 20 ธ.ค. 05, 00:02 เคยอ่านเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาเล่มเก่าของพี่ๆครับ
พออาจารย์ให้อ่านเรื่องนี้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา ผมก์แทบจะเล่าได้เลยตอนนั้น แต่ตอนนี้ลืมเกือบหมดแล้วล่ะครับ จำได้ว่าผมมีครบชุดนะครับ ทั้งเล่ม 3 และ 4 ด้วย ตอนซื้อ น่าจะซื้อจากศูนย์หนังสือจุฬาฯ แต่ไม่ทราบว่าตอนนี้จะยังมีขายอยู่มั้ย เดี๋ยววันมะรืนนี้จะลองไปถามดูให้ครับ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 05, 00:11
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Vivienne Germany ที่ 20 ธ.ค. 05, 00:30 ขอบคุณค่ะ อาจารย์ จะลองหาดู ตอนนี้ ที่เยอรมนีหิมะลงขาวโพลนไปหมดค่ะ ตรงกับช่วงคริสต์มาสพอดีปีก่อนๆหิ มะลงล่าไป๒-๓เดือน คริสต์มาส เลยดูเซ็งๆไปค่ะ นอกประเด็นไปแล้วค่ะ จะโพสต์รูปบรรยากาศ winter in Germany ในกระทู้อาจารย์ นะคะ
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 20 ธ.ค. 05, 04:27 สวัสดีครับอาจารย์เทาชมพูที่เคารพและทุกๆท่าน
ขออภัยที่หายไปนานนนน บางทีก็แวะมาอ่านน่ะครับ แต่ไม่ได้ตอบเลย ผมเป็นอาการเดียวกับอาจารย์เทาชมพูเลยนะครับ คือพิมพ์ยาวๆใช้เวลานาน login ของเรามันเลย out อัตโนมัติ พอคลิกส่งข้อความมันก็หายไปหมดเลย ระบบบอกว่าไม่ได้ทำอะไรนานเกินไปเลย log off อัตโนมัติ สงสัยต้องบอกคุณอ๊อฟแล้วละครับ ว่าขอเวลายาวๆกว่านี้หน่อย ที่ผมหายไปนานไม่ค่อยได้ตอบก็เพราะเหตุนี้แหละครับ พิมพ์ไว้ยาวมาก ตอบกระทู้ไหนจำไม่ได้แล้ว แล้วไม่ได้ refresh พอส่งก็หายไปเกลี้ยง ก็เลยต๊อแต๊ เลิกตอบไปนานเลย หุหุหุ (จริงก็งานยุ่งด้วยแหละครับไม่ค่อยว่างเท่าไหร่) ตอนนี้ผมทำงี้ครับ พิมพ์ไปนานๆก่อนแล้วก้อปปี้ข้อความเอาไว้ก่อนส่ง เพื่อความปลอดภัย คุณวีเวียงครับ เรื่อง คุณตาคุณยายยังเด็กเป็นหนังสือที่ผมอ่านตอนเด็กๆ อ่านแล้วอ่านอีกไม่รู้เบื่อเลยครับ ได้อ่าน 2 เล่มแรกที่ออกมา ได้บรรยากาศความเป็นไทยๆในสมัยก่อนจริงๆ เราเป็นเด็กก็รู้สึกอบอุ่นในความเป็นครอบครัวในเรื่องน่ะครับ ชอบตอนที่มีการละเล่นแบบเด็กๆ การประดิษฐ์ของเล่นแบบโบราณ และที่เยี่ยมที่สุดคือตอนที่เขาบรรยายเรื่องอาหาร ถ้าจำไม่ผิดมีเรื่องน้ำพริกแมงดาด้วย จำได้ว่าอ่านแล้วหิวเลยครับ นี่ไม่ได้อ่านมาเกิน 20 ปีแล้วมั๊งครับ พี่ Nuchan ครับ สำหรับผม พม่าเสียเมืองเป็นหนังสือที่เป็นงานชิ้นเอกชิ้นหนึ่งของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมชเลยครับ (แหมพูดถึงท่านผู้นี้ผมนึกถึงคุณ นิลกังขาเลยครับ อยากให้แกมาคุยด้วยอีกจังเลย หายากครับ บุคคลเช่นท่านนิล) ทราบว่าท่านคงแปลและจับใจความจากหนังสือประวัติศาสตร์ของฝรี่งแหละครับ แต่ท่านคึกฤทธิ์ไม่ได้ให้ชื่อหนังสืออ้างอิงเอาไว้ ที่ดีเยี่ยมคือ การเขียนบรรยายของท่านเขียนด้วยความสนุก การเล่าเรื่องเป็นไปอย่างออกรสชาติ ใช้ภาษาได้เข้ากับบรรยากาศอย่างยิ่ง การเขียนหนังสือภาษาไทย การใช้ภาษาไทยเพื่อเล่าเรื่อง ต้องดูตัวอย่างจากหนังสือเล่มนี้เลยครับ ตอนที่เกี่ยวกับกษัตริย์ท่านก็นึกสนุก ลองเลียนแบบสำนวนราชาธิราช ซึ่งทำได้อย่างไร้ที่ติ ตอนที่เป็นฉากตื่นเต้น รันทด หรือโศกสลด ท่านใช้ภาษาได้เหมาะเจาะอย่างยิ่ง ผมชอบอยู่ตอนหนึ่ง ที่พระนางศุภยลัต ใช้อำนาจข่มเหงนางสนมเอกของพระเจ้าสีป่อ ท่าอาจารย์คึกฤทธิ์เลยบรรยาว่า "อันเศวตฉัตรแห่งกรุงรัตนบุระอังวะ กางกั้นถึงเก้าชั้น แต่บัดนี้หาร่มเงามิได้เสียแล้ว" โห มันเป็นอะไรที่ได้อารมณ์ จริงๆครับท่าน หนังสือเล่มนี้ผมอ่านแล้วอ่านอีก แต่ละครั้งอ่านรวดเดียวจบ งานชิ้นนี้คู่ควรกับคำว่า วรรณศิลป์ จริงๆ เพราะเสพแล้วเสพอีก ไม่เคยเบื่อเลย เชื่อผมครับพี่ Nuchan ผู้ต้องการคนนำทางในโลกหนังสือ เชิญอ่านเลยครับ อย่าลังเล กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 05, 04:56
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 05, 04:58
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 20 ธ.ค. 05, 09:14 ขออนุญาตเสริมคุณเทาชมพูนะครับ สำหรับผู้ที่อาจจะยังไม่ทราบ เกี่ยวกับคำว่า "ฮั่น" (เพราะผมเองก็เคยงงอยู่เหมือนกัน)
อัตติลาชาวฮั่น ในที่นี่ไม่ใช่จีนฮั่นนะครับ แต่เป็นพวกเผ่าเร่ร่อนในเอเชียกลาง สันนิษฐานกันว่าอาจเป็นชนกลุ่มเดียวกับพวกซ่งหนู ที่เป็นศัตรูสำคัญของจีน และเป็นสาเหตุให้จีนต้องสร้างกำแพงเมืองจีนครับ อัตติลาชาวฮั่น (Hun) กับ จีนฮั่น (Han) ภาษาอังกฤษสะกดไม่เหมือนกันครับ แต่เสียงอ่านคล้ายกันอย่างมาก ผมลองเข้าไปฟังการออกเสียงดูที่เว๊บของ Merriam Webster Online ( http://www.m-w.com ) ได้ยินดังนี้ (ถ้าฟังผิดก็ขออภัยครับ) Hun = ฮ่าน Han = ฮาน จะเห็นว่าต่างกันนิดเดียวจริงๆ และไทยเราก็ถอดมาจากเสียงในภาษาอังกฤษเป็นหลัก (เพราะตำราที่เราเรียนเป็นภาษาอังกฤษ) เรื่องนี้ ตอนผมอ่านหนังสือเกี่ยวอัตติล่าใหม่ๆ ก็งงเหมือนกัน เพราะภาษาไทยเราถอดมาเป็น "ฮั่น" ซึ่งเหมือนกับ "ราชวงศ์ฮั่น" ของจีน ก็นึกว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า ดูไปดูมา ไม่ได้เกี่ยวกันเลย แถมยังเป็นศัตรูกันอีกต่างหาก อิอิ ก็เรียนมาเพื่อทราบครับ ปล. ผมเคยผ่านตาเหมือนกันครับ เห็นบางท่านถอดคำว่า Hun เป็น "หุณ" เพื่อให้ต่างจาก ฮั่น ซึ่งหมายถึงจีน คำว่า "หุณ" ก็ออกเสียงที่สื่อไปถึงรากศัพท์ภาษาละตินและกรีกด้วยครับ ละติน = Hunni (ฮุนนิ) กรีก = Hounnoi (ฮูนโนย) ปัจจุบัน ลูกหลานพวก "หุณ" ยังคงมีอยู่ในประเทศ Hungary ครับ (ไม่รู้คำว่าว่า "Hun" ที่เป็นส่วนหนึ่งของชื่อประเทศ HUNgary จะเกี่ยวกับ "หุณ" หรือเปล่า อิอิ) กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 20 ธ.ค. 05, 09:25 ขอบพระคุณอาจารย์ที่ให้พรครับ
งั้นวันหลังผมจะหายไปซักพักรอจนอาจารย์กล่าวถึงแล้วค่อยโผล่จะได้รับพรครับ อิอิอิอิ เหมือนบังเอิญ พึ่งเขียนถึงพม่าเสียเมือง เมื่อคืน เช้าขึ้นมาก็มีบทความของคุณซูมแห่งไทยรัฐ เขียนถึงหนังสือเล่มนี้ เชิญอ่านกันเลยครับ http://www.thairath.co.th/thairath1/2548/column/hiha/dec/20_12_48.php ปล. ขอบคุณ คุณ Hotacunus ครับที่แจกแจงให้เข้าใจ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 05, 09:51
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ธ.ค. 05, 12:04 ตอนสมัยอายุ 7 ขวบ เคยเอาหนังสือของเด็กโตมาอ่านค่ะ เป็นรวมเรื่องสั้น เล่มหนึ่ง มี 4-5 เรื่องย่อย
เรื่องเอกคือ ดอกรัก สัตว์แสนรู้ เป็นสุนัขแสนรู้ที่พลัดหลงออกไปนอกบ้านตอนคุณยายกำลังหยอด ดินสอพอง เรื่องอื่นๆคือ “ไม่เป็นไร ลืมเสียเถิด” และ “ออมไว้ ไม่ขัดสน” จำได้เท่านี้ค่ะ ชาวเรือนไทยท่านใดเคยอ่านผ่านตาบ้างไหมค่ะ อ่านแล้วติดใจ มีคติสอนใจเด็กๆ และเป็นเรื่องอ่านง่ายๆคล้ายเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก สะท้อนชีวิตแบบไทยๆ ยังติดใจไม่หายค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 20 ธ.ค. 05, 12:55 ผมก็แฟนอาจารย์หม่อมตัวยงคนหนึ่งครับ หนังสือเชิงประวัติศาสตร์ของอ.หม่อมยังมี กฤษฎาภินิหาริย์อันบดบังมิได้ ที่มันมาก เป็นหนังสือประวัติศาสตร์เล่มเดียวที่อ่านไปหัวเราะไป
เสน่ห์ของผลงานของอ.หม่อมนอกจากอารมณ์ขัน แสนสนุกแล้ว สิ่งที่โดดเด่นมากๆ คือ การเรียบเรียงลำดับ เหตุการณ์ เหตุผล ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย หลายๆผลงานที่ให้ความรู้เชิงวิชาการได้อย่างดีเยี่ยม เช่น ยิว หรือฝรั่งศักดินา อ่านเพลินว่างไม่ลง ราวกับอ่านเพชรพระอุมายังไงหยั่งงั้น ชอบมากๆอีกอย่าง คือ รวมเล่มหน้า 5 สยามรัฐ โดยเฉพาะช่วงยุครัฐบาลจอมพล ป. ถึงยุครัฐบาลจอมพลถนอม ลีลาการพริ้วปากกาติติง แซวรัฐบาลแพรวพราวยิ่งนัก หาคอลัมนิสต์รุ่นหลังที่พอจะเทียบเคียงไม่ได้เลย มีอยู่เล่มเดียวที่ยอมแพ้ แม้จะเพียรอ่านจนจบด้วยความรักศรัทธาอาจารย์หม่อม แต่ก็ต้องสารภาพว่า ไม่รู้เรื่อง คือในห้วงมหรรฆนพ แม้หนังสือของอาจารย์จะช่วยจุดประกายความสนใจใจใคร่รู้ในพระศาสนา หากอาจเป็นเพราะพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติ และเป็นปัจจัตตัง เชื่อว่าอาจารย์แม้ทรงอัจฉริยภาพเพียงใด แต่คงมิได้ปฏิบัติด้วยตนเองสักเท่าใด ผลงานจึงขาดจิตวิญญาณที่แท้จริงไป ถึงกระนั้นในบทความหน้า 5 สยามรัฐที่กล่าวถึงสมเด็จพระสังฆราช(ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์)พระอุปัชฌาย์ของอาจารย์อย่างน่ารักน่าชื่นชมและแฝงด้วยอารมณ์ขันแบบบัณฑิตอีกตามเคย อยาเล่านิดหนึ่งพอเรียกน้ำย่อยผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน อ.หม่อมเขียนถึงท่านเจ้าคุณนรฯ ว่า ครั้งหนึ่งคลานเข้าไปกราบเท้านมัสการเรียนถามท่านว่า ใต้เท้าขอรับ เขาว่าใต้เท้าเป็นพระอรหันต์จริงไหมขอรับ ท่านเจ้าคุณก็ดึงหูอาจารย์มาจ่อปากของท่าน แล้วตอบว่า "ไอ้บ้า" ส่วนที่เป็นนิยายอย่างสี่แผ่นดิน ไผ่แดง หลายชีวิต หรือกาเหว้าที่บางเพลง ล้วนรู้ในระดับอมตวรรณกรรมที่จะคงอยู่คู่สังคมไทยสืบต่อไปอีกแสนนาน อีกเล่มหนึ่งที่คนรักหมาพลาดไม่ได้ คือรวมเล่มเรื่องสั้น-บทความเกี่ยวกับหมา ที่ดูเหมือนใช้ชื่อว่าคนรักหมา อ่านแล้วทั้งสุขเศร้าเคล้าน้ำตาปนหัวเราะ มีครบทุกรส ครั้งแรกที่ได้อ่านเรื่องมอน ยังอดน้ำตาซึมไม่ได้ โอ๊ย พูดถึงอาจารย์หม่อมแล้วเพลินครับ ต้องเบรกคตัวเองไว้ก่อน ไม่งั้นจะเขียนหนังสือเล่มโตซะเอง กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 05, 13:23
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 05, 13:26
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 20 ธ.ค. 05, 14:29 เอ เรื่องเกี่ยวกับสุนัขหาย จำได้ว่าอ่านค้างไว้ตั้งแต่ประถม พอดีปิดเทอมและย้ายที่เรียนเลยไม่ได้กลับมาอ่านจนจบ ยังนึกอยากอ่านให้จบต่อมาอีกหลายปี
ส่วนเรื่องที่ว่าแข่งยิงธนู ผมจำได้ว่าแข่งยิงกระสุน หรือหนังสะติ๊กอะไรทำนองนั้นนะครับ ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน สุดท้ายเด็กที่แต่งชุดลูกเสือเป็นผู้ชนะ โดยได้เอาเชือกที่เก็บไว้ไม่ทิ้ง มาพันดามซ่อมไม้คันกระสุนที่ชำรุด อาจารย์หม่อมเป็นแบบอย่างของคนไทยรักแผ่นดินที่น่าเคารพและเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แม้เป็น นร.นอกเชื้อเจ้า มีชีวิตที่ดูสุขสบายโก้หรู อาจารย์ยังสมัครเป็นพลหารเมื่อยามเกิดศึกสงคราม ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ชายแดนแนวหน้าห่างไกล ซึ่งดูเหมือนอาจารย์นำเอาประสบการณ์ครั้งนั้นมาบอกเล่าไว้ในหน้า 5 สยามรัฐ ในเรื่องแกงบอนสิบหมู่ ความรักชาติและจงรักภักดีต่อราชบัลลังค์อย่างดื่มด่ำของอาจารย์นั้นเป็นแบบอย่างอันหาได้ยากยิ่ง และด้วยพรสวรรค์พิเศษของอาจารย์ยังสามารถส่งทอดความรักชาติรักแผ่นดินด้วยงานเขียนอย่างแนบเนียน เพราะอาจารย์สามารถชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของทุกอณูแห่งความเป็นไทยได้อย่างละเอียดละออและเห็นจริง ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณ และที่สำคัญคือ ความจริงใจที่กลั่นกรองออกมาจากน้ำใสใจจริง มิได้เสแสร้งแกล้งทำด้วยหวังผลประโยชน์ อยากมีชื่อเสียง อยากเป็นใหญ่ ผู้ใกล้ชิดอาจารย์เล่าว่าครั้งหนึ่ง อาจารย์ถูกเข้าพระทัยผิดว่ามุ่งร้ายต่อแผ่นดินโดยพระบรมวงศ์ชั้นสูงที่อาจารย์เองก็เคารพรักอย่างมอบกายถวายชีวิต แม้จะสูงวัยผมขาวทั้งศีรษะ อาจารย์ถึงกับทรุดลงกอดพระบาทพระเจ้าอยู่หัวร้องไห้สะอึกสะอื้นยิ่งกว่าคนจะถูกฆ่า กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 20 ธ.ค. 05, 14:40 คุณพี่ Nuchan จุดประกายจนกระทู้นี้กลายพันธุ์เป็นกระทู้คึกฤทธิ์ไปแล้ว อิอิอิ คุณ ถาวภักดิ์นี่เป็นแฟนพันธุ์แท้เลยนะ ผมยังอ่านงานของท่านไม่เยอะเท่าเลย
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 05, 14:52
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 20 ธ.ค. 05, 15:12 นั่นซิครับ คุณพี่ Nuchan มากระตุ้นต่อมน้องด้าย ยังพูดถึงอาจารย์หม่อมไม่หายมันปากเลยนะเนี่ย
คนทั่วไปที่มองเผินๆ อาจเข้าใจผิด เห็นอาจารย์เป็นพวกอนุรักษ์นิยม แต่ที่จริงอาจารย์เป็นนักปฏิวัติเต็มตัว ครั้งแรกที่อาจารย์เป็นส.ส. ทั้งสภายกมือขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง ในขณะที่อาจารย์นำออกโรงคัดค้านอย่างแข็งขัน จนส.ส.ทั้งสภาแทบต้องมุดดินหนีอาย จากเหตุการณ์ครั้งนั้น อาจารย์น่าจะเป็นคนเป็นๆที่ไม่ใช่พระเพียงคนเดียวที่ประชาชนแห่กันมาปิดทองด้วยความเคารพสูงสุด สมัยรัฐบาลจอมพลถนอม ผู้ใหญ่บังคับเด็กนักเรียน นักศึกษาตัดผมสั้นเกรียนราวทหารเกณฑ์ทั้งประเทศ อาจารย์ก็ลุกขึ้นมาไว้ผมบ๊อบเป็นพุ่มสวยเก๋ทั้งที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ประท้วงความไร้เหตุผลของผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจ โขนกรมศิลปฯ ต้องหัดกันมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงปรับปรุง อาจารย์ก็ลุกขึ้นมาตั้งโขนธรรมศาสตร์ หัดนักศึกษาไม่กี่เดือน ก็ออกโรงแสดงได้อย่างงดงาม โด่งดังยิ่งกว่าโขนโรงใหญ่ของกรมศิลปฯ เฮ้อ คิดถึงอาจารย์หม่อมจริงๆ ก่อนตายจะมีบุญได้เห็นคนไทยอย่างอาจารย์หม่อมอีกสักคนไหมหนอ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 05, 15:35
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ธ.ค. 05, 16:05 ค.ห. 20 ว้าย..อ้ายถา...ตัวเอง นึกเก่งจังเลย ใช่แล้ว
...ส่วนเรื่องที่ว่าแข่งยิงธนู ผมจำได้ว่าแข่งยิงกระสุน หรือหนังสะติ๊กอะไรทำนองนั้นนะครับ ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน สุดท้ายเด็กที่แต่งชุดลูกเสือเป็นผู้ชนะ โดยได้เอาเชือกที่เก็บไว้ไม่ทิ้ง มาพันดามซ่อมไม้คันกระสุนที่ชำรุด... แม่นแล้วค่ะ ตัวละครในเรื่องชื่อ ประยูรกับประหยัด มาพักที่บ้านอา เจ้าหลานสองคนนี้ นิสัยต่างกันมาก คนหนึ่งมีเท่าไรใช้ให้หมด อีกคนหนึ่งรู้จักเก็บออม อ่านแล้วทำให้กลับจากโรงเรียน ต้องเหลือสตางค์มาหยอดกระปุกเลียนแบบบ้าง (พออาป๊ามาเห็นเข้า ต้องออกประกาศ ห้ามเด็กๆเหลือเงิน กลับบ้าน ที่ให้ไปให้ไว้กิน ไม่ได้ให้ไว้เก็บ) เกิดความสับสนจนต้องกลับมาอ่านอีกไม่รู้กี่รอบค่ะ เขายิงอะไรก็จำไม่ได้ค่ะ แต่คันปืนหรือคันธนูเดาะ ต้องเอาเชือกที่เก็บไว้มารัดดาม ***** ส่วนเรื่อง "ไม่เป็นไร ลืมเสียเถิด" เกี่ยวกับเพื่อนบ้านติดกัน ทะเลาะกัน วันหนึ่งบ้านหนึ่งตัดต้นไม้ กิ่งไม้หล่นไปทับต้นมะเฟืองของอีกบ้านหนึ่ง ที่เป็นต้นพันธุ์สำหรับส่งเข้าประกวด ประโยค "ไม่เป็นไร ลืมเสียเถิด" ถูกนำขึ้นมาพูด ทำให้สองบ้านกลายเป็นมิตรกันได้ **** ส่วนเรื่องดอกรัก สัตว์แสนรู้ คือเจ้าหมาน้อย หนีออกไปเที่ยว จนถูกจับไปออกงานวัด พลัดกับเจ้าของเก่า ดิฉันไม่ทราบว่าติดใจอะไร แต่ชอบอ่านทุกคืนค่ะ ป่านนี้คงสูญพันธุ์ไปแล้ว กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 20 ธ.ค. 05, 16:34 หุหุ ถ้อยทีถ้อยอาศัย พี่กระตุ้นต่อมน้อง น้องก็กระตุ้มต่อมพี่
หากพูดถึงร้องกรอง อาจาย์ก็มีผลงานมากมาย แต่ที่ประทับใจมากๆ คือสักวาสด ที่ถึงพร้อมด้วยลูกเล่น ลูกล่อ ลูกชนแพรวพราว มนต์เสน่ห์สำคัญคือการการฉลาดนำเอาสิ่งละอันพันละน้อย ณ เวลานั้น มาสอดแทรกอย่างทันเหตุการณ์ทันสมัย ซึ่งถ้าไม่รู้พื้นหลังเหตุการณ์ความเป็นไปในเวลานั้น ก็จะเสียอรรถรสการอ่านไปมาก เสียดายที่จำนิราศหนึ่งของอาจารย์ไม่ได้ ดูเหมือนอาจารย์เขียนลงคอลัมน์ซอยสวนพลู ขณะนั่งรถไฟระหว่างกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ประทับใจมุมมองของอาจารย์ที่ถ่ายทอดเป็นร้อยกรองอย่างไพเราะ ชี้ให้เห็นความกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน อย่างเรียบง่าย ไม่กระแดะ(แหะๆ...ขออภัยครับ หาคำตรงใจเท่านี้ไม่มีจริงๆ) ตั้งแต่นั้นมาได้เห็นแผ่นดินกว้างสุดลูกหูลูกตาอย่างเต็มตาทีไรก็ให้นึกถึงนิราศของอาจารย์ทุกครั้งไป กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ธ.ค. 05, 16:38 นอกจากฝีมือแนะนำเพลงของคุณ paganini จะเลิศล้ำเกินบรรยายแล้ว ฝีมือแนะนำหนังสือของคุณ
ก็หาตัวจับยาก เรียกว่าเป็น book reviewer ได้ทีเดียว คุณแนะเล่มไหน เล่มนั้นซื้อได้ไม่ผิดหวัง กรุณาอีกเล่มก็แล้วกันค่ะ เรื่อง ยิว ของอาจารย์หม่อม ใช้ได้บ่? (คุณ paganini แนะอะไรก็ใช้ได้ มีอยู่อย่างเดียวที่คุณแนะค้าง แล้วกระตุ้นต่อมอยากรู้ของดิฉันให้ทำงาน ตกลงท่านแม่ย่านาง...เป็นใครเพ่) กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ธ.ค. 05, 17:41 คุณซูมเขียนว่า...สำหรับท่านผู้อ่านที่ประสงค์จะหาหนังสือ “พม่าเสียเมือง” มาอ่านอีกรอบ
ผมก็ขอเรียนว่าต้องไปหาอ่านตามห้องสมุดแล้วครับช่วงนี้ ด้วยไม่มีจำหน่ายในร้านหนังสือเลย ผมเดินหาจนอ่อนใจทั่วย่านสยามเมื่อวานนี้ทั้งฝั่งใหม่ฝั่งเก่า ไม่มีแม้แต่เล่มเดียว ร้าน ดอกหญ้า สยามสแควร์ บอกผมว่ามีคนมาถามหาทุกวันระยะนี้ ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น ดิฉันซื้อมา 4 เล่ม เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก ละครแห่งชีวิต พม่าเสียเมือง ไผ่แดง ให้แบ้งค์ 100 ไป ได้ทอนมา 20 บาทค่ะ พม่าเสียเมืองยังมีเหลือ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ธ.ค. 05, 17:53
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 05, 19:43
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ธ.ค. 05, 20:34 คุณถาวภักดิ์ กล่าวถึงขณะนั่งรถไฟระหว่างกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ประทับใจมุมมอง
ของอาจารย์ที่ถ่ายทอดเป็นร้อยกรองอย่างไพเราะ พูดถึงเมืองเหนือทำให้นึกขึ้นได้ว่าอาจารย์หม่อม ท่านได้เล่าไว้ที่ไหนซักแห่งจำไม่ได้ค่ะ ถึงเหตุการณ์ที่ลำปางก่อนที่เสด็จในกรมชัยนาทฯ ทรงถูกจับ ท่านบอกว่าบ้านท่านที่ลำปาง เสด็จในกรมชัยนาทฯ ทรงโปรดขอไปพักด้วยเรื่อยๆ และเสด็จแบบธรรมดา ไม่มีพิธีรีตรองมาก เจ้าของบ้านกินอย่างไร ท่านก็ทรงเสวยอย่างนั้น คล้อยหลังจากบ้านท่านอาจารย์ได้แป๊บเดียว ก็มีทหารมาคอยจับตัวเสด็จในกรมฯขึ้นรถไฟไปกรุงเทพฯ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการจองจำที่ยืดเยื้อออกไปอีกเกือบ 10 ปี กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 21 ธ.ค. 05, 02:39 พี่ Nuchan ครับ ผมไม่เคยอ่านเรื่องยิวครับ บางเรื่องที่อ่านก็ไม่ค่อยสนุก เพราะว่าหลังๆนี้สำนักพิมพ์ของสยามรัฐไปเอาเทปที่ท่านเคยจัดรายการมาถอดความ ดังนั้นเนื้อหาก็ไม่ค่อยจะปะติดปะต่อ ก็ท่านไม่ได้เขียนนี่นา
คุณ ถาวภักดิ์ครับ อาจารย์หม่อมท่านเป็นเอกบุรุษ เป็นนักปราชญ์แห่งกรุงศรี แต่ถ้าจะบอกว่าหาคนที่สามารถเยี่ยงท่านได้ยากยิ่งนั้น ผมอยากจะบอกว่า คนที่ลุ่มลึกหลักแหลม เต็มไปด้วยสติปัญญาอันลึกซึ้ง รอบรู้กว้างไกล สายตาดุจพญาอินทรีย์ นั้นมีอยู่เยอะ เสียแต่ท่านเหล่านี้สันโดษเกินกว่าที่จะออกมาเปิดเผยตัวให้สาธารณะชนได้รู้จัก ท่านคึกฤทธิ์ก็ทราบความจริงข้อนี้ดี ดังกลอนที่ท่านได้เขียนไว้ก่อนถึงแกอสัญกรรมไม่นานนัก แล้วทีวีในเมืองไทยได้เอากลอนบทนี้มาขึ้นในตอนไว้อาลัยท่าน เสียดายที่ผมจำไม่ได้แล้วแต่เนื้อหาประมาณว่า หากโลกนี้ไม่มีคนชื่อคึกฤทธิ์ นกยังร้องฟ้ายังสว่าง ดวงอาทิตย์ยังขึ้น ไรทำนองนี้แหละครับ อาจารย์เทาฯ ครับ พอช่วยผมได้มั่งมั้ยล่ะครับ แหะๆๆๆ ปล.ผมหลอกล่อไรพี่ nuchan เหรอครับ ไม่รู้เรื่องเร้ยยยย กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 21 ธ.ค. 05, 10:38 ก็มีอยู่นี่ไงครับ ในนามแฝงว่า paganini ลุ่มลึกจนถูกหาว่าล่อหลอกสาวข้ามรุ่น นี่ขนาดไม่ตั้งใจนะเนี่ย ถ้าตั้งใจละก้อมีหวังหมดบาง
เพชรหากยังอยู่ในดิน จะสูงค่าเพียงใดก็ไม่มีความหมายครับ ต้องเจียรนัยด้วยสุดยอดฝีมือ แล้วนำมาประดับยอดมงกุฏ ปรากฏความเจิดจรัสแก่สายตาสาธารณชน เกียรติยศจึงเกริกไกร อาจารย์เป็นปุถุชนคนหนึ่งครับที่ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง หากคณูปการณ์ที่ส่งให้อาจารย์เกริกไกร คือความสามารถในการแสดงออกอันเป็นดังคบเพลิงที่สามารถจุดต่อๆกับไปได้ไม่รู้จบ ให้ความสว่างไสวไปทั้งแผ่นดิน สมัยหนึ่งมี 3 Must's สำหรับชาวต่างชาติระดับโลกจะต้องทำหากมาเยือนเมืองไทย คือ ไปวัดพระแก้ว ไปตลาดน้ำ และไปหาคึกฤทธิ์ ส่วนเรื่องที่ว่ามาอ่านภายหลังแล้วไม่รู้เรื่องนัก คงเป็นเพราะอาจารย์เก่งในการหยิบยกเอาสิ่งรอบตัวอย่างทันควันมาประกอบการนำเสนอ เช่นถ้าอ่านกฤษฎาภินิหาริย์อันบดบังมิได้ จะเจอคำว่ามาเฟียมหาดไทย เป็นการเสียดสี ล้อเลียนเหตุการณ์ที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งในขณะนั้น คนที่อ่านเมื่อแรกเขียน ยากที่จะไม่ขำกลิ้ง มาบัดนี้มุขดังกล่าวก็ตกยุคไปนานแล้ว หรือครั้งที่เพิ่งตั้งพรรคสหประชาไทย อาจารย์ก็เขียนนิทานลงหน้า 5 สยามรัฐเล่าเรื่องแร้งกับเหี้ยผสมพันธุ์กัน ตั้งชื่อสายพันธุ์ใหม่ว่าสหัปมงคล เป็นที่ถูกอกถูกใจคนอ่านนัก หรือแม้ครั้งที่สูงวัยมากแล้ว ขณะคำว่าส้มหล่นเพิ่งเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น อาจารย์ก็นำมาเรียกรัฐมนตรีท่านหนึ่งว่า รัฐมนตรีส้มหล่นในคอลัมน์ซอยสวนพลู ใครที่ได้อ่านในขณะนั้นคงอดยิ้มไม่ได้ ถ้าคุณพี่ Nuchan ของคุณป๋า paganini อยากรู้เรื่องยิวอย่างละเอียด ก็ไปหาอ่านของอาจารย์หม่อมเถอะครับ ยังไม่เคยเห็นหนังสือเล่มใดจะให้ทั้งความรู้และความบันเทิงไปพร้อมๆกันเช่นนี้ เว้นแต่ฝรั่งศักดินา และหนังสืออีกบางเล่มของอาจารย์ ที่ว่าบางเล่ม ก็เพราะบางข้อมูลของอาจารย์ มีความไม่ถูกต้องเหมือนกันครับ ไม่ทราบว่าจะเป็นอารมณ์ขันลุ่มลึกของอาจารย์หรือเป็นการมั่ว เป็นสี่ตีนตยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง บางที่ก็หลอกคนอ่านซะสนิท กว่าจะรู้ตัวก็หลายปี เช่นที่อาจารย์เคยเขียนสรุปวิเคราะห์ว่า สมเด็จพระนเรศวรไม่เคยเสวยพริก ด้วยเหตุที่เป็นพืชพื้นเมืองของอเมริกาใต้ และกว่าจะมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศพ่อค้าทางยุโรป ก็ล่วงมาถึงรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ แต่อันที่จริง การค้ามีมาก่อนแล้ว และทหารอาสาโปรตุเกสก็มีมาตั้งแต่ครั้งศึกเชียงกรานแล้ว กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 21 ธ.ค. 05, 11:19 ไม่ยอมวุ้ย คุณถาวภักดิ์ เรียกเราเป็นสาวข้ามรุ่น
คุณ paganini มาเรียกพี่ไม่ด้ายนะ เค้าเข้าก่อนตะเอง 2 รุ่นก็จริง แต่เค้าสอบเทียบมา 2 เด้ง ม. ต้นที ม. ปลายที มันก็เจ๊ากันนั่นแหละ วันนั้นเคลิ้มๆ ฟังเสียงไวโอลีนของคุณ paganini ปล่อยให้หนุ่มผู้นิยมเสียงเพลงหลอกลวงเราไป LIVE msn อาจารย์เทาชมพูค่ะ อาจารย์จะว่าอย่างไร...เขายังหลอกไม่เลิกเลย หนำซ้ำมาทำไก๋...ผมไม้รู้ ผมไม่รู้ ดิฉันเห็นจะต้องร้องเพลง หนูไม่ยอม หนูไม่ยอม ก็เพราะเขากระตุ้นต่อมอยากรู้ จนมันทำงาน 24 ชม. เห็นจะต้องเลียนแบบ “ลัทธิเอาอย่าง” ของคุณ Andreas ในกระทู้ “Winter Wonderland” ซะแล้ว ต้องติดต่อคุณ Andreas หลังไมค์บ้าง เพราะคุยกับ paganini ยิ่งคุย ยิ่งมืด ยิ่งงงกว่าเดิมอีกค่ะ ***** คุณถาวภักดิ์ ลงทุนเชียร์อาจารย์หม่อมจนสุดลิ่ม เห็นท่าจะต้องลองอ่านดูบ้าง ขอบคุณค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 21 ธ.ค. 05, 11:23 แหม หลานถาวภักดิ์ ผมมิบังอาจจะคิดว่าตัวเองมีความลุ่มลึกแต่อย่าใด เทียบกับปราชญ์ที่มีและที่แล้วมา ผมไม่ถึง นขธุลี ของท่านเหล่านั้นหรอกครับ บังเอิญเป็นคนโชคดีที่มีโอกาสได้เจอ นักคิดและปัญญาชนหลายๆท่าน จึงกล้ากล่าวเช่นนั้นน่ะครับ
ผมว่าเพชร อยู่ที่ไหนก็เป็นเพชร แม้อยู่ในตมเพชรก็รู้ตัวเองว่าเป็นเพชร มิต้องไปเปรียบเทียบกับใคร ด้วยเหตุที่เพชรไม่ได้อยากจะเป็นเพชรดังนั้นจึงเป็นเพชร อาจารย์หม่อมท่านได้เปรียบกว่าเพชรเม็ดอื่นๆตรงที่ท่านมีโอกาสแสดงออกมากกว่า การเขียนหนังสือ การเป็นนักหนังสือพิมพ์ การอยู่ในวงการเมืองทำให้ประชาชนรับรู้ถึงตัวตนของท่านง่ายกว่า จุดเด่นของท่านอยู่ที่ความคมคาย แหลมคม วาทะที่จับใจ เสียดแทง ความมีไหวพริบ และวาทศิลป์ หากแต่บางทีผลของงานเป็นสิ่งบ่งชี้ที่ดีที่สุด สำหรับผมนับถือท่านในฐานะนักปราชญ์ นักคิด นักเขียน มากกว่า ในแง่นักการเมือง นักบริหาร หรือ การเป็นรัฐบุรุษ ในเรื่องที่ท่านชอบมั่ว อันนี้พวกเราไม่ถือครับ เพราะท่านเขียนหนังสือเหมือนกับผู้ใหญ่เล่าเรื่องให้ลูกหลานฟัง มีแต่งเติม มีใส่สีเป็นเรื่องธรรมดา ท่านเองก็ไม่ได้กล่าวอ้างว่างานท่านเป็นงานวิชาการแต่อย่างใด ปล. คุณพี่ Nuchan ไม่ได้เป็นของผมแต่อย่างใด หลานอ้างงี้เดี๋ยวผมโดนเตะนะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 21 ธ.ค. 05, 13:00 1. คุณถาวภักดิ์คะ ตกลงทราบไหมคะว่าหนังสือดอกรัก สัตว์แสนรู้ มันเป็นแบบเรียนในห้องเรียนหรือเปลาค่ะ
2. หนังสือของอาจารย์หม่อม เล่มไหนที่แย่ที่สุดค่ะ (ถามแบบมีจุดประสงค์) กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 21 ธ.ค. 05, 13:24 1.เข้าใจว่าเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาครับ อย่างน้อยก็สำหรับโรงเรียนผมในช่วงนั้น เพราะเข้าใจว่าครูไม่เคยบังคับให้อ่าน(หรือบังคับแล้วผมเอาหูทวนลมก็จำไม่ได้แล้ว) ผมไปค้นเจอ นั่งอ่านเองเอาวันสุดท้านก่อนจะปิดเทอมใหญ่ เลยอ่านได้ไม่จบ อารมณ์ค้างมาจนทุกวันนี้
2.ตอบแล้วไงครับ คือ ในห้วงมหรรนพ แต่ก็เป็นเพียงความเห็นของผมเท่านั้นนะครับ หลายๆท่านที่ชอบอะไรที่ดูฉลาดๆ เพราะอ่านแล้วตัวเองเกือบรู้เรื่อง อาจยกย่องว่าเป็นที่สุดของที่สุดก็ได้ครับ เชลียร์(นี่ก็ศัพท์ของอาจารย์ มาจากเลีย+เชียร์)อาจารย์มากไปเดี๋ยว เดี๋ยวถูกหมั่นไส้ ขอดึงลงมานิดหนึ่งด้วยข้อตำหนิติติงจากนักวิจารณ์อีกข้อว่า การเขียนนิยายของอาจารย์อย่าง ไผ่แดง หรือ หลายชีวิต เชื่อว่าอาจารย์นำเคร้าโครงบางอย่างมาจากวรรณกรรมต่างประเทศ แต่อาจารย์ไม่ได้ระบุบอกไว้ จึงถูกจวกว่าลอกเลียน กาเหว้าที่บางเพลงก็มาจากนิยายวิทยาศาตร์คลาสสิกของอังกฤษ ที่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาอย่างน้อย 2 ครั้งแล้ว แต่เรื่องนี้ รู้สึกว่าอาจารย์บอกไว้ก่อนนำลงในคอลัมน์ซอยสวนพลู กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 21 ธ.ค. 05, 13:33 หากชอบการมองพระพุทธศาสนาในเชิงปรัชญา อยากเชิญชวนให้อ่านที่อาจารย์แปล Johnathan Livingston Seagull ของ Richard Bach ครับ จะรู้เรื่องและเพลิดเพลินกว่าในห้วงมหรรณพหลายขุม แต่ระดับคุณพี่ Nuchan คงเคยอ่านฉบับภาษาอังกฤษมาแล้วกระมังครับ ต้องแนะนำให้อ่านเล่มถัดมาแทนชื่อ Illusions
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ธ.ค. 05, 21:11
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ธ.ค. 05, 21:21
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 21 ธ.ค. 05, 22:03 นั่นนะสิคะอาจารย์ คอมเมนท์ที่ดิฉันได้รับมา บางกระแสเขาแนะนำว่าให้อ่านห้วงมหรรณพ
พอคุณถาวภักดิ์ให้ความเห็นในเชิงไม่ชอบ ดิฉันจึงถามย้ำ คงต้องสรุปโดยใช้ประโยคหากินของอาจารย์ว่า "ลางเนื้อชอบลางยา" จริงๆด้วยค่ะ ถ้าเล่มไหนตรงกัน ก็อ่านก่อน ถ้าเล่มไหนเสียงแตก จับไว้อ่านสุดท้าย!! กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 22 ธ.ค. 05, 10:50 แฮ่ กราบขอขมาที่ตักอย่างงามครับ ท่านอาจารย์เทาผู้แสนโสภาทั้งกายและใจ กลอนมันพาไปครับ แหะๆ สันดานปากเปราะนี่แก้ไม่หายสักที พอกด post ไปค่อยนึกได้ว่า จะเป็นที่ระคายเคืองอาจารย์แสนสวยของพวกเราแหงๆ แหม ถ้ามีปุ่มให้แก้ได้ก็ทำไปแล้วละครับ
แต่อย่างไรอาจารย์เทาผู้ทั้งแสนสวยทั้งแสนใจดี แสนน่ารักอย่างนี้คงไม่ถือโทษผมกระมัง ผมก็กระเปิ๊บกระป๊าบให้อาจารย์ดูมาหลายรอบแล้ว ท่านก็เมตตาอภัยให้ทุกครั้ง ขอถือโอกาสกราบงามๆที่ตักของอาจารย์คนงามอีกครั้ง เพื่อขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ไม่ถือผมจริงๆจังๆโทษสักกะที อย่างน้อยด้วยความเป็นสาวเทวาลัยแสนงาม คงจะคุ้นเคยกับเหล่าพันธุ์ปากเปราะที่สิงสู่อยู่แถวสามแยกปากหมากระมังครับ อันที่จริงที่กล่าวไว้เกี่ยวกับในห้วงมหรรณพนั้น นึกถึงตนเองมากกว่าคนอื่นครับ เพราะเมื่อแรกอ่าน ผมยังมีทัศนคติเห็นของยากเป็นของดี ได้อ่านอะไรทำนองนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองฉลาด เก่งกว่าคนอื่น หากภายหลังทัศนคติดังกล่าวก็เปลี่ยนไปด้วยบารมีและความเมตตาของครูบาอาจารย์ที่กราบไหว้บูชาสุดใจอย่างเชื่อมั่นในความเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐของท่าน แต่ก็ยังโง่อยู่มาก จึงพยายามด่าตัวเองบ่อยๆดังว่า แฮ่ ครั้งนี้ดังไปหน่อย ทำชาวบ้านสะดุ้งไปทั้งคุ้งน้ำเลย กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 22 ธ.ค. 05, 12:36 ครับ ที่อาจารย์เทาเมตตากล่าวแก้ข้อกล่าวหาจากผู้ติติงอาจารย์หม่อมนั้น ผมเห็นด้วยทุกประการครับ เปล่าประจบนา มีความคิดนี้อยู่ในใจดวงน้อยๆแสนซื่อนี้มานานแล้ว ด้วยทึ่งในความเป็น"ตาดูดาว เท้าติดดิน"ของอาจารย์หม่อมนักหนา เพียงแต่ไม่เอ่ยออกมาในครั้งเดียว เกรงชาวบ้านจะเอียน
อาจารย์หม่อมต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนานมาก ตั้งแต่เด็กจนเป็นหนุ่มเต็มตัว แต่อาจารย์กลับมาคลุกคลีตีโมงกับชาวบ้านอย่างถึงแก่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นในหลายๆงานเขียนของอาจารย์ เช่นในหลายชีวิต ที่อาจารย์หม่อมบรรยายความรู้สึกนึกคิดของผู้คนต่างอาชีพต่างระดับของสังคม โดยเฉพาะในระดับคนธรรมดาสามัญ ชาวนาชาวสวน หมอแผนโบราณ หรือแม้แต่ผู้หญิงขายตัว ราวกับไปนั่งเขียนนั่งดูในหัวใจของคนเหล่านั้น เพราะเหตุนี้กระมังที่อาจารย์หม่อมสามารถสร้างปรากฏการณ์มหัศจรรย์หนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่แม้มี ส.ส.เพียงหยิบมือเดียว ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ บริหารบ้านเมืองได้นานนับปี ผลักดันนโยบายหลายๆประการออกมาเป็นรูปธรรมอย่างได้ผล และยังส่งอิทธิพลผลพวงมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่ทราบคุณพี่ Nuchan แสนสวย เคยอ่านหลายชีวิตหรือยังครับ (แฮ่ สารภาพครับว่าประจบหาพวก เผื่อเจอโทษหนักจะได้มีคนเมตตาส่งข้าวส่งน้ำ นะจ๊ะ คุณพี่ Nuchan จ๋า) นี่ก็เป็นอีกเล่มที่ไม่ควรพลาด และควรรีบอ่าน นอกจากชีวิตความเป็นอยู่ที่อาจารย์สามารถนำมาตีแผ่ได้อย่างละเอียดละออทุกเม็ดแล้ว สิ่งที่น่าทึ่งไปกว่าคือความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในแต่ละสภาวะ อย่างไม่เคยปรากฎในวรรณกรรมของไทยใดๆมาก่อน กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ธ.ค. 05, 12:46
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 22 ธ.ค. 05, 13:01 ขอบคุณ คุณถาวภักดิ์ สำหรับ ค.ห. 38
เคยอ่าน Johnathan Livingston Seagull เป็นหนังสือนอกเวลาค่ะ ช่วงนั้นติดอันดับ best seller ด้วย ทางรีดเดอร์ไดเจสท์ได้เอามาตีพิมพ์เป็นชอร์ทเวอร์ชัน เจ้าเพื่อนรักไอเดียกระฉูด ยุให้เราอ่านรีดเดอร์ ไดเจสท์ แทน ส่วนฉบับเต็มพึ่งมาได้อ่านจริงๆเมื่อไม่นานนี้ค่ะ สำหรับ Illusions ยังไม่เคยอ่านค่ะ ตอนนี้กำลังอ่าน My Life: Bill Clinton ค้างอยู่ อยากรู้ว่าเวลานักเขียนเขาเล่าเรื่องตัวเองในอัตชีวประวัติ เขามีเทคนิกอย่างไรในการนำเสนอเรื่องฉาว ตอนอุบของหลวงให้ออกมาแล้วเจ้าตัวไม่อินทิมิเดทมากนัก ปี 1999 ตอนนั้นดิฉันกำลังทำรีเสริ์ชอยู่ ข่าว CNN ออกทั้งวัน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับช่วยกันประโคม หนำซ้ำในทีวี เห็นนางฮิลารีต้องมายืนตากหน้า ทำหน้าชื่นอกตรมเคียงข้างสามี เกิดมาดิฉันไม่เคยสงสารใคร จากก้นบึ้งหัวใจเท่านี้มาก่อน ตอนทานข้าวกลางวันกับเพื่อนๆ ชาวยุโรปเขาก็งงว่าในประเทศเสรี เช่น อเมริกา ไม่น่าจะให้ ความสำคัญของเรื่องฉาวระหว่างเด็กฝึกงานกับประธานาธิบดีมากขนาดนี้ ถ้าเป็นยุโรป อย่างมากก็ปรบมือให้ แล้วชมประธานาธิบดีว่า “What a guy (ทำเสียงสูง), what a guy!!” ก็จบ ไม่ต้องจ้างคณะอิสระมาไต่สวนให้หมดเงินเป็นสิบๆล้านดอลลาร์ ถ้าดิฉันเป็นฝ่ายหญิงคงกระโดดหน้าต่าง ให้รู้แล้วรู้รอดไปแล้ว Bill เขียนหนังสือได้สนุก แต่สู้ A Living History: Hilary Rodham Clinton ของเมียไม่ได้ คาดว่าเธอคงจะลงสมัครประธานาธิบดีสมัยหน้าค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 22 ธ.ค. 05, 13:41 เหลียวซ้ายแลขวา ย่องเข้ามาอย่างวัวสันหลังแหวะ เฮ้อ โล่งไปที อ.เทาแสนน่ารักดังเคย ทำหางเสียงเขียวๆหน่อย งามน่ารักไปอีกแบบ ไม่เมตตาให้กราบตัก จะขอเพียงปลายเล็บชมพูงามก็ได้ครับ ส่วนตักคุณป๋า พูดถึงแล้วนึกภาพขนหมูแทงแทรกเนื้อผ้าออกมาหร็อมแหร็มแล้ว รู้สึกสยดสยอง ไม่รบกวนท่านป๋าละครับ
ภาพยนต์และละครทีวีทำให้ชาวต่างชาติมองคนอเมริกาเพี้ยนจากความจริงในหลายๆเรื่อง แต่ความจริงคนอเมริกันก็คน มีดีมีเลว มีสำนึกในศีลธรรมพอควร มิได้ว่ากันเปรอะไปเหมือนฝูงสัตว์ดังที่หลายคนอาจมีความเข้าใจ ส่วนที่เขามีความเคร่งครัด อยู่ในกรอบของศีลธรรม มีความรักใคร่ใกล้ชิด อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ คอยเป็นห่วงเป็นใย ช่วยเหลือกันและกันก็ยังมีมากมาย อาจารย์หม่อมเขียนคำนำหนังสือแปลโจนาธานนางนวลไว้ว่าตั้งใจแปลอย่างรักษาอรรถรสเดิมไว้ให้สมบูรณ์ที่สุด ไม่รู้ว่าจะเป็นด้วยอคติที่ใจนิยมอาจารย์ 120% หรือเปล่า แต่อ่านแล้วก็เห็นจริงว่าเหมือนเด๊ะเลย คนอะไรก็ไม่รู้ ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมไปหมด กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 22 ธ.ค. 05, 20:00
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 22 ธ.ค. 05, 22:31 สัวสดีค่ะ...อ่านบทสนทนาของคุณเทาชมพู คุณNuchan และคุณถาวรภักดิ์แล้ว สนุกๆมากๆเลย เหมือนละครฉากหนึ่งทีเดียว
Autumn in My Heart นอกจากพระเอกตาหยีๆ (และดูหล่อเหลาดี ในสมัยนี้) แล้ว เรื่องนี้ ทำให้คนอ่านร้องไห้หูตาแดงได้เป็นวันๆเลยล่ะค่ะ ทั้งยังรู้สึกไปถึงความรักล้นใจของตัวละครทั้งหลายด้วยนะค่ะ จำเนื้อเรื่องไม่ได้เท่าไหร่ แต่ที่จำได้ ก็คือ น้ำตาที่ไหลลงมาเป็นทาง นี่ล่ะคะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 22 ธ.ค. 05, 23:01
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 23 ธ.ค. 05, 09:44 คราย ครายทำคุณพี่ Nuchan ของเรา บอกน้อง สรรพปากที่คุณพี่เอ่ยมายังขาดปากสำคัญไป คือ ปากหมานะครับ สรุปรวมคุณสมบัติได้ดีนักแล ไม่ต้องเขียนยาว มีคุณประโยชน์มหาศาล ใช้เลียถึงใบหูก็ได้ ขู่ป้องปรามมิให้คนร้ายเข้าบ้านก็ได้ แม้เข้ามาแล้วยังเห่าไล่จนออกได้ ครั้นไม่ยอมออกก็กัดซะเลย เห็นสาวๆก็ทำลิ้นห้อย น้ำลายยืด น่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบ โอ๊ย เจียรนัยไม่หมด
ลงชื่อ สมาชิกชมรมปากหมา กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 23 ธ.ค. 05, 12:25
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 23 ธ.ค. 05, 13:35 แหม เสียดายไม่มีอมยิ้มท่าค้อน มิฉะนั้นจะส่งให้คุณพี่สัก 2 วงงามๆ เปิดช่องให้ไม่ได้เชียวนะ อย่างนี้เขาเรียกว่า ได้ทีขี้หมาไหล เวลาเอ่ยลอยๆก็สะดุ้งสะเทือนกันเป็นแถบ ยืดอกมารับซะเอง ก็ตื้บซ้ำ ฮือๆ คุณพี่คนสวยใจร้าย
ออกตัวซะก่อนนะครับ เดี๋ยวเจ้าของถิ่นสามแยกปากหมาท่านจะเดือดร้อนเสียชื่อเสียงไปด้วย ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกะท่านๆผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านั้นนะครับ ผมมันประเภท mid-road หัวเดียวกระเทียบลีบ ไม่มี pedigree เป็นประเภท...นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย.... น่าสงสารออก นะคุณพี่คนสวยจ๋า ส่วนหนังสือหลายชีวิต ผมก็เชียร์สุดตัวไปแล้วในไม่กี่กระทู้ก่อน ยังนึกถึงอยู่เรื่องหนึ่งในนั้น เกี่ยวกับหญิงโสดที่เริ่มเข้าวัยกลางคน มีความเครียดสะสมจากภาระที่ต้องดูแลมารดา จำประทับใจมาจนทุกวันนี้ ว่าอาจารย์หม่อมเข้าอกเข้าใจแม้ปมปัญหาที่ซ้อนเร้นอยู่ก้นบึ้งของหัวใจได้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน และเป็นสิ่งที่จะเกิดได้ก็แต่ในสังคมแบบเอเซีย หรือแบบไทยในยุคสมัยหนึ่ง ยากที่จะปรากฎออกมาให้รู้เห็นได้ทั้งภาพแก่สาธารณชน เพราะเป็นปมที่ทั้งซ่อนอยู่ลึกในจิตใจคนและยังต้องถูกกลบฝังไว้ด้วยการแสดงออกตามค่านิยมของวัฒนธรรมประเพณีที่แรงมากๆ อาจารย์งัดออกมาได้อย่างไรหนอ น่าทึ่งจริงๆ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 05, 14:24
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 23 ธ.ค. 05, 15:20
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 23 ธ.ค. 05, 15:56 ซี้ด...ดาบนั้นคืนสนอง สะกิดเล็บแต่เจ็บลึก อย่างไรก็ยอมทุกอย่างขอรับ จะลงโทษเฆี่ยนตีอย่างไรก็ยอม นึกภาพเล็บชมพูโค้งมนบนปลายนิ้วเรียวขาวงามกรุ่นกลิ่นหอมยวนใจ ถึงเหน็บเนื้อจนเลือดซิบ คงลืมเจ็บลืมตาย
น่าน้อยใจแทนหมาทั้งหลาย ที่มักถูกนำมานิยามเปรียบเปรยแต่ในทางลบ ทั้งที่มีแต่ความสัตย์ซื่อจริงใจ ภักดีไม่ผันแปร และจะหาปากที่ไหน ปากกับใจตรงกันไปกว่าปากของหมาเป็นไม่มี จะเลียและครางงี้ดง้าดจากหัวใจที่ภักดีให้แต่เจ้าของอย่างสุดหัวใจจนวันตาย คนไม่รู้จักหรือมุ่งร้าย หรือเข้าบ้านมาผิดเวลา ก็เห่ากระโชก ขับไล่ถึงขบกัด อย่างไม่เลือกชั้นวรรณะ ถึงเจ้าของจะตกอับ ยากจนอย่างไร ไม่เคยเห็นหมาวิ่งเต้นขอย้ายบ้าน เปลี่ยนเจ้าของสักครั้ง ไม่ว่าเจ้าของจะดำรงตำแหน่งใด ท่ากระดิกหาง ส่ายก้นของหมาที่แสดงต่อเจ้าของ ก็จะออกมาจากทั้งหัวใจทุกครั้งไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ในหนังสือคนรักหมา (รวมเล่มเรื่องหมาๆ เช่นเรื่องมอม เป็นต้น) มีหลายๆตอนที่อาจารย์หม่อมได้พรรณนานิสัยสันดานของหมาได้อย่างถึงแก่น โดยยกตัวอย่างทั้งจากเรื่องจริง ไปต้นจนถึงวรรณคดีคลาสสิกอย่างมหาภารตยุทธ์ ประทับใจจำได้ไม่รู้ลืมหลายตอน อย่างเช่นที่อาจารย์หม่อมเล่าถึงกริยาอาการของเจ้าสามสี(ถ้าจำไม่ผิด)ที่มายกขาปล่อยฉี่ทับของอาจารย์ แล้วมองหน้า ประหนึ่งจะบอกว่า ไปไหนไปกัน เราเป็นเพื่อนตายกันนะ (อะไรทำนองนี้) ทั้งน่ารัก น่าขันและน่าชมความช่างสังเกตของอาจารย์ หรือที่หมาเดินตามพระเจ้าอะไรนะครับ...จำพระนามไม่ได้ ชนิดจะไปตายที่ไหน อย่างไรก็ไม่ยอมทิ้ง ไม่ยอมห่าง ที่สุดเมื่อราชรถสวรรค์มารับ พระองค์ถึงกับยื่นคำขาดว่าถ้าไม่ให้หมาไปด้วย สวรรค์ก็ไม่ดีพอสำหรับพระองค์ สวรรค์ยังต้องยอมให้คุณหมาขึ้นนั่งหูปลิวบนราชรถทิพย์ นึกถึงสำนวนเล่าของอาจารย์แล้วหน้าเปื้อนยิ้มทุกที กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 23 ธ.ค. 05, 19:02 ลืมตอบข้อสงสัยคุณพี่ Nuchan แสนสวย
ขอตอบด้วยบทประพันธ์ของอาจารย์หม่อม คนพี่นะครับ Born men are we all............and one. Brown, black by the sun.......culture. Knowledge can be won........alike. Only heart differs.................from man to man. กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 05, 20:32
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 24 ธ.ค. 05, 00:22 คงต้องขอฝาดเนื้อฝากตัวใหม่ล่ะมั้งค่ะ...เพิ่งเข้าวิชาการดอทคอมมาไม่นานเอง...ไอ้ที่เข้ามาก็ไม่มีมีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แต่ที่จะมาทำให้เข้ากันบ่อยๆ เห็นจะเป็นเพราะคำตอบตามกระทู้ต่างๆนี่ล่ะมั้งค่ะ ที่ทำให้เข้ามาติดตาม...แต่
เห็นจะเป็นด้วยขี้เกียจอ่านมั้งค่ะ...เข้ามาทีไร ความรู้ที่น่าจะได้กลับกลายเป็นกระท่อนกระแท่น รู้บ้างไม่รู้บ้าง เพราะขี้เกียจอ่านนี่ล่ะตัวดี นี่ก็พยายามอ่านที่ทั้งคุณถาวภักดิ์ คุณNuchan คุณเทาชมพูโต้ตอบกัน ก็สนุกดี แต่พอเข้าเรื่องหนังสือของท่านคึกฤทธิ์ทีไร เป็นงงทุกที เห็นทีจะต้องไปหาอ่านมาประดับสมองบ้างแล้วมั้งค่ะ ... แล้วจะเข้ามาหาความรู้เพิ่มบ่อยๆค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ธ.ค. 05, 23:06
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 25 ธ.ค. 05, 21:58 เอ...ถ้าเป็นงานเขียนของท่าน PAUL ADIREX จะเคยอ่านมากกว่าค่ะ อย่างเรื่อง"พ่อ"ทั้งสองภาค ก็รู้สึกว่าเป็นท่านที่เขียนงานได้อ่านแล้วเพลิน พร้อมกับได้รู้ประวัติศาสตร์ด้วย
แล้วก็เรื่อง "โจรสลัดตะรุเตา" ก็สนุกมาก เป็นการเอาเรื่องจริงมาเขียนเป็นนวนิยายได้อรรถรสอย่างมาก จะว่าไปแล้วพอได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ก็เอามาโยงกับเรื่อง "ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน"ซะอีก ตอนที่ตัวเอกของเรื่องถูกส่งไปเกาะตะรุเตาเหมือนกัน พอดีเลย...กลายเป็นว่า เอาสองเรื่องมาคิดบวกกันเองให้เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆไปอีกเรื่องซะอีก กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 25 ธ.ค. 05, 23:20 ดิฉันยังไม่เคยอ่านหนังสือของคุณปองพล เลยค่ะ
วันนี้ไปได้เพิ่มเติมมาหลายเล่ม เพื่อเก็บไว่อ่านตอนปีใหม่ เช่น ใต้ฟ้าสีคราม (สีฟ้า) เคยชมแต่ภาพยนต์ ปีศาจ (เสนีย์ เสาวพงศ์) แวววัน (โบตั๋น) เชิงผาหิมพานต์ (สุชีพ ปุญญาฯ) กวนอิม (แปลโดย เสฐียรโกเศศ) อ่านเสร็จจะมารายงานผลค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ธ.ค. 05, 23:53
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 25 ธ.ค. 05, 23:57 Rattanakosin ไม่ใช่ของ ว. วินิจฉัยกุลหรือค่ะ เพื่อนเขาแนะนำให้อ่านเล่มนี้ เชิงประวัติศาสตร์ น่ะคะ
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 26 ธ.ค. 05, 18:28 สงสัยจะเป็นรัตนโกสินทร์ คนละเรื่องคนละเล่มกันหรือเปล่าค่ะ
...มีหนังสือหลายเรื่องทีเดียวค่ะ ที่คุณปองพล เขียนเป็นภาษาอังกฤษก่อน และมาแปลเป็นไทยทีหลัง(ถ้าจำไม่ผิดอย่างเรื่อง โจรสลัดตะรุเตา ก็ใช่) แต่ความสามารถของการีนคงอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษไม่ไหว 555+ อยากอ่านเรื่อง Rattanakosin บ้างจัง ยังไม่เคยอ่านรัตนโกสินทร์ของ ว.วินิจฉัยกุล เหมือนกัน เพราะที่ห้องสมุดไม่มีทุกที แต่ได้ดูตอนเป็นละครทางช่อง 7 สนุกมากเลยค่ะ ...(ขนาดเนื้อร้องยังจำได้เลยนะค่ะ..."รัตนโกสินทร์ คือแผ่นดินที่หล่อหลอมหัวใจ ร้อยความรักรวมผู้คนมากมาย อาศัยอยู่รวมชายคา...เชื้อชาติไหนก็พี่น้อง ล้วนพวกพ้องข้องเกี่ยวนานเนิ่นนาน ทุกชีวิตมีสุขใจใต้ฟ้า ใต้บารมีจักรีวงศ์") นี่น่าจะเป็นคอนเซ็ปของเรื่องนะค่ะ เคยอ่านเรื่องนี้ค่ะ...จะว่าไปก็น่าจะเป็นของ ว.วินิจฉัยกุล เหมือนกัน เรื่อง "สองฝั่งคลอง"ค่ะ ตัวเอกมีชีวิตที่โลดโผน แต่ดูเรียบง่าย ภาษาที่ใช้ในหนังสือก็สวยงามค่ะ มีการยกร้อยกรองในวรรณคดีไทยด้วย แล้วก็ทำให้ทราบด้วยว่าคำว่า "สวัสดี" มาจากอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จฬาลงกรณมหาวิทยาลัย (อ้าว...การีนลืมอีกแล้วใครหนอ....บอกหนูที...ขี้ลืมจริงแฮะ)การีนชอบอ่านนวนิยายค่ะ แต่ไม่ค่อยอ่านวรรณคดีไทยเท่าไหร่ บางทีก็จำเรื่องราวอะไรไม่ได้ สงสัยต้องหาอ่านบ้างแล้ว ... กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 26 ธ.ค. 05, 19:34 คุณการีน สรุปว่าเรื่องรัตนโกสินทร์ของคุณปองพล และของ อาจารย์ ว. วินจฉัยกุล
สองเล่มชื่อมาพ้องกันใช่ไหมค่ะ เดี๋ยวต้องเสริ์ชดูสักหน่อย ตั้งใจจะอ่านปีใหม่ช่วงว่างๆค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 26 ธ.ค. 05, 20:44 แล้วได้อย่างไร...บอกด้วยนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ธ.ค. 05, 08:35 หนังสือชื่อซ้ำกันค่ะ
เนื้อร้องในละคร คือ รัตนโกสินทร์ คือแผ่นดินที่หล่อหลอมหัวใจ ร้อยความรักรวมผู้คนมากมาย อาศัยอยู่รวมชายคา.. เชื้อชาติไหนก็พี่น้อง ล้วนพวกพ้องข้องเกี่ยวนานเนิ่นมา ทุกชีวิตมีสุขใจใต้ฟ้า ใต้บารมีจักรีวงศ์ ผู้ที่กำหนดคำว่า สวัสดี ให้นิสิตจุฬาฯเริ่มใช้ก่อนเพื่อน คือพระยาอุปกิตศิลปสาร ค่ะ ท่านเป็นอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 27 ธ.ค. 05, 08:52 ขอบคุณอาจารย์ค่ะ
คุณ Karine!! ท่าทางจะอ่านนิยายหลายเรื่อง เล่มไหนสนุกคุยให้ฟังอีกนะคะ จะได้อ่านตามค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 27 ธ.ค. 05, 14:27 พักเหนื่อยลงแขก ย่องมาคุยเรื่องหนังสือต่อดีก่า กระทู้โน้น เจ๊เราเฮี้ยนจัด ไม่รู้ไปสะกิดโดนต่อมอะไร ทำท่าหยั่งกะฟันจะขึ้น ฟัดแหลก ไหว้ละ อาจารย์เทาเจ้าขา หาขาโต๊ะให้แกสงบสติอารมณ์หน่อยเถอะ วิ่งไม่ทันมีหวังถึงชีวิตแน่งานนี้
ที่อาจารย์ให้ความเห็นข้างต้นว่า เป็นเพราะอาจารย์หม่อมท่านไปโตอยู่ต่างประเทศนั้นก็ถูกส่วนหนึ่งครับ แต่ถ้าเราพิจารณาดีๆ จะเห็นว่า เป้าหมายของการศึกษาต่อต่างประเทศนั้นผิดเพี้ยนไปจากช่วงต้นๆมาก ม.จ.อากาศ ดำเกิง ทรงชี้ให้เห้นในหนังสือเล่มหนึ่งของท่านมีใจความทำนองว่า การไปเรียนต่อเมืองนอก กลับกลายเป็นการชุบตัวให้เป็นที่ยกย่องในสังคม เป็นการรักษาหรือเลื่อนระดับชั้นวรรณะให้ตนเอง จำนวนมากที่เรียนจบกลับมาแล้ว แทนที่จะนำวิชาความรู้นั้นออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ กลับเพียงใช้ชีวิตไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย อยู่ในสังคมชั้นสูง กลายเป็นกาฝากของสังคม ซึ่งถึงแม้ว่านักเรียนนอกในยุคนั้น มีมากมายที่นำความรู้ ออกมาทำประโยชน์อย่างเต็มที่ หากปฏิเสธไม่ได้ว่า เกิดค่านิยมที่เพี้ยนไปจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชุบตัว หรือเป็นใบรับรองความเป็นชนชั้นสูง นักเรียนนอกในยุคนั้นจำนวนมากจึงไม่มีความสามารถในการเข้าใจชาวบ้านดังที่อาจารย์หม่อมเข้าใจ การคิด วิเคราะห์แบบอาจารย์หม่อม บวกกับความกล้าที่จะแสดงออก ทั้งพรสวรรค์ในการถ่ายทอด และอะไรอีกหลายๆอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็นอาจารย์หม่อม ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ขาดมิได้ทั้งสิ้นครับ คุณ karine เป็นภาษาอะไรนะครับ ถ้าเป็นภาษาญี่ปุ่น ก็น่าหวาดเสียว ผมอ่านออกมาเสียงชอบกล คล้ายๆ กะหรี่แน้ะ นักเขียนที่ดูจะวางโครงเรื่อง มีแบบมีแผนอย่างสากล ผมเสนอ ประภัสสร เสวิกุลครับ หนังสือบางเล่มของท่านที่หยิบมาอ่านครั้งแรกๆ อ่านไป ๆ ต้องเปิดมาดูข้างหน้า เพราะงงๆว่าเป็นหนังสือแปล หรือเป็นหนังสือที่นักเขียนไทยเขียน นักเขียนไทยหลายท่านที่เขียนลงนิตยสาร บ่อยครั้งออกอาการเร่งปั่นต้นฉบับให้ทันส่งโรงพิมพ์ หลายท่านก็เห็นชัดว่าปากกาพาไปเรื่อยๆ บางท่านเขียนเรื่องแรกๆได้ดี แต่มาแผ่วปลาย ซ้ำรอยตัวเองไปมา เหมือนนักมวยไม่รู้จักสังขารตัวเอง ไม่ยอมลงจากเวทีจนเสียมวย เขียนไปเขียนมาชักออกอาการเหมือนวิกลจริต อีกท่านหนึ่งที่ชอบผลงานท่านมากๆ คือครูพนมเทียนครับ เนื้อหาสนุกสนาน เพลิดเพลินทุกเรื่อง ยิ่งเพชรพระอุมาภาคหนึ่งนี้ยกนิ้งโป้งให้สองนิ้วเลย ผมตะลุยอ่านเหมือนคนบ้า แนวรักหวานโรแมนติกก็เขียนได้ดี เช่น มัสยา สกาวเดือน รัศมีแข กัลปังหา ซึ่งแม้จะย่ำรอยเดิมบ้าง ก็ให้อภัยเพราะอ่านจบแต่ละเรื่องแล้วยังรู้สึกไม่อิ่ม ออกแนวเจมส์บอนด์ขนาดยาวอย่าง เล็บครุฑ ก็สนุกวางไม่ลงเช่นกัน ถ้าเรื่องออกแนวจักรๆวงศ์ๆ คล้ายๆพระลักษณวงศ์ผสมรามเกียรติ์ ก็ต้องอ่านศิวาราตรีครับ เริ่มแล้ววางไม่ลงเช่นกัน ครูพนมเทียนในช่วงหลัง ทราบว่าท่านปฏิบัติพระกรรมฐานอย่างเคร่งครัด เป็นผู้รักษาสัจจวาจาอย่างเคร่งครัดน่าสรรเสริญ เคารพบูชาสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีเป็นครูบาอาจารย์ ถึงกับภาวนาบทสวดมนต์ชินบัญชรวันละเป็นร้อยๆจบ ท่านคงจะฝึกถอดถอนความติดยึดในกามคุณได้อย่างก้าวหน้าเห็นผล จนเพชรพระอุมาภาค 3 ดูกร่อยๆไปหน่อยในด้านรักโรแมนติก ว่าจะพักเดี๋ยวเดียว พล่ามซะยาวเชียว ไปดีฝ่า ก่อนเจ๊จะเห็น กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 27 ธ.ค. 05, 17:47
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 27 ธ.ค. 05, 17:48 555+
Karine เป็นชื่อนักร้องท่านหนึ่งของฝรั่งเศสค่ะ เพราะงั้น Karine = การีน เป็นภาษาฝรั่งเศสค่ะ เอ....แต่ถ้าออกเสียงอย่างญี่ปุ่นก็ต้อง อกกเสียง คะ-ริ-เนะ ไม่ใช่หรือค่ะ ถ้าเป็นนักเขียนที่วางโครงเรื่องดีน่าจะเป็น วินทร์ เลียววาริณอีกท่านะค่ะ หนังสือหลายเรื่องของท่านนั้น มักจะเป็นแบบหักมุม โดยใช้ภาษาที่ค่อนข้างเป็นทางการ เช่นเรื่อง "สมุดปกดำกับใบไม้สีแดง" ที่สำคัญมักอิงกับสถานการณ์ปัขขุบันของบ้านเมืองด้วย อีกเรื่องคือ "สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน" ค่ะ เรื่องนี้ก็สนุกและก็ค่อนข้างออกไปทางวิชาการพอสมควร (ผิดพลาดประการ หรืออย่างไร อย่าว่ากันนะค่ะ ขอยอมรับว่า เรื่องนี้ อ่านไม่จบ ...555+) กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 27 ธ.ค. 05, 17:56 ออ...ใช่ๆ
นี่เป็นหนังสือที่การีนชอบมากค่ะ...น่าจะเคยอ่านกันแล้ว "กิ่งไผ่" ของ สีฟ้า ชอบตอนทำเป็นละครฉายทางช่อง 7 ด้วย พอได้อ่านแล้วก็ชอบมากขึ้น ยอมรับว่าเนื้อเรื่องก็ดูเรียบๆธรรมดาๆนะค่ะ แต่ชอบมากๆเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของ คำมั่นสัญญา ที่ตัวเอกตัวหนึ่งในเรื่องยึดถือ จนรู้สึกซาบซึ้ง ชอบมากขนาดเอามาวิจารณ์ในวิชาจิตทยาสังคมเลยล่ะค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 27 ธ.ค. 05, 18:29
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 29 ธ.ค. 05, 23:24
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 30 ธ.ค. 05, 00:03 ค่ะ...เด๊ยวการีนจะรีบไปหาอย่างรวดเร็ว
เอ...แต่ต้องรอให้ปีหน้าก่อนนิ ... เคยอ่านแต่ สามชาย ค่ะ..คล้ายๆกันไหมเนี้ย แล้วก็เคยได้ยินแต่เรื่องประชาธิปไตยบนเส้นขนานและความน่าจะเป็นบนเส้นขนานค่ะ คล้ายๆกันอีกแล้วนะค่ะ หนังสือดีมีมากมายเลยค่ะ ใครมีเรื่องอะไรดีๆอีกมาบอกกันบ้างนะค่ะ จะได้ไปหาอ่าน... ขอบคุณค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 30 ธ.ค. 05, 00:38 คุยกับพี่ที่เป็นนักอ่านหนังสือที่ทำงานถึงนวนิยายต่างๆ พี่เขาเห็นเหมือนกับคุณการีนว่างานเขียน
ของอาจารย์คุณหญิง ว. วินิจฉัยกุล ทุกเรื่อง ใช้ภาษาที่งดงาม ไพเราะ ไม่หลุดหยาบคายออกมา ก็คงไม่น่าแปลกใจ เพราะท่านเป็นครูบาอาจารย์ และ (อาจ) ไม่ได้เดินดินกินข้าวแกงแบบเราๆ (a dream-like life) ท่านเลยไม่เคยได้ยินภาษาตลาด ก็นับว่าเป็นบุญของผู้อ่าน ที่จะได้จดจำ ความงามของภาษาไทยไปใช้ และสืบทอดของดีๆงามๆเอาไว้ค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 01 ม.ค. 06, 00:57 ค่ะ....อยากให้หลายๆคน โดยเฉพาะวัยรุ่นได้อ่านหนังสือของท่านจังเลยค่ะ
เดี๋ยวนี้...ทุกคนสนใจการอ่านมากขึ้นก็จริง แต่โดยมากมักอ่านไปตามกระแส อ่านแต่เฉาพะหนังสือดังๆ ถ้าเป็นนิยาย ก็มักเป็นวรรณกรรมแปล หรือพอกเกตบุ๊คต่างๆ ซึ่งการีนเห็นว่าหนังสือเหล่านี้ก็มีประโยชน์ค่ะ แต่โดยการใช้ภาษา หนังสือเหล่านี้จะใช้ภาษาสมัยใหม่ ภาษาคะนอง และออกไปทางวัยรุ่น ซึ่งมันก็เป็นผลกระทบมากๆกับการใช้ภาษาทั้งพูดและเขียนของคนสมัยใหม่ ถ้าผู้ใหญ่หลายๆท่านเห็นคงปลงตก หรือไม่ก็คงต้องว่ากล่าวสั่งสอนกันซะหน่อย...(อย่าว่าใครเขาเลยค่ะ...การีนเองยังพูดภาษาไทย ร.เรือ ไม่กระดกลิ้นเลย...กำลังปรับปรุงตนเองอยู่) ถ้าเป็นอย่างนี้กันตลอดไป เห็นว่าคนไทยอาจใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องเป็นแน่แท้ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 02 ม.ค. 06, 11:30 พี่ Nuchan บอกแล้ว ฮ่าๆๆๆ ว่าพม่าเสียเมืองเป็นหนังสือที่ dramatic อย่างยิ่ง อ่านแล้วเห็นภาพเหมือนดูหนังเลย
น้องการีนครับ เห็นด้วยครับ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 02 ม.ค. 06, 11:37 คุณ paganini ค่ะ
วันนี้กลับไปอ่านละเอียดอีกรอบหนึ่ง ไม่รู้ว่าอาจารย์หม่อมหรือ sources ของท่านจะปนดรามา ลงไปบ้างหรือเปล่า ใจก็ไม่อยากจะคิดว่าบัลลังก์และราชวงศ์พม่าจะบาแบเรียนได้ขนาดฝังคนเป็น หรือกับการจับเจ้าพี่เจ้าน้องใส่ถุงแดง แล้วหวดด้วยไม้พลองที่กระดูกต้นคอ คือคนพุทธไม่น่าทำได้ลงคอ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 02 ม.ค. 06, 12:10 เอ ผมฟ้องอาจารย์เทาชมพูดีกว่า
อาจารย์ครับ พี่ Nuchan แกไม่ยอมอ่านประวัติศาสตร์ชาติไทยเลยครับ มัวแต่หาคน recommend อยู่นั่นแหละเลยเสียโอกาส หุหุหุหุ ประเพณี ฝังคนตามเสาหลักเมืองน่ะ คนไทยเราก็ทำครับ แต่เลิกไปในสมัยไหนต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาตอบ ใส่ถุงแดงแล้วหวดก็มีให้เห็นอย่างในเรื่องสุริโยทัยไงครับ มันเป็นประเพณีของคนแถบๆนี้ครับ คือว่ามันเป็นมาตรฐานของยุคนั้นๆน่ะครับ ในยุคนั้นสังคมนั้น เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามต้องกวาดล้างให้เกลี้ยง คนในสมัยก่อน ชีวิตมีค่าน้อยครับ ไม่ค่อยตระหนักถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์กันเท่าไหร่ ความคิดแบบมนุษยนิยมที่ว่าชีวิตทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันนี่เราได้มาจากวัฒนธัมตะวันตกน่ะครับ ซึ่งก็ไม่กี่ปีนี่เองแหละ อย่างที่อาจารย์เทาชมพูบอกแหละครับ การอ่านงานเก่ารึเรื่องราวเก่าๆถ้าเราเอามาตรฐานของยุคปัจจุบันไปวัดเหตุการณ์ต่างๆ เราอาจจะสัสนไม่เข้าใจก็ได้ครับ ปล. dramatic ของผมหมายถึงว่าเรื่องราวมันช่างกินใจ สะเทือนอารมณ์และความรู้สึกอย่างรุนแรงน่ะครับ ของเก่าเป็นไงก็ช่างแต่อาจารย์หม่อม ท่านเลือกที่จะเรียงลำดับเรื่อง เรียบเรียงถ้อยคำเพื่อสร้างความสะเทือนอารมณ์อย่างที่ว่าแหละครับ นี่คืออัจฉริยภาพของคนคิดลึกที่ชื่อคึกฤทธิ์ ครับ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 02 ม.ค. 06, 17:36
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ม.ค. 06, 22:10 การประหารแบบที่คุณ Nuchan เรียกว่าบาแบเรียน เพราะจับใส่ถุงแดงหวดด้วยไม้พลอง
ของไทยเราเรียกว่าสำเร็จโทษเจ้านายค่ะ คนสามัญไม่มีสิทธิ์ตายด้วยวิธีนี้ เป็นการประหารแบบถวายพระเกียรติว่าเป็นพระราชวงศ์ มีมาตั้งแต่อยุธยาจนถึงรัชกาลที่ ๓ เป็นสมัยสุดท้าย เจ้านายองค์สุดท้ายที่ถูกสำเร็จโทษคือหม่อมไกรสร กรมหลวงรักษรณเรศร์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ด้วยข้อหาทำผิดต่อแผ่นดินหลายประการ อย่างคุณ paganini ว่า ถ้าเอาแนวคิดปัจจุบันไปวัด คนโบราณที่เขาคิดคนละอย่างกับเรา ก็ป่าเถื่อนทั้งนั้น การประหารด้วยกีโยตีน จับพระราชาและราชินีฝรั่งเศส ตลอดจนเจ้านายและขุนนาง มัดมือไพล่หลังคุกเข่า เอาหัวพาดตรงร่องแล้วปล่อยใบมีดคมกริบหล่นลงมาตัดหัวขาดกระเด็น ท่ามกลางเสียงประชาชนโห่ร้องราวกับชมมหรสพ มันก็บาแบเรียนไม่น้อยกว่าเรา ส่วนเรื่องฝังคนทั้งเป็น เป็นตำนานที่มีมาทั้งไทย มอญ และพม่า มันก็คือการประหารหมู่ (massacre)แบบหนึ่ง นั่นเอง ฝรั่งผิวขาวกับอินเดียนแดงก็ประหารหมู่กันและกันมาเยอะ แล้วเมื่อก่อตั้งสหรัฐ ก่อนจะเป็นอเมริกาที่ยิ่งใหญ่และไม่บาแบเรียนอย่างในปัจจุบันนี้ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 02 ม.ค. 06, 22:47 ถ้าวิธีนั้นเรียกว่าการสำเร็จโทษเจ้านาย แล้วการสำเร็จโทษคนทั่วไป เดาว่าใช้เพชรฆาต
เงื้อดาบฟันคอ ให้เลือดสาดสดๆ กระเซ็นกระซ่านเช่นนั้นหรือค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 02 ม.ค. 06, 23:06 พี่นุชนาอย่างพึ่งน้อยใจนะครับ แค่แซวตามประสาพี่ๆน้องๆ อิอิอิ
แบบว่าพี่เป้นที่รักไงเลยน้องๆรุมถล่มซะ แน่นอนครับ สมัย ร.5 ยังมีการประหารโดยใช้ดาบตัดคอเลยครับ มีรูปให้ดูด้วยเป็น snapshot เลยนะจังหวะที่เพชรฆาตตัดหัวแล้วหัวหล่นจากไหล่ทีละช็อตๆ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 03 ม.ค. 06, 01:24 อือๆ
เป็นอันว่า...ความคิดที่ว่า"ป่าเถื่อน"ของคนสมัยก่อนนั้น อาจวัดไม่ได้จากพิธีกรรม ฝังหมู่ หรือประหารแบบตีศีรษะ ตัดหัว ทำนองนั้นใช่ไหมค่ะ เพราะถ้าวัดคำว่า "ป่าเถื่อน"แบบของคนปัจจุบัน คงจะเป็นเรื่องกระล่อน หลอกหลวง พูดอีกอย่าง ทำอีกอย่างมากกว่า...ว่าไหมค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 03 ม.ค. 06, 01:30 เออ...ขอถามเรื่อง เจ้าฟ้าเหม็น กรมขุนกษัตรานุชิต ได้ไหมค่ะ
เห็นว่าเป็นพระโอรสของพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่เป็นหลานของ ร.1 ด้วยใช่ไหมค่ะ...และก็ถูกสำเร็จโทษสมัย ร.2 อยากทราบความเป็นมาค่ะ ได้เรียนในวิชาอารยธรรมไทย แต่สงสัยจะหลับในไป เลยจดมาครึ่งๆกลางๆ และอยากทราบต่ออ่ะค่ะ หรือ จะหาอ่านได้จากหนังสือเล่มไหนไหมค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ม.ค. 06, 11:18 การสำเร็จโทษแบบไทย ล้วนมีเหตุผลที่มาในตัวของมันค่ะ จะเรียกว่ามีวัฒนธรรมก็ได้
คือมาจากความเชื่อว่าพระโลหิตเป็นของสูง ห้ามตกต้องพื้นดิน จึงไม่ใช้วิธีประหารแบบตัดคอ ถุงแดงเป็นที่ซับเลือดหากว่าจะออกจากพระกาย ส่วนไม้ที่ทุบตรงคอต่อ ใช้ไม้จันทน์ซึ่งเป็นไม้หอม ถือว่าเป็นของสูงเช่นกัน ไม่ใช่ไม้พลองกระบองสั้นอะไรตามใจชอบ ส่วนพม่าใช้ไม้อะไรดิฉันไม่ทราบ เรื่องเจ้าฟ้ากรมขุนกษัตรานุชิต รอท่านอื่นมาตอบดีกว่าค่ะ ดิฉันไม่มีหนังสืออยู่ใกล้มือ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 03 ม.ค. 06, 22:18 แง่มๆ
ค่ะๆ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 03 ม.ค. 06, 22:37 วันนี้ไปพบหนังสือเรื่อง "พระจอมเกล้าฯ พระผู้เปิดประตูอารยธรรมสู่อารยประเทศ" บนชั้นที่บ้านค่ะ
หนังสือกล่าวว่าหม่อมไกรสรเป็นฝ่ายกีดกันไม่ให้ ร. 4 รับราชสมบัติ และประจบประแจง ร. 3 มาก เอ..แล้วอย่างนี้จะต้องโทษประหารใน ร. 3 หรือ ร.4 กันแน่ค่ะ เผอิญหนังสือไม่ได้โฟกัสมาที่เจ้านายองค์นี้ เลยมีข้อมูลไม่มากค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 04 ม.ค. 06, 00:15 เท่าที่ผมจำได้เลาๆนะ หม่อมไกรสรถูกถอดยศเพราะเล่นเพื่อนรึเปล่าครับ น่าจะมาจากหนังสือโครงกระดูกในตู้นะครับ
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 06, 01:05 หม่อมไกรสรถูกสำเร็จโทษในรัชกาลที่ ๓
มีผู้ถวายฎีการ้องเรียนขึ้นมาก่อน เมื่อโปรดเกล้าฯให้สอบสวนชำระความ ก็ได้พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องอีกหลายเรื่อง เรื่องหลงรักนางละครนอก (ที่เป๋นชาย) จนเป็นสวาทกัน( คำนี้แปลว่า ชายรักชาย)ก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงที่สุด เรื่องร้ายสุดคือทรงให้การว่าถ้าสิ้นแผ่นดินรัชกาลที่ ๓ แล้วก็จะไม่ยอมเป็นข้าใคร หมายถึงว่าจะก่อกบฎต่อผู้ที่ขึ้นตรองราชย์ต่อนั่นเอง จึงถูกสำเร็จโทษ หม่อมไกรสรเคยเป็นเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจมากที่สุดพระองค์หนึ่งในต้นรัชกาลที่ ๓ ทรงกำกับการกรมสังฆการี คือกรมควบคุมพระ ท่านไม่ชอบเจ้าฟ้ามงกุฎอย่างมาก เมื่อเจ้าฟ้ามงกุฎทรงสถาปนาธรรมยุติกนิกายขึ้น หม่อมไกรสรก็เป็นปรปักษ์ใหญ่ที่ตามราวีพระสงฆ์นิกายใหม่ เช่นตักข้าวต้มร้อนๆใส่บาตร พระจะทิ้งบาตรก็ไม่ได้ เสียความสำรวม ต้องอุ้มบาตรมือพองกลับวัด เมื่อหม่อมไกรสรถูกสำเร็จโทษ ความทราบถึงเจ้าฟ้ามงกุฎ ก็ทรงสร้างพระขึ้นมา เรียกว่าพระไพรีพินาศ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 04 ม.ค. 06, 03:55 อาจารย์ครับ
ยศเดิมของหม่อมไกรสร คืออะไรครับ หนังสือโครงกระดูกในตู้ของผมหายไปนานแล้ว เขาเป็นพระโรสในรัชกาลที่ 2 ใช่ไหมครับ พี่ Nuchan และท่านอื่นๆครับ ช่วงวันหยุดปีใหม่นี้ผมนอนดึกครับ ดู DVD ทุกคืน ล่าสุดดูเรื่อง The Godfather I และ II เลยได้ความคิดที่จะเปรียบเทียบครับ ไม่ทราบว่าทุกท่านเคยดูมั้ยหนังสองเรื่องนี้ ซึ่งผมถือว่าเป็น a work of art เลยทีเดียว ศิลปะการทำภาพยนต์นับเป็นรูปแบบที่สูงที่สุดอย่างหนึ่งของศิลปะเลยทีเดียว เพราะผมคิดว่ามันเป็นการผนวกเอาศิลปะในหลายด้านไม่ว่า การถ่ายภาพ การจัดฉาก สร้างฉาก เครื่องแต่งกาย(ทัศนศิลป์) การแสดง การกำกับ(จิตวิทยา และการจัดการ) ดนตรีประกอบ(มีส่วนอย่างมากในการสร้างอารมณ์) บทภาพยนต์ เนื้อเรื่อง (วรรณศิลป์) และอีกหลายอย่างที่ยังนึกไม่ออก เมื่อไหร่ที่มีเอามารวมกันอย่างเหมาะเจาะ งานนั้นจะเป็นงานศิลป์ชั้นเลิศไม่แพ้ Symphony No.9 ของ Beethoven หรือ มหาวิหาร St.Paul ที่โดมออกแบบโดย Michelangelo เลยทีเดียว หนังสองเรื่องนี้เป็นตัวแทนของลักษณะ supreme art ที่ผมหมายถึง หลังจากดูหนัง 2 เรื่องนี้หลายต่อหลายรอบในหลายต่อหลายปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าแต่ละครั้งได้ความรู้สึก ความเข้าใจ ได้อะไรที่แตกต่างออกไปในแต่ละครั้งที่ดู นี่ทำให้ผมอยากจะนิยามว่า งานศิลป์คืองานที่เสพได้หลายครั้ง เสพได้หลายแง่มุม แต่ละครั้งที่เสพมักจะเกิดอะไรขึ้นกับจิตวิญญาณของผู้เสพ นี่แหละนะที่เขาใช้คำว่า "เสพ" กับงานศิลป์ ผมละอยากจะกราบเท้าปราชญ์ท่านแรกที่ใช้คำนี้กับงานศิลป์จริงๆ อ้าวเฮ้ย หลงประเด็นแล้วเรา กลับมาครับ คืออยากจะคุยต่อกับพี่นุชนาว่า dramatic scene ในเรื่องพม่าเสียเมืองนั้น อย่างเช่นตอนที่พระเจ้ามินดุงกำลังประชวรหนักใกล้จะเสด็จสวรรคต พระเจ้าสีป่อกำลังจะขึ้นเถลิงบัลลังก์แห่งบุรีรัตนะอังวะ(ชอบจริงๆคำนี้ อิอิอิ) มีการฉวยโอกาสกำจัดศัตรูทางการเมืองในตอนนั้น แล้วพระเจ้ามินดุงนอนบ่นว่า ป่านนี้ลูกเราคงไปถึงตรงนั้นแล้ว ตรงนี้แล้ว ฟังแล้วใจหายครับ หรือตอนที่พระนางศุภยลัตทรงจัดให้มีงานรื่นเริงในขณะเดียวกันก็จัดให้มีการปลงพระชนม์หมู่บรรดาพระราชวงศ์เพื่อตัดเสี้ยนหนามของพระราชบัลลังก์ ทำให้ผมนึกถึง dramatic scene ในเรื่อง The Godfather เลยทีเดียว ถ้าเคยดู ลองนึกถึงภาค 1 ตอนจบสิครับที่เกิดการพิฆาตศัตรูฝ่ายตรงข้าม ในระหว่างที่พระเอกไปทำพิธีตั้งชื่อแก่ godson ในโบสถ์หรือไม่ก็ภาค 2 ตอน Vito Corleone ไปตามฆ่า Don Fanucci 2 ฉากที่ยกมานั่นเร้าอารมณ์ สะเทือนอารมณ์อย่างสูง นี่แหละครับที่ผมพยายามสื่อความหมายคำว่า dramatic ซึ่งด้วยผมมันด้อยความสามารถทางภาษาอังกฤษ ผมก็เลยไม่รู้ว่าผมใช้คำได้ถูกความหมาย หรือถูกต้องตามที่อยากจะสื่อหรือไม่ วานอาจารย์เทาชมพูช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ ปล. The Godfather ทั้ง 3 ภาคเนื้อหารุนแรง ไร้ศีลธรรมไม่เหมาะแก่เยาวชนและสตรีมีครรภ์ แต่ถ้ามองด้วยจิตที่สูงไปกว่านั้น มันคืองานศิลป์ชั้นยอดครับ ถ้ามีคนเคยดูหรือเคยอ่านไว้ค่อยยกยอดไปคุยกันที่กระทู้ใหม่นะครับ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 04 ม.ค. 06, 07:45 ก่อนจะให้อาจารย์เทาฯแก้ไขภาษาอังกฤษให้ สิ่งที่จะโดนแก้ก่อนคือภาษาไทยคำว่า "วาน" ค่ะ
ในบริบท "วานอาจารย์เทาชมพูช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ" อาจารย์เคยติงคุณศรีปิงเวียงไปที่หนึ่งแล้ว คำนี้ไม่ใช้กับผู้อาวุโสกว่าค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 04 ม.ค. 06, 09:13 เฮ้ พี่ Nuchan คำว่าผู้อาวุโสคงต้องใช้กะพี่มากกว่านะ
อาจารย์เทาชมพูพึ่งจะได้รับปริญญาไปเมื่อเร็วๆนี้เองนะครับ ฮ่ะๆๆๆๆ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 04 ม.ค. 06, 09:31 ถึงว่าซิ พูดถึงปริญญา ไม่รู้ว่าปริญญาใบนี้อาจารย์จะแลนด์ตรงไหน ฝาบ้านอาจารย์หมดเนื้อที่แล้วน่ะ
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 04 ม.ค. 06, 09:35 ล้อเล่นน่ะครับพี่ Nuchan
เอาเป็นว่าขอบคุณที่มาบอกครับเพราะว่าผมก็พึ่งจะรู้นะครับว่าวานใช้กับผู้อาวุโสกว่าไม่ได้ แต่ทีนี้ผมจะดื้อดึงนิดนึงว่าในเวปบอร์ดแห่งนี้เป็นเวปปัญญาชน เราต่างชื่นชมนับถือ ในสติปัญญาของกันและกัน ต่างก็ถอดหัวโขนในชีวิตจริง แล้วมาคุยแลกเปลี่ยนกันในสิ่งที่ชอบตรงกันที่นี่อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน คุยกันอย่างเสรีไม่ต้องเกรงใจ เปรียบเสมือนเพื่อนกันทางปัญญา โดยตัวผมเอง ผมทึกทักเอาว่าด้วยบุคคลเช่นอาจารย์เทาชมพูท่านไม่ถือสาหาความอะไรกับเรื่องแค่นี้หรอกครับ ท่านมองที่เนื้อหา เจตจำนง ที่ผู้โพสต์แต่ละคนต้องการจะสื่อมากกว่าครับ (หรือเปล่าครับ อาจารย์ อิอิอิ กลัวหน้าแตก) กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 04 ม.ค. 06, 09:42 คุณศรีปิงเวียงคะ คำว่า วานช่วยแปลให้หน่อย เขาใช้กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน หรือไม่ก็รุ่นน้อง
ถ้าไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายอายุเท่าไร แต่มากกว่าคุณ ใช้คำว่า ขอความกรุณาช่วยแปลให้ผม จะขอบคุณมากครับ ก็จะน่าฟังแบบไทยๆมากกว่าค่ะ เปิด sms ด้วยค่ะ Top secret! กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 17 ม.ค. 06, 17:12 คุณพี่นุชนาเคยกล่าวถึงเรื่อง อุดมการณ์บนเส้นขนานมาแล้ว เผอิญผมเคยทำรายงานกลุ่มเรื่องนี้(โดยไม่มีหนังสือจริง ๆ ) มาแล้ว ผลปรากฏว่าผ่านไปได้ด้วยดี
อรุณมนัย (อรุณ นนทแก้ว) แต่งเรื่องนี้โดยใช้ประสบการณ์จริงที่ได้มีโอกาสพบกับอาสาสมัครชาวต่างชาติ จากที่ได้พบอาสาสมัครฝรั่งชายหญิงผู้มีทรรศนะเมืองไทย(สมัยจอมพลถนอม)ต่างกัน และจากที่ได้ไปต่างประเทศเป็นพื้นหลัก อรุณมนัยเรียกงานชิ้นนี้ว่าเป็นสารนิยาย เพราะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง (ยังมีต่ออีก) กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 17 ม.ค. 06, 23:41 จำได้ว่าในหนังสือ "สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์" ของคุณปรามินทร์ เครือทอง เคยตั้งสมมติฐานไว้ว่าอาจจะไม่ได้ใช้วิธีทุบ เพราะเคยมีบันทึกว่าใช้ทิ่มด้วยท่อนจันทน์ เดาเอาว่าใช้วิธีตำบนหน้าอกจนช้ำในตายไปครับ
สยองนะ เรื่องการสำเร็จโทษพระเจ้าตาก ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันเรื่องใส่ถุงแดงแล้วทุบด้วยท่อนจันทน์ เพราะตอนเด็กๆผมก็เคยอ่านเจอเหมือนกัน ความจริงในพงศาวดารบันทึกฉากนี้ไว้อย่าง dramatic เหมือนกัน คือให้เจ้าพระยาจักรีทรงให้เจ้าพนักงานนำพระเจ้าตากไปสำเร็จโทษ พระเจ้าตากขอพบ แต่เจ้าพระยาจักรีโบกมือปฏิเสธ จึงถูกนำไปสำเร็จโทษโดยการบั่นพระเศียรครับ เรื่องนี้นี่เองที่อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าพระเจ้าตากไม่ได้รับการยอมรับและปฏิบัติในฐานะเจ้า แม้แต่การประหารก็ไม่ได้ทำโดยวิธีสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ครับ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Peking Man ที่ 18 ม.ค. 06, 12:10 แวะเข้ามาอ่าน เห็นว่ามีเกี่ยวกับการประหาร ผมขอเสนอวิธีที่น่าสนใจของจีนบ้างนะครับ
คำเตือน ถ้าขวัญอ่อน "อย่าอ่านและคิดตาม" หนึ่ง "ไคโข่วเซี่ยว ยิ้มปากกว้าง" เป็นการง้างปากนักโทษให้อ้าแล้วกระทุ้งกระบองลงไปจนออกมาทางทวารหนัก สอง "ถิงจ้าง โบยที่หน้าลานพระราชวัง" เป็นการให้ผู้ต้องโทษคุกเข่าลงแล้วใช้ไม้โบย ในบางกรณีอาจตายได้ ในสมัยราชวงศ์หมิง ได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ตามบันทึกพนักงานโบยสามารถโบยให้นักโทษขาดใจตายโดยไม่มีแผลแม้แต่นิดเดียว (เคล็ดลับว่ากันว่าพนักงานโบยฝึกโดยการโบยเต้าหู้เต็มแรงแต่ว่าห้ามไม่ให้เต้าหู้่แหลก) สาม "เชียนเตาเกอ เฉือนด้วยมีดพันครั้ง" บางกรณีตรึงนักโทษไว้กับเสา บางกรณีให้นอนลงบนแผ่นกระดานแล้วค่อย ๆ เถือเนื้อออกมาทีละชิ้นเล็ก ๆ จนตาย (มีการแบ่งโทษหนักเบาโดยจำนวนครั้งที่ถูกเฉือนเนื้อ ตามบันทึกราชวงศ์หมิง มีการประหารผู้คิดก่อรัฐประหาร (หลิ่วจิ่น) โดยวิธีนี้กว่านักโทษคนนี้จะตายใช้เวลา สามวัน เฉือนเนื้อไปแล้ว พันกว่าชิ้น) สี่ "ลั่ว นาบเสาทองแดงเผาไฟ" เป็นการประหาร(ในตำนาน หรือเปล่า)นักโทษในราชวงศ์ซางก่อนจะล่มสลาย จับนักโทษไปนาบกับเสาทองแดงที่ข้างในจุดถ่านเอาไว้ ห้า "ฉิ่งจุนรู่เวิง เชิญท่านเข้าหม้อเถิด" ตามบันทึกพงศาวตารเกิดขึ่นในสมัยบูเช็กเทียน เหตุมีอยู่ว่า อยู่มาวันหนึ่ง พระนางบูได้ข่าวความโหดร้ายทารุณนี้จึงไปถามผู้ที่จัดการให้มีการลงโทษแบบนี้ขึ้น (จำชื่อขุนนางคนนี้ไม่ได้แล้ว) แล้วถามอย่างละเอียดถึงขั้นตอนทั้งหลาย พอน้ำในหม้อเดีอดแล้ว พระนางบูก็เอ่ยขึ้นว่า เชิญท่านเข้าหม้อเถิด... หก "ปัวผี ถลกหนัง" มีมานานตั้งแต่สมัยสามก๊ก แต่ได้รับความนิยมในสมัยหมิง โดยเฉพาะหมิงตอนต้น มักจะใช้กับมหาโจร และข้าราชการที่ประพฤติมิชอบแต่ก็มีในบางโอกาสที่ขุนนางตงฉินถูกขันทีสั่งถลกหนังเหมือนกัน ส่วนมากจะใช้มีดกรีดไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ พยายามลอกหนังให้ได้เป็นชิ้นเดียวโดยที่นักโทษยังไม่ตายหลังจากนั้นจะนำหนังไปฟอก ฟอกเสร็จบ้างก็เอาไปยัดนุ่นหรือฟางแขวนไว้หน้าที่ทำการเขตไม่ให้ผู้คนเอาเยี่ยงอย่าง ในบางกรณีนำหนังมาใส่โครงแล้วทำเป็นโคมแขวนไว้หน้าที่ทำการเขตยามค่ำคืน เจ็ด "ซูสี่ แปรงขัด" ใช้แปรงลวด กับน้ำต้มร้อน จัดให้นักโทษนอนอยู่กับที่ บ้างก็ว่าจับตรึงให้อยู่กับเสา สาดน้ำร้อนลงไปบนเนื้อจนสุก แล้วใช้แปรงลวดขัดเนื้อที่สุกออก ทำจนนักโทษตาย แปด จำชื่อไม่ได้ แต่เป็นการเอาไม้สองแผ่นประกบนักโทษ แล้วใช้เลื่อยผ่่าครึ่ง เก้า จำชื่อไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่อันนี้ฟังดูดีหน่อย จัดการตรึงนักโทษไว้บนเตียง ใช้กระดาษชุบน้ำโปะหน้าทีละแผ่น จนหายใจไม่ออกและขาดใจตาย นอกจากนี้ยังมีโทษประหารอื่น ๆ อีกแต่เนื่องด้วยไม่ค่อยแปลกใหม่ เลยไม่ได้ยกมา นอกจากนี้แล้วก็ยังมีโทษที่แย่ยิ่งกว่าตายสำหรับผู้ชายซึ่งก็คือ "กงสิง โทษตัดอวัยวะสืบพันธ์ (ในกรณีนี้ถ้าพนักงานตอน ทำพลาดและนักโทษตาย นับว่ามีโทษหนัก)" หากว่าเป็นการลงโทษที่ทารุณยิ่งกว่าตาย น่าจะเป็นการที่มเหสีของพระเจ้าฮั่นเกาจู่จัดการกับสนมของพระเจ้าฮั่นเกาจู่หลังจากพระองค์สวรรคตแล้ว หลู่ว์โฮ่วสั่งให้ทหารไปจับสนม (หรูอี้ฟูเหริน) มาจัดการตัดแขนตัดขา ควักตาตัดลิ้นออก แล้วเอาไปโยนไว้ในเล้าหมู หวังว่าทุกคนคงจะไม่อ่านแล้วอยากจะอ้วก... กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: คำฝอย ที่ 18 ม.ค. 06, 17:55 คุณ Peking man ทำไมแต่ละอย่างมันน่ากลัวจังล่ะคะ อ่านแล้วสยองมากเลยค่ะ ดิฉันโผล่เข้ากระทู้นี้เจอฉากประหารพอดี แหะ แหะ
เห็นคุยเรื่องหนังสือ พม่าเสียเมือง เคยอ่านตอน ม. 2 น่ะค่ะ อ่านไปก็กลัว ผีไปด้วย ตอนนี้ดิฉันอ่าน หนังสือชุด นาเนีย เล่ม 1 ค่ะ อ่านได้วันละ 2-3 หน้า แล้วก็หลับไป เคยอ่านตอนเป็นเด็ก เรื่องเมืองในตู้เสื้อผ้า น่ะค่ะ ตอนนี้เลยอยากจะอ่านทั้งชุด อยู่นี่มีแค่ 2 ตัวเลือก คือ ไม่อังกฤษ ก็ เยอรมัน เลย เลือกอังกฤษ ถึงได้อ่านได้ทีละ 2-3 หน้าไงคะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 18 ม.ค. 06, 23:55 น่ากลัวๆ...ทำไมคนเราทำกันได้ ??
จนบัดนี้ ข้าพเจ้า...ก็ยังไม่ได้อ่าน "พม่าเสียเมือง ซะที... เคยอ่านนาเนียอยู่เล่มนึงค่ะ ตอนเจ้าชายแคสเปี้ยน...นานมากแล้ว...จำเรื่องแทบไม่ได้ แต่จำได้แม่นยำว่า...อ่านภาษาไทยค่ะ 555+ แต่ตอนนี้นึกออกอยู่หลายๆเรื่องที่เคยของ ลักษณาวดี ค่ะ มหารานี ธุวตารา เลือดขัตติยา มงกุฎที่ไร้บังลังก์ คิดว่าเรื่องเหล่านี้มีลักษณะเหมือนกัน คือ เป็นเรื่องแบบเจ้านาย มีเจ้าหญิงเป็นตัวเอกที่เด่นกว่าเจ้าชายโดยมาก เพราะเจ้าหญิงมักต้องเป็นคนที่ลำบากกว่า มีสถานภาพเป็นองค์ที่ไม่มีอิทธิพล แต่มักถูกทำนายทายทักว่าจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเสมอ (อิ อิ) โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าพล๊อตเรื่องค่อนข้างไปทางที่เดาได้ แต่ภาษาที่ใช้ก็สวยงาม และแทรกข้อคิดไว้ด้วย การีนชอบค่ะ...ทุกท่านว่าอย่างไรบ้างค่ะ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 21 ม.ค. 06, 11:07
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 21 ม.ค. 06, 11:21
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: วรรณวรรธน์ ที่ 22 ม.ค. 06, 16:45 เท่าที่เคยอ่านสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ เคยมีเจ้านายอยู่พระองค์หนึ่ง น่าจะเป็นหม่อมไกรสรนี้กระมังคะ(หากจำผิดขออภัย) ที่ถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ แล้วขณะที่ถูกสำเร็จโทษด้วยความที่เพชฌฆาตหลาดกลัวท่านมาก เลยตีผิดจุด ไม่ถูกจุด"ตาย" ท่านก็เลยลุกขึ้นมาตำหนิว่า "อ้ายพวกนี้สอนไม่รู้จักจำ"
เลนคิดว่าศิลปะการประหารชีวิตนี่เป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนนะคะ เพราะถ้าหากไม่ทุบให้ถึงจุดตาย คนต้องโทษจะทรมานมากกว่าจะเสียชีวิต ถ้าเป็นรอยข้อต่อระหว่างกระโหลกกับท้ายทอยทุบไม่ต้องแรงมาก ออกแรงกระชากหน่อย ก็หลุดออกจากกัน ตัวเองก็เลยคิดอยู่เสมอว่า การประหารด้วยท่อนจันทร์ น่าจะเป็นการทุบตรงจุดนี้มากกว่า จุดอื่นของร่างกาย ......อ่า...เขียนเองชักจะกลัวเองค่ะ ...ผ่านไปก่อนดีกว่าค่ะ.... :) กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 22 ม.ค. 06, 17:16
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 22 ม.ค. 06, 17:23
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 23 ม.ค. 06, 03:15 คุณติบอ อิฉันขอแก้ไขข้อความของคุณค่ะ
(ถ้าไม่รีบชี้แจงความจริงแก่สาธารณะชน อาจถูกยึดวุฒิฯคืนได้ เกรงใจคณาจารย์ทั้งหลายที่อุตส่าห์พร่ำสอนมา) ที่จริงไขสันหลังมีอยู่ตลอดแนวกระดูกสันหลังนะคะ กระโหลกและกระดูกสันหลังเป็นกระดูกแกนของร่างกาย มีหน้าที่สำคัญในการป้องกันอันตรายให้กับระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งก็คือสมองและไขสันหลัง (สำหรับระบบประสาทส่วนปลายหรือพวกเส้นประสาททั้งหลาย ที่แตกกิ่งก้านสาขาไปตามอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย จะมีมัดกล้ามเนื้อและเนื่อเยื่ออื่นๆคอยระวังอันตรายให้ค่ะ) แล้วทำไม สมองกับไขสันหลังจึงต้องมีห้องหับพิเศษแน่นหนาขนาดนั้น... ก็เพราะว่าทั้งสมองและไขสันหลังเป็นเหมือน CPU ของชีวิตมนุษย์เรานี่ไงคะ CPU เจ๊งก็เรียนร้อยกันเท่านั้น อีกอย่างมันยังไม่มีอะไหล่สำรองให้เปลี่ยน นักประสาทวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็คงศึกษากันต่อไปหละค่ะว่าจะหาอะไหล่ให้ระบบประสาทได้ไหม ทั้งในสมองและไขสันหลังจะมีแผนที่...เอางี้ดีกว่าค่ะ ...จะมี job description ของตัวเองว่าพื่นที่ส่วนไหนในสมองหรือในไขสันหลัง จะควบคุมอวัยวะชิ้นไหนในร่างกาย ที่นี้ พุ่งประเด็นมาที่ไขสันหลังอย่างเดียว (ก็คุณติบอ เปิดประเด็นด้วยไขสันหลังส่วนคอนี่คะ) ถ้าเราจินตนาการว่า ไขสันหลังทั้งแท่ง (ซึ่งยาวประมาณจากต้นคอถึงบั้นเอว) แบ่งออกเป็นเหมือนไม้ไผ่เรียงต่อกันจนเป็นแท่งเรียว 31 ปล้อง ปล้องสูงๆ ก็มีหน้าที่ดูแลอวัยวะสูงๆ เช่นหน้า คอ ไหล่ แขน ปล้องที่อยู่ต่ำๆ ก็มีหน้าที่ดูแลอวัยวะที่ต่ำลงมา เช่นท้อง สะโพก เข่า ขา ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้ค่ะ ถ้าคอเคลื่อน คอหัก แล้วไขสันหลังที่คอถูกกระแทก (และถ้าjob description ของไขสันหลังปล้องนี้ คือ ควบคุมกล้ามเนื้อคอ) อวัยวะทั้งหลายแหล่ที่อยู่ต่ำกว่าอำนาจบัญชาการของเจ้าไขสันหลังปล้องนั้น จะไม่ทำงานเลย เรียกง่ายๆ ว่า ขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้ทั้งตัว ทำได้ก็แค่อ้าปากพูด แต่ถ้าไขสันหลังปล้องต่ำสุด เช่นไขสันหลังระดับบั้นเอว ได้รับอันตราย (และสมมติว่า job description ของไขสันหลังปล้องนี้ คือ ควบคุมกล้ามเนื้อตั้งแต่หัวเข่าลงไปถึงปลายเท้า) อันตรายอย่างมากก็แค่ขยับขาท่อนล่างไม่ได้ แต่ขาท่อนบน ลำตัว มือ แขน คอ หน้า ยังใช้การได้ดีทั้งหมด คุณติบอต้องระวังคอคุณไว้ดีๆ นะคะ ถึงแม้อิฉันมีหน้าที่ฝึกหัดผู้พิการให้ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ก็ไม่อยากให้คุณมาเป็นผู้รับบริการจากอิฉันหรอกนะ ขออภัยดังๆ ด้วยค่ะที่หักมุมกระทันหัน กระทู้หนังสือน่าอ่านต้องกลายเป็นข้อความเกี่ยวกับกายวิภาคของไขสันหลังซะงั้น โทษคุณติบอคนเดียวเลย กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 23 ม.ค. 06, 03:18 อ้าวนั่น...บรรทัดที่สอง คหพ 108 "สาธารณะชน"
คำไหนสะกดถูกคะนี่ "สาธารณะชน หรือ สาธารณชน" อิฉันว่ามันต้องไม่มีสระอะนา กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 23 ม.ค. 06, 05:14 เห็นความเห็นของพี่ชื่นใจแล้ว ชื่นใจแฮะ (มีพี่สายใกล้ๆ - หรือไม่ก็สายเดียวกันมาคุยเพิ่มอีกคนละครับ เอิ๊กๆ /ที่จริงถ้าเป็นสายใกล้ๆบางสายก็สู้รบตบมือกันสุดฤทธิ์เหมือนกันนะเนี่ยะ ฮ่าๆ/)
แต่ผมว่า เราย้ายห้องไปเปิดกระทู้ในห้อง vHealth จะดีกว่ามั้ยครับ ห้องเขายิ่งเงียบๆอยู่ด้วยอ่ะครับ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 23 ม.ค. 06, 05:39
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Peking Man ที่ 23 ม.ค. 06, 11:09 มีโทษประหารของมองโกลชนิดหนึ่งเช่นกันครับที่ใช้ท่อนซุง แต่เขาไม่ใช้ซุงมาทุบนะครับ เขาใช้ซุงมาดามหลัง แล้วก็ทำการ "หัก" ตัวของคนครับ ถือว่าเป็นการประหารนักโทษชั้นสูงเหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิด เจงกิสข่านก็จัดการฆ่าพี่น้องร่วมสาบานด้วยวิธีนี้ครับ
กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 24 ม.ค. 06, 02:11 เหอๆ หึๆ คุณติบอนะคุณติบอ เล่นเปิดประเด็นแบบชวนให้อิฉันหลงเข้าใจผิด ...
ไอ้เจ้าประโยคนี้ของคุณเนี่ย..."ที่จริง กระดูกสันหลังก็เป็นข้อต่อ เหมือนส่วนอื่นๆในร่างกายแหละครับ ที่หลุดได้เคลื่อนได้ (บางคนเคลื่อนไปตั้งนานแล้ว ยังไม่รู้ตัว ไม่สนใจจะรักษาก็มี ทั้งๆที่อันตรายนะนั่น) แต่มันอันตรายกว่าข้อต่ออื่นๆตรงที่ว่าในกระดูกสันหลังส่วนนี้มีไขสันหลังอยู่ไงครับ"... แวบแรกที่อิฉันอ่านจบ อิฉันเข้าใจไปว่า ..."กระดูกสันหลังส่วนนี้มีไขสันหลังอยู่ไงครับ"... ที่คุณอ้างอิงหนะหมายความเฉพาะเจาะจงไปที่กระดูกสันหลังส่วนคอ เพราะมีภาพ Aspen CTO ชี้นำอยู่ที่ตอนต้นข้อความ อันที่จริงเมื่อตามไปอ่านกระทู้ http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=146&Pid=44254 จึงพอจะประติดประต่อได้ว่าคุณมีเจตนาที่สื่อ "สาร" ใดออกไป แต่บังเอิญสารที่ว่าถูกบิดเบือนเล็กน้อย (เนื่องจากลักษณะการ "สื่อ" - ไม่ใช่ที่ตัวผู้สื่อหรือตัวผู้รับค่ะ) ผลเลยกลายเป็นว่า 1. อิฉันปล่อยไก่ ซ้ำเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน เพราะอ่านไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด 2. คุณควรพึงระวังการใช้ภาษาเขียนสักนิด จากตัวอย่างนี้ แวบแรกที่อิฉันอ่าน ยังหลงเข้าใจผิดเลย ที่จริงคุณใช้ภาษาเขียนได้ถูกต้องเลยหละ แต่อาจต้องใส่ใจบริบทของข้อความทั้งหมดหรือของประโยคนั้นหรือตรวจทานคำขยายที่ประกอบอยู่อีกนิด ...ถ้าคิดถึงแค่ประโยชน์เฉพาะหน้า เวลาคุณทำข้อสอบที่ต้องเขียน อาจารย์ที่ตรวจข้อสอบก็จะไม่เข้าใจสารที่คุณต้องการสื่อผิดไปไงคะ น้องๆ นักเรียน นักศึกษา เวลาที่ต้องเขียนข้อความที่เป็นเรื่องเป็นราว ก็อย่าลืมพิจารณาว่าลักษณะการเขียนของเรา สื่อ "สาร" ได้ตรงกับเจตนาของเราหรือไม่นะคะ คุณติบอคงไม่ถือสานะ สำหรับความคิดเห็นของอิฉัน ขอเชิญทุกท่านไปทำความรู้จักไขสันหลังของเรากันได้ที่ห้องสุขภาพ บอกทางไปไว้ให้แล้วค่ะ ...หน้าม้าเห็นๆ กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: กอประกาญจน์ ที่ 30 ม.ค. 06, 11:23 มาขอร่วมวงคนเคยอ่าน "เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก" ด้วยคนค่ะ เคยอ่านตั้งแต่ลงเป็นตอนๆ ในสตรีสารภาคพิเศษโน่นแน่ะค่ะ ตอนนั้นดิฉันยังอยู่ประถมต้นอยู่เลยค่ะ ชอบมากจนพอรวมเป็นเล่มก็ขอให้คุณแม่ซื้อให้ แต่ตอนนี้ไม่ทราบไปไหนแล้วค่ะ (คือเวลาผ่านมานานมากแล้ว ประกอบกับย้ายบ้านด้วย)
เรื่องอื่นๆ ที่เอ่ยถึงกันมาโดยมากดิฉันก็มีโอกาสอ่านเช่นกันค่ะ อุดมการณ์บนเส้นขนาน ใต้ฟ้าสีคราม (เรื่องนี้เป็นนวนิยายเรื่องแรกที่อ่านค่ะ อยู่ป. 2 อ่านจากสตรีสารเหมือนกัน) หนังสือของคุณชายคึกฤทธิ์อีกหลายๆ เล่ม นกกางเขนก็ได้อ่านค่ะ แล้วแม่ไก่นันทานี่อยู่ในหนังสืออะไรคะ ไม่ทราบใครจำได้บ้าง ดิฉันจำได้แต่ว่าอ่านแล้วร้องไห้แทบแย่ ตอนเด็กๆ อ่านหนังสือมากค่ะ อ่านทุกประเภท คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนให้อ่านและท่านก็มีหนังสือเยอะ ประจวบกับใกล้บ้านมีห้องสมุดด้วยค่ะ ปิดเทอมเป็นต้องไปยืมหนังสือมาอ่าน ชุดที่ชอบยืมที่สุดคือหนังสือชุดบ้านเล็กค่ะ (ซื้อเก็บด้วยค่ะ ตอนนี้เขาพิมพ์ใหม่อีกแล้ว ก็ซื้อมาอีกค่ะ มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเลย) พอโตมากลับได้อ่านหนังสือหลากหลายน้อยลงค่ะ มัวแต่อ่านหนังสือนอกเวลาเสียเป็นส่วนใหญ่ ดิฉันคงเป็นรุ่นน้องอาจารย์เทาชมพูค่ะ รุ่นดิฉันอาจารย์ให้อ่านหนังสือเทอมละหลายๆ เล่ม ไหนจะต้องอ่านหนังสือประกอบการทำรายงานอีก ตอนนี้ทำงานแล้ว ช่วงไหนงานไม่ยุ่งมากก็จะได้อ่านหนังสือบ้างค่ะ แต่อ่านหนังสือไม่ค่อยมีสาระเท่าไร อ่านไปทั่วๆ ค่ะ กะว่าจะไปซื้อหนังสือคุณปองพลมาลองอ่านบ้างเหมือนกัน ท่าทางน่าสนใจดี อ่านกระทู้หลังๆ เรื่องสำเร็จโทษแล้วเสียวสันหลังอย่างไรพิกลค่ะ ตามไปอ่านกระทู้สุขภาพบ้างดีกว่า กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 14 ก.พ. 06, 14:08 เรื่องการประหารชีวิตของไทยนั้น ฝรั่งว่าป่าเถื่อน แต่ถ้าคิดถึงคนที่ถูกประหารผมว่า น่าจะไม่เป็นการทรมานผู้ถูกประหารมากกว่า เพราะการสำเร็จโทษเจ้านายโดยใช้ท่อนจันทน์ทุบที่ต้นคอเพียงทีเดียวนั้นก็ถึงแก่ความตายแล้ว รวมทั้งการตัดคอที่ใช้ดาบตัดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ที่คอก็จะทำให้ตายในทันทีเช่นเดียวกัน แต่สำหรับคนดูออกจะน่ากลัวอยู่สักหน่อย ผมเคยไปค้นรูปที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติสมัยนั้นยังไม่มีการแยกภาพเป็นหมวดหมู่เช่นปัจจุบัน วันหนึ่งดูภาพเหตุการณ์ในสมัยรัชกาลที่ ๖ พลิกไปพลิกมาไปเจอภาพประหารชีวิตนักโทษ เรียงลำดับตั้งแต่เอานักโทษเข้าหลักประหารจนถึงตัดหัวแล้วเลือดพุ่งขึ้นไปเท่าตึก ๒ หรือ ๓ ชั้น เสร็จแล้วเอาหัวไปเสียบหลักประจาน ดูแล้วนอนไม่หลับไปหลายคืนเลยครับ
พูดถึงคำว่าวานที่มีการกล่าวถึงกันว่าไม่เหมาะที่จะไปใช้กับผู้อาวุโสนั้น ผมขอเรียนเสนอว่าถ้าไม่แน่ใจหรือไม่สนิทสนมคุ้นเคยกันมากถึงขนาดแล้วควรใช้คำว่า รบกวน หรือขอรบกวนให้ช่วยทำอะไรให้จะดูเหมาะสมกว่านะครับ เป็นการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนซึ่งมีเฉพาะสังคมไทยเราเท่านั้น กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ก.พ. 06, 12:03 ได้อ่านถุงแดงและท่อนจันทร์แล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่หาดูภาพมาประกอบค่ะ ใครมีบ้างคะ
******** ท่อนจันทน์ : เครื่องมือประหารเจ้านายชั้นสูง เฉพาะเพื่อการอ่านออนไลน์ เขียนโดย มณีอักษร สมัยโบราณนั้นการประหารชีวิตเจ้านายชั้นสูงต้องมีรูปแบบพิเศษแตกต่างจากสามัญชนทั่วไป โดยกำหนดแบบแผนไว้ในกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสำเร็จโทษ ซึ่งน่าจะมีขึ้นครั้งแรก ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ปีจุลศักราช 722 แล้วมีการปรับปรุงและกำหนดชัดขึ้นไว้ในกฎหมาย ตราสามดวง หมวดกฎมนเทียรบาล มาตรา 176 ผู้พิพากษาโทษ คือ กษัตริย์ ผู้กระทำความผิด คือ เชื้อพระวงศ์ พระมเหสี พระสนม ลักษณะความผิด กฎมนเทียรบาลจักกำหนดข้อปฏิบัติ ข้อห้าม และบทลงโทษหนักเบาตามพฤติกรรม หากเป็นบทหนักถึงประหารชีวิต ต้องได้รับคำสั่งจากกษัตริย์ซึ่งทรงพิจารณาว่าจะใช้โทษนั้นหรือไม่ กับใคร และเมื่อไร ทีมงานประหารชีวิต ประกอบด้วย นายแวง ผู้คุม กำกับดูแลนักโทษสู่แดนประหาร ระวังภัยมิให้มีการชิงนักโทษ ขุนผู้ใหญ่ ตัวแทนกษัตริย์ในการเป็นประธานพิธีสำเร็จโทษ หมื่นทลวงฟัน เพชฌฆาต มีสองคนในการประหารแต่ละครั้ง แดนประหาร โคกพญา ปัจจุบันน่าจะเป็นพื้นที่รวมของกลุ่มโบราณสถานคลองสระบัว จังหวัดอยุธยา อันได้แก่ วัดหน้าพระเมรุ วัดหัสดาวาส วัดตะไกร โดยมีวัดหน้าพระเมรุ หรือวัดพระเมรุโคกพญา เป็นหลัก ลักษณะท่อนจันทน์ ไม้ค้อนขนาดใหญ่ที่มีปลายด้านหนึ่งใหญ่กว่าอีกด้านหนึ่ง รูปร่างคล้ายสากตำข้าว ทำจากไม้จันทน์หอม หลังจากพิธีประหารชีวิตเสร็จสิ้น จักใส่ไปในหลุมศพด้วย ขั้นตอนการสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ - ต้องพันธนาการร่างแล้วสวมถุงแดงตั้งแต่พระเศียรลงไปตลอดปลายพระบาท เอาเชือกรัดถุงให้แน่น เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดจับต้องพระวรกายและมิให้ผู้ใดเห็นพระศพ แม้แต่เพชฌฆาต - หมื่นทลวงฟันทำการไหว้ครู และขอขมาต่อนักโทษ - ทุบท่อนจันทน์บนพระนาภี (ท้อง) หรือ พระเศียร (หัว) คล้ายท่าตำข้าว - นำพระศพฝังในหลุมซึ่งจัดเตรียมไว้ที่ โคกพญา แล้วจัดเจ้าพนักงานเฝ้ารักษาหลุม 7 วัน เพื่อมั่นใจว่าสิ้นพระชนม์ หรือ ป้องกันการชิงพระศพ ข้อมูลอ้างอิงจาก หนังสือ “สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์” เขียนโดย ปรามินทร์ เครือทอง *************************** http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=leelalaw&group=5 กระทู้: หนังสือน่าอ่าน ใครเคยอ่านบ้างคะ เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 19 มี.ค. 06, 11:18 เห็นหลาย ๆ ท่านพูดถึงการสำเร็จโทษมาแล้ว
ผมคิดว่า ลองมาคุยเรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย กันดีกว่าครับ |