เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 06, 16:16



กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 06, 16:16
 "ปีเถาะ   จุลศักราช ๑๒๒๙  โสกันต์พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่  คือกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม พระองค์เจ้าอรุณวดี  และพระองค์เจ้าศิริในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระยาบำราบปรปักษ์
ในครั้งนี้ข้าพเจ้าแต่งตัวเข้าขบวนแห่   เรียกกันว่าแต่งอย่างฝรั่งขี้นก    
เมื่อขบวนแห่กลับมา  จวนจะถึงประตูราชสำราญ  ได้มีฝรั่งสองคนเดินตัดขบวนนางสระใหญ่  ผ่านไปทางวังสวนกุหลาบ
พวกนางสระใหญ่ นางสระเล็กและนางฝรั่งขี้นก  กลัวฝรั่ง  วิ่งเบียดเสียดกันเข้าในประตูราชสำราญ เสียงระเบ็งเซ็งแซ่"


ข้อความข้างบนนี้มาจากบันทึกของเจ้าจอมเพิ่ม  กวีหญิงแห่งราชสำนักรัชกาลที่ ๕
ที่สัญญาไว้ในกระทู้ เจ้านายทรงกรม ว่ามาเล่าให้ฟัง
มาแล้วค่ะ

เชิญนั่งบนเสื่อ ล้อมวงฟังเหมือนเดิม


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 06, 16:24
 ใครมาฟังบ้าง ช่วยกระแอมกระไอให้เสียง จะได้จัดจำนวนหมอนขวานมาให้นั่งพิงได้ถูก
รวมทั้งน้ำร้อนน้ำชาหมากพลูด้วยค่ะ  
****************
หนึ่งร้อยปีก่อน   หญิงไทยยังกลัวฝรั่งอยู่เลยค่ะ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 11 มิ.ย. 06, 17:15
 หนูมารายงานตัวค่ะ อาจารย์

แต่งตัวอย่างฝรั่งขี้นกนี่ คือกระโปรงสุ่มอย่างที่เคยเห็นรูป
เจ้าจอมมารดาชุ่มแต่งมังนะคะอาจารย์


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 06, 09:03
 ก็คิดตรงกับคุณ B เหมือนกันค่ะ
ส่วนนางสระใหญ่และนางสระเล็ก  ยังวาดภาพไม่ออกว่าแต่งตัวยังไง
ใครทราบ  ช่วยเข้ามาบอกจะเป็นพระคุณยิ่ง
เสื่อยังเหลือที่นั่งอีกกว้าง  คุณ B นั่งเอกเขนกพิงหมอนขวานตามสบายนะคะ  
พ้นวันหยุดยาวนั่นแหละถึงจะทยอยกันมา
*************************
เจ้าจอมมารดาเพิ่มเข้าวังตั้งแต่รัชกาลที่ ๔   ตอนนั้นท่านอายุได้ ๕ ขวบ  มารดานำมาฝากไว้กับคุณท้าววรจันทร์ เพื่อถวายตัวต่อสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
ท่านได้รับพระราชทานเงิน ๕ ตำลึง และผ้าลายกับแพรสี ๒ สำรับ   สังกัดเป็นนางละครรุ่นเล็กอยู่กับคุณโต หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "แย้มอิเหนา"  
แต่พำนักอยู่กับคุณเลียบ หัวหน้าทหารหญิงในพระบรมมหาราชวัง

คุณเพิ่มฝึกละครจนได้เล่นเป็นสียะตราน้องชายของบุษบา  ได้ชื่อว่ารำในบทสียะตราได้งามมาก  
ท่านอยู่ในวังมาได้ ๗ ปี ก็สิ้นรัชกาล    

คุณเพิ่มเติบโตเป็นสาวขึ้นในรัชกาลที่ ๕ จนเป็นสาวเต็มตัวอายุ ๑๗ ก็ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าจอมอยู่งาน  
ย้ายจากเรือนพักเดิมมาอยู่ในเรือน ๕ ห้อง   ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง  และเงินกลางปีอีก ๕ ชั่ง


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 06, 09:08
 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงเล็งเห็นอุปนิสัยและความสามารถเฉพาะตัวของเจ้าจอมเพิ่ม ว่าเป็นคนใฝ่ความรู้  
จึงโปรดให้พระยาศรีสุนทรโวหารเป็นครูสอนหนังสือ  ตลอดจนสอนกาพย์กลอนโคลงฉันท์ให้ท่าน  
เปิดการสอนที่มุขกระสัน  พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท  เรียนกันแบบติวเตอร์ ตัวต่อตัวตั้งแต่ ๑๐.๐๐ -๑๓.๐๐ น. ทุกวัน

วันหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เสด็จมาขณะที่คุณจอมกำลังเรียนลิลิตและกาพย์กลอนโคลงฉันท์อยู่    ทรงเห็นว่ามีฝีมือในเชิงกวีของท่านไม่เลวเลย  
พระยาศรีสุนทรโวหารก็กราบบังคมทูลว่า เจ้าจอมเพิ่มมี" หัว" ทางนี้   น่าจะเป็นกวีหญิงแห่งราชสำนักได้   จึงเป็นที่พอพระราชหฤทัยมาก  
เพราะพระองค์เองมีพระราชประสงค์จะมีคู่โต้เชิงกวี    จึงพระราชทานเงิน ๓ ชั่งและหีบหมากกะไหล่ทองให้

เมื่อเรียนจนจบวิชาแล้ว    พระเจ้าอยู่หัวก็โปรดให้เจ้าจอมเพิ่มได้ตามเสด็จไปตามที่ต่างๆ  ได้มีโอกาสชมภูมิประเทศที่สวยงามเพื่อจะ " ฟัก" เป็นบทกวีในมันสมอง
จึงโปรดเกล้าฯให้ตามเสด็จพระราชดำเนินทุกแห่ง    ไม่ว่าใกล้หรือไกล  
เช่นคราวหนึ่งเสด็จอ่างศิลาและเขาสามมุก      พระเจ้าอยู่หัวทรงม้า   คุณจอมก็นั่งเกวียนตามเสด็จ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 12 มิ.ย. 06, 12:01

.
ขนรูปมาช่วยครับ โสกันต์ปี 2409 ก่อนระบุในคำเปิดเรื่องหนึ่งปี
ยังเถียงกันไม่จบว่าเป็นพระองค์ใด เดิมเคยเชื่อว่าเป็นเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ...อันนี้ปล่อยผู้รู้ว่ากันไป

เอามาให้ชมนางตัวน้อยๆ ทรงเครื่องเดินนำขบวน ดูเหมือนจะเรียกนางมยุรา ใช้เด็กหญิง อย่างที่ท่านจอมมารดาทำหน้าที่นั่นแหละครับ  


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 12 มิ.ย. 06, 12:06
 .














พระองค์เจ้าหญิงวังหน้า
เตรียมโสกันต์
ประมาณปี 2409


ช่วยได้เพียงรูปสมัย ร. 4 นะครับ
ถึง ร. 5 ต้องอาศัยคนอื่น  


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 06, 12:25
 ขอบคุณค่ะ
นางในตัวน้อยๆ น่ารักมาก แต่ข้อลำเธอคงไม่แข็งแกร่งพอจะคอนหางนกยูงและฉัตรได้ทนนาน   กว่าท่านฟะรันซิศจิตจิตจะเล็งกล้องชักเงารูปเสร็จ  เธอก็คงเมื่อยเต็มแก่   เครื่องในมือจึงสั่นไหว
พยายามแกะรอยในภาพตามประสามือใหม่หัดขับ     พ.ศ.๒๔๐๙  พวกทหารไม่นุ่งโจงกระเบนกันแล้ว หันมานุ่งกางเกงฝรั่งแทน
หรือว่าเป็นสนับเพลาที่มีผ้าคาดทับจากเอวลงมากันแน่คะ
รองเท้ายังไม่สวมกัน   ถนนหนทางคงไม่มีเศษแก้ว หรือขยะมากมายอย่างทุกวันนี้


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 12 มิ.ย. 06, 12:58

.
ขยายให้เต็มที่ครับ ได้แค่นี้

อยากให้สังเกตว่า เด็กวันนี้ สี่ห้าขวบ นอกจากร้องไห้ขอของเล่นแล้ว ทำอย่างนี้ได้ใหม
ระบบของเราต้องมีอะไรผิดพลาดแน่แน่ครับ  


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 06, 13:03
 ขอแวะพักเรื่องเจ้าจอมเพิ่มชั่วคราวค่ะ  

ดิฉันกลับไปค้นภาพเก่าในกระทู้  "ภาพเมืองไทยในอดีต" ซึ่งยาวเหยียดต่อกัน ๕ กระทู้    แต่ละกระทู้ก็ยาวจนต้องซอยกันเป็นสองห้องบ้าง สามห้องบ้าง
พบชื่อจอห์น ทอมสันว่าเป็นชาวสกอตที่เดินทางมาเมืองไทยช่วง ๒๔๐๘-๑๐ ประมาณนั้น
มีรูปถ่ายที่บอกว่าเป็นฝีมือเขา  อย่างภาพนี้

นายคนนี้น่ะหรือคะที่คุณพิพัฒน์เชื่อว่าซื้อภาพของฟะรันซิศ จิต ไป แล้วกลายเป็นที่เข้าใจว่าเขาเป็นคนถ่ายเอง
.
.


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มิ.ย. 06, 13:05

.
.
ส่วนภาพนี้เป็นเหตุการณ์เดียวกับค.ห. ๕ แต่ถ่ายคนละมุมหรือเปล่า


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 12 มิ.ย. 06, 13:05

.
เสนออีกรูปหนึ่ง เถียงกันอยู่เหมือนกันว่างานใหน
เจ้าต็อมสั้น ลงชื่อไว้ บอกว่าเป็นเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
นางแอนนาเอาไปใช้ บอกว่าเป็นพระองค์หญิง
ผมเอามาใช้ บอกว่าอะไร ช่างเถิด ไม่เกี่ยวกับเรื่องเจ้าจอมเพิ่ม
อยากให้ดูการแต่งองค์ทรงเครื่องของพลแบกพระราชยาน

รองเท้า เป็นของแสลง เดินไปเกิดหลุด ขบวนมิพังหรือครับ
สมัยนั้น ไม่มีน้ำอัดลมหรือกระทิงแดง
เท้าของท่านเหล่านี้ เหยียบหนามนะครับ หนามหลบ
ผมเคยเห็นกะตา  


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 12 มิ.ย. 06, 13:20
ต็อมสั้น เป็นช่างภาพครับ ถ่ายรูปเก่งด้วย
ในทางสากล เขายกย่องให้เป็นผู้ริเริ่มสายงาน Photo Documentary แกถ่ายรูปท้องถนนกรุงลอนดอน ถ่ายแต่ผู้ยากไร้ และถ่ายแต่ชีวิตความเป็นอยู่ของสามัญชน ประกอบข้อเขียนของนักสังคมวิทยาเลื่องชื่อ เป็นผลงานในตำนานโลก และผมก็ชื่นชมมากครับ เพลง street of london ก็ยืมคำและสาระของเขามาใช้ ในอีกร้อยกว่าปีต่อมา

แต่...ผมไม่ชื่นชมไอ้ฝรั่งสก็อตส์คนนี้
ผมว่าเขาเป็นนักเผชิญโชคแท้ๆ ไม่บริสุทธิ์ใจนัก จะให้กล่าวถึงหมอนี่มากไป ก็จะไม่สะบายปากกระผมด้วยว่าจะหลุดถ้อยคำอันไม่สะเหนาะหูออกมา และจะรบกวนความสนุกของเรื่องเจ้าจอมกวีศรีรัชกาลที่ 5 โอกาสเหมาะผมไม่ปล่อยเอาไว้แน่ครับ
ผมมันถือคติกรมพระราชวังบวรเสือ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 12 มิ.ย. 06, 14:31
 มาลงชื่ออ่านด้วยคนค่ะ
คดีประวัติศาสตร์ดิฉันไม่ค่อยสันทัด (จริงๆแล้วก็ไม่เป็นว่าตัวเองจะสันทัดซักคดี )
ขออ่านอย่างเดียวนะคะ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 12 มิ.ย. 06, 17:29
 เรียน ทุก ๆ ท่าน ที่เคารพ
มาลงทะเบียนที่เรือนหลังนี้ครับ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 มิ.ย. 06, 09:43
ขอต้อนรับทุกท่านค่ะ  เชิญลงนั่งเหยียดแข้งเหยียดขาตามสบาย  นั่งพับเพียบนานๆจะเมื่อย
***************
ต่อจาก ค.ห. ๔
ทุกครั้งที่หยุดประทับพักผ่อนระหว่างเสด็จประพาส    พระเจ้าอยู่หัวก็จะทรงพระราชนิพนธ์บทกวีประเภทต่างๆ   กาพย์กลอนโคลงฉันท์ลงในกระดาษแผ่นเล็กๆ   พระราชทานไปที่เจ้าจอมเพิ่ม
เพื่อให้ถวายบทกวีตอบกลับมาทันที

เจ้าจอมเพิ่มก็ได้เขียนถวายด้วยปฏิภาณ   ตอบกลับมาเป็นที่พอพระราชหฤทัย

ขอยกมาดังนี้ค่ะ

พระราชนิพนธ์
คำในนิราศล้วน....................นวลชิน
ดังจะฟลายอิ้งอิน..................ฟากฟ้า
น๊อตเชมไปเกรงฉิน...............วางเฉิบ
ตูเปอเซ็นค้นคว้า..................เล่ห์เพี้ยงอรฟุน

คำฟลายกลายอ่านอ้าง..........ฟอลาย
ลืมประโยคปอปลาย.............ปลอกปลิ้น
ครูเอยอย่าลืมหลาย..............คำควบ กันนอ
เสียงออกพร้อมกันสิ้น...........เช่นใช้ปอปลาย

พระราชนิพนธ์สองบทนี้ทรงใช้คำอังกฤษแกมไทย  น่าจะเป็นเชิงหยอกเย้าคุณจอมเพิ่ม  
ทรงท้วงการออกเสียงคำ "ฟลาย" ว่าออกเป็น "ฟอลาย"  แสดงว่าเมื่อก่อนนี้คนไทยลิ้นแข็ง  (อาจจะเพราะคราบหมากจับ)  ออกเสียงภาษาอังกฤษที่เป็นตัวกล้ำไม่ถนัด


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 มิ.ย. 06, 09:58
 เจ้าจอมเพิ่มก็เขียนตอบกลับไปด้วยปฏิภาณกวี

น้อมเกล้ารับฝากไท้..................ตั้งจิต ยลแฮ
พระนิพนธ์เต็มพิศ............................แน่แท้
ไทยแกมกับอังกฤษ.........................แลมืด
ครูก็คงกล่าวแก้................................ดังข้าฝ่าละออง

ไปเรียนวันพรุ่งนี้..............................ดำริ ไว่นอ
เคยท่านมาบ่มี................................พลาดพลั้ง
จักส่งพระราชนิ................................พนธ์ก่อน กล่าวแฮ
ครูอ่านคงปลื้มทั้ง............................โปรดเกล้าฯ เข้าใจ


วันรุ่งขึ้น  เจ้าจอมเพิ่มได้เชิญพระราชนิพนธ์ไปให้อาจารย์  ให้ท่านทราบเรื่องทรงแก้การออกเสียงฟลาย ว่าไม่ใช่ "ฟอลาย"  
เวลาบ่ายก็กลับจากเรียนตามเคย

เจ้าจอมเพิ่มเป็นที่โปรดปรานมาก   จนเมื่อทรงพระกรุณาตรวจและทรงสอนการแต่งลิลิต    ได้พระราชทานโคลงพระราชนิพนธ์มาอีก  เป็นกาพย์ห่อโคลงชมความงามของเจ้าจอมเพิ่ม

โฉมเฉิดเลิศลักษณ์ล้ำ.................ควรชม
ดุจเทพประสาทสม.............................เสกให้
มารยาทแยบคายคม...........................ควรเสน่ห์ ถนอมแฮ
กลั้วกลิ่นเสาวคนธ์ไล้..........................เฟื่องฟุ้งวรองค์

  โฉมเฉิดเลิศลักษณ์ล้ำ.....................งามคมขำควรเชยชม
ดุจเทพประสาทสม.............................รมย์กลิ่นรื่นชื่นชูใจ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 มิ.ย. 06, 10:08
คุณจอมเพิ่มเป็นคนดีและฉลาด  คือเมื่อได้รับพระกรุณามากขนาดนี้แล้วก็ไม่ได้เห่อเหิม    รู้จักประมาณตน      
ท่านเขียนถวายตอบไปอย่างเจียมตัว ด้วยลีลาโคลงที่สละสลวยและถูกต้องตามฉันทลักษณ์  ว่า

นอบนบเคารพไท้..............ทูลฉลอง
ดุจเทพเสกเติมปอง..................โปรดเกล้า
ควรข้าพระบาทรอง...................ละอองบาท
บ่ใช่ควรคู่เคล้า........................ทราบแท้แน่ใจ
   
น้อมเกล้าทูลแด่ไท้...................ดุจเสกไซร้เกินเจตนา
ควรรองพระบาทา.....................หาใช่คู่ภูวไนย

ทำให้เป็นที่โปรดปรานยิ่งขึ้นอีก    ถึงขั้นได้รับพระราชทานตุ้มหูระย้าเพชร รูปดอกลำดวนฝังเพชร  

คุณจอมเพิ่มนอกจากงามแล้วยังแต่งตัวเก่ง  สวยสะดุดตา  จึงทรงชมโฉมเมื่อสวมเครื่องแต่งกายสวยสดงดงาม  เป็นที่ถูกพระราชหฤทัย

แพรต่วนดวงดอกเจ้า............จีบผจง
เข็มขัดรัดเอวองค์........................เพริศพริ้ง
สอดสีทับทิมทรง.........................สรพัก  แม่เฮย
แหวนสอดนิ้วตุ้งติ้ง.......................เพชรพร้อยกุณฑล

แพรต่วนเจ้าจีบผจง.....................สไบทรงสีงามจริง
แหวนน้อยห้อยตุ้งติ้ง....................พริ้งเพริศแพร้วแก้วกุณฑล


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 13 มิ.ย. 06, 11:03
สวัสดีครับคุณเทาชมพูและทุกท่าน
ขอบคุณมากสำหรับเรื่องเจ้าจอมเพิ่ม
แวะมาทักทาย และขอความรู้ด้วยคนครับ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 มิ.ย. 06, 11:14

เพิ่งเห็นนี่แหละ  
ดาวเทียม เผยแพร่ความรู้สู่ทั่วโลก  ของคู่กายแต่เดิม  
ถูกทีมงานยึดไปซะแล้ว  
ส่งลิงดำมาแทน   มันจะเผยแพร่ได้ไวกว่ามั้ยเนี่ย


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 มิ.ย. 06, 09:07
 อ้าว  วันนี้กลายเป็นวีนัสมาเผยแพร่ความงามแทน
*******************
เจ้าจอมเพิ่ม ท่านเป็นปฏิภาณกวีจริงๆ   ไหวพริบดีมาก   นอกจากนี้ยังรู้จักวางตัวน่าเอ็นดู ไม่มีจริตจะก้านสะบัดสะบิ้ง  
เมื่อทรงชมมาว่าแต่งตัวสวย  ท่านก็ยอมรับตรงๆว่าตั้งใจแต่งเพื่อให้ทรงทอดพระเนตร  บัดนี้ก็สมใจแล้วที่ทอดพระเนตรทั่วตัว
นอกจากนี้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงชมโฉมท่าน  ท่านก็ชมพระโฉมกลับไป
แปลง่ายๆอย่างชาวบ้านว่า ถ้ายอมาก็ยอกลับ

ทรงทอดพระเนตรถ้วน...................บังคม บาทเฮย
โปรดเกศเจตนาสม.............................จิตแท้
ค่อยเคยลอบผลชม.............................ทรงเครื่อง ต้นนอ
โฉมพระเฉิดเลิศแท้............................ทั่วด้าวใดเทียม

ทรงพิศทั่วกราบบังคม.........................ตั้งจิตสมเจตนา
ทรงเครื่องต้นผลราชา..........................หาหมดด้าวท้าวใดเทียม


พระเจ้าอยู่หัวคงจะพอพระราชหฤทัยมาก  จึงพระราชทานโคลงมาอีกบท
คราวนี้นอกจากชมโฉมเจ้าจอมเพิ่มเหมือนเดิมแล้ว   ทรงเย้าแหย่ถึงตุ้มหูพระราชทานว่าไม่เห็นสวมให้ทอดพระเนตร
คงไปลืมทิ้งไว้ที่ไหนเสียแล้ว  
ทำนองว่า  ของฉันให้แท้ๆ ทำไมเธอจึงลืมทิ้งเหมือนไม่แยแส

แพรต่วนดงดอกเจ้า........................จีบกราย
แพรต่วนทับทิมฉาย...........................เฉิดช้อย
งามสุดเสมอราย................................กาพย์ห่อ โคลงนา
ขาดแต่ตุ้มหูน้อย................................หนึ่งน้อง นางลืม


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 มิ.ย. 06, 09:16
 กลายเป็นดาวเทียมอีกแล้ว...
*******************
ถ้าหากว่าเป็นคนที่ไม่มีปฏิภาณ ก็คงเหงื่อแตก  ว่าฉันทำสิ่งที่ไม่ต้องพระราชประสงค์เสียแล้ว
มีอย่างหรือ  ตุ้มหูพระราชทานแท้ๆ  เป็นของสำคัญ  มีแต่ใครต่อใครอยากได้แต่ไม่มีโอกาสได้
ควรจะใส่ไว้ตลอดเวลา หรืออย่างน้อยเข้าเฝ้าก็ต้องใส่  กลับไม่ใส่
ให้ท่านจับได้ว่าทำเหมือนไม่ใส่ใจ  ไม่เห็นความสำคัญของสิ่งที่ท่านพระราชทาน
จะแก้ตัวยังไงล่ะนี่ถึงจะไม่กริ้ว

คุณจอมเพิ่มแก้ตัวหลุดได้อย่างสวยงามค่ะ

เครื่องประดับบ่ได้...................ฝังใจ
จิตจ่อจอมไผท.............................ค่ำเช้า
ยกเสียแต่หลับไป.........................ตื่นนึก คะนึงนา
ลืมพระบาทขาดเฝ้า......................จักเศร้าเสียใจ


ท่านตอบว่าท่านใจจดใจจ่อนึกถึงพระเจ้าอยู่หัวมากกว่าไปจดจ่อกับของมีค่า  
คิดถึงแต่พระเจ้าอยู่หัวตลอดเวลาที่ตื่น   จะเว้นก็แต่ในยามหลับเท่านั้น
ลืมตุ้มหูลืมได้  แต่ลืมเข้าเฝ้าลืมไม่ได้  ถ้าขาดไปก็จะเศร้าเสียใจมาก

คำตอบนี้เป็นที่พอพระราชหฤทัยมากน้อยแค่ไหน  ติดตามอ่านได้ในโคลงพระราชทาน

พรุ่งนี้จะมาต่อให้   ของดีต้องรออ่านค่ะ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 มิ.ย. 06, 09:14
 มาต่อจากเมื่อวาน
ความโปรดปรานเจ้าจอมเพิ่มมีมากแค่ไหน เห็นได้จากบทพระราชนิพนธ์ที่พระราชทาน  ต่อไปนี้

เป็นโคลงดั้นบาทกุญชร  ไม่ใช่โคลงสี่สุภาพค่ะ

แสนรักสุดรักเพี้ยง..............ชีวี แม่เฮย
เปรียบดังแววนัยนา.............พี่อ้าง
แม้จากสักราตรี..................ตรอมเทวษ
แม้ว่าเริดนุชร้าง.................สุดปราณ

อ้าดวงกมเลศผู้..................เพ็ญลักษณ์
โฉมแม่งามสคราญ.............ยิ่งผู้
ดวงจันทร์ดุจวงพักตร์..........วรนุช เสมอฤๅ
โฉมแม่ชื่นจิตชู้..................ช่ำแด

พรุ่งนี้จะมาต่ออีก ๒ บท


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 มิ.ย. 06, 09:52
 งามเนตรเนตรน้องดุจ.............คมศร
ยามเมื่อเหลือบเล็งแล............สบต้อง
คมกริบดั่งศรรอน...................ราญจิต พี่ฤๅ
เพียงจะเผยโอษฐ์พร้อง..........พร่ำชม

งามปรางสมรมิตรแม้น.............ปรางทอง
อวลกลิ่นอรอบรมย์..................รื่นเร้า
งามโอษฐ์เมื่อยามฉลอง...........เฉลยกล่าว
งามเกศนุชกวดเกล้า................กีดกัน

หลังจากพระราชทานโคลงดั้นบาทกุญชร  แสดงความรักและคำชมโฉมแล้ว   คุณจอมเพิ่มก็ถวายโคลงดั้นบาทกุญชรฝีมือของท่าน กลับเช่นกัน

อ้าอรพระร่มเกล้า....................เช้าเย็น
เสน่ห์ดุจดวงจิต......................ค่อยน้อย
พระฤๅจะทรงเห็น...................ความสวาท
บ่แต่งเท็จกล่าวถ้อย................สัจจัง

แม้ทรงลืมพักตร์ข้า.................ขาดเด็ด
ม้วยจะเสี่ยงสัตย์หวัง...............ภพโพ้น
จ่อจิตคิดสำเร็จ.......................สมนึก
รองพระบาทชาติโน้น...............นิรันดร์

นอกจากแสดงความภักดีแล้ว  คุณจอมเพิ่มก็ยอพระโฉมอย่างเทิดทูนยิ่งกว่าที่พระราชทาน
และยังบอกอีกว่า ไม่ขอเหลียวแลชายทั้งโลก  เพราะยังไงก็เทียบพระองค์ท่านไม่ได้
เพียงได้ยินพระราชดำรัสก็จับใจ

แสดงว่าคุณจอมเพิ่ม มีคารมคมคายสมเป็นกวีทีเดียว  เข้าใจยอพระเกียรติถูกกาลเทศะเสียด้วย
ไม่มีบทไหนเลยที่แสดงความเห่อเหิมในตัวเอง

งามโฉมงามเกียรติเจ้า..............จอมภพ
เลิศบุรุษดุจสรร........................แต่งพร้อง
น่ารักจักใคร่ซบ........................เบื้องบาท
ชายหมดโลกไป่ต้อง.................นิยม

แม้รูปทองล่องฟ้า......................มาสมัคร
ข้าบาทบ่หวังชม.......................ใช่แสร้ง
แน่จิตคิดทรงลักษณ์..................เลิศกว่า
ยินพระดำรัสแจ้ง.......................จับใจ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: vespa ที่ 16 มิ.ย. 06, 16:51
 อยากชมโฉม เจ้าจอมเพิ่ม เสียแล้วสิคะ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 16 มิ.ย. 06, 17:18
 คงจะไม่เป็นการมิบังควรใช่ไหมคะ ถ้าหนูจะบอกว่าคนสมัยก่อน แสดงอารมณ์รักได้ละเมียดละไมจังเลยนะคะ อาจารย์


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 มิ.ย. 06, 18:43
เปิดเทอมแล้ว กว่าจะหาเวลาว่างได้มากพอมาไล่อ่านกระทู้ที่อยากอ่านทัน ทำเอาผมเหนื่อยน่าดูเลยครับ
เดี๋ยวว่างเมื่อไหร่ คงได้ไปไล่อ่านกระทู้เรือพระราชพิธีเหมือนที่ได้นั่งไล่อ่านกระทู้นี้จน "อิน" กับเจ้าจอมเพิ่มไปเลย

ขออนุญาตนั่งเอกเขนกบนเสื่อคอยฟังเรื่องราวของ อ.เทาชมพู ต่อนะครับ แต่เห็นทีวันนี้ทั้งชาและกาแฟจะไม่ไหวแล้ว
อาจจะต้องแวบไปดื่มเอา "เครื่องดื่มชูกำลัง" ซักขวดสองขวดแทนแล้วล่ะครับ แหะๆ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 มิ.ย. 06, 10:54
 อย่าเผลอกินเกินสองขวดต่อวันนะคะ คุณติบอ
****************
ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ จะเสด็จทอดพระเนตรการคล้องช้างกลางแปลง   ในแหล่งข้อมูลไม่ได้บอก พ.ศ. ไว้ เลยไม่ทราบว่าครั้งไหน
เจ้าจอมเพิ่มเข้าเฝ้าในพระบรมมหาราชวัง  จึงได้รับพระราชทานโคลง

ยามค่ำนุชนาฏน้อง...................กรายกร มาแฮ
งามปลั่งดั่งอัปสร......................สู่หล้า
จรุงกลิ่นขจายขจร.....................หอมชื่น
งามเนตรงามนวลหน้า................แนงน้อยคมขำ

โคลงของคุณจอมเพิ่มที่ถวายตอบไป  ก็ชมความงามแบบ ทันๆกัน รู้พระราชหฤทัย

ยลไท้ไป่เสื่อมสิ้น.....................สิ่งงาม
จ่อจิตติดเนตรงาม.....................พิศไท้
ดุจเทพทวีความ.......................เสริมสวาท
เสน่ห์หวังฝังไว้........................เฉิดแท้แลเพลิน

ขอแวะแยกซอยไปหน่อยนะคะ   พิมพ์มาถึงตอนนี้นึกถึงคำบอกเล่าของคุณยายเนื่อง ม.ล.เนื่อง นิลรัตน  
ท่านเป็นนางข้าหลวงวังพระวิมาดาฯ  เคยเห็นสมเด็จหญิงน้อย  เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี   ว่าทรงงามมาก
พระเนตรงามถอดแบบมาจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 มิ.ย. 06, 11:04
 พระราชนิพนธ์ที่พระราชทานตอบมา คือจะเสด็จไปคล้องช้างที่อยุธยา
แต่พระราชพิธีนี้ห้ามผู้หญิงมีความรู้เข้าไปข้องแวะ  ถือว่าวิชาจะเสื่อม     จึงไม่ทรงชวนคุณจอมไปด้วย

จะไปจับช้างที่....................กรุงทวาร์ วดีแฮ
หญิงรอบรู้อักขรา.................บอกห้าม
ไปเห็นเสื่อมวิชา.................ลืมหมด
คิดจะชวนก็คร้าม.................แต่เจ้าจักลืม

เรื่องถือกันนี้ถือจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้    ดิฉันเดาว่าอาจจะทรงเย้าเล่น  คุณจอมเพิ่มก็รู้    
จึงตอบตัดพ้อไปอย่างมีจริตแง่งอน ผิดจากคราวก่อนๆ

พระราชดำรัสคร้าม................ลืมความ รู้แฮ
โปรดเกศเหตุควรถาม............ก่อนไซร้
ดุจหน่ายมิให้ตาม..................พระเสด็จ
เพราะอักษรลืมได้.................เพื่อให้เนาวัง

เป็นธรรมดาที่ว่าพอฝ่ายหญิงงอนขึ้นมา   ฝ่ายชายก็โอ๋ เอาใจ

จักไปใช่แกล้งหน่าย..............แหนงหนี
นึกอยู่ทุกราตรี......................ห่วงเจ้า
แม้จากจักไม่มี......................ที่ตัก เตือนเฮย
รักจักอยู่แต่เช้า.....................ค่ำแล้วเป็นตาย


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มิ.ย. 06, 09:44
 ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง ถึงไม่มีใครสอนก็ตัดพ้อเป็นโดยธรรมชาติอยู่แล้ว    ยิ่งคุณจอมเป็นคนมีปฏิภาณไหวพริบดีด้วยแล้ว    จึงตัดพ้อได้น่ารักน่าเอ็นดูมาก    
บทที่ส่งขึ้นไปถวาย  เป็นไม้ตายของผู้หญิง   ถ้าไม่ให้ไปก็แสดงว่าไม่รักแล้ว  ทิ้งเอาไว้ทางนี้เหมือนแกล้งให้ตาย(ใช่ไหม)

บ่เคยพรากจากเบื้อง................บาทบง  กชเฮย
เสด็จประพาสในดง..................สู่ด้วย
พระจางจืดจงปลง....................ปลดสวาท
แสร้งซัดไว้ให้ม้วย...................แน่สิ้นถวิลถึง

ตัดพ้อขนาดนี้  มีหรือจะไม่สมหวัง   คุณจอมก็เลยได้ตามเสด็จไปคล้องช้างที่พระนครศรีอยุธยา
เสร็จการคล้องช้างแล้วประทับแรมที่พระราชวังจันทร์เกษม
ก่อนจะไปนมัสการพระที่วัดเสนาสนาราม(ต้องถามคุณติบอว่าอยู่ที่ไหน) แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับพระนคร
มีการเฉลิมพระราชมณเฑียร  เจ้าจอมเพิ่มได้รับพระราชทานเหรียญพระบรมรูป ๕ รัชกาล  มีโบสำหรับติดคล้องคอ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: Japonica ที่ 22 มิ.ย. 06, 22:46
 ความเห็นที่ 28

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ จะเสด็จทอดพระเนตรการคล้องช้างกลางแปลง ในแหล่งข้อมูล
ไม่ได้บอก พ.ศ. ไว้ เลยไม่ทราบว่าครั้งไหน



ตามบันทึกของพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมพระสมมติอมรพันธุ์ ซึ่งทรงเป็นราชเลขาธิการให้สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง
กล่าวว่าพระองค์เสด็จทอดพระเนตรการคล้องช้างกลางแปลง ในปี 2426 ที่ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองอยุธยา
โดยคณะลงเรือพระที่นั่งมาเทียบท่าที่ท่าน้ำวัดกุฎีสูง ซึ่งเป็นวัดร้างในปัจจุบัน แล้วนั่งรถอีกทอดไปยังพลับพลา
เพนียด ทั้งนี้ฝ่ายในที่ตามเสด็จมี สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี และเจ้าคุณจอมเพิ่ม

ในบันทึกเล่าว่า การคล้องช้างมี 3 ประเภท
1) ต้อนจับในเพนียด แล้วเอา "โยนตาม" หรือเชือกหนังที่ทำเป็นบ่วงโยนใส่คอช้าง จากนั้นจึงกระตุกแล้วจูง
ช้างไปผูกจนกว่าจะเชื่อง

2) จับเข้าซอง คือปล่อยช้างออกจากเพนียด แต่บังคับตัวที่หมายตาไว้ให้เข้าไปในซอง

3) จับช้างกลางแปลง คือ ต้อนโขลงลงน้ำ แล้วเอาโยนตามจัดการ

แต่ในวันนั้นไม่ทรงได้ทันทอดเนตรประเภทหลัง ก็ทรงกลับเสียก่อน รับสั่งให้แสดงในวันรุ่งขึ้น
วัดเสนาฯ อยู่ติดกับวังจันทร์เกษมนั่นเองครับ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มิ.ย. 06, 09:17
 ขอบคุณที่มาช่วยขยายความเพิ่มเติมค่ะ

ครั้งต่อมาที่คุณจอมเพิ่มได้ตามเสด็จ  คือประพาสกาญจนบุรี   ในการนี้ มีโคลงพระราชนิพนธ์ระบุชื่อเจ้าจอมที่ตามเสด็จรวม ๘ ท่าน
คือ
ทับทิมมรกตทั้ง...................จันทร์สาย
เนื่องทิพเกสรหมาย..............ชื่อชี้
ตลับเพิ่มรวมทั้งหลาย...........เป็นแปด คนนา
ตามเสด็จครั้งนี้....................สู่ด้าวกาญจนบุรี

ช่วยกันนับหน่อยว่ามีใครบ้าง ดีไหมคะ

เจ้าจอมเพิ่มแต่งโคลงเอาไว้ว่า

ยินนามตามเสด็จไท้...............ปรีดา
ปลื้มจิตคิดใครพา...................เที่ยวได้
เพราะทรงพระเมตตา..............อย่างยิ่ง
ควรยกพระคุณไว้...................นอบน้อมตลอดกาล

คุณจอมได้บันทึกเอาไว้ด้วยค่ะ น่าอ่านมาก ก็เลยยกมาลงไว้ทั้งหมด  ไม่ย่อให้เสียรส
ดูท่านเป็นผู้หญิงชอบเรื่องกระจุ๋มกระจิ๋ม  แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างผักและสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยน่าเอ็นดู  ท่านก็ยังบันทึกเอาไว้

"ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินโดยทางชลมารค    ได้ลงเรือพระประเทียบตามเสด็จ  
วันนั้นประทับแรมที่จังหวัดราชบุรี   ในบริเวณพลับพลาที่ประทับ มีต้นผักชีขึ้นเป็นดง  ลำต้นสูงใหญ่ไม่เคยเห็น กำลังผลิดอกออกผลดูงามยิ่งนัก
พอยามค่ำ แสงจันทร์ฉายสว่าง  เห็นกระต่ายวิ่งออกชมจันทร์ทั้งๆฝูง  น่าดูเป็นอย่างยิ่ง  
รุ่งขึ้นตามเสด็จทูลกระหม่อมแก้ว  ได้พากันไปเที่ยวตลาดที่บ้านโพธาราม


ขอแรงชาวเรือนไทยช่วยขยายความพระนาม"ทูลกระหม่อมแก้ว" ให้ชาวเรือนไทยฟังด้วยได้ไหมคะ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: Japonica ที่ 24 มิ.ย. 06, 00:50
 เจ้าจอมที่ตามเสด็จรวม ๘ ท่าน คือ


1) เจ้าจอมมารดาทับทิม (มารดากรมหลวงนครไชยศรีฯ)  
2) เจ้าจอมมารดามรกต (มารดากรมหมื่นพิไชยฯ)
3) เจ้าจอมมารดาจันทร์ (มารดาพระองค์เจ้าหญิงทักษิณาชาฯ)
4) พระวิมาดาเธอ (ม.จ. สาย เป็นพระภรรยาเจ้าชั้นหลานหลวง-
   มารดากรมหลวงลพบุรีฯ)
5) เจ้าจอมมารดาเนื่อง (มารดากรมพระชัยนาทฯ)
6) เจ้าจอมมารดาทิพเกสร (มารดากรมหมื่นสรรวิไสยฯ)
7) เจ้าจอมมารดาตลับ  (มารดากรมหลวงราชบุรีฯ)
8) เจ้าจอมเพิ่ม

‘ทูลกระหม่อมแก้ว’ คือ พระองค์เจ้าลม่อม ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง
ทรงตรัสเรียกว่า ‘เสด็จยาย’  ทรงเป็นพระราชธิดาในรัชกาลที่ ๓ (พระขนิษฐา
ของกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ และเป็นอาของ ม.จ. รำเพย ศิริพงศ์) ต่อมาทรงเลื่อน
เป็นสมเด็จพระเจ้าบรมมไหยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร ในรัชกาลที่ ๕


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มิ.ย. 06, 09:23
 ขอบคุณที่เข้ามาตอบ  มีผิดอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีเวลาแก้ให้ค่ะ
**********************
บันทึกของเจ้าจอมเพิ่มน่าอ่านมาก  มองเห็นภาพขบวนเสด็จเมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อนได้ชัดเจน  
ว่าท่านเสด็จกันอย่างไร นอกเหนือจากเสด็จประพาสต้นที่เราคงเคยได้อ่านกันมาแล้ว

ประทับแรมอยู่ที่จังหวัดราชบุรี  จนถึงวันกำหนดที่จะเสด็จดำเนินไพร
การออกเดินทางตอนนี้  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงม้าพระที่นั่ง  ทูลกระหม่อมแก้วทรงรถ
ฝ่ายในไปรถบ้าง  ไปช้างผูกกูบและสัปคับบ้าง ถึงที่ประทับร้อน  เสด็จประทับเสวยเครื่องว่าง
แล้วเสด็จพระราชดำเนินต่อไปถึงที่ประทับแรม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จถึงที่ประทับแรมยังไม่ค่ำ   แล้วขบวนรถจึงถึง  ขบวนช้างถึงตอนสุดท้าย

ค่ำวันนั้นพระราชทานโคลงบทใหม่ให้เจ้าจอมเพิ่ม

จากมามาลับแล้ว...............จักหลง ลืมฤๅ
ฤๅว่าหล่อนจักพะวง............อยู่บ้าง
มิตรจิตว่าจริงตรง................ดังกล่าว ฉะนั้นฤๅ
ฤๅว่าลับพักตร์ร้าง...............เลิศแล้วลืมคำ


พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงเป็นกวีเอก   เห็นได้จากพระราชนิพนธ์หลายเรื่อง ไม่ว่า "เงาะป่า " หรือ "นิทราชาคริต"  
โคลงบทนี้อ่านแล้วก็รู้สึกถึงคารมคมคายของชาย ที่ผลัดกันตัดพ้อพ่อแง่แม่งอนกับฝ่ายหญิงบ้าง
เจ้าชีวิตทรงพ้ออย่างนี้   คุณจอมก็คงปลื้ม
**************
ยังสงสัยรายละเอียดของพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง   คุณจอมเล่าว่าฝ่ายใน "นั่งรถ"  ยังนึกไม่ออกว่ารถที่ว่าคืออะไร
เพราะเส้นทางบก แถวโพธารามไปราชบุรี  สมัยนั้นยังไม่มีถนน   อย่างดีก็ทางเกวียน
รถที่ว่านี้คือเกวียน หรือรถม้า ก็ไม่ทราบ  แต่ไม่ใช่รถยนต์แน่นอน
ใครพอนึกออกบ้างคะ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 25 มิ.ย. 06, 10:39
 เรียน อ. เทาชมพู ที่เคารพ
"การออกเดินทางตอนนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงม้าพระที่นั่ง ทูลกระหม่อมแก้วทรงรถ
ฝ่ายในไปรถบ้าง ไปช้างผูกกูบและสัปคับบ้าง "

ผมเห็นว่า ทรงรถ น่าจะเป็นเทียมเกวียนครับ
เพราะคงไม่มีใครเอารถม้าไปใช้เดินทางแบบนี้ได้ครับ

แต่ที่น่าแปลก คือ ร.๕ ทรงม้าพระที่นั่ง
เรื่องนี้ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนครับ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มิ.ย. 06, 11:44
 พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ น่าจะทรงม้าเก่งนะคะ    คงเป็นที่รู้กันดีในราชสำนัก
ไม่งั้น คงไม่เกิดพระบรมรูปทรงม้าขึ้นมาในภายหลัง


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 25 มิ.ย. 06, 11:55

ขอบพระคุณความเห็นของ อ. เทาชมพูครับ
ผมลืมคิดเรื่อง พระบรมรูปทรงม้า ไปครับ

ภาพนี้ได้มาจาก
 http://www.aksorn.com/event/event_detail.asp?id=32  


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 06, 07:47
 เจ้าจอมเพิ่มแต่งโคลงถวายกลับไปว่า

ข้าบาทคลาดจากเจ้า...............จอมกษัตริย์
มาแต่กายใจตัด......................ติดไว้
ซึ่งทรงพระดำรัส.....................รับสั่ง สอนแฮ
บ่มิลืมคำไท้...........................จวบสิ้นวิญญาณ

ท่านบันทึกเอาไว้อีกว่า

ที่ที่ประทับแรมเวลาค่ำ มีกองเพลิงรายรอบพลับพลา  และตีเกราะเคาะไม้ยันรุ่ง

เข้าใจว่าที่เป็นอย่างนี้ ก็เพื่อความปลอดภัย   แสงไฟนอกจากให้ความสว่างแล้ว ยังช่วยป้องกันสัตว์ร้ายที่จะเข้ามากล้ำกราย   ถึงเข้ามาจริงก็มองเห็นได้ง่าย    
ส่วนตีเกราะเคาะไม้ก็เพื่อเรื่องเดียวกัน  นอกจากเป็นสัญญาณให้รู้ในเรื่องเวรยามแล้ว ยังเป็นการส่งเสียงไม่ให้สัตว์ร้ายใหญ่น้อยเข้ามาด้วย

บรรยากาศในที่ประทับพักแรมสมัยรัชกาลที่ ๕ ก็ไม่ต่างจากนิราศนรินทร์ที่แต่งประมาณรัชกาลที่ ๑ หรืออย่างช้าก็รัชกาลที่ ๒
รู้ได้จากบทนี้ค่ะ

ราตรีตรวจค่ายฆ้อง.................  ขามขาม ใจเอย
เกราะกระพือเพลิงยาม............  รุ่งเร้า
กระเวนกระวนกาม....................  กวนอก พี่นา
รันระดมแดเข้า......................... คู่ฆ้องกระแตตี

แสดงว่า ๑๐๐ ปี  ภูมิประเทศของไทยไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าไรเลย   พ้นจากตัวเมืองก็เป็นทุ่งนาป่าเขา  เวลาเดินทาง พักแรมกันทีก็ต้องระวังเจ้าป่าประเภทเสือช้างและสัตว์ร้ายอื่นๆ    ต้องป้องกันกันแข็งแรง
ตอนที่คุณพนมเทียนเขียน เพชรพระอุมา เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๐  เอาประสบการณ์ก่อนหน้านี้มาเล่า   ป่าแถวเมืองกาญจน์ก็ยังเป็นป่า
แต่เวลา ๕๐-๖๐ ปี มาจนถึงเดี๋ยวนี้  ป่าเกือบไม่เหลือแล้ว


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 06, 07:55
 "รุ่งขึ้นเวลาเช้า   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทรงม้าพระที่นั่งเสด็จสู่แนวพนัส    ขบวนรถก็ออกเดินๆไปจนไกลแล้ว
ขบวนช้างจึงออกเดินถึงทุ่งนาคราชซึ่งเป็นที่ประทับร้อน  พื้นที่ดินแถบนี้เป็นที่ดินแดง  มีเขามอและแร่เกลื่อนกลาด
แร่นั้นเรียกว่ามูลพระยานาค
และออกไปโพ้นมีกอไม้รวกตลอดสุดสายตา
พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับร้อนบนพลับพลา    เสวยเครื่องว่างและเลี้ยงขบวนเสด็จจนทั่วแล้ว   จึงเสด็จพระราชดำเนินต่อไปดังวันก่อน
พลับพลาที่ประทับร้อนแห่งนี้   เสาพลับพลาไม้ไผ่ทะลุปล้องใส่น้ำทุกเสา
และเจาะเสาสำหรับเปิดน้ำใช้ได้


อยากจะฝากชาวเรือนไทยไปถามนักธรณีวิทยาว่า แร่มูลพระยานาคนั้นคืออะไรคะ  หาดูแล้ว  น้องกู๊กส่ายหน้า  ตอบว่าไม่มี
ส่วนเสาไม้ไผ่ใส่น้ำ  อ่านดูแล้ว ออกแบบเก๋มาก    คงเหมือนท่อน้ำก๊อก  เอาไว้ล้างหน้าล้างมือและดื่มกินได้มั้ง


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 06, 08:00
 ค่ำนั้นพอถึงที่ประทับแรม  คุณจอมท่านก็ส่งโคลงไปถวาย เป็นการชวนคุย    

วันนี้ข้าบาทได้.....................ไปเห็น
ลิงเล็กเมื่อยามเย็น................มากแท้
คะนึงถึงพระองค์เป็น..............อันมาก
แม้เสด็จด้วยแล้.....................จักได้ทรงยล

ก็ทรงตอบกลับมา ด้วยชั้นเชิงกวี   อ่านดูนะคะ

ขอบใจวานเรศสิ้น..................ทั้งผอง
แม้มนุษย์จักสนอง..................ทรัพย์ให้
แทนคุณที่เตือนสอง...............นัยน์เนตร แม่นา
แม้บ่เห็นมันไซร้.....................อย่าเล้ยเมินเสีย


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: Japonica ที่ 26 มิ.ย. 06, 21:04
 ตอบ ความเห็น 38

พื้นที่ดินแถบนี้เป็นที่ดินแดง มีเขามอและแร่เกลื่อนกลาด แร่นั้นเรียกว่ามูลพระยานาค

ดินแดง ลูกรัง หรือ ศิลาแลง มีความเหมือนกันคือมีธาตุเหล็ก (Fe) เป็นองค์ประกอบ ทำให้เห็นเป็นสีสนิมเหล็ก
เหลืองๆ ส้มๆ นั่นเอง

ในศิลาแลง เม็ดกลมๆ เล็กๆ ที่เราเห็น หลายๆเม็ดจะประสานหรือเชื่อมกันด้วยดินเหนียว (binding)
กลายเป็นศิลาแลง ที่อาจตัดแซะให้เป็นก้อน นำมาก่อสร้างปราสาทเขมร หรือก่อกำแพงก็ได้

"ศิลาแลง ก่อกำแพง แข็งแรงดี" เพราะว่าไม่พองตัวหรือยุ่ยเมื่อโดนน้ำ

เม็ดกลมๆ เล็กๆ อาจเป็นซิลิกา (ทราย) หรือ แคลเซี่ยมคาร์บอเนต (หิน) ก็ได้
ในสภาพที่ปราศจากตัวประสาน เราจะเห็น เม็ดกลมๆ สีดำๆ เงาๆ (บ่งบอกถึงความมีโลหะเจือปน)
อยู่แบบอิสระ ไม่ติดกัน อะไรก็ตามทีมีสัณฐานกลมๆ คนมักจะเรียกเป็น 2 อย่าง คือ ถ้าไม่เป็นไข่
ก็เป็นขี้ เช่น มูลไส้เดือน

ในวิชาธรณีวิทยา มีศัพท์คำหนึ่ง เรียกว่า "Oolite" ถ้าเห็นตัวโอ 2 ตัว กลมๆ อยู่ติดกัน ตามตำราผีบอก
บอกว่าให้เดาว่า แปลว่าไข่ไว้ก่อน คำๆนี้มีรากศัพท์ ที่มาจากภาษากรีก "oon" แปลว่า "ไข่"

มูลพญานาค ที่กล่าวถึง น่าจะหมายถึง เม็ดหินกลมๆ ที่พบในศิลาแลง (Oolithic Laterite) ศัพท์ตัวหลังคือ
ดินหรือหิน ที่มีธาตุเหล็กเปอร์เซ็นต์ต่ำเป็นองค์ประกอบ ธาตุอีก 2 ธาตุที่พบในศิลาแลง คือ SiO2(Silicon Dioxide)
 และ อลูมิเนียมออกไซค์ (Al2O3) ที่มีชื่อเล่นว่า อลูมิน่า ชื่อเล่นอื่นๆคือ เกาลิน ที่ไว้ปั้นไชน่าแวร์ ที่สังคโลก นั่นเอง


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: Japonica ที่ 26 มิ.ย. 06, 21:37
 ความเห็นที่ 32

ถ้ามีผิดบ้าง ที่ถูกอาจเป็นเจ้าจอมมารดาสาย (น้องสาวเจ้าจอมจันทร์)  ไม่ใช่พระวิมาดาเธอ
ที่ทรงพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าสาย มังครับ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 06, 09:15
มาต่อเรื่องบันทึกของเจ้าจอมเพิ่มค่ะ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จถึงที่ประทับแรม  เย็นบ้างค่ำบ้าง และเช้าก็ออกเดินขบวนดังนี้ตลอดมา
จนวันหนึ่งเสด็จถึงที่ประทับร้อนใกล้หมู่บ้านกะเหรี่ยง  ได้พากันเก็บมะขามป้อมผลใหญ่   แล้วจึงออกเดินขบวนต่อไป
ถึงที่ประทับแรมเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ  มีกะเหรี่ยงชายหญิงมาเฝ้า แต่งกายสะอาดสะอ้านดี
สวมเสื้อทั้งชายหญิง    หญิงมีแพรสีทับทิมคล้องคอ   เครื่องประดับลูกปัด  แล้วเต้นรำตามเพศถวายให้ทอดพระเนตร
ชายเต้นกับไม้ไผ่เป็นกระบอกยาว  มีคนผู้ชายถือไม้กระบอกนั้น ๒ คน ๆละข้าง   หญิงเต้นกับไม้สักกลมเล็กๆ  
มีผู้หญิงถือไม้นั้น ๓ คนเต้นตามแบบเขา


นึกท่าเต้นไม่ออกว่าเป็นยังไง  ใครเคยดูการเต้นรำพื้นเมืองของพวกกะเหรี่ยงบ้างคะ

เช้าขึ้นเสด็จออกเดินขบวนต่อไป   ระยะทางตอนนี้ประทับร้อนกลางป่า  แล้วเสด็จพระราชดำเนินต่อไปดั่งเคย

วันหนึ่ง หยุดม้าพระที่นั่ง  เสด็จขึ้นทอดพระเนตรเขาทะลุ  ได้เห็นเมื่อลงจากช้าง  เป็นเขาใหญ่มีทางขึ้นไป  ดูทะลุเห็นฟ้ากว้างยาว

ขอให้สังเกตว่าในตอนแรก   เจ้าจอมเพิ่มนั่ง"รถ" ซึ่งคุณศรีปิงเวียงสันนิษฐานว่าเป็นเกวียน  ดิฉันก็เห็นด้วย
แต่ตอนนี้  ท่านไม่ได้นั่งรถแล้ว แต่นั่งช้าง  คงเป็นเพราะถึงทางลาดชันขึ้นภูเขา  เกวียนขึ้นไปไม่ได้  ต้องใช้ช้างเดินทางแทน


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 06, 21:44
 " การเดินทางตอนนี้บางวันเห็นแต่เขากับต้นไม้ใหญ่ๆ  ตามกิ่งมีชายผ้านางสีดา(กล้วยไม้ชนิดหนึ่ง)ห้อย  
มีต้นยางที่มีเพลิงเผาเป็นโพรง   กล่าวว่าโพรงนั้นเขาเจาะเผาเอาน้ำมันยาง
วันหนึ่งข้ามห้วยแลไป  รู้สึกว่าแผ่นดินสูงขึ้น   ถึงที่ประทับแรม   บางวันที่เดือนหงายแจ่มสว่าง ก็ทรงสุนัขไล่ห่าน   บางวันก็ประทับห้องทรงพระอักษร"


"สุนัขไล่ห่าน" เป็นการละเล่นชนิดหนึ่ง   จำไม่ได้แล้วว่าเป็นอย่างไรแน่ค่ะ

"เมื่อจวนจะถึงจังหวัดกาญจนบุรี เกิดอุปสรรคขึ้น    กล่าวกันว่าลูกช้างตกใจเสียงเกวียนบรรทุกน้ำ   วิ่งร้องขึ้นมาถึงขบวน
ช้างตื่นแตกวิ่งเข้าป่า   ช้างพระประเทียบและช้างพนักงานแตกตื่นอลหม่าน พนักงานตกจากกูบหลังช้าง
พวกหมอช้างพระประเทียบต้องกดขอให้ช้างยืนนิ่ง   คอยอยู่จนช้างที่วิ่งแตกหนีเข้าป่ากลับออกมาถึงแล้ว  จึงได้ออกเดินทางต่อไป"


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 06, 09:37
 สุนัขไล่ห่าน คลับคล้ายคลับคลาว่าทำนองเดียวกับไล่จับ   แต่หลายๆคนช่วยกันจับคนคนเดียว
ถ้าหาเจอจะกลับมาบอกทีหลังนะคะ
*************************
ถึงที่ประทับแรมเวลาจวนค่ำ   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสสั่งให้จดรายนามผู้ที่จะโปรดเกล้าฯมิให้ไปขบวนช้าง ให้ไปขบวนรถ
แต่ในขบวนรถมีคันหนึ่งที่เทียมด้วยโค   แต่ข้าพเจ้าได้ไปรถที่เทียมด้วยม้า  
จดรายนามผู้ที่จะไปขบวนช้าง  ขบวนรถ  เสร็จแล้วทูลเกล้าฯถวาย  จึงเสด็จออกข้างหน้า

รุ่งขึ้นเวลาเช้าได้ออกเดินขบวนต่อไป   และหยุดประทับร้อนตามระยะทางดังกล่าวมา
ระยะทางตอนในป่าท่าตระคร้อ  แผ่นดินสูงกว่าทางไปกาญจนบุรีมาก
รถเลี้ยวลงที่ต่ำต้องใช้คนเหนี่ยวท้ายรถจนถึงท่า
ลงเรือไปที่ประทับแรมกาญจนบุรี  เมื่อเสด็จถึงที่ประทับแรมแล้ว  ได้ทูลเกล้าถวายโคลงครึ่งบท
และได้มีพระราชนิพนธ์ต่อ ดังนี้


โคลงที่เจ้าจอมเพิ่ม ถวาย

เห็นรักสล้างต้น................แตกกอ
ดุจจิตจริงเจียวนอ............แตกน้อง

พระราชนิพนธ์ต่อสองบาทท้าย กลับมา  ว่า

จักต่อที่ถูกคอ..................เต็มยาก
ด้วยว่าหลับตาต้อง..........ต่อเพ้อตามแกน


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 06, 09:41
 เจ้าจอมเพิ่มก็ถวายโคลงกลับไปว่า

หวังว่าทรงต่อต้อง...................ถูกจิต
ค่อยบ่มีเรื่องปิด.......................แด่ไท้
ใคร่สดับโดยคิด......................ว่าเสนาะ
จึงกราบทูลต่อไซร้...................เพื่อได้ทัศนา

โคลงที่พระราชทานกลับมา เป็นอย่างนี้ค่ะ

ธรรมดาหมอแก้ไข้..................รักษา
รู้โรคกับสรรพยา......................จึ่งได้
คนไข้ไม่บอกอา-.....................การซึ่ง เป็นแฮ
แก้ก็แก้ผิดไข้..........................เนิ่นช้านานหาย


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ค. 06, 08:50
 คุณจอมทูลตอบกลับไปว่า

ที่กราบทูลใช่ไข้......................จ่อใจ
และบ่มีความใน......................จิตข้อง
จะปิดโรคฉันใด.......................หมอตรวจ ทราบนา
ความสัตย์สุดจักพร้อง...............ยากแจ้งสิ่งจริง

โคลงที่ส่งถามตอบกันจบแค่นี้   เจ้าจอมเพิ่มไม่ได้เล่ามากกว่านี้อีก  ก็เลยไม่รู้ว่าโรคที่เป็นอยู่นั้นรักษากันยังไง แต่ก็คงจะหายได้ด้วยดี   เพราะต่อมาก็ทรงโคลงถามตอบกันอีก

เจ้าจอมเพิ่มบันทึกการเดินทางตอนนี้ไว้ว่า
" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับแรมที่จังหวัดกาญจนบุรี  เสวยเสร็จแล้วทรงม้าพระที่นั่งประพาสตามแนวไพร
ทูลกระหม่อมแก้วเสด็จไปประพาสทางชลมารค  
ได้ตามเสด็จทูลกระหม่อมแก้วไปด้วย   ได้เห็นปราสาทพระเจ้าอู่ทอง   กล่าวกันว่าเป็นที่ประทับเมื่อหนีห่า
ได้ดูรอบปราสาท มีเรือนจันทน์และต้นสีเสียดใหญ่ขึ้นอยู่
ทูลกระหม่อมแก้วหยุดประทับร่มกอไผ่พอสมควรแก่เวลาแล้ว  เสด็จทรงเรือพระที่นั่งประพาสต่อไป


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ค. 06, 09:00
 ทูลกระหม่อมแก้ว ที่คุณจอมเอ่ยถึง  หมายถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร  
พระนามเดิมว่าพระองค์เจ้าหญิงลม่อม พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  
ร่วมเจ้าจอมมารดากับกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ (พระองค์เจ้าชายศิริวงศ์) พระชนกของสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
ทูลกระหม่อมแก้ว ได้ทรงพระอภิบาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯมาแต่ทรงพระเยาว์

เมื่อทูลกระหม่อมแก้วสิ้นพระชนม์   พระเจ้าอยู่หัวทรงยกย่องพระเกียรติเสมอด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง  โปรดให้เรียกการสิ้นพระชนม์ว่า "สวรรคต"
ถวายพระโกศทองใหญ่ทรงพระบรมศพ  และถวายเศตวตฉัตร ๗ ชั้น เป็นเครื่องเฉลิมพระเกียรติ

ส่วนเรื่องปราสาทพระเจ้าอู่ทอง   ไม่ทราบเรื่องนี้ค่ะ   ยังอยู่มาให้เห็นจนเดี๋ยวนี้หรือเปล่าคะ ใครทราบบ้าง


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: Japonica ที่ 05 ก.ค. 06, 03:33

.


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: Japonica ที่ 05 ก.ค. 06, 03:42

.


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: Japonica ที่ 05 ก.ค. 06, 04:15

.
กูบช้างทรงของเจ้านาย  


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ค. 06, 18:38
เจ้าจอมเพิ่มบันทึกต่อไปว่า

เสด็จกลับถึงที่ประทับเวลาจวนค่ำ   รีบขึ้นไปบนพลับพลา   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังประทับที่พระแท่นทรงพระอักษร  
มีพระราชดำรัสเรียกไปพระราชทานโคลง ดังนี้

ทิวากรเร่าร้อนเพี้ยง.....................เพลิงเผา
เหลียวบ่สบสักเยาว์.......................นิ่มน้อง
ยืนและนั่งนอนเหงา......................เงียบเชียบ
แลบ่พบพักตร์พ้อง.........................พวกเจ้าจนคน

คุณจอมแก้ตัวที่ทรงพ้อว่าไม่เห็นหน้าฝ่ายในเลยสักคนเดียวทั้งวัน
ว่า
ข้าบาทเชื่อจิตเจ้า.....................จอมอนงค์
ทั่วท่านเสน่ห์ตรง............................แด่ไท้
ผิดคาดใคร่ว่าทรง..........................จักอยู่ บ้างเฮย
ข้าบาทจึ่งได้...................................คลาดเบื้องบทมาลย์


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: Japonica ที่ 06 ก.ค. 06, 01:41
 ตอบ ความเห็น 48

ปราสาทพระเจ้าอู่ทองยังอยู่ที่เดิม ริมแม่น้ำแม่กลอง ที่ อ. ท่ามะกา จ. กาญจนบุรี หากมาจากกรุงเทพฯ
เมื่อผ่านสี่แยกบ้านโป่งไปประมาณ 10 กม. ให้เลี้ยวซ้ายชั่วอึดใจเดียว จนข้ามสะพาน ตรงนั้นเรียกว่า "บ้านดงสัก"

ปัจจุบันหากถามถึงปราสาทพระเจ้าอู่ทอง แม้ว่าจะถามที่ ททท. ก็ตามที ในหนึ่งแสนคนอาจไม่มีผู้ใดรู้จักชื่อนี้
เลยสักคน เพราะคนท้องถิ่นเรียกชื่ออื่น แม่น้ำแม่กลองตรงนี้มีคลองเชื่อมหลายคลอง จากจุดนี้สามารถแล่น
เรือไปออกอู่ทอง สองพี่น้อง จระเข้สามพัน กำแพงแสน บางเลน ราชบุรี นครปฐม หรือนครชัยศรีได้

แถบนี้เคยเป็นถิ่นขอมมาก่อน และมีพวกพราหมณ์อาศัยอยู่ในอดีต แต่คงเป็นถิ่นไม่ใหญ่นัก พวกขอมจึงสร้าง
เทวสถานไม่ใหญ่โตเหมือนเมืองหน้าด้านที่อื่น เช่น พิมาย พนมรุ้ง ลพบุรี วังสิงห์ เป็นต้น ข้อสังเกตเกี่ยวกับ
ปราสาทขอมที่เห็นก็คือหากศิลาแลงสามารถหาได้ในท้องถิ่นนั้นๆ จะนิยมนำมาใช้เป็นฐานชั้นล่างเสมอ เช่น
ที่ปราสาทสด๊กก๊กธม ชายแดนไทย-เขมร ตาพระยา ที่ท่ามะกาก็เช่นกัน ปัจจุบันเหลือฐานรากเป็นซากปรักหักพัง
เป็นอิฐและศิลาแลงที่จมดินอยู่ เคยขุดพบของใช้ของขอมหลายชิ้น เป็นศิลปสมัยทวารวดี อายุรุ่นราวคราวเดียว
กับนครปฐม แต่ยังไม่เคยพบใบเสมาแต่อย่างใด เคยพบกระดูกมนุษย์โบราณ ศรีษะโตเกือบ 1 ฟุต รูปร่างสูงใหญ่
กว่ามนุษย์ในปัจจุบันถึงสองเท่า

ศ. เซเดส์ มาแวะที่นีในปี 2470 และได้เขียนรายงานถึงท่านสุภัทรดิศฯ ท่านเองทรงเพิ่มเติมเชิงอรรถเล็กน้อย


สามเณรกลั่น ล่องเรือมาถึงย่านนี้และพูดถึงโบราณสถานอันนี้ในนิราศพระเเท่นดงรังว่า

ท่านผู้เฒ่าเล่าต่อเป็นข้อความ
ว่าตึกพรามหณ์ครั้งแผ่นดินโกสินราย

(นิราศพระเเท่นดง)
************

ภาพแม่น้ำแม่กลองช่วงต้นน้ำแถวไทรโยค สมัยก่อนแม่น้ำจะมีเกาะแก่งมากช่วงต้นน้ำ และช่วงรอยต่อของ
กาญจนบุรี/บ้านโป่ง  ในฤดูแล้งน้ำน้อย เวลาล่องเรือ ท้องเรืออาจครูดกับเเก่งหินใต้น้ำ ทำให้เรือได้รับความ
เสียหาย ดังนั้นเวลาเดินเรือผ่านแม่น้ำช่วงท่ามะกานี้ ต้องใช้คนที่ชำนาญร่องน้ำ มิฉะนั้นอาจต้องเสียเวลาซ่อม
ท้องเรือได้
.


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ค. 06, 18:13
  รุ่งขึ้นเวลาย่ำรุ่งแล้ว   ทูลกระหม่อมแก้วเสด็จทางชลมารค ได้ตามเสด็จทั้งพวก    อยู่แต่พวกที่รับราชการใกล้ชิดพระองค์
ประมาณ ๓ โมงเช้า  จึงเสด็จกลับขึ้นพลับพลาประทับร้อน   ชาวเมืองเฝ้าถวายกิ่งและรากไม้เครื่องสมุนไพร
บ้างถวายมะขามป้อมและแตงร้าน   ต่างก็หยิบแตงร้าน ถือไปลงเล่นน้ำในรั้วที่กั้นไว้  น้ำไหลเชี่ยว  แตงร้านที่ถือมาหลุดลงจากมือฉวยไม่ทัน
เป็นการสนุกสนานกันพอใช้    ทูลกระหม่อมแก้วสรงเสวยเสร็จแล้วเสด็จกลับ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมิได้เสด็จประพาส   ได้พระราชทานโคลงดังต่อไปนี้


คอยคอยนานเนิ่นช้า..................เห็นหาย
แต่มืดจนเที่ยงสาย....................หลบลี้
อาบน้ำเล่นเย็นสบาย.................เที่ยวสนุก
ลืมที่ร้อนก่อนกี้.........................กลับได้สุขเกษม

เจ้าจอมเพิ่มคงเป็นเจ้าจอมที่ทรงโปรดปรานมาก    ขนาดไปเล่นน้ำอยู่ไม่กี่ชั่วโมง    ก็ทรงตัดพ้อว่าให้คอยนานเสียแล้ว


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 12 ก.ค. 06, 12:38
 มานั่งอ่านเรื่อยๆ ขอลงนิ้วไว้ด้วยครับ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ค. 06, 09:33
 เมื่อได้รับโคลงพระราชทาน   เจ้าจอมเพิ่มก็เขียนถวายกลับไปว่า

พอสุริเยศพ้น.......................เหลี่ยมไศล
ข้าบาทคลาดไผท.................ใช่ลี้
น้ำอาบจักเย็นใส...................จิตขุ่น คะนึงนอ
ความสัจจังดังนี้.....................มิได้มัวเกษม

ท่านบันทึกต่อไปในตอนนี้ว่า
" ทรงรับนิพนธ์แล้วเสด็จประพาสตามเคย     เวลาเย็นเสด็จกลับ   โปรดเกล้าฯพระราชทานผักแพวแดงหนึ่งชะลอมเล็ก

วันหนึ่ง  กำลังบ่นถึงมารดาว่า  เมื่อไรจะมาถึงก็ไม่รู้   กำลังบ่นรำพึงอยู่   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมา มิทันรู้ตัว
เวลาทุ่มหนึ่งล่วงแล้ว  เสด็จขึ้นจากข้างหน้า ประทับที่เคยเฝ้า
มีพระราชกระแสรับสั่งว่า  มารดาเรือโดนแก่ง เรือชำรุดต้องซ่อม  มายังไม่ได้
ได้ฝากหนังสือกับแป้งร่ำมาให้กับผู้มีชื่อ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ค. 06, 09:37
 >i>รับของฝากแล้วให้นึกวิตกถึงมารดา    จึงฉีกซองหยิบหนังสือออกอ่าน
ในหนังสือสั่งสอนมาว่าอย่าลี้ราชการ  ให้มีความจงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตอนท้ายให้พรอย่างมารดาเคยให้
แต่มานึกฉงนกินใจเรื่องแป้งร่ำ

ประโยคท้ายนี้แสดงว่าแป้งร่ำที่มารดาเจ้าจอมเพิ่มฝากมาให้ หายไปไหนเสียก็ไม่รู้
คงได้แต่จดหมาย(ที่ท่านเรียกว่าหนังสือ)
แต่เจ้าจอมเพิ่มก็ไม่ได้บันทึกต่อ   ว่าท่านไปซักไซ้ไล่เลียงสอบถามหรือเปล่าว่าแป้งร่ำหายไปไหน
บางทีอาจจะได้มาทีหลัง  หรือไม่ก็หายสูญไปเลยไม่รู้จะสืบกับใคร
หรืออาจเป็นได้ว่าคนที่ท่านมารดาฝากมานั้น เป็นคนที่เจ้าจอมเพิ่มไม่อาจถามได้    จะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: tuka007 ที่ 13 ก.ค. 06, 12:44
 ทรงพระปรีชาจริงเลยนะคะ แต่งกลอนกันสดๆ อยากทราบจังว่าสมัยนั้นทรงอักษร ด้วยกระดาษ กับหมึกแล้ว ส่งให้กันอย่างไรนะคะ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ค. 06, 12:09
ขอแก้นิดหนึ่งค่ะ  เป็นโคลง กับกาพย์ห่อโคลงค่ะ  ไม่ใช่กลอน

การส่ง  บางครั้งพระราชทานโดยตรง หรือนำขึ้นถวายโดยตรง  
ถ้าอยู่ห่างกัน  ก็มีนางใน ทำหน้าที่เมสเซนเจอร์  
แต่เป็นเจ้าจอม หรือคุณพนักงาน หรือใคร ในข้อมูลไม่ได้บอกไว้


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ค. 06, 12:20
วันรุ่งขึ้น   เวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับที่เสวยเครื่องว่าง   พระราชทานโคลงกับข้าวเกรียบว่าวครึ่งแผ่น ดังนี้
โคลงพระราชนิพนธ์

ข้าวเกรียบครึ่งแผ่นนี้
รสยิ่งรสทิพย์ผี้
ขบเคี้ยวลืมหิว

คงเสวยไปครึ่งแผ่นแล้วแบ่งอีกครึ่งหนึ่งพระราชทานเจ้าจอมเพิ่ม ให้อร่อยด้วยกัน
กระจุ๋มกระจิ๋มดีไหมคะ

คุณจอมถวายโคลงตอบไปว่า

ข้าวเกรียบครึ่งแผ่นน้อย
ใช่จะแกล้งกล่าวถ้อย
ค่อยเคี้ยวคงหิว

ก็พระราชทานโคลงกลับมาว่า

หน้าจ๋อยจิ๋วจืดแท้
กินครึ่งแผ่นนี้แก้
อาจให้คืนคง

คุณจอมก็ถวายกลับไปอีกเช่นกัน

ใช่หิวหน้าจ๋อยนั้น
เพราะคะนึงสุดกลั้น
ทุกเช้าเหงาทรวง


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: กุรุกุลา ที่ 14 ก.ค. 06, 16:25
 มานั่งกินลมชมกลอนด้วยคนครับ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ค. 06, 08:00
 เจ้าจอมเพิ่ม เขียนบันทึกเล่าถึงการเดินทางไว้ว่า

" ได้โดยเสด็จพระเจ้าอยู่หัวประพาสครั้งนี้   ได้เห็นเขาชนไก่ตั้งแต่พื้นตลอดขึ้นไปบนเขา   ไม่มีต้นไม้และหญ้าต่างๆ เตียนแลระรื่น
กล่าวว่าเขานี้ขุนช้างเคยมาชนไก่   ได้เห็นพระปรางค์ยอดชำรุด  
กล่าวกันว่าพระปรางค์ยายทองประศรีสร้าง  และได้เห็นหินดาดลาดหญ้า

ต่อมาเสด็จกลับกรุงเทพ ฯ ทางชลมารค    มาตามลำน้ำนครไชยศรี  หยุดประทับบางนกแขวก
ได้ตามเสด็จ พากันขึ้นไปเที่ยวตามไร่พวกจีน  ถอนหอมกระเทียมบรรทุกมาในเรือ
เวลาล่องเรือมา เวลากลางคืน  เดือนหงายแจ่มสว่าง  เป็นที่เพลิดเพลินใจมาก


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ค. 06, 08:13
กลับจากกาญจนบุรีแล้ว  โปรดเกล้าฯไม่ต้องให้ออกไปเรียนหนังสือ   ให้ขึ้นเฝ้าตามโมงยามอยู่หลายเดือน
ต่อแต่นั้น  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฉลองวัดบรมวงศ์  ได้โดยเสด็จพระราชดำเนินด้วย
ที่บริเวณรอบๆพระอุโบสถดูเป็นน้ำไปหมด    เวลาค่ำปักโคมกระดาษดอกบัวบานเกลื่อนกลาด
รุ่งขึ้นเวลาบ่ายไปเที่ยวทุ่งนา   ประทับแรมอยู่ ๒-๓ ราตรี เสด็จกลับ
ต่อนั้นมาก็ไม่ได้เสด็จทางไกล   เสด็จเที่ยวพระราชวังบางปะอิน

วันหนึ่งเป็นวันแจกเบี้ยหวัดที่ท้องพระโรงหน้า    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับทอดพระเนตร
ได้ตามเสด็จไปพักอยู่ที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ  
ท้าวทรงกันดาล(วัน) เป็นประธาน   คุณเสมียนชุ่มเป็นผู้ขานบัญชี   เรียกนามธิดาเจ้าจอมผิด   จึงโปรดเกล้าฯให้ข้าพเจ้าขานบัญชีเบี้ยหวัด จนเสด็จขึ้น

ในวันนั้น โปรดเกล้าฯให้ท่องพระบรมนามาภิไธย    แล้วมีพระราชกระแสว่าจะใคร่เสด็จบางปะอินเช้า  เย็นกลับ  
แต่ก็เป็นหลายราตรี ก็ยังมิได้เสด็จ   จึงทูลเกล้าฯถวายโคลงกราบบังคมทูลถาม  ดังต่อไปนี้

จักประพาสพักนี้....................บางปะอิน
โปรดเกศเหตุอยากยิน............ใคร่รู้
ฤๅเสด็จจักให้กิน....................ชลเนตร
ฤๅพระแสร้งกระทู้...................ตรัสให้ใจตรม

อ่านแล้ว รู้สึกว่าคุณจอมเพิ่มคงเป็นเจ้าจอมที่ทรงโปรดปรานมาก   ปกติไม่ใช่วิสัยที่ใครจะไปทูลถามพระเจ้าอยู่หัวว่าจะเสด็จหรือไม่เสด็จ   หรือทำไมไม่เสด็จที่ไหนสักที


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: หัวหมู่ทะลวงฟัน ที่ 16 ก.ค. 06, 17:09
 เข้ามาอ่าน และก็รายงานตัวครับ เพิ่งเข้ามาครั้งแรก แล้วติดใจต่อคงเข้ามาอีกครับ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: หัวหมู่ทะลวงฟัน ที่ 16 ก.ค. 06, 17:13
 อยากให้อาจารย์เล่าถึง เจ้าพระยาบดินทร์เดชาที่เป็นขุนศึกใน รัชกาลที่ 3 หน่อยครับ ทีได้ไปปกครองเขมรนะครับ ขอบคุณครับ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.ค. 06, 19:31
 สวัสดีค่ะ
ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา มีอยู่ในหลายเว็บ  ลองใช้กูเกิ้ลค้นดูก่อนดีไหมคะ
**************************
ต่อ
พระราชนิพนธ์ที่พระราชทานตอบกลับมาก็คือ
จักไปแกล้งใช่กล่าว...................ลองใจ
จริงจิตจักอย่างไร.............................ก็รู้
จักไปฤๅมิไป...................................ไนยเปล่า
คงแต่เราดอกสู้.................................สั่งเจ้าจนเคือง


เมื่อทรงพ้อมาอย่างนี้  คุณจอมก็ถวายโคลงตอบกลับไป ว่าไม่ได้เคืองอะไรทั้งสิ้น
เยียใยทรงสั่งแค้น......................เคืองจิต
ข้อยบ่มีคู่คิด....................................ห่างไท้
เพราะทรวงห่วงลิขิต..........................แรมฤๅ กลับนอ
เพื่อจักได้เตรียมไว้...........................เคร่าถ้าฝ่าละออง


ต่อจากนี้เป็นโคลงรักหวานค่ะ
พระราชนิพนธ์
พรุ่งนี้จักยาตรแล้ว......................จะกลับ มานา
ร้อนจิตด้วยจักลับ..............................จากเจ้า
ยามค่ำจุ่งคอยรับ...............................ให้พบ หน่อยแฮ
แม้ติดธุระเข้า....................................กลับแล้วจักเหลว


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.ค. 06, 10:16
 คำตอบจากคุณจอมก็หวานไม่น้อยกว่ากัน  มีตัดพ้อเสียด้วย

ทรวงอัดดำรัสนี้..............ดุจพระ แหนงฤๅ
ข้าพระบาทฤๅจะ..................นอกไท้
กิจใดย่อมสละ.....................จากจิต
คงแต่ละห้อยไห้...................มุ่งถ้าเสด็จคืน


พระราชนิพนธ์ที่พระราชทานกลับมา ก็เลยทั้งหวานทั้งปลอบ และตัดพ่อต่อว่าพร้อมเสร็จ
คิดคิดจักอยู่ค้าง.............แรมคืน หนึ่งนา
แต่อกป่วนปานปืน.................พิษต้อง
จนจิตจักจำฝืน......................ใจอยู่  เล่าแฮ
ห่วงฤๅหายฝ่ายน้อง...............นุชน้อยจะละเลิง


เจ้าจอมเพิ่ม ท่านก็มีปฏิภาณเฉียบคมไม่น้อย    สามารถที่จะตอบถวายได้  อ่านแล้วคิดว่าคงจะสบพระราชอัธยาศัย

คำลือเตรียมเสด็จค้าง.......แรมคืน
รับโศกทรวงโทรมกลืน............เก็บไว้
แม้แรมต่อสุดฝืน....................ความคิด คนึงนา
จะละเลิงใดได้......................จิตเศร้าเหงาทรวง


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 18 ก.ค. 06, 09:12
 ผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่งครับ นานมาแล้ว แต่มิกล้าถามใคร

เจ้าจอมเพิ่ม  ท่านมีผลงานโคลงกลอนอยู่มาก
เป็นเจ้าจอมที่โปรดมากคนหนึ่ง
แต่ทำไม พอจะหาอ่านเรื่องราวของท่าน  รวมทั้งผลงาน
กลับหาข้อมูลเหล่านี้ได้ไม่ง่ายนัก
เปรียบเหมือนยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร

หรือเพราะท่านไม่มีทายาทที่จะร่วมกันเชิดชูเกียรติคุณ?


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ค. 06, 09:54
 ดิฉันก็ถามตัวเองเช่นเดียวกับคุณ  ว่าทำไมเรื่องราวของเจ้าจอมเพิ่มถึงไม่เผยแพร่เท่าที่ควร
หนังสือที่ดิฉันได้มา   ผู้เขียนเขียนเมื่อพ.ศ. ๒๕๐๓  คือ ๔๖ ปีมาแล้ว  เก็บความจากบันทึกของเจ้าจอมเพิ่มอีกที
แต่ตัวบันทึกของจริงนั้นลงในหนังสืออนุสรณ์ หรือหนังสืออะไร  ผู้รวบรวมไม่ได้บอกไว้  
และที่น่าเสียดายก็คือบันทึกที่นำมาลงนั้น ขาดหายไปห้วนๆ ไม่มีตอนต่อ นอกจากไปสรุปบั้นปลายชีวิตท่านอย่างรวบรัด

สิ่งสำคัญก็คือ ไม่ได้มีแต่โคลงของเจ้าจอมเพิ่ม    แต่มีโคลงพระราชนิพนธ์รวมอยู่ด้วยจำนวนมาก
เป็นโคลงที่ไพเราะ  ควรแก่การนำมารวบรวมและศึกษา
แต่ก็เรียกได้ว่า เกือบไม่มีใครรู้จัก

ถ้าหากว่าใครมีรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องนี้ หลังจากกระทู้มาถึงตอนท้ายแล้ว
ขอช่วยต่อเติมให้สมบูรณ์ด้วยค่ะ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 18 ก.ค. 06, 14:51
 ขอบพระคุณมากครับ

คุณครูที่เคารพของผมท่านหนึ่ง  ท่านเคยทำรายงานหรือวิทยานิพนธ์อะไรทำนองนี้แหละ  เกี่ยวกับโคลงกลอนของท่านเจ้าจอมเพิ่ม  แล้วอาจารย์ที่ปรึกษาเก็บไว้  ไม่ได้คืนให้  เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณ ๓๐ ปีแล้วครับ

คุณครูท่านนั้น  ผู้ที่ใกล้ชิดย่อมยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้ว่าท่านเป็นพหูสูตร  ท่านต้องศึกษาลุ่มลึกอย่างแน่นอน  และผมก็เชื่อว่าท่านคงเก็บข้อมูลไว้มาก  จากหลายแหล่งที่เราไปค้นกันได้ไม่ง่ายนัก  แล้วก็ต้องสมบูรณ์พอควร

ท่านบอกว่าเสียดายงานชิ้นนั้นเหมือนกัน  ตอนหลังไม่ค่อยมีเวลาไปศึกษาลึกๆ อย่างนั้นอีกแล้ว  ก็ต้องปล่อยไปบ้าง  ถึงแม้จะรักหรือเสียดายเพียงใด

ผมพอจะคลายใจได้บ้างแล้วครับ  ที่ผมไม่ได้เป็นเพียงผู้สงสัยเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ค. 06, 16:19
 งานที่ครูคุณทำคงจะเป็นรายงานประจำภาค  หรือวิทยานิพนธ์ปริญญาตรี  จึงมีชุดเดียว   อาจารย์ที่ปรึกษาเก็บไปก็เป็นอันว่าไม่มีอีก
ถ้าเป็นวิทยานิพนธ์ปริญญาโท  มีหลายก๊อปปี้  เจ้าตัวต้องมีเก็บไว้เองแน่นอน
คุณครูน่าจะมีฉบับร่างตอนทำงานส่ง  แต่เวลาตั้ง ๓๐ ปี  คงไม่ได้เก็บไว้แล้ว
ถ้าคุณจะค้นเรื่องนี้  ลองไปที่หอสมุดแห่งชาติน่าจะมีนะคะ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: tuka007 ที่ 18 ก.ค. 06, 20:27
 อ่านโคลงที่ได้พระราชทานให้เจ้าจอมต่างๆ แล้วทึ่งในอัจฉริยะภาพของ พระองค์ท่านมากๆเลยนะคะ  แล้วก้อเป็นโคลงที่ อ่านแล้ว หวานมากๆ นึกแล้ว ขนาดท่านมีเมียเยอะ แต่ก็ทรงรักทุกคนเลยนะคะ  


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: Andreas ที่ 18 ก.ค. 06, 21:21
 Just came back from field work operation kharb....
I therefore would like to say "Hello" to Khun PinkandGrey kharb.

Let me read through this topic, I will talk to you later na kharb.

Best Regards
Andreas


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ค. 06, 08:39
 กระทู้นี้ พระราชทานให้เจ้าจอมเพิ่มคนเดียว  คุณ tuka007 หมายถึงเจ้าจอมท่านไหนอีกคะ
อย่าใช้คำว่า ท่านมีเมียเยอะ  เลยค่ะ ฟังไม่เหมาะสม     ใช้ว่าทรงมีเจ้าจอมเป็นจำนวนมาก จะรื่นหูกว่า

มาสวัสดีคุณ Andreas ค่ะ  หายหน้าไปนานทีเดียว


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ค. 06, 08:48
 ต่อจากคหพต. 67

ในช่วงนี้มีบทถามตอบกันไปมาอยู่หลายบท   ขอนำมาลงติดต่อกันไปเลยนะคะ ไม่มีบรรยายคั่น

พระราชนิพนธ์ที่พระราชทานตอบมา  

ความอยากจะให้อยู่.................ค้างคืน  เห็นแฮ
แต่ปากดอกหากฝืน......................เหนี่ยวรั้ง
จริงใจก็คงยืน..............................อย่างเยี่ยง ใจนา
เหมือนปากปิดฟันกลั้ง...................พลาดแย้มคงเห็น


บทโคลงของเจ้าจอมเพิ่ม

ความสัตย์ใช่อยากให้...............พระจาก ไกลเฮย
เวลาเชื่อเพราะลมปาก...................กล่าวแสร้
พลังแล้วก็ลำบาก..........................บ่กลับ  ได้นา
เศร้าจิตผิดสุดแก้..........................กล่าวนี้ควรแหนง


พระราชนิพนธ์

คอยคอยน้อยฤๅเจ้า..................จอมอนงค์
คู่หนึ่งสิลืมหลง...............................หมดแล้ว
อื่นฤๅอื่นจักคง...............................ดังกล่าว
หากว่าพ้นพักตร์แคล้ว.....................คลาดหน้าคงลืม

เจ้าจอมเพิ่มทูลตอบกลับไปด้วยกาพย์ห่อโคลง

ทรงคอยข้าบาทช้า..................ความผิด  จริงนอ
แต่ใช่ลืมความพิศ-.........................วาสไท้
คำกล่าวก็ตั้งจิต.............................จำมั่น
โปรดเกศเหตุนี้ไซร้........................โทษต้องคนตาม

ทรงคอยเป็นความผิด.....................แต่ใช่จิตไม่จ่อให้
กล่าวคำจริงจำไว้...........................ได้ทรงโปรดโทษต้องตาม


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ค. 06, 09:02
 และอีกบทหนึ่งของเจ้าจอมเพิ่ม ที่ถวายต่อเนื่องกับตอนก่อนหน้านี้

จิตตั้งหวังมอบไว้.......................ซึ่งความ เสน่ห์นา
ใช่คิดปองสองสาม...........................สี่ห้า
สิ่งใดไม่ทรงถาม..............................ข้าบาท บ้างเฮย
ด่วนเสด็จเด็ดข้า...............................บาทให้อยู่เดียว


พระราชนิพนธ์
ยินคำอำมฤตเจ้า.......................โทรมกาย พี่ฤๅ
จักจากฉันใดวาย.............................สวาทน้อง
ดุจจิตพี่จักสลาย..............................เพราะจาก นุชนา
กายจากแต่จิตข้อง...........................อยู่ขู้เคียงนาง


เจ้าจอมเพิ่ม
พระสุนทรพจน์ปลื้ม...................อภิเปรย
ลับพักตร์จักลืมเลย..........................โปรดเกล้า
ข้าบาทบ่เสบย................................จิตหวั่น
นึกแน่ไผทเจ้า................................จากด้วยจืดจาง


พระราชนิพนธ์
จักพูดดุจกล่าวแกล้ง...................ปดนาง เล่นเฮย
ไปจากใช่จิตจาง.............................จืดเจ้า
แรกรักแต่เริ่มปาง............................ฤๅเริด ร้างแฮ
เห็นทุกขวบค่ำเช้า...........................จากข้าฤๅเดิม


เจ้าจอมเพิ่มถวายกาพย์ห่อโคลง
อนิจจาจะขาดเฝ้า.....................เช้าเย็น
ประดุจเดือนบ่เห็น..........................บาทไท้
เวรตามส่งความเข็ญ........................พระจาก ไกลเฮย
สุดโศกยั้งบ่ได้...............................จิตเศร้าเหงาทรวง

จะขาดเฝ้าทั้งเช้าเย็น......................ดุจเดือนเพ็ญบ่เห็นไท้
พระจากเวรสร้างไว้.........................ได้รับเศร้าแสนเหงาทรวง


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ค. 06, 09:18
เจ้าจอมเพิ่มบันทึกเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ว่า
วันรุ่งเช้า   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับห้องเหลือง   ทรงพระราชทานพระบรมรูป  มีโคลงเบื้องหลังพระบรมรูป ๒ บท
ได้นิพนธ์โคลงใส่กระดาษทูลเกล้าฯถวายไป ๒ บท
มีพระดำรัสพอควรแก่เวลาแล้วเสด็จบางปะอินแต่เช้า

โคลงที่หลังพระบรมรูป ดังต่อไปนี้
เวลาจวนจำจากเจ้า................จักจร แล้วนา
พี่จักลาจอมสมร...........................แม่ร้าง
แม้นุชแม่อาวรณ์..........................ถึงพี่ ชายแฮ
ฝากแต่รูปพี่ค้าง...........................คู่เจ้าจักเห็น

ตัวไปถ่ายรูปไว้...........................ทั้งจิต ใจนา
รูปช่วยเตือนวรคิด........................อย่าม้วย
แม้ลืมมลายพิศ-..........................วาสพี่ ไปแฮ
รูปช่วยเตือนนุชด้วย.....................อย่าให้เลยลืม


พระราชนิพนธ์สองบทนี้ หวานจับจิตจริงๆ  อ่านแล้วนึกถึงกำศรวลศรีปราชญ์  เยี่ยมยอดทั้งสองกวี

สารนี้นุชแนบไว้..........ในหมอน
อย่าแม่อย่าควรเอา........อ่านเหล้น
ยามนอนนาฎก์เอานอน...เป็นเพื่อน
คืนค่ำฤๅได้เว้น............ว่างใด


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: tuka007 ที่ 19 ก.ค. 06, 12:10
 มากราบขออภัย อาจารย์ค่ะที่ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ค. 06, 11:31
โคลงตอบจากเจ้าจอมเพิ่ม ก็คือ
เทวษเนตรชุ่มด้วย...............ชลนา
โคลงแต่งต่างพักตรา.................ค่อยน้อย
ฝากโศกใส่สารา.......................ตามเสด็จ
เพื่อทราบจิตละห้อย..................จ่อไท้ไป่จาง

บัดเดี๋ยวเสด็จด้าว......................แดนไกล
แลจะลับอาลัย..........................ผ่านหล้า
เหงาจิตคิดเศร้าใจ.....................ไป่สร่าง
ทรงระลึกค่ำข้า.........................บาทขึ้นปรางค์คอย


ฝีปากของเจ้าจอมเพิ่มไพเราะคมคายไม่น้อยเลย   น่าเสียดายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้กัน
ไม่งั้นก็คงเป็นที่เชิดชู เหมือนคุณพุ่มและคุณสุวรรณ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับจากบางปะอินเวลาบ่าย   เวลาค่ำเสด็จถึงพระนคร  รุ่งขึ้นประทับที่เสวยพระกระยาหาร  พระราชทานโคลงดังต่อไปนี้

จากไปใจจอดเจ้า..................จริงตรง
แต่ไม่มีที่คง.........................คู่อ้าง
แม้ถ่ายรูปรักลง.....................กระดาษ ได้แฮ
จะซู่เสียทรัพย์จ้าง.................จุ่งเจ้าเห็นใจ


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ค. 06, 11:35
โคลงตอบของเจ้าจอมเพิ่ม

ยามนี้รับใส่เกล้า.................พจมาน
รูปรักและพยาน........................ปลดได้
หวั่นจิตคิดถึงกาล......................ผ่ายน่า
นานเนิ่นนึกเกรงไท้....................จักสิ้นทรงโคลง


พระราชนิพนธ์บทนี้เพราะมาก

ความรักจักเปรียบด้วย...........ใบบัว
เด็ดกิ่งยังใยพัว..........................ห่อนม้วย
บริสุทธิ์ฤๅจักกลัว.......................ใบเน่า ไฉนนา
รักต่อรักร่วมด้วย.........................เด็ดได้ฉันใด


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ค. 06, 18:40
 โคลงตอบที่เจ้าจอมเพิ่มถวาย

ข้าบาทหวาดจิตด้วย................เคยเห็น
ทรงพระการุญเป็น........................มากผู้
พระสลัดตัดกระเด็น......................เด็ดสวาท
ข้าบาทฤๅจักขู้............................เสน่ห์ไท้วายชนม์


พระราชนิพนธ์

บัวโรยราเริดร้าง..................แรมไป
เพราะสัตว์พิบัติใบ......................บ่อนไส้
ถึงโรยเท่าไรไร.........................กลับงอก ใหม่นา
กลัวก็กลัวแต่ให้........................คิดแล้วคงเห็น


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ค. 06, 20:58
 คำตอบของเจ้าจอมเพิ่ม  อ่านแล้วก็เหมือนกับการถวายสัจจะในความจงรักภักดี

บัวจักกลับงอกนั้น............สุดตรอง เห็นเฮย
แม้ปลดปลิดจิตปอง................ชิดใช้
ขอเห็นฤๅรับรอง.....................ราชกิจ
พระจืดบจางไท้..................... ชีพข้าขอถวาย


น่าเสียดายว่าในหนังสือ " ชุมนุมยอดหญิงของไทย" โดย ไทยน้อย   จบลงแบบห้วนๆแค่นี้  
ไม่มีคำบอกเล่าต่อว่าโคลงของเจ้าจอมมีมากกว่านี้อีกหรือไม่  ท่านหยุดเขียนเมื่อไร
และเหตุการณ์ที่ได้ตามเสด็จครั้งต่อๆไปเป็นยังไง

ไปค้นประวัติของเจ้าจอมเพิ่ม จากหนังสือ "พระบรมราชินี และ เจ้าจอมมารดา "ของคุณ ส.พลายน้อย  พบเพียงไม่ยาวนักว่า

"เป็นธิดาขุนสมุทรสาคร(ยอด) และท่านขำ เสมียนพระคลังใน
ท่านขำเป็นธิดาพระยาวิเศษภักดี (เถี้ยนจ๋ง)
เจ้าจอมเพิ่มเกิดเมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๐๐  เมื่ออายุ ๕ ขวบได้เข้าถวายตัวเป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาทในสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  
และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้อยู่ในละครสำรับเล็ก   ได้เป็นศิษย์ของคุณโต(แย้ม อิเหนา)
ถึงรัชกาลที่ ๕ เมื่ออายุ ๑๗ ปี  ทรงพระกรุณายกขึ้นเป็นเจ้าจอมอยู่งาน   ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง และได้รับพระราชทานเงินกลางปีอีก ๕ ชั่ง


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ค. 06, 21:01
  ต่อมาได้รับพระราชทานหีบหมากกะไหล่ทอง   และหีบหมากตราจุลจอมเกล้า
พ.ศ. ๒๔๕๔ในรัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้เป็นท้าวภัณฑสารนุรักษ์  ตำแหน่งพระคลังใน
เจ้าจอมเพิ่มถึงอนิจกรรม  เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายา พ.ศ. ๒๔๙๔
อายุได้ ๙๔ ปี


จบแค่นี้ค่ะ  อยากฟังความเห็นของท่านที่เข้ามาอ่าน


กระทู้: เจ้าจอมเพิ่ม กวีหญิงแห่งราชสำนัก
เริ่มกระทู้โดย: tuka007 ที่ 24 ก.ค. 06, 20:37
 ท่านอายุยืนมากนะคะ ท่านอยู่ถึง 6 แผ่นดินเชียวหรือคะ เท่าที่ได้ตามอ่านมา ท่านมีพรสวรรค์ในทางกวีจริงๆ  เหตุใดจึงไม่มีงานของท่านมากกว่านี้ล่ะคะ แล้วทายาทของท่านไม่เก็บงานที่ทรงคุณค่าไว้เลยหรือ น่าเสียดายจังค่ะ