สัปดาห์นี้ มีเรื่องเล่าจากคุณเทาชมพูอีกแล้ว เราสองพี่น้องมาจาระไนให้ฟังต่อนะเจ้าคะ
|
เร็วๆนี้ หนังสือพิมพ์มติชนลงข่าวว่า ศาสตราจารย์วาร์ด เอลเลียต แห่งวิทยาลัยแคลมองต์ แมคเคนนา ให้สัมภาษณ์ว่า ศาสตราจารย์อีกคนหนึ่งทางสาขาคอมพิวเตอร์ชื่อ ร็อบ วาเลนซา ได้ค้นคิดโปรแกรมเพื่อทดสอบงานของกวีชื่อดังในสมัยพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ ๑ แล้ววิเคราะห์ว่างานทุกชิ้นของเชกสเปียร์นั้น เชกสเปียร์เป็นคนเขียนเองทั้งหมด แตกต่างจากบรรดาผลงานของกวียุคสมัยเดียวกัน อาทิ ฟรานซิส เบคอน , คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ และ เซอร์เอดเวิร์ด ไดเยอร์ ที่ถูกทดสอบแล้วว่าไม่ใช่งานเขียนของพวกเขาทั้งหมด อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์เอลเลียตกล่าวว่าเขายังไม่ยืนยันข้อสรุปดังกล่าว แต่หวังว่าจะได้รับความสนใจจากนักวิชาการในสาขานี้
ข่าวแบบนี้ไม่ใช่ข่าวใหญ่เอี่ยมหากแต่เป็นข่าวประเภทผุดขึ้นเป็นระยะๆในวงวรรณคดีแล้วเงียบหายไปในเวลาไม่นาน ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะหมดไปจากโลก วันดีคืนดีก็มีข่าวออกมาอีกว่าเชกสเปียร์ไม่ได้เป็นคนเขียนบทละครหรือบทกวีที่เชื่อกันมาแต่เดิมว่าเขาเขียน แล้วก็จะมีข่าวโผล่ออกมาแย้งว่าเขาเป็นคนเขียนจริงๆ สลับกันไป จนนักวิชาการสามารถจัดเป็นหัวข้อวิชาเรียนหรือหัวข้อตำราได้เล่มหนาๆเรียกกันว่า Shakespeare Forgery คือ “บทกวีที่เรียนกันนั้นเป็นของเชกสเปียร์ตัวจริงหรือตัวปลอม”
ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้อาจจะสงสัยว่านี่เรื่องอะไรกันถึงต้องพิสูจน์กันว่าเชกสเปียร์เป็นคนเขียนแล้วใครจะเขียน เรื่องอย่างนี้ต้องพิสูจน์กันด้วยหรือ ไม่ใช่เรื่องที่รู้แจ่มแจ้งแต่แรกหรอกหรือ เหมือนเรารู้ว่า สุนทรภู่แต่ง พระอภัยมณี เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ นิพนธ์ นันโทปนันทสูตรคำหลวง หรือเจ้าพระยาคลัง (หน) แต่งเรื่องกากีหรอกหรือ
คำตอบก็คือ เปล่าเลย เราไม่ได้รู้กันแจ่มแจ้งสำหรับเชกสเปียร์
ในช่วงเวลา ๒๖๒ ปีที่ผ่านมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยังถกเถียงกันอยู่โดยบุคคลผู้มีชื่อเสียงและนักวิจารณ์วรรณคดีหลายคนว่า วรรณคดียอดเยี่ยมของโลกที่เรารู้จักกันในนามของวรรณคดีเชกสเปียร์นั้นความจริงแล้วนายวิลเลียม เชกสเปียร์ซึ่งเกิดเมื่อ ค.ศ.๑๕๖๔ และตายเมื่อ ค.ศ.๑๖๑๖ เป็นแต่เพียงตัวหุ่นเชิดของกวีสักคนหรือหลายคน ซึ่งไม่อาจเปิดเผยนามจริงแก่สาธารณชนได้ จึงต้องอาศัยผู้จัดการโรงละครนามว่าวิลเลียม เชกสเปียร์เป็นผู้แต่ง โดยที่ตัวผู้จัดการคนนั้นเป็นคนไม่มีความรู้หรือความสามารถอย่างดีพอจะแต่งได้ แม้แต่บทเดียวหรือเรื่องเดียว
ความสงสัยข้อนี้ปรากฏเป็นหลักฐานครั้งแรกใน ค.ศ.๑๗๒๘ หลังจากเชกสเปียร์ตายไปแล้ว ๑๑๒ปี ในหนังสือเล่มเล็กๆแต่งโดยนักเขียนไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งชื่อ กัปตันโกลดิง ให้ชื่อหนังสือว่า An Essay Against Too Much Reading หนังสือทั้งเล่มไม่มีตอนไหนน่าสนใจ ยกเว้นข้อความเดียวที่ว่า
“เชกสเปียร์เป็นกวีผู้ยิ่งใหญ่ เหนือกว่าผู้คนตั้งค่อนโลก แต่ก็น่าแปลกใจ ในเมื่อเขาไม่ใช่นักปราชญ์ไม่ใช่นักภาษา ไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ ดูตามประวัติแล้ว ไม่น่าจะแต่งอะไรได้เลยด้วยซ้ำ”
ข้อปรารภข้อนี้เปรียบเหมือนการจ่อไม่ขีดก้านแรกเข้ากับน้ำมัน หลังจากนั้นไฟก็ลุกลามเรื่อยต่อมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันมีผู้ตอบสนองข้อสงสัยข้อนี้ติดต่อกันมาไม่ขาดระยะ พอรวบรวมงานวิเคราะห์วิจารณ์ที่สำคัญๆได้ดังนี้
-เฮอร์เบิร์ต ลอเรนซ์ เขียนไว้ในหนังสือชื่อ The Life And Adventure Of Common Senses (๑๗๖๙) เขาเชื่อว่ากวีที่แท้จริงผู้เขียนบทละครเหล่านี้น่าจะเป็นผู้ที่ซ่อนเร้นนามจริงไว้ จะเป็นใครก็ตามแต่ไม่ใช่เชกสเปียร์
-หลังจากความคิดของลอเรนซ์ เสนออกมาแล้ว คนแรกที่เสนอข้อวิเคราะห์ซึ่งมีผู้เชื่อมากที่สุดในบรรดาผู้ไม่เชื่อในตัวเชกสเปียร์ก็คือ ท่านสาธุคุณเจมส์ วิลม็อต ใน ค.ศ.๑๗๘๕ ท่านเสนอว่าเซอร์ฟรานซิส เบคอน นักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงเด่นที่สุดในยุคพระราชินีอลิซาเบธที่ ๑ คือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
-ต่อจากนั้นฟรานซิส ซี.ฮาร์ท อดีตกงสุลอเมริกันประจำซานตาครูซ เขียนไว้ในหนังสือ The Romance of Yachting ว่าเจ้าของโรงละครชื่อ วิลเลียม เชกสเปียร์ เมื่อพิจารณาจากประวัติแล้วไม่มีความรู้หรือคุณสมบัติน่าเชื่อถือพอจะเป็นเจ้าของวรรณคดีเด่นระดับโลกได้
เมื่อถึง ค.ศ.๑๘๕๗ ขบวนการผู้ไม่เชื่อถือตัวเชกสเปียร์ก็พุ่งขึ้นสู่บทบาทสูงสุด เป็นที่กล่าวขวัญและยอมรับกันอย่างแพร่หลาย นำโดยผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ เดเลีย เบคอน เธอเขียนบทความเรื่อง Shakespeare and His Plays : An Inquiry Concerning Them ต่อมาเขียนหนังสือชื่อ The Philosophy of the Plays of Shakespeare Unfolded (๑๘๕๗) เธอวิเคราะห์ว่าบุคคลหลายคน เช่น เซอร์ฟรานซิส เบคอน , เซอร์วอลเตอร์ ราเล่ห์ และเอ็ดมันด์ สเปนเซอร์ เป็นกลุ่มนักเขียนที่ร่วมมือกันแต่งบทละครเหล่านั้น
บทวิจารณ์ของเดเลีย เบคอนได้รับความสนใจอย่างสูงจากหมู่นักอ่านและนักวรรณคดีในยุคนั้น บุคคลผู้มีชื่อเสียงในวงวรรณคดีหลายคนเห็นคล้อยตามไปด้วยว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ในจำนวนนี้มีนักประพันธ์ผู้โด่งดังแห่งยุค เช่น มาร์ค ทเวน และนาธาเนียล ฮอว์ธอร์น ถึงกับมีการกล่าวกันว่า เจมส์ รัสเซลล์ โลเวลด์ เป็นผู้ออกปากว่า
“เดเลีย เบคอนเป็นผู้ตั้งคำถามที่จะไม่มีวันยุติคำตอบได้ตลอดกาล”
นอกจากเดเลีย เบคอนแล้ว ผู้ที่ยึดแนวความคิดของเธอจนวิเคราะห์ได้ผลคล้ายคลึงกันสืบต่อมา ก็มีวิลเลียม เฮนรี สมิธ ซึ่งเห็นพ้องกันว่าเบคอนเป็นผู้แต่งงานวรรณคดีของเชกสเปียร์ เขียนไว้ในหนังสือที่ยืดยาว