เรือนไทย

สิงหาคมกำลังจะผ่านไปแล้วอีกหนึ่งเดือนครับ อีกไม่กี่วันก็จะขึ้นเดือนกันยายน
...

(กันยายนแปลว่าอะไรใครทราบบ้างเอ่ย ช่วยบอกทีครับเพราะผมไม่ทราบ
โฮ่ๆๆๆ )


/>
มาดูกันดีกว่าว่าเดือนนี้มีอะไรสำคัญในประวัติศาสตร์โลกบ้าง
/>
ตอนนี้เรื่องอียิปต์กำลังมาแรง คงต้องพูดถึงเรื่องนี้ก่อนครับ
/>


วันที่ 2 กันยายน เมื่อ 31 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นวันที่
มาร์กแอนโทนี่ (Mark Antoni) พ่ายแพ้สงครามเรือแก่ อ็อกโตเวียน (Octovian)
ในยุทธนาวีที่ Actium
/>
ว่ากันว่าสงครามครั้งนี้เป็นผลสำคัญที่ทำให้อารยธรรมโรมันยั่งยืน
เพราะถ้าหาก มาร์กแอนโทนี่ กับ คลีโอพัตรา ชนะ
ประวัติศาสตร์โลกคงจะต้องเปลี่ยนอีกหลายอย่าง
อารยธรรมอียิปต์อาจจะเป็นอารยธรรมหลักในยุโรปก็ได้ ...


/>
ถ้าผมจำไม่ผิดรู้สึกว่ากองทัพเรือของแอนโทนี่
กับคลีโอพัตรานั้นมีมากกว่าของ Octovian แต่ความได้เปรียบเรื่องจำนวนเรือ
กลับกลายเป็นความเสียเปรียบในการรบ

เพราะยากแก่การส่งกำลังบำรุง
/>


เริ่มรบกันไม่นาน คลีโอพัตราผู้หลักแหลม
ก็มองเห็นว่าสงครามครั้งนี้คงจะต้องปราชัย

เธอจึงแล่นเรือหนีออกไป
พอมาร์กแอนโทนี่ เห็นยอดดวงใจแล่นเรือหนี ก็หมดไม่สนใจที่จะรบ
กระโดดลงน้ำ?...เอ้ยไม่ใช่ลงเรือเล็กตามครีโอพัตรากลับไป


/>
กรรมมาตกอยู่ที่ทหารอียิปต์ เห็นแม่ทัพของตัวเองคือ มาร์ก แอนโทนี้
หนีตามภรรยาไปซะแล้ว ก็เลยเสียขวัญ หมดแรงสู้รบ
สุดท้ายก็ถูกกองทัพเรือโรมันถล่มซะเละ จมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน


/>
ข้างล่างนี่คือรูปปั้นทองเหลืองของ Octovian รูปนี้ขุดพบใน Nubia
(หรือประเทศซูดานในปัจจุบัน) ตามประวัติ Octovian เป็นบุตรของจูเลียด ซีซ่าห์
หนึ่งในชู้รักของพระนางคลีโอพัตรา (หรือหนึ่งในชายที่ถูกคลีโอพัตราหลอกใช้?
เพื่อความอยู่รอดของอียิปต์ของเธอ )


/>
หลังจากที่คลีโอพัตราเสียชีวิต Octovian ก็ได้เป็นจักรพรรดิ์ Augustus ที่1
ของอณาจักรโรมัน และแน่นอนฟาโรห์ของอียิปต์ด้วย เรียกว่าควบสอง
src='http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW750x000.jpg'>

ส่วนอันนี้เป็นรูปการรบที่ Actium จากในภาพยนต์คลีโอพัตราที่ อลิซาเบท เทเลอร์ นำแสดง

เมื่อปี 1963 (มั้ง?) รู้สึกว่ารูปจะเล็กไปหน่อย

ขอบคุณนะคะ...คุณจ้อที่มาเล่าเรื่อง อียิปต์.. ภาครบระหว่างรัก ...ให้ฟัง..สนุกและเพลินกะทัวร์ที่คุณจ้อพาไปเที่ยวค่ะ
ประวัติศาสตร์แถวนั้น...ก็มีครบทุกรส เลยนะคะ...
ท่าทางคุณจ้อ เชี่ยวชาญ เรื่องคลีโอพัตราจริงๆด้วย

๑ กันยายน ๒๔๑๑
ออกหนังสือพิมพ์รายวันฉบับแรกของไทย โดยพิมพ์ที่โรงพิมพ์หมอสมิธ ชื่อ Siam Daily Adviser

อ่า... คุณฝน ผมถนัดเป็นบางสาขาวิชาของคลีโอพัตราครับ  

ส่วนใหญ่จะได้รับการบอกเล่าจากคุณ นกข อีกทีครับ (โดยเฉพาะคลีโอพัตราสาขากรุงเทพฯ ฮ่าๆๆ)



ความจริงคลีโอพัตราเป็นผู้หญิงที่น่าศึกษา (หมายถึงให้แง่คิดดี ... ห้ามคิดลึกครับ ห้ามคิดลึก)

เธอนับว่าเป็นราชินีที่ทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของอณาจักร์ แม้แต่เอาตัวเองเข้าแลกก็ตาม

ถึงแม้ว่าภาพของคลีโอพัตราจะออกมาในทางผู้หญิงที่ใช้เสหน์ของตัวเองให้เป็นประโยชน์

แต่ตัวเธอเองนั้นรักในเกียติยศของราชวงค์ของตนเอง ยอมตายดีกว่าที่จะให้ Octovian นำตัวไปเป็นเชลยที่กรุงโรม

เรียกว่าขอตายอย่างราชีนี ดีกว่าอยู่อย่างทาส



ราชวงค์ของคลีโอพัตรานั้นไม่ใช่อียิปต์แต่สืบเชื้อสายมาจากกรีกของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ (มาเซโดเนีย)

ในปี 332 ก่อนค.ศ. พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ยึดอยิปต์ได้จากพวกเปอร์เซียแล้วก็ตั้งเมืองอเล็กซานเดียขึ้น

อเล็กซานเดียนั้นนอกจากเป็นเมืองหลวงแล้วยังเป็นศูนย์กลางของวิทยาการในสมัยนั้น อีกทั้งเป็นที่ตั้งของ

ห้องสมุดอเล็กซานเดีย อีกต่างหาก ( แต่ห้องสมุดดังกล่าวก็ถูกทำลายในช่วงของคลีโอพัตรานี่เอง)

อเล็กซานเดอร์นั้นเป็นคนไม่ชอบอยู่กับที่หรอกครับ แกชอบรบ ยึดอียิปต์ได้ก็ขี้เกียจอยู่ยกพลไปบุกเปอร์เซียต่อ

หลังจากที่อเล็กซานเดอร์ตาย ดินแดนที่ยึดครองไว้ได้ก็แบ่งกันไปให้กับแม่ทัพต่างๆ แม่ทัพคนหนึ่งที่ชื่อ Ptolemy

ก็ได้สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นฟาร์โรห์แห่งอียิปต์เมื่อราวๆ ปี 305 ก่อน ค.ศ. และเริ่มราชวงค์ Ptolemic

ซึ่งเป็นตะกูลของคลีโอพัตรานั่นเอง



ราชีนีในราชวงค์ Ptolemic นี้มีชื่อว่าคลีโอพัตราหลายคน แต่คลีโอพัตราที่เรารู้จักกันคือ คลีโอพัตราที่เจ็ดแห่งอียิปต์

( ส่วนจะมีคลีโอพัตราที่เจ็ดแห่งกรุงเทพหรือเปล่านั้น ต้องให้คุณแจ้งช่วยยืนยัน ฮา... )

ในปี 51 ก่อนค.ศ. คลีโอพัตราก็ขึ้นเป็นราชินีของอียิปต์ ด้วยอายุเพียงแค่ 18 ปี ตามประเพณีของอียิปต์นั้น

เธอจะต้องสมรสกับน้องชายของเธอเอง คือ Ptolemy XIII ซึ่งมีอายุเพียง 10 หรือ 12 ปี (เด็กไปๆ)

ว่ากันว่าคลีโอพัตรานั้นไม่ใช่ผู้หญิงที่สนใจความสวยความงามอย่างเดียว แต่ยังสนใจศาสตร์หลายสาขา

ทั้งวิทยาศาสตร์ ปรัชญา นอกจากนั้นยังมีความสามารถด้านภาษาอย่างมาก เป็นคนเดียวในราชวงค์ Ptolemic

ที่พูดภาษาท้องถิ่นของคนอียิปต์ได้



เมื่อไม่นานมานี้บริติสมิวเซียวได้จัดนิทัศการเกี่ยวกับคลีโอพัตรา มีการแสดงรูปปั้นหินบะเซอร์ทของเธอ

รูปปั้นนี้มีอายุระหว่าง 51 ถึง 30 ปีก่อนค.ศ. เรียกว่าน่าจะใกล้เคียงกับหน้าตาจริงของเธอมากที่สุด

สวยแค่ไหนเชิญชมกันเอาเองครับ ภาพนี้เอามาจากเว็ปของนิทัศการ (สัญลักษณ์รูปปั้นอิยิปต์ของคลีโอพัตรานั้น

จะเป็นราชินีองค์เดียวที่มีมงกุฎเป็นงูเห่าสามตัว คนอื่นๆจะมีแค่ตัวเดียวครับ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม

อาจจะเป็นเพราะโดนงูกัดตายมั้ง ... อันนี้มั่วล้วนๆ)

คลีโอพัตรา เป็นตำแหน่ง
แล้วพระนามจริง ๆ ของเธอล่ะคะ
นามว่าอะไร
แล้วลูก ๆ ของพระนางที่เกิดกับ ซีซาร์
ไม่แน่ใจว่า 2 หรือ 3 คน
เด็ก ๆ เหล่านี้มีชะตากรรมอย่างไรคะ

ลูกของคลีโอพัตราที่เกิดกับซีซาร์ มีเพียงคนเดียวครับคือ Caesarion

แต่เธอมีลูกที่เกิดกับมาร์กแอนโทนี่อีกสามคน

สองคนแรกเป็นฝาแฝดชายหญิง ผู้หญิงชื่อ Cleopatra Selene

ผู้ชายชื่อ Alexander Helios แล้วยังมีคนเล็กที่ชื่อ Ptolemaeus



ตอนที่ Octovian บกเข้าอเล็กซานเดียนั้นได้จับลูกๆของคลีโอพัตราไว้ได้ทุกคน

ยกเว้นคนโตคือ Caesarion ซึ่งเกิดกับซีซาร์ ได้หนีลงใต้ไปก่อน

ภายหลัง Caesarion ก็ถูกสังหารระหว่างที่ถูกจับกุมตัวกลับอเล็กซานเดีย



สำหรับคนอื่นๆหลังจากที่คลีโอพัตราเสียชีวิตนั้น Alexander Helios กับ Ptolemaeus หายสาบสูญไป เข้าใจว่าคงโดนสังหาร



ส่วนลูกสาวคือ Cleopatra Selene แต่งงานกับพระราชา Juba II ไม่แน่ใจว่าเป็นเมืองใดครับ



ชื่อจริงของคลีโอพัตรานั้นผมยังค้นไม่เจอครับ



มีประวัติย่อภาษาอังกฤษของเรื่องครีโอพัตราที่เว็ปนี้ครับ

http://www.geocities.com/TheTropics/Shores/7037/cleo.htm

อีกรูปปั้นของคลีโอพัตราเข้าใจว่าเป็นของโรมัน




เอ่อ... ขอยืนใบลากิจ 2-3 วันนะครับ วันอาทิตย์ดึกๆ ค่อยกลับมาคุยกันใหม่

The 3 Cobras on her headress symbolised 3 kingdoms ka.  For Upper and Lower Egyptian Kingdoms and the Greek.  The Upper and Lower kingdon were divided by the geographic character of the Plateau and the delta area around the Nile.  The Nile runs from the Central part of African continent(probably from the Kilimanjaro Range)  and drains into the Mediterranean Sea.  The Upper Kingdon is further inland along the Nile River.  The Lower Kingdom is where the cosmopolitan Egypt is, that is, near the Mediterranean Sea ka.

ขอบคุณค่ะ  ถ้าสงสัยอะไรจะเข้ามาถามใหม่นะคะ

พรุ่งนี้ 1กันยายนจึงขอย้อนรอยนำเรื่องของคุณสืบ นาคะเสถียร มาให้อ่านรอ ผู้เชี่ยวชาญ
ทางคลีโอพัตรามาเล่าเรื่องต่อ
       ย้อนไปเมื่อราวสิบปีก่อน เช้ามืด วันที่ 1 กันยายน 2533  เป็นวันสำคัญที่พลิก “สืบ นาคะเสถียร” หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง  จังหวัดอุทัยธานี ในสมัยนั้น  ตัดสินใจจบชีวิตตนเอง ท่ามกลางสถานการณ์กดดันจากทุกฝ่าย ทั้งรัฐ  นายทุน  หรือแม้แต่ ชาวบ้านบางกลุ่ม ที่ตกเป็นเครื่องมือในการบุกรุกป่า เพื่อเลี้ยงปากท้องครอบครัว

     หนึ่งชีวิตที่สิ้นไปในวันนั้น ได้ส่งผลอย่างชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน  ถึงแม้สืบจะจากไป แต่ดูเหมือน “ผู้สืบทอด” เจตนารมณ์ของ “สืบ” จากทั่วสารทิศกลับหลั่งไหลมาร่วมแรงร่วมใจอย่างไม่หยุดยั้ง คนตัวเล็ก ๆ ในสังคมได้หยิบธงนำที่สืบเคยชูมาถือแทน และยืนขึ้นต่อสู้ต่อไป

     ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ป่าห้วยขาแข้ง และทุ่งใหญ่นเรศวร เป็นผืนป่าที่อุดมไปด้วยพรรณไม้ และสัตว์ป่าอันล้ำค่า แต่การดูแลผืนป่าสมบูรณ์ที่กว้างนับล้านไร่  ด้วยงบกำลังคนแค่หยิบมือดูแทบจะเป็นไปไม่ได้

     การรักษาป่ามิใช่แค่ห้ามคนเข้าป่า ในวันนั้น สืบมองว่า
    ….ปัญหาของห้วยขาแข้งเกิดจากความยากจน  ซึ่งทำให้ผู้มีอิทธิพลสามารถยืมมือชาวบ้านในเขตป่าสงวนเข้ามาตัดไม้  และลักลอบล่าสัตว์ในเขตป่าอนุรักษ์ได้

     ในความเห็นของสืบคิดว่า วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาได้คือ การสร้างแนวป่ากันชนขึ้นมา ต่อไปก็คือคนออกนอกบริเวณแนวกันชน  แต่พัฒนาป่าแนวกันชน ให้เป็นป่าชุมชนที่ชาวบ้านสามารถเข้าไปหาประโยชน์ได้  อย่างไรก็ตาม ปัญหาทั้งหมด ยังไม่คลี่คลายในตอนนั้น และจบลงด้วยการตายของสืบในที่สุด

     จากวันนั้นถึงวันนี้  
     …หลายปีผ่านไปมีกลุ่ม และองค์กรเอกชนหลายราย  ลงปฏิบัติงานในพื้นที่ในหลายโครงการ  มีสื่อมวลชนคอยเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวที่จะคุกคามผืนป่าธรรมชาติแห่งนี้  ป่าชุมชนที่สืบเคยได้แต่ฝันถึง  มีโอกาสเริ่มเป็นรูปร่าง ในหลายจุด คงอยู่และงอกงาม ท่ามกลางปัญหาสารพัดที่รุมล้อม

     WWF เป็นหนึ่งในองค์กรอิสระที่เข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้เช่นกัน   โดยเฉพาะงานให้การศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ ในละแวกอำเภอบ้านไร่ บนรอยต่อระหว่างป่าพุเตย และห้วยขาแข้ง สัญลักษณ์หมีแพนด้า กลายเป็นเครื่องหมายที่ดูคุ้นตาดีของชาวบ้านในละแวกนี้

     ป่าชุมชนบ้านสวนพลู - พุต่อ ตำบลทับหลวง ได้เป็นรูปเป็นร่างมาแล้ว ในขณะที่สำนึกรักป่าก็ได้งอกงามในใจของลูกหลานชาวบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ หวังว่า ตำนานการต่อสู้ของลูกผู้ชายชื่อ “สืบ นาคะเสถียร” จะได้ถูกเล่าขานจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่น ผมแอบเชื่อขึ้นมาลึก ๆ ว่า….สืบ ยังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้จากห้วยขาแข้งและผืนป่าทุกผืนในแผ่นดินนี้ไปเลย

     คนเราอยู่ไม่ได้หรอกครับ  ถ้าปราศจากความเชื่อ….บางครั้งถ้าทุกคนช่วยกันเชื่อ  เราจะสร้างมันให้เป็นจริงขึ้นมาได้สักวัน

"ลุงจิ๊บ" ข้อมูลจาก www.sabuy.com ฮับ

ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอกว่าเดือนนี้มีอะไรในอดีต
รู้แต่ว่า
จากอดีต มาปัจจุบัน สู่อนาคต
เหล่า นักศึกษา ถึงคราวเตียมตัวเพื่อสอบ ขอรับ

๒ กันยายน ๒๓๘๕
     วางศิลาฤกษ์เพื่อทำการสร้างเสริมพระปรางวัดอรุณราชวราราม จากเดิมความสูง ๙ วา เป็นความสูง ๑ เส้น ๑๓ วา เท่ากับที่เห็นอยู่ปัจจุบัน

วันที่5กันยายน2540 เป็นวันที่โลกเราสูญเสีย
บุคคลสำคัญไปคือ แม่ชีเทเรซ่าเนื่องจากหัวใจล้มเหลว ถ้าใครชอบดูข่าวต่างประเทศคงรู้จักท่านดี

๓ กันยายน ๒๔๒๘
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯได้โปรดเกล้าฯให้ตั้งกรมทำแผนที่ขึ้น โดยมีนายแมคคาร์ธี ซึ่งได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น นายร้อยเอก พระวิภาคภูวดล เป็นเจ้ากรม ขึ้นตรงต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีพระองค์เจ้าดิศวรกุมารทรงเป็นผู้กำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง  กรมแผนที่ได้อยู่ในความดูแลของกระทรวงพระคลังมหาสมบัติเมื่อปี พ.ศ ๒๔๓๕
ต่อมาได้โอนไปสังกัดกระทรวงเกษตราธิการ จนถึงปีพ.ศ.๒๔๕๒ จึงโอนมาสังกัดกรมเสนาธิการ กระทรวงกลาโหม แล้วโอนไปขึ้นตรงต่อกองทัพบกในปีเดียวกัน
จนถึงปีพ.ศ.๒๕๐๖ จึงได้โอนย้ายมาสังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุดและได้ชื่อว่า กรมแผนที่ทหารมาจนถึงปัจจุบัน

กันยายน = กันย + อายน
กันย คือ หญิงสาวครับ

๔ กันยายน ๒๓๕๑  วันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ  พระนามเดิมเจ้าฟ้านอ้ย พระราชโอรสในพระสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและเป็นพระราชโอรสองค์ที่สองในสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์

๕ กันยายน ๒๔๘๒   ประเทศไทยได้ประกาศตัวเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่๒  หลังจากที่อังกฤษและฝรั่งเศสประกาศสงครามกับเยอรมนีเมื่อ ๓ กันยายน ๒๔๘๒ แล้วคู่สงครามทั้งสองฝ่ายต่างมีหนังสือยืนยันว่า จะเคารพความเป็นกลางของไทยอย่างบริบูรณ์

ขอบคุณคุณชายชาญและทุกๆท่านครับ ... :)

วันที่ 6 กันยาค้นไม่เจออะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่นัก ในประวัติศาสตร์ของต่างประเทศ
แต่เมื่อวันที่ 5 กันยายน ปี 1972 หรือ พ.ศ. 2515 มีกีฬาโอลิมปิค ที่กรุงมิวนิคประเทศเยอรมันครับ
และเกิดเหตุการณ์โศกนาฐกรรมไม่คาดฝันเมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม Black September (กันยาทมิฬ?)
ได้บุกจับนักกีฬาของอิสราเอลเป็นตัวประกัน เหตุการณ์คร้ังนี้ทำให้ตัวประกันเสียชีวิต 11 คน
นับเป็นโศกนาฐกรรมที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของกีฬาโอลิมปิคครับ

๖ กันยายน ๒๔๕๘  ได้ตั้งมณฑลมหาราชขึ้น โดยมีศาลาว่าการมณฑลอยู่ที่จังหวัดแพร่  ในการนี้ได้แยก จังหวัดลำปาง จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน ออกจากมณฑลพายัพ มาขึ้นกับมณฑลมหาราช  มณฑลนี้ได้ยุบไปเมื่อ ๑ มกราคม ๒๔๕๙

ขอย้อนกลับไปวันที่ 1กันยายนอีกนิดนะคะ
      เช้าวันที่1กันยายน ค.ศ.1939 เวลา4.45น.
ทหารเยอรมันจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนคนได้ยกพลบุกประเทศโปแลนด์ไปตลอดแนวชายแดนเป็นระยะทาง1,750ไมล์
     ในขณะเดียวกัน Luftwaffe่ (คาดว่าน่าจะเป็นคนเยอรมัน)ไดได้ทำการระเบิดสนามบินของโปแลนด์และยังโจมตีกองทัพเรือของโปแลนด์ที่ทะเลบอลติกอีกด้วย   ฮิตเลอร์ผู้นำของนาซีอ้างว่าเป็นการป้องกันการรุกล้ำดินแดนของตน   แต่ อังกฤษและฝรั่งเศสไม่สนับสนุนการกระทำครั้งนี้จึงได้ประกาศสงครามกับเยอรมันและนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สองค่ะ

รบกวนคุณส้มหวานตรวจสอบความจำผมด้วยครับ
ภาษาเยอรมันอนุบาลของผมรู้สึกจะจำได้ว่า Luftwaffe เป็นชื่อเรียกกองทัพอากาศเยอรมัน ?

๗ กันยายน ๒๓๕๒  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระผู้ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ไดัเสด็จสวรรคตเมื่อพระชนมายุได้ ๗๔พรรษา พระองค์ทรงครองราชย์ได้ ๒๗ปีเศษ

สำหรับแฟนฟุตบอลครับ
วันนี้ 8 กันยายน เมื่อปี ค.ศ. 1888 เป็นปีแรกที่ประเทศอังกฤษ
เริ่มมีจัดการแข่งขันฟุตบอลลีก (League) ขึ้นเป็นครั้งแรก
คิดว่าน่าจะเป็นฟุตบอลลีกแรกของโลกอีกด้วยครับ
ว่าแล้ววันนี้ดูฟุตบอลดีกว่า ... ฮ่าๆๆๆๆ

ปล... ฟุตบอลมีไว้ดู กับไว้แตะครับ ไม่ได้มีไว้แทง (ถ้าไม่อยากเสียกะตางค์)

คุยประวัติศาสตร์เยอะชักจะเริ่มเบื่อ เปลี่ยนไปคุยเรื่องก่อนประวัติศาสตร์บ้างดีกว่าครับ



วันที่ 12 กันยายน ปี 1940 แหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ได้ถูกค้นพบครับ ไม่ใช่โดยนักโบราณคดี แต่เป็นเด็กชายวัยรุ่นสองคน กับ สุนัขอีกหนึ่งตัว

ถ้ำ Lascaux ในประเทศฝรั่งเศสถูกค้นพบโดยบังเอิญครับ



เลยเอาภาพเขียนของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์เมื่อกว่า 15000 มาแล้ว

อันนี้เป็นภาพกระทิงดำ (Black Bull ไม่ใช่ Red Bull เครื่องดืมกระทิงแดง ฮ่าๆๆ)

อีกอันเป็นภาพวัวแดงครับ

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็ปไซต์นี้ครับ

http://www.culture.fr/culture/arcnat/lascaux/en/



เพิ่มจะดูทีวีไปเมื่อวันก่อน เป็นรายการดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเปิดในอังกฤษ

คงคล้ายๆกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชของบ้านเรา

เขาบอกว่าภาพเขียนในถ้ำ Lascaux นั้นบางภาพเป็นรูปของกลุ่มดาวบนท้องฟ้า

ประมาณว่านักดาราศาสตร์คนแรกของโลก เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ 15000ปีมาแล้ว



ข้างล่างนี่เป็นรูปที่เขาว่ามองเห็นเป็นกลุ่มดาว แต่จำไม่ได้ว่าเป็นกลุ่มดาวใด?

ผมยิ่งดูก็ยิ่งตาลายครับ สงสัยต้องเชิญพี่พวงร้อยมาช่วยดู ... แหะๆๆๆ

เมื่อวานนี้จดไว้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นแต่ว่าลืมเอามาด้วยค่ะ

ใครจำเหตุการณ์ความพยายามทำรัฐประหารในเมืองไทยครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 9 กันยา ได้มั่ง? พ.ศ. อะไรจำไม่ได้ครับ ราวๆ หลัง 2520 ลงมาแล้ว ดูเหมือนท่านประธานวุฒิสภาคนปัจจุบันนี่แหละ จะมีส่วนอยู่ด้วย

ไม่แน่ใจว่าจะใช่ครั้งที่ทหารกลุ่มยังเติร์กไม่พอใจการตั้งรัฐมนตรีสองคนในรัฐบาลพลเอกเปรมหรือเปล่า
ครั้งนั้นทหารกลุ่มยังเติร์กไม่พอใจรัฐบาลที่ตั้ง พล.ต.สุดสาย กับ ร.ต.ท.อะไรผมจำชื่อไม่ได้แล้ว
เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สุดท้ายกลุ่มทหารก็เข้ามาไกล่เกลี่ยกันได้ แต่ พล.ต.มนุญกฤต ก็ต้องลี้ภัย
ไปอยู่ต่างประเทศ  ผู้ที่มีบทบาทในการไกล่เกลี่ยครั้งนั้น รู้สึกว่าจะเป็นท่านบิ๊กจิ๋วหวานเจี๊ยบนี่แหละครับ

กลุ่มดาว  Taurus  ค่ะ  เป็นกลุ่มดาวที่มีความสำคัญมากในสมัยโบราณค่ะ  เพราะเป็นกลุ่มดาวที่บอกให้ทราบถึงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิในสมัยสี่ห้าพันปีก่อน  ซึ่งช่วยให้รู้ว่าเริ่มฤดูเพาะปลูกกันได้แล้ว  เชื่อกันว่า  ในเริ่มต้นของดาราศาสตร์ประมาณหกพันปีมาแล้ว  ซึ่งชาว  Babylonean และ  Chaldrean (ซึ่งอยู่ในอียิปต์โบราณ  เป็นผู้เริ่มต้นรวบรวมการสังเกตการณ์ของคนโบราณเป็นหลักทางดาราศาสตร์  ถือเป็นช่วงกำเนิดของทั้งดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ด้วย  ในตอนนั้น  กลุ่มดาวพฤษภ คือ ทอรัส นี้  จะปรากฏเป็นครั้งแรกของปีตรงกับ  Vernal Equinox ซึ่งเป็นเวลาที่ระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์  ตัดกับระนาบศูนย์สูตร  ทำให้เวลากลางคืนเท่ากับกลางวันพอดี  หลังจากที่กลางคืนสั้นกว่ากลางวันมาในหน้าหนาวแล้ว  พืชที่เพาะปลูกก็จะงอกงามดีเพราะได้รับแสงแดดพอ  พระชาวอียิปต์ที่ดูดาวเป็นจึงมีอำนาจมาก  เพราะมีความรู้ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดต่อสังคมกสิกรรม



เป็นกลุ่มดาวที่เห็นแล้วไม่นึกเป็นอื่นนอกจากหน้าวัวเขาโง้ง  ดาวดาวเด่นคือ อัลดีบาราน(Aldebaran) อันเป็นตาซ้าย  เป็นดาวยักษ์แดงที่สุกใสมาก  และ ยังมีกระจุกดาวมีชื่ออีกคือ ดาวลูกไก่ หรือ  Pleides เกาะอยู่ที่ไหล่วัวยักษ์ด้วยค่ะ



ภาพนี้วาดโดย  Johannes Bode  ในประมาณปี ค.ศ. ๑๘๘๐   เป็นแผนที่ดาราศาสตร์ที่สมบูรณ์ที่สุดอยู่เป็นเวลานาน  การออกแบบก็งดงามและตำแหน่งดาวก็แม่นยำถูกต้องมาก



เป็นภาพ กลุ่มดาวนายพราน (โอไรอัน) กำลังสู้กับวัว  ตามตำนานกรีกเล่าว่า  Pleides เป็นเจ็ดสาวพี่น้องแสนสวย  ที่โอไรอันลุ่มหลง  จึงไล่ตามจะรวบเอาด้วยกำลัง  องค์เซอุสผู้เป็นใหญ่จึงช่วยแปลงร่างสาวน้อยทั้งเจ็ดเป็นนกพิราบเจ็ดตัว  บินไปเกาะไหล่ วัวทอรัส โอไรอันตามมาด้วยความโกรธที่มี กขค มาขวาง เลยสู้กะวัวหวังจะเคลมเจ็ดสาว   ไม่แน่ใจว่าเรื่องจบอย่างไร  แต่ไม่คิดว่า โอไรอัน ได้แอ้มหรอกค่ะ  รู้กันอยู่ว่า องค์เซอุส  คงไม่ปล่อยสาวสวยให้ โอไรอัน คปด (เป็นคนเอาไปดูแล) ได้ง่ายๆหรอกค่ะ เหอๆๆ



สังเกตดูนะคะ ว่าตำแหน่งที่วัวหันหน้าเป็นตำแหน่งเดียวกับรูปที่คุณจ้อเอามาแปะเลยนะคะ

ภาพนี้เป็นภาพถ่ายกลุ่มดาวจากท้องฟ้า โดยกลุ่มนักดาราศาสตร์ในเยอรมัน  สังเกตการหันเขาชึ้ตรงขึ้นฟ้า  อาจจะไม่เหมือนกับตำแหน่งที่เห็นได้ในเมืองไทย  เพราะบ้านเค้าละติจูดสูงกว่าบ้านเรามากค่ะ

เดือนกันยายน มีเหตุการณ์ที่มีความสำคัญของโลก และมีผลเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญยิ่งต่อประเทศไทยคือ หลังการสิ้นสุดลงของสงครามมหาเอเซียบูรพา  อังกฤษได้ส่งกองพลที่ ๗ (อินเดีย)  เข้ามาปลดอาวุธกองทัพญี่ปุ่นในประเทศไทย และพลเรือเอก ลอร์ด หลุยส์ เมาท์แบทเทน ได้ยื่นข้อตกลงทางทหาร(Preliminary Military Agrement) รวม ๒๑ ข้อ ต่อคณะผู้แทนทางทหารของไทย ที่เดินทางไปทำความตกลงกับฝ่ายสัมพันธมิตร ที่เมืองแคนดี ในเกาะลังกา ข้อตกลงดังกล่าว เป็นเงี่อนไขโดยรวม ยี่งกว่าเรี่องการทหารโดยตรง  
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดี ทรูแมน ของสหรัฐอเมริกา ได้ออกคำสั่งทั่วไปที่ ๑ กำหนดให้กองกำลังญี่ปุ่นตลอดทั่วประเทศไทย ให้ยอมจำนนต่อผู้บัญขาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่ผู้เดียว
ต่อมา เมื่อ ๘ กันยายน ๒๔๘๘ ได้มีการลงนามในข้อตกลงทางทหารชั่วคราว ระหว่างแม่ทัพใหญ่ฝ่ายสัมพันธมิตรภาคตะวันออกเฉียงใต้และหัวหน้าคณะผู้แทนทางทหารของไทย ณ เมืองแคนดี เกาะลังกา  มีสาระเกี่ยวกับการปลดอาวุธกำลังทหารญี่ปุ่นในไทย  การกักกันบุคคลสัญชาติญี่ปุ่นและสัญชาติเยอรมันในประเทศไทย

สดๆร้อนๆ วันนี้เองวันที่ 11 กันยายน ปีพ.ศ. 2544
กลุ่มก่อการร้ายไม่ทราบสังกัด จี้เครื่องบินพุ่งเข้าชนตึกเวอร์เทรดเซนเตอร์
ในนิวยอร์ค และ ตึกเพนตากอนในกรุงวอร์ชิงตัน
ขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวนผู้เสียชีวิต

เป็นการก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์

กลับไปดูประวัติศาสตร์โลกต่อ...



วันที่ 11 กันยายน วันเดียวกัน แต่เป็นปี ค.ศ. 1297

กบฎสก็อต นำโดย วิลเลี่ยม วอลเลส ได้รบชนะกองทัพอังกฤษ

ที่เมืองสเตอร์ริง หรือที่รู้จักกันในนาม The Battle of Stirling Bridge

รายละเอียดเกี่ยวกับการรบครั้งนี้เคยกล่าวไว้แล้วในลิงก์ข้างล่างนี้ครับ



http://www.vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn5&ID=RW710



ก็อปมาให้อ่านกันอีกทีหนึ่งครับ

... เมือง Stirling นี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นประตูสู่ภาคเหนือของสก็อตแลนด์ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของสก็อตด้วย ราวๆเดือนกันยายน ปีค.ศ. 1297 เหล่ากองโจรกบฎของ Wallace

                           ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยกำลังคนที่อ่อนประสบการณ์ ทางการรบ และไม่จัดเจนในการใช้อาวุธ ก็ต้องปะทะกับกองทัพบกของอังกฤษ ที่ในขณะนั้นถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุโรป และยังไม่เคยพบกับความพ่ายแพ้



                           อย่างไรก็ตามจุดหักเหของการรบครั้งนี้อยู่ที่การข้ามแม่น้ำ สายแคบๆ

                           ซึ่งเปลี่ยนกองทัพที่ยิ่งใหญ่ให้กลายเป็นกองซากศพได้อย่างง่ายดาย William Wallace นั้นตั้งทัพอยู่บนเนินสูงทางเหนือของ Stirling ในขณะที่กองทัพอังกฤษยกทัพเข้ายึดเมืองไว้ เรียบร้อยอิงลิชสคูล



ระหว่างทัพทั้งสองนั้นมีแม่น้ำคั่นกลาง และมีสพานเล็กๆ ซึ่งกองทัพม้าอันเกรียงไกรของอังกฤษนั้น ข้ามได้แค่ทีหน้ากระดานเรียงสองเท่านั้น แน่นอนว่าหากข้ามสะพานนี้ อังกฤษจะเสียเปรียบสก็อตแลนด์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่จะด้วยคราวซวยของอังกฤษ บุญญาธิการของ William Wallace หรือจะด้วยความประมาทศัตรูของนายทัพอังกฤษก็ไม่ทราบ ทำให้แม่ทัพเลือกที่จะข้ามสะพานไปสู่ความหายนะ ทั้งๆที่ห่างออกไปอีกแค่ไม่กี่ไมล์ ก็จะมีช่วงที่น้ำไม่ลึกนัก ( Kilean Ford ) ซึ่งกองทัพม้าสามารถข้ามไปได้อย่างสบายๆ อย่างน้อยก็สิบหกตัวเรียงหน้ากระดาน



                           ก็นั่นแหละครับกองทัพอันเกรียงไกรของอังกฤษก็เลยถูก William Wallace ซัดซะจมธรณี จบศึกครั้งนี้ William Wallace ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน โดย โรเบิรดต์ เดอะ บลูส (Robert Bruce) ผู้ซึ่งในเวลาต่อมาหักหลังเขา โดยส่งตัว Wallace ไปให้อังกฤษประหารซะ



ข้างล่างนี่คือแผนที่การรบครั้งกระนู้น...



สำหรับประวัติย่อๆ ของ William Wallace เชิญที่นี่ครับ

                           http://www.waichung.demon.co.uk/william/wallace.htm







ใครที่ดูหนังเรื่อง Braveheart คงจำได้ถึงฉากการสู้รบที่สเตอร์ริง

แต่ในหนังไม่มีสะพานให้เห็น มีแต่ตัวประกอบถลกกระโปงสก็อตเปิดก้นให้ดู ...

.... ขออนุญาติฉายหนังซ้ำครับ เหอๆๆๆ

บังเอิญเจอหนังสือความรอบรู้365วันเลยเอามาลงให้อ่านกันค่ะ
12 กันายน
พ.ศ.  2479 กรมรถไฟรับช่วงรถรางสายปากน้ำจากเอกชนและเปลี่ยนเป็นเดินด้วยไฟฟ้า
 พ.ศ. 2502 รัสเซียส่งยานอวกาศลูนิค2(Lunic II) พุ่งเข้ากระทบดวงจันทร์เพื่อศึกษาสนามแม่เหล็กโลก และดวงจันทร์  ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับดาวตกและการตรวจสอบรังสีคอสมิค(Cosnic )นับยานอวกาศลำแรกของโลกที่กระทบดวงจันทร์
 พ.ศ. 2509 สหรัฐส่งยานอวกาศเจมินี 11 (Gemini XI)ขึ้นโคจรพร้อมด้วยนักบินอวกาศ 2นายคือ ชาร์ล คอนราด (Carls Conrad)และริชาร์ด เอฟ กอร์ดอน(Richad F .Gordon)
 พ.ศ.รัสเซียส่งยานอวกาศลูนา 16 (Lunar 16)ขึ้นสำรวจดวงจันทร์และบรรยากาศรอบดวงจัทนร์
พ.ศ.2513 นายตวนกู อับดุล ราห์มาน นายกรัฐมนตรี มาเลเซีย มาเยืนประเทศไทยเป็นทางการครั้งแรกหลังจากได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว13ปี  (สงสัยว่าท่านจะลืมมา)

9 กันยายน พ.ศ.2513
สอ เสถบุตร(หลวงมหาสิทธิโวหาร)
ผู้สร้างพจนานุกรมของไทยที่มีชื่อเสียงของไทยผู้หนึ่ง ถึงแก่กรรมที่โรงพบาลรามาธิบดีรวมอายุได้ 64ปีสอ
  เสถบุตรเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ในรัฐบาลของนายควง  อภัยวงศ์
 เคยเป็นส.ส.ธนบุรี 2สมัย เคยถูกจับไปอยู่เกาะตะรุเตา 11ปีฐานแอนตี้รัฐบาลชุด จอมพล ป. พิบูลสงคราม
เคยเป็นบรรนาธิการหนังสือพพิมพ์"ลิเบอร์ตี้" ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษฉบับแรกหลังสงครามโลก
ครั้งที่ 2 และเป็นผู้ตั้งชื่อ"เบียร์ไทยตราสิงห์"ที่มีชื่อเสียงมาจนกระทั่งปัจจุบัน

รัฐประหาร ๙ กันยานั้นผมจำผิดไปครับ เรื่องไม่พอใจรัฐมนตรี ๒ คนนั้น เป็นข้ออ้างที่ใช้ในการ
ปฎิวัติเมื่อวันที่ ๑-๓ เมษายน ๒๕๒๔ หรือที่เรียกกันว่า "เมษาฮาวาย" ส่วน รัฐประหาร ๙ กันยานั้น เกิดใน
ปี พ.ศ. ๒๕๒๘  โดยมี พล.อ.เสริม ณ นคร เป็นหัวหน้าคณะปฎิวัติ ได้จับตัว พล.อ.อ ประพันธ์ ธูปเตมีย์
ผู้บัญชาการทหารอากาศไว้เป็นตัวประกัน แต่ในที่สุดฝ่ายปฎิวัติก็พ่ายแพ้ไป พ.อ.มนุญ รูปขจร(ยศและชื่อในขณะนั้น)
ก็ถูกส่งตัวออกนอกประเทศ

เกี่ยวกับมาเลเซียอีกทีครับ
วันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1963 มาเลเซียเป็นก็ประกาศเป็นอิสรภาพ
ไม่เป็นอณานิคมของอังกฤษครับ

พูดถึงอณานิคมก็ต้องนึกถึงการเดินเรือของตะวันตก
วันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 1519 เป็นวันที่กัปตันเฟอร์ดินัน แมกแจนแลน
เริ่มออกเดินเรือรอบโลกจากเมืองท่าในสเปนครับ

I think Tuanku Abdulrahman, the father of the modern Malaysian nation, did not forget to make an official visit to Thailand. Maybe he was very busy during the first 13 years of his term as a Prime Minister. Remember, he was the first PM of Malaysia, and there must have been many problems for a new nation like Malaysia to face.

It is interesting to note too that the Tuanku had some Thai blood in his veins. I think his mother was a Thai, and he came from Kedah or Saiburi, which used to be in the Siamese territory. If I remember correctly the Tuanku was an alumni of Debsirintr School in Bangkok.

วันที่ 29 กันยายน เมื่อวานนี้
เมื่อปี ค.ศ. 1758 เป็นวันเกิดของ ลอร์ด เนลสัน (Horatio Nelson)
ฮี่โร่สงครามนโบเลียนของอังกฤษครับ

เนสันนั้นชนะสงครามสำคัญๆหลายครั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งให้อังกฤษชนะ
กองทัพของนโปเลียนได้ ...
ในเดือนนี้อีกเช่นกันเมื่อปี 1798 เป็นเดือนที่ เนลสัน ได้ชัยชนะต่อกองทัพฝรังเศสในอียิปต์
ในสงครามที่เรียกว่า the Battle of the Nile

ประวัติเด็ดๆ ของเนลสัน ในเรื่องความเชื่อมั่นในยุทธศาสตร์ของตนเองนั้นมีอยู่หลายเรื่อง
ตัวอย่างเช่น ในคราวที่เขาทำยุทธนาวีที่เดนมาร์ก ผู้บังคับการส่งสัญญานมายังเรือของเนลสัน
สั่งให้แนลสันถอยทัพ แต่เนลสันกลับเอากล้องส่องทางไกลประทับเข้ากับตาข้างที่บอดของเขา
แล้วบอกกับทหารของเขาว่า " เอ้ย ... มองไม่เห็นสัญญานถอยว่ะ ... (เนลสันมีตาข้างเดียว)
สุดท้ายชัยชนะก็เป็นของเนลสัน

ยุทธภูมิสุดท้ายของเนลสันคือ the Battle of Trafalgar
เมื่อกองเรืออังกฤษ ปะทะกับกองเรือผสมของฝรั่งเศสและสเปนที่แหลมทราฟังก้า
ก่อนการรบเนลสันได้ส่งสัญญานบอกทหารเรืออังกฤษทุกคน
"England expects that every man will do his duty."
ประโยคนี้ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์
การรบดำเนินไปอย่างดุเดือด ในที่สุดเนลสันก็เป็นฝ่ายชนะ โดยที่อังกฤษไม่เสียเรือแม้แต่ลำเดียว

แต่... ระหว่างที่กำลังจะได้รับชัยชนะนั้น ทหารแม่นปืนของฝรั่งเศสได้ลอบยิงเนลสัน
กระสุนสองนัดถูกเข้าที่ใหล่และหน้าอก... ก่อนสิ้นชีวิตไม่นานเนลสันได้กล่าวประโยคสุดท้ายของเขา
"Now I am satisfied. Thank God I have done my duty."

ศพของเนลสันฝังอยู่ที่โบสถ์เซนต์ปอนด์ และอนุสรรูปปั้นของเขาอยู่ที่จัตุรัสทาฟังก้า กลางกรุงลอนดอน ...