เริ่มตั้งแต่ครอบครัวของลอร่าเองได้ อพยพเข้ามาอยู่ในเมืองพร้อมกับครอบครัวคนอื่นๆ
เพราะกระท่อมไม้กลางทุ่งกว้างไม่สามารถให้ความอบอุ่นกับเธอและพี่น้องได้หากอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
บิดาของลอร่าเก็บเกี่ยวธัญญพืชทุกชนิดอย่างเร่งด่วน
ไม่ลืมเตรียมหญ้าแห้งสำหรับเป็นอาหารตลอดฤดูหนาวแก่คอกวัวและปศุสัตว์ของตน
และแล้วฤดูหนาวก็เริ่มขึ้น พร้อมกับพายุหิมะที่หวีดครางส่งเสียงกรีดแหลมแทรกเข้าไปในหัวใจของทุกคน
แต่แรกพายุยังปรานี พัดมาเป็นระลอกๆครั้งละสองถึงสามวันแล้วก็หยุดให้ชาวเมืองออกมาปฏิบัติภารกิจกลางแจ้งได้ตามปกติ
หากยิ่งนานวัน ดูเหมือนพายุจะแกล้งทดสอบความอดทนของพวกเขาด้วยการยืดเวลาความเย็นทรมานออกไปอีกคราวละสี่ห้าวัน
นานเป็นอาทิตย์ จนกระทั่งไม่ยอมหยุดเลย
โรงเรียนต้องปิด เพราะไม่เหลือถ่านหินในชั้นเรียนที่จะให้ความอบอุ่นระหว่างเรียนอีกแล้ว
ไม่มีใครอยากจะเสี่ยงกับการถูกหิมะกัดตลอดการเดินไปกลับ
ยิ่งแย่กว่านั้น หากนักเรียนคนใดคนหนึ่งถูกพายุกระหน่ำซัดเซหลงทางหลุดเขตเมืองออกไปในทุ่งกว้างนับเป็นร้อยๆตารางเอเคอร์
ก็คงไม่มีชีวิตกลับมาได้แน่
ตลอดช่วงพายุหิมะครอบครัวของลอร่าต้องทนอยู่กับภัยสีขาวหนาวเหน็บ
เสบียงอาหารนับวันก็ร่อยหรอ รถไฟก็ถูกหิมะทับถมจนไม่สามารถแล่นมาได้
แม้จะมีคนงานรถไฟมาช่วยขุดหิมะออก เพียงวันสองวันหิมะใหม่ก็ถล่มซ้ำพอกพูนยิ่งกว่าเดิม
จะหวังเนื้อสัตว์มาบริโภคหรือ กวางฝูงสุดท้ายเพิ่งอพยพออกไปจากทุ่งกว้างอย่างไร้ร่องรอย
ราวกับสัตว์เหล่านี้รู้ตัวล่วงหน้าว่าช่วงเวลาวิกฤตของมันใกล้เข้ามาแล้ว
ควรอพยพไปอยู่ในที่ๆอบอุ่นและปลอดภัยกว่า
ไม่มีการเดินไปมาหาสู่ระหว่างบ้านแม้จะอยู่ถนนตรงข้ามแค่นี้เอง
วันในฤดูหนาวของครอบครัวชาวเมืองเดอสะเม็ต จ่อมจมอยู่กับความมึนซึม ง่วงงุน ปวดร้าว หิวโหย และเย็นยะเยือก
หากกระนั้นพวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองแข็งตายไปกับพายุหิมะ
มีการคิดค้นเชื้อเพลิงรูปแบบใหม่ๆเพื่อทดแทนน้ำมันก๊าดและถ่านหินที่หมดไป
เช่น การทำตะเกียงกระดุม ด้วยการเอากระดุมเสื้อมาหุ้มด้วยผ้าหนาๆชุบขี้ผึ้งและจุดไฟ
ก็จะได้ความสว่างอบอุ่นขี้นมาบ้าง
การทำเชื้อเพลิงจากฟ่อนหญ้าแห้งซึ่งลอร่าต้องใช้มือมัดเกลียว
และขดให้เส้นหญ้าแห้งให้แน่นที่สุดเพื่อปะทุความร้อนได้ดีที่สุด
การโม่แป้งทำขนมปังดำเพื่อประทังชีวิตวันต่อวัน กินจิ้มกับเกลือและพริกไทย
มีน้ำชาร้อนๆให้ดื่มกล้ำกลืนคล่องคอ
มาถึงตอนนี้ทุกคนในเมืองเล็กๆมองตากันอย่างวิตกกังวล
เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ไม่มีรถไฟให้พึ่งพา ไม่มีสัตว์ป่าหลงเหลือให้ล่า
พวกเขาต้องพึ่งกันเองอีกนานจนกว่าฤดูหนาวจะสิ้นสุด
แล้วไคลแม็กซ์ของเรื่องก็มาถึง เมื่อไม่มีเสบียงอาหารเหลืออีกเลยในเมืองเล็กๆนี้
ร้านค้าเพียงแห่งเดียวที่เป็นศูนย์กลางจำหน่ายเครื่องบริโภคคว่ำถังทุกถังลง
แสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรที่จะบริโภคได้อีกแล้ว
ชาวเดอสะเม็ตและเด็กๆทุกคนกำลังจะอดตาย
ครอบครัวของลอร่าซึ่งมีพ่อ แม่ พี่สาวชื่อแมรี่ ตัวเธอและน้องๆอีกสองคนคือแครี่และเกรซ
กำลังจะทิ้งชีวิตนักผจญภัยและตายอย่างทรมานด้วยความหนาวและหิวโหย ณ เมืองเล็กๆกลางทุ่งหิมะร้างแห่งนี้