อ่านกระทู้แล้วขำขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ลูกสาวนั่งกดโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟาใกล้ๆออกปากว่า แม่อยู่ๆก็หัวเราะออกมา เธอคงสงสัยว่าทำไมแม่หัวเราะกับคอมพิวเตอร์
ที่ขำคือ คำถามคุณมารน้อย ทำให้ตระหนักถึงความชราของตัวเองในสายตาคนรุ่นหลัง เหมือนนักศึกษาที่เคยถามเมื่อเล่าพื้นฐานทางสังคมในอดีตให้ฟังว่า
" สมัยสงครามโลก อาจารย์เรียนจบมหาวิทยาลัยหรือยังครับ"
โธ่ พวกคุณ! ตอนสงครามโลก ครูยังอยู่ในชาติก่อนอยู่เลยนะจ๊ะ
พอเห็นคำถามของคุณนางมารน้อยก็เลยนึกถึงความหลังขึ้นมาได้น่ะค่ะ
ตอบทีละคำถามนะคะ
1
คำถามข้อแรก จากการติดตามกระทู้ไฮโซโบราณ แล้วเกิดความรู้สึกว่า ท่านผู้แต่งได้แรงบันดาลใจตัวคุณการะเกดมาจากภาพถ่ายโบราณของท่านใดบ้างหรือเปล่า
ถามเจ้าของนิยายเรื่องนี้แล้ว ได้ความว่าเคยสะสมหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ ซึ่งมีภาพเก่าๆอยู่มาก และมีภาพของญาติผู้ใหญ่อยู่หลายภาพที่บ้าน พอจะมาเป็นแบบได้ค่ะ
2
ข้อที่สอง คำบรรยายในเนื้อเรื่องดูทันสมัยกับเหตุการณ์ปัจจุบันมาก ทั้งๆที่นวนิยายเรื่องนี้ประพันธ์ในปี 2532 ซึ่งตอนนั้นดิฉันอายุเพิ่งจะ 8 ขวบเอง ตั้งแต่ฉากเริ่มเรื่องที่บรรยายถึงสภาพรถติดอย่างสาหัสในกทม. ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่า กทม.รถติดแบบนั้นมาเป็น10-20 มาแล้วสิคะเนี่ย
กทม.รถติดมาหลายสิบปีแล้วค่ะ ประมาณ 40 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่สมัยดิฉันเรียน (ยุคเดียวกับท่าน NAVARAT.C , Naitang และอีกหลายท่าน) ฝนตก รถติดไม่ขยับเป็นประจำ ถ้าไม่ตกก็พอคืบไปได้เรื่อยๆ แต่จะวิ่งฉิวในเมืองนั้นไม่มีทาง
ถ้าท่านสมาชิกที่โตทันเห็นรถติดเมื่อหลายสิบปีก่อนจะมาช่วยขยายความให้คุณนางมารน้อยเห็นภาพชัดเจนขึ้น ก็จะเป็นพระคุณมาก
3
ที่สำคัญคำบรรยายเครื่องมือเครื่องไม้ต่างๆดูร่วมสมัยกับเหตุการณ์ปัจจุบันมาๆ จนไม่คิดว่านวนิยายเรื่องนี้เขียนมาเป็น 25 ปีแล้ว เช่น การใช้โทรศัพท์ติดต่อ เครื่องซักผ้าตามร้าน
อเมริกามีร้านใช้เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ ตั้งแต่ค.ศ. 1947 หรือพ.ศ. 2490 ค่ะ หลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลงได้ 2 ปี
ส่วนโทรศัพท์ข้ามทวีปจากอเมริกามาไทย คิดว่ามีมาตั้งแต่ทศวรรษ 1960s ปลายๆนะคะ แต่เป็นโทรศัพท์จากบ้านถึงบ้าน ไม่ใช่จากมือถือถึงมือถือ
ถ้าเป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน คิดว่าตรัยน่าจะ line ถึงป๊ากับมาม้าของเขาค่ะ
4
ที่สงสัยคือพอรวมเล่มตีพิมพ์ใหม่ ท่านผู้แต่งได้มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้ทันสมัยบ้างบ้างหรือเปล่าคะ
เจ้าของเรื่องยืนยันว่าคงเดิมค่ะ ไม่ได้เปลี่ยน