เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์โลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 19:05



กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 19:05
เนื้อหาในกระทู้ สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามนำเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน
********************************
ขอเล่าเรื่องเบาๆสู่กันฟัง คั่นโปรแกรมก่อนจะหาประวัติศาสตร์หนักๆมาเล่ากันอีกค่ะ

ย้อนหลังกลับไปเมื่อค.ศ.  1817 (ตรงกับรัชกาลที่ 2 ของไทย)  ฉากแรกของเรื่องนี้เปิดขึ้นที่เมืองอัลมอนด์เบอรี่ ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ใกล้เมืองใหญ่คือเมืองบริสตอล ในมณฑลกลอสเตอร์เชอร์
อัลมอนด์เบอรี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ เรียบๆ  เงียบๆ   ผู้คนก็ดำเนินชีวิตประจำวันกันไปตามปกติ  ไม่ค่อยจะมีอะไรแปลกเกิดขึ้นนัก     ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุประหลาดขึ้นในวันหนึ่ง ตรงกับฤดูใบไม้ผลิ วันที่ 3 เมษายน  ชาวบ้านก็เลยตื่นเต้นกันไปทั่วเมือง

เหตุประหลาดที่ว่านั้นก็คือจู่ๆมีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาในเมืองเล็กเมืองนี้ ในสภาพประหลาด    เธอเป็นหญิงสาวร่างเล็กสูงเพียงห้าฟุตสองนิ้ว    หน้าตาสะสวย    ที่สำคัญคือแต่งกายแปลกตาไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป  มีผ้าผืนยาวโพกรอบศีรษะ    เธอพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ    ในที่สุดก็ต้องใช้ภาษาท่าทางเจรจากัน



กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 ส.ค. 13, 19:26
เห็นชื่อนึกว่านิยายเล่มใหม่ของแก้วเก้าซะอีก  กลายเป็นคุณหญิงฝรั่งซะแทน  แต่ชอบครับ แนวๆ นี้ชอบไม่แพ้เรื่องผีๆ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 19:28
ชาวบ้านที่พบหญิงสาวคนนี้เดินกระเซอะกระเซิงไร้จุดหมายมาพบคือช่างทำรองเท้าประจำเมืองนี้     เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง  และเห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว  เขาก็เลยให้ภรรยาพาไปที่สถานสงเคราะห์คนยากไร้ในหมู่บ้าน    ส่งตัวให้หัวหน้าสถานสงเคราะห์ที่นั่น

ในยุคนั้น อังกฤษเข้มงวดเรื่องคนจรหมอนหมิ่น  ผู้คนจะมาซัดเซพเนจรไร้ที่อยู่ไม่ได้   โดยเฉพาะคนต่างชาติ    เพราะอังกฤษเพิ่งทำสงครามชนะจักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศสไปหยกๆ   และเนรเทศจักรพรรดิไปถูกคุมขังอยู่ที่เกาะเซนต์เฮเลนา     แต่ทางการก็ยังกลัวว่าฝรั่งเศสยังไม่สิ้นฤทธิ์  อาจจะส่งสายลับมาสืบความลับ หรือก่อเหตุวุ่นวายขึ้นมาในประเทศ     ดังนั้นใครก็ตามที่มีท่าทีว่าจะ "เป็นภัยต่อความสงบ" ถ้าไม่ถูกประหาร ก็จะถูกเนรเทศไปออสเตรเลียให้พ้นหูพ้นตา  

ด้วยเหตุนี้  ใครเดินทางไปไหนมาไหนต้องมีจุดหมาย    ใครตอบไม่ได้ว่าจะไปไหน จะถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนเค้นเอาความจริง    หญิงสาวแปลกหน้า พูดภาษาอะไรไม่มีใครรู้เรื่อง จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่หัวหน้าสถานสงเคราะห์ไม่อาจจะรับตัวเอาไว้ได้   แต่ต้องส่งต่อไปยังข้าราชการระดับสูงของเมืองเพื่อสอบสวนที่มาที่ไป   ข้าราชการที่ว่านั้นก็คือหัวหน้าตุลาการประจำมณฑล  ชื่อแซมมวล วอร์รัล  เจ้าของคฤหาสน์ใหญ่ชื่อ  Knole Park  ในรูปข้างล่างนี้


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 19:40
เห็นชื่อนึกว่านิยายเล่มใหม่ของแก้วเก้าซะอีก  กลายเป็นคุณหญิงฝรั่งซะแทน  แต่ชอบครับ แนวๆ นี้ชอบไม่แพ้เรื่องผีๆ

ใครคะ?


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 20:00
แอบไปเปิดดูโผ เห็นชื่อนึกว่าเป็นญาติกับน้าแอ๊ด

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 20:01
     เมื่อท่านตุลาการและภรรยาพบหน้าหญิงสาวประหลาด     ทั้งสองพบว่าหล่อนดูน่าฉงนสนเท่ห์มากกว่าน่าระแวงในทางร้าย      ตัวสามีออกจะเคลือบแคลงไม่สนิทใจนัก   ผิดกับคุณนายผู้ภรรยาซึ่งติดอกติดใจหญิงสาวตั้งแต่เจอหน้าก็ว่าได้     เธอทึ่งในองค์ประกอบหลายๆอย่างของหญิงสาวคนนี้  ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดที่แปลกประหลาดไม่มีใครฟังออก    เมื่อสังเกตก็พบว่ามือของหญิงสาวอ่อนนุ่มดูเป็นมือผู้ลากมากดี  ผิดกับสามัญชนคนทำงานตรากตรำ    
     นอกจากนี้หล่อนยังมีธรรมเนียมปฏิบัติหลายอย่างผิดประหลาดกว่าคนอื่น  เช่นชอบนอนบนพื้นมากกว่าบนเตียง     ไม่ยอมดื่มน้ำจากแก้วโดยมิได้ล้างเองเสียก่อน    เมื่อสองคนนี้ส่งหล่อนไปพักในโรงเตี๊ยม  หล่อนเห็นรูปวาดสับปะรดแขวนอยู่  ก็ทำท่าตื่นเต้นแบบรู้จักดี   ออกเสียงเรียกว่า "อนานาส์" ซึ่งหมายถึงสับปะรดในภาษายุโรปหลายภาษาด้วยกัน
    ก็เพราะคุณนายชอบหญิงสาวคนนี้     จึงพยายามหาทางสอบถามว่าหล่อนเป็นใครมาจากไหน     หลังจากส่งภาษามือกันไปกันมาอยู่หลายวัน    ก็จับได้อย่างหนึ่งว่า หล่อนน่าจะมีนามว่า "คาราบู"  เพราะหล่อนชอบออกเสียงคำนี้ แล้วชี้ที่ตัวเอง     แต่แปลกประหลาดก็คือแม้ว่าหล่อนดูเหมือนเป็นคนต่างชาติต่างภาษา   แต่รูปร่างหน้าตาหล่อนก็เป็นแหม่มผิวขาวนี่เอง     คุณนายจึงตกลงใจไม่ได้ว่าหล่อนเป็นชาวยุโรปชาติไหนกันแน่      หรือแม้แต่ว่าอาจจะเป็นเผ่าพันธุ์ยิปซีก็เป็นได้


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 20:03
แอบไปเปิดดูโผ เห็นชื่อนึกว่าเป็นญาติกับน้าแอ๊ด
รู้แล้วก็ไม่ต้องเปิดโผนะคะ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 ส.ค. 13, 21:00
เห็นชื่อนึกว่านิยายเล่มใหม่ของแก้วเก้าซะอีก  กลายเป็นคุณหญิงฝรั่งซะแทน  แต่ชอบครับ แนวๆ นี้ชอบไม่แพ้เรื่องผีๆ

ใครคะ?

เป็นนามปากกาของนักเขียนท่านนึงที่ผมกำลังหาทางติดต่อให้ท่านเขียนเรื่องคุณชายกำมะลอ นักเรียนนอกปลอม ขับ taxi ตามหารักแท้ แล้วหักมุม 6 ตลบว่าที่จริงเป็นเจ้ารัชทายาทอาณาจักรปางฟ้า พล็อตเรื่องระดับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมหนะครับ  :D

เจอเกริ่นให้อยากรู้ว่าท่านหญิงนี้เป็นญาติกับน้าแอ็ดจริงไหม  ต้องวุ่นตามหาลายแทงซะควั่กเลย  ;D  ;D
เดี๋ยวนี้กระทู้เรือนไทยต้องสั่งห้ามเปิดโผกันตลอด  แต่เล่นมีการแพลมมาแบบวับๆ แวมๆ ให้วัยรุ่นใจร้อนอยากรู้เรื่องซะเรื่อย


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 21:10
ท่านตุลาการกำลังตัดสินใจจะส่งหญิงสาวไปเมืองบริสตอล ในข้อหาว่าเป็นขอทาน ซึ่งถือกันว่าผิดกฎหมายในสมัยนั้น    หล่อนจะถูกไต่สวนในฐานะคนจรจัดไม่มีหัวนอนปลายเท้า     ก็ปรากฏว่าในตอนนั้นเอง มีกลาสีชาวโปรตุเกสคนหนึ่งมาพบ    บอกว่าสามารถพูดภาษาของสาวรายนี้ได้    

ในเมื่อนัดมาเจอพร้อมหน้า  โดยมีกลาสีเป็นล่าม     ที่มาที่ไปของหล่อนก็เผยออกมาว่าหล่อนเป็นเจ้าหญิงจากดินแดนตะวันออกชื่อเกาะชวาซู       หล่อนถูกลักพาตัวโดยโจรสลัดกลุ่มหนึ่ง ตกเป็นเชลยอยู่ในเรืออย่างลำบากลำบน  จนกระทั่งเรือเดินทางมาถึงยุโรป      หล่อนก็หนีรอดเงื้อมมือพวกนี้มาได้ด้วยการโดดลงจากกราบเรือ   ว่ายน้ำฝ่าคลื่นลมในช่องแคบอังกฤษ   จนขึ้นฝั่งได้สำเร็จ

เหตุการณ์กลับตาลปัตร  หญิงสาวที่หวุดหวิดจะถูกส่งไปให้ทางการบ้านเมืองในข้อหาคนจรจัด กลับกลายเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ขึ้นมาอย่างไม่มีใครคาดฝัน     ท่านตุลาการและภรรยาก็เลยรับตัวหล่อนกลับไปเป็นแขก ณ คฤหาสน์ของท่าน

จากวันนั้นเอง องค์หญิงก็ดังระเบิดเถิดเทิงไปทั่วเมือง     พลอยทำให้เจ้าของบ้านมีหน้ามีตาไปด้วย

ภาพจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่เอาเรื่องนี้ไปทำเป็นหนัง ปี 2009


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 13, 21:16
เป็นนามปากกาของนักเขียนท่านนึงที่ผมกำลังหาทางติดต่อให้ท่านเขียนเรื่องคุณชายกำมะลอ นักเรียนนอกปลอม ขับ taxi ตามหารักแท้ แล้วหักมุม 6 ตลบว่าที่จริงเป็นเจ้ารัชทายาทอาณาจักรปางฟ้า พล็อตเรื่องระดับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมหนะครับ  :D

เจอเกริ่นให้อยากรู้ว่าท่านหญิงนี้เป็นญาติกับน้าแอ็ดจริงไหม  ต้องวุ่นตามหาลายแทงซะควั่กเลย  ;D  ;D
เดี๋ยวนี้กระทู้เรือนไทยต้องสั่งห้ามเปิดโผกันตลอด  แต่เล่นมีการแพลมมาแบบวับๆ แวมๆ ให้วัยรุ่นใจร้อนอยากรู้เรื่องซะเรื่อย

1    ผู้นำแฟชั่นเปิดโผ  ก็เจ้าของโมเสคที่ไม่ยอมเปิดโมเสคจนแล้วจนรอด หนึ่งเดียวเท่านั้น   บุญคงตามทัน  ให้โมเสคกระจายออกมาสักวันไม่นานจากนี้
2    นักเขียนคนไหนรู้ตัวว่าวาสนาถึงรางวัลโนเบล  ก็คงจะมาเอาพล็อตคุณชายกำมะลอไปเขียนเองละค่ะ    แค่มีเจ้าชายรัชทายาทมาขับแทกซี่  ผู้จัดทีวีก็คงหูผึ่งตาโตแล้ว   อ้อ ต้องได้ตัวเจมส์จิมาเล่นด้วยนะ ไม่งั้นไม่ขลัง


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 13, 11:46
   บรรดาเศรษฐีคหบดีในเมืองนั้น และเมืองใกล้ๆ มีนิสัยตรงกันอยู่อย่างหนึ่ง คือเห่อเจ้า    ข้อนี้เห็นจะประยุกต์ใช้กันได้ทั่วไปไม่เฉพาะแต่ในมณฑลกลอสเตอร์เชอร์       พอท่านตุลาการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ของบริสตอลเรื่องเจ้าหญิงจากตะวันออกมาพำนักเป็นแขกที่คฤหาสน์     บรรดาเพื่อนสนิทมิตรสหายใกล้ไกลก็พากันกรูเข้ามาเยี่ยมเยียน เพื่อจะเห็นหน้าเจ้าหญิง    ทางเจ้าของบ้านก็ได้โอกาสจะอวด  จึงจัดงานเลี้ยงและงานราตรีสโมสร   เชิญแขกแต่งกายกันหรูเริ่ด   เต็มเพียบไปด้วยเพชรพลอยอลังการ  มาดินเนอร์และลีลาศ
   เจ้าหญิงคาราบูก็กลายเป็นจุดเด่นที่สุดของงาน     โดยเฉพาะเมื่อเธอสั่งให้ช่างมาตัดเสื้อแบบแปลกประหลาดให้สวม  ไม่เหมือนเสื้อผ้าหญิงอังกฤษทั่วไป

   พฤติกรรมของเจ้าหญิงก็ล้วนแต่ประหลาดสมกับมาจากอาณาจักรที่ไม่มีใครรู้จัก     เน้นความน่าเชื่อถือว่าเธอมาจากคนละอารยธรรมจริงๆ ด้วย      อย่าลืมว่าสมัยนั้นคือต้นศตวรรษที่ 19    คนอังกฤษยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ยุควิคตอเรียนที่ทำให้อังกฤษกลายเป็นเจ้าอาณานิคม     จึงไม่มีเศรษฐีหรือชาวบ้านคนไหนเคยไปหายใจไกลกว่าช่องแคบอังกฤษ    ดังนั้นเมื่อเจ้าหญิงทำอะไรที่ผู้หญิงอังกฤษเขาไม่ทำกัน เช่นชอบยิงธนู   ฟันดาบ  ว่ายน้ำเปลือยกายในสระ   และสวดมนตร์โดยออกนามพระเจ้าว่า "อัลลา-ทัลลา" ซึ่งไม่มีใครเคยได้ยิน  ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่านี่คือหญิงสาวจากคนละซีกโลกจริงๆ  


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 13, 12:34
งานลีลาศอลังการ ในเวอร์ชั่นหนัง


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 13, 12:51
สิบสัปดาห์เต็มๆในคฤหาสน์ของท่านตุลาการ  เจ้าหญิงคาราบูได้รับการยกย่องพินอบพิเทาในฐานะเจ้านาย จากเจ้าของบ้าน แขกเหรื่อ ตลอดจนคนรับใช้อีกหนึ่งโขยง    มีความเป็นอยู่อย่างหรูหราเท่าที่ผู้ลากมากดีจะมีได้
     
ความเคลือบแคลงใดๆที่อาจจะหลงเหลืออยู่ก็หมดไปจากการยืนยันโดยนายแพทย์คนหนึ่งชื่อหมอวิลคินสัน  ซึ่งพยายามถอดรหัสภาษาของเธอโดยมีหนังสือ  Pantographia  ของเอ็ดมัน ฟราย เป็นตัวเทียบ    หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือรวบรวมตัวอักษรในภาษาต่างๆ  เทียบกับอักษรอังกฤษ    ผลออกมานายคนนี้ยืนยันว่าภาษาของเธอนั้นมีจริง และมีความหมายด้วย   
นอกจากนี้เขายังพบรอยแผลด้านหลังศีรษะของเธอ ซึ่งเขาลงความเห็นว่าเป็นรอยแผลจากการผ่าตัดของศัลยแพทย์จากดินแดนตะวันออก


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 13, 15:00
  เจ้าหญิงคาราบูล่องลอยอยู่บนฟองสบู่ได้สองเดือนครึ่ง   ฟองสบู่ก็แตกดังโป๊ะ

  สาเหตุจากความดังของเธอที่เจ้าของบ้านเชื่อสนิทนั่นเอง   เขาจึงจ้างช่างมาวาดรูปเธอในชุดอลังการตามเผ่าพันธุ์ที่เธอบอก     จากนั้นหนังสือพิมพ์เมืองบริสตอลก็นำภาพและข่าวนี้ไปลงพิมพ์      สื่อเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนแม้ไม่กว้างขวางอย่างสมัยนี้  แต่มันก็กว้างพอจะถ่ายทอดจากหนังสือพิมพ์เมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง   จนไปกระทบสายตาสตรีเจ้าของบ้านแบ่งเช่าเข้าคนหนึ่ง  ชื่อมิสซิลนีล  ในเรื่องไม่ได้บอกว่าชื่อต้นของเธอคืออะไร
  พอคุณนายนีลเห็นภาพวาดของเจ้าหญิงจากตะวันออก  นางก็จำได้ทันทีว่าหญิงสาวคนนี้คืออดีตสาวใช้ที่เคยจ้างไว้ไม่นานมานี้น่ะเอง     สมัยทำงานอยู่ที่นี่   หล่อนชอบเล่นกับเด็กๆด้วยการพูดภาษาแปลกๆอะไรสักอย่างที่หล่อนสมมุติขึ้นมาเอง     ยิ่งกว่านั้นหล่อนก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์อื่นมากจากไหน  แต่เป็นสาวอังกฤษชาวบ้านธรรมดา   ชื่อจริงคือแมรี่ เบเกอร์  พ่อเป็นช่างทำรองเท้าอยู่ที่เมืองวิเธอริดจ์ ในแคว้นเดวอน  ฐานะยากจน   ไม่มีการศึกษา
   ความเป็นอยู่ของชนชั้นแรงงานในอังกฤษตอนนั้น แทบจะไม่ได้ดีไปกว่าขอทานเท่าใดนัก   พอโตขึ้นหน่อย แมรี่ก็ต้องไปรับจ้างเป็นสาวใช้อยู่ตามบ้านต่างๆ ทั่วไปตามเมืองโน้นเมืองนี้    แต่เงินเดือนคนรับใช้น้อยนิด    ความเป็นอยู่ก็ลำบาก     หล่อนก็ร่อนเร่จากบ้านนายจ้างคนหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง  จนคุณนายนีลเองก็ไม่รู้ว่าหล่อนลาออกไปอยู่ไหน    จนกระทั่งมาเจอข่าวว่าหล่อนกลายเป็นองค์หญิงไปเสียแล้ว


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 13, 15:28
     จนบัดนี้ก็ไม่มีใครหาเหตุผลได้ว่า แมรี่ เบเกอร์นึกยังไงถึงปลอมตัวเป็นเจ้าหญิงคาราบู  ไกลสุดกู่ขนาดนั้น  ในเมื่อปลอมเป็นอย่างอื่นเช่นอ้างว่าเป็นลูกคนโน้นหลานคนนี้ ยังง่ายกว่าเป็นกอง   แต่ผู้คนที่รู้จักแมรี เบเกอร์มาก่อนบอกว่าหล่อนชอบแสดงจริตกิริยาเว่อๆ ราวกับเป็นนางละครบนเวทีอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร     นอกจากนั้นยังชอบสร้างโลกสมมุติขึ้นมาล้อมรอบตัวเอง มากกว่าอยู่ในโลกของความเป็นจริงอย่างคนอื่นเขาเป็นกัน  
    แมรี่คงจะจับได้จากอะไรสักอย่างว่า ถ้าหากว่าปลอมตัวเป็นคนต่างชาติต่างภาษา หล่อนจะได้รับความสมเพชเวทนาและมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยง่ายขึ้น    ในยามที่หล่อนเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อหางานใหม่ทำ       หล่อนก็เลยสมมุติตัวเองเป็นองค์หญิงกำมะลอขึ้นมา    แล้วมันก็เกิดได้ผลเกินคาดหมายเสียด้วย


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 13, 15:30
    ถ้าถามว่าทำไมปลอมแปลงตัวเองเป็นเจ้าหญิงคาราบูประสบผลสำเร็จขนาดนั้น    นอกจากหล่อนเล่นละครเก่งตามประสาสิบแปดมงกุฎ     ขนมที่เข้ามาผสมน้ำยาก็คือหล่อนจับจุดคนรอบข้างได้ถูก     ผู้คนที่หล่อนเจอมีพื้นฐานชอบเรื่องเพ้อๆ ฝันๆ  เห่อองค์หญิงองค์ชาย หรือคุณหญิงคุณชายอยู่มาก   อันเป็นผลมาจากแนวคิดเชิงโรแมนติคนิยมที่แพร่หลายมาจากยุโรปในยุคนั้น       
   เศรษฐีบ้านนอกและชาวบ้านอังกฤษไม่เคยรู้ว่าจริงๆแล้วคนสูงศักดิ์เขาอยู่กันยังไง    ก็ได้แต่วาดฝันกันไปตามประสาว่าองค์ชายองค์หญิงเขาน่าจะเป็นยังงั้น  เขาอยู่กันยังงี้   ยิ่งถ้าเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงจากต่างประเทศ ยิ่งอลังการงานสร้างหนักขึ้นไปอีก      ดังนั้น เจ้าหญิงคาราบูมีพฤติกรรมโลดโผนโจนทะยานเหมือนในเทพนิยาย เช่นถูกโจรสลัดจับตัวมา     หรือมาอยู่ในบ้านของเจ้าของบ้าน  เธอเล่นกีฬาฟันดาบยิงธนูเป็นว่าเล่น     ก็ยิ่งสมจริงตามประวัติของเจ้าหญิงจากดินแดนตะวันออกอันไกลโพ้น
    สิบแปดมงกุฎอย่างคาราบู มักมีคุณลักษณะที่ส่งเสริมให้หลอกคนได้แนบเนียนอีกอย่างคือเป็นคนสวย   รู้จักวางท่าวางทางเป็นนางพญา  ผิดแผกไปจากคนเดินดินทั่วไป      ยิ่งเห็นชาวบ้านยิ่งเชื่อสนิท   เพราะมันตรงกับภาพในใจของพวกเขาที่วาดเอาไว้ก่อนแล้วว่าหญิงผู้สูงศักดิ์จะต้องเป็นกันยังงี้แหละ   


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 13, 15:36
Phoebe Cates ในบทบาทเจ้าหญิงคาราบู


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 13, 17:08
    คุณนายนีลไม่ได้อยู่เฉย   ถือว่าธุระไม่ใช่เมื่อรู้ข่าว    หล่อนก็จัดการเปิดเผยความจริงให้หนังสือพิมพ์ทราบทันที   เรื่องก็เลยกลับตาลปัตรกลายเป็นข่าวใหญ่     ท่านตุลาการและภรรยาตรงไปซักถามเจ้าหญิงคาราบูตรงๆว่า หล่อนคือแมรี่ เบเกอร์หญิงสามัญธรรมดาใช่ไหม   เมื่อความแตก มีพยานหลักฐานพร้อม     เจ้าหญิงกำมะลอก็จำต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจ
    ข่าวเรื่องเจ้าหญิงเก๊ก็อื้อฉาวไปทั่วประเทศ  ยิ่งกว่าข่าวแรกที่หล่อนปรากฏตัวขึ้นเสียอีก

    ถ้าใครคิดว่า ผู้หญิงคนนี้จะต้องได้รับโทษสาสมกับที่หลอกลวงประชาชน   ถูกส่งเข้าคุก หรือว่าถูกโบยถูกตีอย่างใดอย่างหนึ่ง     คนนั้นก็ต้องหงายหลังผลึ่งตกเก้าอี้      โลกแห่งความจริงบางครั้งก็ไม่น่าเชื่อเสียยิ่งกว่าโลกในละครทีวี      เจ้าหญิงคาราบูไม่ได้รับโทษอย่างใดเลย    อย่างแรกคือไม่มีเจ้าทุกข์    ท่านตุลาการและภรรยาไม่เอาเรื่องว่าหล่อนหลอกลวงคดโกงเขา      และอย่างที่สอง หนังสือพิมพ์ในอังกฤษขายข่าวนี้เป็นเรื่องเอิกเกริก      กลายเป็นว่าสื่อออกจะชอบหล่อนเสียด้วยซ้ำ    เห็นว่าหล่อนเป็นตัวแทนของชนชั้นรากหญ้า  ไพร่อย่างหล่อนสามารถใช้สมองน้อยๆนี่แหละ   ตบตาพวกผู้ดีแปดสาแหรกได้ง่ายๆโดยไม่ต้องลงทุนทำอะไรซับซ้อน  
     แหม  มันสะใจนัก  เท่ากับช่วยคนเดินดินทั้งหลายได้ตบหน้าพวกผู้ดีเห่อยศเห่อศักดิ์ไปด้วยในตัว  

     ในเมื่อสื่อเล่นข่าวกันแบบนี้     ก็เลยไม่มีใครหยิบยกประเด็นสิบแปดมงกุฎขึ้นมาชี้ให้เห็นความเลวร้ายของผู้หญิงคนนี้    พวกหลงเชื่อหล่อนซึ่งไม่มีความผิดอะไรเลย ก็กลายเป็นจำเลยของสังคมไปแทน


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 13, 20:51
   หนึ่งในผู้ที่ถูกชะตากับองค์หญิงกำมะลอคือตัวคุณนายเจ้าของคฤหาสน์ที่หล่อนพักอยู่ด้วย   แทนที่จะโมโหโทโสว่าถูกต้มตุ๋นเสียเปื่อย   คุณนายวอร์รัลของท่านตุลาการเกิดเมตตาเจ้าหญิงปลอม   มองเห็นเสน่ห์ตามธรรมชาติของแมรี่ ซึ่งคนเขียนกระทู้นี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร    แต่มันก็คงจะมากพอที่จะทำให้คุณนายเห็นว่า ถึงรับหล่อนเอาไว้ในบ้านอีกต่อไปไม่ได้เพราะเรื่องมันอื้อฉาวไปทั้งประเทศ  แต่ก็ไม่ไล่หล่อนไปซัดเซพเนจรอยู่กลางถนน      
    ในเมื่อคุณนายเป็นคนอเมริกันโดยกำเนิด  ก็เลยทำสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นสวรรค์โปรดเมรี่  คือนอกจากให้อภัยแล้วยังจ่ายเงินให้หล่อนมากพอเป็นค่าตั๋วโดยสาร เพื่อเดินทางข้ามมหาสมุทรไปเริ่มชีวิตใหม่ที่ฟิลาเดลเฟีย  สหรัฐอเมริกา    องค์หญิงคาราบูก็รับเงินแล้วอำลาเจ้าของบ้านไปนับแต่นั้น

    สื่ออังกฤษยังไม่เลิกเล่นข่าวเกี่ยวกับองค์หญิงคาราบู    เพราะข่าวนี้ยังขายได้เสมอ   สองสามสัปดาห์หลังจากเมรี่ลงเรือไปแล้ว   ก็มีข่าวลงในหนังสือพิมพ์ว่า ระหว่างโดยสารเรือไปอเมริกา    เรือขององค์หญิงเกิดถูกพายุพัดออกนอกเส้นทางไปลอยเท้งเต้งอยู่ใกล้ๆเกาะเซนต์เฮเลน่า ที่จักรพรรดินโปเลียนถูกกักตัวอยู่    องค์หญิงลงจากเรือใหญ่   กรรเชียงเรือเข้าฝั่งไปเจอจักรพรรดิ  ซึ่งเกิดหลงรักหล่อนทันทีที่เห็น  ก็เลยขออภิเษกสมรสด้วย  แต่ว่าองค์หญิงปฏิเสธ  
    ข่าวนี้นั่งเทียนเขียนขึ้นโดยฝีมือนักข่าวซึ่งตั้งใจจะให้เป็นเรื่องโจ๊ก     แต่ว่าประชาชนซึ่งยังติดใจดราม่าเรื่องนี้อยู่เกิดชอบพล็อตนี้ขึ้นมา    เรื่องก็เลยแพร่กระจายออกไป ถูกอกถูกใจชาวบ้านยิ่งนัก    จนตอนหลังๆเมื่อมีการรวบรวมประวัติของเจ้าหญิงคาราบู  โจ๊กเรื่องนี้ก็เลยจับพลัดจับผลู ถูกรวมเข้าไปเป็นเรื่องจริง


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 26 ส.ค. 13, 11:02
มาเข้าเรียนค่ะ กราบสวัสดียามสายค่ะ

"เศรษฐีบ้านนอกและชาวบ้านอังกฤษไม่เคยรู้ว่าจริงๆแล้วคนสูงศักดิ์เขาอยู่กันยังไง ก็ได้แต่วาดฝันกันไปตามประสาว่าองค์ชายองค์หญิงเขาน่าจะเป็นยังงั้น.."

ประโยคนี้คลาสสิคจังค่ะ จริงตลอดกาลไม่ว่าจะอยู่ซีกโลกไหน และเมื่อไร


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ส.ค. 13, 11:16
มีสองคนที่น่าสงสัยว่าจะอยู่ในขบวนการต้มตุ๋นครั้งนี้ด้วย คือ กลาสีนิรนามชาวโปรตุเกส และหมอวิลคินสัน

ก็ปรากฏว่าในตอนนั้นเอง มีกลาสีชาวโปรตุเกสคนหนึ่งมาพบ    บอกว่าสามารถพูดภาษาของสาวรายนี้ได้   

ความเคลือบแคลงใดๆที่อาจจะหลงเหลืออยู่ก็หมดไปจากการยืนยันโดยนายแพทย์คนหนึ่งชื่อหมอวิลคินสัน  ซึ่งพยายามถอดรหัสภาษาของเธอโดยมีหนังสือ  Pantographia  ของเอ็ดมัน ฟราย เป็นตัวเทียบ    หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือรวบรวมตัวอักษรในภาษาต่างๆ  เทียบกับอักษรอังกฤษ    ผลออกมานายคนนี้ยืนยันว่าภาษาของเธอนั้นมีจริง และมีความหมายด้วย   
นอกจากนี้เขายังพบรอยแผลด้านหลังศีรษะของเธอ ซึ่งเขาลงความเห็นว่าเป็นรอยแผลจากการผ่าตัดของศัลยแพทย์จากดินแดนตะวันออก


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 13, 11:26
สวัสดีค่ะคุณ Sirinavadee   เห็นด้วยค่ะ

คุณเพ็ญชมพูนึกตรงกันพอดี     ดิฉันว่ายัยท่านหญิงกำมะลอน่าจะมีลูกมือ   เป็นขบวนการต้มตุ๋น   ไม่ใช่หล่อนนึกสนุกขึ้นมาก็เที่ยวปลอมตัวหลอกชาวบ้านเล่นเฉยๆ    ใครจะลงทุนหลอกเฉยๆโดยไม่ได้ผลตอบแทนกลับมา  ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
อย่างน้อยหลอกชาวบ้านว่าเป็นองค์หญิง     เมื่อได้ความเชื่อถือ   ชาวบ้านก็ต้องเกรงอกเกรงใจให้ที่อยู่อย่างดี  ควักกระเป๋าจ่ายค่ากินค่าเสื้อผ้า ค่าอะไรต่อมิอะไรให้      ได้มากได้น้อยก็กำไรลูกเดียว     เมื่อได้แล้วก็ค่อยไปแบ่งกับลูกน้อง
แม้แต่เดินทางไปอเมริกา   แน่หรือว่าเจ้าหญิงคาราบูเดินทางไปคนเดียว   ไม่มีลูกน้องแอบลงเรือไปด้วย


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 13, 11:35
    ข้อมูลในเรื่องนี้ไม่ได้บอกว่าแมรี่ เบเกอร์เป็นคนอย่างไร   แต่เราพอจะอนุมานได้ตามพฤติกรรมว่าหล่อนไม่ใช่คนขยันเอางานเอาการ   ไม่งั้นหล่อนก็คงทำงานสุจริตได้ยั่งยืน     พวกสิบแปดมงกุฎมักจะหนักไม่เอาเบาไม่สู้   อยากรวยอยากดังในทางลัด     ยิ่งหลอกชาวบ้านให้เชื่อได้ยิ่งภูมิใจว่าตัวเองเก่ง         จึงไม่น่าแปลกใจอีกเหมือนกันที่แมรี่ เบเกอร์ไม่ยอมไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่อเมริกาตามความหวังดีของคุณนายวอร์รัล    แต่ว่ายึดบทบาท "เจ้าหญิงคาราบู" เป็นหนทางหากินต่อไปอีก

    อเมริกาในยุคต้นศตวรรษที่ 19  เป็นโลกใหม่ที่คนยากจนจากยุโรปหลั่งไหลกันไปแสวงหาโชคลาภจากสมองและสองมือ    ไม่ใช่โชคจากล็อตเตอรี่หรืออะไรเผื่อฟลุ้ค       คนมือเปล่าสามารถสร้างตัวเป็นเศรษฐีกันได้เยอะมาก    เพียงแต่ขยัน  หนักเอาเบาสู้  ก็พอจะสร้างฐานะได้       แต่ว่าเจ้าหญิงคาราบูของเราไม่ยักคิดยังงั้น       เมื่อพบว่าข่าวของหล่อนกระจายมาถึงอเมริกาล่วงหน้าก่อนหล่อนจะเหยียบขึ้นฝั่งเสียอีก     หล่อนก็ตัดสินใจว่า..ไม่เอาละ   เรื่องจะไปซักผ้าถูพื้นเป็นชนชั้นแรงงานเก็บเงินวันละเซ็นต์สองเซ็นต์     ฉันเล่นบทเจ้าหญิงคาราบูต่อไปดีกว่า


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 13, 16:50
   ในเมื่อตัดสินใจอย่างนี้    เจ้าหญิงคาราบูก็กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง   แต่คราวนี้ต่างจากในอังกฤษ    เมรี่ไม่สามารถจะสวมรอยตบตาใครต่อใครได้อย่างเมื่อก่อน    เพราะข่าวจากสื่อแพร่กระจายมาถึงอเมริกาจนผู้คนเขารู้กันแล้วว่านี่เป็นเจ้าหญิงกำมะลอ      หล่อนก็เลยหาทางออกด้วยโชว์ตัวเป็นเจ้าหญิงคาราบู ไปปรากฏตัวในละครเวทีที่วอชิงตันฮอลล์บ้าง ในงานนั้นงานนี้บ้าง     เพื่อหารายได้เท่าที่จะหาได้

   อย่างไรก็ตาม   เจ้าหญิงคาราบูไม่ประสบความสำเร็จ    เพราะว่าหน้ากากถูกเปิดมานานแล้วตั้งแต่อยู่อังกฤษ    คนอเมริกันไม่ได้ตื่นเต้นกับหล่อนเท่าที่หวัง ในเมื่อรู้แล้วว่าผู้หญิงแต่งตัวประหลาดๆนี้เป็นเจ้าเก๊กำมะลอ     ก็ถือว่างั้นๆ ไม่ได้ฮือฮาไปด้วย      งานอาชีพของแมรี่ก็เลยมาถึงทางตัน       หล่อนเขียนจดหมายไปหาคุณนายวอร์รัลผู้มีอุปการะคุณ  บ่นให้ฟังว่าเรื่องในอดีตของหล่อนอื้อฉาวจนมีผลเสียถึงอาชีพการงาน...ก็ใครใช้ให้หล่อนทำล่ะ?

   แมรี่ใช้ชีวิตลุ่มๆดอนๆอยู่ในอเมริกา 7 ปี  ก็ตัดสินใจกลับไปตายรังที่อังกฤษ      ไม่ต้องบอกก็คงเดากันได้ว่าหล่อนไม่สามารถจะขุดทองได้อย่างที่หวัง     กลับไปคราวนี้ หล่อนมีลูกสาวไปด้วยคนหนึ่ง และเปลี่ยนนามสกุลจากเบเกอร์เป็นเบอร์เจส    แต่ไม่ปรากฏว่าสามีของหล่อนเป็นใคร


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 13, 12:38
  แมรี่ยังไม่วายที่จะสวมรอยเป็น "เจ้าหญิงคาราบู" ตามนิสัยดั้งเดิม     คราวนี้ไปโชว์ตัวอยู่ที่ถนนนิวบอนด์สตรีท  แต่การแสดงของหล่อนก็ล้มเหลว ในเมื่อประชาชนรู้กันเสียแล้วว่านี่คือองค์หญิงกำมะลอเมื่อหลายปีก่อน   แมรี่อายุ 33 แล้วในตอนนั้น    อายุเท่านี้ในศตวรรษที่ 19 ก็แก่พอกับสี่สิบปลายๆในสมัยนี้     ไม่สามารถจะเรียกความสนใจจากใครได้อีก    
  
  ประวัติช่วงนี้ค่อนข้างคลุมเครือ   มีข่าวว่าหล่อนเดินทางไปฝรั่งเศสและสเปน ในฐานะ "เจ้าหญิงคาราบู"  แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ   จึงกลับมาอังกฤษอีกใน 4 ปีต่อมา     ไปตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ที่เมืองเบดมินสเตอร์ในฐานะแม่ม่ายชื่อมิสซิสเมรี่ เบอร์เจส     ยอมรับสภาพสามัญของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น

   ในบั้นปลายชีวิต    แมรี่มีอาชีพขายปลิงส่งให้โรงพยาบาลที่บริสตอล       ใครอ่านมาถึงตรงนี้คงย้อนไปอ่านซ้ำว่า "ขายอะไรนะ"   คือสมัยนั้นเชื่อกันว่าโรคหลายอย่างเกิดจากเลือดข้นเกินไป   เป็นเลือดร้ายในตัวที่ต้องดูดออกเสียบ้าง  คนไข้จะหายดี     วิธีดูดเลือดก็คือใช้ปลิงดูดออกมา      จึงมีพ่อค้าแม่ค้าหัวใสเพาะขายปลิงกันเป็นล่ำเป็นสัน   รายได้ดีและนับเป็นอาชีพสุจริตเช่นเดียวกับการค้าขายอื่นๆ      แมรี่อายุ 48 แล้วเมื่อเริ่มอาชีพนี้     หล่อนก็ยึดอาชีพแม่ค้ามาเรื่อยๆจนถึงแก่กรรมในวัย 73 ปี  
  ศพของแมรี่ฝังอยู่ที่สุสานในเมืองบริสตอล    เป็นหลุมศพนิรนาม  ไม่มีคำจารึกใดๆ     ก็คงพอจะบอกได้ถึงบั้นปลายของหล่อน ว่าหล่อนเกิดมาในฐานะสามัญชนอย่างใด  ก็ตายไปอย่างนั้นเอง


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 27 ส.ค. 13, 15:41
ส่วนตัวเห็นว่า พวกต้มตุ๋นคนมักจะทำแล้วทำอีกไปตลอดชีวิตค่ะ

ถ้าทำเพื่อเลี้ยงชีพ ก็เพราะหาเงินง่าย โกหกอย่างเดียวไม่ต้องออกแรง
ส่วนอีกพวก ทำเพื่อสนองความต้องการบางอย่าง ทำแล้วก็ต้องทำอีกเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจและยืดอายุโลกในจินตนาการให้คงอยู่ต่อไปได้

คล้ายๆ นิยายที่เคยอ่านค่ะ เรื่องเหลี่ยมดาริกา อาจารย์ลองอ่านสิคะ สนุกมากค่ะ  ;)


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 13, 16:16
ขอบคุณค่ะ  เคยคุ้นๆชื่อเหมือนกัน


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 ส.ค. 13, 16:31
ขอร่วมออกความเห็นอีกคนเพิ่มอรรถรสครับ


ในฐานะนักต้มตัวยง คนประเภทเดียวกัน  ผมพอเข้าใจแมรี่ หรือคนแบบแมรี่เหมือนกันนะครับ


คนจำนวนไม่น้อย อยากได้อยากเป็นเหมือนสิ่งที่ฝัน แต่ด้วยฐานะ ชาติกำเนิด พลังผลักดันในตัวเองที่มีไม่พอ มีแต่ความทะเยอทะยาน ทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เลยชอบจินตนาการฝันกลางวันเอาว่าตัวเป็นนั่นเป็นนี่ ที่พอมีสติหน่อยก็กลับมาโลกแห่งความจริงได้ ที่ชีวิตจริงมันขมมากหน่อยก็พาลจะแยกไม่ออกว่าอะไรจริง อะไรจินตนาการ   ที่หนักหน่อยบางคนหลอกตัวเองไม่พอ ไปหลอกคนอื่นต่อเพื่อให้ได้รับความยกย่องชื่มชม ที่แม้จะไม่แท้แต่ก็พอจะแช่มชื่นหัวใจของตัวได้ จนกลายเป็นความเคยชิน แสวงหา หนักๆ เข้าบางคนเห็นทางหาประโยชน์ได้  จากฝันกลางวันกลายสภาพเป็นนักตุ๋นไปเลย บางคนไม่ขนาดนักตุ๋น แต่หลอกคนเยอะว่าเป็นโน่นเป็นนี่ ขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้ก็มี  บางคนก็เคยชินกับช่วงที่ตัวตนปลอมๆ ได้รับการยอมรับพินอบพิเทาจากคนรอบข้าง จนไม่สามารถกลับสู่ชีวิตจริงก็มี  ผมเคยได้ยินทั้งเรื่องของเจ้าปลอม  นางในปลอม ทหารปลอม หมอปลอม นักศึกษาแพทย์ปลอม  ฯลฯ ปลอมเต็มไปหมด อะไรที่มีสถานะทางสังคมสูงหรือมีอภิสิทธิ์มากหน่อย จะปลอมกันเยอะ ที่ไม่ค่อยเจอคืออาชีพล่าง หรือชั้นกรรมาชีพหน่อยเช่นคนขับสองแถวปลอมหรือ taxi ปลอม


จริงๆ ตอนนี้มีกิจการสนองฝันคนอยากหลายแบบเหมือนกัน เช่นพวกบ้าเครื่องแบบอยากเป็นทหาร เค้าก็มีกลุ่มรักษาดินแดนเล่นแต่งคอสเพลย์คล้ายๆ ทหาร สมมุติยศกัน เล่นเป็นทหารตะเบ๊ะกันไปมาตามงานต่างๆ คนไนทุนน้อยหน่อยไม่มีเงินค่าเครื่องแบบก็อาจจะสมมุติตัวเป็นนั่นเป็นนี่ในเว็บบอร์ดก็มีไม่น้อย


อย่างผมฝันไว้แต่เด็กอยากไปเมืองนอก แต่ชีวิตจริงขี้เกียจเรียนหนังสือไม่เอาไหน ลง มสธ กับรามก็ยังเรียนไม่จบ  ว่างจากขับ taxi ก็แกล้งจินตนาการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์เป็นนักเรียนนอกบ้าง หนุ่มสูงศักดิ์บ้าง มหาเศรษฐีบ้าง สนองปมด้อยในชีวิตบ่อยๆ เพียงแต่ให้แนบเนียนหน่อย ค่อยๆ ปล่อยข้อมูลออกมาเป็นระยะๆ  ให้คนอ่านจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน  ;D  ;D  ;D


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 ส.ค. 13, 16:40
พูดถึงเรื่องเหลี่ยมดาริกานี่ผมเองก็ไม่เคยอ่านเหมือนกัน ได้ยินเรื่องราวมานาน   อยากอ๊านอยากอ่านมากๆ  แต่ก็ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหน   :'(  ผมเคยอ่านแต่เรื่องราวจริงที่มาของหนังสือเล่มนี้  ช่วงนั้นสนุกมากมันหยด รักโศรกซึ้งครบ ตีแผ่สะท้านทรวงตื่นเต้นเร้าใจ   มีแม้แต่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถูกดึงเข้ามาร่วมวงเฉย   สนุกจนอยากรู้ว่าในนิยายจะดุเด็ดเผ็ดมันเหมือนเรื่องจริงหรือเปล่า   ไม่ทราบใครมีหนังสือเล่มนี้พร้อมลายเซ็นท่านผู้แต่งจะบริจาคนักเรียนนอกปลอมๆ คนขับ taxi ป้ายดำแท้ๆ มั่งรึเปล่าน้อออออ  ;D  ;D  ;D


ท่านอาจารย์เทาฯ ก็กว้างขวางอยู่ ถ้าท่านอาจารย์พอรู้จักท่านผู้ประพันธ์เรื่องนี้   ฝากเรียนท่านว่าผมไถ เอ๊ย ขอรับบริจาคซักเล่มนะครับ  ;D  ;D  ;D แล้วจะส่งฟอสซิลไตรไลไบท์ไปไว้เป็นที่ทับหนังสือเท่ห์ๆ ทดแทนบุญคุญซักตัว


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 13, 16:42
ที่ไม่ค่อยเจอคืออาชีพล่าง หรือชั้นกรรมาชีพหน่อยเช่นคนขับสองแถวปลอมหรือ taxi ปลอม

ดิฉันน่ะ  ตรงกันข้ามกับคุณประกอบ ไม่เคยเจอนางในปลอม เจ้าปลอม เศรษฐีนีปลอม  ฯลฯ  แต่ไปเจอเข้าคนหนึ่ง เรียนหนังสือเก่งมาก   จบวิชาที่ใครๆก็อยากเรียนกัน   ทำงานเป็นอาจารย์มหา'ลัย    ได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยท็อปเท็นของอังกฤษ    แต่ชอบปลอมเป็นคนขับแท็กซี่จังเลย  
ไม่รู้ว่าเคสนี้คุณประกอบจะอธิบายว่าไงคะ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 13, 16:46
พอจะหยิบยืมหนังสือจากเจ้าของได้    แต่ไม่ต้องเอาตัวอะไรนั่นมาให้ก็ได้ค่ะ   ดิฉันมีงานอดิเรกคนละอย่างกับคุณเพ็ญชมพู
เอาไว้คุณประกอบเรียนจบเมื่อไหร่ บอกมา   จะส่งไปให้    ตอนนี้อย่ามัวแต่อ่านนิยาย  เดี๋ยวไม่เป็นอันขับแท็กซี่


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 ส.ค. 13, 16:56
พอจะหยิบยืมหนังสือจากเจ้าของได้    แต่ไม่ต้องเอาตัวอะไรนั่นมาให้ก็ได้ค่ะ   ดิฉันมีงานอดิเรกคนละอย่างกับคุณเพ็ญชมพู
เอาไว้คุณประกอบเรียนจบเมื่อไหร่ บอกมา   จะส่งไปให้    ตอนนี้อย่ามัวแต่อ่านนิยาย  เดี๋ยวไม่เป็นอันขับแท็กซี่

โกหกแบบเหนือชั้นคือต้องโกหกให้เหมือนไม่โกหก มีโกหกซ้อนในโกหกหลายชั้นจนโกหกเล็กบดบังโกหกใหญ่   ไหนๆ ตอนนี้ก็ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้   8)  8) เมื่อท่านอาจารย์เข้าใจว่าผมเป็นเด็กนอกจริงก็ไว้ผมหาปริญญาไปยืนยันซัก 2 ใบ เดี๋ยวนี้ปริญญาเอกหาไม่ยากครับ  เสียดายว่า ม สันติภาพโดน DSI ปราบไปซะแล้ว แต่แหล่งอื่นยังพอมีอยู่  เมื่อท่านอาจารย์ไม่นิยมฟอสซิล ไว้ผมจะซื้อเครื่อง EMF Meter ตรวจจับสนามแม่เหล็กให้แทน เวลาไปพักตามโรงแรมต่างๆ จะได้ไว้ชี้ตามซอกมุม  ห้องน้ำ ประตู ตู้ เตียง ว่าตรงไหนมีพลังงานลึกลับนะครับ เผื่อจะได้เลี่ยงๆ หรือขอเปลี่ยนห้องใหม่ได้

ว่าแล้วไปทำงานต่อดีกว่า เดี๋ยวเรียนไม่จบ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 13, 17:16
degrees for sale มีเยอะแยะไป จะเอาประเทศไหนก็ได้ค่ะ     เพียงแต่ก.พ. ไม่รับรอง   และเผลอๆไปทำงาน ถูกจับได้ก็จะได้ถูกไล่ออกไปวิจัยฝุ่นกันต่อจากนั้น
รอคุณชายรุศฑ์ษมาศร์เรียนจบ Ph.D เสียก่อน  จะเอาดีกรีอื่นๆไปทำวอลเปเปอร์  ดิฉันหาให้สักโหลนึงก็ยังได้


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 13, 18:11
เมื่อท่านอาจารย์ไม่นิยมฟอสซิล ไว้ผมจะซื้อเครื่อง EMF Meter ตรวจจับสนามแม่เหล็กให้แทน เวลาไปพักตามโรงแรมต่างๆ จะได้ไว้ชี้ตามซอกมุม  ห้องน้ำ ประตู ตู้ เตียง ว่าตรงไหนมีพลังงานลึกลับนะครับ เผื่อจะได้เลี่ยงๆ หรือขอเปลี่ยนห้องใหม่ได้

ไม่รู้จักเครื่องที่ว่านี้เลยค่ะ     ไปค้นในกูเกิ้ลก็ยังไม่เข้าใจ   มันทำงานได้ผลดีพอๆกับ GT200 หรือเปล่าคะ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 11:44
ขอพักก่อน  เดี๋ยวจะมีท่านหญิงกำมะลอ 2 มาให้รู้จักกันค่ะ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ส.ค. 13, 20:59
  ฉากแรกของท่านหญิงกำมะลอคนนี้ เปิดขึ้นในนิวยอร์ค  เมื่อค.ศ. 1897  ในสำนักงานทนายความแห่งหนึ่ง   เจ้าของสำนักงานชื่อดิลลอน      แขกคนที่มาเยือนออฟฟิศของเขาเป็นหญิงวัย 40 ปี แต่งกายงามและภูมิฐาน     หล่อนเป็นภรรยาของนายแพทย์ผู้มีชื่อเสียงน่านับถือคนหนึ่งที่ทนายความดิลลอนรู้จัก  ชื่อดร.ลีรอย แช็ดวิค เป็นเศรษฐีพ่อม่าย ซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างมาธุระในนิวยอร์ค   เขาพาภรรยาใหม่ซึ่งสมรสกันไม่นานมาด้วย
  คุณนายแช็ดวิคขอให้ทนายความดิลลอนพาหล่อนไปธุระหน่อย   ทนายความก็ยินดีจะทำตามที่หล่อนขอร้อง     หล่อนขอให้เขาพาไปที่คฤหาสน์ของแอนดรูว์ คาเนกี  มหาเศรษฐีเจ้าของอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งคนทั้งนิวยอร์คหรือจะเรียกว่าทั้งอเมริกาก็รู้จักดี   เพราะเป็นมหาเศรษฐีใจบุญซึ่งบริจาคเงินทีละมากๆ เพื่อสาธารณกุศล


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ส.ค. 13, 21:16
      คุณนายแช็ดวิคมีธุระอะไรกับคาเนกี ทนายดิลลอนไม่รู้ เพราะหล่อนไม่ได้ให้เขาตามเข้าไปในบ้านด้วย       หล่อนหายเข้าไปในบ้านพักใหญ่ก็กลับออกมา      ระหว่างนั้นหล่อนก็บังเอิญทำกระดาษที่ถือมาตกลงบนพื้น  เมื่อดิลลอนเก็บให้  เขาก็ตาเหลือกเมื่อเหลือบเห็นว่ามันเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวนถึง 2 ล้านดอลล่าร์  ประทับตราลายเซ็นของแอนดรูว์ คาเนกี หราอยู่บนนั้น
     แน่นอนว่าเงินจำนวนนี้มหาศาลจนไม่มีใครหุบปากทำไม่รู้ไม่ชี้เอาไว้ได้    ถึงไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นมาก่อน  ก็ต้องอยากรู้ขึ้นมา ว่ามันเรื่องอะไรกัน ผู้หญิงคนนี้จึงได้เงินมหาศาลจากแอนดรูว์ คาเนกี แค่เดินเข้าบ้านเขาไปไม่กี่นาที         เป็นเงินที่บริจาคเพื่อกิจการอะไร หรือลงทุนอะไร   ทนายความดิลลอนอดปากไม่อยู่ต้องซักถาม     ซักกันไปซักกันมา  ในที่สุดคุณนายแช็ดวิคก็ยอมเปิดปากเล่า  โดยคาดคั้นว่า ทนายความจะต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามบอกใครเป็นอันขาด
     เมื่อดิลลอนรับปากอย่างเต็มใจ      หล่อนก็ยอมเปิดเผยความลับว่า แท้จริงแล้วหล่อนเป็นลูกสาวแท้ๆของแอนดรูว์ คาเนกี   หากแต่เกิดนอกสมรส     พ่อหล่อนรู้อยู่เต็มอกว่าหล่อนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา    แต่ด้วยความจำเป็นหลายๆอย่างเขาไม่อาจเปิดเผยต่อสังคมได้ว่าเขาดอดไปมีเมียมีลูกนอกกฎหมายแอบเอาไว้       ด้วยความรักและรู้สึกผิดต่อลูกสาวคนนี้ เขาก็ชดเชยด้วยการให้เงินหล่อนอย่างไม่อั้น       
    " เงินแค่สองล้านเรื่องเล็กค่ะ     พ่อให้ดิฉันไว้เจ็ดล้าน  เก็บไว้ที่บ้านเดิมของดิฉันที่คลีฟแลนด์" หล่อนแถมท้าย
    นอกจากนี้  พ่อยังสัญญาว่าตายลงเมื่อไหร่   ลูกสาวจะได้ส่วนแบ่งมรดกเป็นจำนวนเงินถึง 400 ล้านดอลล่าร์     สบายไปทั้งชาติ

   ทนายความดิลลอนไม่ได้สงสัยเลยกับคำบอกเล่าของคุณนายแช็ดวิค     หล่อนจะมาหลอกเขาหาอะไร ในเมื่อสามีหล่อนก็เป็นเศรษฐีมั่งมีเงินทองเต็มกระเป๋าอยู่แล้ว    ตัวเขาเองก็บันดาลอะไรให้หล่อนไม่ได้แม้แต่สตางค์เดียว       อย่างแรกที่เขาทำก็คือกุลีกุจอหาเซฟธนาคารไว้ให้หล่อนเก็บตั๋วสัญญาแลกเงินจำนวนมหาศาลเอาไว้ให้ปลอดภัย


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ส.ค. 13, 09:58
ตามธรรมชาติของมนุษย์    ไม่มีอะไรทำให้มนุษย์เกิดอาการปากโป้งบอกให้คนอื่นรู้  เท่ากับความลับที่เขาสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่บอกใคร      ดังนั้นความลับที่ทนายความดิลลอนรู้มาจึงปิดกันให้แซ่ดอยู่ใต้โต๊ะ ในตลาดการเงินของโอไฮโอ     นายธนาคารทั้งหลายหูผึ่งตาลุกวาวไปตามๆกัน   เมื่อพบว่ามี "เงินลับ" จำนวนมหึมา กองอยู่เต็มหน้าตักเศรษฐินีคนหนึ่ง

ไม่มีใครสงสัยเครดิตของคุณนายแช็ดวิค   สามีผู้มั่งคั่งและมีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตาย่อมเป็นเครดิตชั้นดีของหล่อน      นอกจากนี้ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปกระแอมกระไอจับเข่าถามแอนดรูว์ คาเนกีว่าท่านแอบไปมีเมียมีลูกลับๆไว้ที่ไหนหรือขอรับ       เพราะมหาเศรษฐีผู้นี้เป็นที่เคารพนับถือกันอย่างสูง ในความใจบุญสุนทาน   ใครจะกล้าแหย่ให้ประวัติสะอาดของท่านด่างพร้อยไปได้

ด้วยเหตุนี้เอง นายธนาคารหลายแห่งจึงยอมให้คุณนายแช็ดวิคกู้เงินจากแบงค์ไปโดยมีตั๋วสัญญาใช้เงินของคาเนกีนั่นแหละเป็นหลักฐานค้ำประกัน      บวกเหตุผลอีกอย่างคือพวกเขาคิดดอกเบี้ยมหาโหด  จะรวมใต้โต๊ะหรือไม่เราก็คงพอเดากันได้     สรุปแล้วว่าคุณนายแช็ดวิคก็ได้เงินจากธนาคารปล่อยกูอย่างไม่อั้น     ธนาคารเชื่อว่ายังไงเสีย  คาเนกีก็ไม่ปล่อยให้ลูกสาวเขาเป็นหนี้เป็นสิน   เขาต้องชำระหนี้ให้เธอจนหมด


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ย. 13, 11:50
   ด้วยความใจกล้าของแคสซี่ บวกกับเธอรู้จุดอ่อนของสังคมว่า ไม่มีใครกล้าไปซักไซ้ไล่เลียงแอนดรูว์ คาเนกี ทำให้เธอกล้ากู้เงินจำนวนมหาศาลจากแบงค์ ต่อเนื่องยาวนานมาถึง 8 ปี    เอาเงินมาซื้อเครื่องเพชร  เสื้อผ้าแพงๆ นับไม่ถ้วน จัดงานปาร์ตี้ ทำตัวไฮโซสุดขีดราวกับพิมพ์ธนบัตรได้เอง     อาศัยชื่อเสียงและฐานะร่ำรวยของสามีเป็นเครื่องกำบังที่มาของเงินทองพวกนี้       เธอกลายเป็นสตรีชั้นนำขอสังคมเศรษฐีจนได้สมญาว่า "ราชินีแห่งรัฐโอไฮโอ"

   ไม่มีใครล่วงรู้ว่าสตรีผู้หรูหราทำตัวราวกับท่านหญิงบรรดาศักดิ์ทุกกระเบียดนิ้ว แท้จริงในอดีตคือเด็กหญิงเอลิซาเบธ บิ๊กลีย์  ถือกำเนิดมาอย่างยากจน ในบ้านนาเล็กๆแห่งหนึ่งในแคนาดา  พ่อทำงานรถไฟ     ลูกๆมีชีวิตสามัญ  ไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าเด็กชาวบ้านแม้แต่น้อย      
   แต่หนูน้อยเบตซี่ (ในครอบครัวเรียกเธออย่างนั้น) ก็ช่างไม่เหมือนพี่ๆน้องๆอีก 4 คนเสียเลย   เธอเป็นเด็กช่างฝัน มาแต่เล็ก ชอบแต่งเรื่องโกหกเป็นตุเป็นตะให้คนอื่นๆฟัง       แต่ในเมื่อยังเด็ก ก็เลยไม่มีใครเอาเรื่องเอาราว

  พออายุ 14  ลายของเบตซี่ก็ออกเป็นครั้งแรก  เด็กสาววัยรุ่นทำสิ่งที่ไม่มีเด็กวัยเดียวกันทำคือไปเปิดบัญชีในเมือง  ในนั้นเธอฝากเงินสดจำนวนน้อยนิด  แต่มีหลักฐานยืนยันกับนายธนาคารว่า เธอได้รับจดหมายยกมรดกให้เธอจากลุงคนหนึ่งในอังกฤษ เป็นฐานของเงินฝาก  
   เมื่อเปิดบัญชีได้  เธอก็ขอทำสมุดเช็ค  แล้วเที่ยวจ่ายเช็คซื้อข้าวของจากร้านค้าในเมือง   จนกระทั่งถูกจับได้ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร   แต่ในเมื่อยังอยู่ในวัยผู้เยาว์  ศาลก็เลยเอาผิดไม่ได้ และทนายอ้างว่าเธอสติไม่สมบูรณ์นัก   เบตซี่ก็เลยได้รับการปล่อยตัว  ไม่ถูกจำคุก  แต่ต้องหลบหน้าไปจากบ้านเกิดชั่วคราวเพื่อให้เรื่องอื้อฉาวเงียบลง


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ย. 13, 12:26
     แคสซี่หลบหน้าจากถิ่นเดิมไป 3 ปี เมื่อกลับมา เธอพบว่าพี่สาวแต่งงานไปกับช่างไม้ชาวอเมริกัน   ทั้งสองโยกย้ายไปอยู่ที่คลีฟแลนด์ โอไอโอ     แคสซี่ก็ได้โอกาสที่จะไปตั้งต้นชีวิตใหม่โดยมีพี่สาวพี่เขยเป็นใบเบิกทาง  จึงเดินทางตามไปด้วย  ขออาศัยอยู่กับสองคนนั่นในระยะสั้นๆ  ก่อนจะบินออกมาสร้างโลกใหม่ของเธอเอง
     ในวัยยี่สิบต้นๆ    แคสซี่ปลอมแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ บอกใครต่อใครว่าเธอชื่อมิสซิสลิเดีย เดอแวร์ ใช้นามสกุลแปร่งๆเป็นภาษาต่างชาติ  อ้างว่าเป็นแม่ม่ายสามีตายตั้งแต่เธอยังสาว    เธอไปเช่าห้องๆหนึ่งจากเจ้าของบ้าน ที่มีห้องแบ่งเช่า   แล้วเปิดเป็นสำนักงานเล็กๆ ตั้งตัวเองเป็นแม่หมอตาทิพย์   โดยอาศัยเงินทองที่โกงมาได้สมัยอยู่บ้านเกิดเป็นค่าเช่าห้องและหาอุปกรณ์มาประกอบ
     ขอบอกเพิ่มว่า อาชีพหมอดูก็ดี คนทรงก็ดี เป็นอาชีพเฟื่องฟูสมัยศตวรรษที่ 19     ไม่ว่าในอังกฤษหรืออเมริกา   ชาวบ้านสมัยนั้นที่ฉลาดก็มี ที่งมงายก็มิใช่น้อย   เช่นแม่ม่ายจำนวนมากต้องการติดต่อกับวิญญาณของสามีที่ตายไป     พ่อแม่อยากติดต่อลูกที่ตายไปก่อนวัยอันควร  บางคนก็ของมีค่าหาย  อยากรู้ว่าอยู่ไหน  บางคนก็เชื่อว่าบ้านที่อยู่มีปีศาจสิงสู่ ฯลฯ  พวกนี้จะมาหาหมอดูทางใน  หรือคนทรง  จะเป็นหมอดูลูกแก้ว หรือไพ่  หรือนั่งหลับตาภาวนา แบบไหนมีทั้งนั้น
     ดังนั้น  อาชีพนี้จึงเป็นหนทางสะดวกของพวกมิจฉาชีพ    ไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องมีพื้นฐานทางวิชาชีพ  แค่รู้จักพูดจาลื่นไหลหลอกตุ๋นให้คนเชื่อก็พอ




กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ย. 13, 11:39
  หนึ่งในบรรดาเหยื่อที่แคสซี่จับไว้ได้อยู่หมัดคือนายแพทย์คนหนึ่งชื่อหมอวอลเลซ  สปริงทีน    ไม่มีรายละเอียดว่าสองคนนี้พบกันได้ยังไง   แต่จะเป็นวิธีไหนก็ตาม แคสซี่ก็ได้ตัวคุณหมอไปทำพิธีสมรสกันต่อหน้าผู้พิพากษาได้ เมื่อเธออายุ 26 ปี   ข่าวแต่งงานของคุณหมอได้ลงสั้นๆในหนังสือพิมพ์ของไอโฮโอ   บรรดาเจ้าหนี้ของแคสซี่ที่ถูกเธอติดหนี้สินเอาไว้มากก็แห่มาที่บ้านของคุณหมอทันที
   เจ้าบ่าวหมาดๆ รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความงงงันเหมือนถูกตีหัว     เมื่อแจ่มแจ้งว่าอะไรเป็นอะไร เขาก็กัดฟันชำระหนี้สินให้เจ้าสาวหมาดๆเพื่อรักษาชื่อเสียงและเครดิตตัวเองเอาไว้  จากนั้นก็หย่าจากภรรยาทันที 
   ชีวิตสมรสครั้งแรกของแคสซี่ มีอายุ 12 วันเท่านั้น ก่อนเธอจะกลายเป็นแม่ม่ายหย่าสามี

    แคสซี่ไม่มีท่าทีว่าจะเข็ดกับสภาพมิจฉาชีพที่ถูกจับได้    ตรงกันข้าม  เธอก็พัฒนาฝีมือต้มตุ๋นไปอีกขั้นหนึ่ง  เธอเดินทางออกจากโอไฮโอไปรัฐเพนซิลเวเนียซึ่งไกลพอที่จะไม่มีใครตามมาจับผิดได้      เที่ยวทำความรู้จักกับชาวบ้านในเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง  โดยอ้างว่าตัวเองเป็นหลานสาวของวีรบุรุษแห่งสงครามกลางเมืองชื่อนายพลวิลเลียม เชอร์แมน   แล้วทำเป็นล้มป่วยลงอย่างหนัก  ไม่มีเงินจะกลับบ้าน
    ชาวบ้านผู้มีเมตตาจิตก็ลงขันกันหาเงินให้เธอจำนวนหนึ่ง พอเป็นค่าเดินทางกลับบ้านเดิมได้    จากนั้นข่าวคราวของหลานสาววีรบุรุษก็หายต๋อมไป       เมื่อเห็นหายไปนานผิดสังเกต เงินที่ยืมไปก็ไม่ส่งคืน    ชาวบ้านก็เขียนมาทวงถามถึงตามตำบลที่อยู่ที่ให้ไว้   ก็ได้จดหมายตอบจากสตรีนางหนึ่ง เขียนตอบกลับมาอย่างสุภาพและเศร้าสลดเสียใจอย่างลึกซึ้งว่าหลานสาวท่านนายพลที่ว่านั้นถึงแก่กรรมไปแล้ว   มิได้สั่งเสียอะไรไว้  ก็เป็นอันว่าหนี้สูญไป
    ก็คงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าใครเป็นคนแจ้งข่าวมรณกรรมของหลานสาวกำมะลอนั่น  ถ้ามิใช่แคสซี่เอง


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ย. 13, 11:52
ย้อนกลับไปถึงฉากสำคัญ  ที่ทนายความดิลลอนถูกต้มเสียสุก ในการพาแคสซี่ไปส่งที่บ้านของมหาเศรษฐีแอนดรูว์ คาเนกี    หายเข้าไปในบ้านร่วมครึ่งชั่วโมง ก่อนจะกลับออกมาด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินมูลค่ามหาศาล       ท่านหญิงกำมะลอของเราก่อไฟสร้างหม้อตุ๋นได้แนบเนียนจนแม้แต่นักกฎหมายเองก็ยังถูกตุ๋นเสียเปื่อย

ภาพที่ดิลลอนเห็นเมื่อรออยู่ในรถม้าคือคุณนายแชดวิคเดินไปเคาะประตูหน้าบ้าน พูดสองสามคำกับหัวหน้าคนรับใช้ที่เปิดประตูรับ แล้วหายเข้าไปในบ้านหลังงามนั้น เป็นเวลานาน แสดงว่ามีธุระปะปังในบ้านนี้จริงๆ
จากมุมของหัวหน้าคนรับใช้ก็คือ เมื่อเขาเปิดประตูมาก็พบสุภาพสตรีแต่งกายงาม ดูมีหลักมีฐานน่านับถือ  ซึ่งกล่าวกับเขาอย่างสุภาพว่าเธอมีธุระขอพบแม่บ้านใหญ่ ผู้ดูแลบ้านช่องของคาเนกี     หัวหน้าคนรับใช้ไม่เห็นมีข้อเสียหายอะไรก็เชิญเข้ามาแล้วไปตามแม่บ้านมาพบ
เมื่อแม่บ้านผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ออกมาพบ   สุภาพสตรีท่าทีเป็นคุณนายก็แนะนำตัวเองว่า เธอเป็นผู้มีฐานะดีคนหนึ่ง มีหญิงมาสมัครเป็นสาวใช้ ชื่อฮิลดา ชมิดช์  หล่อนอ้างว่าเคยรับใช้ในตระกูลคาเนกีมาก่อน     ปกติการทำงานของคนสมัยนั้นจะต้องมีหนังสือรับรองจากนายเก่ามาแสดงต่อนายใหม่  เป็นประกาศนียบัตรรับรองว่าผ่านงานมาจริงๆ  มีที่มาที่ไป    ถ้าไม่มีใบรับรองจะไม่มีนายใหม่คนไหนยอมจ้าง
คุณนายกำมะลออธิบายต่อไปว่า เธอกำลังตรวจสอบหนังสือรับรองของสาวใช้คนใหม่ว่าเป็นของจริงหรือเปล่า จึงต้องตรงมาสอบถามด้วยตัวเอง  เพราะใบรับรองพวกนี้บางทีก็ปลอมกันได้      เมื่อได้ฟัง แม่บ้านก็มิได้สงสัยถ้อยคำของคุณนายเลย เพราะตามธรรมดา นายที่จู้จี้ถี่ถ้วนเป็นพิเศษก็อาจจะทำกันแบบนี้ได้    


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ย. 13, 12:32
     หล่อนเชื่อสนิท   ก็เลยตอบตามจริงว่า
    "ไม่มีค่ะ   เราไม่เคยมีสาวใช้ชื่อฮิลดา ชมิดช์ทำงานที่บ้านของคุณคาเนกีมาก่อนเลยค่ะ"
     คุณนายก็ทำท่าแปลกใจ  ย้อนถามว่า...แน่ใจหรือจ๊ะ    ไหนเธอนึกดีๆนะ เพราะคนรับใช้บ้านเศรษฐีมีเป็นโหล  เข้าๆออกๆกันปีละหลายครั้ง    เธออาจลืมไปแล้วก็ได้
      แม่บ้านก็ยืนยันว่าไม่มีชื่อนี้   คุณนายก็ไม่ละลด  ซักถามต่อโดยอธิบายถึงรูปร่างหน้าตาของแม่สาวใช้ฮิลดานั่นว่าสูงต่ำดำขาว รูปพรรณสัณฐานยังงั้นยังงี้    ตรงกับสาวใช้คนไหนของที่นี่ที่เคยจ้างเอาไว้บ้างไหม
      แน่นอนว่าแม่บ้านก็ทบทวนความจำ คิดแล้วคิดอีก ก็ไม่มีคนไหนมีรูปพรรณสัณฐานตรงตามที่ถาม   เดาแล้วเดาอีก ก็ไม่ตรงกับสาวใช้คนไหนที่เคยลาออกไปจากที่นี่

     ระหว่างนี้ คุณนายกำมะลอก็คุยจุ๊กๆจิ๊กๆต่อ    เล่าสิ่งละอันพันละน้อยเกี่ยวกับแม่สาวใช้ฮิลดาให้อีกฝ่ายฟังเสียยืดยาว   ตามประสาผู้หญิง  แม่บ้านก็เออๆคะๆ กันไป   
     หล่อนลากยาวเวลาไปจนถึงครึ่งชั่วโมง  ก่อนจะตอบว่า...เอาละ น่าจะเกิดการเข้าใจผิด   หรือไม่ฉันก็ถูกสาวใช้หลอกเอาเสียแล้ว   จะต้องรีบกลับไปไล่หล่อนออก   คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้เลยนะจ๊ะ  เคราะห์ดีนะฉันเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน  เกิดเอะใจขึ้นมาจึงมาสอบถามด้วยตัวเอง  เอาละ เห็นจะต้องลาซะที  ขอบใจเธอมาก
    ก่อนเดินออกไป   คุณนายก็หยอดให้อีกฝ่ายยิ้มแก้มปริ ว่า...แหม  ห้องโถงสะอาดหมดจดทุกกระเบียดนิ้ว    เธอช่างเป็นแม่บ้านดูแลบ้านได้ดีจริงๆ     อยากให้แม่บ้านฉันมาเห็นบ้าง
    จากนั้นหล่อนก็เดินเฉิดฉายออกไปจากบ้าน ขึ้นรถม้าที่ทนายความดิลลอนนั่งรออยู่โดยมิได้ระแวงสิ่งใดเลย

    คงไม่ต้องบอกใช่ไหมคะว่า สาวใช้ชื่อฮิลดาอะไรนั่นไม่มีตัวตน   คุณนายกำมะลอสมมุติเรื่องขึ้นมาเพื่อหาเวลาอยู่ในบ้านของคาเนกีให้นานครึ่งช.ม. พอจะทำให้ทนายความเชื่อว่าหล่อนมาพบเจ้าของบ้าน  พูดธุระกันจริงๆ
   ส่วนแอนดรูว์ คาเนกีอาจไม่อยู่บ้าน หรือถ้าหากว่าอยู่บ้านวันนั้น เขาก็มิได้พบหน้าแคสซี่อยู่ดี และไม่รู้เรื่องว่ามีใครมา    เรื่องผู้หญิงมาพบแม่บ้านเพื่อสอบถามเรื่องสาวใช้เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยปลีกย่อย  จนแม่บ้านไม่เห็นสลักสำคัญพอจะต้องรายงานนาย    หรือถ้าหล่อนรายงาน    แอนดรูว์ก็เห็นเป็นเหตุการณ์ธรรมดาๆเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้    ไม่เก็บมาจำซ้ำสองด้วยซ้ำ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ย. 13, 13:20
   เมื่อกลับไปอยู่ในคลีฟแลนด์  แคสซี่แต่งงาน 2 ครั้ง ครั้งแรกกับเจ้าของฟาร์มคนหนึ่งซึ่งเธอขอหย่าในเวลาต่อมา   ครั้งที่สอง  สามีคนนี้เป็นพ่อค้าร่ำรวยชื่อนายฮูเวอร์   เธอให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งชื่อเอมิล    หลังจากฮูเวอร์ตายทิ้งมรดกไว้ให้ห้าหมื่นปอนด์  ก็ทำให้แคสซี่อู้ฟู่พอจะดำเนินชีวิตเป็นแม่ม่ายทรงเครื่องต่อไปได้พักใหญ่    ส่วนลูกชายก็ถูกส่งไปให้พ่อแม่เธอเลี้ยงอยู่ที่แคนาดา   เธอมิได้ไยดีเลือดเนื้อเชื้อไขพอจะเลี้ยงดูเอง
   แคสซี่กลับไปยึดอาชีพหมอดูตาทิพย์อีกครั้ง    คราวนี้เธอเขยิบฐานะขึ้นเป็นหมอดูไฮโซ  มีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในการลงทุนกิจการต่างๆของลูกค้านักธุรกิจ      ด้วยคารมของสิบแปดมงกุฏที่อ้างว่าตัวเองมีซิกซ์เซ้นส์มองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้   ก็ทำให้มีพ่อค้ารวยๆมาติดเบ็ดหลงเชื่อกันอยู่หลายราย    
   ในเมื่อการลงทุนกิจการ   หรือซื้อขายแลกเปลี่ยนล้วนแต่เป็นเรื่องไม่แน่นอน   ไม่มีใครมองเห็นอนาคตว่าจะเจอแจ๊กพ็อทอะไรเข้าบ้าง  อาจจะรวยหรือล่มได้เท่าๆกัน      แคสซี่ก็เอาจุดอ่อนของความไม่มั่นใจข้อนี้มาเป็นหนทางหากิน   แนะนำลูกค้าคนนั้นให้ลงทุนทางนี้  แนะนำลูกค้าคนนี้ให้เอาเงินไปลงทางโน้น       จริงอยู่   คำแนะนำของท่านหญิงกำมะลอทำให้ลูกค้าเจ๊งกันไปหลายราย   แต่ก็มีบางรายที่เผอิญประสบโชคตามคำแนะนำ  เหมือนแทงหวยแล้วถูกหวย ก็มีเหมือนกัน    ลูกค้าประเภทหลังนี่แหละที่ทำให้ท่านหญิงของเรายังหากินอยู่บนความไม่รู้เท่าทันของมนุษย์ได้อีกหลายปี


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ย. 13, 13:58
  หนึ่งในบรรดาลูกค้าที่ถูกหวยเข้าอย่างจังชื่อนายโจเซฟ แลมป์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจชื่อเสียงดีอยู่ในเมืองโทเลโด รัฐโอไฮโอ    นายแลมป์หลงเชื่อคารมแคสซี่อย่างโงหัวไม่ขึ้น  ถึงกับตกลงจ่ายเงินถึง 10,000 ดอลล่าร์ให้แม่หมอตาทิพย์คนนี้เอาไว้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน  ชี้ช่องทางให้ลงทุนแบบนั้นเล่นหุ้นตัวนี้       ในที่สุดก็ถูกแม่หมอตอบแทนเสียเต็มรัก   
  วันหนึ่งแม่หมอวิเศษก็ยื่นตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวนหลายพันดอลล่าร์ให้นายแลมป์  จ่ายโดยเศรษฐีคลิฟแลนด์ที่ชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตาคนหนึ่งลงลายเซ็นไว้     ขอให้แลมป์ช่วยเอาเข้าบัญชีเขาเพื่อถอนเงินสดออกมาให้หน่อย     เพื่อประหยัดแรงของเธอไม่ต้องเดินทางไปถึงเมืองโทเลโดเอง     แลมป์ก็เต็มใจทำตามคำขอ   เอาตั๋วที่ว่าเข้าบัญชีของเขา  เอาเงินสดออกมาให้ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร   จากนั้นแคสซี่ก็ฝากตั๋วสัญญาใช้เงินแบบเดียวกันไปให้เขาแลกเป็นเงินสดออกมาให้อีก หลายครั้งหลายคราว  รวมจำนวนแล้วมียอดถึง 40,000 ดอลล่าร์
   ธนาคารที่แลมป์ฝากเงินอนุญาตให้ถอนเงินในตอนแรก  ก็เพราะแลมป์เป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากจำนวนสูง     ถึงตั๋วสัญญามีเงินหรือไม่มี  แลมป์ก็มีเงินในบัญชีพอมีสิทธิ์ถอนเงินสดได้อยู่แล้ว     ทีนี้เมื่อเงินไหลออกจากบัญชีเรื่อยๆ จนเกินจำนวนถอน ตั๋วสัญญาก็ถูกค้นพบว่าไม่มีเงินเรียกเก็บได้ซักกะตังค์เดียว   ผู้จัดการธนาคารก็ตาเหลือก  แจ้นไปแจ้งตำรวจ  ตำรวจก็เลยรวบตัวนายแลมป์   นายแลมป์ก็ซัดทอดไปยังแม่หมอวิเศษ   แคสซี่จึงตกเป็นผู้ต้องหาหลังจากได้เงินมากมายไปถลุงอยู่เป็นปี 
   ความก็แดงโร่ออกมาว่า ตั๋วสัญญาของเธอเป็นของเก๊   ทำปลอมลายเซ็นเศรษฐีชาวคลีฟแลนด์ซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 13, 09:53
   หลังจากสอบสวนกันถี่ถ้วนจนรู้เรื่องตั้งแต่ต้นจนปลาย    ตำรวจและธนาคารก็ดูออกว่าโจเซฟ แลมป์เป็นเหยื่อของสิบแปดมงกุฎหญิง  มิใช่ผู้ร่วมก่อการ    จึงปล่อยตัวเขาไปโดยไม่ตั้งข้อหา   เล่นงานแต่แคสซี่คนเดียว   เธอก็เลยถูกศาลของรัฐสั่งจำคุกตามความผิดเป็นเวลาเก้าปีครึ่ง
   แคสซี่ใช้เวลาในคุกเขียนจดหมายร้องเรียนไปยังคณะกรรมการพิจารณาบรรเทาโทษ    รำพันสารภาพผิดและสัญญิงสัญญาว่าจะกลับตัวใหม่         จนในที่สุดก็เป็นผลสำเร็จ  คณะกรรมการส่งเรื่องให้ผู้ว่าการรัฐลงนามลดหย่อนโทษเหลือ 4 ปี     เธอก็เลยมีโอกาสออกมาก่อกรรมทำเข็ญกับชาวบ้านได้อีก

แคสซี่กลับไปอยู่ในคลีฟแลนด์โดยใช้ชื่อใหม่ว่าแคสซี่ ฮูเวอร์    ไม่มีใครรู้ว่าเธอประกอบอาชีพอะไร แต่มีเสียงซุบซิบภายหลังว่าเธอกลายเป็นแม่เล้าเปิดสำนักโสเภณีโดยใช้ชื่อหอพักสตรีบังหน้า     เสียงกระซิบแว่วมาอีกว่า หนึ่งในบรรดาลูกค้าของเธอเป็นพ่อม่ายสามีตายชื่อนายแพทย์ลีรอย แช็ดวิค   ซึ่งนอกจากจะฐานะมั่งคั่งแล้วยังเป็นผู้ดีตระกูลเก่าแก่ที่สุดตระกูลหนึ่งในคลีฟแลนด์  


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 13, 09:56
จริงๆแล้ว  ทั้งสองพบกันแบบไหนยังไง ก็ยังคลุมเครืออยู่   เพราะคุณหมอยอมเปิดปากบอกเพียงว่า เขาเป็นโรคปวดหลังอันเกิดจากรูมาติซั่ม  และคุณนายฮูเวอร์คนนี้ก็รู้ศิลปะการนวดหลัง จนกระทั่งหาย     เขาซาบซึ้งในเมตตาจิตของเธอจนกระทั่งกลายเป็นหลงรักถอนตัวไม่ขึ้น
จริงหรือเท็จก็ตาม   ลงเอยว่าแคสซี่จับนายแพทย์พ่อม่ายอยู่หมัดจนกระทั่งได้สมรสกับเขาตามกฎหมาย  แล้วย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ในถิ่นหรูหราของเมือง    เอาลูกชายที่ส่งให้พ่อแม่เลี้ยงในแคนาดา มาอยู่ในบ้านใหม่นี้ด้วย

คุณนายแช็ดวิคคนใหม่ เล่นเอาเพื่อนฝูงพวกพ้องของนายแพทย์งงงวยกันไปหมด      เพราะไม่เคยมีใครรู้จักผู้หญิงคนนี้  หัวนอนปลายเท้ามาจากไหน  พบคุณหมอได้ยังไงจนถึงขั้นแต่งงานกันก็ยังไม่มีใครรู้    แต่จะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่แปลก    แคสซี่กลายเป็นคุณนายเศรษฐินีอย่างถูกต้องในสังคมไปเรียบร้อย

จากนั้นเธอก็เริ่มละครฉากใหม่ในฐานะลูกสาวนอกสมรสของมหาเศรษฐีคาเนกีขึ้นมา


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 13, 10:22
  ผู้อ่านที่เป็นสุจริตชนทั้งหลายคงจะถามงงๆว่า ในเมื่อตกถังข้าวสาลีได้เป็นภรรยาเศรษฐีขึ้นมาแล้ว  คุณนายแคสซี่ แช็ดวิค จะประกอบมิจฉาชีพต่อไปหาอะไร     เสี่ยงกับคุกตะรางเปล่าๆ    คำตอบก็น่าจะมีได้ 2 ทางคือ คนที่เป็นมิจฉาชีพสิบแปดมงกุฎโดยเนื้อแท้ หรือเรียกว่าเกิดมาเพื่อจะเป็นคนชั่ว  ยังไงก็สลัดความชั่วจากใจไม่พ้น     ไม่ว่าจะอยู่สบายยังไงใจมันก็วิ่งไปในทางประกอบความชั่วเพิ่มพูนขึ้นจนได้   และอย่างที่สองคือ มีนิสัยไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักอิ่มในความทะยานอยากของตน   

  แม้ว่าสามีคุณนายแคสซี่เป็นเศรษฐี  แต่เงินทองของเขาก็รองรับความกระหายของภรรยาไม่ได้หมด    แคสซี่ไม่ได้อยากเป็นเศรษฐินี   เธออยากเป็น "อภิมหาเศรษฐินี" แห่งคลีฟแลนด์    ไปไหนมีผู้คนก้มหัวนอบน้อม  ยกย่องนับหน้าถือตากว่าคนอื่นๆ   ไม่ใช่แค่เท่ากับเศรษฐินีอื่นๆ     
   เธอมีโอกาสสมาคมกับผู้ดีมีเงินแห่งคลีฟแลนด์ในฐานะเพื่อนบ้านละแวกเดียวกัน    เธอก็ยิ่งกระหายอยากจะสูงเด่นขึ้น   ในเมื่อเธอขาดทั้งภูมิหลังแบคกราวน์ และอาชีพการงานที่จะอวดใครได้    ก็เหลืออีกอย่างเดียวคือต้องร่ำรวยหรูหราอวดคน
    ด้วยเหตุนี้ หลังจากแต่งงาน  เธอก็ลุกขึ้นผลาญเงินสามีเป็นว่าเล่น    บ้านช่องของเขาโอ่อ่าอยู่ดีๆเธอก็เข้าไปจัดการรื้อของเก่าทิ้ง ใส่เฟอร์นิเจอร์ของใหม่  ของประดับประดาบ้านราคาแพงๆ ตามรสนิยมของเธอ      วันๆเธอเที่ยวช็อปปิ้งไปตามร้านแพงๆ  ซื้อหามาแต่ของแพงลิบ โดยเอาราคาเป็นหลัก ไม่ได้เอารสนิยม   


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 13, 10:32
แคสซี่ แต่งกายหรูหราในมาดคุณนาย


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 13, 20:03
      แคสซี่เริ่มประดังประเดจ่ายเงินค่าเครื่องแต่งบ้านหรูหรา เช่นออร์แกนราคา 9,000 ดอลล่าร์ เก้าอี้ดนตรีที่พอนั่งลงก็จะมีเสียงเพลงดังออกมาจากใต้เบาะ      ส่วนเพชรนิลจินดานั้นไม่ต้องพูดถึง  ในหีบเครื่องประดับ มีถาดใส่เพชรและไข่มุกถึง 8 ถาด รวมราคา $98,000 ดอลล่าร์  นี่ยังไม่นับสร้อยไข่มุกราคา $40,000  ส่วนเสื้อผ้าก็สั่งตัดมาจากนิวยอร์ค   ตุ๊กตาปั้นประดับบ้านสั่งมาจากตะวันออกไกล และเครื่องเรือนจากยุโรป    เอาเป็นว่ามหาเศรษฐีมีอะไรกันเธอเป็นต้องมีหมด   

      หลังจากทนายความดิลลอนตกเป็นหน้าม้าแพร่ข่าวซุบซิบว่าเธอเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีคาเนกี    แคสซี่ก็ทำให้ข่าวนั้นน่าเชื่อถือหนักขึ้นด้วยการสั่งซื้อเปียโนถึง 8 หลังพร้อมกัน  แล้วแจกจ่ายให้เป็นของขวัญคริสต์มาสให้บรรดาเพื่อนฝูง 
    แม้ว่านายแพทย์แชดวิคสามีเธอเป็นเศรษฐี  แต่พอเจอภรรยาจ่ายเงินแบบนี้เข้า เศรษฐีก็เศรษฐีเถอะ   เขาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน  เมื่อสามีเริ่มต่อต้านไม่ให้เธอซื้อแหลกแจกแถมแบบนี้   แคสซี่ก็หันไปหาแหล่งเงินของตัวเองได้สำเร็จ   


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 13, 20:06
     แหล่งเงินของแคสซี่ไม่ใช่ที่ไหนอื่นนอกจากธนาคารที่เธอวางตั๋วสัญญาใช้เงินของคาเนกีไว้ค้ำประกัน   ด้วยการยอมเสียดอกเบี้ยแพง และใช้ชีวิตฟู่ฟ่าเกินหน้าคนธรรมดาเขาทำกัน   ในเมื่อเห็นฉากหน้าแบบนี้    เครดิตเธอก็ดีพอที่นายธนาคารจะยอมให้กู้เงินได้ตามสบาย
    วิธีหมุนเงินของแคสซี่ทำง่ายๆแต่ว่าได้ผล   คือกู้เงินจากนายแบงค์คนแรกที่ยอมให้กู้  แล้วเอาเครดิตจากการกู้แบงค์แรกไปอ้างกับแบงค์ที่สอง    จากแบงค์ที่สองไปแบงค์ที่สาม   ต่อไปอีกไม่รู้จบ       ในเมื่อวงการธนาคารถือว่าลูกหนี้ชั้นดีคือลูกหนี้ที่แบงค์อื่นๆรับรองให้กู้เงิน        แคสซี่ก็กู้เงินขยายวงไปได้เรื่อยๆ ตั้งแต่ธนาคารใหญ่ไปจนธนาคารเล็กๆที่ยินดีจะได้ดอกเบี้ยแพงๆจากลูกค้าเครดิตดีเลิศอย่างเธอ
     ส่วนการชำระดอกเบี้ยก็ไม่ยาก  เธอก็เอาเงินจากธนาคารหนึ่งไปจ่ายดอกเบี้ยให้อีกธนาคารหนึ่ง  เป็นลูกโซ่ต่อกันไป    ถ้าฝืดขึ้นมาเมื่อไหร่  ก็ไปกู้ธนาคารใหม่ต่อไปอีกไม่อั้น   มันก็คล้ายๆแชร์ลูกโซ่ที่เงินยังหมุนเวียนต่อไปได้  ตราบใดที่ยังไม่มีห่วงไหนสะดุดขึ้นมาจนล้มครืนลงไปทั้งหมด


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ย. 13, 14:16
      พวกสิบแปดมงกุฎอย่างแคสซี่ ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ   เพราะฉะนั้นคนที่นึกว่าไอ้เรื่องต้มตุ๋นเป็นกันง่ายๆ  แค่หัดตีหน้าตาย  อยากหลอกใครก็หลอก  จึงเป็นความคิดประมาทโดยแท้      พวกมือสมัครเล่นที่คิดง่ายๆแบบนี้ทำได้หนสองหนก็ถูกจับได้อยู่ดี     ต้องมือระดับโปรอย่างแคสซี่  ที่มีพรนรกติดตัวมาแต่กำเนิด    พวกนี้มีมันสมองเฉลียวฉลาดในทางสร้างแผนตบตาคนได้อย่างที่คนนึกไม่ถึง    และที่สำคัญต้องมีคารมดี ไหวพริบดี เกลี้ยกล่อมเหยื่อให้หลงเชื่อหัวปักหัวปำ    
      พวกนี้ไม่เคยเลือกเหยื่อโง่ๆเซ่อๆ ไร้การศึกษา เพราะคนประเภทนั้นไม่มีอะไรจูงใจสิบแปดมงกุฎได้      เหยื่อที่ถูกเล็งไว้คือพวกเศรษฐี หรือคนมีหน้ามีตา   ก็ด้วยเหตุผลง่ายๆคือมีอะไรให้กอบโกยได้เยอะ  ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือเครดิตทางสังคม
     ก็ด้วยเหตุผลนี้แหละ  คุณนายเศรษฐินีไฮโซจึงสามารถเกลี้ยกล่อมให้นายแบงค์ผู้โชกโชนและช่ำชองในธุรกิจ กลายเป็นหมูในหม้อตุ๋นของเธอได้หลายคน ไม่ใช่คนเดียว   ถูกตุ๋นเปื่อยอยู่ในหม้อเป็นเวลายาวนานถึง 7 ปี  


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ย. 13, 14:17
รายชื่อธนาคารที่ตกเป็นเหยื่อเธอ ก็ขอลอกมาให้ทั้งหมดดีกว่า ขี้เกียจทับศัพท์เป็นภาษาไทยค่ะ
       - Citizen’s National Bank       
       - Ohio Citizen’s Bank
       - Cleveland’s Wade Park  Banking Company
       - New York’s Lincoln National Bank
      และธนาคารเล็กธนาคารน้อยอีกประมาณ 1 โหล

       เธอสามารถจะหลอกให้ประธานของ Citizen’s National Bank ยอมเซ็นให้เธอกู้เงินถึง  $240,000, บวกกับอีก $ 100,000 เธอดึงหมับจากบัญชีส่วนตัวของเขา    นอกจากนี้ยังไปหลอกเจ้าสัวรายใหญ่ในวงการเหล็กที่พิตสเบิร์กอีกรายหนึ่งให้เธอกู้เงิน ถึง  $800,000. มาถลุงตามสบาย     
      โปรดอย่าลืมว่านี่คือเหตุการณ์สมัยปลายศตวรรษที่ 19 ต่อกับต้นศตวรรษที่ 20 ที่ค่าของเงินยังน้อยกว่าสมัยนี้มาก    ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้ก็คงจะต้องเอาสิบยี่สิบเท่าคูณเข้าไป   


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ย. 13, 14:33
     นอกจากเล่นบทเศรษฐินีลูกสาว(ลับๆ)ของมหาเศรษฐี   มีเงินโปรยราวกับใบปลิว      แคสซี่ยังเล่นบทอุบาสิกาใจบุญธรรมะธัมโม เพราะเธอรู้ว่าคนรวยเขาชอบไปวัดกันเป็นประจำ แถมยังใจป้ำบริจาคกันคนละมากๆ       ด้วยบทบาทเศรษฐินีใจบุญอยู่ในศีลในธรรม   แถมยังชอบบริจาคเงินให้วัด     เธอก็สร้างคอนเนคชั่นกับเหยื่อเศรษฐีหลายคนผ่านทางโบสถ์ดังๆ เหล่านี้ ให้เขาเลื่อมใสเกิดความเชื่อถือในตัวเธอได้สำเร็จ    
    
    เหยื่อคนหนึ่งที่เข้ามาฮุบเบ็ดเป็นนายธนาคารในบอสตันที่ปล่อยเงินกู้ให้นักลงทุนในอุตสาหกรรม     แคสซี่สามารถใช้วาจาเกลี้ยกล่อมให้เขายอมจ่ายเช็คเงินกู้ให้เธอถึง $79,000 พ่วงด้วยเงินส่วนตัวอีกหลายครั้ง ระหว่าง $25,000—$104,000   ส่วนตัวเธอก็ทำหน้าตาเฉย  เซ็นตั๋วสัญญาจ่ายเงินคืนกลับให้เขาเป็นเงินถึง $190,800 อย่างใจป้ำกับค่าดอกเบี้ยสูงลิบที่เป็นส่วนต่าง   ทำเอานายธนาคารยิ้มแก้มแทบปริกับกำไรส่วนนี้
   แคสซี่ลอยละล่องอยู่บนความสำเร็จ      มีกองเงินกองทองรองรับ  เป็นไฮโซชั้นหรูเริ่ดของสังคมจนได้สมญาว่า "นางพญาแห่งโอไฮโอ"    ไม่มีใครสักคนเดียวที่สงสัยว่าเงินมหาศาลในครอบครอง หาใช่สมบัติของคาเนกีไม่   แต่เป็นเงินที่ต้มตุ๋นหลอกลวงมาทั้งหมด    เธอดำรงตำแหน่งสตรีชั้นนำของสังคมผู้ดีมีเงินอยู่ได้ยาวนานถึง 7 ปี    


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 13, 10:18
   ในเมื่อความลับไม่มีในโลก  นิวตันก็เริ่มรู้ทีละเล็กทีละน้อยจากนายธนาคารด้วยกัน ว่าแคสซี่เป็นลูกค้า-หรือเรียกให้ตรงกว่านี้ว่าลูกหนี้-รายใหญ่ของเพื่อนๆธนาคารด้วยกัน  จำนวนเงินที่ปล่อยกู้สูงเสียจนนิวตันแทบช็อค เพราะมันพุ่งยอดขึ้นไปประมาณ 5,000,000 ดอลล่าร์  มากเกินกว่าเอกชนรายไหนจะมีปัญญาชำระหนี้  อย่าว่าแต่ต้นเลย แม้แต่ดอกก็ยังน่าสงสัย
   เขาเริ่มทวงเงินต้นบางส่วนกลับจากแคสซี่   แต่ก็พบว่าเธอบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลีกเสียจนเขาแน่ใจว่า โดนเบี้ยวหนี้แน่แล้ว    เขาก็ตัดสินใจฟ้องศาลขอยึดทรัพย์สิน      แต่เพื่อป้องกันมิให้แคสซี่ยักยอกเงินทองข้าวของหนี  เขาก็ยื่นคำร้องต่อศาลให้ผู้บริหารระดับสูงของ  Wade Park Banking Company ที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของแคสซี่ยึด "ตั๋วสัญญาใช้เงิน" ที่มีลายเซ็นของคาเนกี  เอาไว้  อย่างน้อยก็เพื่อเอามาประกันหากว่าแคสซี่หนีหนี้


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 13, 10:20
    ก็จริงอย่างที่คาดไว้  แคสซี่หนีคดีเอาจริงๆ  เธอหลบออกจากคลีฟแลนด์ไปกบดานในนิวยอร์ค  แต่ว่าตำรวจและนักสืบก็เก่ง แกะรอยเจอ  เธอจึงถูกตามจับตัวเอากลับมาคลีฟแลนด์ได้    พบว่าเจ้าตัวซุกซ่อนเงินไว้ในตัวถึงหนึ่งแสนดอลล่าร์  เตรียมพร้อมจะไปใช้ชีวิตใหม่ในชื่อใหม่ต่อไป
   บัดนี้ห่วงลูกโซ่ขาดแล้ว   เจ้าหนี้ก็ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด    กลายเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วเมือง  ว่าเศรษฐินีคนดังที่สุดในเมืองล้มลงแล้วด้วยหนี้สินล้นพ้นตัว   
   นายแพทย์แช็ดวิคจองทัวร์ด่วนไปเที่ยวยุโรป เพื่อหนีหน้าสังคม   เขาไปกับลูกสาวที่เกิดกับภรรยาคนเดิม   แต่ก่อนเดินทางเขาก็ยื่นฟ้องหย่าขาดจากแคสซี่ เพื่อจะได้ไม่ต้องมารับใช้หนี้สิน และแสดงตัวว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ภรรยาไปก่อไว้แต่แรก
    นายแบงค์ผู้สิ้นเนื้อประดาตัวทั้งจากบัญชีธนาคารและบัญชีส่วนตัวมาชุมนุมกัน   จึงพบว่าทุกคนเคยอยู่ในหมอตุ๋นเปื่อยของลูกสาวนอกกฎหมายของมหาเศรษฐีคาเนกีทั้งสิ้น     ดังนั้นจะช่วยกันปิดความลับไม่เอ่ยให้ท่านมหาเศรษฐีกระดากกระเดื่องว่าแอบไปมีลูกนอกสมรส ก็ไม่ได้อีกแล้ว    เพราะพ่อจะต้องรับผิดชอบแทนลูกละคราวนี้
    พวกเราก็คงเดากันออกนะคะว่า  เมื่อเรื่องนี้ถูกแฉขึ้นมา  คาเนกีตอบว่ายังไง


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 13, 13:03
   คำตอบของมหาเศรษฐีคาเนกีทำให้นายธนาคารเคราะห์ร้ายทั้งหลายหงายหลังตกเก้าอี้ไปตามๆกัน    คาเนกีผู้ชรายืนยันว่านอกจากไม่เคยมีลูกนอกสมรสแล้ว   เขายังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของแคสซี่มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว      ส่วนตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีลายเซ็น ก็เป็นของปลอม   เพราะคาเนกียืนยันว่าเขาไม่เคยลงนามในเช็คหรือสัญญา หรืออะไรทั้งสิ้นมา 30 ปีแล้ว
   สรุปว่า  ทุกคนก็พบว่าเงินทองของตัวเองละลายหายสูญไปกับผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลา 7 ปี    ไม่ใช่เงินของลูกค้าเท่านั้นที่หมดไป แต่เงินส่วนตัวของนายธนาคารบางคนก็พลอยเกลี้ยงกระเป๋าไปด้วย   ธนาคารแห่งหนึ่งถึงกับล้มไปเพราะหนี้สูญเรื่องนี้  ส่วนนายแบงค์ที่ล้มพังพาบลงไปด้วยก็มีเช่นกัน
   จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครคำนวณได้ว่าเงินต้นที่แคสซี่ผลาญไปนั้นมียอดรวมเท่าใดกันแน่     เพราะเชื่อกันว่าเจ้าหนี้บางคนก็ไม่ยอมออกหน้ามาเปิดเผย  อาจด้วยเกรงว่าจะเสียเครดิตต่อลูกค้าอื่นหรืออะไรก็ตาม  แต่รวมแล้วเธอผลาญระบบการเงินของคลีฟแลนด์ไปอย่างมหาศาล    
    ในค.ศ. 1905 คือปีต่อมาจากที่ความแตก  แคสซี่ถูกตัดสินจำคุก 14 ปี โดนปรับ 70,000 ดอลล่าร์ ในบรรดาผู้มาฟังการตัดสินของศาล มีแอนดรูว์ คาเนกีรวมอยู่ด้วย  
    คาเนกีพูดสั้นๆตอนหนึ่งว่า  ความเสียหายมหาศาลทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย   ถ้าใครสักคนจะกล้าไปถามความจริงกับเขาตั้งแต่แรก  ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวเขาจริงหรือเปล่า 
  


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 13, 13:15
  บั้นปลายชีวิต  แคสซี่ไม่มีโอกาสได้ใช้เงินทองที่ฉ้อโกงมาให้สมอยาก        หลังจากถูกจำคุกอยู่ปีกว่า   เธอล้มป่วยลงด้วยอาการทางเส้นประสาท ทำให้ดวงตาบอดสนิท      ในปลายปี 1907 เธอมีอาการแทรกซ้อนทางหัวใจและกระเพาะอาหารจนป่วยหนัก   เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมนั้นเอง  อายุได้ 50  ปี


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 13, 11:05
แผนหนึ่งที่สิบแปดมงกุฎนิยมใช้กันมากก็คือแอบอ้างเป็นวีไอพี หรือบุคคลสำคัญ ประเภทลับๆ   อย่างแรกคือเพื่อสร้างเครดิตความน่าเชื่อถือให้กับคนที่หลงเชื่อ ว่าเขาหรือหล่อนมิใช่คนเดินดินข้างถนนทั่วไป   อย่างที่สองคือต้องเป็นวีไอพีลับ  เพราะถ้าเป็นวีไอพีสว่างๆ อย่างคนสำคัญทั่วไปเขาเป็นกัน ก็มีแต่จะถูกสอบสวนซักไซ้ไล่เลียงจนถูกจับได้ว่าปั้นเรื่องขึ้นมาเท่านั้นเอง

ก็อย่างแคสซี่อ้างตัวเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีคาเนกี  หล่อนก็อ้างว่าเป็นลูกสาวลับๆนอกกฎหมาย    พ่อไม่เปิดเผย   เพราะทำให้หล่อนไม่ต้องมีบทออกงานคู่กับคุณพ่อ    ไม่ต้องมีบทอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับพ่อ หรือไปมาหาสู่ประจำ   และข้อสุดท้ายคือปลอดภัย  ไม่มีญาติคนไหนมายืนยันได้ด้วยว่าแม่คนนี้ไม่ใช่ลูกหลานฉันสักหน่อย  

แคสซี่เพียงแต่อ้างว่าเป็นลูกสาวมหาเศรษฐีเพื่อหลอกธนาคาร เอาเงินมาละเลง    แต่สิบแปดมงกุฎรายที่สามที่จะเล่าต่อไปนี้   กระโดดสูงกว่านั้น   หล่อนอ้างตัวว่าเป็นองค์หญิงพระธิดาพระเจ้าแผ่นดินแห่งสวีเดนเลยทีเดียวค่ะ
หล่อนชื่อเฮลก้า เดอ ลา บราช  (คำหลังนี้ออกเสียงบราช แล้วมีเสียงคล้ายๆ เออะ ตามหลังมาอีกที)


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 10 ก.ย. 13, 12:06
มาลงชื่อติดตามค่ะ สนุกมาก แต่สมัยนี้มีเยอะนะคะพวกเจ้าเก๊ กำมะลอ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 13, 12:53
ลองใช้กูเกิ้ลท่องเว็บต่างๆ จะเจอเจ้ากำมะลอ  บางคนก็เหมือนไม่ค่อยเต็มนัก  บางคนก็ส่อเจตนาแอบแฝง
ไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ค่ะ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 13, 21:18
ก่อนจะเข้าถึงเรื่องขององค์หญิงกำมะลอรายนี้   ขอปูพื้นเพื่อความเข้าใจที่มาที่ไปก่อนนะคะ

ขอเริ่มต้นที่พระเจ้ากุสตาฟที่ 4 แห่งสวีเดน (ค.ศ. 1778 – 1837) ครองราชย์ระหว่างค.ศ. 1792 - 1809   นับว่าเป็นพระราชาที่อาภัพองค์หนึ่งของพระราชวงศ์ผู้ครองอาณาจักรสวีเดน   นอกจากพระราชบิดาถูกปลงพระชนม์จากฝีมือฝ่ายกบฏแล้ว  พระองค์เองก็ถูกนายทหารจู่โจมยึดอำนาจ  ปลดออกจากราชบัลลังก์  มิหนำซ้ำฝ่ายกบฏที่กลายเป็นผู้ชนะไปแล้วยังยกเจ้าชายผู้เป็นสมเด็จอา ขึ้นครองราชย์แทนในฐานะพระราชาหุ่นแทบไม่มีอำนาจใดๆก็ว่าได้   โดยข้ามสิทธิ์ของเจ้าชายพระโอรสของพระองค์ไปเสียดื้อๆ

พระเจ้ากุสตาฟก็ต้องลี้ภัยออกไประเหเร่ร่อนอยู่นอกประเทศ   ในบั้นปลายทรงอาศัยอยู่ในโรงแรมเล็กๆในสวิตเซอร์แลนด์ อย่างเงียบๆ และลำบากยากจน     จนสวรรคตด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ    ส่วนพระราชินีที่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน 5 องค์ก็หย่าขาดจากกันหลังทรงพ้นจากบัลลังก์ได้ 3 ปี

หลังจากเสด็จสวรรคตไปแล้ว   หญิงสาวคนหนึ่งถึงโผล่ออกมา ด้วยคำอ้างว่าหล่อนคือพระธิดาองค์สุดท้องของพระองค์


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 13, 12:45
หลังจากพระเจ้ากุสตาฟเสด็จสวรรคตไปอย่างเงียบๆไม่นานนัก   หญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าผู้ดีมีตระกูลและตำแหน่งการงานดีบางคนในสวีเดน    พร้อมกับแนะนำตัวเองว่าหล่อนคือพระธิดาองค์สุดท้องของพระองค์ท่าน     ประสูติจากพระราชินีเฟรเดอริคาแห่งบาเดนที่ว่าหย่าขาดกันไปตั้งแต่ค.ศ. 1812   หลังจากพระเจ้ากุสตาฟพ้นจากบัลลังก์ได้ 3 ปี

หล่อนแถลงว่าสองพระองค์มาพบกันอีกหลังพระราชาต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง  และแอบทำพิธีสมรสกันอย่างเงียบๆในเยอรมนี   ที่ต้องลอบเร้นกันเป็นความลับก็เพื่อมิให้ล่วงรู้ไปถึงปรปักษ์ ตลอดจนพระญาติพระวงศ์ฝ่ายพระราชินีที่อาจจะคัดค้านเอาไว้     ทั้งสองพระองค์ครองชีวิตคู่กันในสวิตเซอร์แลนด์ จนให้กำเนิดพระธิดา-อันได้แก่ตัวหล่อนเอง
เรื่องพระเจ้ากุสตาฟกับพระราชินีกลับมาอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่     รู้กันแต่ว่าหลังจากพระองค์ต้องสละราชบัลลังก์และลี้ภัยออกนอกประเทศ  พระราชินีที่หย่ากันไปแล้วยังส่งเงินมาอุดหนุนจุนเจือ      ก็ทำให้พอจะเชื่อถือได้ว่าสองพระองค์ยังติดต่อกันอยู่

หญิงสาวคนนั้น ใช้ชื่อว่าเฮลก้า เดอ ลา บราช เล่าต่อไปว่า หลังจากเกิดได้ไม่นาน  หล่อนก็ถูกส่งตัวไปให้สมเด็จป้าองค์หนึ่งของพระบิดาชื่อเจ้าหญิงโซเฟียเลี้ยงดู    พอสมเด็จป้าสิ้นพระชนม์   ชะตากรรมของเจ้าหญิงน้อยก็เคราะห์ร้าย ถูกส่งองค์ไปกักบริเวณไว้ในโรงพยาบาลคนโรคจิตแห่งหนึ่ง เพื่อปิดข่าวมิให้รั่วไหลถึงกำเนิดของพระธิดาองค์นี้


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 13, 12:48
พระรูปของพระเจ้ากุสตาฟและพระราชินีเฟรเดอริคา สมัยครองราชย์


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: summer ที่ 12 ก.ย. 13, 00:15
เกาะขอบจอรอคุณครูมาเล่าต่อ  :D


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.ย. 13, 09:09
    เจ้าหญิงเล่าต่อไปว่า ชะตาของหล่อนยังไม่เคราะห์ร้ายถึงที่สุด    มีผู้เข้าไปช่วยหล่อนได้หนีออกจากโรงพยาบาลคนโรคจิตหรือเรียกอีกอย่างว่าสถานกักกันคนบ้า ออกมาได้ในค.ศ. 1834  แล้วได้ไปอยู่กับเจ้าพี่เจ้าน้องที่บาเดน  แต่ถูกกักบริเวณไม่ให้ออกมาพบคนภายนอกได้
    จนกระทั่งเจ้าหญิงได้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่าพระบิดาเสด็จสวรรคตแล้ว  ความเศร้าโศกทำให้หล่อนไม่อาจทนอยู่ที่เดิมต่อไปได้ ก็เลยตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน    พอมาถึงที่นี่ก็ถูกจับตัวเข้าสถานกักกันคนโรคจิตอีก   เพื่อมิให้คนภายนอกล่วงรู้   แต่หล่อนก็เก่งพอจะหลบหนีออกมาได้อีกครั้ง
    หล่อนเล่าต่อว่าหล่อนหลบซ่อนอยู่ในสวีเดน โดยอาศัยความช่วยเหลือจากบรรดาผู้ที่ยังจงรักภักดีต่อพระบิดา ยอมเสี่ยงที่จะถูกทางการจับได้  เกื้อหนุนให้ที่อยู่อาศัย  และได้เงินเลี้ยงชีพจากพระญาติส่งมาให้เดือนละ 6000 มาร์คเยอรมัน  แต่ต่อมาเงินก็หยุดส่งเอาเฉยๆ ทำให้หล่อนลำบากมาก   ไหนจะต้องอยู่ให้สมพระเกียรติเจ้าหญิง  ไหนจะต้องจ่ายเงินให้บรรดาบริวารที่ดูช่วยเหลือหล่อนอยู่     เดือนๆมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำว่า 5000-6000  ที่ต้องแบกภาระเอาไว้   


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.ย. 13, 09:11
    ถ้าจะถามว่า  บรรดาผู้ที่เจ้าหญิงกำมะลอไปโอดครวญขอให้เห็นใจนั้น ไม่ตรวจสอบอะไรหาความจริงกันบ้างหรือ   คำตอบก็คือ ในสมัยนั้นเมื่อพระเจ้ากุสตาฟสละราชสมบัติและลี้ภัยออกนอกประเทศไปแล้ว   คณะทหารผู้ทำรัฐประหารสำเร็จก็สั่งห้ามมิให้ประชาชนผู้หนึ่งผู้ใดติดต่อสร้างความเกี่ยวข้องใดๆกับพระองค์ตลอดจนพระราชินีและพระโอรสธิดาอีก      เพราะเกรงว่าจะรวมพลังกันทำรัฐประหารซ้อน เชิญพระเจ้ากุสตาฟกลับมาครองราชย์ดังเดิม
   ในเมื่อติดต่อไม่ได้  จะสืบข่าวคราวเช็คข้อเท็จจริงอะไรก็ไม่ได้    ก็เข้าทางของมิจฉาชีพที่จะปั้นเรื่องและหลักฐานเท็จเล็กๆน้อยๆ มาหลอกผู้คนที่เห็นอกเห็นใจ       องค์หญิงรายนี้ก็เลยตุ๋นเปื่อยสุจริตชนคนรวยไปได้หลายคนด้วยประการฉะนี้
   นี่ก็เป็นข้อคิดอีกอย่างว่า เรื่องไหนก็ตามที่ต้องปิดบัง จะเหตุผลเพื่อความมั่นคงของชาติ หรืออะไรอื่นๆ   มักเป็นเรื่องที่เหล่าสิบแปดมงกุฎชอบนักหนา   มันช่วยให้เกิดการสวมรอย   หรือตบตา  หรือปั้นความเท็จแทรกเข้าไปกับความจริงที่มีน้อยนิดได้ง่ายที่สุด     แต่เรื่องที่เปิดเผยไม่เป็นความลับนี่สิ  สิบแปดมงกุฎมักจะหาทางแทรกได้ยาก


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.ย. 13, 17:26
     คุณสมบัติอีกอย่างของพวกสิบแปดมงกุฎคือ พวกนี้จะต้องหน้าตาดี  บุคลิกดูเหมาะสมกลมกลืนกับสถานภาพที่แอบอ้าง    เช่นอ้างเป็นเศรษฐีก็ต้องดูเป็นเศรษฐี       เราจะไม่เจอสิบแปดมงกุฎที่หน้าตาดูเป็นโจร หรือเป็นคนยากจนหาเช้ากินค่ำ เพราะยังไงก็หลอกคนไม่สำเร็จ      ในเรื่องนี้คนที่เห็นเฮลก้าแล้วเชื่อกันสนิท  ก็เพราะหล่อนเป็นหญิงสาวหน้าซื่อใส   บุคลิกดูเป็นคุณหนู  เรียบร้อย มีสง่า แต่งกายงาม  พูดจาไพเราะ  สมกับสถานภาพเจ้าหญิงที่แอบอ้างตัวเอง     
     คนที่ถูกเฮลก้าตุ๋นเสียเปื่อยล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ชาวบ้านโง่ๆเซ่อๆ ไร้การศึกษา  แต่เป็นระดับวีไอพีของประเทศ เช่นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมของสวีเดน  โดยผ่านทางภรรยาของเขาซึ่งเป็นไฮโซชาวอังกฤษ    เมื่อคุณนายหลงเชื่อสนิท ก็ชักจูงสามีให้หลงเชื่อไปด้วย  ถึงกับเชิญให้เจ้าหญิงกำมะลอพักอยู่ที่บ้านในฐานะแขกผู้มีเกียรติ    แล้วยังหาที่ปรึกษากฎหมายให้หล่อน เพื่อจะเรียกร้องเงินทองตามสิทธิ์ที่หล่อนพึงมี     
     ในสวีเดน  มีวีไอพีระดับข้าราชการสูงๆและเศรษฐีหลายคนที่ยังจงรักภักดีต่อพระเจ้ากุสตาฟ   ด้วยความเห็นใจชะตากรรมของพระองค์   แต่ในเมื่อพวกเขาไม่มีอำนาจในมือที่จะสู้รบกับฝ่ายทหารได้ก็จำต้องเก็บปากเก็บคำไว้    แต่เมื่อรู้ข่าวจากเพื่อนวีไอพีด้วยกัน ว่าพระธิดาน้อยของอดีตเจ้านายต้องตกระกำลำบาก    พวกนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาช่วย  ยิ่งช่วยอย่างลับๆได้ก็ยิ่งดี เพราะจะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับถูกเพ่งเล็ง
    พวกนี้จึงกลายเป็นหมูเดินเรียงแถวลงไปในหม้อตุ๋นที่เฮลก้าและเพื่อนร่วมขบวนการของเธอเปิดฝารออยู่


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ย. 13, 14:56
  จากคนหนึ่ง เป็นสะพานเชื่อมไปถึงอีกคนหนึ่ง   ในที่สุดหม้อตุ๋นของเฮลก้าก็บรรจุชาววังสำคัญไว้หลายคน   รายสำคัญที่สุดคือพระราชวงศ์สำคัญองค์หนึ่งคือพระราชินีม่ายโจเซฟินา  ซึ่งพระชนม์มากแล้ว  และยังเป็นผู้มีจิตใจดีเห็นอกเห็นใจคน  จึงพระราชทานเบี้ยหวัดรายปีให้หญิงสาวผู้ที่ทรงเชื่อสนิทว่าเป็นเจ้าฟ้าหญิงแห่งสวีเดนโดยกำเนิด      มิได้ทรงเฉลียวใจเลยว่าน้ำพระทัยเมตตาของพระองค์นี่แหละ กลายเป็นหลักฐานให้เฮลก้านำเอาไปอ้างกับคนระดับบิ๊กเบิ้มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ

  ในเมื่อสร้างความน่าเชื่อได้ระดับนี้    เฮลก้าก็เลยมีโอกาสได้เฝ้าพระเจ้าชาร์ลส์ที่สิบห้าแห่งสวีเดน  กษัตริย์ในขณะนั้น    พระเจ้าชาร์ลส์มิได้ไยดีพระญาติสาวองค์นี้นัก แต่ก็อยากจะจัดการเรื่องราวให้มันจบๆลงไปเสียได้ไม่เป็นที่ติฉินนินทา      จึงโปรดให้กระทรวงการต่างประเทศจ่ายเงินรายปีให้หล่อนปีละ  12,00 เหรียญสวีเดน   ต่อมาก็ขยับเพิ่มขึ้นอีกจนเป็น 2,400 เหรียญ  และยังรับปากว่าจะพระราชทานข้าวของเครื่องเรือนในพระราชวังให้หล่อนนำไปใช้ให้สมฐานะด้วย      เฮลก้าก็อาศัยความสำเร็จข้อนี้   วางตัวเป็นองค์หญิงกำมะลออยู่ได้ต่อมาอีกหลายปี 

   มาย้อนดูประวัติของหล่อนดีกว่านะคะ   ว่ามีความเป็นมาอย่างไร    ถึงต้มตุ๋นได้ถึงระดับชาติ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ย. 13, 17:17
พระรูปของพระราชินีโจเซฟินา


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ย. 13, 20:50
  ชีวิตจริงของเฮลก้าตรงกันข้ามกับเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวของเธอชนิดสุดขั้ว     เธอเกิดมาอย่างลำบากยากจน ในครอบครัวที่พ่อเป็นนักการภารโรง ตายไปตั้งแต่ลูกๆ 5 คนยังเล็ก ทิ้งภาระไว้ให้แม่แบกเพียงผู้เดียว     ความยากจนทำให้เฮลก้าหรือชื่อจริงว่าออโรร่า ฟลอเรนติน่า แมกนัสสัน มีโอกาสเข้าโรงเรียนอยู่ปีเดียวเท่านั้นเอง     มีเรื่องเล่าว่านางแมกนัสสันเคยบอกคนอื่นว่าฉันมีลูกแท้อยู่ 4 คนเท่านั้นเอง  ส่วนออโรร่าเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง      แม่เป็นลูกสาวผู้ดีแต่ชิงสุกก่อนห่าม   ก็เลยต้องยกลูกให้คนอื่นเอาไป       เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ ไม่มีหลักฐานใดๆยืนยัน  แต่มันก็มีผลกระทบต่อจิตใจของหนูน้อยออโรร่าอย่างมาก

  พอโตเป็นสาวอายุ 18   เฮลก้าก็เข้าทำงานเป็นสาวใช้ตามบ้านผู้ดีอย่างผู้หญิงจนๆไร้การศึกษาเขาทำกัน    ทำงานอยู่ 3 ปีเธอก็มีถูกจ้างไปทำงานชั่วคราวเป็นลูกมือเย็บเสื้อให้ลูกสาวของพ่อค้ามั่งคั่งคนหนึ่ง   แต่เฮลก้าร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายว่าเธอเป็นคนไร้ญาติขาดมิตรแม้แต่ที่จะซุกหัวนอนก็ไม่มี     ลูกสาวเจ้าของบ้านชื่อเฮนริก้า ก็เลยเกิดสงสารขึ้นมา ก็ตกลงจ้างหญิงสาวคนนี้เอาไว้ถาวร   ให้ที่อยู่ที่กินด้วยเมตตาจิต   
   จากนั้น ท่าไหนก็ไม่รู้    เฮลก้าสามารถทำให้ลูกสาวเจ้าของบ้านซึ่งจะว่าไปก็เป็นนายเธอแท้ๆ   เกิดถูกชะตาชอบพอกับเธอจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน แทนที่จะเป็นนายกับบ่าว    เฮนริก้านี่เอง ต่อมาเป็นมันสมองในการวางแผนปลอมแปลงตัวเฮลก้าเป็นองค์หญิงกำมะลอ    และคอยตามประกบเธอไปทุกหนทุกแห่ง เพื่อจะช่วยสร้างภาพให้แนบเนียนไม่มีใครจับได้ แม้แต่บุคคลสำคัญระดับชาติ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ย. 13, 14:10
      พวกสิบแปดมงกุฎมักไม่ค่อยทำงานเดี่ยวๆโดดๆ แต่มีผู้สมรู้ร่วมคิด หรือจะเรียกว่าขบวนการก็ได้    บางทีพวกนี้ก็ทำหน้าที่หน้าม้าคอยออกมาเชียร์หรือยืนยันความเท็จเกี่ยวกับท่านหญิงกำมะลอตัวเอกในเรื่องว่าเป็นจริง      อย่างกรณีเจ้าหญิงคาราบูก็มีกลาสีโปรตุเกสมาเป็นล่าม ฟังภาษานกภาษากาของเธอออก เพื่อยืนยันว่าประเทศชวาบูของเธอมีอยู่จริงๆ      ในกรณีเฮลก้า  เราก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่หญิงสาวยากจน ไร้การศึกษา อยู่ๆจะสามารถปลอมแปลงเอกสารหลักฐาน   และปลอมแปลงบุคลิกท่าทีเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ขึ้นมาได้โดยอัตโนมัติ       คำตอบคือเธอมีเทรนเนอร์ชั้นดีคอยหนุนหลังอยู่     คนนั้นก็คือเฮนริก้านั่นเอง      
     เฮนริก้าเป็นลูกสาวเศรษฐี  คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบคนชั้นสูง ไม่ว่าแต่งกายหรูๆ   ออกงานสังคมโก้ๆ  ตลอดจนพูดจาไพเราะน่าฟังอย่างคนมีการศึกษาดี      ทั้งหมดนี้เธอถ่ายทอดให้เฮลก้า เพื่อจะปลอมแปลงสถานภาพได้แนบเนียน  


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ย. 13, 14:12
     ในตอนแรกผู้หญิงทั้งสองคนนี้ย้ายออกจากสวีเดนไปฟินแลนด์     จะมีแผนอะไรอยู่ในใจหรือไม่ก็ตาม  แต่ว่าเฮลก้าตัดสินใจแล้วว่าเธอไม่ใช้นามสกุลเดิมที่ต่ำต้อยไร้คอนเนคชั่นอีกต่อไป     เธอจึงจัดการเปลี่ยนนามสกุลใหม่ในหนังสือเดินทางเป็น "เดอ ลา บราช" ซึ่งฟังดูเหมือนตระกูลผู้ดีอะไรสักตระกูลหนึ่ง   เปลี่ยนชื่อจากออโรร่าเป็นแอนนา   
     จากนั้น  ท่านหญิงกำมะลอปลอมเอกสารสูติบัตรจากชื่อเดิมเป็นเฮลก้า     ส่วนหญิงยากไร้ชื่อออโรร่า แมคนัสสันคนเดิมนั้นก็ถูกกำจัดออกนอกทางไป ด้วยการแจ้งทางการว่าหล่อนเสียชีวิตจากจมน้ำ  ตายไปเรียบร้อย       ส่วนหญิงคนใหม่ที่ชื่อเสียงฟังสง่างามกว่าเป็นกอง คือเฮลก้า เดอ ลา บราช ก็ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่      นี่ก็อีกข้อหนึ่งที่น่าสังเกต คือสิบแปดมงกุฎมักมีชื่อเดิมกับชื่อเปลี่ยนใหม่เยอะแยะไปหมด    ไม่ค่อยมีใครใช้ชื่อและนามสกุลเดิมตั้งแต่เกิดมา


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 14 ก.ย. 13, 22:37
ชื่อของเจ้าหญิงกำมะลอผู้นี้สะกดอย่างไรหรือครับ อยากเข้าไปค้นหาต่อ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 09:13
Helga de la Brache  ค่ะ มีให้อ่านหลายเว็บ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 12:42
      เฮลก้าสามารถตบตาเจ้านาย  รับเงินหลวงเข้ากระเป๋ามาใช้จ่ายสบายๆอยู่หลายปี  รวมทั้งเงินจากผู้หลงเชื่ออีกหลายรายด้วย     ทั้งๆที่แผนของหล่อนเองก็ใช่ว่าจะเนียนเสียจนไม่มีช่องโหว่    นายกรัฐมนตรีสวีเดนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไม่เชื่อถือผู้หญิงคนนี้เลย     แต่ก็ยังหาหลักฐานมาหักล้างไม่ได้    จนกระทั่งความแตกขึ้นมาในปี 1870   จากบทความของผู้หลงเชื่อคนหนึ่งชื่อนาย ซี คอร์รี่ที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์
      น่าเสียดายที่ดิฉันหารายละเอียดในเน็ตไม่เจอว่าเขาเขียนว่าอะไร   แต่น่าจะเป็นว่าเขาเกิดสงสัยขึ้นมาก็เลยรวบรวมรายละเอียดเอาลงตีพิมพ์ถึงประวัติตามที่องค์หญิงอ้าง      สื่อก็เลยเริ่มหันมามอง เป็นเหตุให้เกิดการขุดคุ้ยสืบหาข้อเท็จจริงกันเป็นการใหญ่      แผนของเฮลก้าก็เลยแตกดังโพละในครั้งนี้เอง
     สื่อตามติดคดีเจ้าหญิงกำมะลออย่างไม่ละลด    ตื้นลึกหนาบางทั้งหลายก็ถูกแฉขึ้นมา   เป็นเหตุให้เฮลก้าถูกนำตัวขึ้นศาล ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และปลอมแปลงชื่อเสียงเรียงนาม   เงินหลวงที่จ่ายให้หล่อนก็ถูกงดไปในตอนนั้น     ผลที่สุด  ศาลตัดสินว่ามีความผิดตามฟ้อง      แต่โทษของเฮลก้าเบามาก คือถูกปรับเท่านั้นเอง   ไม่ถูกติดคุก


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 17:42
    สิ่งที่ตามมาคือการลงโทษทางสังคม  แน่นอนว่าเฮลก้ากับเพื่อนหญิงก็ต้องถูกเฉดหัวออกจากบ้านที่เจ้าของหลงเชื่อหล่อนมาหลายปี    ถูกขับไล่ออกจากสังคมชั้นสูงที่เคยต้อนรับหล่อนในฐานะองค์หญิง       เฮลก้าไปเช่าอพาร์ตเม้นท์เล็กๆอยู่กันสองคนกับเพื่อนคู่หู  ใช้ชีวิตเงียบเชียบ ซ่อนเร้นตัวเองจากเพื่อนบ้าน ไม่คบหากับใคร  แต่ก็แปลกที่เฮลก้ายังมีรายได้พอใช้จ่าย  ว่ากันว่าอื้อฉาวขึ้นมาขนาดนี้  ก็ยังมีคนหลงเชื่อหล่อน  ส่งเงินมาให้อยู่นั่นเอง  แต่มันก็ไม่มากพอที่จะดำเนินชีวิตได้สุขสบายเหมือนก่อน

    ครั้งหนึ่งหล่อนไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ เป็นเวลาเดียวกับกับพระเจ้าออสคาร์ที่ 2 เสด็จประพาสสวนพอดี   ก็รับสั่งให้ทหารมาคุมตัวทั้งสองออกไปจากสวนแห่งนั้น    เฮลก้ารีบย้ายที่อยู่ทันที   เพราะกลัวว่าทางการจะส่งคนมาจับกุม

   เฮลก้ามีชีวิตอับเฉา ไร้คนเหลียวแล  ไร้สังคม   ยาวนานต่อมาอีกเกือบ 20 ปีหลังจากถูกเปิดโปง    แล้วถึงแก่กรรมไปในวัย 68 ปี      หล่อนก็ยังปากแข็งยืนกรานว่าหล่อนเป็นเจ้าหญิงอยู่จนวาระสุดท้าย     อาจเป็นได้ว่าเฮลก้าหลอกคนอื่นได้สนิท ก็เพราะหล่อนหลอกตัวเองได้สนิทด้วยเช่นกันค่ะ     


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.ย. 13, 18:33
รายที่สี่นี้เคยนำเรื่องมาลงในกระทู้เก่าแล้ว     แต่จะเล่าแบบรวบรัดอีกครั้งหนึ่ง
นำรูปมาลงเรียกเรตติ้งไว้ก่อนนะคะ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.ย. 13, 08:57
องค์หญิงกำมะลอรายต่อไปนี้ เป็นของเก๊ที่ดังกระจายที่สุดในโลกก็ว่าได้     วัดได้จากความแพร่หลายเรื่องราวหล่อนที่มีผู้คนเอาไปทำหนัง ทำการ์ตูน ทำสารคดี และหนังสือ    อาจเป็นเพราะสีสันของเรื่องเข้มข้นจุดจินตนาการผู้คนที่ชอบเรื่องจักรๆวงศ์ๆฝรั่ง ให้บรรเจิดยิ่งกว่าเรื่องราวขององค์หญิงกำมะลอรายก่อนๆนี้

หล่อนคือแอนนา แอนเดอร์สัน ผู้แอบอ้างว่าตัวเองคือเจ้าฟ้าหญิงแห่งราชวงศ์โรมานอฟ  แกรนด์ดัชเชสอะนัสตาซียา นีคะลายีฟนา แห่งรัสเซีย    อเมริกันออกเสียงว่า อนัสเตชา  ส่วนไทยเรียกแต่เดิมว่า อานัสตาเซีย
เจ้าฟ้าหญิงองค์นี้เป็นพระธิดาของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย     พระเจ้าซาร์ทรงมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกับสยามมาตั้งแต่ทรงดำรงตำแหน่งซาร์เรวิชหรือมกุฎราชกุมาร    เคยเสด็จมาเยือนถึงสยาม  ต้อนรับกันใหญ่โตมาก    ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป    พระเจ้าซาร์ก็ทรงรับรองด้วยดี  ถึงกับฉายพระบรมฉายาลักษณ์ด้วยกัน
พระเจ้าซาร์พระองค์นี้เองที่ทรงรับสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถของสยามไปศึกษาในราชสำนักรัสเซีย จนสำเร็จการศึกษาเป็นนายทหารราชองครักษ์ก่อนเสด็จกลับสยาม 
ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าซาร์มีจุดจบที่น่าเศร้า เมื่อราชบัลลังก์ถูกโค่นด้วยกบฏบอลเชวิค เป็นเลนินเป็นหัวหน้า   พวกกบฏจับพระเจ้าซาร์ พระมเหสีและพระราชโอรสธิดาจับกุมคุมขังไว้เป็นนักโทษทั้งหมด


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.ย. 13, 09:07
   หลังจากตกเป็นนักโทษอยู่ระยะหนึ่ง ในย่านยีคาทีรินบูร์ก (Ekaterinburg)  ถึงคืนวันที่ 17 กรกฎาคม 1918 พระราชวงศ์โรมานอฟทั้งเจ็ดพระองค์ก็ถูกพวกกบฏเรียกลงไปที่ห้องใต้ดิน  แล้วกราดยิงทั้งผู้หญิงและเด็กไม่นับ  แบบโหดเหี้ยมอมนุษย์ที่สุด  จากนั้นก็เอาพระศพไปทิ้งง่ายๆลวกๆ ราวกับทิ้งสัตว์เลี้ยง ในสถานที่ไม่เปิดเผย
    ในตอนแรกเมื่อมีข่าวแพร่ออกมาเพียงว่าพระราชวงศ์ท้ั่งหมดหายสาบสูญไป      โลกภายนอกก็ได้แต่เดาว่าคงถูกปลงพระชนม์พร้อมกันไปแล้ว     ต่อมาเมื่อมีข่าวว่าฝ่ายคอมมิวนิสต์ค้นไม่พบที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียา   ทำให้มีข่าวลือขึ้นมาใหม่ว่าพระองค์อาจทรงรอดพ้นจากถูกสังหารหมู่  และหลบหนีมาได้     บรรดาพระญาติและพระสหายแห่งราชสำนักที่หลบหนีออกจากรัสเซียได้ทันเวลา ไปอยู่ในยุโรปก็เริ่มตั้งความหวังว่า เจ้าฟ้าหญิงอาจรอดตายมาได้     เป็นเหตุให้เกิดสิบแปดมงกุฎมองเห็นหนทาง ปลอมแปลงตนแอบอ้างเป็นเจ้าหญิงกันหลายคนด้วยกัน
    แต่ไม่มีคนไหนได้รับความสนใจมากเท่าแอนนา แอนเดอร์สัน
  
    รูปข้างล่างนี้คือเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียา  เป็นพระรูปท้ายๆที่ทรงฉายก่อนเกิดกบฏ
    
    


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.ย. 13, 09:28
    จากการค้นคว้าหลักฐานในภายหลัง ระบุว่าพวกกบฏที่ยิงกราดสังหารหมู่ ห่อพระศพที่เลือดแดงฉานด้วยผ้าปูที่นอนอย่างลวกๆ  แล้วแบกขึ้นบรรทุกไปโยนลงในบ่อของเหมืองแร่แห่งหนึ่งชื่อว่า หลุมกานิน ( Ganin's Pit)  แต่ก่อนจะเอาไปทิ้ง  พวกนั้นก็เข้าไปปลดเครื่องเพชรนิลจินดาจากพระศพออกจนหมด   รวมแล้วเป็นน้ำหนักเพชรถึงสิบแปดปอนด์
    เมื่อโยนพระศพทิ้งลงไปกลบด้วยดินแล้ว   ต่อมา พวกนี้ได้ยินชาวบ้านลือกันให้แซ่ดเรื่องมีคนไปพบร่องรอยศพถูกสังหารหมู่   พวกนี้ก็เลยย้อนกลับไปขุดพระศพขึ้นมาแล้วเผาให้สิ้นซาก   แล้วราดด้วยกรดกำมะถันซ้ำเพื่อทำลายหลักฐาน   ทางเข้าเหมืองก็ปิดตาย เอาดินกลบ ไถซ้ำเพื่อไม่ให้เหลือร่องรอยหลักฐานที่กระทำต่อราชวงศ์โรมานอฟอีก

   สองปีต่อมา ในกรุงเบอร์ลิน  มีหญิงสาวนิรนามคนหนึ่งพยายามฆ่าตัวตาย แต่ว่าถูกช่วยเอาไว้ได้   ตอนแรกหล่อนก็ไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นใคร  ท่าทางเลอะเลือน จึงถูกส่งเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลประสาท       มาถึงตรงนี้   ก็เกิดจุดหักเหขึ้นมาเมื่อมีคนทึกทักว่าหล่อนเหมือนเจ้าฟ้าหญิงองค์หนึ่งของราชวงศ์โรมานอฟ     จากนั้นข่าวก็ลือกันปากต่อปากไปอย่างรวดเร็ว    ในที่สุดหล่อนเองก็ตอบรับว่าหล่อนคือเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียา    
   เรื่องราวที่หล่อนเล่าก็คือ  หล่อนถูกสังหารพร้อมกับพระบิดาพระมารดาและเจ้าพี่เจ้าน้องก็จริง  แต่ถูกยิงเข้าที่ไม่สำคัญ เพียงแต่สลบไป    เมื่อถูกยกร่างไปเพื่อไปทำลายหลักฐานพร้อมพระศพอื่นๆ   นายทหารหนุ่มคนหนึ่งในจำนวนพวกบอลเชวิคที่ลงมือสังหารเกิดเวทนาขึ้นมา     ก็เลยแอบพาไปซ่อนไว้ในสถานที่ลับตา    จากนั้นทั้งสองก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกันระยะหนึ่งจนมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน
   ต่อมาสามีหล่อนตายลงในการสู้รบ   ลูกชายคนเดียวก็ถูกพรากส่งไปตัวไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า   ความสิ้นหวังทำให้เจ้าฟ้าหญิงพยายามจะปลงพระชนม์ตนเอง ด้วยการโดดน้ำตาย    แต่ถูกช่วยไว้ได้ทัน


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 18 ก.ย. 13, 11:49
มาติดตามเรื่องราวเจ้าหญิงอนาสตาเซียปลอมเจ้าค่ะ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ย. 13, 17:37
    เรื่องของเจ้าหญิงอะนัสตาซียาปลอม เป็นเรื่องแตกต่างจากท่านหญิงกำมะลอคนก่อนๆที่เล่ามาในกระทู้นี้นะคะ       เพราะดูรูปการณ์แล้ว  ในตอนแรกที่สาวนิรนามเป็นคนไข้โรคจิตประสาทอยู่นั้น   หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะปลอมตัวเป็นใคร     แต่คนที่เห็นหล่อนนี่สิ ไม่รู้ว่าตาฟางหรือตาฝาดขนาดหนัก   ไปเหมาเอาว่าหล่อนคือเจ้าหญิง   ทึกทักกันไปมาสักพัก  สาวนิรนามคนนี้อาจตกกระไดพลอยโจน  หรือไม่ก็คงจะสบช่องทางเห็นโอกาส   ว่ามีแต่ได้ ไม่มีเสีย   ก็เลยเอออวยไปว่าหล่อนคือแกรนด์ดัชเชส อะนัสตาซียา  
     ทีนี้ ข่าวก็ฮือฮากันใหญ่ในยุโรป      เพราะว่ามีพระญาติพระวงศ์ตลอดจนข้าราชสำนักจำนวนมากที่หนีรอดจากปฏิวัติครั้งใหญ่ในรัสเซียออกมาได้ทันเวลา      พวกนี้แหละที่พอได้ข่าวว่าเจ้านายชั้นสูงองค์ไหนรอดชีวิตมาได้ ก็จะติดตามเสาะหาจนกว่าจะพบ      ข่าวของเจ้าฟ้าหญิงไปถึงหูพวกนี้  รวมทั้งสมเด็จย่า และพระอาจารย์ในราชสำนักที่เคยสอนหนังสือเจ้าหญิง พวกนี้ก็แห่กันมาหา     พอมาเจอก็ส่ายหน้าไปตามๆกัน  ลงความเห็นว่า
    " แม่คนนี้ไม่ใช่เจ้าหญิงอะนัสตาซียาซักหน่อย"
    แต่คนที่ออกมายืนยันนั่งยันว่าหล่อนคือเจ้าหญิงตัวจริง ก็มีอิทธิพลสูงอยู่เหมือนกัน    อย่างน้อยก็อิทธิพลในทางให้ประชาชนหลงเชื่อได้  เช่นมาเรีย รัสปูติน ลูกสาวของรัสปูตินนักบวชอุบาทว์ ผู้เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของพระเจ้าซาร์และพระราชินี  
    นักบวชรัสปูตินเคยกุมอำนาจสูงสุดอยู่ในราชสำนัก  เป็นที่เกลียดชังของชาวราชสำนักจนถูกลวงไปสังหารด้วยกลุ่มพระญาติของพระเจ้าซาร์เอง     ว่ากันว่าความพินาศของราชวงศ์โรมานอฟก็เกิดจากคำสาปแช่งของนักบวชทุศีลผู้นี้
    ในเมื่อมาเรีย รัสปูตินรับรองว่านี่คือเจ้าฟ้าหญิง    ประชาชนจำนวนมากก็เชื่อตามหล่อน  เพราะพ่อหล่อนเคยเป็นคนสำคัญใกล้ชิดเจ้านาย ลูกสาวก็คงจะรู้จักเจ้าฟ้าทุกพระองค์ดี   ไม่ยักมีใครคิดว่ามาเรียก็หลอกคนได้เหมือนกัน


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ย. 13, 21:36
      องค์หญิงกำมะลอใช้ชื่อว่า แอนนา ไชคอฟสกี้   ซึ่งหล่อนอ้างว่าใช้นามสกุลของอเลกซานเดอร์ ไชคอฟสกี้ นายทหารหนุ่มที่ช่วยให้หล่อนรอดตายมาได้จนได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน      แต่ถึงหล่อนจะอ้างยังไงก็ตาม  หรือใครจะออกมายืนกรานว่าหล่อนเป็นของแท้ขนาดไหน     หนึ่งในบรรดาพระญาติสนิทที่ไม่เชื่อเด็ดขาดคือเจ้าชายเออเนสต์ หลุยส์  แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์    เจ้าชายพระองค์นี้เป็นพระเชษฐาแท้ๆของพระราชินีหรือซารีน่าแห่งรัสเซีย   พูดอีกทีคือเป็นพระปิตุลาหรือสมเด็จลุงของเจ้าหญิงอะนัสตาซียานั่นเอง  
 
      เจ้าชายลงทุนจ้างนักสืบมาสืบที่มาของผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นใคร      นักสืบที่ทรงจ้างก็เก่งเอาการเหมือนกัน   หาคำตอบมาให้จนได้ว่าชื่อจริงของหล่อนคือฟรานซิสก้า  ซานคอสก้า  เป็นคนงานหญิงในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง  ซึ่งมีประวัติว่าสติสตังไม่สู้ดีนัก     มีรายงานว่าหล่อนหายตัวไปในวันเดียวกับที่มีผู้พบคนช่วยหญิงสาวนิรนามขึ้นมาจากโดดน้ำตาย  
     แต่ผลการสืบก็ไม่เป็นที่ยอมรับในสายตาประชาชน   เพราะอะไรน่ะหรือ?    
      


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ย. 13, 21:42
    คำตอบก็คือ...
    พร้อมกับข่าวสับสนกันไปมาว่าผู้หญิงคนนี้คือตัวจริงหรือตัวปลอม    ข่าวใหม่ที่แพร่สะพัดขึ้นมาก็คือข่าวว่าเมื่อพระเจ้าซาร์ยังทรงครองราชย์อยู่   ทรงฝากเงินก้อนใหญ่ไว้ในธนาคารนอกประเทศ      แอนนาตอบรับข่าวนี้อย่างเต็มที่   บอกใครต่อใครว่าเป็นเรื่องจริง  พระบิดาฝากเงินจำนวน 20 ล้านรูเบิลส์ไว้ในธนาคารอังกฤษไว้สำหรับพระธิดาทุกพระองค์

    เงินจำนวนนี้ตกอยู่ในมือของพระญาติในฐานะผู้ดูแลกองมรดกหลังจากพระเจ้าซาร์และซารีน่าหายสาบสูญไป     ในเมื่ออะนัสตาซียารอดตายมาได้  ก็จะทรงกลายเป็นทายาทแต่ผู้เดียว   ดังนั้นพระญาติผู้จ้องจะฮุบมรดกอยู่จึงต้องยืนกรานว่า นี่ไม่ใช่เจ้าฟ้าหญิง  เพื่อมิให้เงินมหาศาลนี้หลุดไปจากมือ
    ข่าวนี้ถ้าพิจารณาให้ดีก็จะเห็นว่า มันเข้าทางขององค์หญิงกำมะลอเอามากๆ       คือเงินทองนี่มีจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้     ถ้ามีจริงหล่อนจะพิสูจน์ได้หรือไม่ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน      แต่ยังไม่ทันจะรู้อะไรเป็นอะไร  หล่อนก็สามารถสาดโคลนพระญาติให้ดำปิี๊ดปี๋ได้สำเร็จ    ทำเอาชาวบ้านซึ่งชอบดราม่าอยู่แล้ว  หันมาคล้อยตามแอนนา    และไม่เชื่อเจ้านายผู้พยายามแทบล้มประดาตาย ที่จะบอกชาวบ้านว่า...ยัยนี่เก๊นะท่าน
   วิธีแบบนี้สิบแปดมงกุฎชอบกันนัก    คือปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาให้ดำเป็นขาว และขาวเป็นดำ   โดยเฉพาะปั้นข่าวว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกใส่ร้าย


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.ย. 13, 11:10
   เหตุผลอีกอย่างที่แอนนาได้รับแรงสนับสนุนว่าหล่อนคือเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียา ก็คือภายในยุโรปขณะนั้น  เจ้านายและขุนนางรัสเซียที่ลี้ภัยการเมืองมาได้ หวังว่าในอนาคต พวกเขาอาจจะระดมกำลังตั้ง"รัฐบาลพลัดถิ่น" ขึ้น  ตามแบบที่เคยมีก่อนรัสเซียปฏิวัติ   เพื่อคงระบอบราชาธิปไตยเอาไว้         ดังนั้นก็ไม่มีใครเหมาะจะเป็นตัวเชิดทางการเมืองได้ดียิ่งไปกว่าพระธิดาของพระเจ้าซาร์    พวกนี้จึงเป็นหัวเรือใหญ่อีกพวกหนึ่งที่ออกมาเชียร์  แสดงความเชื่อมั่นว่าแอนนาคืออะนัสตาซียา     
   ส่วนเรื่องที่ว่าแอนนาคืออะนัสตาซียาตัวจริงหรือไม่นั้น   กลุ่มสนับสนุนกลุ่มนี้คำนึงถึงน้อยกว่าความคิดที่ว่า...ถ้าทำให้โลกเชื่อได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือเจ้าฟ้าหญิงโรมานอฟ  จะมีผลดีกับเหล่ารัสเซียพลัดถิ่นมากกว่า

  ด้วยเหตุนี้แหละ   ทำให้แอนนาอยู่ยงคงกระพันท้าทายพระญาติพระวงศ์และข้าราชบริพารใกล้ชิดซึ่งส่ายหน้าว่าหล่อนเป็นองค์หญิงกำมะลอ
  ไปๆมาๆตัวหล่อนเองก็พบว่า  การยืนกรานว่าหล่อนคือเจ้าฟ้าอะนัสตาซียา มีผลดีกว่าออกมายอมรับความจริงเป็นไหนๆ     อย่างน้อยหล่อนก็ได้รับการยกย่อง  ช่วยเหลือเกื้อกูลอย่างดีจากเจ้านายและขุนนางรัสเซียกลุ่มหนึ่งละเอ้า



กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ย. 13, 20:52
    สิบแปดมงกุฎไม่ได้ต้องการถึงขั้นหลอกคนทั้งโลกให้เชื่อ    เวลาหลอกต้มชาวบ้าน  ถึงมีคนอื่นๆไม่เชื่อ พวกนี้ก็ไม่แคร์    ขอแต่เพียงให้กลุ่มเป้าหมายของพวกเขาเชื่อเท่านั้นก็พอ   แอนนาก็คิดเช่นนี้    ถึงเจ้านายและขุนนางส่วนหนึ่งรู้เท่าทันว่าหล่อนเป็นตัวปลอม  หล่อนก็ไม่สะท้านสะเทือน  เพราะคนที่เชื่อยังมีอยู่      แล้วคนพวกนี้แหละที่แอนนาตั้งใจจะตบตาให้หลงเชื่อหัวปักหัวปำ
    เขาว่ากันว่าอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหลงเชื่อเอามาก  คือแอนนาเผอิญมีเค้าหน้าใกล้เคียงกับเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียา   ถึงไม่เหมือนกันเป๊ะ   หล่อนก็อ้างว่าเพราะอายุที่มากขึ้น บวกกับตกระกำลำบากกลายเป็นคนยากจนเข็ญใจ  ทำให้ดูเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
    มันก็น่าคิดเหมือนกันว่าแอนนาอาจไม่ได้ทำการอยู่คนเดียว  แต่มีขบวนการหนุนหลัง    เพราะบางเรื่องที่เป็นเรื่องลับเฉพาะรู้กันแต่ในพระราชวงศ์  หล่อนก็รู้กับเขาด้วย     แต่บางเรื่องที่ขบวนการไม่สามารถกรอกข้อมูล   เช่นไม่สามารถฝึกให้หล่อนพูดภาษารัสเซียได้    แอนนาก็หาทางออกด้วยการทำเป็นซึมเซาไม่ยอมพูดไม่ยอมจา   เวลามีพระญาติจากราชวงศ์มาเยี่ยม


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.ย. 13, 21:09
    ลูกไม้ของแอนนาที่ทำเป็นคนป่วยซึมเซา- หรือซึมเศร้า  ได้ผล  เพราะทำให้พระญาติที่มาเยี่ยมเกิดความสับสน  บอกไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเจ้าหญิงที่เจ้านายเหล่านั้นรู้จักมาแต่ทรงพระเยาว์หรือไม่        มีแต่พระญาติสนิทๆเท่านั้นที่ยืนยันว่า "ไม่ใช่"  แต่พวกที่อยู่ห่างๆออกมาก็ลังเล พูดไม่ออกบอกไม่ถูก      หล่อนก็เอาความลังเลนี่แหละไปใช้ประโยชน์ฝ่ายตน ทำให้บางองค์ที่หลงเชื่อ ก็ออกเงินจุนเจือหล่อนด้วยความเวทนา

   แอนนาทำเรื่องยื่นต่อศาลขอให้ศาลตัดสินว่าหล่อนเป็นทายาท มีสิทธิ์ได้รับเงินฝากที่พระเจ้าซาร์ทรงฝากไว้ในธนาคาร    แต่หล่อนไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าหล่อนคือพระธิดาตัวจริง   หลังจากยืดเยื้อมานาน  ในค.ศ. 1970 ศาลตัดสินให้หล่อนไม่มีสิทธิ์ในเงินจำนวนนี้   ถึงกระนั้น   คดีความกล้าหาญของแอนนาที่นำคดีขึ้นสู่ศาล ก็ทำให้หล่อนกลายเป็นวีรสตรี  ได้คะแนนเสียงอยู่กลายๆ   ในสายตาประชาชนส่วนหนึ่งที่ชอบดราม่า   พวกนี้เห็นว่า
   "ถ้าไม่จริงละก็    องค์หญิงจะกล้าทำเรื่องถึงศาลได้ยังไง"

    เวลาผ่านไปนานหลายปี   ในเมื่อแอนนาไม่สามารถจะมีหลักฐานอะไรใหม่ๆมาทำให้คนเชื่อถือได้มากกว่านี้   เรื่องราวของหล่อนก็ชักจะซาลงไป      หล่อนก็เลยเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น "แอนเดอร์สัน"  ย้ายจากยุโรปมาอยู่อเมริกา 


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ย. 13, 19:05
   เรื่องราวของแอนนา มีสีสันน่าตื่นเต้นถูกใจนักเขียนมาก  จึงมีผู้นำไปเขียนเป็นพื้นฐานนิยายออจากนั้นฮอลลีวู้ดก็ยื่นมือเข้ามาเอาไปทำเป็นหนังในปี 1956 เรื่อง Anastasia   มีดารานำระดับห้าดาวคืออิงกริด เบิร์กแมน    ยูล บรินเนอร์และดาราอาวุโสเฮเลน เฮย์ส์    เนื้อหามีสีสันดราม่ามาก ประกอบกับดาราเล่นกันเก่ง  เรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นหนังดังประจำปี    ส่งให้อิงกริดได้ตุ๊กตาทองดารานำฝ่ายหญิงไปในปี 1957
   แม้ว่าบทหนังเขียนขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน 2 คน คือGuy Bolton และ Arthur Laurents   ซึ่งก็ถือว่าเขียนเป็นบันเทิงคดี มิได้ตั้งใจจะถอดข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ลงมาเป็นสารคดี      แต่มันก็จุดประกายให้คนจำนวนมากในอเมริกา "อิน" กับหนัง จนทึกทักกันไปว่า ฟ้าหญิงอะนัสตาซียายังมีตัวตนจริงอยู่ในยุโรป   


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ย. 13, 20:02
     แอนนาเดินทางไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่เมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย      ที่นี่เอง  หล่อนได้พบปลาตัวโตที่สุดที่มาฮุบเบ็ดของหล่อน    เขาผู้นั้นชื่อแจ๊ค มานาแฮนเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์อยู่ในมหาวิทยาลัย
      แจ๊คเป็นหนึ่งในผู้ที่สนใจชีวิตของแอนนามาก   จนเกิดประทับใจในฐานันดรศักดิ์ของหล่อน   ดังนั้นเมื่อมีโอกาสใกล้ชิดหล่อนซักถามกันแอนนาก็ยืนกรานว่าหล่อนคือตัวจริง   แจ๊คก็หลงเชื่อโดยสุจริตใจว่าผู้หญิงคนนี้คือพระธิดาของพระเจ้าซาร์            อาจเป็นได้ว่าแจ๊คออกจะเพี้ยนๆอยู่บ้างตามที่เพื่อนฝูงว่ากัน  หรือไม่เขาก็ "อิน" จนถอนตัวไม่ขึ้น    เขาจึงขอแต่งงานกับหล่อน   ทั้งนี้หลังจากซักแล้วซักอีกให้แน่ใจ      เมื่อหล่อนยืนยันว่าหล่อนคือเจ้าหญิงตัวจริง เขาก็ตัดสินใจแต่งงานกับหล่อน  โดยเรียกชื่อหล่อนว่า "อานัสเตเชีย"ตามสำเนียงอเมริกัน    และบอกใครต่อใครว่า เขานี่แหละเป็นพระราชบุตรเขยของพระเจ้าซาร์
    แจ๊คเพี้ยนจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้แน่ๆ   แต่ที่แน่ๆคือเขาเป็นคนฐานะดี  ก็เรียกว่ารวยน่ะแหละ    แอนนาจึงไม่เดือดร้อนว่าสามีเพี้ยนหรือไม่เพี้ยน    ตอนอพยพมาอยู่อเมริกา หล่อนก็กำลังถังแตก  ได้อาศัยเงินช่วยจากผู้หลงเชื่อคนละนิดละหน่อย      ดังนั้น  เมื่อมีโอกาสเป็นคุณนายเศรษฐี     ก็คงโง่เต็มทีถ้าจะไม่เอา


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ย. 13, 20:05
แจ๊คกับแอนนา ในยุค 1970s


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ย. 13, 10:55
   สามีภรรยาดูเหมือนจะเป็นเนื้อคู่กัน  เพราะต่างคนต่างมีอะไรเพี้ยนๆด้วยกันทั้งคู่  จึงผสมกลมกลืนกันไปได้    แม้ว่าแจ๊คเป็นคนมีความรู้และฐานะดี มีบ้านหลังงามอยู่ในละแวกบ้านปัญญาชนเหล่าอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วยกัน     แต่เขาก็ปล่อยให้องค์หญิงภรรยาเขาทำอะไรตามใจชอบ     
    แอนนามีนิสัยประหลาดอยู่อย่างหนึ่งคือชอบเลี้ยงสัตว์หมาแมว  แต่มิใช่เลี้ยงสองสามตัว    อย่างชาวบ้านเขาทำกัน     สัตว์เลี้ยงในบ้านปาเข้าไป 68 ตัว   หล่อนปล่อยให้มันเพ่นพ่านอยู่รอบบ้าน  สนามเต็มไปด้วยกระป๋องอาหารสัตว์ทิ้งไว้เกลื่อนกลาด  รวมทั้งขยะอื่นๆที่ไม่เก็บกวาดด้วย
   จะว่าไป   หล่อนก็เจอเนื้อคู่ หนังคู่ กระดูกคู่เข้าจริงๆด้วย  เพราะศาสตราจารย์แจ๊ค สามีหล่อนก็เป็นโรคชอบสะสมหมาพอกัน   ภรรยาหาแมวมาเป็นฝูง เขาก็หาหมามาเลี้ยงเป็นฝูงเช่นกัน    จนกระทั่งบ้านหลังงามนั้นกลายสภาพเป็นโรงสะสมสัตว์และสะสมขยะไปโดยปริยาย


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ย. 13, 10:57
บ้านนี้ปัจจุบันก็ยังอยู่  เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวพากันไปชมแห่งหนึ่งเมื่อไปถึงเมืองชาร์ล็อตสวิลล์ ในรัฐเวอร์จิเนีย


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ย. 13, 11:26
    สภาพบนสนามว่าแย่แล้ว  ในตัวบ้านยิ่งแย่หนักเข้าไปอีกหลายเท่า    เพราะเต็มไปด้วยข้าวของไม่ว่าของดีๆ หรือว่าขยะที่ควรโยนทิ้งไปนานแล้ว แต่ก็ไม่ทิ้ง   ปนเปกันอยู่ทุกตารางนิ้วภายในบ้าน     องค์หญิงกำมะลอไม่ยอมทิ้งอะไรแม้แต่หนังสือพิมพ์เก่าๆ  เสื้อผ้าเก่าๆ หรือหนังสือเก่าๆที่ควรบริจาคไปนานแล้ว    ของพวกนี้มันก็เลยถมทับ ท่วมท้นกันอยู่ทุกซอกมุมบ้าน   เท่ากับสามีภรรยาอาศัยอยู่ในกองขยะนั่นเอง   
    แจ๊คเองนอกจากไม่ห้ามปรามแล้ว ยังตามใจภรรยา   ตัวเขาเองก็ไม่จัดการเก็บกวาดข้าวของให้เรียบร้อย    อยู่กันไปยังงั้น โดยบอกว่า "อานัสเตเชียทรงชอบอย่างนั้น"   นับว่าเป็นหนังคู่กระดูกคู่กันจริงๆ

    อาการที่องค์หญิงกำมะลอเป็น ไม่ใช่นิสัยของคนขี้เกียจหรือสกปรกไม่รู้จักเก็บกวาดบ้านให้สะอาด   แต่เป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่งเรียกว่า Compulsive hoarding    คนที่ป่วยเป็นโรคนี้จะไม่ยอมทิ้งของ  เพราะรู้สึกว่าไม่ว่าอะไรก็ยังเอาไว้ใช้ได้หมด   แม้แต่ขวดเปล่าๆ  แกนกระดาษชำระ  หนังสือพิมพ์เมื่อยี่สิบปีก่อน  เสื้อผ้าขาดเป็นผ้าขี้ริ้ว ฯลฯ    พวกนี้จะโกรธหรือเศร้าโศกเสียใจมากถ้าหากว่าใครมาช่วยเก็บขยะพวกนี้เอาไปทิ้งให้     เพราะกลายเป็นว่า "ของมันดีๆยังใช้ได้อยู่ ทิ้งไปทำไม" หรือ " มาขโมยของฉันไปใช้น่ะซี"
   Compulsive hoarding เป็นได้ทั้งโรคเดี่ยวๆในตัวของมันเอง  หรือเป็นอาการส่วนหนึ่งของโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD หรือ obsessive-compulsive disorder) ก็ได้ค่ะ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ย. 13, 11:32
ภาพข้างล่างนี้ไม่ใช่ห้องเก็บของ แต่เป็นห้องที่อยู่อาศัยธรรมดานี่แหละ เพียงแต่เจ้าของเป็นโรค compulsive hoarding หรือ compulsive hoarding syndrome  ค่ะ
คือทำใจให้ทิ้งของไม่ได้  ได้แต่สะสมเข้าไปจนท่วมห้อง


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 24 ก.ย. 13, 16:29
เมื่อ 2-3 วันมานี้เพิ่งมีข่าวใหญ่ ไฮโซไทยโดนหลอกกันระนาวจากเจ้าเก๊ เจ้าสร้อยมาลา ณ จำปาศักดิ์(แกใช้นามสกุลสามีเป็นนามสกุลทำนองชื่อกลาง แต่จำไม่ได้ค่ะ) อ้างว่าเป็นเจ้านายเชื้อสายเจ้าจำปาศักดิ์ ขนสมบัติเก่ามาขายหาเงินสร้างกองทุนสนับสนุนเป็นค่าการศึกษาสำหรับเณรยากไร้ สมบัติบรรดามี มีทั้งแก้วแหวนเงินทอง ของสำคัญคือพวกซิ่นยกทองเก่าแก่โบราณ ประมาณว่ากรุแตกกันเลยทีเดียว หลอกได้นานหลายปี มีทีวีไปขอทำข่าวหลายช่อง แต่ความมาแตกเอาเมื่อไม่นานมานี้เองว่าโดนตุ๋นกันจนเปื่อย เห็นว่าดึงคนของกรมหม่อนไหมมาเกี่ยวข้องรับประกันว่าซิ่นดิ้นทองนั่นของแท้นะคะด้วย แถมได้ไปออกงานที่ม.รามคำแหงอีก คนหลงเชื่อกันมากมาย


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 13, 17:43
เอาชื่อไปถามสารวัตรกู๊กดู  ได้คำตอบมาหลายเว็บ     อ่านแล้วก็พบว่าการอ้างตัวเป็นเจ้าเป็นนาย  ไม่ว่าจะของไทยเราหรือของประเทศเพื่อนบ้าน(เพื่อให้สืบยากขึ้น) เป็นเรื่องยอดนิยมของพวกกำมะลอจริงๆค่ะ


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 ก.ย. 13, 19:02
เอาข่าวจากมิตชนมาแปะครับ   :D

ผู้เชี่ยวชาญและเก็บสะสมผ้าโบราณในพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ว่า หลังจากมีกระแสข่าวเจ้าสร้อยมาลา อินเอี่ยม ณ จำปาสัก ประกาศขายผ้าและอัญมณีโบราณเพื่อช่วยการศึกษาพระเณรในลุ่มแม่น้ำโขงนั้น ตนได้รับการติดต่อจากบุคคลหลากหลายระดับสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างต่อเนื่องว่า เป็นความจริงหรือไม่อย่างไร โดยส่วนตัวเห็นว่า เป็นเจตนาดีในการทำบุญ แต่เท่าที่ตรวจสอบเรื่องอัญมณีพบว่า เป็นทองธรรมดาที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปเช่น ผ่านตลาดวโรรสหรือกาดหลวง  ส่วนผ้าที่นำออกจำหน่ายไม่น่าจะเป็นผ้าเก่าหรือโบราณอย่างที่กล่าวอ้าง เพราะตามสภาพเป็นเพียงผ้าเก่าที่มีลักษณะพื้นๆ ธรรมดา และไม่มีราคาสูงอย่างที่ระบุ และผ้าลาวเป็นผ้าใหม่มีคุณภาพเดียวกับที่จำหน่ายในกาดหลวงหรือย่านลอยเคราะห์เท่านั้น


"อยากขอร้องให้สื่อช่วยตรวจสอบให้ลึกเพราะผ้าซิ่นที่นำมาจำหน่ายมีการตั้งราคาสูงเกินจริง บางผืนราคาเพียง 1,000 บาท แต่ขายถึง 25,000 บาท เรียกว่า ราคาผิดจากความเป็นจริง ยืนยันได้เพราะไปชมมาด้วยตาตนเองแล้ว จึงกังวลใจว่า จะเป็นกระบวนการบางอย่าง ทำเพื่อกระตุ้นการขายโดยใช้สื่อเป็นสะพานเชื่อมที่ไม่ต้องใช้การโฆษณา ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบพบว่ากระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง 5 ปีนี้"ผู้เชี่ยวชาญและเก็บสะสมผ้าโบราณ กล่าว

 

ผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าวว่า อยากให้ผู้เกี่ยวข้องอาทิ นายเผ่าทอง ทองเจือ หรือนายทรงศักดิ์ ปรางรัตนกุล ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและมีความรู้เรื่องผ้าของเมืองไทยดีที่สุดเข้าไปตรวจพิสูจน์ให้กระจ่าง เพราะไม่อยากเห็นประชาชนทั่วไปตกเป็นเหยื่อ รวมทั้งการอ้างสาแหรกเจ้าลาวเป็นเรื่องน่าห่วงใย เพราะเกรงว่าจะเป็นการสถาปนาหรืออุปโลกน์ขึ้นมาเองเนื่องจากในอดีตเคยมีลักษณะนี้มาแล้วแต่เป็นเจ้าผู้ชายที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เช่นกัน


"คนสามกลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อคือ คนมีเงินแต่ไม่มีความรู้เรื่องผ้า คนมีความรู้แต่ต้องซื้อเพราะเกรงใจ และคนที่หวังเสี่ยงว่าอาจจะได้ของเก่าจริงๆ จึงอยากให้กลุ่มเกย์การเมืองเชียงใหม่เข้ามาช่วยตรวจอาบเรื่องนี้ด้วย เพราะกระบวนการนี้มีกระเทยบางกลุ่มเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยการนำผ้าไปฝากขายที่ร้านเจ้าสร้อยมาลา" ผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1234252730&catid=19


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: mrpzone ที่ 24 ก.ย. 13, 21:00
นำข้อมูลมาเจ้าสร้อยมาลา ณ จำปาศักดิ์ ฝากอีกลิงค์หนึ่งครับ
http://www.lannaworld.com/cgi/lannaboard/reply_topic.php?id=7448

หลายความเห็นจะมีข้อมูลค่อนข้างลึก (ที่แสดงถึงความน่าเคลือบแคลงสงสัย) ไม่ถึงกับมีหลักฐานประกอบแสดงอย่างชัดแจ้งแดงแจ๋ แต่ข้อมูลก็ค่อนข้างแน่นหนาอยู่ครับ

//เพิ่มเติม

เมื่อ 2-3 วันมานี้เพิ่งมีข่าวใหญ่ ไฮโซไทยโดนหลอกกันระนาวจากเจ้าเก๊ เจ้าสร้อยมาลา ณ จำปาศักดิ์(แกใช้นามสกุลสามีเป็นนามสกุลทำนองชื่อกลาง แต่จำไม่ได้ค่ะ) อ้างว่าเป็นเจ้านายเชื้อสายเจ้าจำปาศักดิ์ ขนสมบัติเก่ามาขายหาเงินสร้างกองทุนสนับสนุนเป็นค่าการศึกษาสำหรับเณรยากไร้ สมบัติบรรดามี มีทั้งแก้วแหวนเงินทอง ของสำคัญคือพวกซิ่นยกทองเก่าแก่โบราณ ประมาณว่ากรุแตกกันเลยทีเดียว หลอกได้นานหลายปี มีทีวีไปขอทำข่าวหลายช่อง แต่ความมาแตกเอาเมื่อไม่นานมานี้เองว่าโดนตุ๋นกันจนเปื่อย เห็นว่าดึงคนของกรมหม่อนไหมมาเกี่ยวข้องรับประกันว่าซิ่นดิ้นทองนั่นของแท้นะคะด้วย แถมได้ไปออกงานที่ม.รามคำแหงอีก คนหลงเชื่อกันมากมาย

พยายามหาข่าวที่เกี่ยวข้องแต่ไม่เจอครับ เจอที่ความเห็นคลิปยูทูป (http://www.youtube.com/watch?v=BXHR0Irb6Iw) แก้ไขข้อความเล็กน้อยให้อ่านจำเริญตานิดหน่อย ดังนี้ครับ

ไฮโซกรุงเทพ เหวี่ยงแจ้งความจับเจ้าซ่ามาลอย!!! แห่งคุ้มนางแก้วหางดง ออกงานหลอกขายผ้า เครื่องประดับทองคำจากกรุเจ้าจำปาศักดิ์อายุกว่า 200 ปี ที่ขนหนีทัพมาพึ่งพิงที่แดนล้านนา!!! ไฮโซใส่ไปแล้วเครื่องประดับทองหลุด แถมสะดุดตรงผ้าทองคำมีสติกเกอร์ยี่ห้อลูกเสือติด กุมขมับ!! สูญเงินแสน ตำรวจนำหมายจับตามไปถึงคุ้มนางแก้ว ตะลึงกำลังฟ้อนเข้าทรงอย่างสุดคึก ในเพลงขอใจเธอแลกเบอร์โทร เจ้าซ่ามาลอยวอนขอฟ้อนจนจบเพลงแล้วค่อยจับกุม!!!

เหมือนข่าว SMS หรือข่าวซุบซิบอย่างไงชอบกล

ปล. ขออภัยที่แทรกขัดจังหวะการเล่าเรื่องของอาจารย์ใหญ่นะครับ (ตะกี้โพสต์แล้วชนกลางอากาศพอดีครับ เลยกลับมาแก้ไขเพิ่มข้อมูลที่เพิ่งเจอในโพสต์เก่าครับ)


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 13, 21:07
กลับมาเรื่ององค์หญิงรัสเซียของเราต่อนะคะ

สิ่งโสโครกที่นับปียิ่งท่วมบ้าน กระจายไปรบกวนถึงบ้านแถวนั้น   ทั้งภาพ ทั้งกลิ่น ทั้งเสียง ของหมาแมว 68 ตัวทำให้เพื่อนบ้านทนไม่ไหว  ก็พร้อมใจกันยื่นคำขาดว่า สามีภรรยาคู่นี้จะอยู่ในชุมชนได้ต่อไปก็เมื่อเก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน และขนย้ายสัตว์ออกไปที่ฟาร์มนอกเมือง  เพราะแจ๊คมีฟาร์มส่วนตัวอยู่อีกแห่งหนึ่ง   ทั้งคู่ก็เลยย้ายออกจากในเมืองไปอยู่ที่นั่น

แต่เมื่อย้ายไปแล้ว  ทั้งสองคนก็ไปก่อกรรมทำเข็ญให้เพื่อนบ้านละแวกบ้านนานั้นอีก   เนื่องจากหมาแมวมีจำนวนเพิ่มขึ้น เจ้าของเลี้ยงให้อิ่มหนำไม่ไหว   หมาก็เลยเพ่นพ่านออกจากเขตบ้าน เที่ยวไปฆ่าไก่ฆ่าห่านในฟาร์มแถวนั้นมากินแก้หิวโหย   ทำเอาเจ้าของเดือดดาลไล่ยิงหมาตายไปหลายสิบ  แจ๊คนับจำนวนได้ถึง 41 ตัว  
สมัยนั้นก็คงไม่มีใครรู้ว่าจะทำยังไงกับผัวเมียชราคู่นี้ดี     เพราะก็รู้ๆกันว่าเพี้ยนทั้งคู่    อีกอย่างแอนนาก็ยังยืนกรานว่าเธอคือเจ้าหญิงพระธิดาพระเจ้าซาร์   มีผู้คนมาเยี่ยมเยียนบ้างเป็นครั้งคราว  ชื่อเสียงของเธอก่อความเกรงใจให้เพื่อนบ้านอยู่บ้าง แม้ว่าไม่ถึงกับยอมรับนับถือ    ทั้งสองก็เลยถูกกันออกจากสังคมไปโดยปริยาย  ต้องปลีกตัวอยู่โดดเดี่ยว   กลายเป็นโรคหวาดระแวง (Paranoid) กว่าเคจีบีในรัสเซียส่งสายลับมาจะตามเก็บแอนนาบ้าง    มีคนจะวางยาพิษแจ๊คบ้าง  แล้วแต่จะฟุ้งซ่านกันไป


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ย. 13, 21:25
   สุขภาพของแอนนาเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ  จนทางการต้องยื่นมือเข้าไปขอคำสั่งศาลให้แต่งตั้งผู้ดูแลเธอ   แอนนาถึงถูกส่งเข้าโรงพยาบาลจิตเวช   แต่แจ๊คก็แอบพาภรรยาหนีออกจากโรงพยาบาลไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านนาร้างแห่งหนึ่ง   ร้อนถึงตำรวจต้องควานหาตัวกันจ้าละหวั่น  หากันอยู่เป็นแรมเดือนจึงพบ    พาตัวกลับมาได้ แต่สุขภาพของแอนนาก็ทรุดหนักลงจนเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1984  อายุ  87 ปี  
   เธอปิดฉากชีวิต ด้วยความเชื่อมั่นของสามีว่า ภรรยาของเขาก็คือเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซี ยาแห่งรัสเซียอยู่นั่นเอง

   แม้ว่าแอนนาจบฉากชีวิตลงไปแล้ว   แต่เรื่องราวของเธอก็ยังไม่ปิดฉาก    สวรรค์ไม่ยอมให้องค์หญิงกำมะลอได้หลอกลวงชาวโลกต่อไป     ดังนั้นหลังจากเธอตายไปไม่กี่ปี   วิทยาศาสตร์ก็สามารถพิสูจน์ความเกี่ยวพันทางสายเลือดด้วยการตรวจ DNA ได้   กรณีของแอนนาจึงถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 12:20
ไม่เป็นไรค่ะคุณพี   สลับฉากเปลี่ยนดารานำแสดงบ้างก็จะได้คลายเครียดดีค่ะ    สารวัตรกู๊กมีเรื่องพวกนี้เยอะค่ะ ลองถามด้วยคำว่า "เจ้าเก๊" ดูก็ได้
http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=103

“เจ้าเก๊” ระบาดหนัก!   

โดย วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

        สัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสขับรถไปตามเส้นทางสายมิตรภาพ หวนนึกถึงความหลังเมื่อครั้งตัวคนเขียนเอง ยังเป็นนายตำรวจได้ไม่นาน เพิ่งกลับจากเรียนหนังสือเมืองนอกไม่ถึงเดือน ถูกย้ายไปประจำจังหวัดที่เป็นประตูอีสาน มีเหตุการณ์หนึ่งซึ่งไม่เคยลืม และอยากนำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังในวันนี้
        บุรุษหนึ่งแต่งเป็นนายทหารยศนายพล นั่งรถอเมริกันสีดำคันยาว ไปตามจังหวัดต่างๆ ทางภาคอีสาน อ้างตนว่า เป็นผู้มาในนามโครงการที่เป็นของหลวง เข้าพบผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัด ขอรับการสนับสนุนทางการเงิน เพื่อโครงการซึ่งชื่อฟังดูสูงส่ง โดยมีวัตถุประสงค์ ที่จะนำเงินไปผันน้ำ ทำให้แผ่นดินอีสานชุ่มฉ่ำ ไม่แห้งแล้งอีกต่อไป
        ปรากฏว่าได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี บางจังหวัดนอกจากรวบรวมเงินบริจาคให้ได้เป็นเลข 6 หลัก ซึ่งมีค่ามากในสมัยทองบาทหนึ่งไม่กี่ร้อย
        แถมยังเลี้ยงดู ปูเสื่อให้ด้วยซ้ำ!
        เหตุที่โครงการนี้ ได้รับการสนับสนุน เพราะนอกจากมีนายทหารชั้นนายพล (ตอนนั้นไม่ได้มีจำนวนมากมาย เกลื่อนกลาดเหมือนสมัยนี้) ที่ร่วมเดินทางไปด้วย เรียกขานกันในหมู่ว่า “ท่านชาย” เลยทำให้โครงการที่มาขอรับการสนับสนุน
        ดู “ขลัง” และน่าเชื่อถือ ยิ่งขึ้นไปอีก!
        ท่านชายนายพลได้รับการเคารพ เพราะผู้คนหลงเชื่อว่ามีฐานันดรสูงศักดิ์ชั้น “หม่อมเจ้า” มีท่าทางเป็นผู้ดีทุกกระเบียด เขาพูดถึงความสำคัญโครงการด้วยน้ำเสียงทุ้มกังวาน ฟังน่าเชื่อถือนัก เป็นเหตุให้คณะได้รับการบริจาคมากยิ่งขึ้น

        ผู้คนในตอนนั้น นึกไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วคนเหล่านี้ คือ พวก “สิบแปดมงกุฎ” เกิดมาเพื่อต้มตุ๋นผู้คนโดยแท้ เช่าบ้านหลังใหญ่อยู่ที่สุขุมวิท แต่ในบ้านบางวันก็มีกินบ้าง ไม่มีบ้าง วันไหนต้มตุ๋นคนได้มาก ก็ฉลองกันเต็มที่ เลี้ยงดูกันเอิกเกริก แต่ถ้าวันใดเกิดพลาดพลั้ง มีคนในคณะถูกจับ ความกลัวจะถูกบีบจากตำรวจ ที่ขยายผลการสืบสวนปราบปราม เพื่อค้นหาและจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการ คนในแก๊งก็จำเป็นต้องทิ้งบ้านเช่า หนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทางสองทาง
        วันที่ถูกจับได้นั้น ภาษาโจรเขาเรียกว่า “เกม” หรือ “จบเกม” คือ ต้องยุติบทบาทหรือการดำเนินการโดยฉับพลันทันที อะไรทำนองนั้น ต้องก้มหน้ายอมรับผิดไป แต่พวกนี้ไม่ค่อยยี่หระ ...เพราะส่วนใหญ่ติดคุกกันมาจนชิน! 
        คนไทยนั้นเคารพในพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงผู้ที่สืบสายมาจากพระราชวงศ์ เนื่องจากพระราชวงศ์จักรีนั้น มีคุณูปการมหาศาล แก่ผู้คนในแผ่นดินนี้ จึงเป็นช่องให้บรรดาพวกสิบแปดมงกุฎทั้งหลาย จับเอาจุดอ่อนนี้ของคนไทย ไปหาประโยชน์ด้วยการต่อเติมเสริมนิยาย ต้มตุ๋นหลอกลวงเอาทรัพย์สิน และมีเรื่องเป็นข่าวแทบทุกทุกปีไป
        วิธีการของคนพวกนี้ ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรนักหนา เพียงแต่ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับสายของราชนิกุลต่างๆ ท่องจนจำได้ และพูดอธิบายด้วยความหวือหวาของศัพท์แสง แถมด้วยการแต่งเติมราชาศัพท์อย่างคล่องแคล่ว จึงทำให้ผู้คนเชื่อถือ
        บางรายก็มีความรู้ ที่จัดได้ว่าดีพอควร คนธรรมดาไม่มีทางจับผิดได้ แต่หากผู้ซักถามมีความรู้ที่เหนือกว่า หรือคัดสรรคำถามที่แยบคายลึกซึ้งแล้ว เจ้าพวกนี้จะฉายอาการสับสนให้เห็น จนพอจับได้ แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นหลัก
        ทำไม น่ะหรือ?
        ตอบได้ว่า เป็นเพราะการกระทำความผิดอาญามีพฤติกรรม ที่เรียกว่า “แผนประทุษกรรม” ของคนร้าย เป็นเครื่องชี้วัดอยู่แล้ว แต่การสนทนากับคนร้ายลักษณะนี้ ก็จะได้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน เพราะวิธีการ “วางงาน” คือ กรรมวิธี หรือ “ลูกไม้” ที่ใช้ในการหลอกลวงผู้คนของแต่ละกลุ่มนั้น แตกต่างกันไป แต่น่าสนใจมาก
 
        คดีการกระทำผิด ด้วยการอ้างอิงเป็นเชื้อพระวงศ์นั้น มีให้เห็นเป็นประจำ อย่างเมื่อปลายปีที่แล้ว ศาลชั้นต้นจำคุกนักต้มตุ๋นถึง 4 ปี 8 เดือน อีกทั้งคนร้ายรายนี้ ยังมีรายการอายัดตัวในคดีอื่นอีกหลายโรงพัก เพราะอ้างเป็น “เจ้า” หลายระดับ ไม่ว่าจะหม่อมหลวง หรือหม่อมราชวงศ์
        คนร้ายรายนี้ อ้างว่าตัวเองเป็น ม.ล.ยุวากร กิติยากร ทำงานเป็นหมอหลวงอยู่สภากาชาดไทย ชักชวนให้ผู้เสียหายบริจาคเงิน เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนแพทย์ โดยการหลอกลวงของจำเลยดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ มอบเงินจำนวน 2 แสนบาท และโอนผ่านธนาคารให้อีกจำนวนกว่า 3 ล้านบาท รวมเป็นเงินกว่าสามล้านครึ่งให้กับจำเลยไป
        เหตุเกิดที่ เมืองหลวงอย่าง กทม. ของเรานี่เอง!
        การอาละวาดด้วยการอ้างอิงเป็นราชนิกุลนั้น ใช่กระทำแต่แค่ทำที่เมืองไทย แต่ยังแพร่ไปถึงต่างแดนอย่างสหรัฐฯ
        เมื่อปีที่แล้วก็มีเรื่องอื้อฉาว แต่ข่าวเมืองไทยไม่ปรากฏให้เห็น เพราะมีหญิงวางมาดเป็น มรว.รัศมี ยุคล อ้างว่าสนิทสนมกับเจ้านายบางพระองค์ แถมยังบอกว่า พ่อตัวเองเป็นพี่ชายของ มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล หรือท่านมุ้ย (ผมเองก็เห็นท่านมาตั้งแต่เด็ก เพราะเรียนอยู่ประจำที่วชิราวุธ ด้วยกันหลายปี พอจะรู้ว่าพระญาติของท่าน มีใครบ้าง) 

     มีอีกยาวค่ะ อ่านต่อได้ที่นี่
      http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=103
       


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 12:30
    หลังจากโซเวียตรัสเซียล่มสลาย    ทางการก็ติดตามค้นหากระดูกของพระเจ้าซาร์ พระราชินีและเจ้าฟ้าขึ้นมาเพื่อดำเนินการอย่างสมพระเกียรติ     ตอนแรกพบ 9 โครงกระดูกจาก 11 โครงที่ถูกสังหารทั้งหมด   ทำให้คิดว่าเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียาและเจ้าฟ้าชายอเล็กไซรัชทายาทอาจจะรอดชีวิตไปได้   แต่ต่อมาก็พบอีก 2 โครงกระดูกที่เหลือ  เป็นอันว่าตัดปัญหาที่ข้องใจกันมาค่อนศตวรรษ     ว่าไม่มีองค์ไหนรอด   พวกอ้างทั้งหลายนับว่ากำมะลอทั้งหมด

    แม้ว่าแอนนาสิ้นชีวิตไปหลายปีแล้ว  บรรดานักวิทยาศาสตร์ผู้มุ่งมั่นจะพิสูจน์ก็ไม่ยอมแพ้    โชคเข้าข้างเขาเมื่อพบว่าแอนนาเคยเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดมาก่อน   ทางโรงพยาบาลยังเก็บชิ้นส่วนอวัยวะที่ถูกตัดออกเอาไว้ (ยอดจริงๆ!)   นอกจากนี้สามีเธอยังเก็บปอยผมภรรยาเอาไว้เป็นที่ระลึก      เมื่อได้มา  ก็มีการพิสูจน์ DNA  ของแอนนา เทียบกันกับ DNA ของพระราชวงศ์โรมานอฟ ว่าเข้ากันได้หรือไม่
    ผลพิสูจน์ออกมาว่า DNA ของแอนนามิได้เกี่ยวข้องอะไรกับพระราชวงศ์เลย   แปลว่าเธอมิได้เป็นเชื้อสายญาติโยมอะไรกับกษัตริย์รัสเซียทั้งสิ้น
   


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 12:42
    นักวิทยาศาสตร์มิได้หยุดแค่นั้น    เราคงจำได้ว่าเจ้าชายพระปิตุลาของเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียาเคยจ้างนักสืบสืบว่าตัวจริงของแอนนาคือใคร   คำตอบที่นักสืบหามาได้คือหล่อนน่าจะเป็นคนเดียวกับกรรมการหญิงโรงงาน สัญชาติโปล(โปแลนด์)ที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าหายตัวไปในวันเดียวกับที่มีการช่วยชีวิตหญิงนิรนามขึ้นมาจากกระโดดคลองในเบอร์ลิน    แต่การสืบสมัยนั้นใช้วิธีประมวลผลจากพยานและหลักฐาน      บรรดาแฟนคลับของแอนนาก็เลยไม่เชื่อข้อนี้    เพียงแต่ประวัติศาสตร์จารึกชื่อสาวโรงงานคนนั้นไว้ว่า "Franziska Schanzkowska"
    ฟรานซิสก้าหายตัวไปไม่มีรายงานข่าวว่ากลับคืนมาสู่ญาติพี่น้องก็จริง   แต่พี่น้องเธอก็มีลูกหลานสืบเชื้อสายกันต่อมาจนถึงชั้นหลานเหลน     นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านนี้ไปสืบเสาะหาตัวมาได้คนหนึ่ง เป็นญาติชายชั้นหลานย่าของฟรานซิสก้า  เมื่อเอา DNA ของเขามาเทียบกับ DNA ของแอนนา   ก็พบว่าเข้ากันได้พอดิบพอดี
   ผล DNA  สรุปได้ว่า หญิงผู้อ้างตัวเองว่าเป็นพระธิดาพระเจ้าซาร์นั้น นอกจากมิได้เกี่ยวข้องทางสายโลหิตกับพระราชวงศ์แล้ว   DNA  ยังบอกได้ว่าหล่อนก็คือสาวโรงงานชาวโปลธรรมดาๆคนหนึ่งนั่นเอง   


กระทู้: ท่านหญิงกำมะลอ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 12:57
    ทางฝ่ายผู้ที่สนับสนุนแอนนาในอเมริกากระตือรือร้นที่จะให้มีการพิสูจน์ DNA  เพราะทุกคนเชื่อว่ามันจะเป็นการยืนยันได้ขาวสะอาดว่าแอนนาคือเจ้าฟ้าหญิงแห่งรัสเซีย   จึงกุลีกุจอช่วยเหลือตามหาหลักฐานมาช่วยนักวิทยาศาสตร์อย่างดี     พอผลออกมาแบบนี้ต่างก็หงายหลังตกเก้าอี้ไปตามๆกัน     
    หลายสิบปีที่คนเหล่านี้เชื่อมั่นจากคำพูดและการยืนยันของแอนนาว่าหล่อนคือเจ้าฟ้าหญิงผู้นิราศจากบัลลังก์รัสเซีย   ไม่เผื่อเนื้อที่เอาไว้ให้ความผิดคาด        เมื่อผลออกมาว่าองค์หญิงของพวกเขาเป็นกำมะลอของแท้    พวกนี้ก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปตามๆกัน     บางคนก็ยอมรับความผิดพลาดด้วยท่าทีหงอยๆ แต่บางคนก็ยังดันทุรังเชื่อต่อไปว่าผลการตรวจไม่น่าเชื่อถือ     
    อย่างไรก็ตาม โลกก็รับรู้ว่าองค์หญิงกำมะลอ ก็คือองค์หญิงกำมะลอในตอนจบ

   ส่วนแจ๊ค มานาแฮนว่าอย่างไรน่ะหรือ     เขาไม่มีโอกาสรู้ค่ะ เพราะตายไปตั้งแต่ค.ศ. 1990  ก่อนจะมีการตรวจสอบ    เขาตายด้วยความเชื่อมั่นอย่างเดิมว่าตัวเองคือลูกเขยของพระเจ้าซาร์   
    ข้อนี้  ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีได้เต็มปากหรือเปล่า

    จบเรื่องท่านหญิงกำมะลอเพียงแค่นี้