ประวัติ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
อำเภอพิบูลมังสาหาร เดิมชื่อ "บ้านกว้างลำชะโด" พระพรหมราชวงษา เจ้าเมืองอุบลราชธานี ข อตั้งเป็นเมืองพิบูลมังสาหาร เจ้าพระยากำแหงสงครามเห็นชอบ จึงกราบบังคมทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จพระจ อมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 4 และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ได้ตั้งเป็นเมืองพิบูลมังสาหาร เมื ่อวันอาทิตย์ แรม 11 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน พ.ศ.2406 และตั้งท้าวธรรมกิติยา (จูมมณี) เป็นพระยาบำรุง ราษฎร์ เป็นเจ้าเมืองคนแรก เมื่อปี พ.ศ.2443 ลดฐานะเป็นอำเภอ ขึ้นกับเมืองอุบลราชธานี และในปี พ.ศ.2495 เปลี่ยนเมืองอุบลราชธานี เป็นจังหวัดอุบลราชธานี
1. มูลเหตุก ารตั้งเมืองพิบูลสังหาร
ปีพุทธศักราช 2402 พระพรหมราชวงศา(กุทอง) เจ้าเมืองอุบลราชธานี คนที่ 3 มีภรรยา (หม่อม) 7 คน มีบุตร-ธิดา รวมทั้งหมด 31 คน และในจำนวนบุตรท ั้งหมด มีหลายคน ซึ่งพอจะเป็นเจ้าเมือง อุปฮาด (อุปราช) ราชวงศ์ราชบุตร ทำราชการให้แก่บ้านเมืองได้ จึงปรึกษาคณะกรรมการเมืองต่างมีความเห็นพ้องกันว่า ท้าวธรรมกิตติกา (จูมมณี) , ท้าวโพธิสาราช (เสือ) , ท้าวสีฐาน (สาง) ซึ่งทั้งสามคนนี้เป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาคนที่ 2 ของพระพรหมราชวงศา (กุทอง) ชื่อ (นาง) หม่อมหมาแพง ท้าวขัติยะ (ผู) และเป็นน้อยต่างมารดาของท้าวธรรมกิตติกา(จูมมณี) เมื่อปรึก ษาเป็นที่ตกลงแล้ว จึงสั่งให้จัดเรือสามลำและคนชำนาญร่องน้ำเพื่อหาสถานที่สร้างเมืองใหม่ โดยล่องเร ือไปตามลำน้ำมูล จนถึงบ้านสะพือ (บ้านสะพือท่าค้อ-ปัจจุบัน) ได้จอดเรือและข้ามไปสำรวจภูมิประเทศฝั่ งขวาแม่น้ำมูลทิศตะวันตกแก่งสะพือ เห็นภูมิสถานเหมาะแก่การตั้งเมืองได้ จึงทำการบุกเบิกป่า ตั้ง แต่หัวแก่งสะพือไปถึงห้วยบุ่งโง้ง (คุ้มวัดเหนือกลาง-ปัจจุบัน) พอที่จะตั้งบ้านเรือนได้ 30-80 ครอบ ครัว พระพรหมราชวงศาเมืองอุบลฯ ได้จัดราษฎรเข้าไปอยู่หลายครอบครัว พร้อมทั้งให้ท้าวไชยมงคลและท ้าวอุทุมพร (ญาติเจ้าเมืองอุบลฯ) ลงไปอยู่ด้วยแล้วตั้งชื่อว่า " บ้านกว้างลำชะโด " เนื่อ งจากบ้านนี้ตั้งอยู่ย่านกลางของ 2 ห้วย คือ ห้วยกว้างอยู่ทางทิศตะวันออกและห้วยชะโดอยู่ทางท ิศตะวันตก ห้วยกว้างห่างจากที่ตั้งอำเภอไปทางตะวันออก 4 กิโลเมตร ห้วยชะโดห่างจากที่ตั้งอำเภอไปทาง ทิศตะวันตก 4 กิโลเมตร
2. ปัจจัยที่เอื้อต่อการสร้างเมืองพ ิบูลมังสาหาร
2.1 พระราโชบายของพระมหากษัตริย์ หลังจากพ ระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจูฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงเห็นว่าบ้านเมือง อยู่ในสภาพแตกกระจายเป็นก๊ก เป็นเหล่า จึงมีพระราชประสงค์จะรวบรวมไพร่พลให้เป็นกลุ่มก้อนหรือเป็นเม ือง จึงมีราโชบายให้จัดตั้งเมืองขึ้นและให้ถือเป็นแนวปฏิบัติของพระมหากษัตริย์ในรัชกาลต่อๆมา ดัง นั้น เมื่อมีเจ้าเมืองใดขอตึ้งเมืองใหม่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองได้ตามประสงค์
2.2 การปกครอง พระพรหมราชวงศา (กุทอง) เจ้าเมืองอุบลราชธานี คนที่ 3 (พ.ศ.2388-2409) มีบุตรหลายคน เห็นว่า ท้าวธรรมกิตติกา (จูมมณี) เป็นบุตรคนหนึ่งที่มีค วามรู้ความสามารถ มีสติปัญญาเฉียบแหลมและกล้าหาญ เมื่อตั้งเป็นเจ้าเมืองแล้วปกครองอาณาประชาราษฎร์ ให้มีความร่มเย็นสงบสุขได้และเป็นการขยายเขตการปกครองเพิ่มขึ้นด้วย
2.3 แหล่งอุดมสมบูรณ์ บริเวณที่ตั้งเมืองเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำมูลที่อุดมสมบูรณ์ดินดี มีแม่น้ำสาขาหลายสายไหลลงสู่แม่น้ำมูล จึงทำให้บริเวณนี้อุดมไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร และสัตว์น้ำนานาชนิดเหมาะแก่การทำไร่ ไถนา ปลูกข้าว ซึ่งสามารถเป็นแหล่งเสบียงอาหาร กำลังคนทั้ง ในยามสงบและเมื่อมีศึกสงคราม
2.4 เมืองหน้าด่าน ในขณะนั้นประเทศ ฝรั่งเศส ได้แผ่ขยายล่าอาณานิคมเพื่อหาเมืองขึ้นในประเทศเวียตนามและเขมรได้ขยายเข ้ามาในลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนและมีทีท่าจะรุกล้ำเข้ามาตามลำน้ำมูล ซึ่งหากมีการรุกล้ำดินแดนเกิดขึ้นจริง เมืองพิบูลมังสาหารจะเป็นเมืองหน้าด่านที่สามารถต่อต้านเข้าศึกสกัดกั้นไม่ให้ศัตรูเข้ามาถึงเมือง อุบลราชธานีโดยง่าย
3. โปรดเกล้าฯ ตั้งเมืองพิบูลมังสาหาร
เมื่อตั้งเป็นบ้านกว้างลำชะโดแล้ว ต่อมามีราษฎรเข ้ามาอาศัยอยู่หนาแน่นขึ้นพอที่จะตั้งเป็นเมืองได้ จึงจัดสร้างศาลาว่าการขึ้นริมฝั่ง แม่น้ำมูลแล้วรายงานไปยังพระพรหมราชวงศา (กุทอง) เจ้าเมืองอุบลฯ ซึ่งเจ้าเมืองอุบลฯ ก็เห็นชอบด้วย จึงมีใบบอกกราบเรียนเจ้าพระยากำแหงสงครามเจ้าเมืองนครราชสีมาเพื่อนำความกราบบังคมทูลฯ ขอตั้ง บ้านลำชะโด เป็น " เมืองพิบูลมังษาหาร " เมื่อวันอาทิตย์ แรม 11 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน เบญจ ศก จุลศักราช 1225 ตรงกับวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2406 และโปรดเกล้าตั้งท้าวธรรมกิตติกา (จูมมณี) เป็น พระบำรุงราษฎร์-เจ้าเมือง ให้ท้าวโพธิสาราช (เสือ) เป็นอุปฮาด (อุปราช) ให้ท้าวสีฐาน (สาง) เป็นราชวงศ์ ให้ท้าวขัติยะ (ผู) เป็นราชบุตรขึ้นกับเมืองอุบลราชธานี ตามที่ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านกว้างลำชะโด เป็น " เมืองพิมูลมังษาหาร " นั้น เห็นจะให้ตรงกับลำน้ำซึ่งให้แต่เ ดิม เรียกว่า ลำน้ำมูล และเพื่อให้เมืองพิบูลฯ เป็นคู่กับเมืองพิมายซึ่งตั้งอยู่เหนื อลำน้ำมูลขึ้นไป
4. เจ้าเมืองและคณะอาญาสี่เมืองพิบูลมังสาหาร
เมืองพิบูลมังสาหาร ที่พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงพระก รุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองและคณะอาญาสี่หรือคณะอาชญาสี่ที่ปกครองเมือง ก่อนการปฏิรูปก ารปกครอง ดังนี้
4.1 เจ้าเมือง พระบำรุงราษฎร์ นามเดิมท้าว ธรรมกิตติกา (จูมมณี) ครองเมือง พ.ศ.2406-2430
อุปฮาด ท้าวโพธิสาราช (เสือ)
ราชวงศ์ ท้าวสีฐาน (สาง)
ราชบุตร ท้าวขัติยะ (ผู)
4.2 เจ้าเมือง พระบำรุงราษฎร์ นามเดิม ขัติยะ (ผู) ครองเมือง พ.ศ.2430-2455
อุปฮาด ท้าวลอด เป็นบุตรของพระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี)
ราชวงศ์ ท้าวมิน เป็นบุตรพระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี)
ราชบุตร ท้าวแสง เป็นบุตรพระบำรุง ราษฎร์ (ผู)
ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2455 เป็นต้นมา ทางราชการได ้แต่งตั้งข้าราชการส่วนกลางมาดำรงตำแหน่งนายอำเภอ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปฏิรูปการปกครองแบบค่อยเป็นค่อยไป และได้พัฒนาจนมาเป็นแบบในปัจจุบัน
อ่านเจอที่เวปนี้ครับ อาจารย์เทาชมพู
http://www.amphoephiboon.com/index-history1.html