|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 13 ต.ค. 23, 09:51
|
|
มีเกร็ดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับอุปนิสัยส่วนตัวพระยารัตนกุล ที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงบันทึกไว้อีก2-3 เรื่อง นอกเหนือจากเปิดโอกาสให้ราษฎรในท้องถิ่นได้ร้องทุกข์ได้ไม่จำกัดเวลา สมัยท่านเป็นกำนัน เมื่อเริ่มรับราชการ ท่านเป็นชั้นผู้น้อยอย่างคนอื่น แต่ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเร็ว เพราะนิสัยท่านคือทำสิ่งใดก็ทำอย่างประณีต ผลงานที่ได้รับมอบหมายออกมาเรียบร้อย และเป็นคนขยันพากเพียร จึงได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบสูงขึ้นในหน้าที่ จนกระทั่งได้เป็นพระยา เมื่อกราบถวายบังคมลาออกจากราชการ พระยารัตนกุลไม่อยากอยู่ว่างๆในบ้าน ก็ไปอ่านหนังสือที่หอพระสมุดเป็นประจำ ท่านไม่ได้อ่านอยู่่เฉยๆ แต่หาโอกาสช่วยงานเท่าที่จะทำได้ เมื่อมีการย้ายหอพระสมุดออกจากพระบรมมหาราชวัง ท่านก็ช่วยจัดตั้งตู้หนังสือให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วกราบทูลสมเด็จกรมพระยาดำรงฯว่าอยู่เฉยๆก็รำคาญใจเพราะมีเวลาว่างมาก อยากจะช่วยงานในหอพระสมุดแล้วแต่จะทรงมอบหมาย จึงทรงมอบให้จัดระเบียบรูปถ่ายต่างๆในหอพระสมุด ก็ทำจนเสร็จเรียบร้อย พระยารัตนกุลได้รวบรวมสาแหรกของสกุลรัตนกุล เสร็จแล้วถวายสมเด็จกรมพระยาดำรงฯให้ทรงตรวจ เป็นที่พอพระทัย จึงให้รวบรวมสกุลเก่าอื่นๆมาพิมพ์เป็นเล่มไว้อีก เป็นหลักฐาน ท่านก็อุตสาหะรวบรวมได้ถึง 11 สกุลด้วยกัน น่าเสียดายว่าท่านล้มป่วยหลังจากนั้น แล้วถึงแก่อนิจกรรม ไม่อย่างนั้นคงจะได้รวบรวมอีกหลายนามสกุล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 14 ต.ค. 23, 11:11
|
|
เกร็ดเล็กๆอีกเรื่องก็คือ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงบันทึกไว้ว่า พระยารัตนกุลอุตสาหะเดินทางจากบ้านมาทำงานที่หอพระสมุดไม่ได้ขาด ไม่มีค่าตอบแทน ทั้งยังต้องเสียค่ายานพาหนะมาเอง จึงทรงเห็นว่ามาออกแรงทำบุญให้หอพระสมุดก็ดีอยู่แล้ว ไม่ควรจะเสียเงินค่าเดินทางมาเอง จึงทรงรับจะจ่ายค่าเดินทางให้ (ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงจะเป็นเบี้ยประชุม) ขอสแกนข้อความมาให้อ่านข้างล่างนี้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 16 ต.ค. 23, 09:54
|
|
บุคคลสำคัญในสกุลรัตนกุล ในรุ่นต่อมาคือบุตรชายของนายร้อยเอกจิตร รัตนกุล ชื่อพลเอกจรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ท่านผู้นี้เป็นผู้กำหนดคำว่า "เสรีเริงฤทธิ์" อันเป็นราชทินนามเดิมของท่านมาต่อท้ายนามสกุลรัตนกุล สำหรับลูกหลานสายของท่านโดยเฉพาะ ถ้าเป็นลูกหลานในสายอื่น ใช้นามสกุล รัตนกุล เฉยๆ ไม่มีคำต่อท้าย
เนื่องจากนายร้อยเอกจิตรผู้บิดาถึงแก่กรรมเมื่อพลเอกจรูญยังเป็นทารก ท่านจึงอยู่ความอุปการะของพระยารัตนกุลผู้เป็นอา ตอนเล็กๆเข้าเรียนที่โรงเรียนคณิกาผลซึ่งอยู่ไม่ห่างบ้าน มาต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนปทุมคงคา ต่อมาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยทหารบกในปี 2454 จนจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก ได้เข้ารับราชการทหาร เป็นว่าที่นายร้อยตรี ในปี 2460 ประจำกรมทหารบกช่าง ที่ 3 ชีวิตราชการทหารเจริญก้าวหน้ามาด้วยดี ได้เลื่อนยศทางทหาร ได้เป็นนายร้อยโทในปี 2465 และขึ้นเป็นนายร้อยเอกในปี 2470 ส่วนบรรดาศักดิ์ของท่านนั้นท่านได้เป็นขุนเสรีเริงฤทธิ์ ในปี 2468 ต่อมาในวันที่ 19 มิถุนายน ปี 2472 ท่านได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหลวงในชื่อเดิม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 16 ต.ค. 23, 10:06
|
|
หลวงเสรีเริงฤทธิ์(คนกลาง) ถ่ายกับเพื่อนในทหาร เมื่อพ.ศ. 2475
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 18 ต.ค. 23, 10:03
|
|
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 นายร้อยเอกหลวงเสรีเริงฤทธิ์ ขณะนั้นเป็นนายทหารสื่อสาร ได้เข้าร่วมกับคณะราษฎร์ เป็นหนึ่งในคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง หลังจากนั้นเมื่อ 1 เมษายน ปี 2476 เลื่อนขึ้นเป็นนายพันตรี ผู้บังคับกองพันทหารสื่อสาร ที่ 1 รักษาพระองค์
มีเกร็ดเล็กๆ 2-3 เรื่องเกี่ยวกับการทำงานของหลวงเสรีเริงฤทธิ์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้กันนัก จึงขอนำมาเล่าไว้ในกระทู้นี้
เรื่องแรกคือหลวงเสรีเริงฤทธิ์กับคอมมิวนิสต์ในสยาม เมื่อปี 2475
คนไทยมักจะเข้าใจว่าคอมมิวนิสต์เริ่มมีบทบาทในไทยเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ความจริงไม่ใช่ คอมมิวนิสต์เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 2475 แล้ว เริ่มจากเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง พรรคคอมมิวนิสต์ญวน(หมายถึงเวียดนาม) ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ของพรรคเข้ามาตั้งอยู่ในภาคอีสานอย่างลับๆ แล้วเริ่มเผยแพร่ขอความร่วมมือจากคนญวน และคนจีนในภาคนั้น รวมทั้งลูกครึ่งญวน-จีน ด้วย แทรกเข้าไปในหมู่นักศึกษาด้วยการแจกใบปลิว เมื่อคณะราษฎร์เปลี่ยนแปลงการปกครองได้สำเร็จ คอมมิวนิสต์ญวนก็เผยแพร่ใบปลิว อ้างความดีความชอบว่าคอมมิวนิสต์มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงการปกครองด้วย การเผยแพร่นี้ขยายกำลังมาถึงสื่อในยุค นั้น มีหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับคือ สัจจัง, 24 มิถุนา และ มวลชน ลงเรื่องราวสนับสนุนความดีงามของลัทธิคอมมิวนิสต์ และประเทศคอมมิวนิสต์ ในขณะที่คณะราษฎร์เองก็มัวยุ่งยากกับการจัดระเบียบแบบใหม่ต่างๆในสังคมไทย คอมมิวนิสต์ก็ได้โอกาสวางรูปแบบลัทธิของตนลงในสังคมไทยด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 18 ต.ค. 23, 10:04
|
|
นายพันตรีหลวงเสรีเริงฤทธิ์ เมื่อเป็นผู้บังคับกองพัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 19 ต.ค. 23, 09:39
|
|
หลวงเสรีฯได้สืบทราบมาว่า พรรคคอมมิวนิสต์ในไทยจะประชุมกันที่บริเวณถนนตะนาว ถนนข้าวสาร ศาลเจ้าพ่อเสือ แต่ไม่แน่ว่าตรงจุดไหน จึงจำเป็นต้องสังเกตการณ์คนผ่านไปมาทั้ง 3 ถนน ท่านก็เลยพาทหารใต้บังคับบัญชาออกไป กระจายกำลังทั้ง 3 แห่ง คืนนั้นเอง กองตำรวจพิเศษ(สันติบาล)ก็ได้สืบทราบมาตรงกัน จึงพาเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมายังบริเวณดังกล่าวเหมือนกัน แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ประสานงานกัน จึงมองเห็นผู้คนแต่ละฝ่ายดูมีพิรุธน่าสงสัย จนเกือบจะเกิดปะทะกันขึ้น แต่หลวงเสรีเริงฤทธิ์ได้พบกับนายตำรวจกองพิเศษเสียก่อน เจรจากัน รู้ว่าใครเป็นใคร ก็เลยเข้าใจกันได้ ถอนกำลังกลับกันไปโดยไม่เสียเลือดเนื้อกัน เรื่องที่สองคือหลวงเสรีฯ ปะทะกับกองกำลังอาจารย์ซิ่ว อาจารย์ซิ่วเป็นใคร คนนี้ไม่ใช่ตำรวจทหารหรือนักการเมือง แต่เป็นมือสักประเภทคงกระพันชาตรี มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย อาจารย์ซิ่วเป็นผู้หนึ่งที่ต่อต้านคณะราษฎร์จนถึงกับนัดชุมนุมลูกศิษย์ที่สนามเป้า เพื่อถือโอกาสจู่โจมแย่งปืนและกระสุนจากทหารที่กำลังยิงเป้า ได้แล้วจะเอาไปต่อสู้กับรัฐบาล แต่ข่าวรั่วไหลไปถึงทหารเสียก่อน หลวงเสรีฯจึงนัดประชุมนายทหารใต้บังคับบัญชา ปราบปรามกองกำลังของอาจารย์ซิ่ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 20 ต.ค. 23, 08:57
|
|
ข่าวกรองที่ส่งมาคือบรรดาศิษย์อาจารย์ซิ่วนัดชุมนุมกันที่สวนฝรั่งใกล้สนามเป้า คุณหลวงแบ่งกำลังทหารเป็น 4 กลุ่ม บุกเข้าไปในสวนฝรั่ง พอพวกลูกน้องอาจารย์ซิ่วเห็นทหารในเครื่องแบบบุกเข้าไปก็แตกฮิอวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง ทหารกลุ่มที่ 1 ไปประจันหน้ากับอาจารย์ซิ่วและลูกน้องเข้าพอดี หลวงเสรีผู้นำกลุ่มร้องตะโกนให้หยุด อาจารย์ซิ่วชี้มือไปที่ศาลเพียงตาซึ่งปลูกไว้นอกสวนฝรั่ง ว่าให้ไปพูดกันที่นั่น พอไปถึง อาจารย์ซิ่วก็เริ่มด่าทหารอย่างหยาบคาย ทหารจึงเข้าจับกุม ฝ่ายลูกน้องอาจารย์ซิ่วดึงมีดปังตอออกมาจากเสื้อจะฟัน ทางฝ่ายทหารควักปืนออกมายิง แต่กระสุนคงจะขัดลำกล้องหรืออะไรสักอย่าง ก็เลยยิงไม่ออก พอเห็นทหารยิงไม่ออก ฝ่ายอาจารย์ซิ่วก็ฮีกเหิมได้ใจขึ้นมา รุกเข้าประชิด ทหารเริ่มถอย หลวงเสรีดึงปืนพกขึ้นมาจากเอว แต่ปรากฏว่าปืนดันไปติดพวงกุญแจที่เหน็บเอวไว้ เลยดึงขึ้นมาไม่ได้ ร.ต.อร่าม เทพานนท์ลูกน้องของหลวงเสรีเห็นท่าไม่ดี ร้องบอกให้หลวงเสรีหลบ แล้วตัวเองก็ยิงออกไป 1 นัดถูกลูกน้องของอาจารย์ซิ่ว ฝ่ายอาจารย์ซิ่วเห็นคาถาตนเองหมดขลังก็หันหลังวิ่งหนีออกไปพร้อมลูกน้อง ร.ต.อร่ามยิงไล่หลังไป ถูกอาจารย์ซิ่ว เลือดออกมาทะลุเสื้อทางด้านหลัง แต่ไม่ตาย ยังวิ่งหนีต่อไปอีกได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 21 ต.ค. 23, 09:28
|
|
เหตุการณ์เริ่มชุลมุน รอ.ขุนศุภโยธิน ซึ่งควบคุมอาวุธและกระสุนยิงเป้าอยู่ ถูกลูกน้องคนหนึ่งของอาจารย์ซิ่วบุกเข้าถึงตัว เอาอีโต้ฟันหัวทะลุหมวกกะโล่ลงมาถึงศีรษะ แต่ไม่ตาย ขุนศุภฯหนีไปหากลุ่มทหาร พอดีรอ.อร่ามมาถึง ยิงมีออีโต้ที่ไล่ฟัน ถูกเข้าที่ขา มืออีโต้ก็เลยหันหลังวิ่งกระโผลกกระเผลกหนีไป การปะทะกันครั้งนี้ทำให้ฝ่ายลูกน้องอาจารย์ซิ่วหนีกระจัดกระจายออกจากบริเวณนั้น มุ่งหน้าไปขึ้นถนนซึ่งต่อมาคือถนนพหลโยธิน อาจารย์ซิ่วเองก็ได้รับบาดเจ็บ ศาลเพียงตาล้มระเนนระนาด แต่ยังรวบรวมกำลังยกกันขึ้นไปตามถนน เจอกองทหารของหลวงเสรี ยืนเรียงแถวดักอยู่ พร้อมปืนบรรจุกระสุนจริง ประทับยิง อาจารย์ซิ่วคงตั้งใจจะฮึดสู้แสดงพลัง จึงเดินองอาจเข้าไปหาทหารที่กำลังประทับปืน เอื้อมมือไปกระชากปืนออกมาโดยแรง นิ้วทหารที่สอดอยู่ในโกร่งไกปินก็เลยลั่นกระสุนเข้าใส่ อาจารย์ซ่ิวล้มลง คางหายไปทั้งคาง บรรดาลูกน้องเห็นหัวหน้าไม่ได้คงกระพันชาตรีจริง ก็แตกฮือวิ่งหนีกันไปหมด เป็นอันถึงวาระสุดท้ายของขบวนการอาจารย์ซิ่วเพียงแค่นั้น หลวงเสรีฯประสบชัยชนะในการปราบอาจารย์ซิ่วได้สำเร็จ ด้วยความเมตตาและเป็นห่วงลูกน้องคือรอ.อร่าม ก็ได้นิมนต์พระสงฆ์มาที่บ้าน รดน้ำมนต์ให้รอ.อร่าม ล้างเคราะห์จากฝ่ายตรงข้ามให้หมดไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 25 ต.ค. 23, 13:24
|
|
ฉากชีวิตฉากใหญ่อีกครั้งหนึ่งของหลวงเสรีเริงฤทธิ์ คือบทบาทที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกบฎบวรเดช
1 ปีหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เกิดกรณี "กบฎบวรเดช" ขึ้น จากความไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล ผู้นำคือพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช ยกทัพจากทางเหนือกรุงเทพเข้าล้อมเมืองหลวง เพื่อบีบให้รัฐบาลยอมจำนน กองทหารช่างอยุธยาที่เพิ่งแยกจากกองทหารสื่อสารที่บางซื่อไปประจำอยู่ที่อยุธยา เป็นกองกำลังส่วนหน้าบุกเข้ามาประชิดพระนครที่ทุ่งบางเขนในวันที่ 11 ตุลาคม ปี 2476 ผู้บังคับกองพันชื่อนายพันตรีหลวงลบบาดาล เป็นคนควบคุมมา หลวงลบบาดาลรู้จักคุ้นเคยกับหลวงเสรีเริงฤทธิ์ดี นายกรัฐมนตรี พระยาพหลพลพยุหเสนา จึงสั่งการให้หลวงเสรีฯเดินทางไปเจรจา และเกลี้ยกล่อมให้กลับใจมาเข้าข้างรัฐบาล ในตอนแรก ทางหลวงลบบาดาลก็ทำท่าเหมือนจะถูกกล่อมได้สำเร็จ แต่เกี่ยงว่าขอยื่นข้อเสนอให้นายกฯออกจดหมายรับรองไม่เอาผิดฝ่ายตนเสียก่อน หลวงเสรีฯและคณะที่มาเจรจาก็ยินยอม เดินทางกลับไปพบนายกฯ ได้จดหมายรับรองมาเรียบร้อย ก็กลับออกไปพบอีกครั้ง เหตุการณ์กลับตาลปัตร ถูกหลวงลบบาดาลสั่งจับทั้งคณะทันที หลวงเสรีฯถูกนำตัวไปพบพระองค์เจ้าบวรเดชหัวหน้าฝ่ายกบฎ ก่อนที่จะส่งหลวงเสรีฯและคณะไปคุมตัวรอการตัดสินโทษอยู่ที่อยุธยา พ.อ.แสง จุละจาริตต์ หนึ่งในคณะของหลวงเสรีฯ ได้บันทึกไว้ว่า
“…คณะของเราถูกคุมตัวไปขึ้นรถไฟและลงสถานีดอนเมือง...พ.ต.หลวงเสรีเริงฤทธ์ ถูกนำไปเฝ้าพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช...จากนั้นประมาณ 2-3 ชั่วโมง พวกเราก็ถูกคุมตัวขึ้นรถไฟไปลงสถานีอยุธยา มีเรือยนต์มารับแล่นจากหลังสถานีรถไฟ ตามลำน้ำรอบเกาะไปขึ้นที่ท่าของกรมทหารช่าง พ.ท.พระวิเศษโยธาภิบาล (ปาน สุนทรจันทร์) ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอยุธยา ผู้อำนวยการเขตหลังของทหารช่าง ได้สั่งกักเราทั้งสี่คนไว้ที่กองรักษาการณ์...”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 25 ต.ค. 23, 13:36
|
|
ต่อมา วันที่ 16 ตุลาคม ปี 2476 เรือรบหลวงสุริยะมณฑลของฝ่ายรัฐบาลนำกำลังขึ้นมาที่อยุธยา ยึดพื้นที่จากฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชได้ หลวงเสรีและคณะอีก 3 คนจึงได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ อีก 2 เดือนต่อมา ถึงเดือนธันวาคม หลวงเสรีฯก็ได้ความดีความชอบ เข้ารับตำแหน่งทางการเมือง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภท ที่ 2 ( เทียบเท่าวุฒิสมาชิกในยุคนี้) ดวงของหลวงเสรีฯรุ่งโรจน์ขึ้นเป็นลำดับ ในสมัยนายกฯ พระยาพหลฯ ท่านก้าวออกจากกองทัพไปรับตำแหน่งสำคัญภายนอกกองทัพ คือไปรับตำแหน่งอธิบดีกรมรถไฟเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2479 ดวงและผลงานของหลวงเสรีเริงฤทธิ์ยังคงพุ่งแรงขึ้นตลอดมา แม้การเมืองผันผวน เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ท่านก็ไม่ได้กระทบกระเทือนอย่างใด แต่กลับประสบความก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ เมื่อจอมพลป.พิบูลสงครามขึ้นเป็นนายกฯ หลวงเสรีฯ ได้เข้าร่วมรัฐบาลเป็นรัฐมนตรีสั่งราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ ในปี 2481 เพียงปีเดียวถัดมา ท่านก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเดียวกัน เมื่อมีการยกเลิกบรรดาศักดิ์ หลวงเสรีเริงฤทธิ์จึงใช้ชื่อเดิม คือจรูญ รัตนกุล แต่เติมราชทินนาม "เสรีเริงฤทธิ์" ไว้ท้ายนามสกุล สำหรับใช้กับท่านและผู้สืบสายเลือดโดยตรงจากท่าน แยกจากสมาชิกอื่นๆของสกุลรัตนกุล ท่านได้รับยศทางทหารสูงสุด เป็นพลเอก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 25 ต.ค. 23, 13:42
|
|
พลเอกจรูญ รัตนกุลเป็นที่ไว้วางใจของจอมพล ป.พิบูลสงครามอย่างมาก ต่อมา เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ไทยต้องเตรียมตัวเผชิญภาวะสงครามจากการแผ่ขยายอำนาจของญี่ปุ่นไปทั่วเอเชีย ในวันที่ 4 ธันวาคม ปี 2483 พลเอกจรูญได้รับแต่งตั้งเป็นรองแม่ทัพบูรพา มีหลวงพรหมโยธีเป็นแม่ทัพ ยังไม่ถึง 1 ปีต่อมา ท่านได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ควบตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกไปพร้อมกัน หลังกองทัพญี่ปุ่นขอเดินทัพผ่านไทยในวันที่ 8 ธันวาคม ปี 2484 ได้เพียง 15 วัน รัฐบาลก็ตั้งพลเอกจรูญไปเป็นแม่ทัพภาคพายัพ ในวันที่ 10 มีนาคม ปี 2485 ท่านพ้นตำแหน่งอธิบดีกรมรถไฟไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐการ และต่อมาย้ายไปอยู่กระทรวงคมนาคม พลเอกจรูญได้อยู่ร่วมรัฐบาลของจอมพลป. มาอีก 2 ปี จนจอมพลป. ลาออกจากนายกฯในปี 2487 ท่านก็พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีไป ดวงของพลเอกจรูญได้ชื่อว่าเป็นดวงแข็งอีกครั้ง เมื่อแคล้วคลาดจากข้อหาที่จอมพลป. เจอ คือข้อหาอาชญากรสงคราม เรื่องนี้มีสาเหตุมาจากหลังสงครามโลกจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่น รัฐบาลไทยซึ่งเป็นพันธมิตรญี่ปุ่นจึงโดนไปด้วย ท่านเป็นรัฐมนตรีร่วมคณะจึงโดนเข้าเต็ม ๆ แต่พลเอกจรูญรอดคดี เพราะกฎหมายเป็นโมฆะใช้ย้อนหลังไม่ได้ จึงพ้นคดีเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ปี 2489
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 26 ต.ค. 23, 11:42
|
|
วันที่ 8 พฤศจิกายน ปี 2490 เมืองไทยพบรัฐประหารอีกครั้ง เปิดทางให้อำนาจเก่า คือจอมพล ป. พิบูลสงครามฟื้นคืนชีพทางการเมือง กลับมาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง พลเอกจรูญได้กลับมาสู่ตำแหน่งสำคัญ แม้จะมิใช่ตำแหน่งทางการเมือง คือตำแหน่งอธิบดีกรมรถไฟ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ปี 2492 ต่อมากรมรถไฟเปลี่ยนเป็นการรถไฟแห่งประเทศไทย สังกัดกระทรวงคมนาคม ท่านก็ได้เป็นผู้ว่าการรถไฟตามชื่อใหม่ เท่ากับเป็นอธิบดีกรมรถไฟคนสุดท้าย และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยคนแรก ดำรงตำแหน่งจนถึงพ.ศ. 2502 จึงเกษียณราชการ ท่านเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ บริจาคเงินสร้างอาคารเสรีเริงฤทธิ์ และวางโครงการรองรับการขยายตัวของกิจการรถไฟไว้ล่วงหน้าที่บางซื่อและพหลโยธิน พลเอกจรูญมีอายุยืนยาวถึง 87 ย่าง 88 ปี จึงถึงแก่อนิจกรรม เมื่อพ.ศ. 2526
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33609
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 26 ต.ค. 23, 12:02
|
|
พลเอกจรูญ สมรสครั้งแรกกับคุณหญิงเอิบ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ (สกุลเดิม โกมลวรรธนะ) มีบุตรธิดา 5 คน คือ 1 พันเอกอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ 2 นายจำลอง รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ 3 นางสาวจิรดา รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ สมรสกับพล.ต.สนาน รณฤทธิวิชัย 4 พล.ต.ต. อุดม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ สมรสกับน.ส.สุภัทรา ทวีติยานนท์ 5 นายวิจิตร รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ หลังจากคุณหญิงเอิบถึงแก่อนิจกรรมเมื่อพ.ศ. 2492 ท่านได้สมรสใหม่กับน.ส.ประไพ เศรษฐวัฒน์ มีบุตรธิดาอีก 4 คน คือ พลเอกจรูญ สมรสครั้งแรกกับคุณหญิงเอิบ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ (สกุลเดิม โกมลวรรธนะ) มีบุตรธิดา 5 คน คือ 1 พันเอกอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ 2 นายจำลอง รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ 3 นางสาวจิรดา รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ สมรสกับพล.ต.สนาน รณฤทธิวิชัย 4 พล.ต.ต. อุดม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ สมรสกับน.ส.สุภัทรา ทวีติยานนท์ 5 นายวิจิตร รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ หลังจากคุณหญิงเอิบถึงแก่อนิจกรรมเมื่อพ.ศ. 2492 ท่านได้สมรสใหม่กับน.ส.ประไพ เศรษฐวัฒน์ มีบุตรธิดา 4 คน คือ 1 นางสาวจริยวัฒน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ สมรสกับนายสมศักดิ์ ชัชราวรรณ 2 นางสาวพัฒนาพงษ์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ 3 นายพฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ 4 นายพีรสันต์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ สมรสกับมิส แมรี่ โจ ฟิลสตรอม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|