เรือนไทย

เนื่องจากคุณ Srisiam ตั้งกระทู้สดเรื่องดอนเจดีย์ ก็ลองหาเรื่องมาอภิปรายกันดีกว่าครับ เรื่องประวัติศาสตร์ผมไม่ถนัดนัก คงได้แค่เรื่องเจดีย์เท่านั้นครับ

ดอนเจดีย์ตั้งอยู่ที่ไหน? คำตอบอยู่ในกูเกิลครับ  ;D

ที่ตัั้้งของดอนเจดีย์ ไม่ใช่มีขึ้นมาเปล่าๆครับ เส้นทางสายแึควน้อย แม่กลอง มีความสำคัญมาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ครับ ทั้งบ้านเก่า ดอนตาเพชร พงตึก

จะเห็นว่า จากเมืองกาญจน์ ลัดเข้าไปสุพรรณบุรี นิดเดียวเท่านั้น ถ้าสังเกตแผนที่ดีๆ จะเห็นแม่น้ำสายเล็กๆ ไหลออกจากใกล้ๆปากแพรก แม่น้ำนี้ไหลแปลกกว่าชาวบ้าน คือไหลขึ้นเหนือ จึงเรียกแม่น้ำทวน เป็นที่มาของชื่อ พนมทวน ในอำเภอกาญจนบุรี แม่น้ำทวนนี้มีอีกหลายชื่อ เช่น รางหวาย ไหลไปออกแม่น้ำจรเข้สามพัน

ถึงตอนนี้หลายคนคงร้องอ๋อแล้ว เพราะเป็นแม่น้ำสายเลือดของเมืองอู่ทอง เมืองโบราณขนาดมหึมาในจังหวัดสุพรรณบุรีนั่นเอง

เส้นทางนี้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์เลยก็ว่าได้ หากพม่าจะเข้ามา จะต้องตีเมืองทวายให้ได้ก่อน จากนั้นก็ยกเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ หรือด่านอื่นๆก็ว่าไปครับ  ตีท่าขนุน เมืองไทรโยค มอญเจ็ดหัวเมือง? เข้ามาทางแควน้อย และเดินลัดออกแควใหญ่ หรือแควศรีสวัสดิ์ จนถึงสมรภูมิแรกที่เขาชนไก่ เมืองกาญจนบุรีเก่า

ถ้าเคยเห็นสภาพภูมิศาสตร์ของเมืองกาญจน์เก่า จะเห็นได้ว่ามันคือป้ิอมค่ายดีๆนี่เอง ชัยภูมิดีแท้ อย่างไรก็ตาม พม่าก็ยึดได้เสมอมา

เมื่อตีเมืองกาญจน์เก่าได้แล้ว ก็มาประชุมทัพที่ปากแพรก แล้วยกขึ้นตามลำน้ำทวน เข้าแม่น้ำจรเข้สามพัน เดินลัดเข้าท่าจีนและตีเมืองสุพรรณเป็นเป้าหมายต่อไป

สุพรรณบุรีก็เช่นเดียวกับกาญจนบุรี เป็นเมืองขนาดมหึมา บริเวณอื้ออลด้วยชลธี ประหนึ่งเกาะอสุรีลงกาเช่นเดียวกับกรุงศรีอยุธยา คันค่ายขอบคูก็ดูลึก ไม่น่าศึกอ้ายพม่าจะมาได้...

กลับมาที่ดอนเจดีย์ต่อ จากผลการวิจัยสรุปได้แน่ขัดว่า เป็นเ้ส้นทางคมนาคมมาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์แน่นอน และยังใช้มาเรื่อยๆจนกรุงศรีอยุธยา

แต่สมัยรัตนโกสินทร์ พม่าไม่มาทางนี้แล้ว เพราะรู้แกวว่ากทม. อยู่ต่ำใต้ลงมา จะยกขึ้นเหนือไปตีสุพรรณทำไม สู้ลอยมาตามแม่กลอง เข้าตีราชบุรีทางใต้ ดีกว่า ดังนั้น สมัยรัตนโกสินทร์ ร.2 จึงโปรดให้ย้ายราชบุรีข้ามฝั่งมาฝั่งตะวันออกเสีย จะได้รับทัพพม่าง่ายขึ้น

ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ทรงให้ย้ายเมืองกาญจนบุรีมาอยู่ปากแพรก เพราะเป็นเส้นทางสบกันของแควน้อยแควใหญ่ รับทัพพม่า ที่มุ่งมาทางแม่กลองได้ง่ายกว่า (พม่าไม่ยกทัพขึ้นเหนือทางแม่น้ำทวนแล้วครับ แต่จะยกลงตามแม่กลอง ดังนั้น เมืองกาญจน์ใหม่จึงต้องมารับตรงปากแพรก)


ป้ิอมเมืองกาญจนบุรีเก่าครับ ตัวเมืองอยู่สูงมาก จะีตีก็ต้องวิ่งขึ้นมาจากแม่น้ำ (มีแม่น้ำแควใหญ่กั้น)

สภาพอันน่าสังเวชใจของคูเมืองสุพรรณบุรี

ทั้งๆที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้.....

กลับมาเรื่องดอนเจดีย์ดีกว่า จากปากแพรก ออกเดินทางตามลำน้ำทวน สถานที่แรกที่จะมาถึง คือ บ้านหนองขาว ชื่อนี้ปรากฏในแผนที่สมัยรัชกาลที่ 3 ด้วย มีหลักฐานสำคัญคือ วัดหนองขาว

แถบนี้นิยมพระป่าเลไลยก์มากครับ ตั้งแต่สุพรรณมายันวัดขุนแผน วัดหนองขาว ไม่ทราบว่าทำไมเช่นกัน คงเป็นสกุลช่างภาคตะวันตก

แถบบ้านหนองขาวนี้ ก็เป็นชุมชนใหญ่พอดู มีวัดพอสมควร เช่นวัดอินทาราม วัดหนองขาว และวัดใหญ่ดงรัง ซึ่งมีตำนานเล่าว่า ขุนไกร บิดาของขุนแผนมาเรียนวิชาจากวัดนี้

หอระฆังวัดใหญ่ดงรังครับ เป็นของเก่าเอามารีโนเวท ยังมีวิหารเก่าในวัดด้วยเป็นซากๆ

จากบ้านหนองขาว ก็จะถึุงทุ่งสมอ สักพักนึง หักเลี้ยวลงใต้ ก็เป็นดอนเจดีย์ครับ

วัดทุ่งสมอ...

ดอนเจดีย์....

ปูนปั้นประดับครับ อะไรสักอย่าง คาดว่าเล่นมลายูรำกริช หรือตัดดอกไม้ฉายกริช

จบทริปน้อยๆแล้วครับ จริงๆออกจากดอนเจดีย์ก็จะเข้า พนมทวน ลาดขาม พังตรุ ดอนตาเพชร หนองหวาย เข้าจรเข้สามพัน ออกอู่ืทอง ไปสวนแตง ซึ่งมีแต่สถานที่น่าสนใจทั้งนั้น โดยเฉพาะโบราณสถานเก่าแก่ต่างๆ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวกับสงครามไทย พม่าก็มี อย่างวัดลาดขาม...

อาภรณ์เครื่องม้าจากพิพิธภัณฑ์วัดแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าของไทยหรือพม่า..

ลองทำดูครับ แบบขาวๆ

แบบลายเส้นครับ

ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ  ;D

กลัวบอร์ดร้าง เลยพาไปเที่ยวน่ะ

เรื่องเจดีย์ยุทธหัตถีที่สุพรรณบุรีนี้  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชบันทึกไว้ในจดหมายเหตุรายวันส่วนพระองค์เมื่อ คราวทรงนำเสือป่าและลูกเสือเดินทางไกลไปบวงสรวงสังเวยพระเจดีย์ยุทธหัตถีที่ดอนเจดีย์ว่า

วันที่  ๒๗  มกราคม  พ.ศ. ๒๔๕๖ เวลาย่ำรุ่งครึ่งออกเดินจากตำบลบ้านโข้ง... เวลาเช้า ๓ โมงครึ่งถึงที่พักร้อน  ตำบลดอนระฆัง  ระยะทาง ๓๐๐ เส้น ฯ

พักร้อนที่ดอนระฆัง  ที่ดอนระฆังนี้อยู่กลางทุ่ง  และมีแนวค่ายคูอยู่ด้วย  ซึ่งเฃ้าใจว่าเปนค่ายรามัญแห่ง ๑ เหมือนกัน  และนอกจากที่นี้ก็ได้พบค่ายในทุ่งตามทางอีก  เพราะทางนี้เปนทางมหาอุปราชาเดินทัพครั้งที่สุดนั้น ฯ

พักแรมตำบลดอนพระเจดีย์  เวลาบ่าย ๓ โมง  ๑๕ นาที  ออกเดินทางจากตำบลดอนระฆัง...  ถึงที่พักแรมตำบลดอนพระเจดีย์  เวลาบ้าย ๕ โมง ๑๕ นาที  ระยะทางจากดอนระฆัง ๑๙๐ เส้น  รวมทั้ง ๒ ระยะเปน ๔๙๐ เส้น  ทางที่ผ่านมาเปนทุ่งโดยมาก ฯ

พระเจดีย์พระนเรศวร  ที่ตรงหน้าพลับพลาที่พักนี้ออกไป  มีฐานพระเจดีย์ก่อด้วยอิฐ ๑๐ วาจัตุรัส  พระเจดีย์ทลายเสียแล้ว  แต่ทักษิณยังอยู่พอที่จะเห็นได้ว่าเปนพระเจดีย์แบบศุโขทัย  คือฐานชั้นทักษิณเปนรูป ๘ เหลี่ยม  มีคูหารองคล้ายๆ วัดช้างล้อมที่สวรรคโลกและเจดีย์อื่นๆ ที่ศุโขทัยอีกเปนอันมาก  พอพิจารณาดูขนาดและลักษณแห่งพระเจดีย์แล้ว  เราก็ทำยอมตามความเห็นกรมพระดำรงว่า  พระเจดีย์องค์นี้แน่แล้วคือองค์ที่มีกล่าวไว้ในพงษาวดารว่า สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงสร้างขึ้นเปนเครื่องหมายที่ชนช้างกับพระมหาอุปราชาฯ  ในชั้นเดิมที่ค้นไม่พบเพราะเหตุที่มัวไปค้นหาที่กระพังกรุตามข้อความที่กล่าวไว้ในพงษาวดารฉบับที่พิมพ์ไว้แล้วแต่ก่อนนี้  ต่อมาได้พงษาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์  จึ่งได้เค้าเงื่อนให้ค้นกันใหม่  คือให้ค้นที่ริมๆ หนองสาหร่าย  จึ่งพบพระเจดีย์องค์นี้  ซึ่งเปนพระเจดีย์ใหญ่  สร้างด้วยฝีมืออันประณีต  ตั้งอยู่โทนๆ  ไม่มีวัดวาอารามอะไรอยู่ใกล้เคียงเลย  ยิ่งมาดูองค์พระเจดีย์และพิจารณาภูมิที่ประกอบด้วยแล้วยิ่งจะต้องเชื่อมากขึ้น  คือภูมิที่นั้น  คิดดูระยะทางระหว่างค่ายพระนเรศวรที่หนองสาหร่ายกับค่ายมหาอุปราชาตำบลดอนระฆัง  และคิดว่าต่างคนต่างยกทัพออกเดินก็จะต้องพอเหมาะปะทะทัพที่ตำบลดอนพระเจดีย์นี้เอง ฯ

ภาพเจดีย์ยุทธหัตถีที่ดอนเจดีย์เมื่อแรกสำรวจพบในรัชกาลที่ ๖

อีกตอนหนึ่งทรงพระราชบันทึกไว้เมื่อวันบวงสรวงสังเวยพระเจดีย์ยุทธหัตถี  เมื่อวันพุธที่  ๒๘  มกราคม  พ.ศ. ๒๔๕๖  มีความตอนหนึ่งว่า

เหตุที่มารบกันที่ดอนพระเจดีย์นี้  อนึ่งมีข้อซึ่งคนโดยมากอาจจะตั้งเปนปัญหาถามได้  คือว่าพระมหาอุปราชาได้ยกเฃ้ามาตั้งค่ายพักพลที่กระพังกรุแล้ว  เมื่อจะเดินทัพทำไมไม่เดินตัดตรงไปป่าโมกข์  ทำไมจึ่งเดินวกขึ้นมาทางเหนือจนได้มาปะทะรบกับทัพสมเด็จพระนเรศวรที่ดอนพระเจดีย์นี้  ปัญหาข้อนี้จะได้แลเห็นคำตอบอยู่เองเมื่อได้พิจารณาดูภูมิประเทศ  คือจะแลเห็นได้ว่าที่ซึ่งจะยกทัพฃ้ามได้ทางฃ้างใต้นั้นไม่มี  มีอยู่แต่ทางฃ้างเหนือนี้  จึ่งต้องยกขึ้นมาเพื่อจะฃ้ามได้สะดวก  สมเด็จพระนเรศวรก็ทรงทราบความข้อนี้ดีอยู่  จึ่งยกทัพขึ้นมาดักที่หนองสาหร่ายนี้  พิจารณาได้ความดังนี้แล้วก็เปนอันสิ้นข้อควรสงไสยต่อไป ฯ

เรื่องเจดีย์ยุทธหัตถีทั้งที่พนมทวนและดอนเจดีย์เถียงกันไปก็ยังไม่มีข้อสรุปไหนจะมีที่วัดใหญ่ชัยมงคลอีก ตามข้อสันนิษฐาน108 แต่ผมสนใจเจดีย์สามองค์มากกว่าว่ามีแต่เดิมมาตั้งแต่เมื่อใด สร้างมาทำไม รูปทรงแต่เดิมเป็นอย่างไร เห็นแต่ในจิตรกรรมฝาผนังที่วัดบางแคใหญ่ สมัย ร.2 ซึ่งไม่รู้ช่างเขียนตามจินตนาการหรือได้ไปเห็นของจริงมา

อยากจะมีเวลาไปเที่ยวสำรวจอีก คิดถึงสมาชิกทุกคนเลย ....

ยอดเยี่ยม.....ไม่ผิดหวังครับ.......กราบขอบพระคุณมากครับ.............ตั้งใส่ใส่เครดิต "Kurukula" 

คงไม่ขัดข้องนะครับ



 ;D

ลองทาบเลเยอร์แล้ว.....แมทช์กันเป๊


เรื่องเจดีย์..............องค์ไหนแท้/ปลอม....เข้าใจว่าเลิกเถียงกันนานแล้วนี่นา..........

 :-X

อันนี้เป็นเพียงภาพร่่างครับ ยังทาบกันได้ไม่สนิทนัก แต่ึคงพอกล้ิอมแกล้ม

อยากทราบทฤษฏี การหาหลักฐานที่ตั้งของเจดีย์ยุทธหัตถีครับ
ขอรบกวนแนะนำด้วยครับ ...

ขออนุญาตยืนรอภาพจริงของคุณKurukula.............ไม่นั่งไม่นอนรอดอกครับ.....


 ;D

เจดีย์สามองค์ของคุณvirainน่าจะเป็นภาพเจดีย์ที่วาดตามความเคยมือของจิตรกรมากกว่า


เพราะสมัยนั้น..การจะเดินทางไปดูของจริง..ใช่ว่าทำได้ง่ายๆ.............ช้าง/ม้า/เรือ/แพ/เท้า/ กับขี่หลังเพื่อนนั่นแหละ.ถึงไปเจดีย์สามองค์ได้



ขนาดเมื่อไม่กี่สิบปีที่แล้ว.......จะไปแค่ทองผาภูมิ.ยังต้องใช้เวลานั่งเรือหางยาวจากกาญจน์นับสิบชั่วโมง(ถ้าจำไม่ผิด)

ถนนสายลาดหญ้า-เจดีย์สามองค์เพิ่งเริ่มสร้างเมื่อประมาณปี 2510-11นี้เอง



จากตำนาน....เจดีย์สามองค์เกิดจากการที่คนพื้นบ้านโยนหินใส่จุดเขตแดนไทย-พม่าเพื่อรู้เขต.....จนเป็นกองโตขึ้นเรื่อยๆ.สร้างเพิ่มในแบบเจดีย์มอญ
ในตราจังหวักาญจน์จะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง

โลโก้.จังหวักาญจนบุรี  ที่ถูกต้องจึงควรเป็นรูปเจดีย์แบบมอญ...ไม่ใช่ยอมุมไม้สิบสอง



แต่ใจผมชอบเจดีย์ของคุณvirain มากๆ........สวยกว่า

ภาพเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ที่คุณsrisiam หมายถึงคงเป็นภาพเขียนจากวัด..?.. ที่อัมพวา
ที่พี่ยีนส์เอามาลงไว้ ...
เพิ่งรู้ว่าเขาเถียงกันจบไปแล้วนะครับ ว่าหนองสาหร่าย ดอนเจดีย์ อยู่ตรงไหน ??
ประเทศไทยอยู่ดีๆก็ชอบทำอะไรหายกันหน้าตาเฉย เนอะครับ...

ไม่ใช่ว่าหาย แต่มันไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมจะให้ทำยังไงล่ะครับ สู้พักไว้ก่อนไปทำอย่างอื่นก่อนดีกว่า เหมือนเราทำแกงมัสมั่นถ้าตั้งไฟเสร็จแล้วกินเลย มันก็ไม่อร่อย ต้องเคี่ยวซะก่อน รอไปดูทีวีไป เย็นๆึค่อยกินถึงจะอร่อย อิอิ