เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ก.ค. 15, 08:43



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ก.ค. 15, 08:43
ต่อจากกระทู้ สัตว์ประหลาด ๓

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5920.msg145918#msg145918 (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5920.msg145918#msg145918)

สปีชีส์ที่ยังคงมีชีวิตอยู่บนพื้นโลก มีเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้นที่เรารู้จัก  ส่วนที่เหลือที่เราไม่รู้จักและคุ้นเคยอาจนับได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดโดยแท้  และในบรรดาสัตว์ประหลาดเหล่านั้น ก็มีเพียงเศษเสี้ยวเดียวอีกเหมือนกันที่ถูกนำมาเสนอในกระทู้นี้

ระหว่างที่นักวิทยาศาสตร์จากองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ Commonwealth Scientific and Industrial Research  Organisation (CSIRO)  สำรวจปล่องภูเขาไฟโบราณนอกชายฝั่งออสเตรเลีย สิ่งแถมมาด้วยคือพบปลาประหลาดสีดำเป็นมัน ไม่มีเกล็ดตัวจิ๋ว มีเขี้ยวดูน่ากลัว  ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นปลาอะไร


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ก.ค. 15, 08:51
นอกจากนั้นยังพบปลาในวงศ์ Chauliodontidae (http://species-identification.org/species.php?species_group=fnam&id=255&menuentry=groepen) ซึ่งมีลำตัวยาว ฟันหน้าใหญ่แหลมคม (ซ้าย) และปลาในวงศ์ Idiacanthidae (http://species-identification.org/species.php?species_group=fnam&id=275&menuentry=groepen) รูปร่างยาวคล้ายปลาไหล (ขวา) ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าเป็นสปีชีส์ใหม่หรือไม่

ภาพและเรื่องจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3160068/Terrifying-looking-fish-species-lurking-near-newly-discovered-undersea-volcano-coast-Sydney.html)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ก.ค. 15, 16:07
เมื่อต้น พ.ศ. ๒๕๕๕ นักประดาน้ำชาวญี่ปุ่นโยจิ โอกาตะ (大方洋二) ได้ค้นพบประติมากรรมลึกลับใต้ท้องทะเล แถวชายฝั่งทะเลตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ลักษณะเป็นเนินตะกอนทราย รูปวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบสองเมตร โดยรอบมีริ้วคลื่นบนพื้นผิวกระจายตัวในแนวรัศมี วางตัวอยู่บนพื้นทะเลลึกประมาณ ๒๕ เมตร

ครั้งแรกโยจิ โอกาตะ ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดจากอะไร  เป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ หรือเป็นเพียงผลงานของสัตว์เล็ก ๆ ก้นทะเลนี่เอง มันจะเป็นตัวอะไรกันแน่ ขอเชิญช่วยโอกาตะคิดซิว่าเป็นฝีมือของสัตว์ประเภทใด  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.ค. 15, 19:46
หนอนทะเล มุดทรายใต้สมุทร?


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.ค. 15, 08:29
http://youtube.com/watch?v=H2Y1MIdj4sg#ws (http://youtube.com/watch?v=H2Y1MIdj4sg#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ก.ค. 15, 15:24
หลังจากที่โอกาตะค้นพบวงกลมประหลาดใต้น้ำ เขาได้ติดต่อทีมงานของ NHK (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%84) เพื่อมาทำการสำรวจเพิ่มเติม และหลังจากการตั้งกล้องบันทึกภาพ ก็พบว่าเป็นฝีมือของปลาปักเป้าตัวผู้ โดยมันจะสร้างวงกลมประหลาดนี้เพื่อดึงดูดตัวเมีย และตรงกลางจะเป็นตะกอนทรายขนาดละเอียดมาก เพื่อใช้เป็นแหล่งวางไข่ โดยสร้างริ้วรอยเพื่อลดกระแสคลื่นน้ำที่จะมารบกวน

http://www.youtube.com/watch?v=WIbdnx7Q-JU#ws (http://www.youtube.com/watch?v=WIbdnx7Q-JU#ws)

รังรักของปลาปักเป้านี้จะถูกใช้งานเพียงครั้งเดียว ตัวผู้จะลงทุนสร้างรังใหม่ในบริเวณอื่น ซึ่งสันนิษฐานว่าที่เดิมอาจจะไม่มีตะกอนทรายขนาดละเอียดมากพอสำหรับการวางไข่ในครั้งต่อไป

ปลาปักเป้าตัวนี้เป็นสัตว์สปีชีส์ใหม่ เพิ่งตั้งชื่อวิทยาศาสตร์เป็นทางการเมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๗) นี้เอง ชื่อของมันคือ  ปลาปักเป้าจุดขาว White-spotted pufferfish Torquigener albomaculosus (https://en.wikipedia.org/wiki/Torquigener_albomaculosus)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ก.ค. 15, 15:43
มาดูการสร้างห้องหอรอรักของไอ้หนุ่มปักเป้าญี่ปุ่นกัน ;D

http://youtube.com/watch?v=C1hnegnfD9g#ws (http://youtube.com/watch?v=C1hnegnfD9g#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 21 ก.ค. 15, 18:27
สุดยอดสถา'ปลา'นิก ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ก.ค. 15, 10:43
การไขปริศนาของประติมากรรมลึกลับในธรรมชาติบางอย่างไม่ง่ายเหมือนรักรังของปลาปักเป้าญี่ปุ่นนี้ จำได้ไหมถึงการค้นพบประติมากรรมประหลาดในป่าอเมซอนเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว

เป็นเวลากว่า ๓ เดือนแล้วที่ทรอย อเล็กซานเดอร์ (Troy Alexander) นักศึกษาปริญญาเอกของจอร์เจียเทค (Georgia Tech) ได้สอบถามไปยังไป reddit.com (http://www.reddit.com/r/whatsthisbug/comments/1l6uaj/seriously_who_makes_egg_cases_like_this_just/) ถึงใยประหลาดที่เขาพบมีลักษณะเป็นเสาตรงกลาง ล้อมรอบด้วยรั้ววงกลมกว้างประมาณ ๒ เซ็นติเมตร อยู่กลางป่าอเมซอนที่เปรู คำตอบที่ได้มีตั้งแต่ดักแด้ของผีเสื้อกลางคืน, ใยแมงมุม, เชื้อรา หรือแม้กระทั่งเป็นสถานีส่งสัญญาณเพื่อติดต่อไปยังแมงมุมต่างดาว  ;D  แต่ยังไม่มีใครสามารถสรุปได้ว่าคำตอบที่ถูกต้องนั้นคืออะไร

ปริศนาที่รอคำตอบ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=45053;image)

ผ่านไปครึ่งปี ฟิล ตอร์เรส (Phil Torres) นักชีววิทยาจากศูนย์วิจัยทัมโบพาตา (Tambopata Research Center) ก็นำทีมนักกีฏวิทยาจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา สหรัฐอเมริกา คือ ลารี รีฟส์ (Lary Reeves) และ กรีนา ฮิลล์ (Geena Hill) ลงพื้นที่สำรวจ พร้อมด้วย  เจฟฟ์ ครีเมอร์ (Jeff Cremer) ช่างภาพ

เป้าหมายในการเดินทางสำรวจของพวกเขาคือการค้นหาโครงสร้างแบบเดียวกันนี้ และค้นหาว่าตัวอะไรที่สร้างใยดังกล่าวขึ้นมา รวมถึงพยายามหาคำตอบว่า “หอคอย” ที่มี “รั้ว” อยู่ล้อมรอบนี้มีหน้าที่อะไร ซึ่งตลอดเส้นทางสำรวจ ๒๐๐ เมตรในป่าอเมซอน พวกเขาได้พบใยปริศนาดังกล่าวถึง  ๔๕ รัง และหลังจากใช้เวลาสำรวจทั้งวันทั้งคืน พวกเขาก็ได้คำตอบว่า “แมงมุม” คือตัวการที่ชักใยดังกล่าว และพบมีถุงไข่เล็ก ๆ อยู่ภายในฐานของใยรูปหอคอย มี ๓ ถุงที่พวกเขาพบลูกแมงมุมฟักออกมา

ข่าวจาก ผู้จัดการ (http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000159446&Html=1&TabID=3&)

ปริศนาส่วนหนึ่งได้รับการไขแล้ว

ซ้าย - ไข่ในถุงใต้ฐานใยรูปหอคอย  ขวา - ลูกแมงมุมที่ฟักออกมาจากไข่ในถุง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ก.ค. 15, 10:58
แมงมุมที่พบนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชนิดใด อาจเป็นแมงมุมสปีชีส์ใหม่ก็ได้ และตราบใดที่ยังไม่มีภาพการสร้างใยแมงมุมประหลาดนี้ ก็ยังยืนยันไม่ได้ ๑๐๐ % ว่า เจ้าแมงมุมตัวนี้เป็นผู้สร้างขึ้นมา

http://www.youtube.com/watch?v=evUdZq6vEvA#ws (http://www.youtube.com/watch?v=evUdZq6vEvA#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ก.ค. 15, 09:58
สุดยอดสถา'ปลา'นิก ;D

ปลาปักเป้าญี่ปุ่น กับ แมงมุมเปรู แม้สามารถสร้างประติมากรรมได้สุดยอดพิสดารเพียงใด ก็จัดได้ว่าเป็นเพียง "ช่างก่อสร้าง" เท่านั้น เพราะพิมพ์เขียวของประติกรรมเหล่านั้นบรรจุอยู่ใน ยีน (gene) บนโครโมโซม (chromosome)  (http://www.phanphit.ac.th/arunya/Biology/bio011.htm) ในเซลล์ของมันเอง เขียนแบบโดย "สุดยอดสถาปนิก" ตัวจริงคือ "ธรรมชาติ" นั่นเอง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 23 ก.ค. 15, 12:44
สุดยอดสถา'ปลา'นิก ;D

ปลาปักเป้าญี่ปุ่น กับ แมงมุมเปรู แม้สามารถสร้างประติมากรรมได้สุดยอดพิสดารเพียงใด ก็จัดได้ว่าเป็นเพียง "ช่างก่อสร้าง" เท่านั้น เพราะพิมพ์เขียวของประติกรรมเหล่านั้นบรรจุอยู่ใน ยีน (gene) บนโครโมโซม (chromosome)  (http://www.phanphit.ac.th/arunya/Biology/bio011.htm) ในเซลล์ของมันเอง เขียนแบบโดย "สุดยอดสถาปนิก" ตัวจริงคือ "ธรรมชาติ" นั่นเอง

นกกระจาบก็อยู่ในกรณีเดียวกันใช่ไหมคะ คือเป็นเพียงช่างก่อสร้าง ไม่ใช่ สถาป'นก' 


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ก.ค. 15, 13:57
ความจริงชอบคำ สถา'ปลา'นิก กับ สถาป'นก' ของคุณแอนนา เสียดายที่ไม่สื่อถึงความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์

ที่เราเห็นบ่อย ๆ เป็นรังของนกกระจาบธรรมดา (Baya weaver - Ploceus philippinus) ท่าน "ธรรมชาติ" นอกจากจะเป็นสถาปนิกใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้บงการกำหนดให้ "เพศผู้" มีหน้าที่สร้างบ้าน อย่างเช่นปลาปักเป้าญี่ปุ่น แมงมุมเปรูก็น่าจะเป็นอย่างนั้น นกกระจาบธรรมดาตัวผู้ก็เป็นผู้สร้างรัง

มนุษย์เราก็เช่นกัน การสร้างเรือนหอรอรักเป็นภาระของเพศชาย   ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ก.ค. 15, 15:41
อยากจะเรียกว่า สถาป'มด' อยู่เหมือนกัน  ;)

มดไม่ใช่สัตว์ประหลาด  แต่ประติมากรรมรังมดทำด้วยอลูมิเนียม อาจยังไม่มีใครเคยเห็นกัน

http://www.youtube.com/watch?v=iSTxoTynu_g#ws (http://www.youtube.com/watch?v=iSTxoTynu_g#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ก.ค. 15, 12:58
สัตว์ทะเลที่สร้างความพิศวงงงงวยให้แก่มนุษย์มาช้านานตัวหนึ่งคือ หมึกยักษ์ เมื่อปรากฏในภาพยนตร์ทั้งจอแก้วและจอเงินทำความตื่นเต้นให้ผู้ดูอยู่เสมอ

รวมทั้งเมื่อมาปรากฏตัวที่เรือนไทยด้วย  ;D

วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ หมึกยักษ์ถูกจับได้โดยเรือหาปลา ซาน แอสไปริง ของนิวซีแลนด์ นอกชายฝั่งทวีปแอนตาร์กติกา และนำขึ้นเรือกลับมาศึกษา ความยาวรวม ๑๐ เมตร หนัก ๔๙๔ กิโลกรัม ถือว่าเป็นหมึกขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยจับได้

ใหญ่แบบนี้มีด้วยหรอ คุณเพ็ญฯ ???

หมึกยักษ์ตัวนี้คุณเทาชมพูเคยพาแสดงแล้วเมื่อ ๓ ปีก่อน

สัตว์ที่เอามาโชว์ในค.ห.นี้  เป็นตัวจริง  ไม่ใช่รูปตัดต่อ  ชื่อ Colossal  squid  ปลาหมึกยักษ์คนละแบบกับที่เล่นหนัง The Pirates of the Caribbean

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=10533;image)



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ก.ค. 15, 14:34
วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ที่ผ่านมามีคลิปเผยแพร่โดย LiveLeak เป็นภาพลูกเรือของเรือประมงรัสเซียกำลังเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับหมึกยักษ์  สุดท้ายหมึกยักษ์ก็เป็นฝ่ายชนะ หนีรอดไปได้

http://www.youtube.com/watch?v=7ZEN85kj2-s#ws (http://www.youtube.com/watch?v=7ZEN85kj2-s#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ก.ค. 15, 15:10
หมึกยักษ์นิวซีแลนด์ตัวแรก กับ หมึกยักษ์รัสเซียตัวที่สอง คนไทยเห็นก็เรียกหมึกยักษ์เหมือนกัน แต่มันเป็นหมึกคนละชนิดกัน

หมึกยักษ์นิวซีแลนด์ ฝรั่งเรียกว่า Colossal squid (Mesonychoteuthis hamiltoni) พบแถวทวีปแอนตาร์กติก ขึ้นไปทางใต้ของทวีปอเมริกาใต้, ทางใต้ของทวีปแอฟริกา และทางใต้ของนิวซีแลนด์  

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=10533;image)

ส่วนหมึกยักษ์รัสเซีย ฝรั่งเรียกว่า Giant squid (Architeuthis sp.) พบได้ทั่วโลก

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=58244;image)

ดูจากลักษณะและถิ่นอาศัย หมึกยักษ์นิวซีแลนด์คือ Colossal squid  ส่วนหมึกยักษ์รัสเซียคือ Giant squid


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ก.ค. 15, 16:02
วันที่ ๙ มกราคม ปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๗) เว็บไซต์เดอะอีพอชไทมส์ รายงานว่า หมึกยักษ์ยาวกว่า ๔๘ เมตร เกยตื้นบนชายหาดซานตา โมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นผลจากกัมมันตรังสีที่รั่วไหลที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ซึ่งนั่นได้เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของหมึกให้มีขนาดใหญ่ยักษ์ดังที่เห็น

เชื่อหรือไม่ ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 27 ก.ค. 15, 18:29
วันที่ ๙ มกราคม ปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๗) เว็บไซต์เดอะอีพอชไทมส์ รายงานว่า หมึกยักษ์ยาวกว่า ๔๘ เมตร เกยตื้นบนชายหาดซานตา โมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นผลจากกัมมันตรังสีที่รั่วไหลที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ซึ่งนั่นได้เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของหมึกให้มีขนาดใหญ่ยักษ์ดังที่เห็น

เชื่อหรือไม่ ;)

นึกถึงหนังเรื่องหนึ่ง ที่พระเอกเป็นด็อกเตอร์(แต่ไม่ได้ชื่อประกอบนะคะ) ได้ทดลองอะไรสักอย่างแล้วเกิดพลาดพลั้งฉายรังสีโดนตัวเอง ทำให้ร่างกายเขาขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นยักษ์ตัวสีเขียว


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 28 ก.ค. 15, 01:06
ต้องมีปลอมซักอันสิน่า


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 28 ก.ค. 15, 01:14
คลิปกะลาสีรัสเซียกับหมึกกล้วยยักษ์  ดูแล้วไม่ใช่การล่าหมึกยักษ์  หากแต่เป็นการตกปลา  แต่หมึกกล้วยมันตามตอดปลามาจนถึงแคมเรือ  พอกะลาสีเอาตะขอกระทุ้งๆ  มันก็ผละไปเอง  พฤติกรรมเช่นนี้เหมือนหมึกกล้วย(ธรรมดา)ในอ่าวไทย  ที่ชอบตามตอดปลาที่นักท่องเที่ยวตกได้


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ค. 15, 09:30

นึกถึงหนังเรื่องหนึ่ง ที่พระเอกเป็นด็อกเตอร์(แต่ไม่ได้ชื่อประกอบนะคะ) ได้ทดลองอะไรสักอย่างแล้วเกิดพลาดพลั้งฉายรังสีโดนตัวเอง ทำให้ร่างกายเขาขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นยักษ์ตัวสีเขียว

The Incredible Hulk ค่ะ  ทำหลายครั้งตั้งแต่เป็นหนังชุดทางทีวีปี 1977   มาเป็นการ์ตูนแอนนิเมชั่น  และหนังใหญ่
ตัวอย่างจากหนังชุดปี 77 ค่ะ

 (http://www.youtube.com/watch?v=L_FZW6M-P7Y[/url)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 28 ก.ค. 15, 10:30
ใช่ค่ะ เรื่องนี้แหละค่ะ จำได้ว่าสนุกมาก


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ก.ค. 15, 13:17
คลิปกะลาสีรัสเซียกับหมึกกล้วยยักษ์  ดูแล้วไม่ใช่การล่าหมึกยักษ์  หากแต่เป็นการตกปลา  แต่หมึกกล้วยมันตามตอดปลามาจนถึงแคมเรือ  พอกะลาสีเอาตะขอกระทุ้งๆ  มันก็ผละไปเอง  พฤติกรรมเช่นนี้เหมือนหมึกกล้วย(ธรรมดา)ในอ่าวไทย  ที่ชอบตามตอดปลาที่นักท่องเที่ยวตกได้

พฤติกรรมหมึกกล้วยมันเป็นเช่นนั้นแล ขอบพระคุณคุณธสาครที่กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติม

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/ef/Thumbs_up_font_awesome.svg/512px-Thumbs_up_font_awesome.svg.png)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ก.ค. 15, 13:55
วันที่ ๙ มกราคม ปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๗) เว็บไซต์เดอะอีพอชไทมส์ รายงานว่า หมึกยักษ์ยาวกว่า ๔๘ เมตร เกยตื้นบนชายหาดซานตา โมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นผลจากกัมมันตรังสีที่รั่วไหลที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ซึ่งนั่นได้เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของหมึกให้มีขนาดใหญ่ยักษ์ดังที่เห็น

เชื่อหรือไม่ ;)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=58246;image)

คำตอบที่น่าสนใจเป็นของคุณธสาคร

ต้องมีปลอมซักอันสิน่า

ภาพปลอมคือภาพข้างบน

ส่วนภาพจริงคือ ๒ ภาพข้างล่างนี้

ซ้าย - ภาพวาฬเกยตื้นที่ชิลี พ.ศ. ๒๕๔๔  ขวา - ภาพหมึกยักษ์ (giant squid) ตัวจริงยาวเพียง ๙ เมตรเท่านั้น บนชายหาดที่สเปน พ.ศ. ๒๕๕๖



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ก.ค. 15, 16:17
http://www.youtube.com/watch?v=V8ODVqnd9ts#ws (http://www.youtube.com/watch?v=V8ODVqnd9ts#ws)

ภาพนี้มีคำบรรยายว่า หมึกยักษ์ยาว ๑๕ เมตร บนชายหาด Punakaiki นิวซีแลนด์ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘

ภาพไหนเป็นภาพจริง   ???


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ส.ค. 15, 11:05
ก่อนจะเชื่อภาพแปลก ๆ ในโลกโซเชียลมีเดีย ต้องสืบสวนให้แน่ใจว่าภาพเหล่านั้นเป็นภาพจริง อย่างภาพหมึกยักษ์บนชายหาดนิวซีแลนด์ข้างบน แท้จริงแล้วเป็นภาพหนึ่งในหมึกฮัมโบลต์ Humboldt squid (http://wikipedia.org/wiki/Humboldt_squid) Dosidicus gigas หลายตัว ซึ่งยาวประมาณเมตรกว่า ๆ เท่านั้นเอง ที่ถูกซัดเข้ามาเกลื่อนชายหาดของเกาะแวนคูเวอร์ ในรัฐบริติชโคลัมเบีย ของแคนาดาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๒

(http://www.cbc.ca/polopoly_fs/1.2180788.1382507554!/httpImage/image.jpg_gen/derivatives/16x9_460/bc-091009-tofino-squid.jpg)

ภาพและข่าวจาก CBSNEWS (http://www.cbc.ca/news/canada/british-columbia/b-c-squid-beachings-baffle-scientists-1.857318)

http://youtube.com/watch?v=KlIB3-i70-k#ws (http://youtube.com/watch?v=KlIB3-i70-k#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ส.ค. 15, 14:37
จริงรึเปล่า
http://caliser.com/author/simonerichard/ (http://caliser.com/author/simonerichard/)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ส.ค. 15, 08:14
จริงรึเปล่า

คลิปนี้ผูโพสต์บรรยายว่า "พบใกล้แม่น้ำซินนามารี (Sinnamary) ซึ่งอยู่ในประเทศเกียนาฝรั่งเศส (French Guiana) ทวีปอเมริกาใต้

http://youtube.com/watch?v=RoDrfymV8LM#ws (http://youtube.com/watch?v=RoDrfymV8LM#ws)

ดูแล้วน่าจะเป็นงูปลอม  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ส.ค. 15, 14:32
ตัวอะไรหนอ ลอยละล่องอยู่ในทะเลไทยนี้เอง รับรองว่าไม่ใช่ญาติกับแมงกะพรุนกล่อง  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ส.ค. 15, 20:09
หน้าตาแบบนี้ไม่ใช่แมงกะพรุนหรอกหรือคะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ส.ค. 15, 20:37
ญาติของมันคือตัวนี้ (คุณเทาชมพูเคยนำมาแสดงเมื่อปีที่แล้ว) ซึ่งก็ไม่ใช่แมงกะพรุนอีกนั่นแหละ  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 07 ส.ค. 15, 03:56
สมัยเรียน ไม่มีสื่ออินเตอร์เนตให้ค้นคว้า // มีแต่ภาพร่างขาวดำ เลือนๆ ผ่านเทคโนโลยีการโรเนียว // ท่องศัพท์ละตินกันเจื้อยแจ้ว  หาเคยเห็นแม้แต่รูปถ่ายไม่


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ส.ค. 15, 15:26
พระอินทร์ทรงทิ้งเครื่องใช้ไม้สอยของท่านไว้ในโลกมนุษย์หลายสิ่งด้วยกัน อย่างเช่น

กระสุนพระอินทร์

กระสุนพระอินทร์หลายหลากสีสัน หลายหลากสกุล

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=38213;image)

ส่วนที่เห็นล่องลอยในน้ำนี้คือแว่นตาของท่าน ชื่อว่า แว่นตาพระอินทร์ 

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=58569;image)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ส.ค. 15, 15:36
แว่นตาพระอินทร์  Porpita porpita บางคนก็เรียก กระดุมสีฟ้า  และบางทีก็เรียก แมงกะพรุนเหรียญ ประกอบด้วย ๒ ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่ลอยน้ำอยู่และกลุ่ม Hydroids (สัตว์ตัวเล็ก ๆ) ส่วนที่ลอยน้ำ มีสีน้ำตาลทอง แข็งเกือบแบน มีแก๊สอยู่ตรงกลาง ขนาดกว้างประมาณ ๑ นิ้ว  รอบ ๆ มีกลุ่ม Hydroids อยู่แบบเรียงแถวกันมีสีฟ้าน้ำเงินอมเขียวสว่างถึงเหลือง  ลักษณะคล้ายกับหนวดของแมงกะพรุน แต่ละตัวประกอบด้วยกิ่งก้านมากมายและมีปุ่มเซลล์ที่ทำให้เกิดการเจ็บปวดที่เรียกว่า  nematocysts การต่อยของกระดุมสีฟ้าไม่มีผลให้เกิดความเจ็บปวดแต่อาจทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองได้

ภาพถ่ายที่เกาะหลีเป๊ะโดย คุณอั้มแห่งพันทิป (http://pantip.com/topic/33647994)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ส.ค. 15, 15:45
สองตัวนี้อยู่ในวงศ์ (family) เดียวกันคือ Porpitidae ตัวซ้ายคือ Velella velella ชื่อสามัญคือ แมงกะพรุนเรือใบ (แม้มันจะไม่ใช่แมงกะพรุน) 

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=58578;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=58581;image)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 08 ส.ค. 15, 03:14
Porpita ตั้งชื่อว่า แว่นตาพระอินทร์ ไม่ค่อยสมชื่อ (สงสารพระอินทร์ด้วย คงเคืองตาแย่)
ยังดีที่ Velella ไม่ได้ชื่อ เรือใบพระอินทร์
กล้วยไม้นี้ชื่อ แส้พระอินทร์ หรือ หวายตะมอย หรือ เอื้องมะลิ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ส.ค. 15, 07:29
อ้างถึง
ส่วนที่เห็นล่องลอยในน้ำนี้คือแว่นตาของท่าน ชื่อว่า แว่นตาพระอินทร์ 

นี่คืออุปกรณ์ที่คุณหมอเพ็ญชมพูใช้สวมทับอินทรเนตรหรือเปล่า จึงได้ค้นหาอะไรได้เร็ว ลึก กว้าง กว่าคนอื่น ?


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ส.ค. 15, 16:55
มาจะกล่าวบทไป                  ถึงท้าวสหัสนัยน์ตรัยตรึงศา
สอดส่องทิพยเนตรเพื่อตรวจตรา   ใช้แว่นตาทำไมให้ป่วยการ


พระอินทร์ท่านมีตาทิพย์ ไม่ใช้แว่นตาดอก มนุษย์เรามโนไปเอง  ;D




กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 08 ส.ค. 15, 21:10
มาจะกล่าวบทไป                  ถึงท้าวสหัสนัยน์ตรัยตรึงศา
สอดส่องทิพยเนตรเพื่อตรวจตรา   ใช้แว่นตาทำไมให้ป่วยการ
ท้าวก็โยนทิ้งไปสู่โลกหล้า     ตกตรงหน้าคลีนิกแถวอิสาน
เลยมีคนเก็บไปไว้ใช้งาน       จนชำนาญดังตาสหัสนัยน์


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ส.ค. 15, 09:57
ใส่นานนานก็ให้คันระคายเนตร     แว่นวิเศษไม่คิดพิสมัย
วาสนาคงด้อยน้อยเกินไป          คนบ้านไกลรับต่อหนาเหมาะกว่าเอย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ส.ค. 15, 13:05
ลงเอยซะแล้ว ผมเป็นอันไม่ต้องต่อ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 11 ส.ค. 15, 09:23
จะว่าไป รูปร่างก็เหมือนคอนแทคเลนส์อยู่นะครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ส.ค. 15, 09:20
ใน พ.ศ. ๒๔๘๑ Kikutaro Baba (馬場 菊太郎) นักสังขวิทยา (ผู้ศึกษาเรื่องหอย - malanologist) ชาวญี่ปุ่นค้นพบทากทะเลพันธุ์ใหม่ Jorunna parva มีลักษณะเด่นคือบริเวณส่วนหัวจะมีส่วนที่คล้ายหู (rhinophore - ทำหน้าที่รับรส กลิ่น และสภาวะของสารเคมีในน้ำ) ลำตัวสีเหลือง และขาวจุดดำ ลักษณะเหมือนมีขนปุกปุย และมีหางเป็นพวงคล้ายกระต่าย  ทากทะเลตัวนี้อยู่ของมันเงียบ ๆ ตลอด ๗๐ ปี  จนกระทั่งวันหนึ่งมีภาพน่ารัก ๆ ของมันจากนักดำน้ำชาวญี่ปุ่นปรากฏในโลกอินเตอร์เน็ต คราวนี้แหละด้วยอิทธิพลของการสื่อสารสมัยใหม่  Jorunna parva ก็โด่งดังและเป็นที่รักของคนทั่วโลกในนาม "Sea Bunny" (กระต่ายทะเล)

http://www.youtube.com/watch?v=7n0t0iD6ae8#ws (http://www.youtube.com/watch?v=7n0t0iD6ae8#ws)

กระต่ายทะเลตัวนี้สามารถพบได้ตั้งแต่ฟิลิปปินส์จนถึงญี่ปุ่น เป็นที่น่าเสียใจว่าไม่พบในเมืองไทย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ส.ค. 15, 11:38
ในท้องทะเลไทยก็มีญาติของกระต่ายทะเลญี่ปุ่นอยู่เหมือนกันถึงแม้ว่าจะไม่คิกขุอะโนเนะเท่า  ;D

Jorunna funebris บางคนเรียกว่า กระต่ายน้อย ทากกระต่าย อีกชื่อหนึ่งฟังแล้วน่ากิน วุ้นกะทิ เจ้าตัวนี้มีดีอีกอย่างตรงที่สามารภผลิตสารที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและมะเร็งบางชนิดได้

http://youtube.com/watch?v=E9BjDXXmZpc#ws (http://youtube.com/watch?v=E9BjDXXmZpc#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ส.ค. 15, 14:27
กระต่ายน้อย Jorunna funebris  กำลังกินอาหารโปรด ฟองน้ำสีน้ำเงิน Xestospongia sp.

ภาพโดย รศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  (http://www.manager.co.th/science/ViewNews.aspx?NewsID=9580000089026)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ส.ค. 15, 21:18
ระส่ำ!! นกในนิวยอร์กแปรขบวนคล้ายหน้า"ปธน.รัสเซีย" ทั่วโลกหวั่นเป็นลางบอกเหตุ!?(มีคลิป)

เป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลก เมื่อ สมาชิกเว็บไซต์ youtube นามว่า Sheryl Gilbert ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ Strange behavior of birds (New York) เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์นกฝูงหนึ่งซึ่งกำลังบินอยู่เหนือท้องฟ้านครนิวยอร์ก ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในขณะที่ฝูงนกดังกล่าวกำลังแปรขบวนย้ายตำแหน่งกันไปมา ดันบังเอิญปรากฏเป็นภาพคล้ายใบหน้าของ "ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน" ของรัสเซีย อย่างน่าประหลาดใจ จนเกิดเป็นกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เป็นลางบอกเหตุสำคัญใดของโลกหรือไม่ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีกว่า สหรัฐฯและรัสเซียนั้น ต่างเป็นมหาอำนาจที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกันอย่างสุดขั้วมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำเอาชาวเน็ตทั้งหลายต่างวิจารณ์กันไปต่างๆนานา ว่า อาจเกิดเหตุการณ์สำคัญบางอย่างเกี่ยวกับประเทศทั้ง 2 ที่อาจจะส่งผลต่อคนทั้งโลกก็เป็นได้

http://www.tnews.co.th/html/content/157110/ (http://www.tnews.co.th/html/content/157110/)

 (http://www.youtube.com/watch?v=h-7-Ej_NuIg[/url)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 16 ส.ค. 15, 19:19
เร็วมากครับ เดี๋ยวเดียวเอง ช่างจินตนาการเป็นเลิศ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ส.ค. 15, 19:24
ที่เขาว่าเหมือนกัน เป็นอย่างรูปนี้ค่ะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ส.ค. 15, 19:37
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า pareidolia

           การมองเห็นเป็นหน้าคนนี้ ที่จริงแล้วอธิบายได้ด้วยปรากฏการณ์ทางจิตใจที่เรียกว่า pareidolia

          มาจากภาษา Greek - para- ("beside", "with", or "alongside"—
meaning, in this context, something faulty or wrong) และ
eidolon ("image")

           มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมองเห็นอะไรต่อมิอะไร ออกมาคลับคล้ายเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ที่ตนเอง
คุ้นเคยอยู่ ผลที่ได้จึงเป็นภาพมายาที่สมองมนุษย์ปรุงแต่งวาดให้เข้ากับตัวตน

ดูแล้วเหมือน ยูล บรินเนอร์ มากกว่า  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ส.ค. 15, 08:54
และปรากฏการณ์ที่ฝูงนก (ส่วนมากจะเป็นนก Starling ภาษาไทยเรียกว่า นกกิ้งโครง) มารวมตัวกันและเปลี่ยนเป็นรูปทรงต่าง ๆ  พร้อมกัน เรียกว่า Murmuration  นักปักษีวิทยา (ornithologist)บอกว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ช่วยในการหาอาหาร และสร้างกลไกปกป้องนกไม่ให้กลายเป็นเหยื่อของนักล่า เช่นเหยี่ยว ที่มักจะล่าเหยื่อที่อยู่ตามลำพัง ไม่ค่อยโจมตีนกฝูงใหญ่

http://www.youtube.com/watch?v=8qwdgHOGgTc#ws (http://www.youtube.com/watch?v=8qwdgHOGgTc#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ส.ค. 15, 14:18
ปรากฏการณ์ Murmuration พบในปลาได้เช่นกัน

http://www.youtube.com/watch?v=W3oz3IbZ_7A#ws (http://www.youtube.com/watch?v=W3oz3IbZ_7A#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ส.ค. 15, 09:51
คลิปนี้เผยแพร่เมื่อวานนี้เอง เป็นภาพจากล้องของยานใต้น้ำบังคับทางไกล remotely operated vehicle (ROV) เผยให้เห็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งกำลังลอยละล่องใต้ท้องทะเลในอ่าวเม็กซิโกที่ความลึกประมาณ ๑,๐๐๐ เมตร

http://www.youtube.com/watch?v=LWDJPfPKsiA#ws (http://www.youtube.com/watch?v=LWDJPfPKsiA#ws)

ถ้าไม่บอก คงไม่นึกว่ามันคือแมงกะพรุนสายพันธุ์หนึ่งชื่อว่า Stygiomedusa gigantea เป็นแมงกะพรุนน้ำลึกขนาดยักษ์ ส่วนที่เป็นร่มขนาดประมาณ ๑ เมตร ส่วนที่เป็นสายสี่สายยาวประมาณ ๖ เมตร พบได้ทั่วไปในทะเลต่าง ๆ ทั่วโลก แต่นาน ๆ จะพบที มีรายงานว่าในรอบ ๑๑๐ ปีมีรายงานว่าพบเจ้าตัวนี้ ๑๑๕ ครั้ง หรือปีละครั้งเท่านั้นเอง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 15, 15:49
น่ากลัวมาก  ส่วนหัวมันเหมือนฟักทองวันฮัลโลวีน มีแสงเรืองๆด้วย   หวังว่าคงไม่มีพิษนะคะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ส.ค. 15, 21:07
 หวังว่าคงไม่มีพิษนะคะ

ปรกติแมงกะพรุนส่วนมากจะมีเข็มพิษ (sting) ที่หนวด (tentacle) แต่แมงกะพรุนยักษ์ตัวนี้ไม่มีเข็มพิษแต่ใช้ความยาวของหนวดในการโอบรัดเหยื่อ  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 22 ส.ค. 15, 13:34
ปกติ แมงกระพรุนจะมีระบบประสาทควบคุมการเคลื่อนไหวน้อยมาก (ประมาณแค่หุบร่ม-กางร่มแค่นั้น) ใช้กระแสน้ำเป็นตัวช่วยในการเดินทาง // แต่จากคลิป แมงกระพรุนชนิดนี้ แสดงท่ากระบิดกระบวนได้มาก  ประกอบกับคุณเพ็ญชมพูบอกว่ามันสามารถใช้หนวดโอบรัดเหยื่อได้ // แสดงว่าแมงกระพรุนชนิดนี้มีระบบประสาทพัฒนาไปมาก  สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของหนวดได้ด้วย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ส.ค. 15, 11:16
สัตว์ประหลาดจากเวียดนาม ตามข่าว  (http://www.news3a.com/2015/06/dinosaur-fish-appears-in-vietnam.html) ชาวบ้านที่นั่นเชื่อว่าเป็น "ปลาไดโนเสาร์"

คุณธสาครดูออกไหมว่าเป็นตัวอะไร  ;)



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 ส.ค. 15, 18:39
นี่มันปลาไหลแก่ช่วงที่กำลังแปลงร่างเป็นพังพอนนี่ครับ  แม่เล่าให้ฟังตั้งแต่เด็กว่าปลาไหลพอแก่ๆ จะกลายเป็นพังพอนสู้กับงูเห่า  รูปนี้เป็นปลาไหลช่วงกำลังแปลงร่างแน่นอน ผมเห็นเค้าแชร์กันเต็มเฟสบุ๊ค  ;D  ;D  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 15, 19:53
ตัวนี้รึเปล่าคะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 26 ส.ค. 15, 02:52
รูปของคุณเทาชมพู คือ ปลาชะโด
ถึงแม้นายแบบจะเป็นฝรั่ง  แต่น่าจะถ่ายในเมืองไทย  ฉากหลังเป็นทะเลสาบที่เกิดจากน้ำท่วมภายหลังการสร้างเขื่อน (เห็นได้จากต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นตายแช่อยู่ในน้ำ)
///
รูปของคุณเพ็ญชมพู ผมว่ามันคือ ปลาไหลมอเรย์
รูสีคล้ำ คล้อยไปด้านหลังมุมปาก คือ ช่องเหงือกที่ใช้หายใจ
อีกรูป..ผมเอามาให้เปรียบเทียบกับขนาดของแขนคน
///
ปลาไหลมอเรย์ มีลำตัว(ภาคตัดขวาง)ไม่กลมสนิท  หากแต่กลมค่อนข้างไปทางแบน  และลำตัวไม่ยาวนัก(เมื่อเทียบกับความกว้างของลำตัว)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 15, 08:48
คุณหมอเพ็ญอาจจะเจอคุณหมอธสาคร  เพื่อนร่วมอาชีพเสียแล้ว
ตอบได้ทุกคำถามเลย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ส.ค. 15, 11:44
สมัยเรียน ไม่มีสื่ออินเตอร์เนตให้ค้นคว้า // มีแต่ภาพร่างขาวดำ เลือนๆ ผ่านเทคโนโลยีการโรเนียว // ท่องศัพท์ละตินกันเจื้อยแจ้ว  หาเคยเห็นแม้แต่รูปถ่ายไม่

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=58581;image)

ถ้าหากคุณธสาครเคยพบจ้าตัวนี้ผ่านภาพร่างขาวดำสมัยเรียนในมหาวิทยาลัย น่าจะอยู่ในคณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล มากกว่า  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 27 ส.ค. 15, 04:38
ทายถูกโดยเนื้อหา  แต่พยัญชนะไม่ใช่ 
ผมสังกัดบางเขนครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 15, 08:25
คณะสัตวแพทย์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์?


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ส.ค. 15, 09:37
ทายถูกโดยเนื้อหา  แต่พยัญชนะไม่ใช่ 
ผมสังกัดบางเขนครับ


ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาสัยเกษตรศาสตร์  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 27 ส.ค. 15, 15:01
คณะประมง ภาควิชาผลิตภัณฑ์ // ที่บ้านทำอาชีพห้องเย็น  เลยต้องเลือกสาขานี้  อันที่จริงชอบชีววิทยามาก // และพบความจริงอันน่าเศร้าว่า  ภาคการศึกษาเดินตามหลังภาคธุรกิจ // สำหรับผมที่มีพื้นฐานด้านนี้มาพอสมควรแล้ว  การร่ำเรียนจึงได้ประโยชน์น้อยกว่าที่คาดหวัง (หวังว่าจะเห็นนวัตกรรม เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์นำสมัย) // กว่าจะรู้ตัวก็ใกล้จบล่ะ  เล่าให้พ่อฟังว่าเรียนอะไรมาบ้าง  พ่อหัวเราะแทบตกเก้าอี้ //
โดยภาพรวม..ผมก็พอใจกับคณะประมง และตัวมหาวิทยาลัยครับ // ที่ผมแสดงความเห็นนั่นนู่นนี่ได้  ก็เพราะอาศัยบุญเก่าครับ  ปัจจุบันชาตินั่งนับเงินเข้า-นับเงินออก  ตามประสาคนห่วงทรัพย์ครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ส.ค. 15, 11:09
นึกถึงชาวบางเขน นึกถึงเพลงนี้ทุกที  

http://www.youtube.com/watch?v=ZopG1LvSNko#ws (http://www.youtube.com/watch?v=ZopG1LvSNko#ws)

ท่อนนี้สำหรับคุณธสาคร  ;D

เกษตรนี่หล่อจริงจริง     ผู้หญิงนะเขาชมทั่วหน้า
เกษตรนี่หล่อนักหนา     ถ้าใครรักข้ากินปลาฟรีฟรี


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 29 ส.ค. 15, 03:16
หล่อหรือเปล่าไม่รู้  ทำเฉยเสีย  เพราะโบราณท่านว่า "นิ่งเสีย ตำลึงทอง"
ได้ทอง..แถมยังไม่ต้องเสียปลาด้วยนะเออ
...
กำไลนี้  ทำมาจากอะไร


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 ส.ค. 15, 08:09
เจ้าของตัวจริงกำไลของคุณธสาครคือเจ้าตัวนี้  ;D

พวกหนึ่งหัวโค้งมน ชื่อว่า ปลาโรนิน (http://en.wikipedia.org/wiki/Bowmouth_guitarfish) ชาวประมงไทยรู้จักกันดีในชื่อว่า "กระเบนท้องน้ำ"

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5920.0;attach=50442;image)

ส่วนที่นำมาทำกำไลมีชื่อเรียกหลายอย่าง "หัวกระเบน" ปุ่มกระเบน" "คดกระเบน" ลักษณะเป็นหนามเรียงเป็นแถวบริเวณส่วนหัวและลำตัวของปลาโรนิน Rhina ancylostoma เป็นเครื่องรางเชื่อว่าสามารถคุ้มภัยทางน้ำได้ คุณธสาครคงสวมประจำเวลาออกทะเล  ;)




กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ส.ค. 15, 09:45
พาน้องๆมาทักทายคุณธสาคร และเพิ่มในคอลเลคชั่นของคุณหมอเพ็ญชมพูด้วย
เคยเจอตัวจริงของพวกเขาไหมคะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ส.ค. 15, 09:46
อีกกลุ่มหนึ่ง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 29 ส.ค. 15, 15:47
กำไลโรนิน  ใส่ให้ดูเฟี้ยวไปอย่างนั้นแหละ (ผมไม่ทราบเรื่องเครื่องราง) // สมัยเรียน เสื้อลายปลา-พวงกุญแจรูปปลา-สมุดจดปกปลา เป็นต้องสรรหามาอวดกัน //
...
ชอบชวนกันไปเที่ยวดำน้ำ (ไม่ใช้ถัง เพราะใช้ไม่เป็นและไม่มีตังค์ด้วย) ละแวกชลบุรี ประจวบฯ  สภาพน้ำขุ่นๆ (ปกติของฝั่งอ่าวไทย) สัตว์น้ำไม่ได้หนาแน่น หลากหลายเหมือนฝั่งอันดามัน  แต่นั่นก็สนุกแล้ว  ที่ได้เห็นสัตว์น้ำในสภาพแหล่งอาศัยจริง  สีสันสวยงาม กว่าในขวดดองฟอร์มาลิน // ตัวอย่างรูปของคุณเทาชมพูนั้นถือว่า “ในฝัน” ครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ส.ค. 15, 16:04
ไม่ใช้ถัง หมายถึงสวมหน้ากาก ดำลงไปในน้ำตื้นๆ หรือคะ
ถามตามประสาคนดำน้ำไม่เป็น ไม่ว่าชนิดไหนทั้งนั้น


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 29 ส.ค. 15, 17:19
สวมหน้ากาก  ปากคาบท่อ // เวลาจะดำลงน้ำ  ก็กลั้นหายใจไว้  แหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ  แต่ชอบใช้มือเกาะไปตามก้อนหิน/ปะการัง  แล้วสาวไปเรื่อยๆ ทีละก้อนๆ  เพราะประหยัดแรงกว่า  ใช้ออกซิเจนน้อยกว่า  จะอยู่ใต้น้ำได้นานกว่าการออกแรงแหวกว่าย // พอหมดลมอึดหนึ่ง  ก็ลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ  พ่นน้ำออกทางท่อที่คาบไว้  แล้วหายใจผ่านท่อนั้น // ลองนึกถึงลักษณะการดำน้ำของชาวเล  กับการพ่นน้ำของปลาวาฬ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ส.ค. 15, 10:06
ไม่ใช้ถัง หมายถึงสวมหน้ากาก ดำลงไปในน้ำตื้นๆ หรือคะ
ถามตามประสาคนดำน้ำไม่เป็น ไม่ว่าชนิดไหนทั้งนั้น

แบบใช้ถังในความหมายของคุณธสาครคือ การดำน้ำลึก (scuba)  ส่วนการดำน้ำตื้นเรียกว่า snorkeling อุปกรณ์สำคัญคือ หน้ากากดำน้ำ และ ท่อหายใจ (snorkle)  เคยไปดำแบบที่สองแถว ๆ หมู่เกาะอาดัง ราวี อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล เมื่อเกือบ ๓๐ ปีมาแล้ว น้ำใสแจ๋ว เห็นปลาตัวน้อยสีสันสวยงามแหวกว่ายในดงปะการังที่งดงามพอ ๆ กัน  ปัจจุบันภาพนี้คงเปลี่ยนไปมาก ด้วยอิทธิพลของการท่องเที่ยว

ภาพข้างล่างเป็นการดำน้ำของนักท่องเที่ยวแบบใช้ หน้ากากดำน้ำ สน็อกเกิล และเสื้อชูชีพ แถว ๆ เกาะช้าง จังหวัดตราด เมื่อไม่นานมานี้ น้ำทะเลฝั่งอ่าวไทยไม่ใสเหมือนทางฝั่งอันดามันอย่างที่คุณธสาครว่า  ดำไปดูใต้น้ำก็ไม่ใคร่เห็นอะไร นอกจากปลาทะเลตัวเล็ก ๆ กับปะการังโทรม ๆ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ส.ค. 15, 10:23
การดำน้ำตื้นแบบนี้ สัตว์ที่พึงระวังมี ๒ อย่างคือ แมงกะพรุน และ เม่นทะเล อย่างแรกนาน ๆ เจอที แต่อย่างหลังมักพบประจำ หากจะยืนลงไปบนพื้นทราย เจ้าสัตว์ตัวมีหนามแหลมนี้อันตรายนักแล หากถูกหนามเม่นทะเลตำ ท่านว่าให้ใช้ก้อนหินทุบตรงบริเวณนั้นให้หนามแตกละเอียดในเนื้อ ทนเอาหน่อย ดีกว่าปล่อยให้หนามคาอยู่ในเนื้อ จะอักเสบ และเจ็บนาน


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 31 ส.ค. 15, 15:39
ผมโดนหนามเม่นทะเลตำหลายครั้ง (เกือบทุกครั้งที่ไปดำน้ำก็ว่าได้)  แต่ไม่เคยใช้ก้อนหินทุบดังที่มีข้อมูลเผยแพร่บอกต่อกัน  เพราะ
หนามเม่นทะเล  เปราะมาก  ทันทีที่ตำเข้าเนื้อเรา  หนามแท่งนั้นจะหักเป็นท่อนๆ  หมดฐานที่จะส่งกำลังให้ปลายแหลมชำแรกแทรกต่อไปได้  ปลายแหลมจึงหักคาอยู่ในเนื้อเราได้อย่างมากครึ่งเซ็นต์  และครึ่งเซ็นต์นั้นก็มักจะหักเป็นท่อนโดยอัตโนมัติ  ไม่จำเป็นต้องเอาก้อนหินมาทุบอีก  (จะเจ็บตัวเพราะหินนั้นนั่นเอง)  และไม่ต้องปฐมพยาบาลใดๆทั้งสิ้น  ไม่อักเสบ  ไม่มีหนอง  ไม่ต้องบ่งออก  น่ากลัวน้อยกว่าหนามต้นไม้ตั้งเยอะ
อันนี้หมายถึงโดนตำแบบวาดมือวาดขาไปโดน  ไม่รวมถึงการเหยียบลงไปแบบเต็มๆ (ซึ่งผมยังไม่เคยพลาดขนาดนั้น)  แต่ผมเชื่อว่าปฏิกิริยารีเฟล็กของร่างกายจะดึงขากลับทันก่อนที่ขาจะยับเยิน
หากจำเป็นต้องฝ่าดงเม่นในระยะอันตราย  ก็ฝ่าไปโลด  อย่ายักแย่ยักยัน (จะยิ่งโดนตำหนัก)  หนามเม่นจะครูดผ่านลำตัวเราไปโดยไม่ก่ออันตราย (ลองนึกถึงเอาเข็มขูดไปบนผิวหนังเรา)  แรงคลื่นจากการพุ่งผ่านก็มีส่วนช่วยกระพือให้หนามเม่นลู่ไปในทิศทางที่ปลอดภัย (หนามเม่นดุ๊กดิ๊กได้ครับ)  ทั้งนี้ก่อนฝ่าดงเม่นก็แหวกว่ายบรรจุพลังให้เต็มที่  ตอนฝ่าก็เก็บแขนขาแนบลำตัวไว้
...
ตัวอะไรเอ่ย?


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.ย. 15, 10:59
ตัวอะไรเอ่ย?

ตัวตนที่แท้จริงของสัตว์ที่คุณธสาครถามซ่อนอยู่ภายใต้ความงามของศิลป ตกแต่งให้เกลียวแห่งธรรมชาติดูพิลาสพิไลยิ่งนัก  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.ย. 15, 12:16
มันคือ หอยงวงช้าง  Nautilus pompilius (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87) ผู้มีความสามารถในการดำดิ่งไปใต้พื้นสมุทรได้ถึง ๓ กิโลเมตร ทำให้ถูกนำไปเป็นชื่อเรือดำน้ำ ที่เรารู้จักกันดีคือเรือดำน้ำของกัปตันเนโม ใน ใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์ (Twenty Thousand Leagues Under the Sea) (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C) ของ จูลส์ เวิร์น (Jules Gabriel Verne)

ภายในเปลือกจะแบ่งเป็นช่อง ๆ ใช้กักอากาศและน้ำเพื่อการลอยตัวและดำดิ่งไปใต้สมุทร  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.ย. 15, 12:48
เกลียวในเปลือกของนอติลุส เป็นตัวอย่างหนึ่งของ "อัตราส่วนทองคำ" (Golden ratio) (http://group.dek-d.com/learning-math/myboard/view.php?id=269) ในธรรมชาติ

(http://www.goldennumber.net/wp-content/uploads/2012/08/Nautilus-Golden-Ratio-Animation.gif)

ภาพจาก http://www.goldennumber.net/nautilus-spiral-golden-ratio/ (http://www.goldennumber.net/nautilus-spiral-golden-ratio/)

อัตราส่วนของความยาวระหว่าง แท่งสีจาง (ยาว) / แท่งสีเข้ม (สั้น) เป็น ตัวเลขทองคำ (golden number)

เท่ากับ ๑.๑๖๘  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 01 ก.ย. 15, 16:00
มันคือ หอยงวงช้าง Nautilus pompilius

พลาด อิ อิ
ถึงแม้จะเป็นภาพเชิงศิลป์  แต่แหล่งที่มาไม่ใช่หอยงวงช้าง // สังเกตวงโค้งที่เบ้ผิดรูปจากหอยงวงช้าง  และรูที่เรียงรายตอบขอบวงโค้ง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ก.ย. 15, 16:11
อัตราส่วนทองคำ พบเจอได้ในธรรมชาติเต็มไปหมด เช่นบนใบไม่ ด้านที่สั้นกว่ากับยาวกว่าก็อัตราส่วนนี้ หรือแม้แต่บนใบหน้า  คนที่หน้าสวยหล่อก็มักจะสมดุลกับอัตราส่วนทองคำเช่นกัน ลองดูรูปผมเป็นตัวอย่างได้  ;D  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 01 ก.ย. 15, 17:21
ถ้างั้น  คนที่ใส่สร้อยทองหนัก 1.168 บาท  ก็จะดูหล่อกว่าคนที่ใส่สร้อยทองหนัก 5 บาท  8)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.ย. 15, 18:55
คนที่หน้าสวยหล่อก็มักจะสมดุลกับอัตราส่วนทองคำเช่นกัน ลองดูรูปผมเป็นตัวอย่างได้  ;D  ;D

อ่านตอนแรกนึกว่าคุณธสาครเขียน น่าจะหล่ออีกคน  ;D

ถ้ามีรูเรียงราย หอยปริศนาของคุณธสาคร คือ หอยเป๋าฮื้อ หรือ หอยร้อยรู  (abalone) Haliotis sp. เป็นคำตอบสุดท้าย  ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 02 ก.ย. 15, 03:29
คุณเพ็ญชมพูเฉลยแล้ว  ขอเพิ่มเกร็ดอีกหน่อย
หอยเป๋าฮื้อ มีเปลือกชั้นในเป็นมุกสวยงาม  ถ้าใครมีโอกาสได้กินหอยเป๋าฮื้อ  ขอเปลือกจากภัตตาคารมาลองทำเล่นๆ // ด้านนอกของฝาหอยเป็นชั้นหินปูนขรุขระ  ด้านในเป็นชั้นมุกเงางามอยู่แล้ว (เป็นด้านที่สัมผัสกับเนื้ออันอ่อนนุ่มของตัวหอย) // เอาดินเหนียวอุดด้านในไว้  แล้วแช่ฝาหอยในวิกซอล  กรดจากน้ำยาล้างห้องน้ำจะกัดชั้นหินปูนให้ล่อนออก  เผยให้เห็นชั้นมุก // ต้องหมั่นยกขึ้นมาดู  เพราะฝาหอยมีความหนาบางไม่เท่ากัน   ส่วนที่บางจะโดนกัดจนทะลุเสียก่อน // ถ้าเห็นว่าชั้นมุกปรากฏซัก70%  ก็ยกขึ้นได้แล้ว  จากนั้นใช้แปรงสีฟันจุ่มวิกซอล  ขัดเฉพาะส่วนที่ยังเหลือหินปูนอยู่ (มักเป็นส่วนที่หลบมุม  หรือเป็นร่องลึกบนฝาหอย) // ดูตัวอย่างรูปก่อนและหลัง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 02 ก.ย. 15, 03:33
ส่วนรูปนี้  เป็นสีรุ้งเข้ม  ผมไม่ทราบว่าใช้วิธีเช่นไร  แต่คิดว่าใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าขัดเงา  เพราะเปลือกหอยเรียบลื่นจนสูญเสียลักษณะวงปีตามธรรมชาติ  และเชื่อว่าเป็นคนละสปีชี่ส์กันด้วย // รูปข้างบน-จะเป็นเป๋าฮื้อพันธุ์เล็ก  ขนาดไข่ไก่  ซึ่งผมเคยเห็นแต่สีนี้แหละ (ขาวมุก มีรุ้งนิดหน่อย) // ส่วนรูปสีรุ้งเข้ม  จะเป็นเป๋าฮื้อพันธุ์ใหญ่  ขนาดฝ่ามือ  ซึ่งผมเห็นกี่ทีๆ ก็เห็นแต่สีรุ้งเข้ม


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ก.ย. 15, 15:59
เป๋าฮื้อตัวใหญ่สีรุ้งเข้มข้างบน เป็นพันธุ์นิวซีแลนด์ Haliotis iris (https://en.wikipedia.org/wiki/Haliotis_iris) คนที่นั่นเรียกว่า  Paua (ภาษาเมารี - ลองออกเสียงเร็ว พา-อุ-อา)

(http://violettejewelry.com/upload/images/paua%20shell.jpg)

ทำเครื่องประดับสตรี สวยนักแล  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ก.ย. 15, 09:53
ทำประมงลงทะเลมาหลายเพลา คงถึงคราขึ้นมาบนบกบ้าง  ;D

คงจะจำ Shrek เจ้าของสถิติแกะที่มีขนหนักที่สุดในโลก สัญชาติกีวีได้

แกะที่เป็นแชมเปี้ยนมีขนหนักที่สุดในโลก เป็นพันธุ์เมอริโน ชื่อว่า เชร็ค Shrek อยู่ที่เกาะใต้ของนิวซีแลนด์ หลบหนีการตัดขนไปเป็นเวลา ๖ ปี หลังจากจับตัวได้ เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ เชร็คถูกนำมาตัดขนและชั่งน้ำหนักได้ถึง ๒๗ กิโลกรัม และได้รับการบันทึกไว้เป็นสถิติโลก


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5920.0;attach=50486;image)

Shrek ถูกทำลายสถิติโดย Big Ben แกะสัญชาติกีวี พันธุ์เมอริโนเหมือนกัน โดยตัดขนเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคมปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๗) มีน้ำหนัก ๒๘.๙ กิโลกรัม

สถิติของ Big Ben ถูกทำลายอีกครั้งเมื่อวันวานนี้เอง (๓ กันยายน) โดยแกะสัญชาติออสซี่ พันธุ์เมอริโน นามว่า Chris ด้วยน้ำหนักขน ๔๐.๕ กิโลกรัม

(http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2015/09/03/01/2BE5CE8200000578-3220414-Pictured_in_its_own_element_the_sheep_pictured_was_found_wanderi-a-21_1441239173775.jpg)

เจ้าคริสเป็นแกะจรจัด ไม่เคยตัดขนมาเลยตลอดชีวิต ทำให้ขนขึ้นหนามาก จนอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ราชสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ (Royal Society for the Prevention of Cruelty to Animals - RSPCA) แห่งออสเตรเลีย ได้ให้ความช่วยเหลือโดยนำมันไปตัดขน

(http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2015/09/03/01/2BEB9AA900000578-3220414-Enormous_task_The_absurdly_fluffy_sheep_lay_on_its_back_as_four_-m-20_1441239156419.jpg)

ช่างตัดขนแกะบอกว่าเป็นงานที่ยาก "มันเป็นความท้าทาย แต่แกะก็นิ่งมาก สัตวแพทย์ให้ยาที่ทำให้แกะสงบลงก่อนเราจะตัดขน" ปกติแล้วแกะจะถูกตัดขนทุก ๆ ๑๒เดือน และจะได้ขนโดยเฉลี่ยครั้งละประมาณ ๕ กิโลกรัมเท่านั้น

ขณะนี้คริสเคลื่อนไหวได้ดี กินอาหารได้ปกติ แต่ยังต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไปอีกซักระยะ โดยราชสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์หวังว่าคริสจะได้บ้านใหม่เร็ว ๆ นี้

เรื่องและภาพจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3220414/Enormous-Canberra-sheep-overgrown-fleece-gets-haircut-years.html)

BEFORE & AFTER

ป.ล. สีแดงที่เห็นไม่ใช่เลือดดอก เป็นเพียงยาฆ่าเชื้อ (antileptic spray) เท่านั้น


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 06 ก.ย. 15, 04:54
ตัวอะไรอยู่ในโกศ กับ ไหน้ำปลา (เป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน)
คำถามยากไปไหม?  ยากไว้ก่อนล่ะกัน  เดี๋ยวคนเก่งไม่มัน


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ก.ย. 15, 11:18
เห็นจะต้องใช้วิธี "สืบจากอึ" โดยพิจารณาจากภาพนี้

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=59107;image)

ในสัตว์เลื้อยคลานอึและฉี่จะออกมาทางทวารร่วม (cloaca) อึคือส่วนที่เป็นสีดำ ส่วนส่วนที่เป็นสีขาวคือฉี่ที่เป็นของแข็ง (เป็นพวกกรดยูริค)  ถ้าเป็นพวกจิ้งจกตุ๊กแกก็จะเป็นก้อนเล็ก ๆ  ในภาพนี้เป็นอึก้อนใหญ่พอสมควรและมีส่วนที่เป็นสีขาวอยู่ด้วยตรงตามลักษณะของอึสัตว์เลื้อยคลานจำพวกงูนั่นแล  ;D

ภาพโดย คุณ SEABALL (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=thonbon&group=15)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 07 ก.ย. 15, 14:52
คิดว่าทุกคนเคยเห็นขี้จิ้งจก  ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง  นับเป็นความรู้ที่ใกล้ตัว  แต่ไม่เคยทราบมาก่อน 
จำได้แต่ตัวหนังสือว่า  ฉี่ของสัตว์เลื้อยคลานเป็นกรดยูริกและเป็นของแข็ง

สิ่งขับถ่าย แยกสีขาว-ดำนั้นมาถูกทางแล้ว  แต่ยังทายไม่ถูกครับ
สัตว์ปรัศนี  ก่อดินปิดปากโพรงให้แคบลงด้วย  นับว่าต่างจากเพื่อนร่วม class ยิ่งนัก 
คำเฉลยจักชวนสังเวช  ที่สัตว์ชนิดนี้ต้องมาทำรังอยู่เยี่ยงนี้


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.ย. 15, 10:51
นอกจากสัตว์เลื้อยคลานแล้ว นกก็เป็นสัตว์อีกประเภทหนึ่งซึ่งมีทวารร่วม (cloaca) ทำให้อึและฉี่ออกมาทางเดียวกัน สีขาวที่เห็นก็เป็นฉี่เช่นเดียวกับในสัตว์เลื้อยคลาน  

จากการ "สืบจากไห" ได้ภาพชัด ๆ ของสัตว์ปริศนาชื่อว่า นกแก๊ก หรือ นกแกง  (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%81) Anthracoceros albirostris เป็นนกเงือกขนาดเล็ก ปรกติจะวางไข่ในโพรงไม้ ตัวเมียจะกกไข่ภายในโพรงแล้วใช้อึผสมกับดินโคลนที่ตัวผู้หามาให้ปิดปากโพรงให้เหลือเป็นช่องเล็ก ๆ พอให้ตัวผู้ป้อนอาหารได้

ในคลิปนี้นกตัวผู้กำลังป้อนอาหารให้นกตัวเมียซึ่งกำลังกกไข่อยู่ในไหแทนที่จะเป็นโพรงไม้ โอ้อนิจจา !

http://www.youtube.com/watch?v=W89_JrhKHEw#ws (http://www.youtube.com/watch?v=W89_JrhKHEw#ws)

เป็นไหใบเดียวกันกับที่คุณธสาครนำมาแสดง  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 08 ก.ย. 15, 14:30
ข้าน้อย...นับถือ(http://www.cnwhtv.cn/uploadfile/2012/0817/20120817052431114.png)

ส่งท้ายด้วยรูปนกตัวเมีย  ขอบคุณภาพนกแก๊กทั้งหมดจาก โครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือก ม.มหิดล


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ก.ย. 15, 09:12
นกแก๊กทำรังในไหจะว่าไปก็แปลกอยู่ แต่พบได้หลายที่  อย่างในกรณีของคุณธสาคารอยู่ที่ แก่งกระจาน เพชรบุรี (http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2006/04/E4312000/E4312000.html#16) พ.ศ. ๒๕๔๙

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=59108;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=59137;image)

ยังมีรายงานกรณีเช่นนี้อีกในหลายที่ เช่น ใน รัฐตรังกานู (Terengganu) ของมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๕๕

http://www.youtube.com/watch?v=pKgJ8bRpdU4#ws (http://www.youtube.com/watch?v=pKgJ8bRpdU4#ws)

และ ใน รัฐสลังงอร์ (Selangor) ของมาเลเซีย (http://drmat-ismail.blogspot.com/2010/02/model-for-public-participation-in.html) พ.ศ. ๒๕๕๓


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ก.ย. 15, 11:20
ไม่ใช่มีแต่นกแก๊กเท่านั้นที่ทำรังในที่แปลก ๆ อย่างเช่น ไห

นกต่างแดน นกติ๊ดใหญ่  (https://en.wikipedia.org/wiki/Great_tit) Parus major ก็ขยันหาที่ทำรังแปลก ๆ อย่าง ตู้ทิ้งบุหรี่ กับ กรวยจราจร เช่นกัน  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ก.ย. 15, 15:08
ตะลึง! ชาวบ้านอุตรดิตถ์พบน้ำผึ้งสีแดงคล้ายสีเลือด เชื่อให้สรรพคุณทางยาสูง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสังเวียน อินเปีย ซึ่งมีอาชีพตีผึ้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ขับไล่ผึ้งออกจากรังซึ่งตั้งบนต้นมะขามใน ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ก่อนที่จะเก็บรังผึ้งไว้ในที่ปลอดภัย แต่แล้วเมื่อตัดรังผึ้งและบีบให้น้ำผึ้งไหลออกมา ปรากฎว่าน้ำผึ้งที่ไหลจากรังผึ้งเป็นสีแดง สร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็น

นายสังเวียนได้ทำพิธีเคารพสักการะต้นมะขาม จากนั้น ได้สวมชุดป้องกันใบหน้า เดินเข้าไปรมควันรังผึ้งด้วยควันจากกาบมะพร้าวที่เผาไหม้ ทำให้ผึ้งบินหนีแตกกระจายออกจากรัง เมื่อผึ้งหนีออกไปแล้ว นายสังเวียนได้เก็บรังผึ้งใส่ถุงลงจากต้นมะขาม แต่เมื่อเปิดถุงกลับพบว่าน้ำผึ้งที่ไหลออกมาเป็นสีแดง นายสังเวียนจึงใช้มีดตัดรังบางส่วนและบีบน้ำผึ้งออกมา ปรากฎว่าหยดเป็นสีแดงฉานคล้ายเลือด สร้างความตกตะลึงอย่างมาก จากนั้นนายสังเวียนได้ตัดรังผึ้งชิ้นเล็กใส่ใบตองและจุดธูปสักการะเทพารักษ์ พระภูมิเจ้าที่เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ

นายสังเวียนกล่าวว่า ตนยึดอาชีพนี้มาเกือบ ๒๐ ปี ไม่เคยพบเห็นน้ำผึ้งแบบนี้มาก่อน ถือว่าเป็นน้ำผึ้งที่หายากมาก และราคาน้ำผึ้งสีแดงสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป ชาวบ้านเชื่อว่าหากได้ดื่มน้ำผึ้งสีแดง จะช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้กับร่างกายมากขึ้น ร่างกายกระชุ่มกระชวย ที่สำคัญยังช่วยให้ผู้กินมีอายุยืน อย่างไรก็ตามก็ไม่สามารถระบุได้ว่า สีแดงของน้ำผึ้งนี้มาจากเกสรดอกไม้ชนิดใด เพราะหากเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาลเข้ม จะมาจากดอกสาบเสือ ดอกลิ้นจี่ ดอกลำไย ดอกเงาะ หรือดอกทุเรียน

ข่าวจาก มติชน (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442205884&grpid=&catid=19&subcatid=1906)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 14 ก.ย. 15, 15:32
จะคล้ายๆกับเรื่องนี้ไหมครับ
http://www.clipmass.com/story/52068 (http://www.clipmass.com/story/52068)

สุดฉงน เหตุใดน้ำผึ้งที่ฝรั่งเศส จึงกลายเป็น สีน้ำเงิน-เขียว

ต้นฉบับ http://www.babnee.com/index.php (http://www.babnee.com/index.php)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 14 ก.ย. 15, 23:47
ขอลองซ้อมวิชา  เพราะหากไม่ใช้..จะยิ่งลืม  จึงไม่รับประกันความถูกผิดนะครับ
1) ไม่น่าใช่สีของน้ำหวานจากเกสรดอกไม้  เพราะเป็นรังผึ้งธรรมชาติ  น้ำผึ้งมาจากดอกไม้หลายชนิด  เมื่อคละกันแล้วน่าจะเป็นสีน้ำตาล
2) น่าจะเป็นสีที่จุลินทรีย์สังเคราะห์ขึ้น (จุลินทรีย์นั้นติดเข้ามาในรังผึ้งโดยไม่ตั้งใจ แล้วก็เลยพลอยขยายพันธุ์ไปพร้อมๆกับรังผึ้ง)
3) จุลินทรีย์นั้น น่าจะเป็นกลุ่มเห็ดรา (fungi)  เพราะในสภาพที่ขาดแคลนน้ำ (น้ำผึ้งมีความชื้นต่ำ) แบคทีเรียมักพักตัวอยู่ในรูปสปอร์ 
แต่ fungi มีความสามารถดำรงชีพอยู่ในที่แห้งแล้งกันดารได้

ตอบได้แค่นี้ครับ  ระบุสปีชีส์ไม่ได้
ถ้าผมเดาถูก  น่าจะแยกเชื้อบริสุทธิ์ของ fungi ชนิดนี้ไว้  เอาไว้ทำน้ำผึ้งมูลค่าเพิ่ม


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.ย. 15, 10:08
ถ้าผมเดาถูก  น่าจะแยกเชื้อบริสุทธิ์ของ fungi ชนิดนี้ไว้  เอาไว้ทำน้ำผึ้งมูลค่าเพิ่ม

หากสีแดงมาจากเชื้อราจริง ต้องพิสูจน์ต่อไปว่าเชื้อรานั้นไม่ก่อให้เกิดโรค และไม่ผลิตสารพิษที่เป็นอันตราย และสีแดงนั้นมีประโยชน์ต่อผู้บริโภคจริงหรือ  

มีรายงานหนึ่งเกี่ยวกับน้ำผึ้งสีแดงจากรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เมื่อ ๒ ปีมาแล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๖) พบน้ำผึ้งจากผู้ผลิตในซอลต์เลกซิตี รัฐยูทาห์มีสีแดง เนื่องมาจากการใช้น้ำเชื่อมที่มีสิ่งที่เหลือ (by product) จากการทำทอฟฟี่แท่ง (candy cane) เป็นส่วนประกอบ มาเลี้ยงผึ้ง จากการตรวจสอบไม่พบตะกั่ว จึงไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่แพ้สีแดง (red dye) ในน้ำผึ้งได้ ตามกฎหมายของรัฐยูทาห์น้ำผึ้งต้องมาจากดอกไม้หรือพืชอื่น ๆ ดังนั้นน้ำผึ้งที่ได้โดยวิธีนี้ไม่ถือเป็น "น้ำผึ้งแท้" ไม่สามารถวางขายได้

ข้อมูลจาก ฝ่ายเกษตรและอาหาร รัฐยูทาห์ (http://ag.utah.gov/home/news/384-statement-on-red-honey.html)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.ย. 15, 13:37
จะคล้ายๆกับเรื่องนี้ไหมครับ
http://www.clipmass.com/story/52068 (http://www.clipmass.com/story/52068)

สุดฉงน เหตุใดน้ำผึ้งที่ฝรั่งเศส จึงกลายเป็น สีน้ำเงิน-เขียว


เรื่องของคุณนริศสมควรขยาย  ;D

จาก มติชนออนไลน์ (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1349524204)

คนเลี้ยงผึ้งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ต่างรู้สึกฉงนใจและประหลาดใจต่อการค้นพบน้ำผึ้งที่สีไม่เหมือนใคร นั่นก็คือสีน้ำเงินและเขียว

(http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/10/D12754772/D12754772-0.jpg)

คนเลี้ยงผึ้งเชื่อว่าต้นกำเนิดของความแปลกครั้งนี้น่าจะมาจากโรงงานแก๊สชีวภาพที่ใกล้กับเมืองริโบวิลล์ในแคว้นอัลซาสและเชื่อกันว่าผึ้งอาจกินกากน้ำตาลจากช็อคโกแล็ตเอ็มแอนด์เอ็ม

(http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/10/D12754772/D12754772-1.jpg)

โดยเมื่อเดือนสิงหาคมผู้เลี้ยงผึ้งหลายรายพบว่าน้ำผึ้งที่ได้มีสีประหลาดและผิดธรรมชาติทั้งสีเขียว น้ำเงิน หรือสีช็อคโกแลต ทำให้ผู้ผลิตหลายรายได้รับผลกระทบ ก่อนที่จะทราบในอีก ๓ สัปดาห์ต่อมาว่าต้นตออาจมาจากโรงงานแก๊สชีวภาพ เนื่องจากพบรังผึ้งหลายรังบริเวณอาคารกักเก็บกากของเสียภายในโรงงาน ที่ใช้เก็บกากน้ำตาลจากบริษัทผู้ผลิตช็อคโกแลตเอ็มแอนด์เอ็ม

ด้านสหภาพผู้เลี้ยงผึ้งริโบวิลล์แสดงความกังวลต่อผู้จัดการโรงงานต่อสิ่งที่อยู่ในสถานที่กักเก็บของเสียและความเป็นไปได้ที่สิ่งเหล่านั้นอาจส่งผลกระทบต่อผึ้งโดยตรงรวมถึงคุณภาพของน้ำผึ้ง

(http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/10/D12754772/D12754772-2.jpg)

ด้านนายฟิลิปป์ไมน์ราดโฆษกของบริษัทอะกรีเวเลอร์เอเนอร์ยีผู้ดำเนินงานโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพ กล่าวผ่านแถลงการณ์ที่ส่งมายังสหภาพผู้เลี้ยงผึ้งว่า โรงงานพบปัญหาดังกล่าวในช่วงเดียวกันกับที่เผู้เลี้ยงผึ้งประสบ และแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่ากากของเสียดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องต่อเรื่องนี้อย่างไร แต่ยินดีที่จะหยุดกระบวนการต่าง ๆ ของโรงงานชั่วคราวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

โรงงานแก๊สชีวภาพซึ่งทำหน้าที่จัดการกับของเสียที่มาจากโรงงานช็อคโกแลตของบริษัทมาร์สกล่าวว่าบริษัทเตรียมทำความสะอาดคอนเทนเนอร์ครั้งใหญ่และเก็บของเสียในสถานที่เก็บที่มิดชิดที่ผนึกแน่นไม่ให้อากาศเข้า และปฏิบัติตามกระบวนการบำบัดอย่างเข้มงวด

อย่างไรก็ดีสำหรับผู้เลี้ยงผึ้งแล้วน้ำผึ้งดังกล่าวไม่สามารถนำไปขายได้ขณะที่ยังไม่มีความแน่นอนว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรสหภาพฯจึงตัดสินใจที่จะทำการวิเคราะห์น้ำผึ้งสีฟ้าและเขียวดังกล่าว และรอไปกระทั่งปีหน้าว่าผึ้งที่เลี้ยงไว้จะให้น้ำผึ้งเป็นปกติหรือไม่

(http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2012/10/06/article-2212920-155D9FF7000005DC-901_634x396.jpg)

อ่านข่าวเพิ่มเติมจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-2212920/Ribeauville-Mystery-French-bees-making-coloured-honey-solved-keepers-M-M-waste-plant.html)



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.ย. 15, 13:49
สองเหตุการณ์ที่อเมริกาและฝรั่งเศสเหมือนกันตรงที่สีของน้ำผึ้งผิดไปจากปรกติ เขาหาสาเหตุและพบว่าสิ่งที่ผึ้งกินเข้าไปมาจากน้ำตาลจากขนมหวาน ไม่ใช่น้ำหวานจากดอกไม้ตามธรรมชาติ สิ่งที่ตามมาเหมือนกันคือน้ำตาลสีประหลาดนี้ไม่สามารถนำมาขายได้

ซึ่งต่างจากเหตุการณ์ที่บ้านเราโดยสิ้นเชิง ไม่มีการหาสาเหตุอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่าทำไมน้ำผึ้งจึงมีสีแดงเลือด ได้มาจากน้ำหวานของดอกไม้ตามธรรมชาติหรือผึ้งแอบไปกินน้ำแดงที่ไหนมา ซ้ำสื่อยังช่วยโฆษณาเสียอีกว่าน้ำผึ้งสีเลือดนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหนือกว่าน้ำผึ้งสีปรกติ โดยไม่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน :(


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.ย. 15, 09:22
ปลาของจริงนะเนี่ย

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442377772 (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442377772)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ก.ย. 15, 15:52
ขึ้นบกมาได้ไม่กี่เพลา ต้องลงน้ำอีกคราแล้ว  ;D

ปลาไหลหมาป่า (wolf eel) (https://en.wikipedia.org/wiki/Wolf_eel) Anarrhichthys ocellatus นิสัยไม่ก้าวร้าว ชอบอยู่ตามซอกหิน ดูซิว่ามันจัดการกับเม่นทะเลอาหารโปรดอย่างไร

http://www.youtube.com/watch?v=2EdzPMiXdi0#ws (http://www.youtube.com/watch?v=2EdzPMiXdi0#ws)

คุณธสาครอาจมีอะไรเสริมเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้  ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 17 ก.ย. 15, 18:19
แหะ แหะ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยครับ
รูปร่างและหน้าตาโบร้าณโบราณ  เหมือนจะดุ  แต่นิสัยกระมิดกระเมี้ยนขี้อาย
เท่าที่ดูจากคลิป  เม่นทะเลถูกหักปลายหนามออกแล้ว  ก่อนจะนำมาป้อน  ถึงกระนั้น"เจ้าหน้าโหด"ก็ยังจัดการได้ไม่ค่อยเด็ดขาด
กอปรกับลูกตาอยู่ห่างจากปลายปากไม่มาก  สรีระไม่เหมาะที่จะกินเม่นทะเล  ผมคาดว่าเม่นทะเลอาจไม่ใช่อาหารปกติของมัน
(เทียบกับปลาวัวเกราะ  ซึ่งมีช่วงปากยื่นยาว มีเกราะหุ้ม และลูกตาอยู่ห่าง  เจ้านี่จึงเป็นนักกินเม่นทะเลตัวจริง)
(http://www.natgeocreative.com/comp/01/711/23130.jpg)

หน้าตามันหล่อจัด  จนต้องตามไปหารูปชัดๆ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.ย. 15, 10:09
ช่างภาพตั้งใจถ่ายภาพใกล้ปลาเกินไป เทคนิคถ่ายภาพแบบนี้เรียกว่า  Forced perspective  (http://www.chillpainai.com/scoop/195/%E0%B8%96%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%82%E0%B8%B3%E0%B9%86-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84-Forced-Perspective/) ทำให้หัวปลาดูมีขนาดใหญ่กว่าความเป็นจริง (ภาพขวาเป็นขนาดปลาตามจริง) ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.ย. 15, 10:37
เท่าที่ดูจากคลิป  เม่นทะเลถูกหักปลายหนามออกแล้ว  ก่อนจะนำมาป้อน  ถึงกระนั้น"เจ้าหน้าโหด"ก็ยังจัดการได้ไม่ค่อยเด็ดขาด
กอปรกับลูกตาอยู่ห่างจากปลายปากไม่มาก  สรีระไม่เหมาะที่จะกินเม่นทะเล  ผมคาดว่าเม่นทะเลอาจไม่ใช่อาหารปกติของมัน
เม่นทะเลเป็นอาหารโปรดของปลาไหลหมาป่า (wolf eel) เชียว (ความจริงมันไม่ใช่ปลาไหล ฝรั่งเห็นตัวยาวเลยเรียกไปอย่างนั้น) ด้วยขากรรไกรที่ทรงพลัง มันสามารถจัดการกับเม่นทะเลได้สบาย  ;D

ภาพจาก boydski.com (http://www.boydski.com/diving/photos/Wolfeels/index.htm)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 18 ก.ย. 15, 15:14
555 ถ้าพันธุ์หนามสั้นอย่างนี้  ก็โอชาหมาป่าน่ะสิครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.ย. 15, 15:41
พันธุ์หนามยาวอย่าง เม่นทะเลแดง Strongylocentrotus franciscanus ก็ไม่พรั่นหรอกน่า  ;D

ภาพจาก otlibrary.com (http://otlibrary.com/wolf-eel/)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 19 ก.ย. 15, 04:01
ชอบครับ...ที่หาหลักฐานมาล้มสมมติฐานของผมได้

ตอนตัวเล็กนี่ดูไม่ประหลาดเท่าไรแฮะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ก.ย. 15, 15:41
ขอย้อนกลับไปจุดเริ่มของเรื่องนี้

ปลาของจริงนะเนี่ย

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442377772 (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442377772)

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุฮือฮาขึ้นในโลกโซเชียลฯ เมื่อนายฮิโรชิ ฮิราซาโกะ ชาวประมงญี่ปุ่น สามารถจับปลาประหลาดนี้ได้ โดยไม่รู้ว่ามันคือปลาพันธุ์อะไร รู้เเต่ว่ามันมีรูปร่างน่ากลัว เเละยาวกว่า ๑ เมตรเลยทีเดียว!

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเจ้าปลาตัวนี้ดูจะหน้าตาประหลาด ๆ เหมือนเอเลี่ยนไปซะหน่อย แต่ความจริงแล้วมันคือ "ปลาไหลหมาป่า" (Wolf Eel) มีถิ่นที่อยู่ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ โดยจะพบได้มากที่แถบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นและแคลิฟอร์เนีย ซึ่งพวกมันมักจะอาศัยอยู่ในโพรงหินซอกหลืบใต้ท้องทะเลลึก และมักจะอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานถึง ๒๕ ปีเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ปลาไหลหมาป่านั้นสามารถโตจนมีตัวยาวได้ถึง ๒๐๓ ซม. และมีน้ำหนักมากกว่า ๑๘.๖ กก. และแม้ว่าขนาดหัวที่ใหญ่โตของมันจะดูน่ากลัว แต่มันไม่ทำอันตรายใด ๆ


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=59280;image)

ดูท่าปลาประหลาดของคุณฮิโรชิจะไม่ใช่ปลาไหลหมาป่า

ปลาไหลหมาป่าตัวยาวกว่าตัวข้างบนนัก  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ก.ย. 15, 16:10
ข่าวสด (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1442405323) บอกว่าเป็น ปลาหมาป่า (wolf fish)

ปลาที่ว่านี้คือปลาหมาป่า หรือเรียกชื่อภาษาอังกฤษว่า wolf fish ซึ่งจริง ๆ แล้วเจ้า wolf fish ยังมีอีกหลายชื่อเรียก ไม่ว่าจะหมาป่าทะเล หรือปลาดุกแอตแลนติก โดยเป็นปลาที่มีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้ว และส่วนมากมักจะชอบอยู่ในแถบมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือในส่วนที่น้ำเย็น ลักษณะโดยคร่าว ๆ ก็จะมีปากที่กว้างใหญ่ ฟันคมสำหรับใช้กินเม่นทะเล

ข้อมูลข้างบน ข่าวสดบรรยายความตามคุณวิกกี้ ในหัวข้อ Atlantic wolffish  (https://en.wikipedia.org/wiki/Atlantic_wolffish) Anarhichas lupus แต่ญี่ปุ่นไม่ใช่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกแต่อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ปลาหมาป่าตัวนี้จึงไม่ใช่ มีปลาหมาป่าอีกตัวหนึ่งอยู่ทางเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก คือ Bering wolffish (https://en.wikipedia.org/wiki/Bering_wolffish) Anarhichas orientalis ปลาประหลาดของคุณฮิโรชิคือตัวนี้แหละ  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 23 ก.ย. 15, 04:43
ปลาฉนากแม่น้ำ ตัวสุดท้ายของไทย
บทความโดย กิตติพงษ์ จารุธาณินทร์ 
วารสาร AQUARIUM ฉบับมีนาคม 2554

กาลครั้งหนึ่ง  ที่ปากคลองบางกอกน้อยใกล้โรงพยาบาลศิริราช  เนื่องจากเป็นวันสำคัญจึงจดจำได้ดี  โดยขณะนั้นเป็นวันปิยมหาราช พ.ศ.2525  วันดังกล่าวเป็นวันที่ไม่มีวันลืม  เพราะเป็นวันแรกที่สามารถจับปลาหนวดพราหมณ์จากธรรมชาติและทำให้รอดชีวิตได้เป็นครั้งแรก  ปลาชุดแรกมีจำนวน 5 ตัว จากปลาแม่น้ำร้อยตัวที่จับได้  และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ได้ฟังเรื่องราวของปลาฉนากในแม่น้ำเจ้าพระยา  กรุงเทพฯนี่เอง
ชาวประมงที่จับปลาหนวดพราหณ์ด้วยกันเล่าให้ฟังว่า  เมื่อหลายปีก่อนเคยวางข่ายติดปลาฉนาก ความยาวราวเมตรเศษ  เมื่อจับได้แล้วก็นำมาอวดกันในชุมชนและปล่อยให้แห้งตายไปอย่างนั้น  เพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร  เนื้อก็กินไม่ได้  ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
ผู้เขียนจึงบอกว่า  ถ้าต่อไปจับได้  ช่วยจับเป็นไว้ให้หน่อย  แล้วรีบโทรศัพท์บอกทันที  ไม่ว่าจะเป็นเวลาอะไร ตี1 ตี2 เวลาไหนก็ได้ ตลอด24ชั่วโมง  รับรองจะสมนาคุณให้อย่างงามจนพอใจแน่นอน  เหตุการณ์คราวนั้นจึงถือได้ว่าเป็นการสั่งหาปลาฉนากแม่น้ำเป็นครั้งแรก  ตั้งแต่เมื่อ30ปีก่อน  แต่ก็ยังสายเกินไปอยู่ดีสำหรับปลาฉนาก
...
3 ปีต่อมา  ในปีพ.ศ.2528  ที่สะพานพระราม6  อ.บางกรวย จ.นนทบุรี  ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมปลาที่สำคัญแห่งหนึ่ง  ปลาในบริเวณนี้ที่โดดเด่นที่สุดคือ ปลาดุกทะเลยักษ์ (Plotosus canius) ซึ่งปลาที่วางเบ็ดราวได้  ล้วนเป็นปลาขนาดใหญ่ถึงขนาดยักษ์  ความยาวกว่า 1.5 เมตร น้ำหนักกว่า 10 กก.  ซึ่งปลาขนาดนี้ในทะเลยังพบได้น้อย  แต่น่าแปลกที่กลับมาอาศัยในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างชุกชุม โดยเฉพาะบริเวณใต้สะพานพระราม6 และแถวหน้าโรงไฟฟ้าบางกรวย  สาเหตุที่ปลาชุกชุมถ้าให้คาดเดาคือ  ชาวบ้านเชื่อกันว่า  เพราะน้ำแถบนี้อุ่นสบายกว่าบริเวณใกล้เคียง  เพราะได้น้ำอุ่นจากโรงไฟฟ้าออกมาผสม  ทำให้เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิ 
นอกจากปลาดุกทะเลยักษ์แล้ว  ชาวประมงที่รวบรวมปลาให้  ยังเคยจับได้ปลากดหัวผาน (Hemiarius verrucosus) ขนาดใหญ่  แต่นานๆจะพบสักครั้งหนึ่ง  ปัจจุบันปลากดหัวผานก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่อาจสูญพันธุ์ไปแล้วจากประเทศไทย  เพราะไม่มีการพบมานานกว่าสิบปีแล้ว  ชาวประมงคนนี้เป็นผู้ที่เคยจับปลาฉนากได้มากถึง 5 ตัว  โดยบางปีก็จับได้ บางปีก็จับไม่ได้  ปลาฉนากจับได้โดยวิธีวางข่ายจม 
ข่ายจมคือการวางข่ายให้ก้นอวนจมถึงพื้นดิน  ปลาที่ได้มักเป็นปลาหน้าดินหรือปลาหากินน้ำลึก เช่น ปลากระเบนราหู ปลาม้า ปลากดหลายชนิด  การวางข่ายจมมักใช้ในช่วงที่ปลาหน้าดินชุกชุม  และช่วงที่มีผักตบชวาลอยเต็มผิวน้ำ  เพื่อหลีกเลี่ยงผักตบที่จะมาติดข่าย  และในฤดูห้ามจับสัตว์น้ำ (15 พฤษภาคม ถึง 15 กันยายน ของทุกปี) ซึ่งเป็นฤดูวางไข่  การวางข่ายจมนั้นยังช่วยให้พ้นหูพ้นตาจากเจ้าหน้าที่ได้อีกด้วย 
ปลาฉนากที่จับได้ส่วนมากเป็นลูกปลาขนาดไม่เกิน 1 เมตร  ซึ่งร้านขายยาจีนแถบบางโพมักซื้อไว้เพื่อทำยา  ฟันปลาฉนากอ่อนเท่านั้นที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณคล้ายเขากวางอ่อน  ส่วนฟันของปลาที่มีขนาดใหญ่เกินไปไม่เป็นที่ต้องการ  ด้วยเหตุนี้ที่บ้านคนหาปลาผู้นี้จึงมีฟันปลาฉนากอันใหญ่เกินไปเหลืออยู่ 1 ชิ้น **ฟันในที่นี้หมายถึงส่วนที่เป็นจะงอยยื่นออกมาเหมือนใบเลื่อย...ธสาคร** 
จึงนับเป็นโชคดีอย่างมากที่ผู้เขียนได้เห็นฟันปลาฉนากจากแม่น้ำเจ้าพระยาตัวจริง  และได้ขอซื้อไว้ในราคา 100 บาท  ความจริงแล้วเจ้าของอยากให้ฟรีด้วยซ้ำ  ฟันปลามีขนาดยาว 52 เซนติเมตร  มีฟันข้างละ 19 ซี่  จึงระบุชนิดได้ว่าเป็น Pristis microdon  ถ้าเป็นอีกชนิดหนึ่งจะมีซี่ฟันมากกว่านี้  ความยาวของตัวปลาน่าจะยาวเกือบ 2 เมตร  เพราะความยาวของปลาฉนากชนิดนี้  มักจะยาวประมาณ 3 เท่าของความยาวฟัน  ซึ่งก็ตรงกับคำบอกเล่าของผู้ที่จับได้  ปลาฉนากตัวนี้ถูกจับได้ 2 ปีก่อนหน้านี้  ซึ่งก็คือ พ.ศ.2526  อาจถือได้ว่าเป็นปลาฉนากแม่น้ำตัวสุดท้ายที่พบในประเทศไทย
...
แม่น้ำบางปะกงเป็นอีกที่ที่พบปลาฉนากเช่นกัน  แต่ก็พบน้อยมาก  นานครั้งจึงจับได้สักตัว  และมักเป็นที่สนใจของผู้พบเห็น  เนื่องจากรูปร่างที่แปลกอย่างมีเอกลักษณ์  ปลาฉนากตัวหนึ่งถูกจับได้อย่างมีหลักฐานอ้างอิงราว พ.ศ.2510  ถูกจับได้ที่ปากคลองบ้านใหม่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา  โดยการใช้ข่ายดักปากคลอง  ปลามีความยาวเกือบ 2 เมตร  ฟันปลาฉนากถูกตัดนำไปถวายศาลเจ้าพ่อโกมินทร์ ในตลาดบ้านใหม่ซึ่งอยู่ใกล้กัน  ซึ่งปัจจุบันคือตลาดร้อยปี ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด  ผู้เขียนได้พยายามส่งคนไปดูว่าฟันปลาฉนากซึ่งต่อมาได้ถูกปิดทองกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วว่ายังคงอยู่หรือไม่  แต่ก็ยังหาไม่พบ
...
พ.ศ.2529  เมื่อผู้เขียนมีส่วนร่วมในการทำวารสาร AQUARIUM  วารสารปลาเล่มแรกของบ้านเรา  ก็ได้โอกาสแปลเรื่องของ Mr. Heiko Bleher ชาวเยอรมันที่เข้าไปจับปลาฉนากน้ำจืดในประเทศออสเตรเลีย  เพื่อนำกลับไปเลี้ยงในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เยอรมัน  เรื่องดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร TROPICAL FISH HOBBYIST (T.F.H.) ได้จุดกระแสปลาฉนากขึ้นมา  ปลาฉนากจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากของนักสะสมปลาแปลก/ปลาหายาก ตลอดจนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น 
ในบ้านเราก็เช่นกัน หลังจากบทความตีพิมพ์ไม่นาน ก็มีร้านปลาแห่งหนึ่งสั่งปลาฉนากเข้ามา 2 ตัว  เพื่อขายให้นักเลี้ยงปลา  แต่ทราบภายหลังว่าปลาได้ตายในเวลาไม่นานนัก  ปลาฉนากน้ำจืดหายากและราคาแพงมาก  การตายของปลาคู่แรกทำให้ไม่มีใครคิดจะสั่งปลาฉนากเข้ามาอีกเป็นเวลานานหลายปี
อีก 5 ปีให้หลัง  ราคาปลาฉนากได้ถูกลงมาก  จากราคาหลักแสนบาทเหลือราวหนึ่งในสามเท่านั้น  เนื่องจากพบแหล่งปลามากขึ้นจากอินโดนีเซีย  และปลาฉนากก็ไม่เป็นที่คลั่งไคล้อีกแล้ว  เนื่องจากเลี้ยงยากเกินไปสำหรับนักเลี้ยงปลาทั่วไปที่ไม่มีพื้นที่กว้างใหญ่พอ  ปลาฉนากมักจะทนอยู่ได้ไม่นานและเครียดตาย 
...
ลูกปลาที่มีขนาดเล็ก (ต่ำกว่า 1 เมตร) มักมีปัญหาเรื่องการกิน  ปลาจะค่อยๆผอมลง  หรือทรงตัว ไม่มีการเติบโต  จริงอยู่ปลาฉนากไม่ใช่ปลากินยาก  แต่สาเหตุเกิดจากพฤติกรรมส่วนตัว  ขอยกกรณีเทียบเคียงปลาฉลาม-กระเบน-ฉนาก กล่าวคือ ปลาฉนากแม้มีรูปร่างคล้ายปลาฉลาม  แต่ปลาฉนากกลับเป็นญาติใกล้ชิดของปลากระเบน  การเป็นปลากระเบนนั้นต่างกับปลาฉลามอย่างไร?  สำหรับผู้ที่เคยเลี้ยงปลากระเบน โดยเฉพาะกระเบนหน้าดิน จะทราบดีว่า นิสัยการกินอาหารของปลากระเบนเป็นไปอย่างละเมียดละไม  อาหารแต่ละคำจะบดเคี้ยวแล้วเคี้ยวอีก  ขยอกเข้าออกอยู่หลายรอบกว่าจะกลืนลงไป  และกินเพียงไม่กี่คำก็จะหยุด  แต่สักพักก็จะเริ่มกินได้ใหม่  สรุปคือกินน้อยแต่บ่อยครั้ง  ผิดกับปลาฉลามซึ่งกินอย่างตะกละตะกลาม  กินขยอกเหยื่อครั้งละมากๆจนอิ่ม
...
พ.ศ.2535 ผู้เขียนสั่งปลาฉนากเข้ามาเลี้ยงจำนวน 6 ตัวจากสิงคโปร์  โดยปลาดังกล่าวมาจากอินโดนีเซีย  ราคาในขณะนั้นถือว่าถูกมาก  แม้ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงปลาจำนวนมากขนาดนั้น  แต่ถ้าซื้อทั้งหมด  ราคาจะลดลงมาก  จึงตัดสินใจซื้อและแบ่งขายออกไป 3 ตัว  โดยผลักภาระราคาปลาทั้งหมดไปรวมอยู่กับปลาที่ได้ขายออกไป  เท่ากับว่าปลาที่เหลือไว้ไม่มีต้นทุน  การลองผิดลองถูกจึงทำได้เต็มที่  ไม่มีความกดดันกับตัวเอง  สำหรับผู้ที่เคยเลี้ยงสัตว์ราคาสูงจะทราบดีว่า  บางครั้งปลาหรือสัตว์ป่วย  เจ้าของมักจะเครียดหรือป่วยมากกว่าตัวสัตว์เสียอีก 
ปลาฉนากทั้งสาม  ได้เลี้ยงไว้ในบ่อปลาคาร์พ  ทำจากผ้าใบกว้าง 3 เมตร  ซึ่งเป็นบ่อขนาดใหญ่สุด  โดยใส่น้ำเกือบเต็มบ่อ  เหลือราว 15 เซนติเมตรจากขอบบ่อ  เนื่องจากเป็นบ่อทรงกลม  ปลาจึงอยู่ได้ค่อนข้างดี  ไม่มีมุมให้ปลาว่ายเข้าไปติด  แต่อย่างไรก็ตามปลาตัวหนึ่งได้เกิดอุบัติเหตุไถลออกมาตาย  เนื่องจากระดับน้ำใกล้ขอบบ่อเกินไป  ทำให้ปลาสไลด์ตัวออกมา  ไม่ใช่การกระโดด  เพราะโดยนิสัยปลาฉนากไม่ใช่ปลาที่กระโดด 
อาหารที่ใช้เลี้ยงในระยะแรกคือ  กุ้งสดขนาดพอเหมาะแกะเปลือกที่ส่วนหัวออกเท่านั้น  ปลาจะขยอกบดเคี้ยวกุ้งอยู่นานกว่าจะกลืนกินจริง  และกินเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น  ซึ่งเมื่อเทียบกับขนาดตัวปลาจะเห็นว่า  เป็นเพียงเล็กน้อยไม่เหมาะสมกัน  ในเมื่อปลากินครั้งละน้อย  จึงจำเป็นต้องป้อนอาหารวันละหลายครั้ง  การป้อนเพียงวันละ 1-2 ครั้งมักไม่เพียงพอ  และปลาจะผอมลงเรื่อยๆ จนตายในที่สุด  เมื่อปลาฉนากปรับตัวได้ดีแล้วก็เริ่มให้เหยื่อปลาทอง  การจับเหยื่อปลาทองในบ่อทำได้ไม่ดีนัก  เนื่องจากในบ่อมีพื้นที่น้อยเกินไป  ปลาฉนากเวลาล่าเหยื่อจะใช้ฟันเลื่อยฟันเหยื่อ  การฟันเหยื่อในบ่อมักจะติดขอบบ่อ  ทำให้จับเหยื่อได้น้อย 
เมื่อเลี้ยงปลามาได้ราว 1 เดือน  ปลาฉนากทั้งสองก็ได้ย้ายไปอยู่ร่วมกับโลมาหัวบาตรอีก 3 ตัวในบ่อขนาด 5x12 เมตร ลึก 2.5 เมตร ความจุรวม 150 ตัน (โลมาชุดนี้ได้มาจากจังหวัดตราด  เริ่มต้นการเลี้ยงด้วยน้ำเค็ม  แล้วค่อยๆปรับลดความเค็มลงตามลำดับ  จนน้ำจืดสนิทในราวหนึ่งปี  โลมาหัวบาตรเป็นโลมาชนิดที่ปรับตัวอยู่ในน้ำความเค็มต่ำ หรือน้ำจืดได้ดี  การเลี้ยงโลมาในน้ำจืดย่อมประหยัดค่าใช้จ่ายลงมาก) โลมาล่าเหยื่ออย่างชาญฉลาดและไม่มีทางรอดสำหรับเหยื่อที่เป็นเป้าหมายโดยเฉพาะในบ่อพื้นที่จำกัด  แต่โลมาก็ไม่ใช่สัตว์ก้าวร้าว  จึงอยู่ร่วมกับปลาฉนากในบ่อเดียวกันได้อย่างดี  และการให้อาหารปลาฉนากก็ทำได้อย่างเต็มที่  เพราะบ่อมีระบบกรองน้ำที่ดี  ปลาฉนากปรับตัวได้ดีมากจนบางครั้งได้กลิ่นคาวกุ้งคาวปลา  ก็จะว่ายขึ้นมารออาหารใกล้ผิวน้ำ  แม้ว่าปลาฉนากจะปรับตัวได้ดี  แต่เติบโตช้ามาก  ความยาวเพิ่มขึ้นราว 10 เซนติเมตรเท่านั้นจากการเลี้ยงนานถึง 3 ปี

สรุป ปลาฉนากเลี้ยงค่อนข้างยาก  ไม่เหมาะกับนักเลี้ยงทั่วไป  และปัจจุบันถูกจัดเป็นปลาหายากใกล้สูญพันธุ์ตามรายชื่อในบัญชีแดงของ IUCN  และมีชื่ออยู่ในบัญชีหมายเลข 2 (Appendix ll) ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ หรือ CITES  กล่าวให้เข้ากับยุคสมัยก็ต้องเรียกว่า  ปลาฉนากคือมรดกโลกที่มีชีวิตนั่นเอง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ก.ย. 15, 09:48
ปลาฉนากแม่น้ำที่คุณธสาครนำเสนอเป็น สัตว์ประหลาด จริง ๆ นั่นแหละ

ข้อมูลจาก บทความของคุณกิตติพงษ์ จารุธาณินทร์  (http://aquariumlwc.com/sub2content.asp?id=9314)

ชื่อวิทยาศาสตร์  :   Pristis microdon Latham, 1794
ชื่อ               :   Largetooth Sawfish, Freshwater Sawfish
ชื่อไทย          :   ฉนากจะงอยปากกว้าง, ฉนากน้ำจืด, ปลาขนาก
ถิ่นอาศัย         :   ชายฝั่งทะเลแถบอินโดแปซิฟิก บางครั้งเข้ามาในแม่น้ำสายใหญ่ในประเทศไทยเคยมีรายงานการพบที่แม่น้ำท่าจีน เจ้าพระยา และบางปะกง

http://youtube.com/watch?v=qf6YotKNGEI#ws (http://youtube.com/watch?v=qf6YotKNGEI#ws)

อ่าน ประวัติของคุณกิตติพงษ์ (https://www.google.co.th/url?url=https://th.wikipedia.org/wiki/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25A9%25E0%25B9%258C_%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%258C&rct=j&frm=1&q=&esrc=s&sa=U&ved=0CBMQFjAAahUKEwifxLq0047IAhXHA44KHSxWDck&usg=AFQjCNEZiLmraRcwcNdui-8oFVjJqYSBkA) ก็ทึ่งในความสามารถ ท่านจบนิติศาสตร์แต่รอบรู้ในเรื่องปลาของเมืองไทย เป็นตัวอย่างของการศึกษาซึ่งไม่ได้มีเพียงในรั้วโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยโดยแท้  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ก.ย. 15, 11:29
ขอยกกรณีเทียบเคียงปลาฉลาม-กระเบน-ฉนาก กล่าวคือ ปลาฉนากแม้มีรูปร่างคล้ายปลาฉลาม  แต่ปลาฉนากกลับเป็นญาติใกล้ชิดของปลากระเบน
คงจะจำปลาโรนันตัวนี้ได้

ตัวนี้ก็ของจริงหนอ  ;D

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5920.0;attach=50427;image)

ญาติใกล้ชิดกับฉนากก็มีโรนันอีกตัว  ;D



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 25 ก.ย. 15, 15:35
รูปนี้มีเลศนัย  ตรงไหนเอ่ย?


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 27 ก.ย. 15, 02:20
1) ฟันเลื่อย เล็กๆ ใหญ่ๆ
2) ...
3) ...
เดี๋ยวมาใบ้ต่อ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ก.ย. 15, 09:23
ภาพชัด ๆ  สัตว์ปริศนาของคุณธสาคร   ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ก.ย. 15, 09:27
สัตว์ปริศนาของคุณธสาครคือ ปลาฉลามฟันเลื่อยพันธุ์ญี่ปุ่น Japanese sawshark Pristiophorus japonicus คล้ายกับปลาฉนากที่อยู่ทางด้านขวา แต่มีข้อต่างกันหลายอย่างเช่น

ลักษณะทางกายภาพ     ปลาฉลามฟันเลื่อย                         ปลาฉนาก

๑. ช่องเหงือก                  อยู่ด้านข้าง                                  อยู่ด้านล่าง
๒. หนวด                       มีหนวด ๑ คู่                                ไม่มี
๓. ฟันเลื่อย                    มีฟันขนาดไม่เท่ากัน                         ฟันขนาดเท่ากัน   
๔. ถิ่นอาศัย                    เขตน้ำลึกนอกชายผั่ง                       เขตน้ำตื้นชายฝั่ง
๕. ขนาด                       ค่อนข้างเล็ก ยาวประมาณ ๑.๕ เมตร       ค่อนข้างใหญ่ โตเต็มที่ยาวประมาณ ๗ เมตร      


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 28 ก.ย. 15, 16:36
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;attach=51318;type=avatar)(http://i397.photobucket.com/albums/pp60/meganwonderdog/smilies/compguy.gif)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ต.ค. 15, 13:35
ส่งท้ายเรื่อง ฉนาก-กระเบน-ฉลาม ด้วยสัตว์ประหลาดตัวนี้

ตัวอะไรหนอ  ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 15, 16:47
สัตว์หน้าตาแบ๊วๆตัวนี้ ประหลาดตรงไหน
เชิญวิสัชนา


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 04 ต.ค. 15, 02:22
ชื่อพระราชทานไพเราะเพราะพริ้ง ==> โรหิสรัตน์
ข่าวน่าสนใจ และละเอียดดีด้วยครับ
ป่านนี้โตเป็นสาวแล้ว


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ต.ค. 15, 09:17
คุณเทาชมพูชวนขึ้นบกอีกแล้ว   ;)

ส่งท้ายเรื่อง ฉนาก-กระเบน-ฉลาม ด้วยสัตว์ประหลาดตัวนี้

ตัวอะไรหนอ  ;)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=59384;image)

ก่อนจะขึ้นบก ขอเฉลยสัตว์ประหลาดหน้าที่แล้ว

มันคือปลากระเบนน้อย (baby stingray) นั่นแล  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=fqwT7XIot_E#ws (http://www.youtube.com/watch?v=fqwT7XIot_E#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ต.ค. 15, 14:07
เรื่องของ โรหิสรัตน์

ชื่อพระราชทานไพเราะเพราะพริ้ง ==> โรหิสรัตน์
ข่าวน่าสนใจ และละเอียดดีด้วยครับ
ป่านนี้โตเป็นสาวแล้ว


คุณดีดีขยายความไว้ว่า

ละมั่งตัวนี้ พิเศษตรงที่ เป็นละมั่งตัวแรกที่เกิดจากการวิจัยการขยายพันธุ์ด้วยเทคนิคหลอดแก้วหรือที่เรียกว่าละมั่งอุ้มบุญ
น้องละมั่งน้อย ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อให้ ว่า "โรหิสรัตน์"
มาจากคำ 2 คำ คือ "โรหิส" แปลว่า ละมั่ง และ "รัตน์" แปลว่า แก้ว "โรหิสรัตน์" จึงมีความหมายว่า "ละมั่งแก้ว"


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3697.0;attach=36259;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3697.0;attach=36260;image)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 07 ต.ค. 15, 02:52
ละมั่งเป็นสัตว์ใหญ่  ข่าวคราวย่อมน่าสนใจมากกว่าสัตว์เล็กอย่างปลาหรือแมลง  ผมจึงติดตามอ่านข่าวเพิ่มเติมจากหลายแหล่งข่าว  เลยเก็บแง่มุมที่น่าสนใจมาเล่าต่อดังนี้

1) โรหิสรัตน์ เป็นละมั่งหลอดแก้วตัวแรก  แต่ไม่ใช่ละมั่งผสมเทียมตัวแรก  เพราะมี “อั่งเปา” ซึ่งเกิดก่อน 1 ปี  เป็นละมั่งที่เกิดจากการฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในปีกมดลูก (ตัวเมียเป็นทั้งเจ้าของไข่ และอุ้มท้องเอง)  โดยอั่งเปาเป็นเจ้าของจารึกว่าเป็นละมั่งผสมเทียมตัวแรกของไทย (ตัวที่ 2 ของโลก  โดยตัวแรกเกิดที่อเมริกา  ย้อนหลังไปไกลถึงราวพ.ศ.2536)

2) การผสมพันธุ์ตามธรรมชาติในกรงเลี้ยง  ประสบผลสำเร็จดี  แต่เป็นทางตัน  เพราะแต่ละสวนสัตว์ครอบครองละมั่งคนละฝูง  ผสมไป-ผสมมาก็อยู่ภายในเครือญาติเดียวกัน  ทำให้สายพันธุ์ละมั่งอ่อนแอลง  บางตัวก็พิการ  จึงต้องใช้วิธีผสมเทียมเพื่อให้ได้อสุจิกับไข่จากละมั่งต่างฝูง (ต่างสวนสัตว์)

3) ถึงแม้กรณีอั่งเปาจะประสบผลสำเร็จดี  แต่ก็ยังมีข้อเสียคือ  หากเจ้าของไข่เป็นผู้อุ้มท้องเอง  จะได้ลูกเพียงครั้งละ 1 ตัว  คณะทำงานจึงได้พัฒนาขึ้นสู่วิธีปฏิสนธิในหลอดแก้ว

4) วิธีปฏิสนธิในหลอดแก้ว  จะคัดแม่พันธุ์ที่มีลักษณะแข็งแรง+สายเลือดห่างจากตัวผู้  นำมากระตุ้นให้ตกไข่  ซึ่งอาจได้มากถึง 20 ฟอง 
จากนั้นดูดไข่ทั้งหมดมาปฏิสนธิกับอสุจิภายในหลอดแก้ว 
จากนั้นนำไข่ที่ปฏิสนธิแล้วกลับไปฝังในมดลูกละมั่งตัวอื่นๆได้นับสิบตัว  โดยละมั่งอุ้มบุญทั้งหมดไม่จำเป็นต้องมีสายพันธุ์ดี
(มักเลือกพี่ๆน้องๆของเจ้าของไข่มารับหน้าที่อุ้มบุญ  คือในหมู่พี่น้องครอกเดียวกัน  จะเลือกตัวที่ดีที่สุดมาผลิตไข่  ส่วนตัวที่เหลือจะไม่เอาไข่อีก  เพื่อไม่ให้กรรมพันธุ์ใกล้เคียงกับตัวแรก) 
ดังนั้นวิธีหลอดแก้วอุ้มบุญจึงสามารถขยายพันธุ์ได้ครั้งละหลายสิบตัว



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 07 ต.ค. 15, 03:07
ปัจจุบันอั่งเปากับแม่ อาศัยอยู่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี
พ.ศ.2555 อั่งเปาให้กำเนิดลูก..เป็นตัวผู้

อั่งเปา กับ แม่ (รูปภาพจากคณะสัตวแพทย์ ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ต.ค. 15, 10:29
มี่คำเรียกละมั่งอย่างเต็มยศว่า ละองละมั่ง  โบราณท่านแยกไว้ ตัวผู้เรียกว่า ละอง ส่วนตัวเมียเรียกว่า ละมั่ง เดี๋ยวนี้ไม่ใคร่เคร่งครัดเรียกรวม ๆ กันไปหมดทั้งตัวผู้ตัวเมียว่า ละมั่ง

ละมั่งในบ้านเรามี ๒ ชนิดย่อยคือ ละมั่งพันธุ์พม่า Cervus eldii thamin อยู่ทางฝั่งตะวันตกของไทยและในพม่า อีกชนิดหนึ่งคือ ละมั่งพันธุ์ไทย Cervus eldii siamensis อยู่แถวภาคอีสาน รวมทั้งในเขมรและลาว พันธุ์ไทยในธรรมชาติมีจำนวนน้อยกว่าพันธุ์พม่ามาก ทั้ง โรหิสรัตน์ และ อั่งเปา เป็นละมั่งเหมือนกันแต่เป็นคนละเชื้อชาติ  โรหิสรัตน์เป็นพม่า ส่วนอั่งเปานั้นหนาเป็นเชื้อไทย  ;D

จะดูในออกว่าชัด ๆ ว่าเป็นพม่าหรือไทยต้องดูที่ละอง (ละมั่งตัวผู้) โดยดูที่เขา

ละมั่งพันธุ์พม่า (พันธุ์โรหิสรัตน์) - ซ้าย ปลายเขากลมและไม่ค่อยแตกแขนง ละมั่งพันธุ์ไทย (พันธุ์อั่งเปา) - ขวา ปลายเขาแบนและแตกแขนงเยอะกว่า

ภาพจาก siamensis.org (http://siamensis.org/node/4344)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 09 ต.ค. 15, 00:54
เรื่องสายพันธุ์ของอั่งเปา...บางแหล่งให้ข่าวว่าเป็นสายพันธุ์ไทย  บางแหล่งก็ว่าเป็นสายพันธุ์หม่อง  ผมเองก็สะดุดจุดนี้เหมือนกัน
เมื่อเปรียบเทียบแหล่งข่าวหลายที่แล้ว  ผมเชื่อว่าเป็นสายพันธุ์พม่า  โดยเฉพาะลิงค์นี้ http://www.raorakpar.org/raorakparboard/index.php?topic=1104.0 (http://www.raorakpar.org/raorakparboard/index.php?topic=1104.0) พรรณนาขั้นตอนการผสมเทียมไว้ละเอียดกว่าแหล่งข่าวอื่น
อั่งเปาถูกปล่อยคืนสู่ป่าที่สลักพระ กาญจนบุรี  ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของสายพันธุ์พม่าด้วยครับ

คณะวิจัยมีความรอบคอบ  ที่เริ่มทดลองจากสายพันธุ์พม่าก่อน  เมื่อประสบผลดีจึงค่อยขยายผลไปสู่สายพันธุ์ไทย (หายากกว่าหลายสิบเท่า)
คงเพราะกลัวพลาด  ทำละมั่งสายพันธุ์ไทยตายคาเตียงผ่าตัด  และย่อมไม่ใช่ตายแค่ 1-2 ตัว  เพราะตลอดโครงการใช้ละมั่งหลายสิบตัว..อย่างเช่น
1) ผสมเทียม เมื่อ 19-6-2552  ใช้แม่ละมั่ง 4 ตัว (ได้อั่งเปา)
2) ทำหลอดแก้ว เมื่อ 30-3-2553  ใช้แม่ละมั่ง 3 ตัว (ล้มเหลว  ลูกละมั่งตายในท้อง)
3) ทำหลอดแก้ว เมื่อ กุมภาพันธ์ 2554  ใช้แม่ละมั่ง 8 ตัว (ได้โรหิสรัตน์) นึกถึงภาพตอนที่มีละมั่งนอนขึ้นเขียงพร้อมกัน 8 ตัว  คณะทำงานคงวุ่นพิลึก
4) ยังไม่นับรวมช่วงทดลองซ้อมมือ  ซึ่งผมคิดว่าต้องเอาละมั่งขึ้นเขียงกันอีกหลายตัว  กว่าจะบรรลุภารกิจ 

ถ้าเกิดละมั่งสายพันธุ์ไทยซึ่งเหลืออยู่แค่ 50 ตัว  มาพลีชีพไปซัก 5 ตัว  ก็นับว่าโครงการนี้ขาดทุนจนน่าหวั่นใจว่าจะไปรอดหรือไม่

ผ่านมา 4 ปีแล้ว  นับจากโรหิสรัตน์  ทำไมข่าวคราวหายไปนะ?


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Koratian ที่ 09 ต.ค. 15, 08:59

^ผสมเทียม กับ หลอดแก้ว
  ตัวแม่ที่รับเชื้อ รับไข่ ไม่ต้องผ่าตัดหรือเปล่าครับ
  ไม่น่าจะมีตายคาเขียง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ต.ค. 15, 10:16
เรื่องสายพันธุ์ของอั่งเปา...บางแหล่งให้ข่าวว่าเป็นสายพันธุ์ไทย  บางแหล่งก็ว่าเป็นสายพันธุ์หม่อง  ผมเองก็สะดุดจุดนี้เหมือนกัน
เมื่อเปรียบเทียบแหล่งข่าวหลายที่แล้ว  ผมเชื่อว่าเป็นสายพันธุ์พม่า  โดยเฉพาะลิงค์นี้ http://www.raorakpar.org/raorakparboard/index.php?topic=1104.0 (http://www.raorakpar.org/raorakparboard/index.php?topic=1104.0) พรรณนาขั้นตอนการผสมเทียมไว้ละเอียดกว่าแหล่งข่าวอื่น
อั่งเปาถูกปล่อยคืนสู่ป่าที่สลักพระ กาญจนบุรี  ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของสายพันธุ์พม่าด้วยครับ

ตรวจสอบแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นดังที่คุณธสาครค้นคว้ามา ทั้งโรหิสรัตน์และอั่งเปาเป็นละมั่งสายพันธุ์พม่าทั้งคู่ ต้องขอบพระคุณคุณธสาครที่กรุณาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ;D


^ผสมเทียม กับ หลอดแก้ว
  ตัวแม่ที่รับเชื้อ รับไข่ ไม่ต้องผ่าตัดหรือเปล่าครับ
  ไม่น่าจะมีตายคาเขียง


๑. การผสมเทียม เป็นการผสมพันธุ์โดยเลียนแบบธรรมชาติ มีการผสมระหว่างไข่และเชื้อตัวผู้ในร่างกายสัตว์ วิธีที่ใช้ในโคโดยปรกติจะไม่มีการผ่าตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่การผสมเทียมในละมั่งครั้งนี้มีขั้นตอนที่จะต้องส่องกล้องเข้าไปในช่องท้องเพื่อตรวจดูว่ามีการตกไข่พร้อมที่จะผสมหรือไม่ (ขั้นตอนนี้ในโคตรวจสอบได้โดยการล้วงเข้าไปในทวารหนักและคลำสัมผัสรังไข่ผ่านผนังลำไส้) เมื่อละมั่งพร้อมที่จะผสมก็จะฉีดน้ำเชื้อเข้าไปเพื่อผสมกับไข่ในร่างกายตัวเมีย

๒. การผสมในหลอดแก้ว เป็นการผสมพันธุ์นอกตัวสัตว์ ไข่จากตัวเมียก็เก็บโดยการส่องกล้องเข้าไปเก็บ เมื่อไข่กับเชื้อตัวผู้ผสมกันแล้วเกิดเป็นตัวอ่อน ก็ต้องผ่าตัดเพื่อนำตัวอ่อนเข้าไปฝังตัวในมดลูกโดยผ่านท่อนำไข่

http://www.youtube.com/watch?v=TVejxeOD6H8#ws (http://www.youtube.com/watch?v=TVejxeOD6H8#ws)

ดังนั้นตัวเมียที่รับเชื้อในการผสมเทียม และรับตัวอ่อนในการผสมในหลอดแก้ว ก็ต้องขึ้นเขียงทั้ง ๒ กรณี  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 10 ต.ค. 15, 05:00
อู้ฮู...คณะทำงานอายุน้อยกว่าที่ผมนึกวาดภาพไว้เยอะเลย  น่าชื่นชมในความสามารถ  อย่างนี้..วิจัยกันได้อีกหลายสิบปี  ละมั่งเต็มแผ่นดิน อิ อิ

2) ทำหลอดแก้ว เมื่อ 30-3-2553  ใช้แม่ละมั่ง 3 ตัว (ล้มเหลว  ลูกละมั่งตายในท้อง)
3) ทำหลอดแก้ว เมื่อกุมภาพันธ์ 2554 ใช้แม่ละมั่ง 8 ตัว (ได้โรหิสรัตน์) นึกถึงภาพตอนที่มีละมั่งนอนขึ้นเขียงพร้อมกัน 8 ตัว  คณะทำงานคงวุ่นพิลึก
ขอแก้ไขให้ชัดเจนขึ้น
2) ทำหลอดแก้ว เมื่อ 30-3-2553  ใช้แม่ละมั่งอุทิศไข่ 1 ตัว + ใช้แม่ละมั่งอุ้มบุญ 3 ตัว (ล้มเหลว  ลูกละมั่งตายในท้อง)
3) ทำหลอดแก้ว เมื่อกุมภาพันธ์ 2554 ใช้แม่ละมั่งอุทิศไข่ 1 ตัว + ใช้แม่ละมั่งอุ้มบุญ 8 ตัว (ได้โรหิสรัตน์)



ผมเข้าใจว่าแต่ละครั้งใช้แม่อุ้มบุญไม่เท่ากัน  คงจะเป็นเพราะ..แล้วแต่ว่าการปฏิสนธิในหลอดแก้ว  สัมฤทธิผลได้ตัวอ่อนกี่ตัว
สมมติว่าคราวหน้า  เกิดได้ตัวอ่อนขึ้นมา 12 ตัว  คงปั่นป่วนไปทั้งศูนย์วิจัย

แต่ที่ผมยังตีข่าวไม่แตก  ก็คือเรื่องที่ว่า  ใช้แม่อุ้มบุญ 8 ตัว
1) แหล่งข่าว เดลินิวส์ กล่าวว่า ได้ย้ายตัวอ่อนเข้าสู่ท่อนำไข่ของละมั่งอุ้มบุญ  แบ่งเป็นตัวอ่อนระยะ 2 เซล แก่แม่ 2 ตัว (แม่ละ 1 ตัวอ่อน)  และตัวอ่อนระยะ 4 เซล แก่แม่อีก 2 ตัว (แม่ละ 1 ตัวอ่อน)
แล้วแม่อุ้มบุญอีก 4 ตัวไปอยู่ตรงไหน?

2) แหล่งข่าว นิตยสารสารคดี กล่าวว่า เมื่อเติบโตถึงระยะ 8 เซล จึงย้ายตัวอ่อนไปไว้ในท่อนำไข่ของละมั่งอุ้มบุญ

3) แหล่งข่าว นสพ.ผู้จัดการ กล่าวว่า  ดร.อัมพิกา ทองภักดี ทีมสวนสัตว์เขาเขียว ผู้มีประสบการณ์โคลนนิ่งแมวลายหินอ่อน แมวป่าหัวแบน โดยการผลิตละมั่งหลอดแก้วนี้เธอมีส่วนในการผลิตตัวอ่อนละมั่งระยะ7วัน หรือระยะ blastocyst

คือผมงงว่า  ระยะที่เหมาะสมในการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่แม่อุ้มบุญคือระยะใดแน่
(http://comps.canstockphoto.com/can-stock-photo_csp13293377.jpg)
(http://dm5migu4zj3pb.cloudfront.net/manuscripts/23000/23549/medium/JCI0423549.f1.jpg)
ระยะ2เซล หน้าตาเหมือนข้าวต้มมัด // ระยะ blastocyst หน้าตายังกะลูกลิ้นจี่ มี coelom แล้วด้วย
ตำแหน่งที่จะฉีดตัวอ่อนเข้าสู่แม่อุ้มบุญ  ก็แตกต่างกันด้วย  ระยะ2เซล-ฉีดเข้าตอนต้นของท่อนำไข่ // ระยะ blastocyst ฉีดเข้าที่ผนังมดลูก
ไฉนข่าวรายงานไปคนละทิศละทางอย่างนี้ (ซึ่งเป็นศัพท์วิชาการที่นักข่าว ไปมั่วเอาเองไม่ได้แน่)

คือแบบว่า... ผมไม่ได้จริงจังมากไปใช่ไหมเนี่ย 


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ต.ค. 15, 10:07
 
แต่ที่ผมยังตีข่าวไม่แตก  ก็คือเรื่องที่ว่า  ใช้แม่อุ้มบุญ 8 ตัว
1) แหล่งข่าว เดลินิวส์ กล่าวว่า ได้ย้ายตัวอ่อนเข้าสู่ท่อนำไข่ของละมั่งอุ้มบุญ  แบ่งเป็นตัวอ่อนระยะ 2 เซล แก่แม่ 2 ตัว (แม่ละ 1 ตัวอ่อน)  และตัวอ่อนระยะ 4 เซล แก่แม่อีก 2 ตัว (แม่ละ 1 ตัวอ่อน)
แล้วแม่อุ้มบุญอีก 4 ตัวไปอยู่ตรงไหน?

2) แหล่งข่าว นิตยสารสารคดี กล่าวว่า เมื่อเติบโตถึงระยะ 8 เซล จึงย้ายตัวอ่อนไปไว้ในท่อนำไข่ของละมั่งอุ้มบุญ

3) แหล่งข่าว นสพ.ผู้จัดการ กล่าวว่า  ดร.อัมพิกา ทองภักดี ทีมสวนสัตว์เขาเขียว ผู้มีประสบการณ์โคลนนิ่งแมวลายหินอ่อน แมวป่าหัวแบน โดยการผลิตละมั่งหลอดแก้วนี้เธอมีส่วนในการผลิตตัวอ่อนละมั่งระยะ7วัน หรือระยะ blastocyst

คือผมงงว่า  ระยะที่เหมาะสมในการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่แม่อุ้มบุญคือระยะใดแน่
 

ดูจากโปสเตอร์สรุปผลงานของคณะวิจัย ในหัวข้อ ๔ การย้ายฝากตัวอ่อน ใช้ตัวอ่อนที่ระยะ ๒-๔ เซลล์ (หลังจากเพาะเลี้ยง ๒๔ ชั่วโมง)

คงคลายความสงสัยของคุณธสาครลงได้บ้าง   ;D



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 12 ต.ค. 15, 15:28
รายงานสรุป โดยคณะวิจัย มีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่าข่าวที่รายงานโดยสื่อมวลชน
รายงานโดยคณะวิจัย  กล่าวว่าปฏิบัติการย้ายตัวอ่อน  กระทำที่ระยะ 2-4 เซลล์  แต่อย่างไรก็ดีรายงานนี้เป็นการทำหลอดแก้วในคราวแรก (ที่ไม่ใช่คราวโรหิสรัตน์)

คอลัมน์ขวาของโปสเตอร์งานวิจัย  แสดงพัฒนาการของตัวอ่อนที่ระยะ 3วัน  6วัน  8วัน 
ผมเข้าใจว่า  หลังจากที่ย้ายฝากตัวอ่อนเสร็จแล้ว  ตัวอ่อนบางส่วนได้ทำการทดลองคู่ขนานต่อไปในหลอดแก้ว  เพื่อสำรวจพัฒนาการของตัวอ่อน  ดังจะเห็นว่ามีรูปหนึ่งย้อมเซลล์ตัวอ่อนเป็นสีน้ำเงินด้วย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ต.ค. 15, 13:53
ละมั่งมีญาติอยู่ตัวหนึ่งอยู่ในสกุล Rucervus เหมือนกัน เป็นกวางที่มีเขาสวยงามมากแต่เป็นที่น่าเสียดายว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อ ๗๐ ปีมานี้เอง กวางตัวนั้นคือ สมัน (https://en.wikipedia.org/wiki/Schomburgk%27s_deer) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ กวางเขาสุ่ม Rucervus schomburgki

เหลือแต่เพียงความทรงจำ  อนุสาวรีย์ สมัน ไปดูได้ที่เขาดินวนา ค่ะ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=15880;image)

เขาสมันจากที่นี่อาจนำสมันตัวเป็น ๆ กลับมาได้โดยวิธี Cloning (https://en.wikipedia.org/wiki/Cloning)  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=aPrhPmoPiE0#ws (http://www.youtube.com/watch?v=aPrhPmoPiE0#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 15 ต.ค. 15, 03:21
โคลนนิ่งจากซากสัตว์ที่ตายนานแล้ว  เป็นเรื่องยาก  ยากจนไม่กล้าหวัง
ออสเตรเลียพยามยามชุบชีวิตหมาทัสมาเนีย  ทำกันมาตั้งแต่10ปีก่อน  ตอนนี้ยังไม่เห็นวี่แววเลย

การชุบชีวิตสัตว์ขึ้นมาจากdna  จำเป็นต้องได้dnaครบถ้วนสมบูรณ์  หากขาดหรือแหว่ง(เนื่องจากสัตว์นั้นตายมานานแล้ว)  ต้องหาdnaมาเติมให้ครบ  และห้ามเรียงลำดับผิด
(ในมนุษย์ 3พันล้านโมเลกุลเอง หุ หุ // ในสมัน หรือหมาทัสมาเนีย  ไม่ทราบเท่าไร  แต่ก็น่าจะหลายร้อยล้านโมเลกุล // ต้องครบ+ต้องเรียงให้ถูก // ถ้าดูดdnaจากสัตว์ที่ยังมีชีวิต..เรื่องครบ เรื่องเรียง ไม่มีปัญหา)

แตกต่างจากกรณีสืบจากศพ  ที่เก็บdnaได้เป็นบางส่วนก็พอ  พอที่จะพิสูจน์ได้ว่า "ท่อนdna" ที่ได้จากศพนั้น  มีตำหนิเหมือน "ท่อนdna" ที่เก็บได้จากบ้านผู้ตาย  หรือตรงกับ "ท่อนdna" ของพ่อแม่ของผู้ตาย

การชุบชีวิตสัตว์ขึ้นมาจากdna  เหมือนกับการแต่งตำราดีๆ ซักเล่มหนึ่ง 
การสืบจากศพ  เหมือนกับการจับผิดข้อความบนตำรา
ความยากง่ายแตกต่างกันมากมาย

* ประมวลจากความรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐานนะครับ+หาข้อมูลเพิ่มอีกนิดหน่อย  ผมไม่ใช่นักพันธุศาสตร์


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 15 ต.ค. 15, 17:10
ย้อนกลับไปที่ความเห็น91
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=59137;image)
ผมพบข้อมูลต้นแหล่ง  โพสต์เมื่อ 25-4-2549  โดยคุณ SiangKaen แห่งพันทิป // จึงขอนำเนื้อหามาแปะไว้ให้ครบเรื่องครบราว

ผม(คุณSiangKaen)สงสารเค้าจริงๆนะ อุตส่าห์หาที่ไข่จนได้  ถ้าใครอยากไปผมจะบอกทางให้นะคร้าบ
ทางไปแก่งกระจาน พอถึงโรงพยาบาลแก่งกระจานให้เลี้ยวขวา(ทางตรงข้าง รพ) ไปตามทางหลักเรื่อยๆ 20.4 km จะเห็นวัดแม่คะเมย ให้เลี้ยวซ้ายตรงหน้าวัด
ไปได้อีกประมาณ 500 m เลี้ยวขวาอีกที ประมาณ 1 km  สุดทางคือบ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 (ถ้าใครกลัวหลงให้ถามหาบ้านผู้ใหญ่ก็ได้) บ้านที่มีรังไนนกแก๊ก คือบ้านพี่สาวของผู้ใหญ่ครับ
ผมอดไม่ได้ที่จะบริจาคค่าอาหารให้กับเจ้าของบ้าน (สงสัยเป็นนกนำโชค)
เพราะว่าเค้าอุตส่าห์ดูแลนกที่เรารักให้รอดปลอดภัย เป็นนกธรรมชาตินะครับ ไม่ใช่นกเลี้ยง
ผมจะเล่าให้ฟัง (แหมคันปาก)
คือว่าหมู่บ้านี้มีนกแก๊กประมาณ 8 ตัว มากินผลไม้บ้าง มาเที่ยวเล่นบ้าง อยู่บ่อยๆ
วันดีคืนดีมีคู่นกมาด้อมๆ มองๆ ไห นาน เจ้าของบ้านกลัวว่าจะเป็นอันตรายถ้าจะมาไข่ที่ไห ก็เลยคว่ำไห
แต่ว่า 2 อาทิตย์ผ่านไป นกก็ไม่ไปไหน ยังด้อมๆ มองๆ อยู่
เจ้าของบ้านสงสารจึงตะแคงไหให้ ผ่านไป 2 วัน ไข่จ้อย ปิดปากโพรงเรียบร้อย
คน หรือ สุนัขแถวนี้ก็ไม่ทำร้าย ดูแลช่วยกัน ไม่รบกวน แล้วยังใจดีหาซื้อกล้วยมาแขวนให้ใกล้ๆ อีก



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ต.ค. 15, 11:35
ผมพบข้อมูลต้นแหล่ง  โพสต์เมื่อ 25-4-2549  โดยคุณ SiangKaen แห่งพันทิป // จึงขอนำเนื้อหามาแปะไว้ให้ครบเรื่องครบราว
นกแก๊กทำรังในไหจะว่าไปก็แปลกอยู่ แต่พบได้หลายที่  อย่างในกรณีของคุณธสาคารอยู่ที่ แก่งกระจาน เพชรบุรี (http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2006/04/E4312000/E4312000.html#16) พ.ศ. ๒๕๔๙
คุณเสียงแคนบรรยายไว้ในคคห.ที่ ๒๐ ของกระทู้ตามลิงก์ที่ให้ไว้ข้างบน  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 18 ต.ค. 15, 04:21
อ้าว คุณเพ็ญชมพูทำลิงค์ไว้แล้ว  เพิ่งรู้ว่าทำอย่างนี้

สัตว์อะไรเนี่ย  อ่านเล่นๆ  ผมไม่เดาให้เหนื่อยหรอก 


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 ต.ค. 15, 13:38
สัตว์อะไรเนี่ย  อ่านเล่นๆ  ผมไม่เดาให้เหนื่อยหรอก  
คงไม่ใช่ปลาฉลามอย่างที่คุณเทาชมพูเดา  ;)

หนังสือพิมพ์ยุคโบราณ ลงข่าวแปลกๆ คนปัจจุบันอ่านแล้วคงขำดี     อย่างข่าวนี้ น่าจะย้ายไปกระทู้สัตว์ประหลาด ปลาอะไรกินคน  หรือว่าฉลามหลุดเข้ามาที่บ้านแพน
ถ้าลำพังเป็นสัตว์น้ำประหลาดตัวยาว ๓ วา (๖ เมตร) มาคาบคนไปกิน ต้องนึกถึงจระเข้เป็นอันดับแรก  แต่นี่มีหัวใหญ่เหมือนวาฬ ตาแดง มีหู มีหงอน หางเป็นรูปใบโพธิ์ ที่เข้าเค้าที่สุดเห็นจะเป็นพญานาคหลงมาจากแม่น้ำโขงโน่น

ตัวนี้พบเมื่อน้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๕๔  ;D

พญานาคโผล่ที่นครสวรรค์

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=4474.0;attach=24484;image)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ต.ค. 15, 15:25
ก็จระเข้น่ะแหละ
แต่ความตื่นเต้นตกใจของชาวบ้าน  เล่ากันปากต่อปาก    ทำให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดไป


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ต.ค. 15, 14:47
ใครรู้จักเต่าประหลาดของนายสิบโทแหยมบ้าง   ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ต.ค. 15, 14:49
ความจริงเต่าของนายสิบโทแหยมก็ไม่ได้แปลกประหลาดประการใด ความประหลาดอยุ่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้นเอง  คนเขียนข่าวของสยามราษฎร์เคยเห็นแต่ เต่าน้ำจืดหรือเต่าทะเล  แต่เต่าของนายสิบโทแหยมแห่งตำบลสี่แยกต้นมะม่วง  (ปัจจุบันคือตำบลต้นมะม่วง)  ซึ่งนำมาจากเขาทะโม (ชื่อจริงคือเขาทะโมน) เป็นเต่าอีกชนิดหนึ่งคือ เต่าบก ชื่อว่า เต่าหก Manouria emys    เต่าหกแบ่งออกอีกเป็น ๒ ชนิดย่อยคือ เต่าหกเหลือง Manouria emys emys และ เต่าหกดำ Manouria emys phayrei ตัวหลังมีขนาดใหญ่กว่าตัวแรก

เต่าหกเหลือง (ซ้าย) และ เต่าหกดำ (ขวา)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ต.ค. 15, 15:33
ที่เรียกว่า "เต่าหก" ก็เพราะว่าชาวบ้านเห็นมันมี ๖ ขา  แลเป็นของประหลาดถึงกับส่งเป็นเครื่องราชบรรณาการแก่จักรพรรดิจีนทีเดียว ;D

        พระบรมราชาธิราชที่ 1 กษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา ถวายของพื้นเมืองพร้อมทั้งเชิญพระราชสาส์นไปถวายจักรพรรดิจีน ซึ่งพงศาวดารราชวงศ์หมิง เล่มที่ 374 ได้บันทึกไว้ว่า
         “ปีที่ 4 ในรัชกาลหงหวู่ เดือน 9 ซันเลียเจาพีเอี๋ย สมเด็จเจ้าพระยา คงหมายถึงพระบรมราชาธิราชที่ 1) กษัตริย์ของประเทศสยามอัญเชิญพระราชสาส์น พร้อมด้วยลู่จงจุ้นและพวกมาถวายเครื่องราชบรรณาการ ซึ่งประกอบด้วย ช้างบ้าน 6 เชือก เต่าหกขา และของพื้นเมืองอื่นๆ (จักรพรรดิ) ทรงมีพระบรมราชโองการให้ประทานแพรกิมและแพรดอกขาวอย่างดีแก่กษัตริย์ (สยาม)”
        
         เต่าหกขา เป็นของสำคัญอย่างไรยังนึกไม่ออก

เรียกเต่าหกขานั้นสืบเนื่องมาจากบริเวณโคนขามีเดือยขนาดใหญ่และแข็งแรง 2 อัน อยู่ระหว่างขาหลังกับหาง ทำให้มองดูเหมือนมีขารวม 6 ขา แต่เวลาเดินเต่าจะหดขาเข้าไปในกระดอง และยื่นเฉพาะขาจริง 4 ขาออกมา

สีสันไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดเต่า ๒ ชนิดย่อยนี้ออกจากกัน จุดสำคัญอยู่ที่แผ่นฝาปิดกระดองด้านล่าง  ซึ่งสำหรับเต่าหกเหลือง เกล็ดช่วงอก (ด้านล่างขาหน้า) จะไม่มาบรรจบกันที่กลางอก ซึ่งแตกต่างจากเต่าหกดำที่เกล็ดคู่ดังกล่าวจะมาบรรจบกันที่กึ่งกลางอกพอดี  และเดือยที่คล้ายเป็นขาที่ ๕ และ ๖ ที่มีลักษณะต่างกัน

จับหงายกระดองเต่าให้ดูขาที่ ห้า และ หก

ภาพซ้ายมือเป็นเต่าหกเหลือง ส่วนภาพขวามือเป็นเต่าหกดำ ที่วงกลมไว้เป็นลักษณะที่แตกต่างกันของทั้งสอง

แต่ให้ดูบริเวณก้นเต่า กระดองจะยื่นเป็นแหลม เสมือนขาเต่า จึงเป็นที่มาของขาที่ห้าและหก


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=4708.0;attach=23837;image)

จาก วิทยานิพนธ์ของวรัญญา อรัญวาลัย (http://www.thaithesis.org/detail.php?id=1082538000405) ระบุว่า เต่าหกเหลืองจะมีแหล่งกระจายพันธุ์จำกัดอยู่เฉพาะจังหวัดยะลา นราธิวาส และสตูล ส่วนเต่าหกดำมีแหล่งกระจายพันธุ์ตั้งแต่ ภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ จนถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ดังนั้นเต่าหกของนายสิบโทแหยมแห่งเพชรบุรีก็น่าจะเป็น เต่าหกดำ  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ต.ค. 15, 21:09
มีสัตว์อะไรในจักรวาลที่คุณหมอเพ็ญชมพูไม่รู้จักบ้างไหม
ใครหามาได้จะให้รางวัล


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ต.ค. 15, 10:11
เต่าหกดำยังคงความประหลาดในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่มิคลาย ตั้งแต่ "สยามราษฎร์" พ.ศ. ๒๔๗๗ ฉบับละ ๓ สตางค์ จนถึง "คมชัดลึก" พ.ศ. ๒๕๕๕ ฉบับละ ๑๐ บาท  (หนังสือพิมพ์ขึ้นราคามา ๓๐๐ เท่าเชียวหนา แต่เนื้อหาเรื่องเต่ายังเหมือนเดิม) ;D

อึ้ง!พบเต่าประหลาดมี ๖ ขา

พบเต่าประหลาด มี ๖ ขา ที่กาญจนบุรี เจ้าของเผยซื้อมาจากชาวกะเหรี่ยง ชี้ขาคู่หลังที่เกินมาเอาไว้ช่วยในการปีนห้วยปีนเขา เลยได้ฉายา 'เต่าเทอร์โบ - เต่าโฟร์วีล'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ ๒๖ ธ.ค. ๕๕  ที่บ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี มีเต่าประหลาด ๖ ขา ชาวบ้านตั้งชื่อให้ว่าเต่าเทอร์โบ - เต่าโฟร์วีล ทั้งนี้คุณสมพร ก้องเกียรติสกุล อายุ ๕๐ ปี เจ้าของเต่าเล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณ ๒๐ ปีที่แล้ว มีชาวกะเหรี่ยงเอาเต่ามาเหมาขาย ทั้งหมด ๘๐๐ บาท ก็เลยซื้อเอาไว้เลี้ยงเพื่อเป็นการอนุรักษ์ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นเต่าพันธุ์อะไร ซึ่งตอนนี้ตัวใหญ่ที่สุดมีน้ำหนักกว่า ๘๐ กิโลกรัม ที่สำคัญเต่าเหล่านี้ไม่ใช่เต่าธรรมดาที่เคยเห็นกัน เพราะว่ามี ๖ ขา

ผู้สื่อข่าวได้ลองตรวจสอบโดยหงายท้องเต่าที่ว่า และลองนับดู 'หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก' มี ๖ ขาจริง ๆ !! โดยมี ๒ ขาหน้า และ ๔ ขาหลัง ทั้งนี้ขาคู่ที่อยู่ติดกับหาง มีเอาไว้เพื่อที่จะช่วยในการปีนห้วยปีนเขา จึงเป็นที่มาของฉายาที่ชาวบ้านตั้งให้ว่า เต่าเทอร์โบ - เต่าโฟร์วีล นั่นเอง

จาก คมชัดลึก (http://www.komchadluek.net/detail/20121226/148113/%E0%B8%AD%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87!%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%B56%E0%B8%82%E0%B8%B2.html)
 


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 26 ต.ค. 15, 11:33
แต่ก็มีฉายาที่ทันสมัยขึ้น เป็นเต่าโฟร์วีลเชียวนะครับ  ;D ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ต.ค. 15, 18:14
เงือกมาอีกแล้ว  คราวนี้เงือกชาย

 (http://www.youtube.com/watch?v=1xLphIFRv2g[/url)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 ต.ค. 15, 10:54
คลิปเงือกที่โปแลนด์        อาจเป็นแผนโฆษณา
เห็นชัดแค่หางปลา          เชื่อหรือหนาว่าเรื่องจริง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ต.ค. 15, 13:42
เงือกสาวก็มีค่ะ

 (http://www.youtube.com/watch?v=wLPEKus8ySk[/url)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ต.ค. 15, 09:57
คลิปข้างบนเห็นแวบ ๆ ใช่นางเงือกหรือเปล่าก็ไม่รู้  สู้เงือกสาว Iara Mandyn ที่คุณเทาชมพูเคยนำมาแสดงเมื่อ ๒ ปีที่แล้วไม่ได้

คลิปนี้ไม่มีการตัดต่อ เงือกสาวอยู่ใต้น้ำจริงๆ
http://www.youtube.com/watch?v=1gz5_aCEGSE#ws (http://www.youtube.com/watch?v=1gz5_aCEGSE#ws)
เห็นกันชัด ๆ อย่างนี้ นางเงือกแน่นอน    ;)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 พ.ย. 15, 10:45
เรื่องสัตว์ออกลูกมากรูปร่างประหลาดจะว่าไปก็เป็นเรื่องธรรมดา มักเกิดจากความผิดปรกติทางกรรมพันธุ์ แต่มีอยู่ข่าวหนึ่งเกิดที่จังหวัดศรีสะเกษเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นเรื่องของควายออกลูกมามีส่วนหัวและหนังบริเวณส่วนหลังคล้ายกับจระเข้ อยู่ได้ไม่นานก็ตาย ชาวบ้านก็เอาดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา และแป้งฝุ่นสำหรับทาตามลำตัวเพื่อหาตัวเลขตามระเบียบ ออกข่าวในสื่อต่าง ๆ เป็นเรื่องแปลกตามระเบียบเช่น

ภาพจาก ผู้จัดการ (http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000108115)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 พ.ย. 15, 11:09
ข่าวนี้ได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศมาก ข้ามน้ำข้ามทะเลไปออกในสื่อที่อังกฤษหลายแห่ง พาดหัวข่าวหวือหวาบ้างก็ว่าเป็นลูกผสมระหว่างควายและจระเข้ บ้างก็ว่าเป็นการทดลองผสมข้ามพันธุ์ของมนุษย์ต่างดาวไปโน้น ดีที่สื่อนอกไม่พูดถึงสิ่งที่น่าแปลกประหลาดพอ ๆ กันคือการกราบไหว้เจ้า "Croc-Cow" (ฉายาที่ตั้งโดยสื่อนอก) แม้แต่น้อย   ;D

http://www.youtube.com/watch?v=YTPL_OZxMhM#ws (http://www.youtube.com/watch?v=YTPL_OZxMhM#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 พ.ย. 15, 14:34
เรื่องทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้น เมื่อ ๘ ปีก่อน (พ.ศ. ๒๕๕๐) ที่จังหวัดศรีสะเกษ  (http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000112588) มีอุปกรณ์ประกอบครบถ้วนทั้งดอกไม้ ธูปเทียน และแป้งฝุ่นเช่นเดียวกับเคสแรก แต่เคสนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศมากนัก ทั้ง ๆ ที่ "ควายออกลูกเป็นคน" ก็น่าสนใจพอ ๆ กับ "ควายออกลูกเป็นจระเข้"  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=FULmF5wbdP4#ws (http://www.youtube.com/watch?v=FULmF5wbdP4#ws)

ภาพประกอบ โดย คุณ GUSTAV แห่งพันทิป (http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2007/10/X5917776/X5917776.html#15)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 พ.ย. 15, 09:39
มีอีก ๒ เคสคล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ

เคสแรกเกิดที่ ตุรกี ปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๗) (http://www.mirror.co.uk/news/weird-news/video-sheep-gives-birth-lamb-3533283) แกะออกลูกมาหน้าเหมือนคน ลูกแกะตายหลังจากผ่าเอาออกมา (Caesarean section)

http://www.youtube.com/watch?v=KlLYlCWECqE#ws (http://www.youtube.com/watch?v=KlLYlCWECqE#ws)

ต่างจากเมืองไทยที่งานนี้ไม่มี ดอกไม้ ธูปเทียน และแป้งทาตัว   ;D



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 10 พ.ย. 15, 13:50
หรือว่า การคลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์ จะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริงๆ  :o :o


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 พ.ย. 15, 14:45
คุณนริศพูดถึงเรื่องนี้ นึกขึ้นได้ว่าในรามเกียรติ์ มีอีกเคสหนึ่งขออนุญาตเรียกเป็น "เคสหมายเลขศูนย์" (คือมาก่อนเคสแรก  ;D) นั่นคือเคสของ "องคต"

องคตเป็นลูกของพาลีกับนางมณโฑ (ที่แย่งมาจากทศกัณฐ์) เมื่อนางมณโฑตั้งครรภ์พาลีต้องคืนนางมณโฑให้ทศกัณฐ์ แต่ขอลูกเอาไว้ จึงได้ฤๅษีอังคัตมาทำพิธีเอาลูกออกจากท้องนางมณโฑไปใส่ในท้องแพะ เมื่อถึงกำหนดท่านพระฤๅษีจึงทำการผ่าตัดแบบซีซาเรียน ได้องคตออกมาจากท้องแพะ

นับเป็นการบันทึกเรื่อง "แพะออกลูกเป็นลิง" เคสแรกในประวัติศาสตร์    ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 พ.ย. 15, 16:06
มีอีก ๒ เคสคล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ
เคสที่สองเกิดที่ รัสเซีย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง (พ.ศ. ๒๕๕๘) (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3017970/Ewe-look-familiar-Lamb-human-like-features-including-eyes-nose-mouth-born-farm-Russia.html) แกะออกลูกมา จมูกใหญ่ คางยื่น ปากบุ๋มเหมือนคนแก่

http://www.youtube.com/watch?v=eBMDi5mSkzs#ws (http://www.youtube.com/watch?v=eBMDi5mSkzs#ws)

ตอนเจ้าของเห็นครั้งแรกต๊กกะใจแทบไม่มีสติสมประดี ทั้งยังเผชิญมรสุมคำครหาว่า มีใครในฟาร์มไปล่วงละเมิดแม่แกะเข้าให้หรือเปล่า  :o


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 พ.ย. 15, 11:29
วันความหวังแห่งชาติมาถึงแล้ว ขอส่งสาวน้อยเข้าประกวด  ;D

หมายเลข ๘๘ นางสาวแอนนา (https://en.wikipedia.org/wiki/Diaethria_anna)  (Anna's eighty-eight-Diaethria anna) จากอเมริกาใต้

http://www.youtube.com/watch?v=-Vw4EGShef0#ws (http://www.youtube.com/watch?v=-Vw4EGShef0#ws)

น้องแอนนามาในชุดลายขาวดำขลิบด้วยสีแดงและฟ้า มีหมายเลข ๘๘ ติดไว้ที่ปีก  เป็นตัวเก็งในการประกวดครั้งนี้  ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 16 พ.ย. 15, 16:58
วันความหวังแห่งชาติมาถึงแล้ว ขอส่งสาวน้อยเข้าประกวด  ;D

หมายเลข ๘๘ นางสาวแอนนา (https://en.wikipedia.org/wiki/Diaethria_anna)  (Anna's eighty-eight-Diaethria anna) จากอเมริกาใต้

http://www.youtube.com/watch?v=-Vw4EGShef0#ws (http://www.youtube.com/watch?v=-Vw4EGShef0#ws)

น้องแอนนามาในชุดลายขาวดำขลิบด้วยสีแดงและฟ้า มีหมายเลข ๘๘ ติดไว้ที่ปีก  เป็นตัวเก็งในการประกวดครั้งนี้  ;)

เสียดายยย...ซื้อไม่ทัน แต่ไม่เป็นไร งวดหน้ายังมี

ป.ล.งวดต่อไป ขอ6ตัวเจ๋งๆเลยนะคะอาจารย์  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 พ.ย. 15, 08:28
หากคุณแอนนาจะติดตามเชียร์ "น้องแอนนา" นอกจากเลข "๘๘" ต้องนึถถึงเลขข้างเคียง "๘๙" ด้วย ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 พ.ย. 15, 16:21
หรือคุณแอนนาจะเชียร์ "น้องแคนดรีนา" (https://en.wikipedia.org/wiki/Diaethria_candrena) (Number Eighty-Diaethria candrena) เบอร์ ๘๐ เป็นพี่น้องกับน้องแอนนา อยู่ที่อเมริกาใต้เหมือนกัน ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 18 พ.ย. 15, 19:46
เสียดายนะคะ พี่น้องคู่นี้เกิดผิดที่ นี่ถ้ามาเกิดเมืองไทยได้รุ่งแน่  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 พ.ย. 15, 16:00
ที่อเมริกาใต้ยังมีพี่น้อง "หมายเลข ๘๐" ที่เด่น ๆ อีกคู่หนึ่งอยู่ในวงศ์เดียว (แต่คนละสกุล) กับ "น้องแอนนา" และ "น้องแคนดรีนา" คือ

บน : "น้องยูโนเมีย" (https://en.wikipedia.org/wiki/Callicore_eunomia) Callicore eunomia (ซ้าย-ด้านบน  ขวา-ด้านล่าง)

ล่าง : "น้องไฮสทัสเพส" (http://insecta.pro/taxonomy/57996) Callicore hystaspes (ซ้าย-ด้านบน ขวา-ด้านล่าง)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 พ.ย. 15, 17:00
ส่งท้ายผีเสื้อหมายเลย ๘๐ ด้วยดาวเด่น "น้องโซรานา" (http://www.lifeintherainforest.org/sorana-eighty-eight-butterfly) (zig-zag numberwing butterfly-Callicore sorana) ผู้มีลวดลายที่ปีกเป็นเส้นซิกแซกประดับหมายเลขดูแปลกตา  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 21 พ.ย. 15, 01:19
https://www.facebook.com/27619211639/videos/10153099802671640/ (https://www.facebook.com/27619211639/videos/10153099802671640/)
Baby tamandua tongues always getting in the way during a good old nursing session.
credit : Staten Island Zoo
คำอธิบาย ยกภาษาอังกฤษมาทั้งยวง เพราะผมแปลไม่ออกครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 พ.ย. 15, 10:35
Baby tamandua tongues always getting in the way during a good old nursing session.
credit : Staten Island Zoo
คำอธิบาย ยกภาษาอังกฤษมาทั้งยวง เพราะผมแปลไม่ออกครับ
ยินดีต้อนรับคุณธสาครที่กลับมากระทู้ "สัตว์ประหลาด" อีกครั้งหนึ่ง พร้อมตัวกินมดพันธุ์เล็ก "ทาแมนดัว" แห่งอเมริกาใต้แดนดินถิ่นเดียวกับผีเสื้อ "๘๘" และ "๘๐" อันน่าพิศวง

เจ้าทามาดัวตัวน้อยนี้ชื่อว่า "เอเจ" เกิดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เอง (รายละเอียดอยู่ใน silive.com (http://www.silive.com/entertainment/index.ssf/2015/11/a_new_animal_baby_joins_the_st.html#incart_river_mobileshort_home))  คำอธิบายที่คุณธสาครสงสัยคงเกี่ยวกับลักษณะการดูดนมจากแม่และการจัดการกับลิ้นของเจ้า "เอเจ" ตัวน้อยนี้

ถ้าจะให้เข้าใจลึกซึ้งต้องดูภาพประกอบ (a picture says more than a thousand words) ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 พ.ย. 15, 09:03
ธรรมชาติท่านเขียนหมายเลข "80" "88" "89" บนปีกผีเสื้อแห่งอเมริกาใต้ให้เราเห็นอย่างชัดเจน แต่ท่านก็ซ่อนตัวเลขและตัวอักษรอีกมากมายไว้ภายใต้สีสันบรรเจิดบนปีกผีเสื้อนานาพันธุ์ รอให้เราท่านได้ค้นหา

ดังเช่น Kjell Bloch Sandved ช่างภาพชาวนอร์เวย์ ผู้ทุ่มเทเวลาให้กับการถ่ายภาพความงดงามของโลกตามธรรมชาติ เคล บลอก พบว่าบนปีกผีเสื้อจะปรากฏลวดลายละม้ายคล้ายพยัญชนะ A-Z  รวมถึงรวมตัวเลขอาราบิก 0-9 อีกด้วย  ข้างล่างเป็นหนึ่งในหลาย ๆ  ชุดตัวอักษรและตัวเลขที่เขาค้นพบ

พยัญชนะและตัวเลขไทยอาจจะมีซ่อนอยู่บนปีกผีเสื้อ ชาวเรือนไทยลองค้นหา และหากพบละก้อเอามาโชว์กันบ้าง  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 พ.ย. 15, 11:21
หมู่ผีเสื้อโผผินที่บินว่อน
ร่วมอวยพรให้ประสบพบสุขศรี
"สุขสันต์วันลอยกระทง" จงเปรมปรีดิ์
และ "HAPPY LOY KRATHONG" ดังจงจินต์


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: walai ที่ 26 พ.ย. 15, 06:55
 :o :),มหัศจรรย์ ร หัน การันต์ ย จริงจังนะคะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 27 พ.ย. 15, 01:01
เยี่ยมครับ  จะเก็บเอาไว้ผสมอักษรเป็นคำใน e-card


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 พ.ย. 15, 08:57
ตัวเลขและตัวอักษรบนปีกผีเสื้ออาจเป็นความตั้งใจของธรรมชาติ แต่ธรรมชาติท่านก็มีการพลั้งเผลอในการรังสรรค์สิ่งมีชีวิตบ้างเหมือนกัน อย่างผีเสื้อ Speyeria diana (http://www.butterfliesandmoths.org/species/Speyeria-diana) แห่งอเมริกาเหนือ ปีก ๒ สี ๒ ลวดลาย ตัวนี้

เกิดอะไรขึ้นกับ "น้องไดอานา" คุณธสาครพอจะทราบต้นสายปลายเหตุบ้างหรือไม่   ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 พ.ย. 15, 14:06
น้องไดอานาตัวข้างบนไม่ได้เกิดจากการตกแต่งภาพ เป็นผลงานของท่านธรรมชาติโดยแท้ ปีกสีน้ำตาลทางซ้ายเป็นลักษณะของตัวผู้ ส่วนปีกสีน้ำเงินทางขวาเป็นลักษณะของตัวเมีย  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 พ.ย. 15, 15:29
ผีเสื้อลักษณะนี้พบได้ในหลายสกุล ในเมืองไทยเราก็มี ตัวอย่างเช่น ๒ ตัวข้างล่างนี้  ;D

ซ้าย : ผีเสื้ออาชดุ๊กธรรมดา (The Common Archduke - Lexias pardalis jadeitina)
ขวา : ผีเสื้อกะทกรกธรรมดา (The Leopard Lecewing - Cethosia cyane euanthes)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 27 พ.ย. 15, 16:10
ผีเสื้ออาชดุ๊ก กับ  ผีเสื้อกะทกรก จะเห็นลักษณะ "สีแบ่งครึ่ง" ได้ชัดเจนกว่าผีเสื้อไดอาน่า
เพราะลักษณะแบ่งครึ่ง  ปรากฏให้เห็นบนลำตัวผีเสื้อด้วย

ขอตอบแบบคนที่เรียนชีววิทยามาบ้าง  แต่ไม่ถึงกับเอกสัตววิทยา หรือ สัตวแพทย์
สัตว์ส่วนใหญ่จะมีลักษณะสมมาตรซ้ายขวา 
ถึงแม้เสื้อโคร่งตัวเดียวกันจะมีลักษณะลายพาดกลอนข้างซ้าย-ข้างขวาแตกต่างกันก็ตาม 
ถึงแม้สุนัขลายด่าง  จะมีจุดด่างบนลำตัว  ไม่สมมาตรก็ตาม
แต่ก็เป็นความต่างที่ไม่มีนัยสำคัญ  จึงยังอนุโลมว่าเป็นสมมาตรซ้ายขวา

กรณีผีเสื้อ  จะเห็นสีสันที่แบ่งกึ่งกลางได้ชัดเจน  นับว่ามีนัยสำคัญพอที่จะกล่าวได้ว่า  ยีนสร้างสี กับ ยีนสมมาตร มีการทำงานร่วมกัน  จึงได้ผลลัพธ์ดังที่เห็น
อย่างไรก็ตาม  ยีนที่สร้างรูปทรงปีกไม่ส่งผลต่อยีนสมมาตร  เราจึงเห็นความลักลั่นเฉพาะสี  แต่รูปทรงปีกยังสมมาตรดีอยู่
ถ้าขืนยีนรูปทรงปีกทำงานปนเปกับยีนสมมาตร  เราคงได้เห็นผีเสื้อที่มีปีกสองข้างไม่เท่ากัน  แล้วมันจะบินยังไงล่ะทีนี้ เอิ๊ก เอิ๊ก


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 พ.ย. 15, 16:53
กรณีผีเสื้อ  จะเห็นสีสันที่แบ่งกึ่งกลางได้ชัดเจน  นับว่ามีนัยสำคัญพอที่จะกล่าวได้ว่า  ยีนสร้างสี กับ ยีนสมมาตร มีการทำงานร่วมกัน  จึงได้ผลลัพธ์ดังที่เห็น
อย่างไรก็ตาม  ยีนที่สร้างรูปทรงปีกไม่ส่งผลต่อยีนสมมาตร  เราจึงเห็นความลักลั่นเฉพาะสี  แต่รูปทรงปีกยังสมมาตรดีอยู่
ถ้าขืนยีนรูปทรงปีกทำงานปนเปกับยีนสมมาตร  เราคงได้เห็นผีเสื้อที่มีปีกสองข้างไม่เท่ากัน  แล้วมันจะบินยังไงล่ะทีนี้ เอิ๊ก เอิ๊ก


ตัวที่ปีกสองข้างขนาดไม่เท่ากันก็มีให้เห็นอยู่อย่างตัวนี้

Common Green Birdwing Ornithoptera priamus ผีเสื้อปีกเขียวแห่งออสเตรเลีย สีเขียวคือตัวผู้ สีเทาคือตัวเมีย    ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 28 พ.ย. 15, 00:42
โอ๊ววว...มันเหลือเชื่อ  ดูท่าผีเสื้อตัวกลางจะเป็นกระเทยด้วยนะเนี่ย 
วิจารณ์ตามรูป  ผมว่ายีนเพศแทรกแซงการทำงานของยีนสมมาตร

ยีนสมมาตรของผีเสื้อนี่อ่อนแอจัง  โดนยีนอื่นรบกวนได้โดยง่าย
ลองคิดดูถ้าเป็นมนุษย์  แล้วยีนสมมาตรอ่อนแออย่างนี้  เราคงได้เห็นลูกครึ่งฝรั่ง-นิโกร  ที่มีผิวสีขาวซีกหนึ่ง-ดำซีกหนึ่ง  ผมทองซีกหนึ่ง-ผมดำหยิกหย็องอีกซีกหนึ่ง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 15, 08:55
พาเพื่อนตัวใหม่ของเพ็นโนซอรัสมาพบ ในกระทู้นี้ค่ะ
รู้จักเจ้า Cadborosaurus หรือยังคะ

 (http://www.youtube.com/watch?v=bO0Zohwp65A[/url)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 28 พ.ย. 15, 13:56
หลักฐานการค้นพบสัตว์จำพวกเนสซี่  ผมไม่ค่อยสนใจ  ผมว่าหลักฐานอ่อนไป 
เนสซี่หายใจด้วยปอด  ต้องโผล่ขึ้นมาหายใจเป็นระยะ  ไม่อาจซ่อนตัวอยู่ได้นาน  และน่าจะโงหัวขึ้นมาให้ได้ยลโฉมกันบ้าง  แต่นี่เงียบเกินไป

หมาป่าทัสมาเนีย (Tasmanian Tiger / Thylacine)  น่าลุ้นกว่าครับ
https://www.youtube.com/watch?v=njB2qAit0Qs (https://www.youtube.com/watch?v=njB2qAit0Qs)
1936 สูญพันธุ์
1973 ถ่ายวีดีโอไว้ได้  นาทีที่ 3.16  วิเคราะห์กันแล้วว่าเป็นไปได้  บทวิเคราะห์นาทีที่ 4.37
1996 ถ่ายวีดีโอไว้ได้  นาทีที่ 3.38
2009 ถ่ายวีดีโอไว้ได้  นาทีที่ 4.17  วิเคราะห์กันแล้วว่าไม่น่าจะใช่


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 15, 20:37
Chupacabra ล่ะคะ
 (http://www.youtube.com/watch?v=4-gsau_aV_g[/url)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 29 พ.ย. 15, 01:21
กรณีหมาป่าทัสมาเนีย  มีตัวตนแน่นอนชัดเจน  แล้วมาถกกันว่าวีดีโอนั้นใช่มันหรือไม่  ยังพอเห็นแสงรำไร
กรณี Chupacabra  ชาวบ้านพบว่ามีสัตว์ป่าบางชนิดทำร้ายสัตว์เลี้ยงของเขา  เรื่องราวเกิดไปพ้องกับตำนานพื้นบ้าน  แต่หน้าตาจริงๆของมันเป็นยังไงก็ไม่รู้  ต่างคนต่างเล่า 
อย่างนี้คุยเอามันได้เท่านั้น  เหมือนสุมใบไม้ใส่กองไฟ  ได้แต่ควัน  หาได้แสงสว่างไม่

ผีกองกอยของเรา  ยังจะถกมันกว่า  ว่าเป็นคนป่าที่ประสบทุพโภชนาการ  หรือเป็นโรคทางกรรมพันธุ์  หรือเป็นลิงชนิดหนึ่ง  หรือเป็นอสุรกายแห่งภพต่างมิติ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 พ.ย. 15, 09:32
วันเสาร์ที่ผ่านมา มีสัตว์ประหลาดสัญจรที่คุณเทาชมพูและคุณธสาครพามาเยี่ยม ๓ ตัว คือ Cadborosaurus แห่งอลาสกา Thylacine แห่งทัสมาเนีย และ Chupacabra แห่งเปอร์โตริโก มีเจ้า Thylacine ตัวเดียวเท่านั้นที่เคยเป็นตัวจริงเสียงจริง ส่วนอีกสองตัวที่เหลือยังถกเถียงกันอยู่ว่ามีตัวจริงหรือไม่

Cadborosaurus ของคุณเทาชมพู ดูจากคลิปแล้วคล้ายพญานาคแห่งเกาะปันหยี  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=bO0Zohwp65A#ws (http://www.youtube.com/watch?v=bO0Zohwp65A#ws)

ลองดูคลิปนี้

ที่เกาะปันหยีก็มีสัตว์ประหลาดเหมือนกัน (ดูที่นาที ๒.๑๗)

http://www.youtube.com/watch?v=jU4oA3kkAWU&feature=player_embedded#ws (http://www.youtube.com/watch?v=jU4oA3kkAWU&feature=player_embedded#ws)

สัตว์ประหลาดที่เกาะปันหยี

ตัวอะไรหนอ


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=24190;image)

ผศ.ดร.เจษฎาได้ยกตัวอย่างโฆษณาของธนาคารแห่งหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับทีมฟุตบอลเยาวชนที่อาศัยอยู่บนเรือนแพ และไม่มีสนามหญ้าให้ซ้อมฟุตบอล และในจังหวะที่ภาพนำเสนอกลุ่มเด็ก ๆ กำลังเตะฟุตบอลนั้น ได้เกิดคลื่นน้ำลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นในบึงโขงหลงปรากฏขึ้น เขาจึงตั้งข้อสังเกตว่า จริง ๆ แล้วปรากฏการณ์พญานาคอาจจะโผล่ไปทุกที เพียงแต่เราไม่ได้สังเกตเท่านั้น และเมื่อไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในเชิงชีวภาพ ก็เป็นไปได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นปรากฏการณ์ที่อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์แขนงอื่น ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ “พญานาค” ที่หลายคนเห็นนั้นคือคลื่นกระแทกที่เรียกว่า “เวก” (Wake) ซึ่งมักเกิดขึ้นในทะเลสาบ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 พ.ย. 15, 09:46
ตัวที่สอง Thylacine คุณธสาครอาจจะได้เห็นตัวจริงกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งในอนาคต  ;D

นักวิทยาศาสตร์ได้มีโครงการจะทดลองโคลนนิ่ง เพราะมีการเก็บรักษาดีเอ็นเอ ไว้ได้ถึง 4/5
สัตว์ที่คาดว่าจะอุ้มบุญได้น่าจะเป็นทัสมาเนียเดวิล
อย่างไรก็ดีความเป็นไปได้มีอยู่เพียง 20% เนื่องจากสายพันธุ์ยังค่อนข้างจะห่างกันไกล

แต่ก็ยังดีที่ยังมีความหวังนะคะ  
;D

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=15882;image)

สำหรับตัวสุดท้าย Chupacabra

ตัวกินเลือดแพะของคุณเทาชมพู มีหลายเสียงว่าเป็นสุนัขป่า coyote (http://en.wikipedia.org/wiki/Coyote) (คนละอย่างกับโคโยตี้เมืองไทย  ;))  หรือลูกผสมกับสุนัขบ้าน ที่ไม่ใคร่มีขนเพราะเป็นขี้เรื้อนอยู่

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 พ.ย. 15, 10:04
สำหรับผีเสื้อปีก ๒ สี ๒ ลวดลาย มีอยู่จริงแท้แน่นอน

ผีเสื้อลักษณะนี้พบได้ในหลายสกุล ในเมืองไทยเราก็มี ตัวอย่างเช่น ๒ ตัวข้างล่างนี้  

ซ้าย : ผีเสื้ออาชดุ๊กธรรมดา (The Common Archduke - Lexias pardalis jadeitina)
ขวา : ผีเสื้อกะทกรกธรรมดา (The Leopard Lecewing - Cethosia cyane euanthes)  


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60064;image)

ถ้าชาวเรือนไทยมีโอกาสไปเที่ยวที่แม่ริม เชียงใหม่ ลองไปแวะที่สวนสัตว์แมลงสยาม

(http://i1058.photobucket.com/albums/t409/pun0007za/IMG_1625_zps5e9325df.jpg)

จะเห็นผีเสื้อพวกนี้จัดแสดงอยู่ นอกจาก ๒ ตัวข้างบนแล้ว ยังมีอีก ๒ ตัวคือ ผีเสื้อถุงทองธรรมดา (The Golden Birdwing - Troides aeacus) อยู่ล่างซ้าย และ ผีเสื้อหางติ่งนางละเวง (The Great Mormon - Papilio memnon agenor) อยู่ตรงกลาง  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ธ.ค. 15, 12:19
ผีเสื้อกะเทย ศัพท์ทางชีววิทยาคือ gynandromorph เป็นคำสนธิระหว่าง gyne (ตัวเมีย) และ andro (ตัวผู้) + morph (ลักษณะ) ยังไม่มีศัพท์บัญญัติเป็นทางการจากท่านรอยอิน ขอเสนอคำว่า "นรีบุรุษลักษณ์" เข้าประกวดเป็นชื่อแรก  ;D

นรีบุรุษลักษณ์เกิดจากความผิดปรกติของการแยกโครโมโซมเพศ (X-Y Chromosome) ที่ไม่เท่ากันในการแบ่งเซลล์ระยะเริ่มแรกของเซลล์ไข่ซึ่งผสมแล้ว (zygote) หากเกิดในระยะเริ่มแรก (๘-๖๔ เซลล์) จะมีลักษณะดังตัวอย่างที่สวนสัตว์แมลงสยาม เรียกว่า bilateral gynandromorph (นรีบุรุษลักษณ์แบบ ๒ ข้าง) แต่หากเกิดในระยะหลังจากนั้น จะเป็นแบบ mosaic gynandromorph (นรีบุรุษลักษณ์แบบผสม) ปีก ๒ ข้างมีลักษณะผสมกันระหว่างตัวผู้และตัวเมีย

ตัวอย่างข้างล่างเป็น ผีเสื้อปีกสีฟ้าแห่งเปรู  (https://en.wikipedia.org/wiki/Morpho_didius) (Giant Blue Morpho - Morpho didius)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 01 ธ.ค. 15, 14:19
อาจารย์ครับ ผีเสื้อที่เป็นอย่างนี้ ยังสืบพันธุ์ได้ไหมครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ธ.ค. 15, 15:40
ผีเสื้อลักษณะนี้โดยปรกติจะเป็นหมัน ไม่สามารถมีลูกหลานต่อไปได้  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 02 ธ.ค. 15, 03:34
ผีเสื้อกะเทย ศัพท์ทางชีววิทยาคือ gynandromorph เป็นคำสนธิระหว่าง gyne (ตัวเมีย) และ andro (ตัวผู้) + morph (ลักษณะ) ยังไม่มีศัพท์บัญญัติเป็นทางการจากท่านรอยอิน ขอเสนอคำว่า "นรีบุรุษลักษณ์" เข้าประกวดเป็นชื่อแรก
นรีบุรุษลักษณ์  ฟังอย่างกับตำราหมอดู
กะเทย มีศัพท์บาลีว่า บัณเฑาะก์  ถ้าจะสมาสกับ "ลักษณ์"  คงต้องคืนรูปเดิมก่อน  บัณเฑาะก์ ==> ปัณฑก ==> ปัณฑกลักษณ์
แต่เห็นจะไม่ไหว  เรียกว่า"ลักษณะกะเทย"ดีกว่า  เรียบ..ง่าย..เข้าใจ..จบ
แค่คำศัพท์เท่าที่มีอยู่ในพจนานุกรม  ก็เขียนกันผิดระนาว  จนเป็นกระแสตีกลับที่คนไทยเมิน  จนอาจถึงตั้งใจที่จะเขียนคำไทยแบบผิดๆ
บางคำใช้กันเป็นสากล เช่น tsunami  เราน่าจะทับศัพท์ไปเลย  จะ ซึนามิ หรือ ซูนามิ ก็บัญญัติให้ชัดลงไป  ผมไม่เห็นความจำเป็นต้องใช้คำว่า ธรณีพิบัติภัย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ธ.ค. 15, 09:55
ขอขอบพระคุณคุณธสาครที่ร่วมส่งชื่อภาษาไทยของ gynandromorph เข้าประกวดด้วย ขอส่งต่อให้ท่านรอยอินทางวิทยาศาสตร์พิจารณา  ;D

gynandromorph เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในผีเสื้อเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาเห็นจะเป็นพวกกุ้งมังกร (lobster)

Dana Duhaime ชาวประมงแห่งหมู่บ้าน Beverly (http://en.wikipedia.org/wiki/Beverly,_Massachusetts) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองบอสตัน  รัฐแมสซาชูเซตส์  ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกุ้งมังกร (lobster) ที่เขาจับได้ตัวหนึ่งมีสีสันผิดแปลกจากปรกติคือมีสองสีแบ่งครึ่งซ้ายขวาอย่างชัดเจน ครึ่งซ้ายมีสีดำส่วนครึ่งขวามีสีส้ม ด้วยความประหลาดและสีดำส้มของมันซึ่งสอดรับกับเทศกาลฮาโลวีน กุ้งมังกรตัวนี้จึงได้ชื่อว่า Halloween Lobster

(http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2012/11/01/article-2226194-15C8539A000005DC-878_634x421.jpg)

Duhaime มอบกุ้งฮาโลวีนตัวนี้ให้พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนิวอิงแลนด์ ในบอสตัน นักชีววิทยาทางทะเลอธิบายว่า สีสันที่ประหลาดของมันเกิดจากความผิดปรกติของการแบ่งเซลล์ขณะที่ไข่กำลังฟักเป็นตัว ความผิดปรกติดังกล่าวมักทำให้มันเป็น กุ้งกระเทย (hermaphrodite)  คือมีทั้งสองเพศด้วย

กุ้งสองสีลักษณะนี้มีโอกาสพบได้ ๑ ใน ๕๐ ล้านตัว 

เรื่องและรูปจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-2226194/Halloween-lobster-Massachusetts-fishermans-scary-catch.html)
ในข่าวของเดลิเมลบอกว่าปรากฏการณ์นี้เรียกว่า hermaphrodite ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะ hermaphrodite คือกะเทยที่มีอวัยวะเพศทั้งตัวผู้และตัวเมียที่สมบูรณ์อยู่ในตัวเดียวกัน กุ้งมังกรตัวนี้เป็น bilateral gynandromorph  เหมือนกับผีเสื้อปีกสองสีที่บินว่อนอยู่ข้างบน  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ธ.ค. 15, 10:16
กุ้งมังกรกะเทยชนิด "นรีบุรุษลักษณ์แบบสองข้าง" (bilateral gynandromorph lobster) อีกตัวหนึ่งจากแคนาดา  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ธ.ค. 15, 15:26
ตัวนี้พบที่ โนวาสโกเชีย (Nova Scotia) แคนาดาเช่นกัน พ.ศ. ๒๕๔๕  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 03 ธ.ค. 15, 23:49
ผมมองว่ากรณีกุ้งมังกร ต่างกับ กรณีผีเสื้อ
กุ้งมังกรถึงแม้จะสีแบ่งครึ่ง  แต่อวัยวะต่างๆดูสมมาตรกันดี  ดูเหมือนว่ายีนสร้างสีเท่านั้นที่แทรกแซงยีนสมมาตร
เพราะถ้าหากยีนเพศเข้าแทรกแซง  ควรจะเห็นลักษณะอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น กระดอง2ข้างไม่เท่ากัน , ก้ามใหญ่ข้าง-เล็กข้าง
เท่าที่รู้จักสัตว์จำพวกกุ้งปู  ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้  ตัวผู้มีก้ามใหญ่กว่าตัวเมีย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ธ.ค. 15, 09:59
จุดสำคัญที่จะแยกกุ้งมังกรหรือล็อบสเตอร์ตัวผู้หรือตัวเมียอยู่ที่ใต้ท้องคือ ขาว่ายน้ำ (swimmeret หรือ pleopod) คู่แรก ในตัวผู้จะแข็งคล้ายกระดูก ส่วนในตัวเมียจะอ่อนนุ่มดุจขนนกเนื่องจากนอกจากจะใช้ว่ายน้ำแล้วยังใช้สำหรับโอบอุ้มไข่ไว้อีกด้วย

ภาพข้างล่างเป็นกุ้งมังกรกะเทย "นรีบุรุษลักษณ์" พบที่เมืองร็อกพอร์ต แมสซาชูเซตส์ เมื่อ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙

ภาพจาก lobsters.org (http://www.lobsters.org/ldoc/f2006/Ask%20the%20Lobster%20Doc%200603.pdf)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 05 ธ.ค. 15, 22:55
ตามไปอ่านบทความเต็มแล้ว  เขียนโดย Diane Cowan  เมื่อปี2006  ตลอดเวลา20ปี(นับถึง2006)  เธอได้ตรวจล็อบสเตอร์กะเทยมาแล้ว10กว่าตัว  พบว่ามีความแปรผันของลักษณะภายนอกสูงมาก  มีทั้งแบบ bilateral และ mosaic  บางครั้งถ้าไม่สังเกตจริงๆ  ก็จะผ่านตาเราไปราวกับกุ้งธรรมดาตัวหนึ่ง 

ที่นับว่าประหลาดที่สุดที่เคยเจอคือ  ขาว่ายน้ำคู่แรก(first swimmeret) ท่อนโคนขามีลักษณะอวบเป็นก้านแข็งแบบตัวผู้  แต่ท่อนปลายเป็นพู่ขนแบบขาตัวเมีย  ไม่มีรูปประกอบ  แต่ขอให้ผู้อ่านจินตนาการเอาเองจากรูปกะเทยหงายท้อง  ที่คุณเพ็ญชมพูแปะเอาไว้

ลักษณะเพศที่ก้ำกึ่งเช่นนี้ยังไม่ทราบกลไกที่แน่ชัด  เพราะยังขาดการศึกษาในเรื่องยีนของสัตว์จำพวกกุ้งปู 


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 15, 09:14
เคยอ่านพบว่า สัตว์นอกจากเป็นกะเทยแล้ว ยังเป็นเกย์ก็มี     
พอจะสันนิษฐานได้หรือไม่ ว่าเกี่ยวกับฮอโมนส์ไม่ปกติ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 07 ธ.ค. 15, 01:55
เคยดูหนังสารคดีรวบรวมเกี่ยวกับพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของสัตว์  จำได้ฉากหนึ่ง  วาฬตัวผู้เอาอวัยวะเพศแหย่ลงไปในรูพ่นน้ำ(ที่อยู่กลางกบาล)ของตัวผู้อีกตัว
เป็นพฤติกรรมช่วงเวลาสั้นๆ  ลักษณะเกี้ยวกัน  มากกว่าที่จะปฏิบัติกิจกันจริงๆจังๆ

คำถามของคุณเทาชมพู  เป็นคำถามอมตะ  ที่ใครๆก็ใคร่ทราบความกระจ่าง  ผมไม่ได้มาช่วยตอบแล้วยังมีข้อสงสัยมาช่วยผสมโรงให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก
1) ทอมบางคนเสพฮอร์โมนเพศชาย  เพื่อให้ได้ลักษณะทางกายภาพค่อนไปทางผู้ชาย // อย่างนี้แสดงว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนมาก่อนที่จะอาศัยฮอร์โมน
2) ทอมบางคน  นอกจากตัดผมสั้น  นุ่งห่มเลียนแบบชายแล้ว  รูปหน้า-โครงร่าง-ผิวพรรณก็ยังดูเป็นหญิงเหมือนเดิม // อย่างนี้แสดงว่าฮอร์โมนหญิงยังครบอยู่  จึงให้ลักษณะปรากฏภายนอกเหมือนหญิงทั่วไป  แต่จิตใจเป็นชาย
3) ผู้หญิงบางคน  มีลักษณะค่อนไปทางผู้ชาย เช่น เสียงห้าว มีหนวดจางๆ  แต่เธอกลับเป็นหญิงแท้ // อย่างนี้แสดงว่าฮอร์โมนไม่ปกติ  แต่จิตใจปกติ
4) ผู้ชายบางคน  หนวดเคราเฟิ้ม  ดูน่ากลัว  กลับเป็นตุ๊ด // ถ้าฮอร์โมนเพศชายน้อย  ก็น่าจะขนน้อยสิ?
5) ผู้ชายบางคน  ดูปกติ๊ปกติ  แต่นิยมชมชอบผู้ชายด้วยกัน 
6) ผู้ชายบางคนเล่นกีฬาเก่งเป็นถึงนักกีฬาทีมชาติ  กลับมีทั้งตุ๊ดและเกย์  คุณผู้หญิงต้องดูให้ดีเชียว
7) นักกีฬาหญิงบางคน  เสพฮอร์โมนเพศชาย  เพื่อดึงสมรรถนะร่างกายให้แข็งแรงขึ้น  แต่ก็ยังเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 15, 10:35
หงส์ที่กำลังจู๋จี๋กันอยู่คู่นี้  เป็นนายหงส์ทั้งคู่  สร้างรังรักร่วมกันด้วย

http://www.telegraph.co.uk/news/earth/wildlife/7585978/Gay-swans-set-up-nest-at-worlds-only-swannery-in-Dorset.html (http://www.telegraph.co.uk/news/earth/wildlife/7585978/Gay-swans-set-up-nest-at-worlds-only-swannery-in-Dorset.html)



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ธ.ค. 15, 11:11
เคยอ่านพบว่า สัตว์นอกจากเป็นกะเทยแล้ว ยังเป็นเกย์ก็มี    
พอจะสันนิษฐานได้หรือไม่ ว่าเกี่ยวกับฮอโมนส์ไม่ปกติ

หากให้คำจำกัดความ "กะเทย" คือคนหรือสัตว์ที่มีลักษณะทางกายภาพเป็นทั้งเพศชาย/ผู้ และ เพศหญิง/เมีย ฮอร์โมนคงมีส่วนเกี่ยวข้อง ในสัตว์น้ำโดยเฉพาะกุ้งและปลามีการแปลงเพศเพื่อการค้ากันเป็นปรกติ

ส่วน "เกย์" คือคนหรือสัตว์เพศชาย/ผู้ ซึ่งมีความรู้สึกหรือจิตใจเป็นเพศหญิง/เมีย ฮอร์โมนเพศไม่ค่อยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องจิตใจ  มีการศึกษาพบว่าอาจเป็นไปได้ที่การเป็นเกย์นั้นอาจจะมียีนที่ชื่อว่า Xq28  (http://www.vcharkarn.com/vcafe/124462) ซึ่งอยู่บนโครโมโซม X มาเกี่ยวข้อง

คุณธสาครน่าจะสามารถอธิบายความเพิ่มเติมได้  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 08 ธ.ค. 15, 12:55

ส่วน "เกย์" คือคนหรือสัตว์เพศชาย/ผู้ ซึ่งมีความรู้สึกหรือจิตใจเป็นเพศหญิง/เมีย ฮอร์โมนเพศไม่ค่อยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องจิตใจ  มีการศึกษาพบว่าอาจเป็นไปได้ที่การเป็นเกย์นั้นอาจจะมียีนที่ชื่อว่า Xq28  (http://www.vcharkarn.com/vcafe/124462) ซึ่งอยู่บนโครโมโซม X มาเกี่ยวข้อง


เกย์เป็นรสนิยมทางเพศมากกว่าลักษณะนะครับ คนเป็นเกย์ไม่จำเป็นต้องมีจิตใจแบบเพศหญิง เพียงแต่รักชอบคนเพศเดียวกัน  ดังนั้นชายแมนทั้งแท่น แต่มีรสนิยมชอบผู้ชายก็เป็นเกย์ได้ ส่วนจะเป็นเพราะจิตใจหรือยีน หรือเพราะทั้งสอง  ก็ต้องศึกษากันต่อไป


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ธ.ค. 15, 14:00
ดังนั้นชายแมนทั้งแท่ง แต่มีรสนิยมชอบผู้ชายก็เป็นเกย์ได้

ถ้าจำไม่ผิด ประกอบเทพตัวจริงน่าจะแนวๆ นี้ไม่ใช่เหรอครับ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=4920.0;attach=57907;image)

ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

แว่วเสียงคุณประกอบเทพมาแต่ไกล ตัวละครนี้มีมิติที่น่าค้นหาเสียนี่กระไร ;D  ;D

ว้าย ย ย ย ย นี้บ่งบอกด้วยหรือเปล่าคุณประกอบ  ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 15, 17:16
อาจารย์กู๊กอธิบายว่า  พฤติกรรมเกย์เป็นเรื่องธรรมดาในหมู่สิงโต     ไม่ทราบว่าเป็นรสนิยม หรือโครโมโซมกันคะคุณหมอเพ็ญ

ส่วนคุณชายประกอบเทพก็เข้าข่ายผู้ต้องสงสัยอยู่เหมือนกัน   เพราะเคยเห็นรูปแกทาง FB   
หน้าตาสวยกว่าอั้มพัชราภาเสียอีก


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Jalito ที่ 08 ธ.ค. 15, 18:54
 :-[


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 08 ธ.ค. 15, 19:50
อาจารย์กู๊กอธิบายว่า  พฤติกรรมเกย์เป็นเรื่องธรรมดาในหมู่สิงโต     ไม่ทราบว่าเป็นรสนิยม หรือโครโมโซมกันคะคุณหมอเพ็ญ

ส่วนคุณชายประกอบเทพก็เข้าข่ายผู้ต้องสงสัยอยู่เหมือนกัน   เพราะเคยเห็นรูปแกทาง FB   
หน้าตาสวยกว่าอั้มพัชราภาเสียอีก

ผู้ชายที่สวยกว่าอั้มพัชราภา :o  อยากเห็นจริงๆค่ะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ธ.ค. 15, 10:25
อาจารย์กู๊กอธิบายว่า  พฤติกรรมเกย์เป็นเรื่องธรรมดาในหมู่สิงโต

ถ้าพูดให้ถูกต้องคือ "พฤติกรรมเกย์เป็นเรื่องธรรมดาของสัตว์โลก"

Bruce Bagemihl (https://en.wikipedia.org/wiki/Bruce_Bagemihl) นักชีววิทยาและนักภาษาศาสตร์ชาวแคนาดา เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Biological Exuberance: Animal Homosexuality and Natural Diversity กล่าวถึงพฤติกรรมรักร่วมเพศในหมู่สัตว์ว่าเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง  Bagemihl พบว่า มีการจับคู่ในระหว่างเพศเดียวกัน ในบรรดาสัตว์ต่าง ๆ กว่า ๔๕๐ ชนิด ตัวอย่างเช่น ลิงชิมแพนซีแคระหรือลิงโบโนโบมีการจับคู่แบบรักร่วมเพศเป็นสัดส่วนมากถึง ๕๐ % ของกิจกรรมทางเพศทั้งหมดของมัน ที่น่าแปลกใจคือนกเพนกวิน Humboldt อาจจะมีคู่ขาเพศเดียวกันยาวนานถึง ๖ ปีทีเดียว ห่านป่าเพศผู้ก็ไม่ยอมน้อยหน้า พวกมันอาจจะครองคู่กันไปนานถึง ๑๕ ปี

ไม่ทราบว่าเป็นรสนิยม หรือโครโมโซมกันคะคุณหมอเพ็ญ

พฤติกรรมรักร่วมเพศในสัตว์อาจไม่ใช่เป็นรสนิยมเหมือนในมนุษย์ แต่มีจุดประสงค์อื่นแอบแผงอยู่ อย่างเช่นในลิงโบโนโบ ปรกติตัวเมียจะมีการกอดหันหน้าชนกันและเอาอวัยวะเพศเสียดสีกัน ซึ่งเป็นกันสร้างความสัมพันธ์ และสานความร่วมมือในการเลี้ยงลูกอ่อนร่วมกัน ในกลุ่มจะมีการหาอาหารและป้องกันอันตรายร่วมกัน ตัวไหนไม่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับตัวเมียด้วยกัน ก็จะไม่ได้รับความร่วมมือในตัวเมียตัวอื่น ๆ การมีอะไรกับเพศเดียวกันของสัตว์อาจจะเป็นการสร้างความร่วมมือเพื่อความอยู่รอดของมัน

ส่วนจะเกี่ยวข้องกับยีน Xq28 บนโครโมโซม X หรือไม่ คงต้องรอผลการศึกษาต่อไป  ;D



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 10 ธ.ค. 15, 04:54
ในบทความล็อบสเตอร์ของ Diane Cowan กล่าวว่า
เพศของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม  ได้ศึกษาจนทราบแล้วว่า  ถูกแยกเด็ดขาดจากกันในระดับยีน (ยีนเป็นรหัสลับที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของเซล  ไม่มีใครสามารถเข้าไปแก้ไขได้) เพศของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจึงเป็นคุณสมบัติติดตัวตั้งแต่เกิดจนตาย  ตามที่เรารู้กันว่า โครโมโซมxy=ชาย  โครโมโซมxx=หญิง
แต่สัตว์อื่นไม่เป็นเช่นนั้น  โดยได้ยกตัวอย่าง นก สัตว์เลื้อยคลาน ปลา กุ้ง ปู  ที่สามารถแปลงเพศได้ตามสภาพแวดล้อม

ข้อมูลจากแหล่งอื่น  ปลาสวยงามในแนวปะการัง เช่น ปลานกขุนทอง  ปลาการ์ตูน  สามารถแปลงเพศได้เมื่อตัวผู้หรือตัวเมียในฝูงขาดแคลนลง
ถ้าเดิมเป็นตัวเมีย  รังไข่มันก็จะฝ่อลง  และสร้างอสุจิขึ้นมาแทน  รูปร่างสีสันภายนอกก็เปลี่ยนเป็นสีสดใสตามแบบตัวผู้ด้วย  นับเป็นการแปลงเพศโดยสมบูรณ์ 
โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม  ไม่ต้องจดทะเบียน-เปลี่ยนคำนำหน้านาม

แล้วอะไรคือกุญแจในกระบวนการแปลงเพศ 
คำตอบคือฮอร์โมน  โดยมีสภาพแวดล้อม อาหาร อุณหภูมิ อายุของตัวสัตว์เอง เป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดปรากฏการณ์แปลงเพศ
มนุษย์จับไต๋ได้  จึงป้อนฮอร์โมนให้ปลา  โดยไม่ต้องรอสภาพแวดล้อมเป็นใจอีกต่อไป  มนุษย์เป็นผู้เลือกเพศปลาเพื่อให้ได้ผลผลิตเชิงพาณิชย์ตามที่ต้องการ

ผมขอปะติดปะต่อเรื่องตามอำเภอใจดังนี้ (โดยอาศัยข้อมูลด้านบน)
- สัตว์อื่นที่ต่ำกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม  เพศไม่ได้ถูกกำหนดด้วยยีน  เพราะสามารถพลิกกลับได้และผมคิดว่ายีนไม่ใช่เรื่องที่พลิกกันได้ง่ายๆ  ไม่เช่นนั้นเราคงไม่มีคำว่า living fossil  ที่หน้าตาของพวกมันในปัจจุบันยังดูคล้ายกับบรรพบุรุษเมื่อ100ล้านปีที่แล้ว
- ยีนยังคงทำหน้าที่กำหนดลักษณะรูปกายภายนอกทั้งหมด  โดยเว้นช่องว่างให้ฮอร์โมนเป็นตัวกำหนดเพศตามความจำเป็น

กรณีล็อบสเตอร์  มันเป็นสัตว์ลอกคราบหลายรอบ  ลักษณะกะเทยที่พบอาจไม่ใช่ลักษณะตั้งแต่แรกเกิด
เป็นไปได้ว่าตัวที่ Diane Cowan จับได้นั้น  อยู่ในภาวะที่ฮอร์โมนกำลังเปลี่ยน  คือโฉมก่อนหน้านั้นมันยังมีเพศชัดเจน(ไม่กะเทย)  และหากมันไม่ถูกจับขึ้นมาเสียก่อน  มันอาจแปลงเพศได้สมบูรณ์ในการลอกคราบคราวต่อไป
อย่างไรก็ตาม  กรณีผีเสื้อ กับ กรณีของ Diane Cowan ได้แสดงลักษณะแบ่ง 2 ซีก (bilateral) ให้เห็นด้วย  ดังนั้นบทบาทของยีนต่อการกำหนดเพศจึงคงมีอยู่บ้าง
แต่ฮอร์โมนน่าจะมีน้ำหนักมากกว่ายีน  ซึ่งอันนี้ต่างจากมนุษย์  เพราะต่อให้มนุษย์ผู้หญิงเสพฮอร์โมนให้ตาย  ผู้หญิงก็ไม่มีวันที่จะมีอสุจิ  ในมนุษย์..ยีนย่อมเหนือกว่าฮอร์โมน

จบเรื่องของสัตว์  ซึ่งเราวิพากษ์กันแต่เรื่องกาย  ไม่วิพากษ์จิตใจ  เพราะเราไม่รู้จิตใจของสัตว์
มาเข้าเรื่องมนุษย์  ซึ่งประกอบด้วยกายและจิตใจ
เรื่องเพศทางกาย  ผมกล่าวไปแล้วว่าเป็นเรื่องของยีนที่ลิขิตให้มาตั้งแต่ปฏิสนธิ  จากนั้นมาตกแต่งให้สวยหรือสง่าตามเพศกำเนิดอีกที  ด้วยผลของฮอร์โมนตอนย่างสู่วัยเจริญพันธุ์
แต่เรื่องเพศทางใจ  นี่ผมมืดตื้อเลย  และผมไม่ทราบเรื่องยีน Xq28 บนโครโมโซม x ด้วย 
บางคนมีทั้งยีนทั้งฮอร์โมนจัดมาเต็มครบชุดว่าเป็น"ชาย"  แต่จิตใจกลับเป็นหญิง(ตุ๊ด)  หรือมีรสนิยมชอบผู้ชาย(เกย์)  เรื่องนี้ผมต้องขอออกนอกกรอบแห่งวิทยาศาสตร์

ในฐานะที่ผมเชื่อทั้งวิทยาศาสตร์และพุทธศาสตร์  ผมเชื่อว่ากายกับจิตเป็นคนละส่วนกัน  จึงขอยกเรื่องเพศทางใจให้ผู้เชี่ยวชาญพุทธศาสตร์มาวิจารณ์ในโอกาสต่อไป
ขอแถม...ผมไม่เห็นด้วยที่ว่า  ยีนจะสามารถกำหนดลักษณะทางจิตใจได้
ลักษณะทางกายยังต้องใช้โครโมโซมถึง 22 คู่  ส่วนลักษณะทางจิตใจมีมากมายก่ายกองไม่น้อยไปกว่าลักษณะทางกาย  มันจะไปแออัดยัดอยู่ในโครโมโซมเพศเพียง 1 คู่ได้อย่างไร
เรื่องฮอร์โมนก็ไม่สามารถกำหนดเพศทางใจได้เช่นกัน เช่น หนวดเฟิ้มเชียว..แต่เป็นตุ๊ด , หน้าใสกิ๊ง น่าจีบ ..แต่เป็นทอม

นี่เป็นประเด็นที่ยากในทางชีววิทยา  และล่อแหลมต่อจิตใจเพื่อนมนุษย์  โพสต์นี้เขียนยากและใช้เวลานานครับ  สอดแทรกความเห็นตัวเองก็มาก  หากผิดพลาด..ขออภัย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ธ.ค. 15, 09:17
ขอบพระคุณคุณธสาครสำหรับความคิดเห็นเรื่อง "กะเทย-เกย์-ตุ๊ด-ทอม"  ;D

ขอแก้ไขตรงนี้หน่อย

ยีนเป็นรหัสลับที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของเซล  ไม่มีใครสามารถเข้าไปแก้ไขได้

ยีนสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีทาง "พันธุวิศวกรรม" (genetic engineering) สิ่งมีชีวิตที่ถูกดัดแปลงด้วยวิธีนี้เรียกว่า GMO (Genetically Modified Organism) ปัจจุบันมีมากมายตั้งแต่แบคทีเรียจนถึงพืชและสัตว์


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 11 ธ.ค. 15, 01:57
ขอบคุณครับที่ช่วยแก้ไข
ตอนที่ผมอ่านตรวจทาน  ก็ได้สะดุดตรงนี้แล้ว  แต่ด้วยความล้า  ก็เลยปล่อยให้ผ่านไป  ในที่สุดก็โดนคุณเพ็ญชมพู "หยิก" จนได้


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ธ.ค. 15, 08:58
ขอพักเรื่อง "เกย์-ตุ๊ด-ทอม" ไว้ก่อน มาต่อเรื่องกะเทยกลุ่มเดียวกับผีเสื้อและกุ้งมังกร (gynandromorph-นรีบุรุษลักษณ์) ยังมีเรื่องราวให้ติดตามอีกมาก  ;D

ในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๘  ชาวประมงอเมริกันนาม David Johnson สังเกตว่าปูม้าแอตแลนติก (Atlantic blue crab - Callinectes sapidus) ตัวหนึ่งซึ่งเขาจับได้แถว ๆ เกาะเกวนน์ (Gwynn's Island) ในอ่าวเชซาพีก (Chesapeake Bay) รัฐเวอร์จิเนีย มีลักษณะแปลกประหลาดจากปูตัวอื่น คือที่ก้ามข้างหนึ่งสีแดงซึ่งเป็นลักษณะของตัวเมีย ส่วนอีกข้างหนึ่งสีฟ้าซึ่งเป็นลักษณะของตัวผู้ ปูตัวนี้สร้างความงุนงงให้จอห์นสันเป็นอันมาก เพราะตลอด ๒๕ ปีที่เขาจับปูม้าไม่เคยพบปูลักษณะนี้สักตัว จอห์นสันจึงส่งปูตัวนี้ไปยังสถาบันสมุทรศาสตร์แห่งเวอร์จิเนีย (Virginia Institute of Marine Science - VIMS) เพื่อไขข้อข้องใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับปูตัวนี้

Rom Lipcius ผู้เชี่ยวชาญแห่งสถาบันสมุทรศาสตร์แห่งเวอร์จิเนียค้นเอกสารพบว่า ปูลักษณะนี้เคยพบมาก่อนแล้วเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ ใกล้ ๆ กับเกาะสมิธ ( Smith's Island) ซึ่งอยู่ในอ่าวเชซาพีกเช่นเดียวกัน ปูตัวนี้มีลักษณะเหมือนกับปูที่จอห์นสันจับได้คือคือครึ่งหนึ่งเป็นตัวเมียและอีกครึ่งหนึ่งเป็นตัวผู้  ผู้เชี่ยวชาญอธิบายให้จอห์นสันฟังว่าปรากฏการณ์นี้เรียกว่า (bilateral gynandromorphy) พบเห็นได้บ่อยในผีเสื้อ ผีเสี้อกลางคืน และกุ้งมังกร

หนังสือพิมพ์ Washington Post พ.ศ. ๒๕๒๒ รายงานว่าปูตัวนี้ถูกตั้งชื่อว่า Springer ยังอยู่ดีมีสุขอยู่ที่ VIMS

จาก  vims.edu (http://www.vims.edu/newsandevents/topstories/archives/2005/dual_sex_crab.php)

ปูม้าตัวผู้และตัวเมียนอกจากจะแยกเพศด้วยสีที่ก้ามแล้ว ยังดูลักษณะของตะปิ้งได้ด้วย (ตามภาพ)  ;D



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ธ.ค. 15, 09:38
ปูม้ากะเทย (bilateral gynandromorphy) พบได้ไม่บ่อยนัก นอกจาก ๒ ตัวที่มีรายงานข้างบนแล้ว ตัวล่าสุดพบที่อ่าวเม็กซิโก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๖ นี้เอง

รายละเอียดอ่านได้ที่  nmnh.typepad.com (http://nmnh.typepad.com/no_bones/2013/02/rare-half-female-half-male-blue-crab-donated-to-invertebrate-zoology.html)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 14 ธ.ค. 15, 10:55
ของไทยก็น่าจะเคยมีคนพบ แต่เนื่องจากคนไทยไม่ค่อยขี้สงสัย ปูกระเทยเหล่านั้นคงมีปลายทางเป็นหม้อหรือกระทะกันหมด  ;D  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 14 ธ.ค. 15, 15:55
อ้างถึง
ปูกะเทย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 15, 10:46
สัตว์ที่พบลักษณะ gynandromorph หรือ นรีบุรุษลักษณ์ บ่อยอีกชนิดหนึ่งคือ "นก" คราวนี้เราจะลองเจาะลึกดูว่าสัตว์กะเทยพวกนี้มีนิสัยและพฤติกรรมอย่างไรบ้าง

ศาสตราจารย์ ดร. Brian D. Peer แห่งภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นอิลลินอยส์ และเพื่อนร่วมงาน Robert W. Motz ได้เฝ้าติดตามสังเกตพฤติกรรมของนกกะเทย นกคาร์ดินัลเหนือ  (http://en.wikipedia.org/wiki/Northern_Cardinal) (Northern Cardinal - Cardinalis cardinalis คนไทยจะเคยเห็นหน้านกตัวนี้บ่อย และรู้จักในนาม "นกพิโรธ - angry bird)

ตัวสีแดงทางซ้ายคือตัวผู้ ส่วนสีเทาทางขวาคือตัวเมีย  

ฉากโรแมนติกของนกพิโรธ   ;D

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5704.0;attach=47862;image)

นกกะเทยตัวที่ถูกสะกดรอยสังเกตพฤติกรรมคือเจ้าตัวนี้  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 15, 12:13
ดอกเตอร์เพียร์และคู่หูได้เฝ้าติดตามสังเกตพฤติกรรมของมันเป็นระยะราว ๔๐ วันในช่วงเดือนธันวาคมปี ๒๕๕๑-มีนาคม ๒๕๕๓ ในพื้นที่ร็อคไอส์แลนด์ รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา  จากการเฝ้าสังเกตติดตามยาวนานในสภาพธรรมชาติพบว่า ไม่เคยเห็นนกตัวนี้จับคู่ และไม่เคยได้ยินเสียงมันร้อง รวมทั้งไม่ได้แสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงร้องของนกคาร์ดินัลตัวอื่นที่บันทึกเอาไว้และนำไปเล่นให้มันฟัง ดูเหมือนจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างเงียบ ๆ และไม่พบว่านกคาร์ดินัลตัวอื่นจะแสดงปฏิกิริยาก้าวร้าวต่อมันเช่นเดียวกัน

ดอกเตอร์เพียร์รายงานพฤติกรรมของนกตัวนี้ไว้ในวารสารทางวิชาการ The Wilson Journal of Ornithology  (http://www.bioone.org/doi/abs/10.1676/14-025.1) เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๗) นี้เอง  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ธ.ค. 15, 11:03
นกคาร์ดินัลกะเทยยังพบอีกตัวหนึ่งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่รัฐเท็กซัส รายงานโดย ศาสตราจารย์ ดร. Larry Ammann อาจารย์ทางสถิติ มหาวิทยาลัยเท็กซัส จากการสังเกตตลอด ๖ สัปดาห์  ดร. Ammann พบว่านกกะเทยตัวที่สองนี้มีพฤติกรรมเหมือนนกกะเทยตัวแรกของ ดร. Peer เช่นไม่ส่งเสียงร้อง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงร้องของนกตัวอื่น  ซ้ำตัวผู้ตัวอื่นก็พยายามไล่ ตัวเมียก็ไม่สนใจ

ช่างน่าเศร้าเสียจริง ๆ  :(

อ่านรายละเอียดได้ที่  news.discovery.com (http://news.discovery.com/animals/bi-color-cardinal-mystery-110531.htm)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ธ.ค. 15, 15:04
นกกะเทย (bilateral gynandromorph) มีอยู่ในนกอีกหลายชนิด อย่างเช่น

ซีบราฟินช์ (zebra finch - Taeniopygia guttata)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ธ.ค. 15, 15:22
นกกระติ๊ดใหญ่อกสีกุหลาบ (rose-breasted Grosbeak - Pheucticus ludovicianus)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ธ.ค. 15, 11:27
ไก่กะเทยตัวนี้ชื่อ "Sam" ด้านซ้ายเป็นตัวผู้ชื่อ "Samuel" ด้านขวาเป็นตัวเมียชื่อ "Samantha" นักวิทยาศาสตร์ผู้สังเกตพฤติกรรมของ "แซม" บอกว่า "แซม" คิดว่ามันเป็นตัวผู้ (ในขณะที่ตัวเมียในฝูงอาจไม่คิดอย่างนั้นก็ได้  ;D)

เรื่องและภาพของแซมมีรายละเอียดอยู่ใน scienceblogs.com (http://scienceblogs.com/grrlscientist/2010/03/12/sex-bird-gynandromorph-somatic/)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 21 ธ.ค. 15, 13:41
น่าสงสาร Sam :(  ตัวป่องบานออกไปข้างหนึ่งแบบนี้ เวลาเดินมันคงเดินเอียงข้างใช่ไหมคะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 22 ธ.ค. 15, 09:23
Sam เขาออกไข่ได้ไหมครับ คืออวัยวะภายในของเขายังเป็นเพศผู้อยู่ไหมครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ธ.ค. 15, 11:39
น่าสงสาร Sam :(  ตัวป่องบานออกไปข้างหนึ่งแบบนี้ เวลาเดินมันคงเดินเอียงข้างใช่ไหมคะ

ด้านที่เป็นตัวผู้จะมีกล้ามเนื้อที่หน้าอกมากกว่าด้านที่เป็นตัวเมียแต่คงไม่มีผลต่อการเดิน

Sam เขาออกไข่ได้ไหมครับ คืออวัยวะภายในของเขายังเป็นเพศผู้อยู่ไหมครับ

จากรายละเอียดในบทความตามลิงก์ที่ให้ไว้ใน # ๒๑๕ แซมมีอวัยวะที่คล้ายกับอัณฑะ (testis-like gonad) ในด้านซ้ายที่เป็นตัวผู้ซึ่งมีตัวอสุจิ (sperm) อยู่ในท่อสร้างอสุจิ (seminiferous tubules) ไม่มีรังไข่ หรือ อวัยวะคล้ายรังไข่ (ovary-like gonad) นั่นคงเป็นสาเหตุให้แซมแสดงออกเป็น "แมน" ในฝูงตัวเมีย  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 24 ธ.ค. 15, 03:15
อ้างถึง gynandromorph
ทึ่งตั้งแต่แรกเห็นผีเสื้อ  แล้วก็ต้องทึ่งแล้วทึ่งอีก  กับสัตว์อีกหลายชนิด  ขอบคุณครับที่ช่วยเปิดหูเปิดตา
.
.
รูปข้างล่าง...นางงามสเปนแต่งเป็น gynandromorph จากเวทีประกวดนางงามจักรวาล 2015


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 24 ธ.ค. 15, 03:25
ปลาตะพาก..ขาดครึ่งตัว  แต่ยังไม่ตาย
https://www.youtube.com/watch?v=mW-vhyhg5_s (https://www.youtube.com/watch?v=mW-vhyhg5_s)
เจ้าของเล่าว่า  มันกระโดดออกจากบ่อ  ตกมากระแทกขอบปูน  กระดูกสันหลังหัก // ผ่านไปไม่กีวันลำตัวท่อนหลังเน่า  หลุดขาดไป (เข้าใจว่าเซลล์ตายตอนกระดูกสันหลังหัก)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 24 ธ.ค. 15, 11:20
ค.ห.ช่วงนี้ออกแนว 'สัตว์น่าสงสาร' นะคะ :'(  เริ่มตั้งแต่ ค.ห.212 นกคาร์ดินัล ผู้ที่ใครๆก็ไม่รัก
                                                            ค.ห.215 Sam ผู้เข้าใจผิด คิดว่าตัวเองเป็นแมน
                                                            ค.ห.220 ปลาตะพาก ผู้ขาดตัว แต่ไม่ขาดใจ
                                                       


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ธ.ค. 15, 15:56
ปลาตะพาก..ขาดครึ่งตัว  แต่ยังไม่ตาย
https://www.youtube.com/watch?v=mW-vhyhg5_s (https://www.youtube.com/watch?v=mW-vhyhg5_s)

ช่วยคุณธสาครฉายภาพ "เจ้าบุญครึ่ง" ให้เห็นง่ายหน่อย  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=mW-vhyhg5_s#ws (http://www.youtube.com/watch?v=mW-vhyhg5_s#ws)

ฉายาเจ้าบุญครึ่งที่คุณแอนนาตั้งเข้าท่าดี  ;)

ค.ห.220 ปลาตะพาก ผู้ขาดตัว แต่ไม่ขาดใจ                                                      

ที่เจ้าบุญครึ่งรอดชีวิตมาได้คงเป็นเพราะอวัยวะสำคัญยังอยู่ครบ ทำนองเดียวกับเจ้า "ไมค์ ไก่ไร้หัว" ตัวนี้

ไก่คุณหลวงชื่อว่า "ไมค์" ฉายา "ไก่ไร้หัว" หรือ "ไก่มหัศจรรย์ (http://en.wikipedia.org/wiki/Mike_the_Headless_Chicken)

http://www.youtube.com/watch?v=pCmq4VgkGEs&feature=player_embedded#ws (http://www.youtube.com/watch?v=pCmq4VgkGEs&feature=player_embedded#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ธ.ค. 15, 16:07
รูปข้างล่าง...นางงามสเปนแต่งเป็น gynandromorph จากเวทีประกวดนางงามจักรวาล 2015

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60163;image)

bilateral gynandromorph ยังไม่เคยมีรายงานในมนุษย์ มีเพียงการแต่งเพื่อการแสดง ดังตัวอย่างภาพบนนางงามสเปนของคุณธสาครและภาพล่างพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ของคุณนวรัตน นั้นแล 

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6242.0;attach=55916;image)

ดูไปแล้วชุดของพระองค์เจ้าปฤษฎางค์งามกว่าของนางงามสเปนเสียอีก  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ธ.ค. 15, 12:01
มีนกหงส์หยกอีกตัวให้ยลโฉม นามว่า "Twinzy" ลักษณะที่เห็นเด่นชัดคือลำตัวข้างหนึ่งเป็นสีฟ้า ข้างหนึ่งเป็นสีเขียว ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็น "นรีบุรุษลักษณวิหค"  แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นลักษณะเช่นนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

คุณธสาครมีคำตอบไหมหนอ  ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 29 ธ.ค. 15, 01:10
ไม่ทราบเลยครับ  รอฟังคำตอบ
หากให้เดา  ก็เล่นกันแบบบ้านๆว่า  เอานก๒สีมาผสมพันธุ์กัน  เพื่อหวังจะได้ลูกผสมใหม่
คงทำเช่นนี้ไปเป็นร้อยครั้ง  กว่าจะได้ผลลัพธ์น่าพอใจเช่นนี้


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ธ.ค. 15, 09:15
มีนกหงส์หยกอีกตัวให้ยลโฉม นามว่า "Twinzy" ลักษณะที่เห็นเด่นชัดคือลำตัวข้างหนึ่งเป็นสีฟ้า ข้างหนึ่งเป็นสีเขียว ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็น "นรีบุรุษลักษณวิหค"  แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นลักษณะเช่นนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60208;image)

ก่อนจะอธิบายว่านกหงส์หยกตัวนี้มีสีสันแบ่งข้างดังข้างบนได้อย่างไร ต้องดูให้ออกก่อนว่านกหงส์หยกตัวผู้และตัวเมียต่างกันอย่างไร

http://www.youtube.com/watch?v=mERlRRexrVk#ws (http://www.youtube.com/watch?v=mERlRRexrVk#ws)

เราดูที่แผ่นหนังที่รูจมูกตรงโคนของจงอยปาก (cere) ตัวผู้ที่โตเต็มที่จะมีสีฟ้าส่วนตัวเมียจะออกน้ำตาล

ดังนั้นTwinzy จึงไม่ใช่นกกะเทยแต่เป็นนกตัวผู้  ;D



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ธ.ค. 15, 10:46
ลักษณะที่มีสีลำตัวสองข้างต่างกันตรงกึ่งกลาง ภาษาของนักเลงเลี้ยงนก (ฝรั่ง) เรียกว่า "halfsider" แต่ภาษานักวิทยาศาสตร์ (ฝรั่งอีกนั่นแหละ) เรียกว่า "chimera" คำ ๆ นี้นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งนำมาจากสัตว์ในเทพปกรณัมของกรีก

คิมิร่า หรือ ไคเมร่า(Chimera, Khimaira) เป็นสัตว์ในเทพนิยายกรีก ค่ะ

เป็นลูกของอีคิดน่าและไทฟอน เป็นพี่ชายของเซอร์เบอรัส คิมีรามีร่างกายกำยำและเป็นที่รวม ของสัตว์ร้าย 3 ชนิด คือ ส่วนหัวถึงหน้าอกเป็นสิงโต ลำตัวเป็นแพะ แต่บั้นท้ายกลับเป็นมังกรหรืองู นอกจากนี้ยังสามารถพ่นไฟออกมาได้เหมือนมังกรอีกด้วย คิมีราถูกวีรบุรุษเบลเลอโรฟอนผู้ขี่ม้าบินเพกาซัสแทงตายด้วยหอก
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=18080;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=18117;image)

จากการที่คิมีราเป็นส่วนผสมของสัตว์ร้าย 3 ชนิด ที่ไม่น่าจะมารวมกันได้ คำว่า คิมีรา (Chimera) จึงใช้เป็นชื่อเรียกของสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างแปลกประหลาดในปัจจุบัน เช่น ปลาทะเลน้ำลึกจำพวกหนึ่ง ซึ่งเป็นปลากระดูกอ่อน ก็ถูกเรียกว่า คิมีรา ด้วยเช่นกัน
(ข้อมูลจากพี่วิกกี้ค่ะ)

(http://www.forumkhonbaakpae.com/board/image_upload/37907kp20001-6.jpg) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=9747;image)

 


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ธ.ค. 15, 14:31
"ไคเมรา" ในทางวิทยาศาสตร์หมายสิ่งมีชีวิตที่มีชุดของสารพันธุกรรม (DNA) ที่ต่างกันอย่างน้อย ๒ ชุดในตัวเดียวกัน การเกิด chimera ของนกหงส์หยก Twinzy มีทิศทางตรงกันข้ามกับ gynandromorph ของไก่ Sam

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60208;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60147;image)

ในกรณี Sam เกิดจากไข่ที่ผสมใบเดียวแบ่งตัวผิดปรกติ

นรีบุรุษลักษณ์เกิดจากความผิดปรกติของการแยกโครโมโซมเพศ (X-Y Chromosome) ที่ไม่เท่ากันในการแบ่งเซลล์ระยะเริ่มแรกของเซลล์ไข่ซึ่งผสมแล้ว (zygote)

แต่ในกรณี Twinzy เกิดจากไข่ที่ผสมแล้ว (zygote) ๒ ใบรวมตัวเป็นไข่ใบเดียว ดังนั้นเมื่อเจริญเป็นตัวอ่อน (embyo) จึงมีชุดของสารพันธุกรรม (DNA) ที่ต่างกัน ๒ ชุด พูดง่าย ๆ ก็คือ Twinzy เป็นฝาแฝดที่อยู่ในร่างเดียวกันนั่นเอง  :o

http://www.youtube.com/watch?v=HAjPEp1U8uI#ws (http://www.youtube.com/watch?v=HAjPEp1U8uI#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 30 ธ.ค. 15, 22:11
gynandromorph ว่าประหลาดแล้ว // Twinzy ยิ่งประหลาดกว่ามาก
ชวนให้ฉงนว่า
ไซโกต2ตัว  รวมร่างกันได้อย่างไร // และเมื่อไร (เพราะหากกระบวนการแบ่งเซลล์ดำเนินไปแล้ว  ก็ไม่น่าจะรวมร่างกันได้แล้ว) // เมื่อรวมแล้ว โครโมโซมทั้ง2ชุด จะปรองดองอยู่ในนิวเคลียสเดียวกันได้อย่างไร // กระบวนการmitosis มิวุ่นวายแย่เหรอ กับจำนวนโครโมโซมที่มากเป็น2เท่า // และmitosisต้องกินเวลานานกว่าปกติแน่เลย  นกตัวนี้เจริญเติบโตช้าหรือเปล่า // ไม่น่าเชื่ออ่ะ...ประหลาดเกิ๊นนน


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ธ.ค. 15, 06:19
ภาพนี้แสดงการรวมตัวของ zygote โดยเกิดขึ้นในระยะ ๔ เซลล์  ได้ chimera ที่ประกอบด้วยเซลล์ซึ่งมาจาก zygote ๒ ใบ และมีสารพันธุกรรม (DNA) ต่างกัน  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ธ.ค. 15, 07:38
ส่งท้ายปีเก่า ๒๕๕๘

สามสิบเอ็ดธันวามาประสบ
ปีเก่าจบผ่านไปในวิถี
ผ่านทุกข์สุขเวียนไปในชีวี
เลือกสิ่งดีเอาไว้ให้จดจำ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ม.ค. 16, 06:00
ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๙

วันที่หนึ่งมกราเริ่มฟ้าใหม่
นำดวงใจใหม่ประเดิมเพิ่มสีสัน
ใจที่รักหวังดีมีให้กัน
ปีใหม่พลันพบสุขสิ้นทุกข์เทอญ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 01 ม.ค. 16, 12:04
ภาพนี้แสดงการรวมตัวของ zygote โดยเกิดขึ้นในระยะ ๔ เซลล์  ได้ chimera ที่ประกอบด้วยเซลล์ซึ่งมาจาก zygote ๒ ใบ และมีสารพันธุกรรม (DNA) ต่างกัน
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60229;image)
อืมมม..รวมร่างกันอย่างนี้นี่เอง  คิดภาพตามว่าระยะ 8เซลล์  16เซลล์  blastula gastrula ก็จะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นสร้างอวัยวะต่างๆก็ต้องหาร2เช่นนี้
น่าทึ่งที่ dna 2 ชุด ต่างคนต่างสร้างอวัยวะคนละซีก  แล้วสามารถเชื่อมประกบกันได้แนบสนิทดี
เมื่อเทียบกับไซโกตธรรมดาๆของมนุษย์  บางทียังทำงานไม่สมบูรณ์เลย เช่น การที่อวัยวะต่างๆอยู่ผิดที่ผิดทาง หรือเช่น โรคปากแหว่ง เพดานโหว่
...
นับตั้งแต่คุณเพ็ญชมพู เปิดกิจการสวนสัตว์  ผมว่า Genetic Chimera เนี่ยประหลาดสุดแล้ว // ตามมาติดๆด้วย gynandromorph


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ม.ค. 16, 13:08
นับตั้งแต่คุณเพ็ญชมพู เปิดกิจการสวนสัตว์  ผมว่า Genetic Chimera เนี่ยประหลาดสุดแล้ว // ตามมาติดๆด้วย gynandromorph

สู้กิจการการที่ "บ้านสัตว์ประหลาดสยาม" ได้หรือเปล่าหนอ  ;)

http://youtube.com/watch?v=hX9O8Gqk4YI#ws (http://youtube.com/watch?v=hX9O8Gqk4YI#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ม.ค. 16, 11:19
ต่อเรื่อง "ไคเมรา"  ปรากฏการณ์ไคเมราในสัตว์เช่น Twinzy ก่อให้เกิดความความสวยงามอย่างแปลก ๆ ในมนุษย์ปรากฏการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้แต่ไม่บ่อยนัก แต่ถ้าเกิดขึ้นล่ะจะมีอะไรตามมา มีตัวอย่างให้ศึกษา

ลิเดีย แฟร์ชาลด์ (https://en.wikipedia.org/wiki/Lydia_Fairchild) (Lydia Fairchild) คุณแม่ลูก ๓ ประสบปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง ก็เลยไปสมัครขอความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากหน่วยงานรัฐ ตามกฏคาดว่า ยิ่งมีบุตรธิดาจำนวนมากเท่าไหร่ ก็น่าจะยิ่งมีสิทธิในการขอรับเงินได้มากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันการโกง (เผื่อประเดี๋ยวไปเอาลูกใครไม่รู้มาอ้าง) เจ้าหน้าที่ก็จะต้องมีการขอตรวจ DNA ดูให้เรียบร้อยเสียก่อนว่าเป็นแม่กับลูกกันจริงหรือเปล่า ไม่อย่างงั้นก็จะไม่สามารถอนุมัติให้ได้ ตรงจุดนี้ คุณลิเดียแกก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เข้ารับการตรวจไปตามเรื่อง แต่ปรากฏว่าผลตรวจที่ออกมามันช่างน่าเซอร์ไพรซ์นัก

ผล DNA ระบุว่า เด็ก ๆ เหล่านั้นเป็นพี่น้องกันจริง และเป็นลูกของสามีคุณลิเดียจริง แต่กลับไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของตัวแกเอง คุณลิเดียแกก็เถียงบอก มันจะไม่ใช่ได้ยังไงฟะ ก็คลอดออกมาจากท้องตัวเองชัด ๆ แล้วจะให้เป็นลูกคนอื่นไปได้ยังไง!?

อย่างไรก็ตาม ทางการเค้าก็ไม่สน ถือกันตามผล DNA เป็นหลัก คุณลิเดียเลยโดนข้อหาต้องสงสัย ว่าไปลักพาตัวลูกคนอื่นเค้ามาแอบอ้าง ซึ่งในกรณีนี้รัฐมีสิทธิที่จะจัดการยึดตัวเด็ก ๆ ไปดูแลแทนได้ คุณลิเดียแกเจอแบบนี้เข้าก็ฉุนกึก รีบไปค้นหาหลักฐานรูปถ่ายตอนท้อง สูติบัตร ใบรับรองจากหมอสู ต่าง ๆ นานา เอามายืนยัน แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีใครยอมรับฟัง ขนาดทนายเองก็ไม่มีเจ้าไหนยอมรับทำคดีความ เพราะในชั้นศาลแล้ว หลักฐาน DNA ถือว่าเป็นเสมือนสิ่งศักสิทธิ์ จะไปเถียงยังไงก็ไม่มีทางชนะได้

ในที่สุด ด้วยความอับจนปัญญา ลิเดียจึงเริ่มคิดวางแผนจะพาลูกหนี แต่ทว่าพอดี๊พอดี เรื่องทั้งหมดกลับได้รับการคลี่คลายซะก่อนด้วยความฟลุคแบบสุด ๆ คือในระหว่างช่วงที่ชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้นเอง คุณลิเดียแกก็เกิดท้องขึ้นมาอีกรอบ (ยังอุตส่าห์มีอารมณ์อีกนะ) และในการตั้งครรภ์ครั้งนี้เอง ทางรัฐได้จ้างเจ้าหน้าที่ศาลให้มาติดตามบันทึกรายละเอียดทุกอย่าง คือถึงขั้นเข้าไปรอในห้องทำคลอดด้วย แล้วพอเด็กเด้งออกมาปุ๊บ ก็รีบเก็บตัวอย่างเซลนำไปตรวจ DNA ในทันที ผลการตรวจสอบออกมาปรากฏว่า ในทางพันธุกรรม เด็กคนนี้ก็ยังไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของลิเดียอยู่ดี! ฟังดูบ้าดีแท้ มันจะไม่ใช่ได้ยังไง ก็คลอดกันให้ดูเห็น ๆ! จากเหตุการณ์ที่เกิด ทำให้ทางศาลเริ่มฉุกคิดขึ้นมามากขึ้น อืมม.. ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็แสดงว่าที่ผ่านที่ผ่านมาเธออาจจะไม่ได้โกหก แต่ถ้าอย่างนั้นแล้ว มันจะอธิบายได้ว่ายังไงกันล่ะ? หรือว่าคุณลิเดียแกอาจจะมีความผิดปกติทางพันธุกรรมอะไรบางอย่าง ที่ทำให้สามารถคลอดลูกออกมาเป็นลูกคนอื่นได้ ทั้งหมดนี้อาจเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยมีใครคาดถึงมาก่อน

ความผิดปกติที่ว่าก็คือปรากฏการณ์ "ไคเมรา" นั่นแหละ ต่อมา มีทนายใจดีและหัวไวคนหนึ่งรับคดีนี้ไปทำ แล้วก็ไปค้นจนเจอเรื่องไคเมราในคนเข้า ก็เลยได้พาลิเดียไปตรวจสอบ แล้วก็ยืนยันพบว่าเธอเป็นมนุษย์ไคเมราจริง ๆ อย่างที่สงสัย ศาลรับพิจารณาแล้วก็เลยตัดสินให้เรื่องทั้งหมดก็ได้รับการยกฟ้องไปในที่สุด ถือได้ว่าจบลงแบบ happy ending นี่โชคยังดีที่ว่าลิเดียเป็นผู้หญิง เลยมีหลักฐานพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าเด็กคลอดออกมาจากตัวเธอจริง ๆ ถ้าเกิดสมมติว่ากลับกัน ลูกตรวจ DNA ออกมาแล้วไม่ตรงกับฝ่ายชายขึ้นมาละก็ เรื่องคงวุ่นวายกว่านี้เยอะ ฝ่ายคุณพ่อคงสงสัยทันทีว่าเมียตัวเองต้องไปมีชู้มาแน่ ๆ กว่าจะสืบสาวให้รู้เรื่องได้ว่าสามีเป็นมนุษย์ไคเมรา มีหวังคงได้หย่าร้างกันไปเรียบร้อยแล้ว (แต่ในคดีฆ่าข่มขืน ไม่แน่ผู้ชายที่เป็นไคเมราอาจจะได้รับประโยชน์ เพราะรหัส DNA ในสเปิร์มจากที่เกิดเหตุอาจจะสืบมาไม่ถึงตัวฆาตกรตัวจริง)

ไคเมราในคนเกิดขึ้นได้ยังไง? เค้าสันนิษฐานกันว่า อย่างกรณีของลิเดียนี่ จริง ๆ แล้วตอนอยู่ในท้องแม่ เธออาจจะเคยมีฝาแฝดที่เป็นน้องสาวอยู่อีกคนหนึ่ง(แฝดคนละไข่) แต่จากนั้นตัวอ่อนของทั้ง ๒ คน เกิดการผสมผสานรวมตัวกันกลายเป็นคน ๆ เดียว ซึ่งก็คือลิเดีย ส่วนน้องสาวของเธอถูกดูดกลืนหายเข้าไปเหลือแค่เป็นเซลล์กระจัดกระจายอยู่ในตัวลิเดียอีกทีหนึ่ง เซลล์ไข่ในรังไข่ของลิเดีย ที่ได้รับการปฏิสนธิจนให้กำเนิดเป็นลูกของเธอออกมา ๔ คนนั้น จริง ๆ แล้ว ก็อาจจะมาจากเซลล์ของน้องสาวฝาแฝดเธอที่ไม่มีโอกาสลืมตามาดูโลกผู้นั้นนั่นเอง

ไคเมรา เป็นปรากฏการณ์ที่พบน้อยมาก ๆ ในมนุษย์ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทั่วโลกมีบันทึกไว้แค่ราว ๓๐ เคสเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่แน่ ไคเมราจริง ๆ แล้วอาจจะเกิดบ่อยกว่าที่มีรายงานกันก็เป็นได้ เพราะคนเราอยู่ นั่งอยู่เฉย ๆ มันจะไปรู้ได้ยังไงว่าตัวเองเป็นไคเมรา ก็มีแต่ต้องเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมาก่อนเหมือนคุณลิเดียนั่นแหละ ถึงจะมีโอกาสได้รู้ อย่างไรก็ตาม ไคเมราที่แสดงออกในลักษณะภายนอก ก็มีอยู่บ้างเหมือนกันนะ อย่างเช่นบางคน ตาสองข้างสีไม่เหมือนกัน พอไปตรวจถึงได้รู้ว่าเป็นไคเมรา ผู้ชายอีกรายนึง ตอนแรกคิดว่าตัวเองเป็นทองแดง (มีไข่ข้างเดียว) พอไปให้หมอตรวจดู ปรากฏพบว่า ข้างในท้องอีกข้างนึง มีรังไข่ของผู้หญิงซ่อนอยู่ สันนิษฐานว่าเจริญมาจากเซลของน้องสาวฝาแฝดที่เคยอยู่ด้วยกันในท้องแม่ แต่ไม่มีโอกาสได้เกิด (ฟังดูหลอนพิลึก).. ไม่แน่นะ บางทีตัวคุณเอง ก็อาจจะเป็นไคเมราด้วยก็ได้ ต่อให้ตอนนี้คุณไม่มีพี่น้องฝาแฝด แต่ใครจะไปรู้ ไม่แน่ส่วนหนึ่งของร่างกายคุณอาจจะประกอบขึ้นมาจากเซลล์ของเค้าก็เป็นได้

ไม่แน่ ฝาแฝดที่ไม่มีตัวตน อาจจะแฝงเร้นอยู่ในตัวคุณเอง


อย่าแปลกใจว่า ทำไมเรื่องเล่าข้างบนนี้มีสำนวนน่าติดตามนัก เป็นฝีมือของคุณแทนไท ประเสริฐกุล ทายาทคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา เล่าไว้ในรายการ WiTcast (รายการคุยวิทย์ติดตลก ไว้พกไปฟังยามเปลี่ยวสมอง)  ;D

ข้างล่างเป็นภาพลิเดียและลูก ๆ ทั้ง ๔ คนที่มี DNA ไม่ตรงกับเธอสักคน


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 05 ม.ค. 16, 09:05
เคยดู CSI ตอนหนึ่ง เอาประเด็นเรื่อง ไคมีร่า ไปเล่นครับ ในละครตอนนั้น คุณหมอคนหนึ่งเป็นคนร้ายข่มขืนแล้วฆาตกรรมต่อเนื่อง แต่หลักฐานเลือดในที่เกิดเหตุ ยืนยันว่า คนร้ายเป็นชายอีกคนหนึ่ง คุณหมอเลยรอดพ้นข้อกล่าวหา แต่คดีก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด ทีม CSI ก็พิสูจน์ได้ว่า หมอเป็นไคมีร่า DNA ของร่างกายท่อนบน (ที่ได้จากการตรวจเซลในกระพุ้งแก้มในตอนแรก) กับ DNA ในร่างกายท่อนล่าง (อสุจิ) เป็นคนละชุดกัน คุณหมอจึงถูกจับได้

แต่ในละครนั้น นักนิติวิทยาศาสตร์ของ CSI จับได้ เพราะเขาสังเกตเห็นลักษณะที่ผิดปกติบางอย่างจากร่างกายภายนอก คือ เมื่อฉายแสงอุลตร้าไวโอเล็ต (ในละครใช้ไฟฉายสีม่วงๆ น่าจะใช้กระมังครับ) ไปที่แผ่นหลังแล้ว ปรากฎรอยเป็นริ้วๆ ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ดูไม่เข้าใจครับ อาจจะเป็นแค่เรื่องแต่งที่ทำให้ละครจบในตอนก็เป็นได้

ในความจริงแล้ว คนที่เป็นอย่างนี้ จะมีลักษณะภายนอกที่สังเกตได้จริงหรือครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ม.ค. 16, 10:15
แต่ในละครนั้น นักนิติวิทยาศาสตร์ของ CSI จับได้ เพราะเขาสังเกตเห็นลักษณะที่ผิดปกติบางอย่างจากร่างกายภายนอก คือ เมื่อฉายแสงอุลตร้าไวโอเล็ต (ในละครใช้ไฟฉายสีม่วงๆ น่าจะใช้กระมังครับ) ไปที่แผ่นหลังแล้ว ปรากฎรอยเป็นริ้วๆ ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ดูไม่เข้าใจครับ อาจจะเป็นแค่เรื่องแต่งที่ทำให้ละครจบในตอนก็เป็นได้

ในความจริงแล้ว คนที่เป็นอย่างนี้ จะมีลักษณะภายนอกที่สังเกตได้จริงหรือครับ


รอยที่เป็นริ้ว ๆ บนแผ่นหลังของคนที่เป็นไคเมราเรียกว่า เส้นบลาสชโค  (https://en.wikipedia.org/wiki/Blaschko%27s_lines) (Blaschko’s lines เรียกตามชื่อของคุณหมอ Alfred Blaschko แพทย์โรคผิวหนังชาวเยอรมัน ผู้สังเกตเห็นริ้วรอยนี้เป็นครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๔๔๔)  ผิวหนังของคนปรกติจะไม่เห็นริ้วรอยนี้ แต่จะพบได้ในคนที่มีลักษณะผิดปรกติซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุรวมทั้งจากไคเมราด้วย

ผิวหนังของคนที่เป็นไคเมราประกอบด้วยเซลล์ที่สร้างจากเซลล์ตั้งต้น ๒ ชุดที่มี DNA ต่างกัน ชุดหนึ่งสร้างผิวเข้ม อีกชุดหนึ่งสร้างผิวเข้มน้อยกว่า ถ้าความเข้มจางต่างกันมากก็สามารถเห็นริ้วรอยนี้ได้ด้วยตาเปล่า แต่หากต่างกันน้อยก็ต้องอาศัยตัวช่วยเช่น แสง UV อย่างในเรื่อง CSI ตอนที่คุณนริศชม

รูปแบบหนึ่งของริ้วรอย Blaschko’s lines บนแผ่นหลังของคนที่เป็นไคเมรา


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 05 ม.ค. 16, 11:39
แอ๊ะ มีจริงๆด้วย ขอบคุณครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 06 ม.ค. 16, 02:20
อ้างถึงปรากฏการณ์ chimera ในตัวของ Lydia Fairchild
fair child สมชื่อจริงๆ (ลูกของฉันจริงๆนะ จะบอกให้)
เข้าใจว่าการเก็บตัวอย่าง DNA จากลิเดีย  คงทำตามปกติที่นิยมกัน  คือเก็บจากกระพุ้งแก้มซ้ายและขวา
ขนาดว่าเก็บจาก 2 ซีกของร่างกาย  ก็ยังไม่พบ DNA ของฝาแฝดที่ถูกรวมร่าง 
ต่อไปผู้ถูกเก็บตัวอย่างคงต้องเจ็บตัวแน่ เช่น คดีข่มขืน  จะเก็บตัวอย่าง DNA จากอวัยวะอื่นไม่ได้เลย  จำเลยต้องโดนเจาะอัณฑะเพื่อดูดเอาอสุจิ  สองเข็มซะด้วยนะ..เพราะต้องแยกตัวอย่างซ้ายกับขวา


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ม.ค. 16, 10:46
ปรากฏการณ์ไคเมราพบได้น้อยในมนุษย์ แต่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสัตว์ชนิดหนึ่งคือ "มาร์โมเส็ท"

มาร์โมเส็ท (marmoset) เป็นลิงตัวเล็ก ๆ ประเภทหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในป่าเขตร้อนแถวอเมริกาใต้ (หรือแถวตลาดจตุจักรก็หาได้เหมือนกัน) ดูผิวเผินพวกมันก็หน้าตาเหมือนลิงธรรมดา ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาดมาก ทว่า เมื่อเจาะลึกลงไปถึงระดับเซลล์ มาร์โมเส็ทกลับแฝงไว้ซึ่งความพิศดารอันน่าอัศจรรย์ยิ่ง

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/9d/Marmoset_copy.jpg/220px-Marmoset_copy.jpg)

ในลิงมาร์โมเส็ท คุณแม่มักจะให้กำเนิดลูกที่เป็นแฝดสองเสมอ แฝดในที่นี้ไม่ใช่แฝดแบบที่หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ แต่เป็นแฝดแบบคนละไข่กัน ก็คือเป็นเสมือนพี่น้องที่แค่เกิดมาร่วมครรภ์ในเวลาเดียวกันเฉย ๆ เรื่องแปลกไม่ได้อยู่ตรงนี้ เพราะว่าขนาดในคน แฝดคู่ไม่เหมือน หรือ unidentical twins (เรียกอีกอย่างว่า fraternal twins) ก็มีให้เห็นอยู่ถมไป ทว่า ในมาร์โมเส็ทนั้น มันจะมีปรากฏการณ์ที่พิเศษมาก ๆ อย่างหนึ่งเกิดขึ้น นั่นก็คือในวันที่ ๑๘-๒๐ หลังจากตัวอ่อนคู่แฝดทั้งสองได้รับการปฏิสนธิ รกของพวกมันจะค่อย ๆ เริ่มเติบโตมาผสานรวมกัน จนเกิดเป็นท่อที่เชื่อมโยงตัวอ่อนทั้งสอง ทำให้สามารถเกิดการแลกเปลี่ยนเซลล์ระหว่างกันและกันได้ เซลล์จากแฝดพี่อาจโยกย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ฝั่งตัวอ่อนน้อง ขณะเดียวกัน เซลล์แฝดน้องก็อาจจะอพยพข้ามไปปะปนอยู่กับเซลของตัวอ่อนพี่ได้! โอวว.. นึกภาพอะไรดีล่ะ นึกถึงนาฬิกาทรายที่ตั้งเอาไว้แนวนอนก็แล้วกัน ในกะเปาะแก้วฝั่งนึงมีทรายสีขาว ส่วนอีกฝั่งนึงมีทรายสีดำอยู่ เทกลับไปกลับมาซักสองสามรอบ ฝั่งดำก็จะได้ทรายสีขาวไปปนอยู่ปริมาณหนึ่ง ส่วนฝั่งขาวก็จะได้ทรายสีดำเข้ามาแทรกด้วยเช่นเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวอ่อนพี่น้องมาร์โมเส็ทก็เป็นประมาณนี้แหละ และหลังจากช่วงแลกเปลี่ยนเซลล์ผ่านไป ตัวอ่อนแต่ละตัวยังคงต้องแบ่งเซลล์ต่ออีกหลายรอบ คุณลองจินตนาการดูก็แล้วกันว่าพอโตขึ้นมา ตัวตนทางพันธุกรรมของพวกมันจะออกมาเป็นยังไง?

ผลลัพธ์ที่ได้ หากคุณนำมาร์โมเส็ทโตเต็มที่มาสักตัวหนึ่ง เจาะเลือดหรือถอนขนมันออกมาตรวจดู คุณจะไม่ได้พบแค่เซลล์ที่บรรจุพันธุกรรมของตัวมันเองเพียงอย่างเดียว แต่จะพบเซลล์ที่บรรจุรหัสพันธุกรรมของพี่น้องฝาแฝดของมันผสมผสานอยู่ด้วย! เท่ากับว่ามาร์โมเส็ทตัวนั้นเป็นทั้งตัวมันเองและก็ทั้งพี่น้องของมันด้วยในเวลาเดียวกัน พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ มาร์โมเส็ทมีตัวตนในระดับพันธุกรรมถึง ๒ ตัวตนในร่างเดียว! ในทางวิทยาศาสตร์ เราเรียกสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะพิเศษแบบนี้ว่า genetic chimera


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ม.ค. 16, 10:58
ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน แวดวงวิทย์รู้มานานแล้วว่ามาร์โมเส็ทเป็นไคเมราในเลือด หมายถึงว่าเม็ดเลือดมันมีปนเปทั้งที่เป็นเซลล์ของตัวเองและก็เซลล์ที่ได้มาจากพี่น้องฝาแฝดด้วย แต่ล่าสุดนี้เพิ่งมีงานวิจัยชิ้นใหม่ (มีนาคม ๒๐๐๗) ซึ่งค้นพบว่า ระบบอื่น ๆ ในร่างกายของมันก็เป็นแบบนั้นด้วยเหมือนกัน ผลการวิจัยโดยทีมของ ดร. คอรินนา รอสส์ (Corinna Ross) แห่งมหาวิทยาลัยเนบราสกา สาขาลินคอล์น (University of Nebraska at Lincoln) ระบุว่า มาร์โมเส็ทเป็นไคเมราแทบจะทั้งตัวเลยก็ว่าได้ แต่จะเป็นมากเป็นน้อยนั้นแล้วแต่อวัยวะ ยกตัวอย่างเช่น ในมาร์โมเส็ท ๑๐๐ ตัว อาจจะมีตัวที่เป็นไคเมราในม้ามหรือในตับมากถึง ๔๐-๕๐ % โดยในบรรดาตัวที่เป็นนี้ ถ้าเราเอาตับมันมาออกมาวิเคราะห์ดู ก็อาจจะพบว่าประกอบไปด้วยเซลล์ที่มาจากฝาแฝดมันถึงประมาณ ๓๐-๔๐ % ในขณะที่ถ้าเป็นอวัยวะอย่างอื่น อย่างเช่นผิวหนังหรือสมอง อัตราส่วนของตัวที่เป็นไคเมราอาจจะพบน้อยลงมาเหลือแค่ ๓-๖ % และถ้าเอาตัวอวัยวะออกมาวิเคราะห์ดูก็อาจจะพบเซลล์ของฝาแฝดปะปนอยู่เพียงแค่ไม่ถึง ๑๐ % อะไรทำนองนั้น เป็นต้น

ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ปรากฏการณ์ไคเมราในมาร์โมเส็ทที่พบนั้น ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ตับ ไต ไส้พุง ปอด ม้าม เลือด หัวใจ ผิวหนัง หรือ สมอง เท่านั้น แต่ยังแพร่ขยายเกินเลยไปจนถึงระดับเซลล์สืบพันธุ์ด้วย! นั่นหมายความว่าอย่างไร? ถ้าว่ากันตามนี้ก็คือ มาร์โมเส็ทตัวผู้ตัวหนึ่งที่คุณเห็นกำลังเดิน ๆ ชิว ๆ อยู่บนต้นไม้เนี่ย ไม่เพียงแต่มีสเปิร์มของตัวเองอยู่ในอัณฑะของมันเท่านั้น แต่ยังคอยพกพาสเปิร์มของพี่ชาย (หรือน้องชาย) ของมันอีกจำนวนหนึ่งติดตัวไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา!

เท่ากับว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่มาร์โมเส็ทหนุ่มตัวนี้ไปมีเมียมีลูก ลูกที่เกิดมาอาจจะมีอยู่อีกส่วนหนึ่ง (ตามผลวิจัยค้นพบว่าเป็นประมาณ ๑ ใน ๓) ที่จะได้รับสืบทอดพันธุกรรมของพี่น้องฝาแฝดของมันไปแทน พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เด็ก ๆ อาจถือกำเนิดมาจากสเปิร์มของคุณลุง แทนที่จะเกิดมาจากสเปิร์มของพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่คุณแม่ก็ไม่ได้เคยไปมีชู้กับพี่ชายของสามีมาก่อน จากมุมมองของคุณพ่อ ลูกที่เกิดมาอาจจะไม่ใช่ลูก แต่อาจจะเป็นหลานของตัวเอง มาร์โมเส็ท ๒ ตัว อาจจะเป็นทั้งพี่น้องกัน และก็เป็นทั้งลูกพี่ลูกน้องกันด้วย ในเวลาเดียวกัน


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ม.ค. 16, 11:11
มาร์โมเส็ท จริง ๆ แล้วไม่ได้ขึ้นชื่อแค่เรื่องไคเมราเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับการกล่าวขวัญถึงในฐานะสัตว์สังคมที่มีความรักใคร่ปรองดองกันดีมาก ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกตัวผู้นี่ ถือได้ว่านิสัยดีมาก ๆ เมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ สามีมาร์โมเส็ทจะช่วยเมียตัวเองเลี้ยงลูกอย่างใกล้ชิด คอยอุ้มดูแลให้ลูกขี่หลังตลอด ผิดกับพ่อหมา หรือพ่อแมว หรือแม้แต่พ่อลิงอื่น ๆ ซึ่งพอฟันเสร็จแล้วก็มักจะชิ่งอย่างเดียว แล้วไม่ใช่เพียงแค่พ่อเท่านั้น แม้แต่บรรดาญาติ ๆ ป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ ลุง ๆ ปู่ย่าตายายมาร์โมเส็ททั้งหลาย พอมีใครมีลูกมีหลานที ก็มักจะมาช่วยกันเลี้ยงช่วยกันอุ้มตลอด เรียกได้ว่าเป็นระบบเครือญาติแบบแน่นแฟ้นมาก ๆ

คุณคอรินนา รอสส์ เชื่อว่า เอกลักษณ์เรื่องระบบครอบครัวใหญ่ซึ่งมีสมาชิกคอยช่วยกันเลี้ยงดูเด็กแบบในมาร์โมเส็ทนั้น ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากความเป็นไคเมราของพวกมันนั่นแหละ สาเหตุเนื่องมาจาก พอเป็นไคเมราปุ๊บ ก็เท่ากับว่า แต่ละตัวล้วนมีความเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันมากกว่าปกติ อย่างพี่น้องกัน ธรรมดาแชร์ยีนร่วมกันแค่ประมาณ ๕๐ % แต่พอเป็นไคเมรา เซลล์ของฉันส่วนหนึ่งก็เป็นของเธอ เซลล์ของเธอส่วนหนึ่งก็เป็นของฉัน มันทำให้ยิ่งกลายเป็นญาติสนิทกันเข้าไปใหญ่ เลยระดับพี่น้องปรกติไปอีก แถมไหนถ้าเกิดพี่มีลูก ลูกที่เกิดมาก็อาจจะเป็นลูกของน้องก็ได้ ส่วนลูกที่เกิดกับน้องก็อาจจะเป็นลูกทางพันธุกรรมของพี่ก็ได้เหมือนกัน กลายเป็นว่าใครก็ตามมีลูก ก็ยิ่งช่วย ๆ กันเลี้ยงนั่นแหละยิ่งดีที่สุด สังคมมันก็เลยออกมาในสภาพแบบว่า ไม่ค่อยมีการแบ่งแยกครอบครัวกันเท่าไหร่ ใครมีอะไรก็ช่วยเหลือกันไปนั่นแหละ จะยังไงก็ญาติ ๆ กันทั้งนั้น เพราะเนื่องมาจากปรากฏการณ์ไคเมรานั่นเอง

อีกจุดนึงที่น่าสนใจ บางครั้งการถ่ายเทเซลล์ระหว่างคู่ฝาแฝดที่เกิดขึ้นในท้องแม่ อาจเกิดแค่ในทิศทางเดียว ยกตัวอย่างเช่น เซลจากตัวอ่อนมาร์โมเส็ท A อาจจะอพยพข้ามไปปนกับตัวอ่อนมาร์โมเส็ท B แต่ในทางกลับกัน เซลจากตัวอ่อนมาร์โมเส็ท B ไม่ได้อพยพข้ามมาปนกับตัวอ่อนของมาร์โมเส็ท A เมื่อการถ่ายเทเกิดขึ้นด้านเดียวแบบนี้ ก็จะก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ลูกมาร์โมเส็ทตัวหนึ่งเติบโตขึ้นมาเป็นไคเมรา ในขณะที่พี่น้องฝาแฝดของมันอีกตัวหนึ่ง เติบโตขึ้นมาเป็นสัตว์ที่ทุกเซลล์ล้วนมีพันธุกรรมฉบับเดียวเหมือนกันหมดตามปกติ ทีมวิจัยทีมเดิม ใช้โอกาสนี้ตั้งคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อลูกตัวหนึ่งเป็นไคเมรา แต่อีกตัวหนึ่งไม่ได้เป็น? พ่อของมันจะสามารถแยกแยะความแตกต่างได้หรือไม่? และจะรักตัวใดตัวหนึ่งมากกว่าอีกตัวหรือไม่?

ผลการทดลองออกมาปรากฏว่า โดยเฉลี่ยแล้ว พ่อมาร์โมเส็ทให้เวลากับการอุ้มลูกที่เป็นไคเมรา มากกว่าลูกที่มีพันธุกรรมปกติถึง ๒ เท่า! ทำไมคุณพ่อถึงลำเอียง รักลูกที่เป็นไคเมรามากกว่า? คุณคอรินนา อธิบายบอกว่า ในสัตว์พวกลิง มีหลักฐานว่าพ่อแม่สามารถจดจำลูกของตัวเองได้ โดยอาศัยแยกแยะจากกลิ่น ไม่แน่ ทารกมาร์โมเส็ทที่เป็นไคเมราอาจจะได้เปรียบตรงที่ เซลล์ผิวหนังของมันประกอบขึ้นมาจากทั้งเซลล์ของมันเองและก็เซลล์ของน้อง (หรือพี่) พอพ่อมาดมเข้า ก็เลยอาจจะได้ความรู้สึกเหมือนกับว่า เป็นลูก ๒ ตัว ทั้งตัวพี่และก็ตัวน้องอยู่ในตัวเดียวกัน เปรียบเสมือนเป็นลูกยกกำลังสอง ซึ่งมีกลิ่นยวนใจชวนให้พ่อรักมากกว่าปรกติทำนองนั้น ก็อาจจะเป็นไปได้

เคยได้ยินคำกล่าวว่า การค้นพบที่น่าสนใจ บางครั้งก็นำมาซึ่งคำถามเสียมากกว่าคำตอบซะอีก กรณีไคเมราในมาร์โมเส็ทนี่ ช่างเข้าข่ายนั้นเป๊ะ ๆ เลย มันช่างชวนให้ขบคิดซะเหลือเกิน ว่าในโลกของมาร์โมเส็ทนี่ คำว่า ‘ตัวตน’ คืออะไรกันแน่? การเป็นพ่อแม่ลูก เป็นลุงป้าน้าอาหลานเหลนโหลนกันนี่ ตกลงหมายถึงอะไร? และแม้กระทั่ง

แท้จริงแล้ว ความรัก คืออะไร?

จากรายการ WiTcast รายการคุยวิทย์ติดตลก ไว้พกไปฟังยามเปลี่ยวสมอง โดย แทนไท ประเสริฐกุล (http://witcastthailand.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%87%E0%B8%97-%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2/)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ม.ค. 16, 11:19
วีนัสแมวหน้าสองสีผู้โด่งดัง ผู้เคยมาเยี่ยมกระทู้เมื่อนานมาแล้ว เชื่อกันว่ามันเป็นไคเมราเหมือนกัน แต่ยังไม่มีการพิสูจน์โดยการตรวจ DNA จากหน้าทางฝั่งซ้ายและขวา  ;D

วีนัสเป็นแมวสามสี เพศเมีย อายุ ๓ ปี อยู่ที่ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา  กำลังโด่งดังทีเดียว คลิปวิดีโอของมันมีผู้คนเข้าชมเป็นจำนวนกว่าล้านครั้ง

http://www.youtube.com/watch?v=k38bfE3ubrs&feature=player_embedded#ws (http://www.youtube.com/watch?v=k38bfE3ubrs&feature=player_embedded#ws)   

มันมีสีที่ใบหน้าแบ่งครึ่งกันอย่างพอดิบพอดี แถมยังมีตาสองสีอีกด้วย ใบหน้าฝั่งซ้ายมีสีส้มและตาฟ้า ส่วนใบหน้าฝั่งขวามีสีดำและตาสีเขียว

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=35859;image)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ม.ค. 16, 09:38
สุนัขหน้าสองสีสไตล์แมววีนัส (แต่ไม่ดังเท่า) เชื่อว่าเป็นไคเมราเหมือนกัน  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ม.ค. 16, 09:02
หนูกับกระต่ายสไตล์แมววีนัส กระต่ายตัวขวาเจ้าของตั้งชื่อว่า "วีนัส" ตามรอยแมวเซเลบริตี้ตัวดังด้วย ยังมี เฟซบุ๊ก (https://www.facebook.com/VenustheBunny?fref=nf) เป็นของตัวเองด้วย  ;D



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 ม.ค. 16, 15:40
จิ้งจกน้ำเม็กซิกัน  (http://en.wikipedia.org/wiki/Axolotl) (Axolotl) ปรกติมีอยู่หลายสี

Axolotl มีได้หลายสี ตั้งแต่สีชมพู (เผือก) เหลือง ไปจนถึงสีดำ

(http://www.caudata.org/cc/images/species/Ambystoma/A_mexicanum1LITTLE.jpg)

ถ้าสีอย่างนี้ก็เป็นไคเมรา   ;D

http://www.youtube.com/watch?v=7KHf5Blx-LI#ws (http://www.youtube.com/watch?v=7KHf5Blx-LI#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ม.ค. 16, 14:48
ปลาตะพาก..ขาดครึ่งตัว  แต่ยังไม่ตาย

เจ้าของเล่าว่า  มันกระโดดออกจากบ่อ  ตกมากระแทกขอบปูน  กระดูกสันหลังหัก // ผ่านไปไม่กีวันลำตัวท่อนหลังเน่า  หลุดขาดไป (เข้าใจว่าเซลล์ตายตอนกระดูกสันหลังหัก)

http://www.youtube.com/watch?v=mW-vhyhg5_s#ws (http://www.youtube.com/watch?v=mW-vhyhg5_s#ws)

เจ้าบุญครึ่งของคุณธสาคร บุญน้อย เสียชีวิตแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

นายวัชรพันธุ์เล่าว่า เจ้าบุญครึ่งตายเมื่อเวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. ของวันเสาร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๙ ด้วยอาการติดเชื้อ โดยเจ้าบุญครึ่งได้แสดงอาการผิดปกติ เซื่องซึม กินอาหารน้อยลง เกล็ดหลุด และมีลักษณะแผลกดทับกลางลำตัว ตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๑๑ มกราคม ถึงแม้ว่าตนจะพยายามควบคุมการให้ยา และคอยปรับสภาพน้ำ แต่ยากที่จะยื้ออาการไหว ตายในที่สุด

จาก ข่าวสด (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1453012817)

RIP เจ้าบุญครึ่ง ปลาตะพาก ผู้ขาดตัว แต่ก็สู้จนขาดใจ   :(


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 24 ม.ค. 16, 00:49
ขอบคุณครับที่เอาข่าวมาฝากกัน


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ม.ค. 16, 08:37
Arapaima เคยมาเยี่ยมกระทู้รึยังคะ

 (http://www.youtube.com/watch?v=5G_6YZrNNy0[/url)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ม.ค. 16, 09:07
จากปูมบันทึกของกระทู้สัตว์ประหลาด เพ็ญชมพูพา อะราไพมา หรือ ปลาช่อนอเมซอน มาเยือนกระทู้ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๖

ปลาอะไรหนอ ตัวใหญ่จัง   ;)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=40002;image)

ปลาช่อนอเมซอนครับ แถวอเมซอนเรียกว่าปลา arapaima, pirarucu, หรือ paiche เคยได้ยินว่ามีนำเข้ามาเลี้ยงเป็นปลาสวยงามแถวบ้านเรา  ตัวโตเต็มวัยยาวประมาณ 2 เมตร น้ำหนักราว 100 ก.ก. ครับ สถิติบอกว่าเคยเจอหนักถึง 200 ก.ก. ก็มี ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นปลาเกร็ดน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก(มั๊ง)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ม.ค. 16, 09:11
อีกหนึ่งปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๕๗ คุณเทาชมพูจึงพาปลาช่อนยักษ์มาเยือนกระทู้เป็นครั้งที่สอง  ;D

ปลาช่อนยักษ์?

วันที่ 23 ก.ค.57 ชาวบ้านยโสธร เจอปลาช่อนขนาดยักษ์ยาว 3 เมตร

ชาวบ้าน อำเภอค้อวัง จ.ยโสธร ทำการหาปลา แล้วไปเจอปลาคล้ายปลาช่อน ไม่เหมือนปลาไทย คล้ายไปทางปลาแถวลุ่มน้ำอเมซอน อเมริกาใต้ ขนาดยาว 3 เมตร หนักราว 100 กิโลกรัม ไม่มีใครกล้าซื้อ หรือทำกิน


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5920.0;attach=49805;image)

เจ้าตัวนี้คุณชายประกอบเทพรู้จักดี

กินได้ อร่อยด้วย

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 27 ม.ค. 16, 13:24
ควายคะนิ้ง
ไม่ทราบพิกัดที่แน่ชัด  ปรากฏในข่าวรวมๆว่า  เกิดหิมะตกทางตอนใต้ของมณฑลกวางตุ้ง+กวางสี


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ม.ค. 16, 15:01
เหตุเกิดที่เมืองจีน ที่ความสูง ๑,๑๗๐ เมตร อุณหภูมิ -๑ °ซ วันเสาร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๙  ;D

ภาพจาก http://sztqb.sznews.com/html/2016-01/24/content_3448140.htm (http://sztqb.sznews.com/html/2016-01/24/content_3448140.htm)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ม.ค. 16, 16:56
พรุ่งนี้ก็อุ่นแล้วค่ะ  ควายคะนิ้งจะได้กลับเข้าสู่สภาพปกติเสียที


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 ม.ค. 16, 11:31
RIP เจ้าบุญครึ่ง ปลาตะพาก ผู้ขาดตัว แต่ก็สู้จนขาดใจ  

ปลาที่มีลักษณะแบบเจ้าบุญครึ่งมีอยู่อีกตัวหนึ่งอยู่ที่มัลดีฟส์ ชาวประมงจับมันได้แล้วเฉือนลำตัวออกจนเหลือแต่หัวและครีบ (ตอนนี้หวาดเสียวหน่อย อ่านข้าม ๆ ไปก็ได้  :o) แล้วโยนมันลงทะเล ตามข่าวเขาว่าอย่างนั้น แต่มันยังว่ายน้ำอยู่ได้ในทะเล ข่าวนี้ออกเมื่อเดือนเมษายน ปีที่แล้ว ป่านฉะนี้อาจจะไปพบกับเจ้าบุญครึ่งในสวรรค์ของปลาแล้วก็ได้  ;D

ข่าวจาก มิร์เรอร์ (http://www.mirror.co.uk/news/weird-news/watch-amazing-moment-fish-head-5446199)

http://www.youtube.com/watch?v=2qTOG34I4ms#ws (http://www.youtube.com/watch?v=2qTOG34I4ms#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 30 ม.ค. 16, 00:36
มองเห็นไส้ราวกับกระสือเยี่ยงนี้  น่าจะรอดอยู่ได้อีกไม่กี่นาที
ผมคิดว่าเป็นการถ่ายคลิปโชว์ความสามารถของมือมีด  ว่าสามารถลงมีดได้แม่นยำและฉับไว
ทำนองเดียวกับวีดีโอแสดงความสามารถของพ่อครัวที่ขอดเกล็ด-บั้งปลา-ทอดในน้ำมัน  แล้วนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร  โดยที่ปลายังอ้าปากพะงาบๆ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ก.พ. 16, 12:19
เหตุเกิดที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฟินิสเตร์ราเอ (Finisterrae) ในเมืองอาโกรุญญา (A Coruña) ประเทศสเปน  ทันทีที่เสียงเพลงจากวงดนตรีแจ๊สเริ่มขึ้น ปลาไหลยักษ์คองเกอร์ (conger eel) ในตู้แสดงสัตว์น้ำก็เริ่มโยกย้ายส่ายไปมาตามจังหวะ ทำเอานักท่องเที่ยวผู้เข้าชมต่างพากันหัวเราะคิกคักชื่นชมในความน่าเอ็นดูของมัน นักกีตาร์เล่าว่าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเต้นระบำตามเสียงดนตรีจนเพื่อนในวงหันมาบอก

http://www.youtube.com/watch?v=jQSzLlNXxo0#ws (http://www.youtube.com/watch?v=jQSzLlNXxo0#ws)

ข่าวจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3381875/Massive-eel-filmed-DANCING-smooth-saxophone-music-aquarium.html)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.พ. 16, 14:35
เรื่องเต้นรำ ยังมีปลาไหลอีกชนิดหนึ่งมีลีลาคล้ายกับการเต้นรำมาก

ปลาไหลสวน (garden eel) Gorgasia sillneri (https://en.wikipedia.org/wiki/Gorgasia_sillneri) ปรกติขุดรูอยู่ในพื้นทรายใต้ทะเล เมื่อปลอดภัยจากศัตรูก็จะโผล่ขึ้นมาโยกย้ายส่ายลำตัวตามกระแสน้ำเพื่อกินแพลงตอนที่ลอยมา  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=wh5Wi0AETw8#ws (http://www.youtube.com/watch?v=wh5Wi0AETw8#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 10 ก.พ. 16, 17:54
         ไม่ทราบว่ามีใครนำเสนอคลิป ปลาบินได้ นี้หรือยัง วันนี้เห็นคลิปตื่นตา,ตื่นเต้นนี้แล้ว
อดนำมาสำแดงต่อไม่ได้

Flying fish hunt - The Hunt: Episode 4 preview - BBC One
http://www.youtube.com/watch?v=szuchBiLrEM (http://www.youtube.com/watch?v=szuchBiLrEM)
kitskinny.files.wordpress.com


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 11 ก.พ. 16, 00:24
น่าตื่นตาจริงๆครับ  แม้ผมทราบมาก่อนว่าปลานกกระจอกสามารถบินได้  แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมีทักษะสูงขนาดนี้
สามารถปรับองศาครีบให้ต้านลมน้อยก็ได้ มากก็ได้  บางจังหวะถึงกับเหินเชิดหัวขึ้นราวกับ F-16  โดนลมหอบจนถอยหลัง (นาทีที่ 1.18)
และยังสามารถหุบครีบ  ทิ้งตัวดิ่งลงสู่ผิวน้ำได้อย่างฉับไวอีกด้วย
เป็นปลาที่ปราดเปรียวมาก  ไม่กระจอกเหมือนอย่างชื่อ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ก.พ. 16, 09:56
        ไม่ทราบว่ามีใครนำเสนอคลิป ปลาบินได้ นี้หรือยัง วันนี้เห็นคลิปตื่นตา,ตื่นเต้นนี้แล้ว
อดนำมาสำแดงต่อไม่ได้
คลิปของคุณศิลาตื่นเต้นกว่าที่เคยเอามาโชว์ อย่างนี้เข้าสำนวนที่ว่า "หนีเสือปะจระเข้"  ;D

เคยพามาบินโชว์บ้างแล้ว

ครีีบของปลานอกจากจะทำหน้าที่เป็นเท้าแบบปลาตีนแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นปีกได้อีก อย่างเช่น

ปลาบิน  (http://en.wikipedia.org/wiki/Flying_fish) รู้สึกว่าคนไทยจะเรียกว่า ปลานกกระจอก


http://www.youtube.com/watch?v=OmWRCdUw17E&feature=player_embedded#ws (http://www.youtube.com/watch?v=OmWRCdUw17E&feature=player_embedded#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ก.พ. 16, 14:07
เมื่อวานซืนนี้ (๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) หนุ่มออสเตรเลีย Ethan Tipper  ได้โพสต์ลงใน เฟซบุ๊ก  (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1696608980585678&set=a.1380042092242370.1073741827.100007097767430&type=1&theater) ถามว่าสัตว์ประหลาดในภาพนี้คือตัวอะไร ตัวประหลาดที่ว่านี้ถูกซัดมาเกยฝั่งบริเวณท่าเรือเมือง Swansea ทะเลสาบ Macquarie รัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย  ภาพนี้ได้ถูกนำลงในหลายสื่ออย่างรวดเร็ว บ้างก็ว่าเหมือนลูกผสมระหว่างจระข้ (ส่วนลำตัว) และโลมา (ส่วนหัว) บ้างก็ว่าเป็นภาพผ่านการตกแต่งโดยโฟโตช็อป

ผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำออสเตรเลียบอกว่ามันน่าจะเป็น ปลาไหลหอก (pike eel) (https://en.wikipedia.org/wiki/Pike_eel) ซึ่งเมื่อโตเต็มที่มีความยาวเฉลี่ยประมาณ ๑.๘ เมตร

ข่าวจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3448823/Ugly-dragon-like-sea-creature-washes-shore-Lake-Macquarie.html)

คุณธสาครจะมีความเห็นเป็นอื่นหรือเปล่า   ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 18 ก.พ. 16, 00:26
ผมมองว่าเป็นปลาไหลทะเลชนิดหนึ่ง  แต่ไม่สามารถระบุชนิดได้ (และไม่ใช่รูปตัดต่อครับ)
...
...
ผมขอเรียกปลาไหลตามความเข้าใจของประชาชนทั่วไป  แบบว่าลำตัวยาวๆ ก็เหมารวมเรียกเป็น "ปลาไหล" ไปหมด  เพราะหากจะเรียกให้เจาะจงลงไป  ผมคงต้องรื้อฟื้นความจำกันอักโข
ที่เราเรียกกันดาดๆว่า "ปลาไหล" นั้น  ในทางวิทยาศาสตร์เขาจำแนกออกเป็นกลุ่มต่างๆมากมาย  ซึ่งบางกลุ่มก็มีสายแห่งวิวัฒนาการห่างเหินจากอีกกลุ่มหนึ่งค่อนข้างมาก
ทำนองเดียวกับที่เราเรียก กุหลาบหิน กุหลาบเมาะลำเลิง กุหลาบพันปี เอื้องกุหลาบ ชื่อข้างต้นเหล่านี้ไม่ได้เป็นญาติใกล้ชิดกับกุหลาบแท้ๆ (rose) เลย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.พ. 16, 10:19
ขอบพระคุณคุณธสาครที่กรุณาเข้ามาช่วยเสริม

ขอเสริมเรื่องชื่อปลาไหลตัวนี้หน่อย

ผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำออสเตรเลียบอกว่ามันน่าจะเป็น ปลาไหลหอก (pike eel) (https://en.wikipedia.org/wiki/Pike_eel) ซึ่งเมื่อโตเต็มที่มีความยาวเฉลี่ยประมาณ ๑.๘ เมตร
ปลาไหลตัวที่ผู้เชี่ยวชาญเข้ากล่าวถึงมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Muraenesox bagio พบได้ในเมืองไทยแถวจังหวัดสงขลา  มีชื่อไทยคือ"ปลามังกร" ชื่อฝรั่งอีกชื่อคือ Common pike conger (http://www.sci.psu.ac.th/chm/biodiversity/fish_fam_Muraenesocidae.html)

ท่านรอยอินอธิบายปลาไหลตัวนี้ว่า

มังกร  ชื่อปลาไหลทะเลในสกุล Muraenesox วงศ์ Muraenesocidae ลําตัวยาวทรงกระบอก ส่วนหางแบนข้าง ไม่มีเกล็ด ปากกว้าง จะงอยปากบนยาวลํ้ากรามล่าง ฟันคม แข็งแรง ครีบอกใหญ่ พื้นลําตัวและครีบสีนํ้าตาลอ่อนปนเหลืองหรือคลํ้า ด้านท้องสีขาว ขอบครีบหลัง ครีบก้น และครีบหางสีดํา ขนาดยาวได้ถึง ๑.๕ เมตร, ยอดจาก เงี้ยว หลด หรือ ไหล ก็เรียก.

ชื่อสามัญ "ปลามังกร" น่าจะทำให้หลายคนสับสนกับปลาอีกหลายตัว ดังนั้นหากสื่อสารเรื่องสัตว์หรือพืชอย่างเป็นวิชาการ ให้เข้าใจตรงกัน ชื่อวิทยาศาสตร์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด  ;D

เปรียบเทียบสัตว์ประหลาดที่ออสเตรเลีย กับ ปลามังกร Muraenesox bagio


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 18 ก.พ. 16, 14:19
ถ้าเป็น Muraenesox  ผมเคยเห็นตัวยาวถึง 2 เมตรอยู่บ่อยๆ (ถึงแม้รอยอินจะกล่าวคร่าวๆว่ายาวได้ถึง 1.5 เมตร)
ปลาไหลชนิดนี้ น่าจะเป็นพันธุ์ใหญ่ที่สุดที่พบในไทย  ถ้ายาวถึง 2 ม.  ลำตัวจะอวบอ้วนจนสองมือของผู้ชายไม่สามารถกำได้รอบ  คือสัดส่วนตอนเด็กจะเรียว...ตอนแก่จะอวบ
ลักษณะเด่นของปลาไหลชนิดนี้เมื่อเทียบกับปลาไหลกลุ่ม(Family)อื่น คือ Muraenesox จะมีกล้ามเนื้อที่ดูแน่นหนา  ขณะที่ปลาไหลกลุ่มอื่นๆจะมีกล้ามเนื้อเหลวปอดแปด
รูปจากออสเตรเลีย  จะเห็นแนวริ้วซี่โครงเป็นบั้งๆ ตลอดความยาวลำตัว  ซึ่งลักษณะนี้ก็ตรงกับ Muraenesox


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 ก.พ. 16, 11:00
สองตัวนี้ตกได้ที่อ่าวป่าตอง ภูเก็ต คนที่นั่นเรียกว่า "ปลายอดจาก"  ;D

ภาพโดย คุณบอล (http://www.siamfishing.com/board/view.php?tid=76205&onlyuserid=0&begin=25)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.พ. 16, 18:57
ตัวนี้เข้าคอลเลคชั่นสัตว์ประหลาดหรือยังคะ
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9590000017416 (http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9590000017416)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 21 ก.พ. 16, 03:09
ปลาของคุณเทาชมพู  อยู่ในครอบครัว Scorpaenidae  โดยมีชนิดที่คนไทยรู้จัก เช่น ปลาสิงโต ปลากะรังหัวโขน
ปลาในครอบครัวนี้  ส่วนใหญ่มีหน้าตาประหลาดเข้าขั้นดาวร้าย ดาวตลก  บางชนิดสวยงามเข้าขั้นนางเอก  และบางชนิดก็หน้าตาธรรมดาๆ

ผมขอเทครัว Scorpaenidae มาแสดงไว้พอสังเขป
ชื่อวิทยาศาสตร์ (ลอกมาจากต้นแหล่ง ผมไม่ได้ตรวจสอบซ้ำ) เรียงจากบนลงล่าง
Rhinopias eschmeyeri ดาวร้าย หรือ ดาวตลก?
Rhinopias frondosa
Rhinopias eschmeyeri
Pterois volitans นางเอกประจำตระกูล


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 21 ก.พ. 16, 03:32
ชื่อวิทยาศาสตร์  เรียงจากบนลงล่าง
Synanceia verrucosa
Synanceia horrida  ปลากะรังหัวโขน  พบในไทยด้วย  เป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุด(ถึงตาย)  ไม่เพียงแต่ในบรรดาเพื่อนร่วมวงศ์เท่านั้น  แต่ร้ายแรงที่สุดในอาณาจักรปลาทั้งหมด  ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเตือนกันตอนเรียนดำน้ำ  แต่อันที่จริง  เตือนหรือไม่เตือนก็ไม่มีประโยชน์  เพราะในสภาพธรรมชาติ นักดำน้ำจะสังเกตเห็นปลาชนิดนี้ได้ยาก (โดนก็รู้เอง..ทำใจซะ..ประมาณนั้น)

*บางตำราจัดให้สกุลนี้ แยกไปอยู่อีกวงศ์ต่างหาก


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 21 ก.พ. 16, 03:37
มาดูสมาชิกในครอบครัว  ที่หน้าตาธรรมดาๆบ้าง
ชื่อวิทยาศาสตร์ (ลอกมาจากต้นแหล่ง ผมไม่ได้ตรวจสอบซ้ำ) เรียงจากบนลงล่าง
Scorpaena notata
Scorpaena scrofa
Caracanthus maculatus


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 21 ก.พ. 16, 03:54
มีปลาอีกครอบครัวหนึ่ง(Antennariidae)  ซึ่งผมมักจะเผลอคิดว่าเป็น Scorpaenidae  เพราะไปติดกับภาพลักษณ์การพรางตัวของพวกมัน
ในรูปนี้ เป็นปลา 1 ตัว กับ ฟองน้ำ 1 ก้อน  จังหวะจับภาพ..เหมาะเหม็งมาก 
แหล่งภาพแจ้งเพียงชื่อสามัญว่า frogfish  โดยไม่ระบุชื่อวิทยาศาสตร์
เครดิตรูป Photo by Andrew Taylor in Mozambique


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 21 ก.พ. 16, 17:19
วันนี้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีน เห็นปลาในตู้ที่ทางร้านให้คนไปเลือกเอามาทำอาหาร ชื่อ ปลาเทอร์บอทฝรั่งเศส หน้าตาท่าทางมันดูน่าสงสารมากกว่าจะน่ากิน :(  ทางร้านไม่ยอมให้ถ่ายรูป ไม่งั้นจะเอามาโพสต์ในกระทู้นี้ของอาจารย์แล้วค่ะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ก.พ. 16, 09:37
ตัวนี้เข้าคอลเลคชั่นสัตว์ประหลาดหรือยังคะ
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9590000017416 (http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9590000017416)


ดูภาพชัด ๆ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ก.พ. 16, 13:16
ปลาของคุณเทาชมพู  อยู่ในครอบครัว Scorpaenidae  

ปลาจากเมืองชิงเต่า มณฑลซันตง ของคุณเทาชมพูอยู่ในครอบครัว Scorpaenidae คือวงศ์ปลาแมงป่อง น่าจะเป็นตัวนี้

Synanceia verrucosa

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60529;image)


ปลาหิน reef stonefish Synanceia verrucosa (http://en.wikipedia.org/wiki/Synanceia_verrucosa)


ปลาสีชมพูที่มีพิษมากที่สุดในโลก พิษของมันอยู่ที่ หนามแหลมบนส่วนหลัง  (http://animaldiversity.ummz.umich.edu/accounts/Synanceia_verrucosa/pictures/collections/contributors/Grzimek_fish/Scorpaeniformes/ScorpaeniformesII/Synanceia_verrucosa/) ของมันทำให้เป็นอัมพาตและถึงตายได้

http://www.youtube.com/watch?v=ZLZAEkz17nc#ws (http://www.youtube.com/watch?v=ZLZAEkz17nc#ws)

มองดูครั้งแรก หลายคนคงดูไม่ออกว่าเป็นปลาหรือหิน


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ก.พ. 16, 13:33
ถึงแม้ปลาหินจะมีพิษร้ายแรงถึงตายแต่เนื้อของมันอร่อยนักเชียว ก่อนจะนำไปปรุงเป็นอาหารอันดับแรกต้องเอาหนามแหลมบนส่วนหลังของมันออกก่อน

http://www.youtube.com/watch?v=_glWredaHFo&ebc=ANyPxKpEOeW7sT_y2I07SFNB1Bxs1L_odlWnAsu_FhmxekiWc2D9YJvKHQKTrlpRmgjPmqgjBmLSroTFkpnwHnYavnFTe_hRyw#ws (http://www.youtube.com/watch?v=_glWredaHFo&ebc=ANyPxKpEOeW7sT_y2I07SFNB1Bxs1L_odlWnAsu_FhmxekiWc2D9YJvKHQKTrlpRmgjPmqgjBmLSroTFkpnwHnYavnFTe_hRyw#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ก.พ. 16, 11:56
มีปลาอีกครอบครัวหนึ่ง(Antennariidae)  ซึ่งผมมักจะเผลอคิดว่าเป็น Scorpaenidae  เพราะไปติดกับภาพลักษณ์การพรางตัวของพวกมัน
ในรูปนี้ เป็นปลา 1 ตัว กับ ฟองน้ำ 1 ก้อน  จังหวะจับภาพ..เหมาะเหม็งมาก  
แหล่งภาพแจ้งเพียงชื่อสามัญว่า frogfish  โดยไม่ระบุชื่อวิทยาศาสตร์


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60535;image)

ปลากบมักทำให้คนตะลึงในความประหลาดของ "ครีบที่คล้ายขา" ของมัน อย่าง เจ้าตัวนี้ที่จับได้ที่นิวซีแลนด์เมื่อเดือนก่อน   (http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/australiaandthepacific/newzealand/12108262/Frogfish-Meet-the-curious-creature-that-walks-at-the-bottom-of-the-sea.html)

นักวิทยาศาสตร์แห่ง Museum of New Zealand Te Papa Tongarewa ได้ตรวจสอบแล้วว่าชื่อวิทยาศาสตร์ของมันคือ Antennarius striatus (https://en.m.wikipedia.org/wiki/Striated_frogfish)

จาก earthtouchnews.com (http://www.earthtouchnews.com/wtf/eerie-evolution/this-bizarre-black-walking-fish-just-showed-up-in-new-zealand)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 มี.ค. 16, 14:28
           ท่องเน็ทวันนี้เจอเรื่องสัตว์ประหลาดน่าสนใจ ค้นในกระทู้เก่าแล้วไม่พบว่ามีการกล่าวถึง
เจ้าอมตะแมงกะพรุน(Immortal Jellyfish) ตัวนี้
ภาพจาก  nytimes.com


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 มี.ค. 16, 14:29
          ชื่อวิชาการว่า Turritopsis Nutricula ต้นกำเนิดอยู่แถบแคริบเบียนแต่กระจายแพร่หลายไป
ทั่วโลกด้วยคุณสมบัติพิเศษเหนือใครนั่นคือ อมตะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 มี.ค. 16, 14:30
            เพราะว่ามีขบวนการพัฒนาการของเซลล์เปลี่ยนผ่าน(cell development process of
transdifferentiation) กลับสู่วันวานปฐมวัยได้


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 มี.ค. 16, 14:31
คลิปเรื่องราวแมงกะพรุนและ อ. Shin Kubota แห่ง Kyoto University ผู้อุทิศชีวิตศึกษาค้นคว้า
เพื่อไขรหัสลับแห่งชีวิตอมตะแมงกะพรุน 

http://www.youtube.com/watch?v=U4uCBd4mu3Y (http://www.youtube.com/watch?v=U4uCBd4mu3Y)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 มี.ค. 16, 14:42
แถมด้วย 10 animals with the longest life spans ที่

http://www.mnn.com/earth-matters/wilderness-resources/photos/10-animals-with-the-longest-life-spans/older-than-your#top-desktop (http://www.mnn.com/earth-matters/wilderness-resources/photos/10-animals-with-the-longest-life-spans/older-than-your#top-desktop)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 มี.ค. 16, 14:48
          ท่องเน็ทวันนี้เจอเรื่องสัตว์ประหลาดน่าสนใจ ค้นในกระทู้เก่าแล้วไม่พบว่ามีการกล่าวถึง
เจ้าอมตะแมงกะพรุน(Immortal Jellyfish) ตัวนี้
         ชื่อวิชาการว่า Turritopsis Nutricula ต้นกำเนิดอยู่แถบแคริบเบียนแต่กระจายแพร่หลายไป
ทั่วโลกด้วยคุณสมบัติพิเศษเหนือใครนั่นคือ อมตะ

ความจริงถ้าคุณศิลาใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ของเจ้าแมงกะพรุนตัวนี้ค้นในกระทู้เก่าก็เจอแล้ว  ;D

Turritopsis nutricula (http://en.wikipedia.org/wiki/Turritopsis_nutricula) เป็นแมงกะพรุน ขนาดตัวประมาณ ๕ มิลลิเมตร จะมีกลไกภายในเซลล์ที่เรียกว่า transdifferentiation (http://en.wikipedia.org/wiki/Transdifferentiation) คือเมื่อถึงวัยหนุ่มสาวเต็มที่แล้ว เซลล์ของมันจะกลับกลายเป็นอยู่ในสภาพตัวอ่อนอีกครั้ง

วงจรชีวิตลักษณะนี้จะดำเนินไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีวันสิ้นสุด ถ้ามันไม่ถูกกินหรือถูกทำร้ายตายไปเสียก่อน


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=36011;image)

http://www.youtube.com/watch?v=UscnzgG3-uw#ws (http://www.youtube.com/watch?v=UscnzgG3-uw#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 มี.ค. 16, 15:13
          ใช้คำค้นหาว่า "แมงกะพรุน" ซึ่งน่าจะกวาดมาได้หมด, แต่ไม่เจอ :(


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 มี.ค. 16, 09:46
ปลากบมักทำให้คนตะลึงในความประหลาดของ "ครีบที่คล้ายขา" ของมัน อย่าง เจ้าตัวนี้ที่จับได้ที่นิวซีแลนด์เมื่อเดือนก่อน   (http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/australiaandthepacific/newzealand/12108262/Frogfish-Meet-the-curious-creature-that-walks-at-the-bottom-of-the-sea.html)

ยังมีปลามีขาอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นข่าวฮือฮาเมื่อเดือนที่แล้ว เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3465202/Video-weird-fish-LEGS-Thailand-fishermen-stumped.html) ข่าวว่า

What on Earth is it? Thai fisherman baffled after reeling in a bizarre fish with LEGS

http://www.youtube.com/watch?v=4soWPnbWQ6E#ws (http://www.youtube.com/watch?v=4soWPnbWQ6E#ws)

ปลาอะไรหนอมีขา? พบที่เมืองไทยจริงหรือไม่?

คุณธสาครคงมีคำตอบ  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 05 มี.ค. 16, 03:22
ปลามีขา มีนอ ในคลิปของคุณเพ็ญชมพู  อยู่ในวงศ์ Ogcocephalidae
รูปประกอบข้างล่าง มีชื่อว่า Ogcocephalus corniger (ผมไม่ยืนยันว่าตัวที่ปรากฏในคลิป  กับรูปที่ผมนำมาอธิบาย  จะเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่  แต่เชื่อว่าเป็นชนิดที่ใกล้เคียงกัน)



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 05 มี.ค. 16, 03:29
นี่เป็นอีกชนิดที่อยู่ร่วมวงศ์ Ogcocephalidae
มันชื่อ Malthopsis gigas  คนละชนิดกับที่ปรากฏในคลิป 
แต่ที่นำมาแสดงไว้  เพราะต้องการให้เห็น "ครีบ-อก" ที่พัฒนามาทำหน้าที่แทนขา  เนื่องจากมันมีพฤติกรรมหากินตามพื้น  ขาจึงจำเป็นกว่าครีบ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 05 มี.ค. 16, 03:48
ตัวที่ปรากฏในคลิปของคุณเพ็ญชมพู  ไม่มีในไทย (ข้อมูลเก่าสมัยเรียน)
เสียงในคลิปก็ไม่ใช่ภาษาไทย

ชนิดที่พบในไทย  ผมจำชื่อวิทยาศาสตร์ไม่ได้  และดูเหมือนว่าจะแยกไปอยู่อีกวงศ์หนึ่ง (Lophiidae) (แต่ก็ยังถือว่าใกล้เคียงกัน)
ผมจำได้เพียงตัวเป็นวงกลม(หรือเกือบกลม)  ไม่ใช่สามเหลี่ยม  ไม่มีนอ  เหมือนอย่างในคลิป
รูปที่นำมาแสดงข้างล่าง  เพื่อสื่อถึงรูปร่างที่ใกล้เคียงกับพันธุ์ไทย (ไม่รับรองว่าเป็นพันธุ์ไทยหรือไม่)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 มี.ค. 16, 10:12
ปลาอะไรหนอมีขา? พบที่เมืองไทยจริงหรือไม่?

คุณธสาครคงมีคำตอบ  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=4soWPnbWQ6E#ws (http://www.youtube.com/watch?v=4soWPnbWQ6E#ws)

ปลามีขา มีนอ ในคลิปของคุณเพ็ญชมพู  อยู่ในวงศ์ Ogcocephalidae
ตัวที่ปรากฏในคลิปของคุณเพ็ญชมพู  ไม่มีในไทย (ข้อมูลเก่าสมัยเรียน)
เสียงในคลิปก็ไม่ใช่ภาษาไทย

ขอบพระคุณสำหรับคำตอบของคุณธสาคร  ;D



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 มี.ค. 16, 10:18
            สัตว์ประหลาด'เครื่อง'นี้ มีชื่อว่า Spot เป็นหุ่นยนต์สุนัขของกูเกิ้ล
 
คลิปน้องหมา terrier กล้าๆ กลัวๆ เห่าใส่สป็อทอย่างไม่รู้เหนื่อย

http://www.youtube.com/watch?v=wAhCjC6MuHA (http://www.youtube.com/watch?v=wAhCjC6MuHA)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 มี.ค. 16, 10:24
หุ่นยนต์ของคุณกุ๊กไม่ใคร่เหมือนสุนัขเท่าไร  ;)

มาต่อเรื่องปลาประหลาดกัน

นี่คือคลิปภาพชัด ๆ ของปลาประหลาดตัวนี้ เหตุเกิดเมื่อต้นเดือนก่อน (กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) ที่ทะเลสาบ "อิไตปู" (Lago de Itaipu) ในประเทศบราซิล

http://www.youtube.com/watch?v=99EHEtiRkaI#ws (http://www.youtube.com/watch?v=99EHEtiRkaI#ws)

เสียงในคลิปต้นฉบับเป็นภาษาที่ใช้กันในประเทศนี้คือภาษา "โปรตุเกส" ฟังชัด ๆ ได้จากใน  เฟซบุ๊ก  (https://web.facebook.com/TucunaFishing/videos/vb.941663119190647/1092783857411905/?type=2&theater&_rdr) นี้  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 มี.ค. 16, 10:48
น่าแปลกที่สื่ออินเตอร์อย่าง "เดลิเมล" และ อีกหลาย ๆ สื่อทั้งของฝรั่งและไทย (https://www.google.co.th/search?q=fish+with+leg+thai+fisherman&sourceid=ie7&rls=com.microsoft:en-US&ie=utf8&oe=utf8&gws_rd=cr,ssl&ei=-vfcVpaONIOnuQTmhofICw) ลงข่าวกันเอิกเกริกว่าปลาตัวนี้จับได้โดยชาวประมงไทย โดยไม่มีการตรวจสอบที่มาให้ถูกต้อง

ปลาตัวนี้ชื่อสามัญคือ ปลาค้างคาว (batfish) อยู่ในวงศ์ Ogcocephalidae อย่างที่คุณธสาครว่า น่าจะเป็น ปลาค้างคาวบราซิล (Brazilian batfish) (https://en.wikipedia.org/wiki/Brazilian_batfish) Ogcocephalus vespertilio


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 มี.ค. 16, 15:44
หมู่นี้มีเกี่ยวกับปลาประหลาดอยู่บ่อย ๆ ปลาตัวนี้ถูกจับได้ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ แคนาดา เมื่อเร็ว ๆ นี้  หนังสือพิมพ์ฝรั่งหลายฉบับเรียกมันว่า "ปลาเอเลียน" (alien fish)

คุณธสาครน่าจะบอกได้ว่า แท้จริงแล้วมันคือปลาอะไร  ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 14 มี.ค. 16, 16:44
ปลาข้างบนปลาอะไรไม่รู้ แต่ตัวที่คุณธสาครเอามาให้ดู บอกว่าวงศ์ Lophiidae น่าจะเป็นตัวเดียวกับที่ฝรั่งเรียกว่า monkfish เคยสั่งมากินหนนึง(เพราะมีคนเลี้ยง)  ไม่เคยรู้ว่าไอ้ monkfish นี่หน้าตาเป็นไง เห็นมีในเมนูและเป็นปลาเลยสั่งมา เนื้อมันขาวฟู รสชาติใช้ได้   กลับบ้านไปเลยไปหาดูว่าหน้าตามันเป็นไง  นี่ถ้าเห็นก่อนว่าหน้าตาแบบนี้กินไม่ลง  งวดหน้าถ้าไม่ฟรี คงไม่สั่งอีก  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 15 มี.ค. 16, 00:28
2เส้น ที่อยู่เหนือริมฝีปากบน คือ เครื่องมือโบกล่อเหยื่อ ให้เข้ามาใกล้ๆ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 15 มี.ค. 16, 02:30
ทั้งคู่อยู่ในวงศ์เดียวกันคือ Rhinochimaeridae  แต่ไม่ทราบว่าเป็นสปีชี่ส์เดียวกันหรือไม่  เพราะรูปล่าง-ยังอยู่ในวัยอ่อน-ลักษณะต่างๆยังเจริญไม่เต็มที่
รูปล่างนั้นมีเผยแพร่ให้เห็นมานานแล้ว  ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลก  ลำตัวเป็นเมือกลื่น(เพราะยังเด็ก)  เรียกเสียงฮือได้โขอยู่


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 15 มี.ค. 16, 02:35
ปลาในกลุ่มนี้เรียกอย่างเป็นศัพท์สามัญว่า ratfish หรือ rabbitfish หรือ chimaera ก็ได้
ความจริง Chimaera นั้นเป็นชื่อวิทยาศาสตร์  แต่เรียกไปเรียกมา  จนกลายเป็นชื่อสามัญไปแล้ว 
คือสกุล Chimaera ซึ่งสำรวจพบก่อนเพื่อนนั้นก็ยังใช้คำนี้กันอยู่  มาภายหลังสำรวจพบเพิ่มอีกหลายชนิด  จึงจำแนกแตกออกไปอีกหลายสกุล  แต่ก็เหมาเรียกรวมๆทุกสกุลว่า chimaera(s)

Chimaera เป็นชื่อสัตว์ประหลาดในตำนานกรีกที่รวมอวัยวะของสัตว์หลายชนิดไว้ในตัวเดียวกัน
เหตุที่ปลาชนิดนี้ได้ชื่อว่า Chimaera ก็เพราะมันมีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างปลากระดูกอ่อนกับปลากระดูกแข็ง  แสดงถึงรอยต่อวิวัฒนาการจากปลากระดูกอ่อนมาเป็นปลากระดูกแข็ง  หรือจะว่ามันเป็น living fossil ก็พอไหว

** ปลากระดูกอ่อน เช่น ฉลาม กระเบน โรนัน โรนิน ฉนาก  กระดูกพวกมันจะกรุบกรอบเคี้ยวได้  เหมือนเรากินกระดูกอ่อนน่องไก่  ซี่โครงหมูทอดกระเทียม
** ปลากระดูกแข็ง คือ ปลาที่เหลือทั้งหมด  กระดูกพวกมันจะมีแคลเซียม  ขืนเคี้ยวเข้าไปก็จะตำเหงือก ตำคอ  ทั้งนี้ก้างปลาทูแม้จะอ่อนเรียวเพียงไร  ก็คือกระดูกแข็งอยู่ดี  ที่มันอ่อนเพราะสัณฐานมันเรียวเล็ก  หรือปลาจะละเม็ดทอดเหลืองอร่าม  ถึงแม้เราจะเคี้ยวกระดูกได้คล่องคอ  ก็จัดเป็นปลากระดูกแข็ง  หรือปลาข้าวสาร ปลากะตัก ทอดกรอบกินได้ทั้งตัว  ก็จัดเป็นปลากระดูกแข็งเช่นกัน


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 15 มี.ค. 16, 02:49
ratfish จำแนกออกเป็น 3 วงศ์
1) Chimaeridae จมูกธรรมดา เช่น สกุล Chimaera อันเป็นสกุลแรกสุดที่ถูกค้นพบ
2) Rhinochimaeridae จมูกยาวตรง
3) Callorhinchidae จมูกตะขอ
รูปข้างล่างเรียงตามลำดับ 1-2-3 
เครดิตรูปที่3 Callorhinchus milii, with egg case. Image by Rudie H. Kuiter


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 16, 09:28
ตัวที่คุณธสาครเอามาให้ดู บอกว่าวงศ์ Lophiidae น่าจะเป็นตัวเดียวกับที่ฝรั่งเรียกว่า monkfish
2เส้น ที่อยู่เหนือริมฝีปากบน คือ เครื่องมือโบกล่อเหยื่อ ให้เข้ามาใกล้ๆ
ปลาพระ (monkfish ของคุณประกอบ) มี่ชื่อไทยว่า "ปลาตกเบ็ด" ตามลักษณะของเครื่องมือที่อยู่บนศีรษะปลา

ชื่อนี้มีปรากฏอยู่ใน บัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  (http://www.ctat.or.th/FileUpload/Editor/DocumentUpload/WebContent/RD/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8/%E0%B8%9B.%E0%B8%81%E0%B8%A9.%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81-%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3.pdf) กําหนดชนิดสัตว์น้ําที่ห้ามนําเข้า ส่งออกหรือนําผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๙ หมวดพันธุ์สัตว์น้ําที่หายาก มีปลาในวงศ์ Lophiidae อยู่ ๒ ตัวคือ ลำดับที่ ๕๘๘ ปลากบ Antennarius oligospilos และลำดับที่ ๕๘๙ ปลาตกเบ็ด Lophiodes mutilus (รูปข้างล่าง)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 16, 14:00
ทั้งคู่อยู่ในวงศ์เดียวกันคือ Rhinochimaeridae  แต่ไม่ทราบว่าเป็นสปีชี่ส์เดียวกันหรือไม่

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60671;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60672;image)

ถ้าพูดให้แคบเข้า ทั้งคู่อยู่ในสกุลเดียวกันคือ Rhinochimaera ตัวซ้ายคือ Rhinochimaera atlantica ส่วนตัวขวาคือ Rhinochimaera pacifica ชื่อสปีชีส์บ่งบอกถิ่นที่อยู่อาศัยของปลาทั้งสองชนิด

ซ้าย ถิ่นของปลาแอตแลนติก   (http://www.fishbase.org/summary/9005) ขวา ถิ่นของปลาแปซิฟิก (http://www.fishbase.org/summary/22766)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 16, 14:25
รูปล่าง-ยังอยู่ในวัยอ่อน-ลักษณะต่างๆยังเจริญไม่เต็มที่

ซ้าย ปลาไคเมราจมูกยาวแปซิฟิก Rhinochimaera pacifica  ขวา เมื่อเทียบกับตัวที่อยู่ในวัยอ่อน  ;D

ภาพจาก radionz.co.nz (http://www.radionz.co.nz/national/programmes/ourchangingworld/audio/201761130/spookfish-and-other-deep-sea-sharks)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 16, 14:36
รูปล่างนั้นมีเผยแพร่ให้เห็นมานานแล้ว  ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลก  ลำตัวเป็นเมือกลื่น(เพราะยังเด็ก)  เรียกเสียงฮือได้โขอยู่

อยู่หน้าแรกของกระทู้สัตว์ประหลาดเชียว  ;D

ได้มาจากเวปนี้ครับ มันเป็นตัวอะไรครับ
http://www.sudipan.net/phpBB2/viewtopic.php?p=27304 (http://www.sudipan.net/phpBB2/viewtopic.php?p=27304)
long-nosed chimaera

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=9747;image)
ยังปรากฏใน Ripley's Believe It or Not! (2007)  บรรยายว่า Using its long snout like a metal detector, the pacific spookfish finds its prey hiding on the sea floor by sending its electrical field!

ภาพจาก http://jog.cocolog-nifty.com/english/2009/02/ripleys-belie-8.html (http://jog.cocolog-nifty.com/english/2009/02/ripleys-belie-8.html)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 16, 15:15
Chimaera เป็นชื่อสัตว์ประหลาดในตำนานกรีกที่รวมอวัยวะของสัตว์หลายชนิดไว้ในตัวเดียวกัน
เหตุที่ปลาชนิดนี้ได้ชื่อว่า Chimaera ก็เพราะมันมีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างปลากระดูกอ่อนกับปลากระดูกแข็ง  แสดงถึงรอยต่อวิวัฒนาการจากปลากระดูกอ่อนมาเป็นปลากระดูกแข็ง  หรือจะว่ามันเป็น living fossil ก็พอไหว

เท่าที่ทราบ ไคเมราเป็น ปลากระดูกอ่อน  (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99) (cartilaginous fish) ยังไม่เคยได้ยินว่ามันอยู่ก้ำกึ่งระหว่างปลากระดูกอ่อนกับกระดูกแข็ง รบกวนคุณธสาครช่วยขยายความตรงนี้ด้วย (พร้อมเว็บไซต์ที่กล่าวถึงเรื่องนี้) ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 มี.ค. 16, 21:14
เจ้าตัวพวกนี้น่าจะเคยมาเยือนกระทู้แล้ว  แต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร
เห็นปุ๊บ นึกถึงคุณเพ็ญชมพูปั๊บ  ว่าต้องรู้จักแน่นอน
เลยเก็บภาพเอามาฝากค่ะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 16, 22:15
เคยพามาหลายครั้งแล้วหนอ  ;)

ไม่เคยเห็นสัตว์ชนิดนี้  มันคือตัวอะไรคะ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=22062;image)

คุณเทาชมพูเคยพามาโชว์ตัวแล้ว

มีสัตว์ประหลาดตัวใหม่มาโชว์คุณเพ็ญชมพู  

(http://z.about.com/d/boston/1/7/e/2/-/-/capybara.JPG)

รู้แต่ชื่อว่า  capybara   เป็น  the world's largest rodent     แต่เป็นตัวอะไรต้องขอถามในกระทู้นี้อีกที

คาปีบารา (capybara) สัตว์ประเภทหนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตัวขนาดเท่าหมู โตเต็มที่ยาวถึงเมตรกว่า และหนักเกือบ ๘๐ กิโลกรัม ชอบอยู่เป็นฝูงราว ๒๐ ตัว กินหญ้าและพืชนํ้าเป็นอาหาร

http://www.youtube.com/watch?v=hha9O_gtUps&feature=related#ws (http://www.youtube.com/watch?v=hha9O_gtUps&feature=related#ws)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 17 มี.ค. 16, 11:31
Amazing story of Dindim

          ดินดิม(Dindim) เพนกวินซึ่งมีถิ่นแพร่พันธุ์อยู่ที่ปลายทวีปอเมริกาใต้(Magellanic penguin)
ว่ายทวนขึ้นเหนือมาบราซิลทุกๆ ปีเพื่อมาเยี่ยมเยียนและอาศัยอยู่ด้วย(ตั้งแต่เดือนมิย.-กพ.) กับคุณปู่
วัย 71 ปี (Joao Pereira de Souza) ผู้ซึ่งเคยช่วยชีวิตดินดิมไว้ในปี 2011
         ตอนนั้นคุณปู่พบดินดิมซึ่งอพยพมาหากินที่เกาะแถบชายฝั่งกรุง Rio de Janeiro ในสภาพอดอยาก
เจียนตาย, เนื้อตัวชุ่มคราบน้ำมัน คุณปู่ดูแลจนดินดิมแข็งแรงแล้วจึงนำส่งทะเลแต่ดินดิมไม่ยอมจากไปคงอาศัย
อยู่ด้วยนานถึง 11 เดือนจนเมื่อดินดิมผลัดขนใหม่แล้วจึงได้หายตัวไป...แล้วจึงกลับมาใหม่  

http://www.youtube.com/watch?v=tzvgWD29nAg (http://www.youtube.com/watch?v=tzvgWD29nAg)

ภาพ youtube


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 มี.ค. 16, 11:52
รักกันอยู่ขอบฟ้า         เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว    ร่วมห้อง


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ภาพจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3482978/Penguin-returns-home-year-Brazilian-man-saved-it.html)
 


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 19 มี.ค. 16, 00:45
Chimaera เป็นชื่อสัตว์ประหลาดในตำนานกรีกที่รวมอวัยวะของสัตว์หลายชนิดไว้ในตัวเดียวกัน
เหตุที่ปลาชนิดนี้ได้ชื่อว่า Chimaera ก็เพราะมันมีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างปลากระดูกอ่อนกับปลากระดูกแข็ง  แสดงถึงรอยต่อวิวัฒนาการจากปลากระดูกอ่อนมาเป็นปลากระดูกแข็ง  หรือจะว่ามันเป็น living fossil ก็พอไหว

เท่าที่ทราบ ไคเมราเป็น ปลากระดูกอ่อน  (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99) (cartilaginous fish) ยังไม่เคยได้ยินว่ามันอยู่ก้ำกึ่งระหว่างปลากระดูกอ่อนกับกระดูกแข็ง รบกวนคุณธสาครช่วยขยายความตรงนี้ด้วย (พร้อมเว็บไซต์ที่กล่าวถึงเรื่องนี้) ;D
คุณเพ็ญชมพูท้วงได้ถูกต้อง  องค์ความรู้ในปัจจุบันชี้ตำแหน่งของ chimaera ลงไปที่ Class Chondrichthyes (คลาสของปลากระดูกอ่อน)
ที่ผมโพสต์ไปนั้น  เป็นการบรรยายแบบสบายๆ  ไม่ได้เคร่งครัดตามหลักอนุกรมวิธาน
ที่ถูกต้องผมควรบรรยายว่า chimaera เป็นปลากระดูกอ่อน  ที่ปรากฏลักษณะบางประการของปลากระดูกแข็ง  อันแสดงถึงรอยต่อทางวิวัฒนาการ....."

ลองดู "การ์ดความรู้" ใบนี้  ซึ่งบรรยายเกร็ดความรู้พื้นๆ เหมาะแก่ประชาชนทั่วไป
การ์ดนี้เล่าความว่า chimaera มีลักษณะบางประการของปลากระดูกแข็ง เช่น ตาโต กับ ช่องเหงือกรูเดียว  โดยเลี่ยงการใช้ศัพท์ทางอนุกรมวิธาน
ผมก็มาแนวๆ การ์ดใบนี้แหละครับ
(http://www.uppic.org/image-1DF5_56EC3DC4.jpg) (http://www.uppic.org/share-1DF5_56EC3DC4.html)
(http://www.uppic.org/image-6628_56EC3DC4.jpg) (http://www.uppic.org/share-6628_56EC3DC4.html)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 19 มี.ค. 16, 01:01
แต่ถ้าจะวิจารณ์กันจริงจัง  เป็นเรื่องเป็นราว  ก็ต้องปูเสื่อ จิบน้ำเย็น กับพัดลมอีกตัวครับ
ก) chimaera นอกจากมีลักษณะบางประการของปลากระดูกแข็ง  ยังเป็นปลากระดูกอ่อนที่มีลักษณะห่างเหินจากปลากระดูกอ่อนชนิดอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
ข) อนุกรมวิธาน คือ ศาสตร์ว่าด้วยการจำแนกสิ่งมีชีวิตเป็นหมวดหมู่  โดยสังเกตจากลักษณะภายนอกและอวัยวะภายใน 
แต่สัตว์มีวิวัฒนาการมาหลายร้อยล้านปี  มีกิ่งแขนงมากมาย  มีลักษณะปรากฏที่เหลื่อมล้ำและซับซ้อน  ไม่ใช่รถยนต์ที่จะสามารถจำแนกได้อย่างเด็ดขาด  ว่าเป็นยี่ห้อใด รุ่นใด ไมเนอร์เชนจ์หรือไม่
ในกรณีที่เกิดความอึมครึม  นักอนุกรมวิธานย่อมเห็นแตกต่างกันไป  จึงเกิดเป็นอนุกรมวิธานสูตรใครสูตรมัน  สร้างความเวียนหัวให้แก่นักศึกษา 
โดยมากมักเกิดกับระดับ Family , Genus , species ที่สถานภาพยังไม่นิ่ง (ส่วนระดับ Order , Class , Phylum จะเสถียรกว่า  ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง)

สมัยเรียน..เข้าห้องสมุด  เพื่อศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม  แทนที่จะได้ความกระจ่าง  กลับสับสนเพิ่มขึ้น  เพราะตำราเทศเขียนไว้ต่างจากที่อาจารย์สอน
หรือแบบว่า..เรียนจบมาแค่ปีเดียว  กลับมาเจอรุ่นน้อง  รุ่นน้องบอกว่า  ปลาตัวนี้แยกออกเป็น 2 สปีชีส์แล้วนะพี่  ส่วนปลาตัวนั้นถูกแยกออกไปอยู่อีกสกุลหนึ่งแล้วนะพี่  โอย..ตูจะเรียนไปทำไมเนี่ย
แล้วยังมี..พี่ปริญญาเอกบางคน  กำลังเอาเรื่อง DNA เข้ามาช่วยจับ  ปลาสปีชีส์เดียวที่เคยรู้จัก  กำลังจะแตกออกเป็นนับสิบสปีชีส์ :(

สำหรับผู้เรียนสายศิลป์  ผมยกตัวอย่างเปรียบเทียบ  อนุกรมวิธานเหมือนกับการจัดหมวดหมู่หนังสือในห้องสมุด
หนังสือบางเล่มมีเนื้อหาคาบเกี่ยว  เป็นประวัติศาสตร์ก็ได้  เป็นเทคโนโลยีก็ได้  บรรณารักษ์ห้องสมุดหนึ่งอาจจัดไว้ในตู้ประวัติศาสตร์  แต่บรรณารักษ์อีกที่หนึ่งอาจจัดไว้ในตู้เทคโนโลยี
นั่นคือสัตว์ชนิดเดียวกัน  แต่อาจถูกจัดหมวดหมู่ไว้ต่างที่กัน  ตามแต่ทัศนะของนักอนุกรมวิธาน

https://en.wikipedia.org/wiki/Chimaera
In some classifications, the chimaeras are included in class Chondrichthyes of cartilaginous fishes; in other systems, this distinction may be raised to the level of class.
อนุกรมวิธานบางตำรา  chimaera ถูกจัดอยู่ใน คลาสของปลากระดูกอ่อน,  หากจัดโดยระบบอื่น  ความโดดเด่นของ chimaera อาจถูกยกขึ้นสู่ระดับ class แยกต่างหากก็เป็นได้

"ระบบอื่น" ที่พูดถึงนั้น  อาจใช้เกณฑ์อย่างอื่นมาพิจารณาควบคู่ไปกับการพิจารณาสสารของกระดูก  แทนการมองเพียงด้านเดียวว่ากระดูกอ่อนหรือกระดูกแข็ง  หรือบางทีอาจพลิกโฉมไปเลย  โดยใช้ DNA แทนลักษณะปรากฏภายนอก

https://en.wikipedia.org/wiki/Chimaera
The evolution of these species has been problematic given the paucity of good fossils. DNA sequences have become the preferred approach to understanding speciation.
การศึกษาวิวัฒนาการของ chimaera ยังเป็นปัญหา  เพราะขาดฟอสซิลที่มีสภาพสมบูรณ์พอ, การศึกษาจากลำดับเบสของ DNA ดูจะเป็นหนทางที่น่านำมาใช้


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 19 มี.ค. 16, 01:11
แล้ว chimaera มีความอึมครึมอย่างไร  ถึงทำให้เราต้องมาปูเสื่อกัน
ดังที่กล่าวไปแล้วว่า chimaera นอกจากมีลักษณะบางประการของปลากระดูกแข็ง  ยังเป็นปลากระดูกอ่อนที่มีลักษณะห่างเหินจากปลากระดูกอ่อนชนิดอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
ลักษณะของปลากระดูกแข็ง คือ
(1) chimaera มีรูปทรงตัวแบนตั้งฉากกับพื้นเช่นเดียวกับปลากระดูกแข็งส่วนมาก  ขณะที่ปลากระดูกอ่อนชนิดอื่นจะมีรูปทรงตัวแบบจรวด(เช่นฉลาม) หรือไม่ก็แบนราบติดพื้น(เช่นกระเบน)
(2) chimaera มีช่องเหงือกข้างแก้ม 1 ช่องเช่นเดียวกับปลากระดูกแข็งทั้งหมด  ขณะที่ปลากระดูกอ่อนชนิดอื่นจะมีช่องเหงือก 5-7 ช่อง
** ปลาหายใจเข้าทางปาก  น้ำไหลผ่านซี่เหงือก  ซี่เหงือกจับออกซิเจนไว้  แล้วปล่อยน้ำออกทางช่องเหงือกที่อยู่ข้างแก้ม **

ลักษณะอันห่างเหินจากปลากระดูกอ่อนชนิดอื่น คือ
http://www.csun.edu/~msteele/classes/Ich530/lectures/3_Chondrichthyes.pdf (http://www.csun.edu/~msteele/classes/Ich530/lectures/3_Chondrichthyes.pdf) (ไฟล์ pdf หน้าที่ 2)
Characteristics that separate them from Elasmobranchs:
• upper jaws attached to braincase (autostylic suspension)
• single opercular opening, covering 4 gill openings
• separate anal and urogenital opening - no cloaca
chimaera มีลักษณะแตกต่างจากปลากระดูกอ่อนชนิดอื่น เช่น
(3) ขากรรไกรบนเชื่อมติดกับกะโหลก
(4) มีเหงือก 4 คู่  แต่ปลากระดูกอ่อนชนิดอื่นมีเหงือก 5-7 คู่ (และหายากมาก ที่มีเหงือก 6-7 คู่)
(5) ช่องอุจจาระกับช่องปัสสาวะแยกช่องกัน

http://www.fao.org/3/a-i3178e/i3178e06.pdf (http://www.fao.org/3/a-i3178e/i3178e06.pdf) (ไฟล์pdf หน้าแรก)
Claspers may be slender and rod–like in some, bifurcate in others, or with some being tripartite.
(6.1) clasper ของ chimaera มีลักษณะเป็นแท่งโดดๆ  หรือเป็น2แฉก  หรือเป็น3แฉก (clasper=อวัยวะช่วยในการสืบพันธุ์)  ส่วนฉลามจะเป็นแท่งโดดๆเท่านั้น
(http://www.uppic.org/image-682F_56EC3DC4.jpg) (http://www.uppic.org/share-682F_56EC3DC4.html)

http://scicurious.scientopia.org/2009/10/02/friday-weird-science-the-shark-with-two-heads/ (http://scicurious.scientopia.org/2009/10/02/friday-weird-science-the-shark-with-two-heads/)
But this is where chimaeras and sharks differ. While sharks just have the two claspers, right near the penis, the chimaera has...a few more. Up to FOUR MORE.
(6.2) ฉลามมี clasper 2 อัน (นับรวมข้างซ้ายกับข้างขวา) , chimaera มี clasper มากถึง 4 อัน (ที่จริง 6 อัน) (นับรวมข้างซ้ายกับข้างขวา)

(7) ข้อนี้ผมเพิ่มเอง  chimaera มีเส้นประสาทรับความรู้สึก  เห็นเป็นเส้นปูดโปนเหมือนลายแทงปรากฏอยู่ทั่วตัว  ปลากระดูกอ่อนชนิดอื่นไม่มีเส้นอย่างนี้เลย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 19 มี.ค. 16, 01:30
ปิดท้ายม้วนเสื่อด้วยประเด็นความเป็น living fossil
https://www.sciencedaily.com/releases/2009/09/090922095816.htm (https://www.sciencedaily.com/releases/2009/09/090922095816.htm)
their evolutionary lineage branched off from sharks nearly 400 million years ago, and they have remained an isolated group ever since.
chimaera ได้วิวัฒน์ตัวเองเป็นผลสำเร็จ  แยกตัวออกจากฉลาม เมื่อราว400ล้านปีก่อน  และดำรงกลุ่มอยู่อย่างเป็นเอกเทศมานับแต่บัดนั้น
(คงหมายถึงว่า "มันเป็นมัน" มาตลอด400ล้านปี  โดยไม่พบฟอสซิลใดมีลักษณะใกล้เคียงพวกมัน)

Chimaeras were once a very diverse and abundant group, as illustrated by their global presence in the fossil record.
They survived through the age of dinosaurs mostly unchanged, but today these fishes are relatively scarce and are usually confined to deep ocean waters
ในยุคโบราณ chimaera เคยมีอยู่ชุกชุม และหลากหลายชนิด ดังปรากฏหลักฐานฟอสซิลจากทั่วโลก  พวกมันดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงยุคไดโนเสาร์ครองโลกโดยแทบไม่เปลี่ยนรูปโฉม 
ในปัจจุบัน..พวกมันเป็นสัตว์หายาก  และมักอาศัยจำกัดบริเวณอยู่ในเขตน้ำลึก


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 มี.ค. 16, 11:54
ขอบพระคุณคุณธสาครสำหรับเลคเชอร์เรื่องปลาไคเมรา

ขึ้นบกมาพบสัตว์ประหลาดบนบกต่อ  

เหตุเกิดที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในมณฑลเจ้อเจียงของจีน นักศึกษาแตกตื่นกันยกใหญ่เมื่อเห็นสัตว์ที่คล้ายกับหนูยักษ์ตัวยาวกว่า ๑ เมตร วิ่งไปมาในบริเวณมหาวิทยาลัย บางคนคิดว่ามันเป็นหนูที่หลุดมาจากห้องทดลอง แต่กลายพันธุ์จนเป็นหนูยักษ์

ข่าวจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/peoplesdaily/article-3342780/A-mutant-rat-escaped-lab-Medical-students-panic-spotting-3ft-rodent-campus-guess-is.html)

ความจริงมันคือสัตว์ฟันแทะ (rodent) ชนิดหนึ่งเป็นสัตว์พื้นเมืองของอเมริกาใต้ คนไทยคุ้นแคยในชื่อ นากหญ้า (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%89%E0%B8%B2) ขื่อวิทยาศาสตร์คือ Myocastor coypus  (http://Myocastor coypus)  เจ้านากหญ้าตัวนี้โด่งดังมาเมื่อ ๒๐ ปีก่อน เมื่อชาวไต้หวันนำมาให้คนไทยเลี้ยงบอกว่าจะรับซื้อคืนในราคาสูง แต่ในที่สุดคนไทยก็ถูกหลอกไม่มีการรับซื้อคืน บางรายจึงปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ ทำความเดือนร้อนในชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่ามันกิน กิน กินอย่างเดียวไม่หยุด  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 21 มี.ค. 16, 22:46
เคยกลัวว่านากหญ้าจะก่อปัญหาในวงกว้างแบบผักตบชวา  แต่ก็ไม่เห็นมี(ในวงกว้างนะครับ)  แสดงว่ามันคงไม่ชอบภูมิอากาศแบบไทยหรือเปล่า?


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 มี.ค. 16, 14:31
วิธีแก้ไขปัญหาการระบาดของปลาเอเลี่ยนพวกนี้ วิธีที่ยั่งยืนและน่าจะได้ผลมากที่สุดเห็นจะเป็นการจับมารับประทาน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5920.0;attach=49896;image)

ชาวบ้านคงกำจัด alien species อย่างนากหญ้า โดยวิธีที่เคยแนะนำสำหรับปลาซัคเกอร์คือนำมารับประทาน ซึ่งได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง สมควรนำมาเป็นกรณีศึกษา  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 มี.ค. 16, 09:31
ทั้งคาปีบาราและนากหญ้าต่างก็เป็นสัตว์ประเภทหนู (rodent - สัตว์ฟันแทะ) ที่เป็น alien species ด้วยกันทั้งคู่ แต่มีสัตว์ประหลาดที่หน้าตาคล้ายหนูตัวหนึ่งซึ่งเป็นสัตว์พื้นบ้านของเรา แต่ไม่ค่อยเผยโฉมให้เห็นบ่อยนัก

ตัวอะไรเอ่ย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 01 เม.ย. 16, 01:03
หนูผี  แต่ประเทศไทยมีพันธุ์หน้าลายแบบนี้ด้วยหรือครับ

ไม่ใช่ม้าผี  และไม่เกี่ยวกับหนูผี  ให้ดูสวยๆ เฉยๆ
(http://1.bp.blogspot.com/-G0AoU3OerhU/TgYdobxPILI/AAAAAAABUwU/u09tImQK9JE/s1600/12472987894mzEzwF.jpg)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 เม.ย. 16, 09:24
ตัวอะไรเอ่ย

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=60881;image)
หนูผี  แต่ประเทศไทยมีพันธุ์หน้าลายแบบนี้ด้วยหรือครับ

หนูผี (shrew) หน้าตาคล้ายหนู แต่ใกล้ชิดกับพวกตุ่นมากกว่า ในเมืองไทยมีทั้ง หนูผีบ้าน  (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99) และ หนูผีจิ๋ว (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%8B%E0%B8%A7)

หนูผีจิ๋วเคยมาเยือนกระทู้สัตว์ประหลาดเมื่อ ๓ ปีก่อน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=41851;image)

แม้จะมีจมูกยื่นแหลมยาวเหมือนกัน แต่สัตว์ปริศนาไม่ใช่หนูผี   ;)



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 เม.ย. 16, 14:27
มองหน้าชัด ๆ  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 02 เม.ย. 16, 19:35
^
^
ภาษาอังกฤษเรียก moonrat อยู่คนละวงศ์กับหนูผี  แต่อยู่ในอันดับเดียวกัน (Eulipotyphla)  ดังนั้นที่ทายว่าเป็นหนูผี  ผมคงพอได้คะแนนบ้างกระมัง

อนุกรมวิธานของสัตว์บก  ผมป้วนเปี้ยนอยู่แค่ระดับClass  พอได้ระดับOrderบ้างในพวกmammal


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 เม.ย. 16, 10:19
รู้สึกบนดาวอังคารจะมีหนูอยู่ชุกชุมทีเดียว  

(http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2013/05/29/article-2332516-1A0B1EAF000005DC-760_634x630.jpg) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5650.0;attach=40526;image)
นอกจากจะมีหนูดาวอังคารแล้ว ยังมีหนูดวงจันทร์ด้วย   ;)

^
^
ภาษาอังกฤษเรียก moonrat

ชื่อภาษาไทยไม่ได้น่ารักเหมือนชื่อภาษาอังกฤษ ชาวบ้านเรียกมันว่า หนูเหม็น หรือ สาโท (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%99) เพราะมีกลิ่นตัวเหมือนแอมโมเนีย เป็นสัตว์ประเภทเดียวกับ เม่นแคระ (Hedgehog) หากินตอนกลางคืน กินพวกแมลง หนอน ไส้เดือน ลูกกบ ลูกเขียด

ที่คุณธสาครว่าอยู่ในอันดับเดียวกับ หนูผี  (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%9C%E0%B8%B5) คือ Eulipotyphla ข้อมูลนี้ยังไม่นิ่งเพราะบางแห่งเช่นในคุณวิกกี้ภาษาไทยบอกว่า หนูเหม็นอยู่ในอันดับ Erinaceomorpha (อันดับเม่นแคระ) ส่วนหนูผีอยู่ในอันดับ Soricomorpha (อันดับตุ่น) แต่อย่างไรก็ตามหนูเหม็นมีคนเรียกว่า หนูผีป่า (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2) เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงพอให้คะแนนคำตอบแรกของคุณธสาคร ๕๐/๑๐๐  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: visitna ที่ 04 เม.ย. 16, 10:33
ผมเป็นนักเรียนรุ่นเก่า ตอนเรียนใช้ศัพท์อังกฤษ
class-order -family-genus -species
มาเจอ ลำดับ วงศ์ ชักสับสน ไล่ไม่ถูกเหมือนกัน
เคยเรียน comparative anatomy นานนมมาแล้ว
มีอาจารย์เจ้าเก่าคนเดียว ท่านสอนอยู่นาน อาจารย์ มรว.ชนาญวัฒน์ เทวกุล(ไม่รู้ถูกหรือไม่? หากผิดขออภัยท่านอาจารย์ด้วย)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 เม.ย. 16, 10:56
สมัยเรียนก็ใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษเช่นเดียวกับคุณ visitna พอมาอ่านในตำราปัจจุบันนิยมใช้ภาษาไทย แทนที่จะเป็น class-order -family-genus -species ก็ใช้ ชั้น-อันดับ-วงศ์-สกุล-ชนิด ก็พอเข้าใจได้ไม่สับสน

เป็นลูกศิษย์อาจารย์ชนาญวัตเช่นเดียวกัน ยังจำได้ว่าสมัยเรียนมีนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนหนึ่งประกาศว่าสามารถเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำมันได้ ตั้งเป็นโครงการ T-Eternal ระดมทุนโดยการขายสติกเกอร์แผ่นละ ๒๐ บาท นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมขายสติกเกอร์กันมากมาย อาจารย์ชนาญวัตท่านนี้แหละเป็นฝ่ายค้านบอกว่าโครงการนี้เพ้อฝัน เป็นไปไม่ได้  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 เม.ย. 16, 11:37
หนูเหม็น Echinosorex gymnurus เป็นสัตว์พื้นถิ่นของเมืองไทย พบได้ในป่าทางใต้ตลอดไปถึงมาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/e5/Greater_Moonrat_area.png/220px-Greater_Moonrat_area.png)

หนูเหม็นเคยปรากฏตัวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ๒ ครั้ง

ครั้งแรกที่ ระนอง ปี ๒๕๕๓

มีผู้พบสัตว์รูปร่างแปลกประหลาดที่วิทยาลัยเทคนิคระนอง ลักษณะคล้ายหนู ปลายจมูกเหมือนหมู หางยาวประมาณ ๑ ฟุต และมีกลิ่นเหม็น จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นบ้านพักของนายเจริญรัตน์ พูลสวัสดิ์ โดยสัตว์ดังกล่าวถูกจับขังอยู่ในกรง ขนาดเท่ากับหนูพุก มีขนยาวปุกปุยสีดำแซมสีขาว หัวมีขนสีขาวและมีแถบสีดำ ลำตัวยาว ๑ ฟุต หางยาว ๑ ฟุต โคนหางสีดำปลายหางสีขาว แต่ลักษณะจมูกคล้ายจมูกหมู และไม่มีฟันแทะเหมือนหนูทั่วไป อีกทั้งมีกลิ่นเหม็น

ข่าวจาก ข่าวสด (http://www.raorakpar.org/raorakparboard/index.php?PHPSESSID=nukga5dtqbjomuadf9pg154uo5&topic=1048.msg7373#msg7373)

ครั้งที่สองที่ กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ปี ๒๕๕๗

ชาวบ้านตื่น "หนูเหม็น" สัตว์ป่าคุ้มครองใกล้สูญพันธ์ หลังมาหาอาหารแล้วติดอวน นอภ.ระบุ พบเป็นครั้งแรกบนผืนป่ากุยบุรี พร้อมมอบ จนท.อุทยานฯ ปล่อยคืนธรรมชาติ

ข่าวจาก เดลินิวส์ (http://www.dailynews.co.th/regional/262867)

ภาพข้างล่างเป็นตัวที่กุยบุรี  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 เม.ย. 16, 13:29
คลิปล่าสุดจากแก่งกระจาน เพชรบุรี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้เอง  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=n7GD1cIGJAs#ws (http://www.youtube.com/watch?v=n7GD1cIGJAs#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 เม.ย. 16, 16:13
ขอปาดหน่อย

นักท่องเที่ยวสุดทนพฤติกรรมพรานปลาเห็นแก่ได้ ใช้อวนล้อมจับปลาบึกและปลากดคังตัวขนาดยักษ์ได้เป็นฝูงใหญ่ ชี้เป็นการทำลายปลาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 เม.ย. นายเสรี คงอยู่ นายอำเภอศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ได้เรียกประชุมกำนันผู้ใหญ้บ้าน ในพื้นที่ อ.ศรีสวัสดิ์ ทั้ง 6 ตำบล 33 หมู่บ้าน เพื่อแจ้งเรื่องนักท่องเที่ยวได้ร้องเรียนมาเกี่ยวกับกลุ่มชาวประมงที่เข้ามาหาปลาในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ว่ามีการลักลอบจับปลาขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหายากในอ่างเก็บน้ำจำนวนมาก

ทั้งนี้ นายเสรี กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยว ว่าพบชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน นำเรือหางยาวหลายลำออกไปลักลอบจับปลาที่เกาะกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ในพื้นที่หมู่ 5 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ได้ปลากดคังยักษ์ รวมทั้งปลาบึกตัวขนาดใหญ่คาดว่าน้ำหนัก 80-100 กิโลกรัม ซึ่งในภาพถ่ายที่ส่งมาพร้อมการร้องเรียนเห็นชัดว่าปลาทุกตัวถูกมัดด้วยเชือกที่บริเวณหางและหัวอย่างแน่นหนา ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไปพบเห็นว่าการกระทำแบบนี้ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อการขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ จึงร้องเรียนมายังตน

"นักท่องเที่ยวระบุว่าทำการบันทึกภาพไว้ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.2557 เวลาประมาณตี 5-6 โมงเช้า โดยพฤติกรรมของชาวประมงกลุ่มนี้จะลอยเรืออยู่ใกล้เกาะกลางอ่างเก็บน้ำและใช้ตาข่ายหรืออวนใหญ่ดักจับปลา สามารถจับปลาตัวใหญ่ได้จำนวนมาก จึงขอกำชับไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้าน 4 ตำบล คือ แม่กระบุง ท่ากระดาน นาสวน และเขาโจด ที่มีพื้นที่ติดขอบอ่างเก็บน้ำให้ช่วยกันดูแล รวมทั้งให้ปลัดฝ่ายความมั่นคงลงพื้นที่ตรวจสอบหาตัวชาวประมงกลุ่มนี้เพื่อนำตัวมาสอบถามและหากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป" นายเสรีกล่าว.

http://www.thairath.co.th/content/414035 (http://www.thairath.co.th/content/414035)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 10 เม.ย. 16, 04:51
คล้ายๆกัน...เหตุเกิดที่อ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ เชียงใหม่
น้ำแห้งมาก  ปล่อยไว้ก็ตายเปล่า  เลยต้องจับบางส่วนขึ้นมาขาย  รายได้เข้าชุมชน  เพราะชุมชนรอบอ่างเก็บน้ำเป็นผู้ดูแลปลาเหล่านี้


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 เม.ย. 16, 11:18
ตัวอะไรเอ่ย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 12 เม.ย. 16, 14:41
ถูกไหม?
(http://cdn.akc.org/ShihTzu.Hero.JPG)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 เม.ย. 16, 17:41
ม่ายช่าย  ;D

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=61015;image) (http://cdn.akc.org/ShihTzu.Hero.JPG)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 เม.ย. 16, 19:17
ญาติของ Addams family  ตัวที่ชื่อ  What


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 เม.ย. 16, 19:39
ญาติของ Addams family  ตัวที่ชื่อ  What

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=61035;image)

แม้แต่ Itt ก็ไม่ใช่  ;)

(https://lh6.googleusercontent.com/proxy/gc4QYLxVuQ3qvzj1K8_1VWxUy5OUDvBLWA5-Gi7zxhWDJtR2gOQbjwwP2rxBaRgvC53YCSha-eh9-MHnpb3siuRnJfbrDJ0o9Nany08m7KZNZ2-am7bi2M-5nbL8jLnOiiJxFtbT6siBXhwcItQLiCiDtZ0rfho=w450-h327-nc)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 12 เม.ย. 16, 21:39
ตัวอะไรเอ่ย

หนูแกสบี้ขนยาว ขอรางวัลที่ทายถูกด้วยค่ะ ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 13 เม.ย. 16, 01:25
ว้า...มาไม่ทัน


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 เม.ย. 16, 07:23
หนูแกสบี้ของคุณแอนนาเป็นชื่อที่คนไทยประดิษฐ์เพื่อใช้เรียกแทนชื่อดั้งเดิมคือ "หนูตะเภา" (guinea pig หรือ cavy) Cavia porcellus ถ้าตอบให้เจาะจงเห็นจะเป็นพันธุ์เปรู (Peruvian)

ภาพจาก https://www.arba.net/district/8/am-4-13-maryloueisel.html (https://www.arba.net/district/8/am-4-13-maryloueisel.html)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 เม.ย. 16, 07:26
ขอรางวัลที่ทายถูกด้วยค่ะ ;D

ความภูมิใจคือรางวัลอันล้ำค่า
มอบบรรดาผองมิตรที่คิดถึง
ตอบปัญหาถูกใจคลายคะนึง
รางวัลพึงเก็บไว้ในใจเทอญ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 เม.ย. 16, 11:16
มีสัตว์ประหลาดอีกตัวให้คุณแอนนาทาย  ;D

ลูกผสมระหว่างสุนัขกับกระต่าย  ???  ;)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 18 เม.ย. 16, 15:34
มีสัตว์ประหลาดอีกตัวให้คุณแอนนาทาย  ;D

ลูกผสมระหว่างสุนัขกับกระต่าย  ???  ;)

ลูกผสมสายพันธุ์โฟโต้ช็อปใช่ไหมคะ ;D ดูจากลักษณะขาหน้ากับขาหลังที่แตกต่างกัน เจ้าตัวนี้จะเดินหรือกระโดดดีคะ ???


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 เม.ย. 16, 16:14
ลูกผสมสายพันธุ์โฟโต้ช็อปใช่ไหมคะ ;D

ม่ายช่าย

เจ้าตัวนี้จะเดินหรือกระโดดดีคะ ???

บางทีก็เดิน บางทีก็กระโดด


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 เม.ย. 16, 20:54
เอามาฝากคุณเพ็ญชมพูกับคุณแอนนาค่ะ
ตัวนี้ไม่น่าจะเคยมา


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 เม.ย. 16, 21:32
ตัวนี้ไม่น่าจะเคยมา

มาแล้ว ไปแล้ว

ลูกครึ่งจระเข้ในจินตนาการ

นกจระเข้ Parrodile


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 19 เม.ย. 16, 08:04
มีสัตว์ประหลาดอีกตัวให้คุณแอนนาทาย  ;D

ลูกผสมระหว่างสุนัขกับกระต่าย  ???  ;)

ตกลง เจ้าตัวนี้มีตัวจริงเสียงจริง กระโดดจริง เดินจริง ไม่มีแสตนต์อิน จริงๆหรือคะ :o
แล้วเวลาที่มันเดิน ขาหลังคู่ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้สำหรับกระโดดจะเหยียดตรงออกมาได้หรือคะ :-\
เพราะถ้าเหยียดออกไม่ได้ มันมิเดินขาลากเหมือนถูกรถชนหรือคะ :'(


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 เม.ย. 16, 09:12
มีจริงแท้แน่นอน  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 19 เม.ย. 16, 10:14
ถ้างั้น ขอทายว่ามันชื่อ dogbit ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 เม.ย. 16, 10:53
ม่ า ย ช่ า ย

คุณธสาครจะลองทายบ้างไหม   ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: unicorn9u ที่ 19 เม.ย. 16, 13:44
พาตาโกเนียนมาร่า
สัตว์พื้นเมืองของอาร์เจนติน่าครับ  ;D

http://camel-republic.com/th/animals/43/ (http://camel-republic.com/th/animals/43/)พาตาโกเนียนมาร่า


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 19 เม.ย. 16, 17:07
คุณ Anna จี้ได้ตรงจุดมาก  ขาหน้าไม่สมส่วนกับขาหลังอย่างแรง
อย่างนี้  เวลาที่หนีนักล่า  มันต้องใช้วิธีกระโดดแน่  ขืนวิ่ง4ขา  รับรองหน้าทิ่มดิน


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 เม.ย. 16, 11:29
พาตาโกเนียนมาร่า
สัตว์พื้นเมืองของอาร์เจนติน่าครับ  ;D

http://camel-republic.com/th/animals/43/ (http://camel-republic.com/th/animals/43/)พาตาโกเนียนมาร่า

คุณยูนิคอร์นตอบถูกแล้ว

http://camel-republic.com/th/animals/43/พาตาโกเนียนมาร่า (http://camel-republic.com/th/animals/43/พาตาโกเนียนมาร่า)

คุณ Anna จี้ได้ตรงจุดมาก  ขาหน้าไม่สมส่วนกับขาหลังอย่างแรง
อย่างนี้  เวลาที่หนีนักล่า  มันต้องใช้วิธีกระโดดแน่  ขืนวิ่ง4ขา  รับรองหน้าทิ่มดิน

http://www.youtube.com/watch?v=4pqlkS8U6yg#ws (http://www.youtube.com/watch?v=4pqlkS8U6yg#ws)

ทีเห็นขาหน้าไม่สมส่วนกับขาหลังน่าจะเป็นการลวงตาในท่าทางขณะนั่งของมันมากกว่า  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 21 เม.ย. 16, 00:15
เจอมุขชั้นครูอีกแล้วววว  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 เม.ย. 16, 10:00
ที่แอฟริกาพบ "ยีราฟเผือก" อยู่ ๒ ตัว ตัวแรกอยู่ที่แทนซาเนีย ปัจจุบันอายุ ๑๕ เดือน ตัวที่สองเพิ่งพบที่เคนยา

ทั้งสองตัวไม่ใช่เผือกแบบ "albino" ซึ่งหมายถึงการผิดปรกติของการสร้างเม็ดสีดำ (melanin) ทั้งตัว ซึ่งแบบนี้จะมีตาสีแดงหรือชมพู  แต่เป็นแบบ "leucistic" คือ เป็นการผิดปรกติของการสร้างเม็ดสีทุกสีเฉพาะบนลำตัว ตาจึงยังคงมีสีดำรวมทั้งแผงขนบนคอและหางก็ยังคงมีสีปรกติ

ภาพและข่าวจาก เดลิเมล 24/1/2016  (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3414855/Standing-crowd-Rare-white-giraffe-spotted-roaming-herd-Tanzania-national-park.html) และ 21/4/2016  (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3551978/High-whitey-Rare-albino-giraffe-no-markings-hide-spotted-grazing-Kenya.html)

ยีราฟตัวแรก (ซ้าย) มีชื่อว่า “โอโม” (Omo) ตามชื่อยี่ห้อผงซักฟอก แต่ยังคงมีลายจาง ๆ ให้เห็น ตัวที่สอง (ขวา) ขาวสนิท ชื่ออะไรดี  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 เม.ย. 16, 19:55
ข่าวเก่าไปหน่อยแล้ว  แต่ก็น่ามารวบรวมไว้ด้วยกัน

http://www.creepybasement.com/floating-creature/ (http://www.creepybasement.com/floating-creature/)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 28 เม.ย. 16, 23:24
ซากสัตว์ของคุณเทาชมพู  พอเห็นเค้าของกระดูกสันหลัง  ดังรูปนี้..โครงกระดูกส่วนท้ายของวาฬสีเทา


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 เม.ย. 16, 10:28
^
^
ถ้าตอบอย่างมั่นใจ ขอตอบว่า

มันคือ


Globster (http://en.wikipedia.org/wiki/Globster)

กล็อบสเตอร์ เป็นคำที่ใช้เรียกซากอินทรีย์วัตถุซึ่งถูกซัดขึ้นมาตามชายฝั่งของมหาสมุทรหรือแหล่งน้ำอื่น ลักษณะของกล็อบสเตอร์ก็คือเป็นซากที่ยากจะระบุประเภทได้ว่าเป็นของสัตว์ชนิดใด


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 เม.ย. 16, 08:56
พามาเป็นคอลเลคชั่นอีกตัวค่ะ




จาก ผู้จัดการออนไลน์

เทเลกราฟ/เดอะซัน - โลกออนไลน์ตกตะลึง ชาวประมงจีนรายหนึ่งจับสัตว์น้ำรูปร่างแปลกประหลาด มีส่วนผสมของโลมากับจระเข้ ขณะที่นิตยสารสัตว์ป่าชื่อดังสันนิษฐานว่ามันอาจเป็นวาฬชนิดหนึ่งในวงศ์ Ziphiidae
       
       สัตว์ที่ไม่ทราบชนิดตัวดังกล่าว ซึ่งดูเหมือนจะมีฟัน 2 ซี่ ปากและจมูกยื่นยาว ผิวหนังเรียบและลื่น ถูกชาวประมงรายหนึ่งจับได้นอกชายฝั่งของทะเลจีนตะวันออก ใกล้เมืองซูชาน ในมณฑลเจ้อเจียงของจีน
       
       ชาวประมงผู้จับสัตว์ตัวนี้ได้ บรรยายลักษณะว่ามันคล้ายกับโลมา ขณะที่วิดีโอดังกล่าวถูกแชร์บนสื่อสังคมออนไลน์ของจีนอย่าง ชินา เวยป๋อ หลายหมื่นครั้งและสร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้ชม  (http://www.youtube.com/watch?v=rWbCQX8tWuQ[/url)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 พ.ค. 16, 09:35
วันที่ ๒๘ มีนาคม หนุ่มน้อย Scott McLaughlin วัย ๑๘ ปี นักตกปลาสมัครเล่นจากชิคาโกพร้อมบิดา  ออกเดินทางไปตกปลาที่ทะเลคอร์เตส (Sea of Cortez)  บริเวณใกล้กับเมือง Cabo San Lucas ของเม็กซิโก  สิ่งที่พวกเขาจับได้เป็นสัตว์น้ำรูปร่างประหลาดตัวสีชมพู  คนนำทางบอกว่าตลอดเวลา ๒๕ ปีที่เขาทำงานนี้ เขาไม่เคยเห็นสัตว์แปลกประหลาดอย่างนี้มาก่อน  สัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกนำขึ้นมาประมาณ ๑๐ นาทีแล้วก็ปล่อยกลับลงทะเลไป

วันที่ ๒ เมษายน McLaughlin กลับมาถึงบ้าน เมื่อเขาเข้าไปดูในเน็ตพบภาพสัตว์ประหลาดที่เขาจับได้ และเมื่อตรวจหาในกูเกิลเขาก็พบข่าวเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ใน เดลิเมล สื่อดังของอังกฤษ

ข่าวจาก chicagotribune (http://www.chicagotribune.com/suburbs/oak-brook/news/ct-dob-rare-fish-tl-0414-20160406-story.html)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ค. 16, 10:17
ดูรูปทีแรกนึกว่าตุ๊กตายาง   ไปค้นกูเกิ้ลถึงได้รู้ว่าปลาจริง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 พ.ค. 16, 10:42
วันที่ ๒ เมษายน McLaughlin กลับมาถึงบ้าน เมื่อเขาเข้าไปดูในเน็ตพบภาพสัตว์ประหลาดที่เขาจับได้ และเมื่อตรวจหาในกูเกิลเขาก็พบข่าวเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ใน เดลิเมล สื่อดังของอังกฤษ

ข่าวของ เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-3519503/The-bizarre-bulbous-alien-fish-caught-Cabo-Experts-reveal-strange-pink-creature-actually-rare-albino-SHARK.html) วันที่ ๑ เมษายน ที่ McLaughlin หาพบ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คนนำทางที่ McLaughlin พูดถึงคือ Jaime Rendon กัปตันเรือ Dr.Pescado   Rendon เล่าว่า ปลาประหลาดตัวนี้จับได้ห่างจากฝั่งประมาณ ๑ ไมล์ ที่ความลึกน้ำทะเล ๓๗๐ ฟุต เมื่อเห็นครั้งแรก Rendon นึกว่ามันเป็นสัตว์ต่างดาว มันมีผิวหยาบ มีฟันเล็ก ๆ อยู่สามแถว และมีช่องเหงือกแต่ละข้างของหัวอยู่ ๓ ช่อง  ดวงตาใหญ่สีออกเขียว

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าปลาประหลาดตัวนี้คือ ฉลามลายหินอ่อน (swell shark) (https://en.wikipedia.org/wiki/Swellshark) Cephaloscyllium ventriosum ชื่อในภาษาอังกฤษมาจากการที่เมื่อพบศัตรู มันจะกลืนน้ำหรืออากาศเข้าไปทำให้ท้องบวม ศัตรูก็ไม่สามารถเขมือบมันได้ ปรกติฉลามลายหินอ่อนจะมีสีน้ำตาลออกเหลือง และมีจุดตามลำตัวสีดำ

(http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2016/04/01/18/32BEC1FB00000578-3519503-image-a-10_1459533239582.jpg)

ปลาประหลาดตัวนี้มีสีชมพูจึงเป็นปลาเผือก ส่วนจะเป็นแบบ albino หรือ leucistic ยังไม่ฟันธง

แต่ยังคำถามที่ให้นักวิทยาศาสตร์ไปขบคิดต่อว่า ปรกติฉลามจะมีช่องเหงือก ๕-๗ ช่อง แต่ทำไมเจ้าปลาประหลาดตัวนี้จึงมีอยู่เพียง ๓ ช่องเท่านั้น  ???


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 พ.ค. 16, 09:36
ม้าหรือหมา หมาหรือม้า น่าสงสัย
พินิจใกล้ จึงแสดง แจ้งประจักษ์
ม้าตัวเล็ก หมาตัวใหญ่ ให้น่ารัก
ทั้งแปลกนัก เมื่อมาอยู่ เดินคู่กัน


Joker สุนัขพันธุ์เกรทเดน (๓ ปี)  และ Tigger ม้าแคระ (๑๕ ปี) เดินเคียงคู่คุณป้า Ronnie Jones (๖๓ ปี)  ที่ Cornwall อังกฤษ ;D

ภาพจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-2948972/Horse-hound-Giant-Great-Dane-Joker-small-pony-Tigger-best-friends-lookalikes.html)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 มิ.ย. 16, 11:20
ปรกติ "กิ้งกือ" สีจะไม่ค่อยดึงดูดผู้คนสักเท่าไร แต่ธรรมชาติก็สร้างกิ้งกือสีแปลกมาให้เราชม อย่างเจ้าตัวสีชมพูนี้

สัตว์น้อยสีชมพูอีกตัวหนึ่งที่เพิ่งขึ้นพบปี ๒๕๕๐ นี้เอง มีในประเทศไทยแห่งเดียวเท่านั้น ที่สำคัญค้นพบโดยทีมงานสีชมพูด้วย (ทีมวิจัยในโครงการกิ้งกือ-ไส้เดือนหน่วยปฏิบัติการซิสเทมาติกส์ของสัตว์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

เจ้าสัตว์น้อยสีชมพูตัวนี้คือ “กิ้งกือมังกรสีชมพู” (Shocking Pink Dragon Millipede - Desmoxytes purpurosea)


(http://i.telegraph.co.uk/telegraph/multimedia/archive/01206/millipede_1206254i.jpg)

สีที่คู่กันน่าจะเป็นสีฟ้า เจ้าตัวนี้พบได้ในอีกซีกโลกหนึ่งที่ เม็กซิโก มีชื่อว่า Blue Cloud Forest Millipede - Pararhachistes potosinus แม้จะสีสันสวยงามแต่อย่าไปจับต้องมันเชียวเพราะมีพิษร้ายแรงเคลือบอยู่

http://www.youtube.com/watch?v=8_hNlO1dorU#ws (http://www.youtube.com/watch?v=8_hNlO1dorU#ws)

สีงามอร่ามหรูชมพูฟ้า  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 มิ.ย. 16, 15:54
ขณะที่ช่างภาพ ทิม ซามูเอล (Tim Samuel) ดำน้ำอยู่ในอ่าวไบรอน (Byron Bay) ออสเตรเลีย เขาสังเกตเห็นปลาน้อยตัวหนึ่งติดอยู่ในร่างแมงกะพรุน แต่มันยังสามารถคุมการเคลื่อนไหวของแมงกะพรุนได้

รองศาสตราจารย์เอียน ทิบเบตส์ (Ian Tibbetts) นักชีววิทยาแห่งศูนย์สมทุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ บอกว่าปลาน้อยตัวนี้น่าจะเป็นลูกปลาสำลี (trevally) แต่ก็บอกยากว่าเจ้าปลาน้อยมันจะดีใจหรือเสียใจที่ติดอยู่ข้างในนั้น คาดว่าตราบใดที่มันยังคงว่ายอยู่ในแมงกะพรุนได้มันก็คงมีความสุขแหละน่า

เรื่องและภาพจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3628873/Byron-Bay-photographer-captures-bizarre-picture-fish-trapped-jellyfish.html)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 มิ.ย. 16, 11:04
เอาสัตว์ประหลาดหน้าตาบ๊องแบ๊วมาให้ทาย

ตัวอะไรหนอ   ??? ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: unicorn9u ที่ 22 มิ.ย. 16, 14:17
เอาสัตว์ประหลาดหน้าตาบ๊องแบ๊วมาให้ทาย

ตัวอะไรหนอ   ??? ;D

ตอบว่า
ปลาหมึกน้ำลึก Taonius borealis แห่งแปซิฟิคเหนือ ครับ  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 มิ.ย. 16, 15:35
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6355.0;attach=62013;image)

ถูกต้องแล้ว ค ร้ า บ บ บ...  ;D

หมึกตัวนี้พบได้ในน้ำลึกได้ถึง ๒ กิโลเมตร  ดูหน้าตาแล้วเหมือนลูกผสม หมึก + นกกระตั้ว  บางทีจึงเรียกว่า หมึกกระตั้ว (cockatoo squid) :)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.ค. 16, 09:14
หมึกหน้าตาบ้องแบ๊วอีกตัวคือ หมึกลูกหมู (piglet squid) Helicocranchia pfefferi อยู่ในวงศ์เดียวกับหมึกกระตั้วคือ (Cranchiidae วงศ์หมึกแก้ว - glass squid เนื่องจากหมึกในวงศ์นี้ตัวจะใส)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ก.ค. 16, 14:10
ในท้องมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล  สิ่งมีชีวิตที่มีจำนวนมากที่สุดล่องลอยไปมาเพื่อเป็นอาหารของสัตว์น้ำชนิดอื่นเห็นจะเป็นพวกแพลงตอนซึ่งมีทั้งพวกที่เป็นพืชและสัตว์ มีแพลงตอนสัตว์พวกหนึ่งคือพวก  Copepods  ที่ชื่อว่า Sea Sapphire มีความสามารถประหลาดยิ่งคือ ล่องหนหายตัวได้ เพื่อหลีกเลี่ยงจากนักล่า ด้วยวิธีการขยับแผ่นเปลือกบนหลังให้กระทบกับแสงในมุม ๔๕ องศา ซึ่งจะทำให้เปลือกของมันสะท้อนแสงสีน้ำเงินออกมาชั่วขณะ ก่อนที่จะหายตัวกลืนไปกับฉากหลัง และสายตาของนักล่า

(http://animals.spokedark.tv/spdimages/OQ==/2015/Animals/150722_Change/01.gif)

http://www.youtube.com/watch?v=CRmFpQEW2Js#ws (http://www.youtube.com/watch?v=CRmFpQEW2Js#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ก.ค. 16, 14:33
ชาวบ้านมักจะเห็น "สัตว์สีทอง" เป็นเรื่องประหลาด

ปลาไหลนา Monopterus albus ปรกติก็พบได้หลายสีทั้งดำ ด่าง ทอง ก็ไม่ใคร่แปลกประการใด

แต่ที่คนมาจุดธูปไหว้ปลาไหลนี้ นี่ซิแปลก  ;)

ซ้าย - จังหวัดอ่างทอง   ขวา - จังหวัดเลย  พ.ศ. ๒๕๕๕


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5920.0;attach=51836;image)
ข่าวจาก มติชน

ประมงอือฮา! พบม้าน้ำสีทองอร่ามกลางทะเลชุมพร เผย!เป็นสัตว์หายาก พบในรอบ ๕๐ ปี (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1415712376)

"ม้าน้ำสีทอง" จะว่าประหลาดก็ประหลาด อย่างน้อยก็ประหลาดกว่า "ปลาไหลสีทอง" ที่ผ่านมา แต่ที่ประหลาดกว่าเป็นอมตะนิรันดร์กาลเห็นจะเป็นคนที่มาจุดธูปขอตัวเลขนี่แหละ  
;D

(http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=d572daa204204a0d1b89c2cccd413539&action=dlattach;topic=5920.0;attach=52558;image)
ข่าวสัตว์สีทองตัวล่าสุดในวันใกล้หวยออก คือ ปลาดุกสีทอง

ข่าวจาก brighttv (http://www.brighttv.co.th/th/news/%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AE%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%94-%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3)

๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙ พบเรื่องสุดฮือฮาที่ จ.ชัยภูมิ เมื่อแห่ขอเลขเด็ดปลาดุกมีสีเหมือนทองคำสุกปลั่งไปทั่วทั้งตัว เจ้าของพบเห็นจากเดิมจะเอาไปทำกับข้าวตัดใจเลี้ยงในตู้ปลา พอชาวบ้านรู้ข่าวต่างพากันแห่มาขอดูปลาดุกสีทอง รวมทั้งตีเป็นเลขเด็ดจากปลาที่ได้มา ๒ ตัวเป็น ๘๒ แต่หายไป ๑ ตัว ก็บอกว่าเป็น ๘๑ บ้าง

สื่อให้หวย แต่แก้ขวยโดยลงท้ายว่า

อนึ่ง ข่าวดังกล่าวเป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและวิเคราะห์ข่าวอย่างมีสติ

๕ ๕ ๕ ๕ ๕


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ค. 16, 11:43
    ข่าวปลาซัคเกอร์สีดำ น่ากลัวว่าสัตว์ประหลาดสีทอง
    http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000070412 (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000070412)
   ปลาซัคเกอร์เพาะง่าย เลี้ยงง่าย แถมทน จึงมีการนำมาขายเป็น "ปลาราหู" เพื่อให้คนที่ไม่รู้ปล่อยลงแหล่งน้ำ สร้างบุญ สร้างกุศล แต่แทนที่จะได้บุญ กลับยิ่งไปสร้างเคราะห์กรรมต่อสัตว์ และชาวบ้าน เห็นได้จากบ่อปลาที่ชาวบ้านทำไว้เพื่อจับปลาตามธรรมชาติ กลับมีแต่ปลาซัคเกอร์มากมายที่นำไปใช้ประโยชน์แทบไม่ได้ รวมไปถึงการลดลงของปลาเศรษฐกิจน้ำจืดในแหล่งน้ำธรรมชาติด้วย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.ค. 16, 12:28
ข่าวปลาซัคเกอร์สีดำ น่ากลัวว่าสัตว์ประหลาดสีทอง
ปลาซัคเกอร์สีทอง  (http://www.planetcatfish.com/common/species.php?species_id=82) ก็มี อยู่ในสกุลเดียวกับปลาซัคเกอร์ที่กำลังเป็นปัญหาในบ้านเรา เป็นปลาที่น่ากลัวอยู่เหมือนกันถ้าหลุดไปในแหล่งน้ำธรรมชาติ   :o

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=44182;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=44341;image)

Parancistrus aurantiacus   (http://www.planetcatfish.com/common/species.php?species_id=82) มีชื่อสามัญว่า Chubby Pleco หรือ Rubber Pleco  

Pleco คือ ปลาซักเกอร์ หรือ ปลาเทศบาล ที่นิยมเลี้ยงตามตู้ปลาพื่อกินเศษอาหาร หรือพวกตะไคร่น้ำในตู้ปลา

แต่เจ้า Chubby Pleco นี้มีทีเด็ดตรงที่สามารถเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเหลืองทองได้ เหมือนเจ้าเงาะถอดรูปเป็นสังข์ทองอย่างไงอย่างงั้น


http://www.youtube.com/watch?v=vvvBq7jeOG0#ws (http://www.youtube.com/watch?v=vvvBq7jeOG0#ws)
เชื่อไหมว่าปลาสองตัวที่เห็นในคลิปเป็นปลาพันธุ์เดียวกัน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=44183;image)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.ค. 16, 12:45
นอกจากจะรณรงค์ไม่ให้ปล่อยตัวใหม่ลงไปเพื่อสะเดาะเคราะห์ ต้องส่งเสริมให้รับประทานตัวที่อยู่ในแหล่งน้ำแล้วด้วย  ;D

ส่งเสริมให้รับประทานปลาซัคเกอร์กันเถิด เพื่ออนาคตของปลาพื้นเมืองของไทย

ถึงเนื้อจะน้อยสักหน่อย แต่ก็อร่อยทีเดียว 

http://www.youtube.com/watch?v=en9Je5gNWoY#ws (http://www.youtube.com/watch?v=en9Je5gNWoY#ws)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley36.png)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ค. 16, 12:57
ปลาซัคเกอร์ชุบแป้งทอด ร้อนๆ จ้า


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.ค. 16, 14:24
เสนออีกจานหนึ่ง "ยำปลาซัคเกอร์ฟู"

มีรูปขั้นตอนการทำจาก http://www.clipmass.com/story/97245 (http://www.clipmass.com/story/97245)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ก.ค. 16, 11:32
ข่าวจาก ข่าวสด (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1460458276)

แตกตื่น! ชาวจีนเจอ"ไดโนเสาร์หกเขา"รูปร่างเหมือนซาลาแมนเดอร์ แต่มีสีทอง

เพจ China Xinhua News รายงานว่า มีคนพบสัตว์ประหลาดสี่ขาในแม่น้ำจินสุ่ย หลังจากนั้นก็จับตัวและใส่ถุงพลาสติกเอาไว้ พอเอามันขึ้นฝั่งแล้วก็มีชาวบ้านจำนวนมากมารุมล้อมด้วยความสนใจ และพูดกันว่าสัตว์ตัวนี้คือ “ซาลาแมนเดอร์ยักษ์สีทอง”

แท้จริงแล้วเจ้าตัวคืออะไรกันแน่? นายเฉา เหว่ย นักอนุรักษ์สัตว์ป่าในเมืองเจิ้งโจว กล่าวว่า “พอมองจากภายนอก ก็เหมือนซาลาแมนเดอร์ทั่วไปนั่นแหละ แต่ซาลาแมนเดอร์ไม่น่าจะมีสีนี้ มีคนให้ความเห็นในอินเตอร์เน็ตว่ามันคือ ซาลาแมนเดอร์กลายพันธุ์ บางคนก็เรียกว่ามันคือซาลาแมนเดอร์สีทอง ซึ่งผมเอนเอียงไปด้านหลังมากกว่า”

ส่วนในโลกอินเตอร์เน็ต ชาวจีนต่างก็ถกเถียงกันว่ามันคือซาลาแมนเดอร์หรือไม่ มีชาวบ้านที่เคยเลี้ยงก็ให้ความเห็นว่า มันคือสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง เรียกว่า “ไดโนเสาร์หกเขา” สามารถซื้อได้ในตลาดเฉินไจ้ เป็นสัตว์ที่สามารถเลี้ยงได้ในน้ำเย็น อีกทั้งยังเลี้ยงง่ายด้วย

ชาวเรือนไทยว่า มันคือตัวอะไร ซาลาแมนเดอร์สีทอง หรือ ไดโนเสาร์หกเขา หรือ ......  


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 ก.ค. 16, 11:37
ส่วนในโลกอินเตอร์เน็ต ชาวจีนต่างก็ถกเถียงกันว่ามันคือซาลาแมนเดอร์หรือไม่ มีชาวบ้านที่เคยเลี้ยงก็ให้ความเห็นว่า มันคือสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง เรียกว่า “ไดโนเสาร์หกเขา” สามารถซื้อได้ในตลาดเฉินไจ้ เป็นสัตว์ที่สามารถเลี้ยงได้ในน้ำเย็น อีกทั้งยังเลี้ยงง่ายด้วย  
สัตว์ที่คนจีนเรียกว่า "ไดโนเสาร์หกเขา" แท้จริงก็คือ Axolotl ซึ่งเป็นซาลาแมนเดอร์ชนิดหนึ่งนั่นเอง

จริง ๆ แล้ว Axolotl มีได้หลายสี ตั้งแต่สีชมพู (เผือก) เหลือง ไปจนถึงสีดำ

สีเหลือง เรียกว่า สีทอง ดูจะมีราศีขึ้นมาหน่อย  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ค. 16, 14:56
ส่งข่าวนี้ให้คุณหมอเพ็ญชมพู


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 ก.ค. 16, 15:12
เรื่องของ "สัตว์ประหลาด" ใน "วันภาษาไทยแห่งชาติ"

ท่านรอยอินก็มีความเห็นเป็นกลางอยู่แล้ว บอกให้เรียกได้ทั้ง ๒ อย่างตามอัธยาศัย

วาฬ  น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับ Cetacea อันดับย่อย Odontoceti และ Mysticeti มีหลายชนิดในหลายวงศ์ ขนาดใหญ่มาก หัวมนใหญ่ หางแบนเพื่อช่วยในการพุ้ยน้ำ สามารถพ่นอากาศที่มีไอน้ำออกทางจมูกได้เวลาโผล่ขึ้นมาหายใจ เช่น วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus Linn.) ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เคยพบในน่านน้ำไทย, วาฬแกลบครีบดำ (B. borealis Lesson)  และ วาฬแกลบครีบขาวดำ (B. acutorostrata Lacepede) ในวงศ์ Balaenopteridae, วาฬหัวทุย (Physeter macrocephalus Linn.) ในวงศ์ Physeteridae, ปลาวาฬ ก็เรียก.

โลมา น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับ Cetacea อันดับย่อย Odontoceti มีหลายชนิด หลายวงศ์ ลำตัวใหญ่ บางชนิดปลายจะงอยปากยื่นแหลม บางชนิดหัวกลมมน มีฟัน หางแบนเพื่อช่วยในการพุ้ยน้ำ มักมีครีบหลัง ๑ ครีบ หายใจด้วยปอด อาศัยอยู่ในทะเล เช่น โลมาขาวเทา (Sotalia plumbea Cuvier) ในวงศ์ Stenidae โลมาหัวขวด (Delphinus delphis Linn.) ในวงศ์ Delphinidae โลมาอิระวดี (Orcaella brevirostris Gray) อาศัยอยูได้มนน้ำจืด เช่นทะเลสาบในจังหวัดพัทลุง และแม่น้ำโขง ทั้ง ๒ อยู่ในวงศ์ Delphindae  โลมาหัวบาตร(Neophocaena phocaenoides Cuvier) ในวงศ์ Phocaenidae, ปลาโลมา ก็เรียก.

หมึก น. ชื่อสัตว์ทะเลที่ไม่ใช่ปลา ไม่มีกระดูกสันหลังชั้น Cephalopoda ไฟลัม Mollurea มีอวัยวะที่เรียกกันว่า หนวดหรือแขน อยู่รอบปาก ใช้พยุงตัวและจับเหยื่อ มีถุงบรรจุน้ำสีดำคล้ายหมึกสำหรับปล่อยลงน้ำเพื่อพรางตัว มีหลายชนิด เช่น หมึกกระดองลายเสือ (Sepia pharaonis Ehrenberg) ในวงศ์ Sepiidae หมึกกล้วย [Photololigo duvaucelii (d' Orbigny)] ในวงศ์ Loliginidae, ปลาหมึก ก็เรียก.

ดาวทะเล  น. ชื่อสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลังหลายชนิดในชั้น Asteroidea ตัวมี ๕ แฉกหรือมากกว่า คล้ายดาว หลังเป็นหนามขรุขระ, ปลาดาว ก็เรียก.

จาก พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ส.ค. 16, 11:21
เพิมเติมอีก ๒ ตัว  ;D

แมงกะพรุน   ชื่อสัตว์นํ้าไม่มีกระดูกสันหลังหลายชนิดในไฟลัม Cnidaria ลำตัวคล้ายร่ม ลักษณะเป็นวุ้น ปากอยู่ด้านล่าง มีอวัยวะคล้ายหนวดรอบปาก เช่น แมงกะพรุนจาน หรือแมงกะพรุนหนัง ซึ่งกินได้ ส่วนแมงกะพรุนถ้วย แมงกะพรุนไฟ และแมงกะพรุนลาย มีพิษ, กะพรุน ก็เรียก.

หอยเม่น  ชื่อสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลังที่ไม่ใช่หอยชั้น Echinoidea ไฟลัม Echinodermata รูปทรงกลมคล้ายผลส้ม มีหนามแข็งสั้นหรือยาวทั่วตัว อาศัยตามแนวปะการัง มีหลายชนิดหลายสกุล เช่น ชนิด Diadema setosum (Leska), เม่นทะเล ก็เรียก.


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ส.ค. 16, 11:28
มีสัตว์อีกตัวหนึ่งที่ไม่ใช่ปลา แต่อาจมีบางคนเรียกว่าปลา คือ พะยูน

ใครจะไปรู้ว่า บางทีท่านสุนทรภู่อาจจะเอา ปลาโลมาหรือปลาพะยูน  เป็นต้นแบบนางเงือกบวกกับบุคลิกนางสุพรรณมัจฉาในรามเกียรติ์เข้าไป  กลายเป็นนางเงือกก็ได้   ;D
ท่านรอยอินไม่ได้เก็บคำว่า ปลาพะยูน ไว้แล้ว (อาจเป็นเพราะจำนวนคนเรียก พะยูน ว่า ปลา น้อยลงเรื่อย ๆ แต่บอกว่ามีชื่ออื่น ๆ คือ เงือก วัวทะเล หมูน้ำ ดูกอง ซึ่งก็ไม่เห็นจะมีใครใคร่เรียกเหมือนกัน  ;D)

พะยูน  ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิด Dugong dugon (Müller) ในวงศ์ Dugongidae ลำตัวอ้วนกลม เรียวยาวไปทางหาง มีขนเฉพาะที่บริเวณใกล้ปาก รยางค์คู่หน้าเป็นแผ่นคล้ายใบพายไม่เห็นเป็นนิ้ว รยางค์คู่หลังไม่โผล่ให้เห็น หางเป็นแฉกแผ่กว้างแบนลง ตัวอาจยาวได้ถึง ๓ เมตร สีเทาดำแกมฟ้า อาศัยอยู่ในทะเลชายฝั่ง กินพืชนํ้าพวกหญ้าทะเล เป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่ง, เงือก วัวทะเล หมูนํ้า หรือ ดูกอง ก็เรียก

พะยูน (dugong) มีญาติอยู่ ๒ ตัว คือ มานาตี (manatee) อยู่แถว ๆ ทะเลคาริบเบียน  ลุ่มแม่น้ำอเมซอน และแอฟริกาตะวันตก และ วัวทะเลสเตลเลอร์  (Steller's sea cow)  เคยอยู่แถว ๆ ช่องแคบแบริง ระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้ว

ข้างล่างเป็นภาพรวมญาติ พะยูน มานาตี และวัวทะเลสเตลเลอร์  

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=10435;image)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ส.ค. 16, 12:11
ขึ้นมาบนบกบ้าง ตัวนี้ชอบอยู่บนต้นไม้ เป็น "หมีที่ไม่ใช่หมี" คือ โคอาลา (Koala) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งมีถุงหน้าท้องเพื่อให้ตัวอ่อนได้อาศัยเช่นเดียวกับจิงโจ้ ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Phascolarctos cinereus  ชื่อสกุล (genus) Phascolarctos มาจากคำในภาษากรีก ๒ คำมาสนธิกันคือ  phaskolos (ถุง หรือ กระเป๋า) + arktos (หมี) โดยรวมหมายถึง หมีที่ถุงหน้าท้อง  ส่วนชื่อชนิด (species) cinereus เป็นภาษาละตินหมายถึง สีขี้เถ้า คือสีตัวของโคอาลานั่นเอง

ท่านรอยอินไม่ได้เก็บคำนี้ไว้ แต่ต่อไปอาจจะเขียนไว้ทำนองนี้ก็ได้

โคอาลา  ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิด Phascolarctos cinereus ((Goldfuss) ในชั้นฐาน Marsupialia กินใบยูคาลิปตัสเป็นอาหาร พบได้แถวรัฐควีนส์แลนด์, รัฐนิวเซาท์เวลส์, รัฐวิกตอเรีย และ รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย, หมีโคอาลา ก็เรียก.

ภาพจาก คุณวิกกี้ (https://en.wikipedia.org/wiki/Koala)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ส.ค. 16, 11:49
พืชมีอายุยืนยาวมากกว่าคนเรานัก ต้นสน Norwegian Spruce (https://en.wikipedia.org/wiki/Picea_abies)  ซึ่งขึ้นอยู่บนภูเขาในวนอุทยานแห่งชาติ Fulufjällets ทางตอนกลางของสวีเดน ค้นพบโดย ไลฟ คูลแมน (Leif Kullman) ศาสตราจารย์ทางภูมิศาสตร์กายภาพ (Physical Geography) แห่งมหาวิทยาลัยอูเมีย (Umeå University) ประเทศสวีเดน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗ คาดว่ามีอายุกว่า ๙,๕๐๐ ปี วัดโดยเทคโนโลยีคาร์บอน - ๑๔ (14C ) ที่ห้องปฏิบัติการที่ไมอามี รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา
ต้นไม้ที่อายุยืนที่สุดในโลกคือ ต้นสน อายุเกือบหมื่นปี แล้วสัตว์อะไรเล่าที่มีอายุยืนที่สุดในโลก

ผู้ที่พบคำตอบเรื่องนี้ได้คือทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนและมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด โดยนำตัวอย่างเลนส์ตาของ ปลาฉลามกรีนแลนด์ (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C) เพศเมียจำนวน ๒๘ ตัวที่จับได้โดยบังเอิญระหว่างที่สถาบันทรัพยากรธรรมชาติกรีนแลนด์ (Greenland Institute of Natural Resources) ออกสำรวจปลาและกุ้งประจำปี  

ส่วนที่จะนำใช้ในการหาอายุของปลาฉลามกรีนแลนด์ คือบริเวณตรงกลางของเลนส์ตาซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีเลยตั้งแต่เกิด วิธีที่ใช้หาอายุเป็นวิธีเดียวกับที่ใช้วัดอายุของต้นไม้ที่อายุยืนทีสุดในโลกคือ เทคโนโลยีคาร์บอน-๑๔

นักวิจัยพบว่าปลาฉลามกรีนแลนด์ที่ใหญ่ที่สุด ๒ ตัว คือ ตัวที่ยาว ๔.๙๓ เมตร มีอายุประมาณ ๓๓๕ ปี และตัวที่ยาว ๕.๐๒ เมตร มีอายุประมาณ ๓๙๒ ปี และยังพบอีกว่าปลาฉลามกรีนแลนด์เพศเมียจะเข้าสู่วัยสาวพร้อมที่จะผสมพันธุ์เมื่ออายุประมาณ ๑๕๖ ปี

ปลาฉลามกรีนแลนด์จึงเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีอายุยืนที่สุดในโลก อายุเกือบ ๔๐๐ ปี และมีชีวิตอย่าง "slow life" เสียจริง ๆ  ;D

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-3733486/The-world-s-longest-living-vertebrate-Greenland-sharks-survive-400-years-don-t-adults-150-years-old.html)

http://www.youtube.com/watch?v=-UuI0RGEjGg#ws (http://www.youtube.com/watch?v=-UuI0RGEjGg#ws)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ส.ค. 16, 15:14
ปลาฉลามกรีนแลนด์จึงเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีอายุยืนที่สุดในโลก อายุเกือบ ๔๐๐ ปี และมีชีวิตอย่าง "slow life" เสียจริง ๆ  ;D

ถึงแม้ว่าอายุเกือบ ๔๐๐ ปี ปลาฉลามกรีนแลนด์ก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์อายุยืนที่สุดในโลก หากนับเฉพาะสัตว์ที่มีชีวิตตัวเดียวโดด ๆ ไม่อยู่รวมกลุ่มแนบชิดติดกันอย่างฟองน้ำหรือปะการัง สัตว์ที่มีอายุยืนที่สุดในโลกเห็นจะเป็นหอยกาบนามว่า "หมิง" ทำสถิติไว้ที่ ๕๐๗ ปี

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบหอยอายุมากที่สุดในโลกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งในขณะนั้นมันมีอายุหลายร้อยปีแล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์กลับทำให้มันตายขณะพยายามเปิดฝาเพื่อตรวจสอบอายุของมัน

สำนักข่าว เดลิเมล  (http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2505155/Worlds-oldest-creature-confirmed-507-years-old-scientists-KILLED-shellfish.html)ของอังกฤษรายงานว่า "หมิง"เป็นหอยกาบที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ค้นพบที่ชายฝั่งประเทศไอซ์แลนด์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๙ แต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่ามันมีอายุเท่าใด นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามแกะฝาของมันเพื่อดู 'เส้นการเติบโต' (growth line) และทำให้ชีวิตของหอยตัวนี้ต้องจบลง หลังจากโชคร้ายตัวนี้ตาย นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามตรวจหาอายุของมัน โดยผลการวิเคราะห์ใน พ.ศ. ๒๕๕๐ ระบุว่ามันน่าจะมีอายุราว ๔๐๕ ซึ่งเพียงพอจะทำให้มันเป็นทั้งหอยและสิ่งมีชีวิตที่อายุมากที่สุดในโลกนั้น และตั้งชื่อมันว่า หมิง ตามชื่อราชวงศ์ที่ปกครองประเทศจีน (พ.ศ. ๑๙๑๑ - ๒๑๘๗) แต่ผลการตรวจสอบเมื่อไม่นานมานี้กลับพบว่า แท้จริงแล้วมันมีอายุมากถึง ๕๐๗ ปี

ผลจากการตรวจสอบหลายๆอย่าง รวมถึงตรวจวัดอายุคาร์บอน-๑๔ นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบังกอร์ ในเวลส์ ก็พบว่า หอยตัวนี้เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๐๔๒ หรือ ๗ ปี หลังจากคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบทวีปอเมริกา "เราพลาดไปในตอนแรก และดูเหมือนว่าเราจะรีบร้อนเผยแพร่การค้นพบของเรา" พอล บัตเลอร์ จากมหาวิทยาลัยบังกอร์ เผยใน เว็บไซต์ 'ScienceNordic' (http://sciencenordic.com/new-record-world%E2%80%99s-oldest-animal-507-years-old)

ข่าวจาก ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/383324)

เคล็ดลับของการมีอายุยืนเห็นจะเป็นการมีชิวิต "slow life" นี่เอง  ;D



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.ย. 16, 10:33
ถึงแม้ว่าอายุเกือบ ๔๐๐ ปี ปลาฉลามกรีนแลนด์ก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์อายุยืนที่สุดในโลก หากนับเฉพาะสัตว์ที่มีชีวิตตัวเดียวโดด ๆ ไม่อยู่รวมกลุ่มแนบชิดติดกันอย่างฟองน้ำหรือปะการัง สัตว์ที่มีอายุยืนที่สุดในโลกเห็นจะเป็นหอยกาบนามว่า "หมิง" ทำสถิติไว้ที่ ๕๐๗ ปี

ฟองน้ำและปะการังมีอายุได้นับพันปีทีเดียว

เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๘) ยานสำรวจสมุทรขององค์การสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NOAA) พบฟองน้ำ (Aphrocallistes vastus) ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนอกชายฝั่งฮาวายที่ความลึก ๒,๑๐๐ เมตร มีขนาดยาว ๓.๕ เมตร สูง ๒ เมตร กว้าง ๑.๕ เมตร นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถประเมินอายุฟองน้ำยักษ์นี้ได้แน่นอน แต่มีข้อมูลว่าปะการังหลายสายพันธุ์ที่อยู่ในความลึกระดับนั้น มีอายุมากที่สุดประมาณ ๔,๕๐๐ ปี  ส่วนฟองน้ำชนิดอื่นซึ่งอยู่ในระดับตื้นกว่านี้มีอายุมากกว่า ๒,๓๐๐ ปี ฟองน้ำยักษ์นี้ก็น่าจะมีอายุเป็นพันปีขึ้นไป

รายละเอียดอ่านต่อได้ที่ เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-3611741/Is-oldest-animal-planet-Researchers-gigantic-sea-sponge-Hawaii-thousands-years-old.html)

https://www.youtube.com/watch?v=HR5Rz5K-Fps


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 11 ก.ย. 16, 22:14
สุนัข --? ???


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ก.ย. 16, 10:54
กระต่ายที่เจ้าของอยากให้เป็นแกะ  ;D

ภาพจาก https://twitter.com/8ShinyCat8/status/774462493087309824/photo/1


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ก.ย. 16, 11:14
เข้าเรื่องสัตว์อายุยืน

แมงกะพรุนตัวนี้น่าจะได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก เพราะว่ามันเป็น "อมตะ"

http://www.youtube.com/watch?v=UscnzgG3-uw

Turritopsis nutricula (http://en.wikipedia.org/wiki/Turritopsis_nutricula) เป็นแมงกะพรุน ขนาดตัวประมาณ ๕ มิลลิเมตร จะมีกลไกภายในเซลล์ที่เรียกว่า transdifferentiation (http://en.wikipedia.org/wiki/Transdifferentiation) คือเมื่อถึงวัยหนุ่มสาวเต็มที่แล้ว เซลล์ของมันจะกลับกลายเป็นอยู่ในสภาพตัวอ่อนอีกครั้ง

วงจรชีวิตลักษณะนี้จะดำเนินไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีวันสิ้นสุด ถ้ามันไม่ถูกกินหรือถูกทำร้ายตายไปเสียก่อน


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=36011;image)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ก.ย. 16, 10:34
ข่าวสัตว์ประหลาดประจำวันความหวังแห่งชาติ

สาวนั่งสมาธิ จิ้งจกประหลาดตกตรงหน้า มี ๒ หัว ๔ ตา ๔ ขา ใครขอซื้อไม่ขาย

๑๖ กันยายน ๒๕๕๙ ที่บ้านเลขที่ ๗๔/๒ ตำบลตะเสะ อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง พบจิ้งจกประหลาดมี ๒ หัว ๔ ตา ๔ ขา ลักษณะลำตัวคล้ายซ้อนทับกันอยู่ ผิวหนังสีดำ-ขาว ลายขวางบริเวณขาทั้ง ๔ ข้าง และหางยาวประมาณ ๑.๕ นิ้ว ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าของบอกว่าขณะตนนั่งสมาธิอยู่ จู่ ๆ จิ้งจก ๒ หัวก็หล่นลงมาตรงหน้า คิดว่าคงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลโชคลาภ ซึ่งจิ้งจก ๒ หัวนี้ ตนจะเก็บไว้ตราบนานเท่านานโดยไม่คิดขาย โดยก่อนหน้านี้มีคนมาขอบูชา และขอเลขเด็ดบ้าง

ข่าวจาก ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/724193)

ในเนื้อข่าวมีเลขเด็ดอยู่หลายตัว เชิญพิจารณากันตามอัธยาศัย  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ก.ย. 16, 10:27
ภาพที่หลายท่านคงไม่เคยเห็น หมีหลับบนเสาไฟฟ้า เหตุเกิดที่แคนาดา เมื่อหมีตัวหนึ่งวิ่งหนีสุนัขขึั้นไปหลับบนเสาไฟฟ้า แต่ตอนจบแฮปปี้เอ็นดิ้ง หมีสามารถลงมาเบื้องล่างได้อย่างปลอดภัย

http://www.independent.co.uk/news/world/americas/bear-taking-a-nap-on-an-electricity-pole-9463052.html


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ก.ย. 16, 10:32
แต่ขึ้นชื่อว่าไฟฟ้า ประมาทแม้เพียงนิด ชีวิตอาจวางวาย

https://www.youtube.com/watch?v=-l53YIew3xw

เหตุเกิดที่แคลิฟอร์เนีย หมีตัวนี้โชคร้ายถูกไฟฟ้าช็อต หล่นลงมายังพื้นเบื้องล่าง ในโชคร้ายก็ยังมีโชคดีที่มันรอดชีวิตมาได้ในที่สุด  :o


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 16, 11:12
ศพนางเงือกเกยหาด(อีกแล้ว)

Great Yarmouth looks like a dead Mermaid washed up on the beach
https://www.youtube.com/watch?v=b3JB4JRpKjs


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ต.ค. 16, 06:38
บางทีเราต้องมองให้ครบทุกด้าน  ;D

Many online posts support his claim that it’s a mythical mermaid. But others say it’s a dead seal - the east coast has a large colony of grey seals.

รายละเอียดอยู่ในข่าวของ เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-3822814/UK-man-stumbles-gruesome-remains-look-like-dead-mermaid-deserted-beach.html)



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ต.ค. 16, 08:38
กระดูกแมวน้ำหน้าตาเป็นยังงี้ไม่ใช่หรือคะ คุณหมอเพ็ญ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 พ.ย. 16, 18:56
๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ เฟซบุ๊ก สำนักจัดการที่ดินแห่งรัฐอลาสกา (https://www.facebook.com/BLMAlaska/) เผยแพร่คลิปวิดีโอ ขณะสำรวจแม่น้ำในพื้นที่ ปรากฏภาพ “สัตว์ประหลาด” คล้ายชิ้นส่วนของน้ำแข็งว่ายไปมา

https://youtu.be/eCffZ1JwUXQ

ฝรั่งดูแล้วคงนึกถึง "เนสซี" แต่สำหรับคนไทยต้องนึกถึง "พญานาค"เป็นอันดับแรก  ;D




กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 02 พ.ย. 16, 09:10
จรเข้หรือเปล่าครับ ดูขนาดแล้วตัวไม่ใหญ่มากมายอะไร เหมือนจรเข้ที่มีหิมะเกาะหลังหนะครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 พ.ย. 16, 10:10
บางทีถ้าเป็นจระเข้หิมะ ปลาไหลยักษ์ ญาติของเนสซี หรืออวตารของพญานาค ดูน่าจะตื่นเต้นมากกว่าคำเฉลยแบบนี้  ;D

https://youtu.be/VIkvGMS5Vfs


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 16, 10:20
จบหักมุมตามเคย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 พ.ย. 16, 10:27
"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้   ;D  


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 04 พ.ย. 16, 10:06
ก็มีลีลาเลื้อยซะแบบนั้น ก็ต้องเข้าใจว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหนะซีครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 พ.ย. 16, 11:23
เหมือนกับกรณีพญานาคที่นครพนม ปี ๒๕๕๖

พิสูจน์พญานาคที่นครพนม 

http://www.youtube.com/watch?v=MVbvaH9homE

รายละเอียดเพิ่มเติมจาก ผู้จัดการ (http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000128039)

โอละพ่อ! ข่าวลือพญานาคโผล่น้ำโขงหน้าวัดธาตุพนม ที่แท้ “ทุ่นพลาสติกลอยน้ำ”

นครพนม - โอล่ะพ่อ หลังฮือฮาพญานาคโผล่กลางน้ำโขงหน้าวัดพระธาตุพนม วันทำพิธีศักดิ์สิทธิ์สัตนาคารำลึกบูชาพญานาคน้ำโขง ล่าสุด ตำรวจน้ำนำเรือพิสูจน์พบเป็นทุ่นพลาสติกใต้ผิวน้ำ ชาวบ้านที่มุงดูเผ่นกลับเสียอารมณ์
       
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครพนม ว่า เมื่อวันที่ ๑๑ ต.ค. เวลา ๑๓.๐๐ น. หลังจากที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ได้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สัตนาคารำลึก หรือพิธีบวงสรวงพญานาค ถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญจัดสืบทอดมานานกว่า ๕๐ ปี ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงก่อนเทศกาลออกพรรษา ในคืนวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปีที่ผ่านมา และเป็นที่ฮือฮาแตกตื่นเพราะมีการถ่ายภาพเชื่อว่าเป็นพญานาคโผล่ขึ้นในแม่น้ำโขงเยื้องประตูโขง
       
โดยเฉพาะปรากฏเป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ส่วนกลาง และโทรทัศน์ เฟซบุ๊ก เป็นข่าววิทยุในพื้นที่ จนทำให้ช่วง ๑-๒ วันมานี้ ได้มีประชาชนจำนวนมากหลั่งไหลมาชมโดยกระแสน้ำหมุนเป็นเกลียวหมุนยาวอยู่กับที่ให้คนชมตลอด
       
ขณะที่ชาวบ้านจับกลุ่มยืนชมอยู่นั้น ได้มีเรือตำรวจน้ำลำหนึ่งขับวนเวียนรอบคลื่นน้ำหมุน ที่เชื่อว่าเป็นพญานาค สักพักเจ้าหน้าที่บนเรือได้เกาะเชือกใต้น้ำขึ้น และพบเป็นกระป๋องน้ำพลาสติกลอยพ้นขึ้นสูผิวน้ำ และเกลียวคลื่นหมุนคล้ายตัวพญานาคก็หายไปทำเอาชาวบ้านรู้สึกผิดหวัง และเสียอารมณ์มาก
       
จากการสอบถามชาวบ้านแถบนั้น ตอบว่า จริง ๆ แล้วมันคือทุ่นใต้น้ำผูกเชือกถ่วงหินลงใต้น้ำโขง ส่วนบนกระป๋องน้ำเอาไว้ผูกมองหาปลา แต่บังเอิญสายถ่วงน้ำสั้นนิดหนึ่งทำให้เชือกดึงกระป๋องน้ำลงใต้ผิวน้ำ เมื่อกระแสน้ำกระทบมันจะเกิดเป็นคลื่นหมุนยาวๆ และมีการตื่นว่าเป็นพญานาค

       
แต่อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็จะตอบเลี่ยงไว้เชิงว่า ขณะนี้พญานาคดำน้ำหนีไปแล้ว

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 พ.ย. 16, 13:59
ปริศนารอยพญานาค

บนรถยนต์ก็ยังมี พร้อมของเซ่นไหว้ตามความเชื่อ   :D

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=10459;image)

จนปัญญาจริงๆ เมื่อไหร่จะเฉลยครับ อยากเห็นตัวมานานแล้ว

มีคำเฉลยแล้วจ้า  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 พ.ย. 16, 14:09
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙) คุณ Nick Genie ได้เฉลยไว้ใน เฟซบุ๊ก (https://www.facebook.com/nickgeniepage/posts/1261056133937273)

เฉลยที่มาของรอยพญานาค
 
เรื่องของเรื่องคือเมื่อคืนผมบังเอิญสังเกตเห็นร่องรอยแปลก ๆ บนหลังคารถตู้ของผม
มันคล้าย ๆ แบบที่เค้าเข้าใจว่าเป็นรอย...พญานาค!
หรือจะเป็นจริงตามคำร่ำลือ

(https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/15135749_1261055770603976_8764419368569085093_n.jpg?oh=24779c06ddbd36c643e5d984f5acced2&oe=58BC21DD)

แต่ผมกับภรรยายังไม่รีบร้อนปักใจเชื่อ
นึกขึ้นได้ว่าผมมีกล้องวงจรปิด เลยรีบเข้าโหมดดูย้อนหลัง เผื่อจะเห็นพญานาคองค์เป็น ๆ คนแรกของโลก
ผมไล่ดูสลับไปมาจนเริ่มเห็นช่วงที่ยังไม่เกิดรอยประหลาดนั้น
เฝ้าตั้งใจดูอยู่นาน แล้วในที่สุดผมก็ได้เห็น...พญานาคตัวเล็กมาก !?!



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 พ.ย. 16, 14:32
พญานาคตัวเล็กมากจริง ๆ  ;D

https://www.facebook.com/nickgeniepage/videos/1261055800603973/


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 21 พ.ย. 16, 16:12
ท่านสำแดงฤทธิ์ มาในร่่างมินิครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 พ.ย. 16, 17:00
 ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 พ.ย. 16, 09:38
เมื่อ นิวท์ สคามันเดอร์ แห่ง Fantastic Beasts and Where to Find Them ประกาศว่า พญานาคไม่มีอยู่จริง  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 พ.ย. 16, 09:39
สิ่งที่ตามมา  :o

ภาพจาก เฟซบุ๊กหนังฝังมุก (https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1596873980619505&id=1447102878929950)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 04 ธ.ค. 16, 23:29
มีแต่รูปมาให้ดู  ไม่มีคำอธิบายครับ  ผมคิดว่าคงเป็นลักษณะฟันที่ผิดปกติ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ธ.ค. 16, 15:49
โอ้ ! นั่น แมว หรือ ลิง หรือ ค้างคาวดูดเลือดกันแน่ ;)

http://pet.kapook.com/view160604.html


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ม.ค. 17, 15:53
แมวมีปีกที่เมืองจีน

http://www.telegraph.co.uk/news/newstopics/howaboutthat/2631016/Chinese-cats-grow-wings.html


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 08 ม.ค. 17, 01:27
ตามไปอ่านข่าวจากลิงค์  ปรากฏว่ามีหลายตัวเสียด้วย
ผมวิเคราะห์เองเล่นๆว่า
หากเป็นอาการผิดปกติ  ก็น่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว  ไม่น่าออกผลลัพธ์ลักษณะแบบเดียวกันเป็นจำนวนหลายตัว
อย่างนี้ต้องผิดปกติลงลึกถึงระดับยีน (gene) ถึงได้ถ่ายทอดไปให้รุ่นลูกได้

แต่ยีนนี้คงไม่ค่อยเด่น  เลยโดนยีนอื่นกดไว้  ลักษณะปีกจึงไม่ปรากฏให้เห็น
ส่วนบางตัวจังหวะดี  ยีนปีกไม่โดนยีนอื่นกลบ  ก็จะแสดงปีกเป็นติ่งยื่นยาวออกมาให้เห็น

ที่จริงแล้ว "ยีนปีก" หมกตัวอยู่ในแมวถิ่นนั้นทุกตัว 
ถ้าปล่อยให้แมวผสมพันธุ์กันเองตามยถากรรม  ปีกก็จะโผล่บ้าง  ไม่โผล่บ้าง
แต่ถ้ามีการคัดพันธุ์  คัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายชั่วอายุ  เพื่อกำจัดยีนข่มทิ้งไป  ยีนปีกก็จะเด่นขึ้นเรื่อยๆ  เราก็จะได้แมวที่มีปีกทุกตัว
ผมวิจารณ์พอสนุกเท่านั้นครับ  ผู้อ่านอย่านำไปอ้างอิงเป็นจริงเป็นจัง


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ม.ค. 17, 15:54
แมวมีปีกอีกตัวที่เมืองจีน  ;D

https://www.sott.net/article/185322-Mysterious-Winged-Cat-Baffles-Animal-Experts


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Koratian ที่ 09 ม.ค. 17, 18:36

https://www.youtube.com/watch?v=VvTMfMaz48o

 ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ม.ค. 17, 10:24
แมวมีปีกที่เมืองจีนตัวแรกพบเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๐ ตัวที่สองเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๒ จากนั้นก็พบอีกหลายแห่ง ตัวของคุณคนโคราชที่ตาตาร์สถาน พบเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔  ยังมีอีก ๒ ตัวล่าสุด

ตุรกี พ.ศ. ๒๕๕๕

https://youtu.be/5tbFyX0BIgE

อียิปต์ พ.ศ. ๒๕๕๗

https://youtu.be/IXzNaFs0fq8


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ม.ค. 17, 12:15
ย้อนไปตั้งแต่เคสแรกซึ่งมีการเขียนบันทึกเป็นเรื่องราวที่อเมริกา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๘๕ จนถึงเคสที่เมืองจีน อย่างน้อยก็มี ๒๘ เคสที่มีหลักฐานเป็นบันทึกหรือรูปถ่าย จากหลายประเทศ เช่น อินเดีย อเมริกา แคนาดา อังกฤษ สวีเดน สเปน

http://messybeast.com/winged-cats.htm


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ม.ค. 17, 15:14
ผมวิเคราะห์เองเล่นๆว่า
หากเป็นอาการผิดปกติ  ก็น่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว  ไม่น่าออกผลลัพธ์ลักษณะแบบเดียวกันเป็นจำนวนหลายตัว
อย่างนี้ต้องผิดปกติลงลึกถึงระดับยีน (gene) ถึงได้ถ่ายทอดไปให้รุ่นลูกได้

แต่ยีนนี้คงไม่ค่อยเด่น  เลยโดนยีนอื่นกดไว้  ลักษณะปีกจึงไม่ปรากฏให้เห็น
ส่วนบางตัวจังหวะดี  ยีนปีกไม่โดนยีนอื่นกลบ  ก็จะแสดงปีกเป็นติ่งยื่นยาวออกมาให้เห็น

ที่จริงแล้ว "ยีนปีก" หมกตัวอยู่ในแมวถิ่นนั้นทุกตัว  
ถ้าปล่อยให้แมวผสมพันธุ์กันเองตามยถากรรม  ปีกก็จะโผล่บ้าง  ไม่โผล่บ้าง
แต่ถ้ามีการคัดพันธุ์  คัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายชั่วอายุ  เพื่อกำจัดยีนข่มทิ้งไป  ยีนปีกก็จะเด่นขึ้นเรื่อยๆ  เราก็จะได้แมวที่มีปีกทุกตัว
ผมวิจารณ์พอสนุกเท่านั้นครับ  ผู้อ่านอย่านำไปอ้างอิงเป็นจริงเป็นจัง


คงไม่เกี่ยวกับ "ยีนปีก" อย่างที่คุณธสาครวิเคราะห์ ในแมวพันธุ์ขนยาวมักเกิดจากขนที่พันกันเป็นกระจุก เนื่องจากไม่ได้สางเป็นเวลานาน ๆ จนมีลักษณะคล้ายปีก หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นกรณีแฝดติดกัน โดยอีกตัวหนึ่งมีพัฒนาการไม่สมบูรณ์ ส่วนที่คิดว่าเป็นปีก ก็คือส่วนขาของอีกตัวหนึ่งซึ่งติดอยู่บนหลังนั่นเอง กรณีสุดท้ายอาจเกิดจากการผิดปรกติของยีน ศัพท์แพทย์เรียกว่า Feline Cutaneous Asthenia (FCA) แมวพวกนี้จะมีผิวหนังหย่อนยาน จนสามารถปูดโปนออกมาจนมีลักษณะคล้ายปีก

มีรายงานว่าพบ "แมวมีปีก" หลายตัวก็จริง แต่ไม่เคยมีรายงานว่ามี "แมวบินได้" สักที     ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ก.พ. 17, 09:45
ถึงมีปีกก็เถอะ อย่างนกเลิฟเบิร์ดตัวนี้ เพื่อนพ้องน้องพี่ของมันล้วนบินได้ แต่ด้วยไร้ขนจึงจนปัญญาที่จะถลาสู่นภากาศ  :(

Rhea เจ้านกน้อยผู้น่าสงสารป่วยเป็นโรคจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง (Psittacine Beak and Feather Disease - PBFD) ทำใหขนร่วงและบินไม่ได้ สัตวแพทย์ผู้รักษาเล่าเรื่องของมันใน  FB สาวน้อย Isabella Eisenmann วัย ๒๓ อ่านเรื่องราวของมัน พลันตกหลุมรักเจ้านกน้อยทันที เธอรับ Rhea มาเลี้ยงและลงภาพของมันในอินสตาแกรม จนมีผู้ติดตามนับแสนคน และส่งเสื้อผ้ามาให้มันใส่มากมาย

https://youtu.be/Elvsc7wXxiU

สัตว์ประหลาดยังอาจน่ารักได้ หากเราเปิดใจยอมรับมัน

อ่านรายละเอียดได้ที่ เดอะซัน (https://www.thesun.co.uk/living/1912338/adorable-bald-lovebird-rhea-is-an-internet-sensation-after-being-adopted-and-getting-her-own-instagram/)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 17, 14:27
เคราะห์กรรมของสัตว์โลกส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่รู้ของมนุษย์ ดังเรื่องที่เกิดกับเต่าตนุเพศ อายุ ๒๕ ปีตัวหนึ่งที่เคยอยู่ในบ่อที่ศรีราชา ที่นี่แต่ก่อนคงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากอยู่ และเป็นความเชื่อของคนไทยที่ว่าการโยนเหรียญลงไปในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำจะนำมาซึ่งโชคลาภ โดยไม่ทราบเลยว่านั่นเป็นการทำบาปต่อสัตว์

เจ้าเต่าโชคร้ายตัวนี้มาถึงมือหมอด้วยอาการป่วย วินิจฉัยเบื้องต้นคิดว่ามาจากเนื้องอก แต่เมื่อเอ็กซเรย์ดูพบเหรียญจำนวนมากอยู่ในท้อง หมอจึงตั้งชื่อมันว่า "ออมสิน"


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 17, 14:29
เมื่อวันจันทร์สัปดาห์ที่แล้ว (๖ มีนาคม ๒๕๖๐) เจ้าออมสินขึ้นเขียงเพื่อผ่าเอาเหรียญออกจากท้องโดยคณะสัตวแพทย์จากจุฬาฯ ข่าวนี้ดังไปทั่วโลก ทุกสำนักข่าวรายงานเรื่องของ "ออมสิน" ประเทศไทยก็พลอยดังไปด้วยทั้งในแง่บวกคือความสามารถในการผ่าตัดของสัตวแพทย์ไทย และในแง่ลบคือความเชื่องมงายของคนไทย

จำนวนเหรียญที่พบในท้อง "ออมสิน" มีทั้งหมด ๙๑๕ เหรียญ หากตัวเลขนี้ปรากฏในผลการออกสลากกินแบ่งวันพรุ่งนี้  "ออมสิน"ก็จะดังยิ่งขึ้นอีกครั้ง  ;D

https://youtu.be/qlRw4DZAGeA


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 17, 14:31
หลังผ่าตัดมากว่า ๑ สัปดาห์ "ออมสิน" ดีวันดีคืน ตอนนี้ว่ายน้ำได้แล้ว


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มี.ค. 17, 15:17
มัวงมงายอยากรวยซวยที่เต่า
ให้คนเขาต่อว่าพาเสียหาย
คิดเสียใหม่ออกแรงกำลังกาย
เงินที่ได้ออมไว้ไม่ช้ารวย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 มี.ค. 17, 07:12
ยินดีต้อนรับกลับสู่โลกแห่งสีสัน  ;D

ความเชื่อเรื่องการโยนเหรียญลงในบ่อเพื่อโชคลาภ  ปัจจุบันระบาดไปทั่วจนต้องติดป้ายห้าม กระนั้นก็ยังไม่เชื่อกัน

ภาพจากวัดป่าธรรมอุทยาน ที่ขอนแก่น


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 20 มี.ค. 17, 11:37
ข่าวเมื่อเช้า น้องออมสิน ทำท่าจะไม่สบายเสียแล้วครับ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 มี.ค. 17, 15:07
R.I.P.

ขอให้เจ้าเดินทางไปสู่สวรรค์ของเต่าด้วยเทอญ

http://www.nationtv.tv/main/content/social/378539602/


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มี.ค. 17, 09:14
สงสารน้องออมสินเหลือเกิน    ไปเสียแล้ว  ทั้งๆคุณหมอก็ช่วยกันสุดแรง  ซาบซึ้งในน้ำใจคุณหมอทุกท่าน
ส่วนน้องออมสิน  ชาติหน้า ถ้าเจอเหรียญ ขอให้เจอแต่ในกระเป๋าตังค์นะลูก

ธรรมเนียมโยนเหรียญลงในสระน้ำ   จำได้ว่ามาจากหนังเรื่อง The Coins in the Fountain  หรือชื่อไทยว่า สามรักในกรุงโรม
เป็นความเชื่อกันว่า   ใครโยนเหรียญลงในน้ำพุเทรวี่ในกรุงโรมจะได้กลับมาเยือนอีก    เพลงประจำหนังเรื่องนี้เพราะมาก   บรรยายว่ามีคำอธิษฐานกล่าวพร้อมกับเหรียญที่โยนลงไปด้วย ว่าขอให้สมปรารถนา    เพลงนี้ได้รางวัลออสคาร์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม   แฟรงค์ สิเนตราเป็นคนร้อง

https://www.youtube.com/watch?v=rkHkMH5uxrA

ส่วนธรรมเนียมโยนเหรียญลงบ่อเต่าเพื่อให้อายุยืน  ไม่เคยได้ยินค่ะ   
หวังว่าธรรมเนียมนี้จะหมดไปได้แล้ว  ไม่ควรมีเต่าตัวไหนอายุสั้นสังเวยความเชื่อนี้อีก


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มี.ค. 17, 09:20
ส่วนน้ำพุเทรวี่  เคยอยากเห็นมาก เพราะชอบเพลงข้างบนนี้  ดูในรูปเห็นอลังการใหญ่โตงดงาม  จึงอยากจะเห็นกับตาตัวเองเสียที
พอมีโอกาสไปโรมครั้งแรก  ก็ถามเจ้าหน้าที่โรงแรมว่ามันอยู่ไหนเพราะในใจนึกว่ามันคงใหญ่โตมาก หาง่าย  ที่ไหนได้โรมนี่น้ำพุเยอะ อนุสาวรีย์และรูปหลักก็เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด    หาแทบสิ้นใจจึงพบอยู่ในถนนเล็กๆสายหนึ่ง  ของจริงก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหนา  ของใหญ่ๆกว่านี้มีให้เห็นมากมาย
ในคลิปข้างล่างนี้ดูใหญ่โตกว่าจริงเยอะค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=I2XxSyxHROY


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 มี.ค. 17, 09:33
ที่พม่ามีธรรมเนียมคล้าย ๆ กันนี้ วัดหนึ่งที่หงสาวดีแทนที่จะเป็นการโยนเหรียญลงไปในบ่อกลับเป็นโยนแบงก์ลงไป สัตว์ในบ่อไม่ใช่เต่า ปลา หรือจระเข้ แต่เป็น งูเหลือม

งูที่วัดนี้ดูท่าจะเป็นงูศักดิ์สิทธิ์มีคนทำบุญโดยการใส่แบงก์พม่าลงไปหลายใบอยู่  ;)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5798.0;attach=47029;image)

งูที่วัดนี้ดูจะมีอะไรเกี่ยวเนื่องกับหญิงสาวคนที่นั่งข้าง ๆ ซึ่งน่าจะเป็น "นัต" ตนเดียวกับที่วัดโบตะทาว ;D

นอกจากเหล่านัตที่อยู่ในบริเวณวัดแล้ว ข้างหน้าวัดยังมีนัตอีกตนหนึ่งชื่อ "อะมาดอเมียะ" คนไทยรู้จักกันในนาม "เทพกระซิบ" ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5798.0;attach=44425;image)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5798.0;attach=47030;image)

อย่างนี้คงไม่รบกวนงูเท่าไหร่ ส่วนวัดก็คงพอใจเพราะมีรายได้จากงูวันละหลายจ๊าดอยู่  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 มี.ค. 17, 14:48
ดูก็รู้ว่าเป็นที่เมืองไทย มีทั้งแบงก์และเหรียญ  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 เม.ย. 17, 10:17
วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Lujan Eroles สาวชาวอาร์เจนตินา ได้เผยแพร่ภาพของสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดใน เฟซบุ๊กของเธอ   (https://www.facebook.com/lujan.eroles/posts/1448030928542899)เธอเล่าว่าพบสัตว์ประหลาดตัวนี้บริเวณสวนหลังบ้าน ซึ่งทำเอาเธอตกใจอย่างมาก โดยมันเหมือนมี ๒ หัว ลำตัวยาวประมาณ ๑๐ เซนติเมตร ผิวหนังและลวดลายคล้ายงู บริเวณหัวคล้ายมีดวงตาคอยสังเกตสิ่งรอบตัวอยู่ตลอดเวลา

ตัวอะไรเอ่ย ?


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 05 เม.ย. 17, 15:57
ผมลองตามชื่อลูยาน อีโลเอส ไปแล้วครับ มีผู้วิเคราะห์ว่า สิ่งนี้คือ  :-X :-X :-X


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 05 เม.ย. 17, 17:01
ทายว่า หนอน (ตัวอ่อนผีเสื้อ)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 เม.ย. 17, 11:45
นึกว่าจะมีใครตอบว่า สัตว์ประหลาดจากต่างดาว  ;D

จริง ๆ มันก็คือหนอนอย่างที่คุณธสาครว่า เป็นหนอนแก้ว (caterpillar) ของผีเสื้อกลางคืนชนิดหนึ่ง

Large Elephant Hawk moth  Deilephila elpenor

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3359.0;attach=15680;image)

สีชมพูสวยงาม  ไม่น่ากลัวเหมือนตอนเป็นหนอนแม้แต่น้อย


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 เม.ย. 17, 12:02
ผีเสื้อเหยี่ยวช้างนอกจากจะมีพันธุ์ใหญ่แล้วยังมีพันธุ์เล็ก สีชมพูสวยกว่า

Small Elephant Hawk moth Deilephila porcellus

(http://ukmoths.org.uk/images/hires/SmallElephantHawkMothAB.jpg)

แต่ตอนเป็นหนอนแก้วก็ยังน่ากลัวเช่นเดิม  ;D



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 เม.ย. 17, 10:48
ขออนุญาตแก้ไขข้อมูลข้างบน สัตว์ประหลาดที่คุณ Lujan Eroles สาวชาวอาร์เจนตินาพบเป็นหนอนแก้วของผีเสื้อกลางคืนแต่ไม่ใช่เจ้าผีเสื้อเหยี่ยวช้างใหญ่อย่างที่บอกไว้ใน #๔๒๗

(http://www.butterfliesandmoths.org/sites/default/files/imagecache/gallery_for_colorbox/species_images/201303-hemeroplanes-ornatus-snake-caterpillar-11llj.jpg)

https://youtu.be/PhLxf-Fx13M

แต่เป็นเจ้าตัวนี้

Gaudy Sphinx moth (http://www.butterfliesandmoths.org/species/Eumorpha-labruscae)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 เม.ย. 17, 14:28
ส่งท้ายด้วยหนอนแก้วหัวงูอีกตัวหนึ่งซึ่งเคยมาเยือนเรือนไทยเมื่อ ๖ ปีที่แล้ว หน้าตาเหมือนงูยิ่งกว่าตัวข้างบน

มันคือ หนอนแก้วหัวงู (Hemeroplanes caterpillar)  
ตอนปกติมันจะคล้ายๆ หนอนเหมือนกิ่งไม้ พอเจอศัตรูมันจะพองหัวขึ้นมาคล้ายงูเพื่อขู่


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=21870;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=21871;image)

https://youtu.be/1XUSYv7xgPo

ที่ประหลาดยิ่งกว่านั้น  ส่วนที่เห็นคล้ายเป็นหัวนั้นคือหาง แต่ส่วนที่คิดว่าเป็นหางนั้นคือหัว  

สุขสันต์วันสงกรานต์ ๒๕๖๐  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 พ.ค. 17, 10:49
ในงานออกพระเมรุ ประติมากรรมประดับพระเมรุมักจะดัดแปลงให้ทันยุคทันสมัยอยู่เสมอ อย่างครั้งงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ก็มีนกทัณฑิมาใส่นาฬิกาข้อมือ

นกทัณฑิมาก็มีพัฒนาการกับเขาด้วยเหมือนกัน

โปรดสังเกตนาฬิกาที่ข้อมือตัวทางขวา

งานพระเมรุคราวนี้อาจถือไอแพด


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=28979;image)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 พ.ค. 17, 10:53
ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ครุฑยืนประดับพระเมรุมาศถูกออกแบบให้เป็นประติมากรรมร่วมสมัย มีการใส่โลโก้ที่สื่อถึงเครื่องมือในการสื่อสารกันของคนร่วมสมัยอย่าง แอปเปิ้ล เฟซบุ๊ก และกูเกิ้ล ก่อนที่จะมีกระแสต้านจากสื่อสังคมจนต้องพ่ายแพ้ เอาโลโก้ออกในที่สุด

หากให้ครุฑถือไอแพด กระแสสังคมคงไม่แรงอย่างนี้  ;D


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 พ.ค. 17, 13:31
ติดไอแผ็ด ไอโฟน หรืออะไรที่ไม่ถูกกาลเทศะ มันก็น่าตำหนิทั้งนั้นละค่ะ   ดีแล้วที่กรมศิลปากรเอาออกไปเสียได้

ครุฑตัวนี้ไม่ใช่สมบัติส่วนตัว ที่คนปั้นจะใส่อะไรลงไปก็ได้ตามใจชอบ  แต่เป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของรัตนโกสินทร์     ก็ต้องเคารพเจตจำนงของการสร้างครุฑด้วย
เครื่องหมายทั้งหมดนี้มันเป็นเครื่องหมายการค้าของเอกชน   เอามาใส่ไว้จะโฆษณาให้พวกเขาหรืออย่างไร  คำตอบที่อ้างมาฟังไม่ขึ้นอยู่ดีละค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=ElvxC8LUAlQ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 06 พ.ค. 17, 17:46
ดิฉันก็คิดเช่นเดียวกับอาจารย์ คนทำจะทำตามใจตัวทำงานเอามันไม่ได้ ควรทำด้วยความเคารพค่ะ


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 พ.ค. 17, 15:12
สัตว์ยักษ์รูปร่างประหลาดเกยตื้นชายฝั่งอินโดฯ ชาวบ้าน-จนท.มึนตัวอะไรกันแน่

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000048249


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 พ.ค. 17, 15:36
https://youtu.be/lgeX_ZiMIy4

น่าจะเป็นซากวาฬ  ;D

แต่ถ้าตอบอย่างมั่นใจ ขอตอบว่า

มันคือ

Globster (http://en.wikipedia.org/wiki/Globster)

กล็อบสเตอร์ เป็นคำที่ใช้เรียกซากอินทรีย์วัตถุซึ่งถูกซัดขึ้นมาตามชายฝั่งของมหาสมุทรหรือแหล่งน้ำอื่น ลักษณะของกล็อบสเตอร์ก็คือเป็นซากที่ยากจะระบุประเภทได้ว่าเป็นของสัตว์ชนิดใด คำนี้ถูกใช้เป็นครั้งแรกโดย อีวาน ที. แซนเดอสัน  (http://en.wikipedia.org/wiki/Ivan_T._Sanderson) ในปีพ.ศ. ๒๕๐๕ เพื่อใช้เรียกซากลึกลับที่เกยฝั่งทะเลด้านตะวันตกของรัฐแทสเมเนียในปีพ.ศ. ๒๕๐๓ ซึ่งซากนี้ "ไม่มีดวงตา ไม่มีส่วนหัว และไม่มีโครงกระดูก"


(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/0/06/The_Mercury_Tasmanian_Globster.png)


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 มิ.ย. 17, 12:42
นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียได้เดินทางศึกษาทางวิทยาศาสตร์ในมหาสมุทรทางตะวันออกของประเทศ ตั้งแต่รัฐเแทสเมเนียไปจนถึงทะเลรัฐควีนส์แลนด์ที่ระดับความลึก ๔ กิโลเมตร การสำรวจครั้งนี้เริ่มเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ พบสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ใหม่หลายชนิด เช่น ปูหินสีแดง, ปลาคอฟฟิน ซึ่งคล้ายกับปลาปักเป้า และแมงมุมทะเลตาบอด เป็นต้น

แต่สัตว์ประหลาดที่ทำให้นักสำรวจแปลกใจไปตาม ๆ กัน คือ ปลาไร้หน้า ซึ่งเคยมีบันทึกเกี่ยวกับการพบปลาชนิดนี้เพียงครั้งเดียวที่ปาปัวนิวกินี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๖

ความจริงปลาตัวนี้ ถ้าเรียกให้ถูกต้องคือ ปลาไร้ตา เพราะยังเห็นรูจมูกทั้ง ๒ ข้าง รวมทั้งปากซึ่งอยู่ใต้หัวปลา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เดอะเทเลกราฟ (http://www.telegraph.co.uk/news/2017/05/31/scientists-find-faceless-fish-deep-sea-expedition-australia/)

https://youtu.be/mNa65RZx_W4


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 มิ.ย. 17, 11:54
ปลาจระเข้ (ปลาอัลลิเกเตอร์) มาเยือนเรือนไทยหรือยังคะ   ถ้ายัง ไปตามหาตัวได้ที่ราชบุรี

ไม่ใช่จระเข้! นี่ปลาอัลลิเกเตอร์ ชาวบ้านทอดแห จับได้ในร่องน้ำ


ชาวบ้าน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ทอดแหจับปลาในร่องน้ำหน้าบ้าน ผงะ! ปากคล้ายจระเข้ ประมงจังหวัดมาตรวจสอบ พบเป็นปลาอัลลิเกเตอร์ ถิ่นกำเนิดในสหรัฐฯ คาดหลุดมาตอนน้ำท่วม

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/966858


กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 มิ.ย. 17, 11:55
ปลาจระเข้ (ปลาอัลลิเกเตอร์) มาเยือนเรือนไทยหรือยังคะ   ถ้ายัง ไปตามหาตัวได้ที่ราชบุรี

เป็นข่าวทุกปี ป่านนี้น่าจะแพร่พันธุ์ในแหล่งน้ำเมืองไทยสบายใจเฉิบ  ;D


มีเอเลี่ยนสปีชี่ส์อีกตัวหนึ่ง พบที่โน่นที่นี่อยู่บ่อย ๆ

ปลาจระเข้ (http://th.wikipedia.org/wiki/ปลาจระเข้)

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑  แม่น้ำโขง หนองคาย 
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000064888

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=975866)

๙ สิงหาคม ๒๕๕๒  อยุธยา 
http://news.sanook.com/813567/

(http://p1.s1sf.com/ns/0/ud/162/813567/fish_alligatorb.jpg)

๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ โคราช 
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000148179


(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=1698612)



กระทู้: สัตว์ประหลาด ๔
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ก.ค. 17, 09:24
คงถึงเวลาต้องขึ้นกระทู้ใหม่แล้ว  เชิญอ่านต่อที่ สัตว์ประหลาด ๕

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6794.msg157960;topicseen#msg157960