เพราะฉะนั้นถ้าหากว่านายเชย อิศรภักดีสอบได้เป็นเนติบัณฑิต สมัครเข้ารับราชการเป็นอัยการ อธิบดีกรมอัยการเห็นว่ามีคุณสมบัติครบก็มีอำนาจแต่งตั้งได้ โดยมีเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้อนุมัติอีกชั้นหนึ่ง
ก็น่าจะเป็นคำตอบได้ว่าเหตุใดคุณพระสรรพการฯจึงเกิดใหม่อีกครั้งในบรรดาศักดิ์คุณพระพระอรรถวสิษฐ์สุธี
จากหนังสืองานศพพระอรรถวสิษฐ์สุธี ปี ๒๕๑๓ กล่าวว่าท่านมีบุตรอยู่ ๒๐ ท่าน ซึ่งคุณพ่อมีรสนิยมสูงกว่าคนธรรมดา เครื่องแก้ว เครื่องถ้วยชามต้องมีตราประจำตัวประทับไว้ที่ถ้วยทุกใบ ซึ่งสั่งทำมาจากอังกฤษ รวมทั้งการรับประทานอาหารแบบฝรั่งมีมีด ส้อม เป็นเครื่องเงินอังกฤษด้วยทั้งสิ้น ท่านมีความรู้ด้านภาษาอังกฤษจนแตกฉานจนพูดภาษาอังกฤษกับฝรั่งที่แบงก์สยามกัมมาจลด้วยความคล่อง
รสนิยมนั้นท่านเป็นนักสะสมตัวยง ห้องสมุดมีหนังสือนานาชนิด และสังคมชั้นสูงเล่นอะไร ท่านก็เล่นไปกับเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็น ดอกหน้าวัว ไม้ดัด นกพิราบ พระพุทธรูป และการพักผ่อนก็มักจะไปหัวหิน และเตรียมอาหารดี ๆ ไปเช่น บรั่นดี แฮม เนยแข็ง ไปด้วย
หลังจากที่บ้านหิมพานต์ ป๊ากสามเสนได้ถูกยึดไปแล้ว รวมทั้งถูกถอดยศไปท่านก็ไปเอาดีด้านกฎหมายแทน โดยทั่วไปการเรียนเพื่อสอบกฏหมายใช้เวลา ๒ ปี พ่อได้ใช้เวลาปีเดียวในการสอบ ท่องครั้งเดียวจำข้อสำคัญได้เกือบหมด เมื่อลูกเรียกกฎหมายและมีข้อสงสัยไปถามท่าน ท่านก็บอกมาตราได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ได้เปิดตำราประกอบ ซึ่งในอดีตท่านว่าความแล้วมักจะนำความมาพิมพ์รายงานการซักพยานและเสนออธิบดีกรมอัยการอย่างละเอียด
ในการที่พ่อกลับมาทำงานด้านกฎหมายนี้เอง ทำให้ท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระอรรถวสิษฐ์สุธี และรับราชการจนเกษียณอายุ แล้วจึงไปประกอบอาชีพทนายความ ซึ่งไม่ได้เปิดสำนักงานที่ไหน แต่อยู่บ้านและเมื่อมีคนรู้จักมาติดต่อก็รับว่าความให้ตามที่ท่านเห็นสมควร
ในบั้นปลายชีวิตท่านเป็นคนสมถะ รักสันโดษรักษาเกียรติยศของตนจนวาระสุดท้าย ท่านไม่ชอบนั่งรถยนต์ ละครภาพยนต์ก็ไม่ไปดู อ้างว่าเห็นสิ่งสวย ๆ แล้วเกิดความทะเยอทะยายอยากได้อีก
การเสียชีวิตของท่านไม่ได้ลงไว้ว่าเสียชีวิตเมื่อไร แต่ทราบว่าท่านเสียชีวิตมานานมากแล้ว ลูก ๆ ยังไม่พร้อมที่จะจัดงานศพให้และสุดท้ายตกลงทำการเผาศพท่านเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓
ลูกท่านทิ้งท้ายไว้ว่า "คงตระหนักแก่ตนแล้วว่าความทะเยอทะยานอาจนำมาซึ่งความทุกข์"
ที่มาศิลปวัฒนธรรม