เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: samson ที่ 06 มี.ค. 12, 11:42



กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: samson ที่ 06 มี.ค. 12, 11:42
เห็นในร้านหนังสือ มีหนังสือเกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้าตากอยู่หลายเล่ม หลายทฤษฏีมากๆ เลยสงสัยว่า แท้จริงแล้ว เรื่องมันเป็นมาอย่างไรครับ 


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 มี.ค. 12, 11:56
ดิฉันจะเล่าไว้ในกระทู้ขุนนางวังหลัง ค่ะ   
ส่วนท่านอื่นมีความเห็นอย่างไรก็เชิญมาโพสตอบคุณจขกท.ได้


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 มี.ค. 12, 19:38
ขอลอกคำตอบจากกระทู้ เจ้านายวังหลัง มาลงไว้เป็นคำตอบในนี้นะคะ  เพื่อผู้สนใจหัวข้อนี้จะได้ตามอ่านได้สะดวก

    สมเด็จเจ้าพระยาฯ จึงปรึกษาด้วยมุขมนตรีทั้งหลายว่า  เมื่อพระเจ้าแผ่นดินเป็นอาสัตย์อาธรรมดังนี้แล้ว    ท่านทั้งปวงจะคิดอ่านประการใด     ขุนนางทั้งปวงจึงลงความเห็นว่า  เมื่อพระเจ้าแผ่นดินละสุจริตธรรม  ประพฤติการทุจริตดังนี้    ก็เห็นว่าเป็นเสี้ยนหนามมมหลักตออันใหญ่อยู่ในแผ่นดิน  จะละไว้มิได้  ควรให้สำเร็จโทษเสีย"

    สมเด็จเจ้าพระยาฯจึงให้ตั้งกระทู้ถามพระเจ้ากรุงธนว่า เป็นเจ้าแผ่นดินใช้ขุนนางให้ไปทำสงคราม   ได้ความลำบากกินเหงื่อต่างน้ำ     ขุนนางทั้งหลายก็อุตสาหะกระทำศึกมิได้อาลัยแก่ชีวิต  คิดแต่จะทะนุบำรุงแผ่นดินให้สิ้นเสี้ยนหนาม   จะให้สมณพราหมณาจารย์และไพร่ฟ้าประชากร  อยู่เย็นเป็นสุขสิ้นด้วยกัน    เหตุใดอยู่ทางหลังจึงเอาบุตรภรรยาขุนนางมาจองจำทำโทษ    แล้วโบยตีพระสงฆ์และลงโทษแก่ข้าราชการ และอาณาประชาราษฎร์   เร่งรัดโดยพลการโดยหาความผิดมิได้   ทั้งพระพุทธศาสนาก็เสื่อมทรุดเศร้าหมองดุจเมืองมิจฉาทิฐิ     โทษเป็นประการใด   
    พระเจ้ากรุงธนฯ ก็รับผิดสิ้นทุกประการ    จึงให้เอาไปสำเร็จโทษเสียนอกพระราชวัง  หน้าป้อมวิชัยประสิทธิ์


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 มี.ค. 12, 19:40
   มีเกร็ดเล่าว่า ก่อนถูกประหาร  สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงขอผู้คุมให้พาไปพบสมเด็จเจ้าพระยาฯ ว่า
  " ตัวเราก็สิ้นบุญ จะถึงที่ตายแล้ว  ช่วยพาเราแวะเข้าไปหาท่านผู้สำเร็จราชการ  จะขอเจรจาด้วยสัก ๒-๓ คำ"
   แต่สมเด็จเจ้าพระยาฯ โบกมือมิให้นำมาพบ   ผู้คุมก็หามกลับไป   แล้วนำไปประหารด้วยการตัดศีรษะที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์  ศพฝังที่วัดบางยี่เรือใต้  ภายหลังเมื่อสถาปนากรุงเทพเป็นเมืองหลวงใหม่ แล้ว จึงขุดขึ้นมาพระราชทานเพลิง   
   พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และและกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท เสด็จไปพระราชทานเพลิงเองทั้ง ๒ พระองค์

   เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์หรือเจ้าฟ้าจุ้ย  พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ของสมเด็จพระเจ้าตากสิน  ในขณะนั้นยังตั้งทัพอยู่ที่เขมร  ได้ข่าวว่าพระราชบิดาถูกสำเร็จโทษ  ก็ตีฝ่าทัพเขมรที่ล้อมอยู่กลับเข้าเขตแดนไทยถึงปราจีน    ทหารพอรู้ข่าวก็หนีทัพกันหมด  เหลือเจ้าฟ้าจุ้ยกับพระยากำแหงสงครามแม่ทัพคนสนิท กับทหารอีก ๕ คนไปซุ่มซ่อนตัวในป่า
   ในตอนนั้น  สมเด็จเจ้าพระยาฯ ปราบดาภิเษกแล้ว     เจ้าพระยาสุรสีห์ หรือกรมพระราชวังบวรฯในรัชกาลที่ ๑   ยกทัพไปจับตัวมาได้ นำมาเข้าเฝ้า    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงเห็นว่าเจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ    ก็ตรัสถามว่าจะยอมสวามิภักดิ์หรือไม่  ถ้ายอมก็จะทรงชุบเลี้ยงไว้   
    แต่เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ก็ใจเด็ดเป็นชายชาติทหารเหมือนกัน   ไม่สมัครพระทัยจะสวามิภักดิ์กับเจ้านายใหม่    ขอตายตามพระราชบิดา  จึงถูกสำเร็จโทษ  พร้อมพระยากำแหงสงครามที่ยอมตายตามนาย  เพื่อมิให้ได้ชื่อว่าเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย  ส่วนทหารอีก ๕ คนถูกปล่อยตัวไป

   พระยาพิชัยดาบหัก ก็เป็นขุนนางอีกท่านหนึ่งที่สมัครใจตายตามสมเด็จพระเจ้าตากสิน    แต่บุตรหลานของท่านยังได้รับราชการสืบต่อกันมา    ในรัชกาลที่ ๖  โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลผู้สืบเชื้อสายจากพระยาพิชัยดาบหักว่า "วิชัยขัทคะ"


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 มี.ค. 12, 19:48
   ส่วนทฤษฎีอื่นๆ เช่นสมเด็จพระเจ้าตากสินมิได้ถูกประหารจริง แต่ไปผนวชอยู่นครศรีธรรมราช     สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงวางอุบายเพื่อหลบเลี่ยงหนี้สินที่ไปกู้เงินจีนมาแล้วไม่สามารถชำระได้ เลยคบคิดกับสมเด็จเจ้าพระยาฯ สร้างแผนหลอกๆ เพื่อเปลี่ยนแผ่นดินจะได้หมดหนี้ ฯลฯ
   โดยส่วนตัว ดิฉันเห็นว่าไม่มีน้ำหนักเพียงพอ    เพราะมีช่องโหว่ให้แย้งได้มากมาย    ช่องโหว่เรื่องหนึ่งก็คือถ้าเป็นแผนสมคบคิดหลอกชาวบ้านกันจริง ทำไมจะพระราชโอรสและขุนนางที่ภักดีจึงต้องถูกประหารกันไปอีกหลายคนด้วย    นอกจากนี้ยังมีการปราบปรามกบฏเจ้าฟ้าเหม็นอีกในต้นรัชกาลที่ ๒    ที่ไม่สอดคล้องกันกับแผนสมคบคิด
   อีกอย่าง พระเจ้าแผ่นดินสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์  ไม่เห็นจะต้องกลัวเจ้าสัวที่ไหนมาทวงหนี้   มีแต่เจ้าสัวจะกลัวหัวขาดเสียมากกว่า
   ความจริงมีอะไรให้พูดมากกว่านี้อีกมาก  แต่ในเมื่อไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเสียอย่าง  อธิบายไปก็เท่านั้น   ตอบแค่นี้ก็คงพอแล้ว


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: vasu ที่ 21 มี.ค. 12, 22:15
เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก 2310 ข้าราชบริพาร สมณ ชีพราหมณ์ ไพร่ ต่างได้รับความเดือดร้อน ไม่มีแผ่นดินอยู่  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชจากพม่า ทุกหมู่เหล่า กลับมาอยู่ร่มเย็น 15 ปีต่อมา มีข้อหาว่า พระองค์ท่านหลง จิตไม่ปกติ ทำให้ข้าราชบริพาร สมณ ชีพราหมณ์ ฯ เดือดร้อน เป็นโทษหนักให้เอาไปสำเร็จโทษ ท่านเป็นมหาราชที่อาภัพนัก


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 มี.ค. 12, 07:47
^
^
ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับข้อความดังกล่าวข้างต้นที่เดี่ยวนี้มีผู้นำมากล่าวถึงกันมาก สำหรับผม ขอแก้ตามความเห็นดังนี้

เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก 2310 ข้าราชบริพาร สมณ ชีพราหมณ์ ไพร่ ต่างได้รับความเดือดร้อน ไม่มีแผ่นดินอยู่  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชจากพม่า ตลอด15 ปีต่อมา ทุกหมู่เหล่ายังไม่ทันกลับมาร่มเย็นเป็นสุข เพราะคนไทยยังแย่งชิงกันเป็นใหญ่ในแผ่นดิน  บ้านเมืองยังมีศึกทั้งภายในภายนอก ก็กลับปรากฏว่า พระองค์ท่านหลง จิตไม่ปกติ ทำให้ข้าราชบริพาร สมณ ชีพราหมณ์ ฯ เดือดร้อน เป็นโทษหนักจนเป็นเหตุต้องถูกสำเร็จโทษ ท่านเป็นมหาราชที่อาภัพนัก

ในสมัยที่อำนาจเป็นธรรม อ่านประวัติศาสตร์ให้มากๆเถอะครับ ไม่ว่าบ้านใดเมืองใด ผู้มีอำนาจก็รักษาอำนาจด้วยการฆ่าผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นเหตุสั่นคลอนอำนาจของตนทั้งนั้น  บรรดาประเทศในเอเซียด้วยกัน  พม่ายิ่งหนักกว่าเขาเพื่อน ผลัดแผ่นดินครั้งสุดท้ายก่อนตกไปเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษหมดทั้งประเทศ  เมื่อพ.ศ.๒๔๒๑  ไทยเราตรงกับสมัยรัชกาลที่๕  ปีนั้นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ยังประสูติแล้ว  พระเจ้าสีป่อกษัตริย์พระองค์ใหม่เชื่อพระมเหษี พระนางศุภยาลัต จับเจ้าพี่เจ้าน้องของตนเองทั้งหมดมาประหาร เพียงเพราะเกรงว่าจะเป็นเสี้ยนหนามแก่ราชบัลลังก์ในอนาคต

กรณีย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มันเป็นวิบากของท่านเองที่เกิดผิดปกติทางจิต ผมไม่ทราบหรอกในทางแพทย์แผนปัจจุบันจะระบุว่าถึงขั้นไหน แต่เรียกแบบชาวบ้านว่าเกิดคุ้มดีคุ้มร้ายก็แล้วกัน อยากจะเฆี่ยนจะฆ่าใครก็มิได้ทรงมีสติยั้งคิด ถามว่า ถ้าเป็นตัวคุณเอง มีดาบ มีอำนาจด้วยกัน จะยอมเสี่ยงชีวิตรับใช้ใกล้ชิดเจ้านายแบบนี้หรือไม่

เมื่อเชิญลงจากอำนาจได้ก็ต้องทำตามโบราณประเพณี ขืนเอาไปปล่อยเกาะแบบนโปเลียน โบนาปาร์ต เดี๋ยวคงมีคนไปนำเสด็จกลับ ก่อให้เกิดการรบราฆ่าฟันระหว่างคนในชาติอีก   สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯท่านไม่ทรงมีทางเลือกหรอกครับ

คนสมัยเราควรจะปลงใจ อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ปัจจุบันก็เปลี่ยนแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก ลองตามไปอ่านเรื่องของพม่าดู แล้วอาจเปลี่ยนทัศนคติ

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8387677/K8387677.html

พองานพระบรมศพพระเจ้ามินดงเสร็จสิ้นลง ซึ่งก็ใช้เวลาเพียง๗วันก็บรรจุพระบรมศพแล้ว พระนางศุภยาลัตทรงโปรดให้จัดงานปอยหลวงขึ้นสามวันสามคืนอย่างครึกครื้น นัยว่าจะให้ชาวเมืองลืมความทุกข์โดยการมาเที่ยวงานให้สนุก อันที่จริงนั้นก็เพื่อจะกลบเกลื่อนกรรมพิธีที่จะเริ่มต้นการสังหารหมู่บรรดาเจ้าพี่และเจ้าน้องของตัวเองทั้ง๓๐ องค์ รวมถึงเจ้าจอมมารดา ขุนนาง และบริวารรวมทั้งสิ้น ๑๒๕ คนด้วย เจ้านายองค์ใดถูกปลงพระชนม์ เจ้าจอมมารดา พระภคินีขนิษฐาและบรรดาโอรสธิดาของเจ้านายองค์นั้นก็โดนประหารไปด้วย

ที่ต้องใช้เวลาอยู่ถึงสามวันในสังหารผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมด ก็เพราะต้องลงมือฆ่าเฉพาะในเวลากลางคืน เมื่อแดดร่มลมตกผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวงาน ละครเริ่มออกโรง ดนตรีปี่พาทย์บรรเลงดังที่เข้าที่แล้วก็จะช่วยกลบเสียงโหยหวลของมนุษย์ที่กำลังเผชิญกับความตาย  พระเจ้าสีป่อเองก็ถูกมอมให้เสวยแต่น้ำจัณฑ์จนเมามายลืมโลก จะได้ไม่ต้องสนใจการสังหารหมู่ครั้งนั้น


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มี.ค. 12, 11:54
ขอเชิญคุณ Vasu อ่านกระทู้  เจ้านายวังหลัง   
ถ้าหากว่าอ่านแล้ว ขอให้อ่านตรงนี้ซ้ำอีกครั้ง

ในพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี เล่าเหตุการณ์ตอนนี้ว่า

ครั้นถึงณวันอาทิตย์เดือนเก้าแรมหกค่ำ สมเด็จพระพุทธเจ้า อยู่หัวเสด็จออกณโรงพระแก้ว ให้ประชุมพระราชาคณะพร้อมกัน และพระองค์มีพระสติฟั่นเฟือนถึงสัญญาวิปลาศ  สำคัญพระองค์ว่าได้ โสดาปัตติผล จึงดำรัสถามพระราชาคณะว่า พระสงฆ์ปุถุชน จะไหว้นบเคารพคฤหัสถ์ ซึ่งเป็นพระโสดาบันบุคคลนั้น จะได้หรือมิได้ ประการใด
และพระราชาคณะที่มีสันดานโลเล มิได้ถือมั่นในพระบาลีบรมพุทโธวาท เกรงพระราชอาชญา เป็นคนประสมประสานจะเจรจาให้ชอบพระอัธยาศัยนั้นมีเป็นอันมาก มีพระพุทธโฆษาจารย์วัดบางว้าใหญ่ พระโพธิวงศ์ พระรัตนมุนีวัดหงส์เป็นต้นนั้น ถวายพระพร ว่า พระสงฆ์ปุถุชนควรจะไหว้นบคฤหัสถ์ซึ่งเป็นโสดาบันนั้นได้ แต่สมเด็จพระสังฆราชวัดบางว้าใหญ่ พระพุทธาจารย์วัดบางว้าน้อย พระพิมลธรรมวัดโพธาราม สามพระองค์นี้สันดานมั่นคงคือพระพุทธวจนะโดยแท้ มิได้เป็นคนสอพลอประสมประสาน จึงถวายพระพรว่า ถึงมาตรว่าคฤหัสถ์เป็นพระโสดาบันก็ดี  แต่เป็นหีนเพศต่ำ อันพระสงฆ์ถึงเป็นปุถุชน ก็ตั้งอยู่ในอุดมเพศอันสูง เหตุทรงผ้ากาสาวพัสตร์ และพระจตุปาริสุทธศีลอันประเสริฐซึ่งจะไหว้นบคฤหัสถ์อันเป็นพระโสดาบันนั้นมิบังควร

เหตุการณ์นี้ มิใช่" ข้อหา" แต่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น      ถ้าหากว่าคุณยังยืนยันว่าเป็นแค่ "ข้อหา" อยู่นั่นเอง  ก็เชิญอ่านตอนต่อไป


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มี.ค. 12, 12:02
     พงศาวดารธนบุรีแจกแจงรายละเอียดว่า
     "แต่พวกพระราชาคณะให้ตีหลังองค์ละร้อยที    พระฐานาเปรียญให้ตีหลังองค์ละห้าสิบที พระ สงฆ์อันดับให้ตีหลังองค์ละสามสิบที แต่พระสงฆ์ซึ่งตั้งอยู่ในศีลในสัตย์  พวกว่าไหว้ไม่ได้นั้นทั้งสามพระอารามเป็นพระสงฆ์ถึงห้าร้อยรูป ต้องโทษถูกตีทั้งสิ้น...พระราชาคณะทั้งสามพระองค์ กับพระสงฆ์ อันเตวาสิกซึ่งเป็นโทษทั้งห้าร้อยนั้นให้ไปขนอาจม  ชำระเว็จกุฎีวัดหงส์ทั้งสิ้นด้วยกัน
แล้วให้ถอดพระราชาคณะทั้งสามนั้น จากสมณฐานันดรศักดิ์ลงเป็นอนุจร  
     ครั้นนั้นมหาภัย พิบัติบังเกิดในพระพุทธศาสนาควรจะสังเวชยิ่งนัก บรรดาคนทั้งหลายซึ่งเป็นสัมมาทิฏฐิ   นับถือพระรัตนตรัยนั้น ชวนกันสลดจิตต์คิดสงสารพระพุทธศานา มีหน้านองไปด้วยน้ำตาเป็นอันมาก    ที่มีศรัทธาเข้ารับโทษให้ตีหลังตนแทนพระสงฆ์นั้นก็มี และเสียงร้องไห้ระงมไปทั่วทั้งเมือง"


     ดูจาก "เหตุ" และ "ผล "ของเรื่อง จะเห็นว่าฆราวาสที่มีสติสัมปชัญญะปกติ   ไม่ว่าจะเป็นแค่ปุถุชนธรรมดาหรือพระอริยะขั้นโสดาบัน  ย่อมยึดถือหลัก "อหิงสา" เป็นพื้นฐาน คือไม่เบียดเบียนผู้อื่น   ไม่อาจมีจิตคิดร้ายถึงขั้นโบยตีลงโทษพระสงฆ์  หากว่าอยู่ในหน้าที่ที่ต้องลงโทษพระสงฆ์ผู้ทำผิดพระวินัยร้ายแรง  อย่างพวกสังฆการี   ก็ทำเพียงแค่จับสึก   มีโทษอะไรหลังจากนั้นก็ว่ากันไปตามกฎหมายบ้านเมือง     แต่ไม่ใช่สั่งเฆี่ยน สั่งถอด สั่งลงโทษให้อับอายขายหน้า เพียงแต่พระสงฆ์ตอบว่า ไม่อาจไหว้ฆราวาสได้  เท่านั้น  
     ส่วนเหตุผลอื่นๆ  เห็นด้วยกับท่านนวรัตน ค่ะ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: samson ที่ 22 มี.ค. 12, 15:08
ถึง คุณ Vasu

เป็นที่รู้แก่กันโดยทั่วไป เพียงแต่มิอาจยอมรับกันโดยทั่วไป ว่า ประวัติศาสตร์ของชนชาตินั้น มิอาจถือเอาเป็นความจริง หรือ ความเท็จ อย่างใดอย่างหนึ่งลงไปได้

สิ่งที่เรียกว่า ประวัติศาสตร์ มักถูกแต่งเติมเสริมขึ้น เพื่อประโยชน์ในทางการเมืองการปกครอง การสร้างความชอบธรรม และ สมเหตุสมผล ให้กับผู้ปกครองประเทศนั้นๆ

ประวัติศาสตร์ ที่เขียนโดยเหล่าผู้ปกครองนี้ ในปัจจุบัน อาจมีประโยชน์ เพียงแค่ให้รู้ไว้ เพื่อการสอบวัดความรู้ตามระดับการศึกษา ที่ถูกกำหนดขึ้นโดยทางการ เท่านั้น

สุดท้ายแล้ว ในเรื่องของประวัติศาสตร์บางช่วง บางเหตุการณ์ ที่คลุมเคลือ ..... วิจารณญาณส่วนบุคคลนั้น สำคัญมาก...... และเป็นสิ่งที่สังคม ควรให้การยอมรับมากอย่างยิ่ง

............. เซื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ ^^ ครับ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: samson ที่ 22 มี.ค. 12, 15:36
ยกตัวอย่าง ประวัติศาสตร์ไทยหน้าหนึ่ง ไม่ต้องไกลมาก ย้อนหลังไปไม่เกิน 2 ปี

ประวัติศาสตร์ A โดย นาย กอ ไก่ ไม่เหลือง.... รัฐบาลที่มาจากค่ายทหาร จากคณปฏิวัติ เข้ามาเป็นรัฐบาลโดยมิชอบ บริหารประเทศย่ำแย่ จนคนส่วนใหญ่ของประเทศ ลำบากยากแสน รวมตัวกันมาประท้วงอย่างสันติที่กรุงเทพมหานคร ถูกรัฐบาล ใช้อำนาจอย่างเลวร้าย สลายการชุมนุมอย่างรุนแรง จนเหตุการณ์บานปลาย มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากมาย

ประวัติศาสตร์ B โดย นาย ขอ ไข่ ใส่เหลือง.... เป็นแผนการของทรราชย์ ซึ่งก็คือ อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร และคณะ นำกลุ่มมวลชนมากดดดันรัฐบาล ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมาอยู่ในตำแหน่งอย่างถูกต้อง ได้รับการรับรองจากคณะปฏิวัติ .... โดย มวลชนผู้ชุมนุม เริ่มอยู่นอกเหนือการควบคุม สถานการณ์ส่อไปในทางเลวร้าย จนเกรงว่าจะเกินการควบคุม จึงสั่งการให้มีการสลายการชุมนุม อย่างปลอดภัย และรัดกุม โดยคำนึงถึงชีวิตของประชาชนที่มาชุมนุมเป็นสำคัญ

ทั้งประวัติศาสตร์ A และ B ได้รับการบอกเล่า ตีพิมพ์ ผ่านเครือข่ายช่องทางการสื่อสารต่างๆ มากมาย....... เกิดมีออกสอบขึ้นมา ยังไม่รู้เลยว่าจะตอบข้อไหนดี คงต้องไปดูสีเสื้อคนออกสอบ

     


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มี.ค. 12, 16:22
รอท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นค่ะ
แล้วดิฉันจะตอบคุณ samson ว่าคำตอบคุณมีจุดอ่อนตรงไหน


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: vasu ที่ 22 มี.ค. 12, 17:25
ขอบคุณ อาจารย์NAVARAT.C และอาจารย์เทาชมพู(ขออนุญาตเรียกอาจารย์เพราะทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ เป็นอาจารย์ผมได้ทั้งสองท่าน)ที่กรุณาตอบข้อความที่ผมเขียนสั้นๆ ผมได้อ่านบทความ กระทู้ ที่อาจารย์ทั้งสองกล่าวถึง รวมถึงบันทึกประวัติศาสตร์ มาบ้าง มีทั้งประเด็นที่เห็นคล้อยตาม และไม่เห็นด้วย ข้อความของผมที่มีความเห็นว่าพระเจ้าตากสินเป็นมหาราชที่อาภัพ ก็คือเมื่อทำความดีกอบกู้เอกราชได้ ก็ได้ความชอบเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อทำความผิดเฆี่ยนตีพระสงฆ์และอื่นๆ  ก็ถูกลงโทษประหารชีวิต ซึ่งถ้าเป็นปัจจุบันศาลท่านอาจลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต  ไม่ได้ต้องการให้ไกลเลยเถิดถึงแก้ไขประวัติศาสตร์ หรือว่าคนชนะเขียนประวัติศาสตร์บิดเบือน ถ้าข้อความของผมทำให้บรรยากาศทางวิชาการไม่สู้ดี ก็ขอโทษอาจารย์เทาชมพูครับ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 22 มี.ค. 12, 17:41
ไม่ทราบว่าเป็นคนเดียวกันไหม?

 :-X


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มี.ค. 12, 17:42
ตรงกันข้ามค่ะ   ดิฉันคิดว่าคุณ Vasu  ทำให้เกิดบรรยากาศทางวิชาการในกระทู้นี้ต่างหากละคะ   ทำให้เราสามารถออกความเห็นที่แตกต่างกันได้ เสนอความเห็นได้โดยไม่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน  เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องขอโทษ
ดิฉันไม่อยากให้คุณ vasu ใจฝ่อเสียก่อน    

อ้างถึง
เมื่อทำความผิดเฆี่ยนตีพระสงฆ์และอื่นๆ  ก็ถูกลงโทษประหารชีวิต ซึ่งถ้าเป็นปัจจุบันศาลท่านอาจลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

ข้อนี้ อาจารย์นวรัตน(เรียกตามคุณ vasu) ได้อธิบายไว้แล้วว่าสมัยนั้นเขาไม่ทำกัน    ถ้าใจอ่อนปล่อยให้เรื่องคาราคาซัง  ปล่อยท่านไว้เฉยๆ  ท่านจะกริ้วสั่งประหารขุนนางขึ้นมาเมื่อใดก็ได้      ต่อให้จำคุก   ผู้สนับสนุนและวงศ์วานเครือญาติท่านก็ยังมีอีกมาก   จะลุกขึ้นก่อความไม่สงบขึ้นมาเมื่อใดก็ไม่รู้   ถ้าต้องมานั่งระวังเฝ้าดูกันอยู่  ขณะศึกพม่าก็จ่ออยู่รอบบ้าน    รัตนโกสินทร์อาจเจอศึกภายในภายนอกพร้อมกัน จนเสียกรุงครั้งที่ ๓
ขอให้คุณ vasu ช่วยย้อนนึกถึงเจ้าพิมายหรือกรมหมื่นเทพพิพิธ พระราชโอรสพระเจ้าบรมโกศที่สมเด็จพระเจ้าตากสินฯทรงปราบได้   ท่านก็สั่งประหารชีวิตไปเลยเพื่อมิให้กลับมาเป็นเสี้ยนหนาม    ไม่ได้คิดจะจำคุกตลอดชีวิต


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 23 มี.ค. 12, 11:32
อ้างถึง
มันเป็นวิบากของท่านเองที่เกิดผิดปกติทางจิต

ดิฉันเห็นด้วยกับคำว่า ทรงเป็นมหาราชที่อาภัพ ก็ตรงเหตุผลข้างต้นนี้แหละค่ะ

ดิฉันเชื่อเป็นส่วนตัวว่า ทุกคนมีชะตากรรมลิขิตไว้ตามบุญและบาปที่เคยทำไว้ให้ต้องมาทำหน้าที่ในชาตินี้
ต่อให้อยากจะทำให้ดีสักเพียงไหน ก็ยากที่จะฟันฝ่าอำนาจของบุญบารมี(ความเคยชินในด้านดี)และวาสนา(ความเคยชินในด้านไม่ดี)เก่าที่สะสมไว้.....แต่ก็ไม่ใช่จะฟันฝ่าไม่ได้ ต้องอาศัยกำลังสติปัญญาอย่างสูงที่จะชนะใจตนเอง

กำลังสติปัญญาอย่างสูงนี้ ใคร ๆ ก็อยากได้อยากมี อยากสะสมไว้ เพื่อหลุดพ้นจากการถูกวิบากกรรมสะกดให้นิ่งจมทุกข์จมบาปไม่สิ้นสุด

ด้วยเหตุนี้ การปฏิบัติธรรม จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะเพิ่มกำลังสติปัญญา แต่หากชาติปัจจุบัน ไปทำกรรมเวรอะไรที่แรง ๆ ไว้ กรรมนั้น ย่อมส่งผลให้จิตถูกรบกวน ยากที่จะสำเร็จผลในการพัฒนาสติปัญญา นี่จึงเป็นเหตุให้คำสอนในทุกศาสนา มักให้รักษาศีล 5 เป้นอย่างต่ำ

พระเจ้าตากสินนั้น ทรงอาภัพที่เกิดมาในทุรยุคค่ะ จำเป็นต้องรบพุ่งรักษาขอบขันธสีมาและ พระศาสนาให้ร่มเย็น
อันนี้เป็นเหตุให้ต้องปานาติบาต เป็นการเสียสละตนเองที่ยิ่งใหญ่ เพื่อแลกกับประโยชน์ส่วนรวม

การเสียสละนี้ เป็นเหตุให้ทรง Depress ในบั่นปลาย และจบลงด้วยการกระทำที่รุนแรง นี่เป็นเพราะบุญบารมีเก่ายังไม่มากพอจะต้านทานสิ่งที่มากระทบใจแรง ๆ เช่นนี้ได้ ดังเช่นที่ อาจารย์ นวรัตน์กล่าวไว้ข้างต้นว่า "เป็นวิบาก"

(ขอให้นึกถึงพระเจ้าอโศกมหาราช นั่น ฆ่าคนเหลือคณานับ แต่กลับสามารถกลับใจ รักษาพระสติได้มั่นคง สมเป็นมหาจักรพรรดิ์ ทนุบำรุงพระศาสนาจนเราได้มีนับถือกันในประเทศไทย หรือแม้แต่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ที่ทรงเป็นนักรบร่วมสมัย ก็ยังคุมพระสติได้ดี สงบเยือกเย็น แม้แต่เจ้าคุณชูโต พี่ภรรยาท่านก็ยังไม่สงบเย็นเท่า)

ขอให้เราทุกคนน้อมจิตลงกราบพระองค์ท่านด้วยความระลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเสียสละอย่างสูงส่งนี้

สำหรับการตัดสินประหารชีวิตนั้น ขอให้คำนึงถึงสถานการณ์ในขณะนั้น
ไม่ควรเอามาตรฐานการตัดสินคดีในยุคบ้านเมืองสงบอย่างปัจจุบันไปเปรียบเทียบ
ไม่ยุติธรรมค่ะ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 23 มี.ค. 12, 11:45
ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้เกริ่นไว้แต่แรก...ว่า มีหนังสือมากมายที่กล่าวถึงเรื่องนี้

ดิฉันก็เป็นผู้หนึ่งที่ติดตามอ่านการวิเคราะห์เรื่องสาเหตุการสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีไว้ไม่น้อย

อ่านมากจนเบื่อในที่สุด เพราะ....พบเจตนาแฝงบางประการที่จะใช้ อดีต ทำลาย"ประโยชน์"ปัจจุบัน

อะไรจะเกิดในอดีต ก็เป็นอดีตไปแล้วค่ะ หากเราจะศึกษาหรือแลกเปลี่ยนกันที่นี้ ขอให้ทำเพื่อประโยชน์ปัจจุบันเป็นหลักนะคะ

ขอข้ามไม่กล่าวถึงรายละเอียดของเจตนาแฝงนะคะ

เน้นที่ประโยชน์ปัจจุบันกันเถอะค่ะ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: samson ที่ 23 มี.ค. 12, 13:40
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็น

ในฐานะผู้เปิดประเด็น

โดยความสัตย์จริง ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนา ที่จะหาข้อสรุป หรือหาข้อพิสูจน์ หรือแม้กระทั่งความจริง ของประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้าตากเลย แม้แต่น้อย

เนื่องด้วย อย่างที่เกริ่นไว้ ว่ามีหนังสือหลายเล่ม หลากทฤษฏี ออกมาให้เห็นเต็มไปหมด และหากตัดอคติ หรือความยึดติดกับความเชื่อเดิม ที่ฝังอยู่ในหัว ออกไปให้ได้หมดแล้ว
ในหลายๆทฤษฏี ต่างก็มีความเป็นไปได้ มีความสมเหตุสมผลอยู่ในตัวของมันเองในระดับค่อนข้างสูง ถึงแม้กระทั่งสามารถจินตนาการไปได้ว่า หากประวัติศาสตร์หน้านี้ สามารถถอดออกได้ แล้วใส่หน้าใหม่ ตามทฤษฏีเหล่านี้แทนลงไป ก็สามารถติดสนิทกันได้อย่างสนิทแนบเนียน

ตามความคิดของข้าพเจ้า มนุษย์เราอยู่กับความเชื่อทั้งชีวิต  
แม้กระทั่งความรู้ต่างๆ ที่เราคิดว่าเรารู้ แท้ที่จริง เป็นเพราะเรา'เชื่อ'ว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้และจดจำนั้น เป็นสิ่งที่ถูก และเป็นความจริง
แม้แต่ในเรื่องเดียวกัน มนุษย์ ยังเชื่อไม่เหมือนกัน และ แต่ละคน ต่างเชื่อในความคิดของตน ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็น 'ความรู้' ที่เเท้จริง

สาเหตุของการตั้งกระทู้นี้ก็คือ ข้าพเจ้าอยากรู้ ว่า 'ความรู้เกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรี' และ 'ความเชื่อ' ของแต่ละคน เป็นอย่างไรกันบ้าง
หากนี่เป็นคำถาม ก็เป็นคำถามที่ทุกคำตอบถูกหมด เพราะ ความรู้ หรือที่ข้าพเจ้าเรียกว่า'ความเชื่อ'ของแต่ละบุคคล สำหรับข้าพเจ้านั้นถูกต้องหมด เพราะอย่างน้อยทุกคน ต่างคิดว่า 'ความรู้'ของตน นั้นถูกต้องแน่นอน ;)    
 


......................................
เพราะโลกเรามีแต่ความเชื่อ ความรู้ในความไม่รู้ สองพันห้าร้อยกว่าปีที่แล้ว หนุ่มน้อยลูกเจ้าเมืองกบิลพัสดุ์ ถึงหนีออกจากวังไปในกลางดึก หนีออกจาก'ความเชื่อ' แล้วไปแสวงหา 'ความจริง'





กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 23 มี.ค. 12, 14:23
อ้างถึง
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 22 มี.ค. 12, 16:22
รอท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นค่ะ
แล้วดิฉันจะตอบคุณ samson ว่าคำตอบคุณมีจุดอ่อนตรงไหน

รอคำตอบอาจารย์เทาชมพูด้วยความเคารพค่ะ เพราะดิฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจคำตอบของคุณ SAMSON ค่ะ



กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: samson ที่ 23 มี.ค. 12, 16:37
นี่ไงครับ เพราะ คุณ 'เชื่อ' ว่าความเห็นของคุณเทาชมพู เป็นสิ่งที่ถูกต้อง



......... เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างครับ ;)

พระพุทธเจ้า ถึงสอนไว้ว่า อย่าเชื่อคนอื่น ให้เชื่อในตนเอง.... และ ให้อาจารย์คนแรก และคนสุดท้าย เป็น ตัวของเราเอง


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 23 มี.ค. 12, 23:20
เชื่อไม่เชื่อ จริงไม่จริง ต่างคนต่างเชื่อ แต่ความจริงไม่ได้อยู่ที่ความเชื่อส่วนตัวของใคร เพราะความจริงที่ขัดแย้งกันนั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นถ้ามีความเชื่อที่แย้งกันอยู่ ก็ต้องมีความจริงอยู่เพียงหนึ่งเดียว แต่เราจะเข้าถึงความจริงได้ทุกครั้งหรือ? ผมไม่เชื่ออย่างนั้น บางครั้งข้อมูลที่มีจำกัด เราไปสรุปเอาตามความเชื่อของตัวเอง อย่างนี้เรียกว่า "ความมั่ว" ครับ ไม่ใช่ "ความจริง"

กรณีสวรรคตพระเจ้าตากนี้ เป็นเรื่องยอดนิยมเรื่องหนึ่ง ผมเห็นว่าสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ "ความลึกลับ" คือลึกลับเพราะไม่มีหลักฐานพอที่จะชี้ชัดฟันธงลงไปได้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร งานประวัติศาสตร์นิพนธ์ที่เกิดขึ้นเพื่อสนองผลประโยชน์ทางการเมืองในยุคสมัยต่างๆก็ทำให้ "ความเชื่อ" ของคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในเชิงการเมืองนั้นเอนเอียงไปในทิศทางต่างๆ ที่น่าสนใจก็คือ โดยมากจะเลือกหยิบ "ความจริงบางส่วน" มาแสดง เพื่อชี้ให้เห็นความคลุมเครือของ "ความเชื่อเก่า" และปลูกฝัง "ความเชื่อใหม่" ที่ก็ยังไม่ใช่ "ความจริง" อีกเช่นเดียวกัน และต่อให้มีคนเชื่ออย่างนี้สัก 15 ล้านคน ก็ไม่สามารถสรุปเป็น "ความจริงใหม่" ได้ครับ

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก่อนเราจะ "เชื่อ" ขอให้พิจารณาและศีกษาให้ถ่องแท้ และเชื่อ "ข้อเท็จจริง" อย่าไปหลงเชื่อ "ตัวเอง" เป็นอันขาด เว้นแต่ท่านจะมียานเวลา สามารถย้อนไปยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 07:27
คำถาม คำตอบ และ ความเชื่อ อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง

การเสียชีวิตของพระเจ้าตากสิน (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=16.0)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=16.0;attach=34;image)


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 24 มี.ค. 12, 09:22
ผมเชื่อว่าประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะมากกว่าครับ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 09:43
ผมเชื่อว่าประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะมากกว่าครับ
แล้วประวัติศาสตร์ไทยที่เราเรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ว่าแพ้พม่าในสมัยสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ  กับแพ้อีกคนจนเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อพ.ศ. 2310
กับตอนเสียดินแดนฝ่ายซ้ายแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศส   เสียไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู ให้อังกฤษ
เราเรียนมาจากใครเขียนล่ะคะ   นักประวัติศาสตร์ไทย หรือนักประวัติศาสตร์พม่า ฝรั่งเศส และอังกฤษ  ?

ความเชื่อแบบคุณ werachaisubhong  ถูกต้องเพียงครึ่งเดียวค่ะ    ในความเป็นจริง ผู้แพ้หรือผู้ชนะมีสิทธิ์บันทึกประวัติศาสตร์ได้ทั้งนั้น      คนรุ่นหลังต้องตรวจสอบหลักฐานจากหลายๆทางเอามาเทียบกัน  ชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือ เพื่อพิจารณาว่าอย่างไหนตรงกับความเป็นจริง
เราจึงมีประวัติศาสตร์ที่บันทึกโดยนาซี และบันทึกโดยฝ่ายยิว   มีประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นบุกจีนและเกาหลี   มีประวัติศาสตร์ฝ่ายจีนและเกาหลีที่ถูกญี่ปุ่นบุก    มีประวัติศาสตร์ยุทธนาวีเกาะช้างที่บันทึกโดยฝ่ายฝรั่งเศสและฝ่ายไทย   ถึงแม้ว่าต่างฝ่ายต่างบันทึกไปคนละอย่าง   แต่ก็สามารถเทียบเคียงกันได้ว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างไร


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 10:02
ผมเชื่อว่าประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะมากกว่าครับ

เชื่อเช่นเดียวกันว่า

History is written by the victor.

History is filled with liars.

If he lives, and we die, his truth becomes written – and ours is lost.

http://www.youtube.com/watch?v=-nSZn5kpaLw

 ;D


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 10:09
อ้างถึง
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 22 มี.ค. 12, 16:22
รอท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นค่ะ
แล้วดิฉันจะตอบคุณ samson ว่าคำตอบคุณมีจุดอ่อนตรงไหน

รอคำตอบอาจารย์เทาชมพูด้วยความเคารพค่ะ เพราะดิฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจคำตอบของคุณ SAMSON ค่ะ

เมื่ออ่านประวัติศาสตร์ แล้วเชื่อทุกตัวอักษรที่อ่านพบโดยไม่ใคร่ครวญ   กับอ่านประวัติศาสตร์แล้วบอกว่าประวัติศาสตร์ของชนชาตินั้น มิอาจถือเอาเป็นความจริง หรือ ความเท็จ อย่างใดอย่างหนึ่งลงไปได้   มันก็ผิดพอกันทั้งสองแบบ  คือสุดโต่งไปคนละทาง  มิได้ก่อให้สติปัญญางอกงามขึ้นมาได้ด้วยวิธีคิดแบบนี้

ประวัติศาสตร์คือการนำเสนอหลักฐานจากหลายๆฝ่าย    เป็นฝ่ายของรัฐบ้าง ของเอกชนบ้าง   ของประเทศนั้นบ้างและของต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับประเทศแรกบ้าง     จากนั้นคนอ่านที่สนใจควรค้นคว้าหาอ่านจากหลายๆทาง เพื่อดูว่าหลักฐานใดสอดคล้อง มีน้ำหนักมากที่สุด   เพราะข้อเท็จจริงในอดีตนั้นมักไม่ได้เกิดมาโดดๆ  มันมีที่มาที่ไปของมัน  

เรียนประวัติศาสตร์ก็สนุกไปอย่างหนึ่ง ตรงที่ได้ใคร่ครวญจากหลักฐานมากกว่าหนึ่งทาง  ว่าอย่างไหนมันพอจะสมเหตุสมผลมากกว่ากัน    อย่างที่ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.แถมสุข นุ่มนนท์ เคยตอบดิฉันว่า "เรียนประวัติศาสตร์ไปเพื่อเพิ่มรอยหยักในสมอง" เมื่อดิฉันเรียนถามท่านว่า  ทำไมไม่มีใครตัดสินเหตุการณ์หรือเรื่องราวสำคัญๆในอดีตให้ชัดเจนสักทีว่ามันยังไงกันแน่    ปล่อยให้เถียงกันอยู่ได้  
ท่านยังตอบทีเล่นทีจริงอีกว่า ถ้าประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่ทุกอย่างทุกเรื่องชัดเจนจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้แล้ว  นักประวัติศาสตร์ก็ตกงานกันหมดน่ะซี



กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 10:15
ตอบคุณเพ็ญชมพู 
ดิฉันก็หามาให้ได้อีกหลายคน   ข้างล่างนี้ค่ะ   แต่ดิฉันแสดงที่มาที่ไป ว่าทำไมเอาความเชื่อแบบนี้มาลงให้อ่านกัน   
ไม่ทราบว่าคุณเพ็ญชมพูพอจะหาเหตุผลมาสนับสนุนความเชื่อของคุณได้บ้างไหมคะ   

"ประวัติศาสตร์โดยหลักการเป็นเรื่องว่าด้วยข้อเท็จจริงในอดีต  เอาเข้าจริง  ก็มีบ่อยครั้งที่กลายเป็นเรื่อง "มองต่างมุม"  อาจจะบ่อยกว่า "มองมุมเดียวแบบไม่มีข้อโต้แย้ง" เสียอีก
ทำให้เกิดสำนวนตามมาอีกหลายสำนวน เช่น "ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ"   " ประวัติศาสตร์ต่างจากนิยายตรงที่ใช้ฉากของจริง"
คำคมของนักคิดนักเขียนหลายคน เกิดจากมองประวัติศาสตร์อย่างไม่สู้จะศรัทธานัก   ขอยกมาเป็นกระสายยาสัก 2-3 คำนะคะ

God cannot alter the past, though historians can.(พระเจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีต  ส่วนนักประวัติศาสตร์ทำได้)
Samuel Butler

Historian: an unsuccessful novelist. (นักประวัติศาสตร์ คือนักเขียนนิยายที่คนอ่านไม่"อิน")
H. L. Mencken

History is a pack of lies about events that never happened told by people who weren't there.(ประวัติศาสตร์คือโกหกคำโต เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เล่าโดยผู้ที่เกิดไม่ทันยุคสมัยนั้น)
George Santayana


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 10:25
ตอบคุณร่วมฤดี (ต่อ) นะคะ
ดิฉันขอเรียงลำดับความเห็นของคุณ samson ให้อ่านกัน

๑  เห็นในร้านหนังสือ มีหนังสือเกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้าตากอยู่หลายเล่ม หลายทฤษฏีมากๆ เลยสงสัยว่า แท้จริงแล้ว เรื่องมันเป็นมาอย่างไรครับ
๒  เป็นที่รู้แก่กันโดยทั่วไป เพียงแต่มิอาจยอมรับกันโดยทั่วไป ว่า ประวัติศาสตร์ของชนชาตินั้น มิอาจถือเอาเป็นความจริง หรือ ความเท็จ อย่างใดอย่างหนึ่งลงไปได้

สิ่งที่เรียกว่า ประวัติศาสตร์ มักถูกแต่งเติมเสริมขึ้น เพื่อประโยชน์ในทางการเมืองการปกครอง การสร้างความชอบธรรม และ สมเหตุสมผล ให้กับผู้ปกครองประเทศนั้นๆ

ประวัติศาสตร์ ที่เขียนโดยเหล่าผู้ปกครองนี้ ในปัจจุบัน อาจมีประโยชน์ เพียงแค่ให้รู้ไว้ เพื่อการสอบวัดความรู้ตามระดับการศึกษา ที่ถูกกำหนดขึ้นโดยทางการ เท่านั้น

๓  โดยความสัตย์จริง ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนา ที่จะหาข้อสรุป หรือหาข้อพิสูจน์ หรือแม้กระทั่งความจริง ของประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้าตากเลย แม้แต่น้อย

เมื่อรู้ว่า นี่คือคนที่ตั้งคำถามโดยมีคำตอบอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว  ไม่ได้ถามเพราะสนใจใคร่รู้เพิ่มเติม    ดิฉันก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องตอบอะไรอีกค่ะ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 10:37
ส่วนเรื่องพุทธศาสนา ที่พระพุทธประวัติและพระพุทธวัจนะ ถูกอ้างถึงนั้น
- เพราะโลกเรามีแต่ความเชื่อ ความรู้ในความไม่รู้ สองพันห้าร้อยกว่าปีที่แล้ว หนุ่มน้อยลูกเจ้าเมืองกบิลพัสดุ์ ถึงหนีออกจากวังไปในกลางดึก หนีออกจาก'ความเชื่อ' แล้วไปแสวงหา 'ความจริง'

- พระพุทธเจ้า ถึงสอนไว้ว่า อย่าเชื่อคนอื่น ให้เชื่อในตนเอง.... และ ให้อาจารย์คนแรก และคนสุดท้าย เป็น ตัวของเราเอง

   คุณร่วมฤดีสนใจศึกษาธรรมะ คงจะตอบได้ว่าผิดหรือถูก สมควรหรือไม่สมควรประการใด     


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 24 มี.ค. 12, 11:03
"ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ" ถึงข้อนี้เป็นความจริงอยู่บ้าง แต่ถ้ายึดเอาเรื่องนี้เป็นหลักคิดคงไม่ถูกต้องแน่

เพราะเมื่อหลงเชื่ออย่างนี้เสียแล้ว หมดแรงที่จะค้นคว้าต่อไป สรุปเอาเองว่าไม่ต้องหาข้อสรุป ต้องหาทางพิสูจน์ และไม่สนใจความจริงอื่นใดนอกจาก "ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ" เกรงว่าจะต้องตกอยู่ในความมืดบอดทางปัญญาครับ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 11:53
รัฐบาลสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีความรู้สึกเป็นศัตรูต่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือไม่ ?

คำตอบเรื่องนี้พิจารณาได้จาก ตราตั้งเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) ใน พ.ศ. ๒๓๒๗  (http://nanagara.com/article-25.html) ความตอนหนึ่งว่า "....พระยาตากสินได้ว่าราชการแผ่นดินครั้งนั้นกอบได้ด้วยโมหะโลภะ มิได้ประพฤติการให้ชอบด้วยขนบบุราณ..."  ข้อความนี้นอกจากจะกล่าวโทษสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีแล้ว ยังถือว่าทรงเป็นเพียงผู้ว่าราชการแผ่นดิน หาได้เถลิงถวัลยราชสมบัติไม่

สอดคล้องกับพงศาวดารฉบับหมอบรัดเลย์ซึ่งแก้ไขจากฉบับจันทนุมาศ ระบุชัดเจนว่า "..ประหารชีวิตตัดศีรษะเสีย ถือแก่พิราลัย จึงรับสั่งให้เอาศพไปฝังไว้ ณ วัดบางยี่เรือใต้..."  (http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/12/K4996850/K4996850.html#3) แสดงว่าไม่ถือเอาสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์หนึ่ง จึงว่า "ตัดศีรษะ" และ "ถึงแก่พิราลัย" ไม่ใช่สวรรคต และจงใจเรียกพระศพว่า "ศพ" ดังนี้

"ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ" ถึงข้อนี้เป็นความจริงอยู่บ้าง แต่ถ้ายึดเอาเรื่องนี้เป็นหลักคิดคงไม่ถูกต้องแน่

เพราะเมื่อหลงเชื่ออย่างนี้เสียแล้ว หมดแรงที่จะค้นคว้าต่อไป สรุปเอาเองว่าไม่ต้องหาข้อสรุป ต้องหาทางพิสูจน์ และไม่สนใจความจริงอื่นใดนอกจาก "ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ" เกรงว่าจะต้องตกอยู่ในความมืดบอดทางปัญญาครับ

การศึกษาประวัติศาสตร์คงไม่ใช่ไม่ให้เชื่อผู้ชนะไปเสียทั้งหมด หากควรต้องมีความระแวงสงสัยเอกสารซึ่งผลิตโดยฝ่ายผู้ชนะว่ามีสิ่งใดสอดแทรกเข้ามาบ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ฝ่ายตน

 ;D



กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 12:35
สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงหมดสถานภาพกษัตริย์ไปตั้งแต่ถูกพระยาสรรค์ยึดอำนาจแล้ว   เมื่อถูกตัดสินประหาร จะมาเฉลิมพระเกียรติด้วยราชาศัพท์อยู่เหมือนเมื่อครั้งยังครองราชย์ในตอนต้นธนบุรี  ก็ย่อมประดักประเดิด

คำว่า "ข้อความนี้นอกจากจะกล่าวโทษสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีแล้ว ยังถือว่าทรงเป็นเพียงผู้ว่าราชการแผ่นดิน หาได้เถลิงถวัลยราชสมบัติไม่"
ก็ยังย้ำความคิดว่า "กล่าวโทษ" อยู่ดี   เอาเป็นว่าไม่ยอมรับการกระทำ ว่างั้นเถิด
ส่วนคำว่า"ว่าราชการ" ก็ระบุถึงหน้าที่บทบาทในการปกครองแผ่นดินอยู่แล้ว   คำว่าเถลิงถวัลยราชสมบัติ แปลว่าขึ้นครองแผ่นดิน คนละความหมายกัน

ขอถามว่าข้อความในค.ห.นี้ คุณเพ็ญชมพูเอามาจากไหน   ดิฉันไม่อยากเชื่อว่าเป็นความเห็นของคุณเพ็ญชมพูเอง   ฟังมันจับแพะชนแกะพิกล


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 13:13
สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงหมดสถานภาพกษัตริย์ไปตั้งแต่ถูกพระยาสรรค์ยึดอำนาจแล้ว   เมื่อถูกตัดสินประหาร จะมาเฉลิมพระเกียรติด้วยราชาศัพท์อยู่เหมือนเมื่อครั้งยังครองราชย์ในตอนต้นธนบุรี  ก็ย่อมประดักประเดิด

ผู้ตัดสินว่าสถานภาพกษัตริย์หมดไปเมื่อไรก็คงเป็นฝ่ายผู้ชนะนั่นเอง

ขอถามว่าข้อความในค.ห.นี้ คุณเพ็ญชมพูเอามาจากไหน   ดิฉันไม่อยากเชื่อว่าเป็นความเห็นของคุณเพ็ญชมพูเอง   ฟังมันจับแพะชนแกะพิกล

แนวคิดจากบทความเรื่อง "จากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีถึงสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ" ของ อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘

คำว่า "ผู้ว่าราชการแผ่นดิน" และ "เถลิงถวัลยราชสมบัติ" เป็นของอาจารย์นิธิ  เอียวศรีวงส์ จากบทความเรื่องเดียวกัน

 ;D


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 13:25
มิน่าล่ะ  ตัดตอนมานี่เอง  ถึงฟังพิกล
ดิฉันก็ยังยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับคำอธิบายคำสองคำนี้ ของ อ.นิธิ ค่ะ   

ขอเชิญคุณเพ็ญชมพูเขียนอะไรสักอย่าง ที่เป็นความเห็นของคุณเอง ว่าถ้าคุณจะเขียนอย่างชอบธรรมให้การตัดสินประหารสมเด็จพระเจ้าตากสิน  คุณจะใช้คำว่าอะไร


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 มี.ค. 12, 13:43
ขอเชิญคุณเพ็ญชมพูเขียนอะไรสักอย่าง ที่เป็นความเห็นของคุณเอง ว่าถ้าคุณจะเขียนอย่างชอบธรรมให้การตัดสินประหารสมเด็จพระเจ้าตากสิน

ไม่ใคร่เข้าใจคำของคุณเทาชมพู "เขียนอย่างชอบธรรมให้การตัดสินประหารสมเด็จพระเจ้าตากสิน"

แต่เอาเถิดขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมดังนี้

เรื่องตอนนี้เป็นเรื่องของนักการเมือง ฝ่ายที่ยึดอำนาจมักจะอ้างว่่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ (อันเป็นเรื่องที่ปรากฏในพงศาวดารให้คนรุ่นหลังต้องค้นหาความจริง) จะไปยกย่องก็คงไม่เป็นผลดีต่อตนเอง

การประหารชีวิตผู้นำและลูกน้องของฝ่ายตรงข้ามในสมัยโบราณนั้นรุนแรงนัก แต่คงไม่อาจใช้บรรทัดฐานของกฎเกณฑ์ปัจจุบันไปตัดสินได้

คุณจะใช้คำว่าอะไร

เกมแห่งอำนาจ power play

 ;D


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 24 มี.ค. 12, 14:27
อ.นิธิค่อนข้างจะเน้นในเรื่องอำนาจที่แบ่งเป็นฝักฝ่ายชัดเจน แต่ผมไม่เห็นอย่างนั้น ธรรมชาติของระบอบราชาธิปไตย อย่างไรเสียอำนาจสูงสุดก็ยังอยู่ที่พระมหากษัตริย์ หากมีการแบ่งฝักฝ่ายชัดเจนขนาดนั้น พระเจ้าตากก็ต้องพยายามตัดกำลังเจ้าพระยาจักรี ถึงแม้อาจไม่สามาารถจัดการเด็ดขาด แต่อย่างน้อยก็สามารถค่อยๆลดความสำคัญลงได้ การส่งไปรบในสงครามที่หวังผลชนะอย่างที่ทรงทำต่อเนื่องมาหลายปีช่วงปลายรัชกาล เท่ากับสนับสนุนให้เจ้าพระยาจักรีสามารถสะสมกำลังทั้งไพร่พล ทรัพย์สิน และบารมีทางการเมือง ดังนั้นเงื่อไขของการทำรัฐประหารในครั้งนั้นจึงไม่ใช่เรื่องขั้วชนขั้ว แต่เป็นเรื่องยอมอยู่ใต้พระเจ้าตากต่อไปหรือไม่มากกว่า

บ่อยครั้งที่การรัฐประหารในครั้งนั้นถูกสรุปว่าเป็นเหตุจากวิกฤตเรื่องสงฆ์ไหว้ฆราวาสอรหันต์ โดยเรื่องนี้มีปรากฏในพงศาวดารหลายฉบับ โดยน่าจะมีที่มาแหล่งเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นฉบับพันจันทนุมาศก็ได้ หากอ่านโดยยึดตามการลำดับความในพงศาวดารนั้น อาจเห็นว่าจุดเริ่มเป็นเรื่องดังกล่าว แต่หากดูเงื่อนเวลาประกอบ จะเห็นได้ว่ากรณีสงฆ์ไหว้ฆราวาสอรหันต์นั้นเกิดขึ้นในเดือน ๙ ก่อนเหตุการวุนวายในกรุงธนบุรีร่วมครึ่งปี

และที่สำคัญ ถึงแม้จดหมายเหตุกรมหลวงนรินทรเทวีจะกล่าวถึง "ความรุนแรง" ในรัชกาลพระเจ้าตากอย่างมากมาย แต่ไม่ปรากฏเรื่องนี้แต่อย่างใด เห็นได้ว่า ถึงแม้ผู้เขียนพงศาวดารกรุงธนบุรีจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของกรมหลวงนรินทรเทวีครับ

แต่หากจะมองว่าเรื่องนี้ไม่มีจริง ผู้เขียนพงศาวดารป้ายสีพระเจ้าตาก ข้อนี้ก็ผิดแน่ เพราะในจดหมายเหตุโหร บันทึกเหตุการเฆี่ยนสงฆ์ ๕๐๐ รูป และสึกพระราชาคณะเอาไว้ โดยเป็นสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไล่เรี่ยกันแต่ไม่ได้เป็นเหตุการณ์เดียวกัน

ขอตั้งข้อสังเกตว่าพงศาวดารต้นเรื่องนี้ (ซึ่งอาจเป็นฉบับพันจันทนุมาศ) เขียนขึ้นหลังเหตุการณ์ โดยผู้ที่อาจจะเกิดไม่ทันเหตุการณ์ในครั้งนั้นครับ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 24 มี.ค. 12, 22:53
อ้างถึง
เมื่อรู้ว่า นี่คือคนที่ตั้งคำถามโดยมีคำตอบอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว  ไม่ได้ถามเพราะสนใจใคร่รู้เพิ่มเติม    ดิฉันก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องตอบอะไรอีกค่ะ

การสรุปของ อ.เทาชมพู ไม่ได้สร้าง "ความเชื่อ" ให้เกิดขึ้นค่ะ แต่ เป็นการ "รู้แจ้ง" เพราะ พิสูจน์ทราบด้วยหลักฐานแน่นหนา

และ

อ้างถึง
ส่วนเรื่องพุทธศาสนา ที่พระพุทธประวัติและพระพุทธวัจนะ ถูกอ้างถึงนั้น
- เพราะโลกเรามีแต่ความเชื่อ ความรู้ในความไม่รู้ สองพันห้าร้อยกว่าปีที่แล้ว หนุ่มน้อยลูกเจ้าเมืองกบิลพัสดุ์ ถึงหนีออกจากวังไปในกลางดึก หนีออกจาก'ความเชื่อ' แล้วไปแสวงหา 'ความจริง'

- พระพุทธเจ้า ถึงสอนไว้ว่า อย่าเชื่อคนอื่น ให้เชื่อในตนเอง.... และ ให้อาจารย์คนแรก และคนสุดท้าย เป็น ตัวของเราเอง

   คุณร่วมฤดีสนใจศึกษาธรรมะ คงจะตอบได้ว่าผิดหรือถูก สมควรหรือไม่สมควรประการใด     

ดิฉันคิดและได้ร่างอะไร ๆ ไว้ที่จะพูดเรื่องนี้แล้ว แต่ก็ตัดสินใจลบทิ้งด้วยความเคารพหัวข้อกระทู้ค่ะ
เกรงจะออกนอกเรื่องไปเป็นวิชา ศาสนาและปรัชญา หันไปถกกันเรื่อง "ความเชื่อต่างกับความรู้ตรงไหน"

แต่ขออนุญาตจัดลำดับความเชื่อของดิฉันเองไว้ในที่นี้ ดังนี้ค่ะ

สำหรับดิฉัน เลือกเชื่อความจริงตามธรรมชาติค่ะ(ธรรมะ)
แต่กว่าจะเข้าถึงตรงนั้น ดิฉันเลือกเชื่อพระพุทธเจ้าก่อนค่ะ (ตถาคตโพธิศรัทธา) เพราะ ท่านสอน "กาลามสูตร" ค่ะ
และคนสุดท้ายที่จะเลือกเชื่อ คือ ตัวเอง เพราะตัณหากล้า ปัญญาอ่อนค่ะ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มี.ค. 12, 08:57
^


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มี.ค. 12, 10:35


การศึกษาประวัติศาสตร์คงไม่ใช่ไม่ให้เชื่อผู้ชนะไปเสียทั้งหมด หากควรต้องมีความระแวงสงสัยเอกสารซึ่งผลิตโดยฝ่ายผู้ชนะว่ามีสิ่งใดสอดแทรกเข้ามาบ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ฝ่ายตน

 ;D

ประโยคบนนี้ไม่ทราบว่าคุณเพ็ญชมพูเขียนเองหรือไปลอกความเห็นใครมาอีก แต่ในเมื่อลงในช่องค.ห.คุณก็ขอสรุปว่าเป็นความเห็นคุณด้วยเช่นกัน
ในเมื่อคุณบอกว่า ควรระแวงสงสัยเอกสารที่ผลิตโดยฝ่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ  ซึ่งคุณเรียกว่าผู้ชนะ ว่าเขียนเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตน   ก็แปลได้อีกอย่างว่า สร้างความไม่ชอบธรรมให้ฝ่ายตรงข้าม  คือฝ่ายสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ
ดิฉันก็เลยอยากทราบว่า ถ้าจะเขียนเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายสมเด็จพระเจ้าตากสิน ควรจะเขียนยังไง  

การกล่าวหาว่าอะไรผิด เป็นเรื่องพูดกันได้ง่าย    แต่ถ้าให้ดี ควรจะบอกด้วยว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าว่าถูกต้องนั้นเป็นยังไง   คนอื่นเขาจะได้รู้ทั้งสองด้านแล้วตัดสินเองว่าควรเชื่อฝ่ายไหนมากกว่ากัน


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 มี.ค. 12, 10:57


การศึกษาประวัติศาสตร์คงไม่ใช่ไม่ให้เชื่อผู้ชนะไปเสียทั้งหมด หากควรต้องมีความระแวงสงสัยเอกสารซึ่งผลิตโดยฝ่ายผู้ชนะว่ามีสิ่งใดสอดแทรกเข้ามาบ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ฝ่ายตน

 ;D

ประโยคบนนี้ไม่ทราบว่าคุณเพ็ญชมพูเขียนเองหรือไปลอกความเห็นใครมาอีก  

คุณเทาชมพูอาจจะระแวงสงสัยมากไปหน่อยกระมัง   ;)

แต่ในเมื่อลงในช่องค.ห.คุณก็ขอสรุปว่าเป็นความเห็นคุณด้วยเช่นกัน
ในเมื่อคุณบอกว่า ควรระแวงสงสัยเอกสารที่ผลิตโดยฝ่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ  ซึ่งคุณเรียกว่าผู้ชนะ ว่าเขียนเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตน   ก็แปลได้อีกอย่างว่า สร้างความไม่ชอบธรรมให้ฝ่ายตรงข้าม  คือฝ่ายสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ
ดิฉันก็เลยอยากทราบว่า ถ้าจะเขียนเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายสมเด็จพระเจ้าตากสิน ควรจะเขียนยังไง  

การกล่าวหาว่าอะไรผิด เป็นเรื่องพูดกันได้ง่าย    แต่ถ้าให้ดี ควรจะบอกด้วยว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าว่าถูกต้องนั้นเป็นยังไง   คนอื่นเขาจะได้รู้ทั้งสองด้านแล้วตัดสินเองว่าควรเชื่อฝ่ายไหนมากกว่ากัน

จริง ๆ แล้วข้อความที่คุณเทาชมพูอ้างมานั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นเสมอเมื่อมีการแบ่งฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นระดับระหว่างประเทศ (ไทย-พม่า), ระดับประเทศ (ผู้นำ ก. - กบฏ ข., กีฬาสี เหลือง - แดง) ทุกฝ่ายมีความชอบธรรมของตนเองที่จะอ้างเสมอ เมื่อเกิดการขัดแย้ง ความชอบธรรมนั้นคงเป็นคนละเรื่องกัน

ดูตัวอย่างความเห็นที่ ๑๐ ของคุณแซมซัน

ความชอบธรรมแต่ละฝ่ายในกีฬาสี (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5011.msg102559#msg102559)

มีให้พิจารณาทั้ง ๒ ด้าน

คุณจะเชื่อฝ่ายไหน

 ;D


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มี.ค. 12, 13:15
ไม่ตอบก็ไม่ว่ากัน.  :)


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 มี.ค. 12, 17:53
ขออนุญาตนำข้อสรุปบางประการของอาจารย์นิธิซึ่งเขียนไว้ในบทความเดียวกับที่อ้างไว้ในความคิดเห็นที่ ๓๒

กรณี "วิกลจริต" ของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมีหลักฐานร่วมสมัยอยู่ ๖ ชิ้นคือ

๑. พระราชพงศาวดาร

   ๑.๑ ฉบับพันจันทนุมาศ

   ๑.๒ ฉบับบริติชมิวเซียม

   ๑.๓ ฉบับพิมพ์ของหมอบรัดเลย์

   ๑.๔ ฉบับพระราชหัตถเลขา

๒. จดหมายเหตุความทรงจำกรมหลวงนรินทรเทวี

๓. จดหมายเหตุโหร

๔. สังคีติยวงศ์และพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาภาษามคธ

๕. หลักฐานจีนและญวน

๖. หลักฐานฝรั่งเศส

ต่อไปนี้เป็นข้อสรุปของอาจารย์นิธิ

สัญญาวิปลาสจริงหรือเท็จ ?

เมื่อสรุปหลักฐานทั้งหมด มีหลักฐานไทยอยู่เพียงชิ้น (หรือหนึ่งกลุ่มซึ่งสัมพันธ์กันเอง) คือพระราชพงศาวดารที่กล่าวถึงการ "เสียพระจริตฟั่นเฟือนไป" ของพระเจ้ากรุงธนบุรี นับว่าเป็นสิ่งทีน่าประหลาดอยู่มาก เพราะหลักฐานไทยร่วมสมัยอื่น ๆ ไม่ได้กล่าวไว้เช่นนั้นเลย นอกจากนี้ก็มีหลักฐานชาวต่างชาติคือจดหมายของเดส์กูวิแอร์อีกหนึ่งชิ้นที่กล่าวว่าทรง "คุ้มดีคุ้มร้าย" แต่ดังที่ได้กล่าวแล้ว หลักฐานทั้งสองชิ้นนี้มีจุดอ่อนและนักเรียนประวัติศาสตร์จำเป็นต้องรับไว้ด้วยความระมัดระวังทั้งในแง่ความหมายและในแง่ที่เป็นเอกสารอันมีจุดมุ่งหมายทางการเมือง

แม้ว่าข้าพเจ้าพยายามจะชี้จุดอ่อนของหลักฐานทั้งหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าพเจ้าก็ไม่ปรารถนาจะสรุปอย่างเด็ดขาดว่าอาการวิกลจริตของพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง และในขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็ไม่ปรารถนาจะกล่าวว่าหลักฐานที่ระบุว่าพระองค์ทรงเสียจริตนั้นน่าเชื่อถืออย่างไม่มีทางปฏิเสธ จากหลักฐานเท่าที่มีอยู่ขณะนี้ยังไม่เพียงพอที่จะตัดสินไปอย่างใดอย่างหนึ่งให้เด็ดขาดได้

สิ่งที่หลักฐานเหล่านี้บอกให้ทราบนั้นมีเพียงว่า ในปลายรัชกาลพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงดำเนินนโยบายเกี่ยวกับการภาษีอากรและการคลังในทางที่ก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่คนจำนวนหนึ่ง และคงจะเป็นคนเหล่านี้เองซึ่งต้องการชิงราชบัลลังก์ ต้องการเพราะไม่พอใจนโยบายนั้นหรือต้องการอยู่แล้วเพียงแต่รอโอกาสอยู่ก็ตาม (หลักฐานไม่บอกอย่างแน่ชัดในเรื่องนี้) ได้อาศัยการกระทำของพระเจ้ากรุงธนบุรีซึ่งคงผันแปรไปจากในตอนต้นรัชกาล เพราะการเปลี่ยนนโยบายชี้ให้ผู้อื่นเห็นว่าเป็นความเดือดร้อนแก่ทั้งสมณชีพราหมณ์และอาณาประชาราษฎร์

เป็นไปได้ว่าคนเหล่านี้ได้โฆษณาว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเสียพระจริต การโฆษณานี้อาจเป็นการโฆษณาสิ่งที่เป็นความจริง หรือเป็นการโฆษณาเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง คือบ่อนทำลายความนับถือของผู้คนที่มีต่อพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ตาม สมัครพรรคพวกของคนเหล่านี้เช่นนายเพง ซึ่งคุมเลกกองนอกอยู่ที่สระบุรี นายบ้านแม่ลากรุงเก่า นายแก้วน้องพระยาสรรค์ เป็นต้น ได้ก่อการกบฏขึ้นก่อนจนนำมาซึ่งเหตุการณ์จลาจลในกรุงธนบุรีเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๓๒๔ เจ้าเมืองนครราชสีมาซึ่งเตรียมตัวในแผนการณ์นี้แล้วก็รีบยกกองทัพลงมาสมทบควบคุมสถานการณ์ในกรุงธนบุรีไว้ก่อน เกิดการแบ่งฝ่ายของขุนนางระหว่างพวกที่ยังจงรักภักดีต่อพระเจ้ากรุงธนบุรีและพวกทีคิดแย่งราชสมบัติ ผลของการรบ ฝ่ายที่แย่งชิงราชสมบัติได้รับชัยชนะและเป็นผู้จบประวัติศาสตร์ของพระเจ้ากรุงธนบุรีทั้งในเหตุการณ์จริงและในพงศาวดาร

 ;D


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มี.ค. 12, 20:28
^
กรุณาอ่านคำตอบคุณ CrazyHOrse  อีกครั้งค่ะ

อ.นิธิค่อนข้างจะเน้นในเรื่องอำนาจที่แบ่งเป็นฝักฝ่ายชัดเจน แต่ผมไม่เห็นอย่างนั้น ธรรมชาติของระบอบราชาธิปไตย อย่างไรเสียอำนาจสูงสุดก็ยังอยู่ที่พระมหากษัตริย์ หากมีการแบ่งฝักฝ่ายชัดเจนขนาดนั้น พระเจ้าตากก็ต้องพยายามตัดกำลังเจ้าพระยาจักรี ถึงแม้อาจไม่สามาารถจัดการเด็ดขาด แต่อย่างน้อยก็สามารถค่อยๆลดความสำคัญลงได้ การส่งไปรบในสงครามที่หวังผลชนะอย่างที่ทรงทำต่อเนื่องมาหลายปีช่วงปลายรัชกาล เท่ากับสนับสนุนให้เจ้าพระยาจักรีสามารถสะสมกำลังทั้งไพร่พล ทรัพย์สิน และบารมีทางการเมือง ดังนั้นเงื่อไขของการทำรัฐประหารในครั้งนั้นจึงไม่ใช่เรื่องขั้วชนขั้ว แต่เป็นเรื่องยอมอยู่ใต้พระเจ้าตากต่อไปหรือไม่มากกว่า

บ่อยครั้งที่การรัฐประหารในครั้งนั้นถูกสรุปว่าเป็นเหตุจากวิกฤตเรื่องสงฆ์ไหว้ฆราวาสอรหันต์ โดยเรื่องนี้มีปรากฏในพงศาวดารหลายฉบับ โดยน่าจะมีที่มาแหล่งเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นฉบับพันจันทนุมาศก็ได้ หากอ่านโดยยึดตามการลำดับความในพงศาวดารนั้น อาจเห็นว่าจุดเริ่มเป็นเรื่องดังกล่าว แต่หากดูเงื่อนเวลาประกอบ จะเห็นได้ว่ากรณีสงฆ์ไหว้ฆราวาสอรหันต์นั้นเกิดขึ้นในเดือน ๙ ก่อนเหตุการวุนวายในกรุงธนบุรีร่วมครึ่งปี

และที่สำคัญ ถึงแม้จดหมายเหตุกรมหลวงนรินทรเทวีจะกล่าวถึง "ความรุนแรง" ในรัชกาลพระเจ้าตากอย่างมากมาย แต่ไม่ปรากฏเรื่องนี้แต่อย่างใด เห็นได้ว่า ถึงแม้ผู้เขียนพงศาวดารกรุงธนบุรีจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของกรมหลวงนรินทรเทวีครับ

แต่หากจะมองว่าเรื่องนี้ไม่มีจริง ผู้เขียนพงศาวดารป้ายสีพระเจ้าตาก ข้อนี้ก็ผิดแน่ เพราะในจดหมายเหตุโหร บันทึกเหตุการเฆี่ยนสงฆ์ ๕๐๐ รูป และสึกพระราชาคณะเอาไว้ โดยเป็นสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไล่เรี่ยกันแต่ไม่ได้เป็นเหตุการณ์เดียวกัน

ขอตั้งข้อสังเกตว่าพงศาวดารต้นเรื่องนี้ (ซึ่งอาจเป็นฉบับพันจันทนุมาศ) เขียนขึ้นหลังเหตุการณ์ โดยผู้ที่อาจจะเกิดไม่ทันเหตุการณ์ในครั้งนั้นครับ



กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มี.ค. 12, 20:59
เป็นไปได้ว่าคนเหล่านี้ได้โฆษณาว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเสียพระจริต การโฆษณานี้อาจเป็นการโฆษณาสิ่งที่เป็นความจริง หรือเป็นการโฆษณาเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง คือบ่อนทำลายความนับถือของผู้คนที่มีต่อพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ตาม สมัครพรรคพวกของคนเหล่านี้เช่นนายเพง ซึ่งคุมเลกกองนอกอยู่ที่สระบุรี นายบ้านแม่ลากรุงเก่า นายแก้วน้องพระยาสรรค์ เป็นต้น ได้ก่อการกบฏขึ้นก่อนจนนำมาซึ่งเหตุการณ์จลาจลในกรุงธนบุรีเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๓๒๔ เจ้าเมืองนครราชสีมาซึ่งเตรียมตัวในแผนการณ์นี้แล้วก็รีบยกกองทัพลงมาสมทบควบคุมสถานการณ์ในกรุงธนบุรีไว้ก่อน เกิดการแบ่งฝ่ายของขุนนางระหว่างพวกที่ยังจงรักภักดีต่อพระเจ้ากรุงธนบุรีและพวกทีคิดแย่งราชสมบัติ ผลของการรบ ฝ่ายที่แย่งชิงราชสมบัติได้รับชัยชนะและเป็นผู้จบประวัติศาสตร์ของพระเจ้ากรุงธนบุรีทั้งในเหตุการณ์จริงและในพงศาวดาร

 ;D

หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงถูกประหารมาหนึ่งร้อยกว่าปี  ล่วงถึงรัชกาลที่ ๕  พระราชพงศาวดาร หนังสือหนังหาสำคัญทั้งหลายที่เกี่ยวกับบ้านเมือง   ยังถือเป็นเอกสารลับ  ห้ามไม่ให้ราษฎรสามัญอ่าน    ปัญญาชนสามัญชนอย่างนายกุหลาบยังต้องแอบคัดลอกด้วยกลอุบาย บวกกับหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนเผื่อถูกจับตัวได้    แสดงว่าเจ้านายท่านมิได้ถือว่าราษฎรควรรู้เห็นมีส่วนตัดสินใจในเรื่องของบ้านเมือง  ต่อให้ย้อนหลังไปกี่สิบกี่ร้อยปีก็ตาม
ก็ในเมื่อเรื่องของบ้านเมืองและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่  มันเป็นเรื่องลับต่อๆกันมาตั้งแต่แรก  จนหนึ่งร้อยกว่าปีให้หลังก็ยังไม่เลิกเป็นความลับ    ดิฉันก็เลยไม่เชื่อว่านโยบายโฆษณาเผยแพร่ดังที่อาจารย์นิธิตั้งประเด็นไว้นั้น   เป็นวิธีการที่เจ้าพระยาจักรีใช้ตั้งแต่สมัยธนบุรี เพื่อหาคะแนนนิยมจากประชาชน     เพราะนโยบายปลุกระดมมวลชน  มันยังไม่เกิดขึ้นในสมัยนั้น

สภาพสังคมในสมัยอยุธยาตอนปลายและธนบุรี มองประชาชนจำนวนมากๆ ด้วยความหมายเพียงด้านแรงงาน อย่างไพร่หลวงไพร่ สม  ซึ่งใช้ประโยชน์ได้ทั้งยามสงบและยามศึก     วิธีรวมคนก็คือเกณฑ์เอาตัวมาด้วยคำสั่ง    ทำกันต่อเนื่องมาจนรัชกาลที่ ๕  เห็นได้จากกระทู้ประวัติพระยาโบราณราชธานินทร์ที่ท่านต้องหาวิธีจิตวิทยาไปเกลี้ยกล่อมชายฉกรรจ์ที่หนีเกณฑ์กันอุตลุด        สมัยนั้นไม่มีการสร้างกระแส  ไม่มีการระดมมวลชนที่จะมาชี้เป็นชี้ตายเก้าอี้ผู้บริหารประเทศได้  อย่างสมัยนี้ 

เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงเห็นว่า เรื่องที่บันทึกลงไปนั้นก็บันทึกตามข้อเท็จจริงที่ท่านประสบมา      ท่านผู้บันทึกไม่มีเหตุผลอะไรจะไปบิดเบือนเพื่อจะสร้างภาพให้ใครไปทำไม    แต่คนรุ่นหลังจะพอใจหรือไม่พอใจ  เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการกระทำของท่านก็อีกเรื่องหนึ่ง      แต่มันเป็นคนละเรื่องกับไปกล่าวหาว่าท่านบิดเบือนหรือใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าตากสิน แบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น
 
ถ้าจะกล่าวหากันอย่างนี้จริงๆก็ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่า เรื่องแท้จริงเป็นอย่างไร   ไม่ใช่กล่าวหาลอยๆแล้วให้ผู้กล่าวหาไปหาหลักฐานมาพิสูจน์ตัวเอง   ฝ่ายถูกกล่าวหาเพียงแต่ตั้งประเด็นว่า อาจเป็นยังโง้นบ้างยังงี้บ้าง  ฟันธงไม่ได้แต่เหวี่ยงแหคลุมไปไว้ก่อน  อย่างนี้ก็ออกจะไม่ชอบธรรมต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาว่าไม่ชอบธรรมต่อสมเด็จพระเจ้าตากสินนั่นเอง


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 มี.ค. 12, 22:17
(ต่อ)

วิกลจริตเป็นอาการทางจิตเวชศาสตร์ และในบัดนี้คงสายไปแล้วที่จะมีจิตแพทย์คนใดสามารถถวายการตรวจพระอาการสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ แต่ในภาษาชาวบ้านการทำอะไรที่นอกรีตนอกรอยที่เคยทำมาก็อาจถูกกล่าวหาว่าวิกลจริตได้ พระเจ้ากรุงธนบุรีคงได้ทำอะไรบางอย่างที่แปลกไปจากที่เคยทรงกระทำมา และทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่งเชื่อ หรือสามารถทำให้ผู้อื่นเชื่อได้ว่า "เสียพระจริตฟั่นเฟือนไป" แต่ก็มีผู้คนที่ใกล้ชิดอีกจำนวนมากไม่เชื่อเช่นนั้นจึงยังคงจงรักภักดีต่อพระองค์สืบมา อย่างน้อยที่สุดก็มีขุนนางร่วม ๑๐๐ คน ที่ถูกล้างไปในการล้มราชบัลลังก์ของพระองค์ ดังที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับพิมพ์หมอบรัดเลย์ว่าพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ "จึ่งดำรัสให้เอาขุนนางสามสิบเก้าคนนั้นไปประหารชีวิตเสีย" ส่วนกรมพระราชวังบวรฯ “ให้ตำรวจไปจับตัวข้าราชการทั้งปวงบันดาที่มีความผิดขุ่นเคืองกับพระองค์มาแต่ก่อน ให้ประหารชีวิตเสียสิ้นทั้งแปดสิบคนเศษ ”

เรื่องการล้างแผ่นดินกันในครั้งนี้สอดคล้องกับหลักฐานชั้นต้นอีกชิ้นหนึ่งคือ "คำปรึกษาตั้งข้าราชการในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑" ซึ่งได้ตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในทำเนียบข้าราชการร่วมร้อยคน ทำให้เข้าใจได้ว่าบุคคลที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนก็คงจะถูกประหารชีวิตไปแล้ว บุคคลจำนวนร่วมร้อยหรือร้อยเศษเหล่านี้คงไม่ยอมเสียชีวิตให้แก่คนที่เขาเห็นว่าวิกลจริตเป็นแน่ ความเห็นของคนเหล่านี้ต่อพระเจ้ากรุงธนบุรี ซึ่งแม้ในยามที่ถูกพระยาสรรค์ควบคุมตัวก็ยังมีพระสติบริบูรณ์พอ ที่จะกล่าวแก่เขาว่า "สิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย" และทรงรู้ทันพระยาสรรค์พอที่จะทรงอุทาน เมื่อพระราชาคณะกราบทูลให้ออกบรรพชาว่า "เอ้หิภิกขุลอยมาถึงแล้ว" จึงน่าจะเป็นว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงมีพระสติสัมปชัญญะบริบูรณ์เยี่ยงสามัญชนธรรมดา

เมื่อพิจารณาประเด็นนี้ในสภาพแวดล้อมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปลายรัชสมัย ปัญหาเรื่องวิกลจริตจึงเป็น "ความเห็น" ของคนสมัยนั้นเท่ากับคนสมัยนี้ กล่าวคือมีคนกลุ่มหนึ่งมี "ความเห็น" (โดยบริสุทธิ์ใจหรือไม่ก็ตาม) ว่าทรงเสียพระจริตไปแล้ว ในขณะที่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งมี "ความเห็น" (โดยบริสุทธิ์ใจหรือไม่ก็ตาม) ว่าทรงมีพระอาการเป็นปกติ

 ;D


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 26 มี.ค. 12, 00:29
ผมเห็นด้วยกับอ.เทาชมพูในแง่ที่ว่า พงศาวดารไม่ใช่เอกสารโฆษณาทางการเมือง ดังนั้นไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปโจมตีกษัตริย์องค์ก่อนเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กษัตริย์องค์ปัจจุบัน และในระบอบราชาธิปไตยก็ไม่ได้มีเหตุอะไรต้องไปจูงใจให้ใครมาเชื่ออะไรอย่างนั้น เพราะไม่มีการโหวตเลือกพระมหากษัตริย์อยู่แล้วครับ ถึงเราจะไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าใครเป็นผู้เขียนพงศาวดารนี้ แต่ผมเห็นว่าข้อความที่ปรากฏในพงศาวดารคือ "มุมมอง" ของผู้เขียนพงศาวดาร แน่นอนว่าผู้เขียนพงศาวดารที่น่าจะเขียนในระหว่าง ร.๑ - ร.๓ นี้จะต้องเกรงพระทัยพระเจ้าแผ่นดินอยู่บ้าง การจะเลี่ยงกล่าวถึงบางเรื่องนั้นเป็นไปได้ แต่ขนาดยกเมฆสร้างเรื่องขึ้นมาดื้อๆ ผมไม่เห็นความจำเป็นครับ

เรื่องที่ว่าพระเจ้าตากทรงเสียจริต คำๆนี้กินความหมายกว้าง เป็นได้ตั้งแต่ขาดสติพูดคุยไม่รู้เรื่อง, รู้บ้างไม่รู้บ้าง, คุยรู้เรื่องแต่ความคิดอ่านผิดปกติ, หรือแม้แต่เพียงแค่ทำอะไรที่ผิดชาวบ้านไป

ผมเห็นว่างานศึกษาของอ.นิธิถือเป็นงานที่ค้นคว้าหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่บทสรุปในงานชิ้นนี้ก็ยังต้องใช้สมมติฐานจำนวนมากเพื่อปะติดปะต่อชิ้นส่วนแหว่งวิ่นเหล่านั้นออกมาเป็นภาพให้ผู้อ่านได้เห็น สมมติฐานประการหนึ่งในงานของอ.นิธิคือการแสดงความสนใจในเรื่องศาสนาจนเกินเลยไปบ้างเป็นการสร้างพระบารมีเพื่อหวังผลการสนับสนุนทางการเมือง

เมื่อผมอ่านหนังสือของอ.นิธิเป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ผมค่อนข้าวจะเห็นคล้อยตามอ.นิธิอยู่มาก แต่นั่นคือก่อนที่ผมจะได้อ่านจดหมายเหตุกรมหลวงนรินทรเทวีฉบับเต็ม อ่านจดหมายเหตุฝรั่งเศสฉบับเต็ม

ผมขอคัดตัวอย่างบางส่วนที่มีผลกับความคิดเห็นของผมมาให้ดูดังนี้นะครับ

จดหมายเหตุกรมหลวงนรินทรเทวี
ให้ปลูกไม้ไผ่ ๑,๐๐๐ ไม้แก่น ๑,๐๐๐ ไว้ท่าท่านผู้มีบุญจะมาข้างหน้า จะได้สร้างปราสาท ไม้ไผ่จะทำร่างร้าน ไม้แก่นจะได้ทำ (๘) เสาปราสาท ปลูกไว้สำหรับผู้มีบุญจะมา พระองค์ท่านจะเหาะแล้ว

อ่านแล้วก็งงๆ ว่า "พระองค์ท่านจะเหาะแล้ว" นี่หมายถึงอะไร แต่เข้าใจกระจ่างเมื่ออ่านจดหมายฝรั่งเศสในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๓๙

จดหมายของมองซิเออร์ดูเด ถึงมองซิเออร์เดอโคเอ็ตโลกอง วันที่ ๑๕  เดือนมิถุนายน ค.ศ. ๑๗๗๙  (พ.ศ. ๒๓๒๒)
พระเจ้าตากรับสั่งอยู่เสมอว่าทรงเหาะเหิรเดิรอากาศได้ เราก็ได้ทูลอยู่เสมอว่าเปนการที่เป็นไปไม่ได้ เราได้ทูลบ่อยเข้าจนถึงกับทรงเบื่อไม่อยากฟังเราแล้ว เพราะฉนั้นจึงไม่ได้รับสั่งให้เราไปเฝ้ามาได้ปี ๑ แล้ว

อ.นิธิให้เหตุผลว่าเรื่องนี้เป็นความเชื่อที่คนไทยทั่วๆไปในสมัยนั้นเชื่อกัน แต่ผมไม่เห็นอย่างนั้นครับ ถึงชาวบ้านคนไทยจะเชื่อถือเรื่องไสยศาสตร์อยู่มาก แต่ขนาดมนุษย์จะเหาะนี่ เป็นเรื่องเกินจินตนาการไปมากว่าใครๆก็เชื่อว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

ถึงผมจะไม่กล้ายืนยัน 100% ได้ว่าพระเจ้าตากเสียจริต แต่ถ้าใครจะฟันธง 100% ว่าพระองค์ปกติแน่นอน ผมก็ไม่เอาด้วยแน่ๆครับ

ที่สำคัญ จุดอ่อนของสมมติฐานนี้ก็ยังเป็นเรื่องเดิม พระเจ้าตากจะสร้างบารมีในเชิงศาสนานี้เพื่อใคร? ไม่ใช่ประชาชนคนธรรมดาแน่นอน ถ้าเป็นพวกขุนนางผมก็ไม่เห็นว่าจะได้ผลอย่างไร อธิบายได้อย่างเดียวว่าเรื่องนี้เป็นพระราชอัธยาศัยของพระองค์เอง ไม่ใช่เรื่องการเมืองครับ

เมื่อเรื่องนี้ตกไป ความหนักแน่นของเรื่อง "การเมืองแบ่งขั้ว" ก็อ่อนลงไปมาก เมื่อประเมินร่วมกับเรื่องที่พระเจ้าตากไม่ได้ทรงพยายามจะสกัดกั้นบารมีของเจ้าพระยาจักรี การเปลี่ยนแปลงช่วงปลายรัชกาลพระเจ้าตากต้องเกิดจากการไม่ยอมรับใน "การนำ" ของพระองค์ ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นจนถึงจุดแตกหักในที่สุด


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มี.ค. 12, 06:37

อ้างจาก: เพ็ญชมพู

อ้างถึง
ทรงอุทาน เมื่อพระราชาคณะกราบทูลให้ออกบรรพชาว่า "เอ้หิภิกขุลอยมาถึงแล้ว" จึงน่าจะเป็นว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงมีพระสติสัมปชัญญะบริบูรณ์เยี่ยงสามัญชนธรรมดา

ผมสงสัยเรื่องนี้มานาน ตั้งแต่อ่านข้อความนี้ครั้งแรกหลายสิบปีมาแล้ว คำว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา คือผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้เป็นพระภิกษุได้โดยพระองค์เอง ไม่ต้องผ่านพิธีบวช ดังนั้น เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงอุทานเช่นนั้น ทำไมจึงสรุปความเห็นว่า ทรงมีพระสติสัมปชัญญะบริบูรณ์เยี่ยงสามัญชนธรรมดา


ถามคนเขียนคงไม่ได้ ถามคนเอามาแปะดีกว่า


และการที่ทรงมีพระดำรัสเช่นนั้น น่าจะแปลว่า จะทรงนำผ้าเหลืองมาครองเลยโดยไม่ต้องผ่านพิธีอุปสมบทเสียกระมัง

ปกติ การบวชคือการลี้ราชภัย และส่วนใหญ่จะได้รับพระราชอภัยทาน
แต่ในกรณีย์ของพระเจ้ากรุงธนบุรีคงจะไม่ได้ อาจจะเป็นที่เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกมิได้เห็นว่าทรงเป็นพระ  เพราะมิได้บรรพชาอย่างถูกต้อง ตามข้อสันนิฐานข้างต้นของผม หรืออาจจะเห็นว่า เพราะทรงให้พระเถรานุเถระกราบพระองค์เสียแล้วเมื่อครั้งยังเป็นฆราวาส ด้วยทรงหลงว่าพระองค์เป็นพระโสดาบันอยู่ หากครองผ้าเป็นพระภิกษุแล้ว วงการพุทธศาสนาในไทยคงจะไปกันใหญ่

เดี๋ยวจะเป็นแบบเจ้าพระฝางที่พระออกมาเป็นผู้นำชุมนุมการเมือง บ้านเมืองจะเข้่าสู่ทุรยุคไม่จบสิ้น





กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 มี.ค. 12, 09:43

อ้างจาก: เพ็ญชมพู

อ้างถึง
ทรงอุทาน เมื่อพระราชาคณะกราบทูลให้ออกบรรพชาว่า "เอ้หิภิกขุลอยมาถึงแล้ว" จึงน่าจะเป็นว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงมีพระสติสัมปชัญญะบริบูรณ์เยี่ยงสามัญชนธรรมดา

ผมสงสัยเรื่องนี้มานาน ตั้งแต่อ่านข้อความนี้ครั้งแรกหลายสิบปีมาแล้ว คำว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา คือผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้เป็นพระภิกษุได้โดยพระองค์เอง ไม่ต้องผ่านพิธีบวช ดังนั้น เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงอุทานเช่นนั้น ทำไมจึงสรุปความเห็นว่า ทรงมีพระสติสัมปชัญญะบริบูรณ์เยี่ยงสามัญชนธรรมดา


ถามคนเขียนคงไม่ได้ ถามคนเอามาแปะดีกว่า

และการที่ทรงมีพระดำรัสเช่นนั้น น่าจะแปลว่า จะทรงนำผ้าเหลืองมาครองเลยโดยไม่ต้องผ่านพิธีอุปสมบทเสียกระมัง

ความหมายของ  เอหิภิกขุอุปสัมปทา  ก็คงเป็นดังที่คุณนวรัตนว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีท่านก็ตรัสดังนั้นจริง ๆ แต่การบรรพชาเป็นไปดังที่คุณนวรัตนว่าหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คุณเทาชมพูกล่าวถึงตอนนี้ไว้ ๒ ครั้ง

"….เสด็จกลับออกไปรับสั่งห้ามว่า  
สิ้นบุญพ่อแล้ว  อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย  พระยาธิเบศร์ พระยารามัญ พระยาอำมาตย์
มิให้สู้อยู่ตายด้วยเจ้าข้าวแดง"

คือห้ามทหารพวกนั้นไม่ให้สู้ตายเพราะเห็นแก่พระคุณเจ้านาย    ทรงถือว่า
"สิ้นบุญท่านแล้วก็อย่าให้ทหารลำบากต้องมาตายแทน"

การที่ทรงตัดสินพระทัยเช่นนี้ ก็ทำให้นักประวัติศาสตร์บางท่านเห็นว่า
พระเจ้าตากมิได้เสียพระจริต  ตรงกันข้ามทรงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร  
และยังมีพระกรุณาต่อข้าแผ่นดินด้วยดีเหมือนเดิม  
แต่บางคนก็ลงความเห็นว่า..เป็นเพราะทรงรู้ว่าอำนาจของพระองค์จบสิ้นลง
ไม่เข้มแข็งได้เหมือนเดิม

พระยาสรรค์เมื่อชนะแล้วก็ไม่ได้ทำอันตราย
แต่ให้นิมนต์พระราชาคณะมาบรรพชาพระเจ้าตาก    
เรียกว่าบวชให้พ้นทางโลกไปเสีย

เรื่องนี้ พระเจ้าตากพอพระทัยมากที่ได้บวช  มิได้เสียดายราชสมบัติ

"ทรงพระสรวล  ตบพระเพลา ว่า เอหิภิกขุลอยมาถึงแล้ว…อยู่ในราชสมบัติ ๑๔ ปี ๔
เดือน ทรงผนวช"

คำว่า "เอหิภิกขุ ลอยมาถึงแล้ว" แปลว่า
การได้บวชโดยง่ายดายไม่มีพิธีรีตองอะไร  
เป็นสิ่งที่ทรงพระประสงค์อย่างยิ่ง  

   พระยาสรรค์เข้ายึดอำนาจเมื่อค่ำวันเสาร์ เดือนสี่  แรม ๑๑ ค่ำ ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๒๔ สู้กันทั้งคืนกับทหารรักษาพระองค์ ตอนเช้าพระเจ้าตากก็ห้ามมิให้ทหารรักษาวังต่อสู้กบฎอีกต่อไป  เป็นอันว่าพระยาสรรค์ยึดเมืองได้วันอาทิตย์ แรม ๑๒ ค่ำ เดือนสี่
   จากนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงให้ไปนิมนต์สมเด็จพระสังฆราช (ชื่น) วัดหงส์ กับพระพิมลธรรม พระรัตนมณี (หรือพระรัตนมุนี) ให้ออกไปเจรจายอมแพ้แก่พวกกบฏ พระยาสรรค์จึงให้พระสมณะทูตกราบทูลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีว่า “ พระคุณเจ้าทั้งสามจงถวายพระพรให้ทรงผนวชเสียสักสามเดือน เพื่อชำระพระเคราะห์เมือง ”
    สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ทรงยอมรับที่จะปฏิบัติตาม      เมื่อทรงทราบว่าจบลงได้ก็ทรงพระสรวล  ตบพระเพลาแล้วตรัสว่า “เอหิภิกขุ มาถึงแล้ว”
    การที่พระองค์ทรงพระสรวล ตบพระเพลาว่า เอหิภิกขุ มาถึงแล้ว สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชวิจารณ์ไว้ว่า “สมสำนวนเจ้ากรุงธนมาก”

    ถ้าให้สันนิษฐานจากหลักฐานข้างบนนี้ก็เห็นได้ว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมิได้ทรงไยดีกับทางโลกอีกต่อไปแล้ว   ใครจะเป็นกบฎ ใครจะรบกับใคร  ไม่อยู่ในพระราชประสงค์อีกต่อไป     ทรงมุ่งจะไปทางธรรมอย่างเดียวเท่านั้น

 ;D


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มี.ค. 12, 10:29
อ้างถึง
ถามคนเขียนคงไม่ได้ ถามคนเอามาแปะดีกว่า

จนบัดนี้ คนเอามาแปะ ก็ยังเอาของคนอื่นมาแปะอยู่ โดยไม่มีคำตอบ

แต่ในเมื่อเอาข้อความของดิฉันมาแปะอย่างลอยๆ อาจทำให้คนอ่านเข้าใจผิดได้    ก็ขอใช้สิทธิ์ที่ถูกพาดพิง ขยายความต่อว่า

"เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเชื่อว่าพระองค์เองบรรลุถึงขั้นพระอริยะ  จนเหาะเหินเดินอากาศได้    ก็ไม่แปลกอะไรที่จะทรงสิ้นความสนใจไยดีสมบัติทางโลก แม้แต่ราชบัลลังก์      ใครจะเป็นกบฎ ใครจะรบกับใคร  ไม่อยู่ในพระราชประสงค์อีกต่อไป     ทรงมุ่งจะไปทางธรรมอย่างเดียวเท่านั้น"


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มี.ค. 12, 10:32
อ้างถึง
ความหมายของ  เอหิภิกขุอุปสัมปทา  ก็คงเป็นดังที่คุณนวรัตนว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีท่านก็ตรัสดังนั้นจริง ๆ แต่การบรรพชาเป็นไปดังที่คุณนวรัตนว่าหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แล้วมีหลักฐานว่าเป็นอื่นไหมครับ

แล้วคำว่า "เอหิภิกขุ ลอยมาถึงแล้ว" มิได้แปลว่า การได้บวชโดยง่ายดายไม่มีพิธีรีตองอะไร  แต่เป็นการบวชโดยทรงมีพุทธวจนะ อนุญาตให้เป็นพระภิกษุสงฆ์ได้เท่านั้น จึงมีได้เฉพาะในสมัยพุทธกาล มิฉะนั้นทุกวันนี้ก็คงมีเอหิภิกขุนับพันนับหมื่นรูป เพราะผู้ที่บวชด้วยศรัทธา จะปฏิบัติตนเพื่อความหลุดพ้นตามวัดป่าต่างๆนั้น ล้วนบรรชาอุปสมบทแบบเรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตรองอย่างใดทั้งสิ้น
 
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงมีความเชื่ออยู่ว่าพระองค์เป็นพระโสดาบัน จะก้มลงกราบพระที่เคยบังคับให้กราบตน ขอให้เป็นอุปปัชฌาย์เห็นจะไม่ ประโยคดังกล่าวจึงแปลเป็นอื่นยาก นอกจากจะแปลว่าทรงอุปโลกย์พระองค์เองเป็นพระ แล้วไปประทับที่วัด

ยิ่งประโยคนี้ยิ่งอันตราย

พระยาสรรค์จึงให้พระสมณะทูตกราบทูลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีว่า “ พระคุณเจ้าทั้งสามจงถวายพระพรให้ทรงผนวชเสียสักสามเดือน เพื่อชำระพระเคราะห์เมือง ” สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ทรงยอมรับที่จะปฏิบัติตาม
 
สามเดือนน่ะแป๊บเดียวนะครับ สันนิฐานไม่ได้เลยว่า  "มิได้ทรงไยดีกับทางโลกอีกต่อไปแล้ว  ใครจะเป็นกบฎ ใครจะรบกับใคร  ไม่อยู่ในพระราชประสงค์อีกต่อไป ทรงมุ่งจะไปทางธรรมอย่างเดียวเท่านั้น"

อย่างที่ผมเขียนไว้ในความเห็นแรก สมเด็จเจ้าพระยาท่านไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 มี.ค. 12, 11:47
จนบัดนี้ คนเอามาแปะ ก็ยังเอาของคนอื่นมาแปะอยู่ โดยไม่มีคำตอบ

ก็ของคนอื่นมีคำตอบอยู่แล้วนี่

ความหมายของ  เอหิภิกขุอุปสัมปทา  ก็คงเป็นดังที่คุณนวรัตนว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีท่านก็ตรัสดังนั้นจริง ๆ แต่การบรรพชาเป็นไปดังที่คุณนวรัตนว่าหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พระยาสรรค์เมื่อชนะแล้วก็ไม่ได้ทำอันตราย
แต่ให้นิมนต์พระราชาคณะมาบรรพชาพระเจ้าตาก   
เรียกว่าบวชให้พ้นทางโลกไปเสีย

เรื่องนี้ พระเจ้าตากพอพระทัยมากที่ได้บวช  มิได้เสียดายราชสมบัติ

"ทรงพระสรวล  ตบพระเพลา ว่า เอหิภิกขุลอยมาถึงแล้ว…อยู่ในราชสมบัติ ๑๔ ปี ๔
เดือน ทรงผนวช"

คำว่า "เอหิภิกขุ ลอยมาถึงแล้ว" แปลว่า
การได้บวชโดยง่ายดายไม่มีพิธีรีตองอะไร 
เป็นสิ่งที่ทรงพระประสงค์อย่างยิ่ง  

 ;D


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 26 มี.ค. 12, 12:33
ส่วนตัวผมไม่เห็นว่า "เอหิภิกขุ ลอยมาถึงแล้ว" เพียงเท่านี้จะสามารถสรุปความหมายไปในทิศทางใดได้ครับ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มี.ค. 12, 13:48
เพ็ญชมพู  ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ วันนี้ เวลา 11:47

อ้างจาก: เทาชมพู ที่  15 ก.พ. 01, 02:10
อ้างถึง
พระยาสรรค์เมื่อชนะแล้วก็ไม่ได้ทำอันตราย แต่ให้นิมนต์พระราชาคณะมาบรรพชาพระเจ้าตาก    
เรียกว่าบวชให้พ้นทางโลกไปเสีย

ขอประทานโทษเถิดครับ ผมตามหาต้นฉบับเต็มๆตามอ้างซึ่งระบุวันที่ข้างต้นไม่เจอ อยากทราบว่าเป็นความเห็นของท่านอาจารย์เทาชมพูเอง หรือเป็นข้อความจากเอกสารโบราณ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มี.ค. 12, 13:52
มาจากกระทู้เก่าของเรือนไทยค่ะ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=338.0;wap2
ไม่ได้เขียนเองค่ะ  แต่จำไม่ได้แล้วว่าเอาหลักฐานมาจากไหน


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 มี.ค. 12, 14:14
เป็นไปได้ว่าคนเหล่านี้ได้โฆษณาว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเสียพระจริต การโฆษณานี้อาจเป็นการโฆษณาสิ่งที่เป็นความจริง หรือเป็นการโฆษณาเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง คือบ่อนทำลายความนับถือของผู้คนที่มีต่อพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ตาม สมัครพรรคพวกของคนเหล่านี้เช่นนายเพง ซึ่งคุมเลกกองนอกอยู่ที่สระบุรี นายบ้านแม่ลากรุงเก่า นายแก้วน้องพระยาสรรค์ เป็นต้น ได้ก่อการกบฏขึ้นก่อนจนนำมาซึ่งเหตุการณ์จลาจลในกรุงธนบุรีเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๓๒๔ เจ้าเมืองนครราชสีมาซึ่งเตรียมตัวในแผนการณ์นี้แล้วก็รีบยกกองทัพลงมาสมทบควบคุมสถานการณ์ในกรุงธนบุรีไว้ก่อน เกิดการแบ่งฝ่ายของขุนนางระหว่างพวกที่ยังจงรักภักดีต่อพระเจ้ากรุงธนบุรีและพวกทีคิดแย่งราชสมบัติ ผลของการรบ ฝ่ายที่แย่งชิงราชสมบัติได้รับชัยชนะและเป็นผู้จบประวัติศาสตร์ของพระเจ้ากรุงธนบุรีทั้งในเหตุการณ์จริงและในพงศาวดาร

 ;D

หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงถูกประหารมาหนึ่งร้อยกว่าปี  ล่วงถึงรัชกาลที่ ๕  พระราชพงศาวดาร หนังสือหนังหาสำคัญทั้งหลายที่เกี่ยวกับบ้านเมือง   ยังถือเป็นเอกสารลับ  ห้ามไม่ให้ราษฎรสามัญอ่าน    ปัญญาชนสามัญชนอย่างนายกุหลาบยังต้องแอบคัดลอกด้วยกลอุบาย บวกกับหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนเผื่อถูกจับตัวได้    แสดงว่าเจ้านายท่านมิได้ถือว่าราษฎรควรรู้เห็นมีส่วนตัดสินใจในเรื่องของบ้านเมือง  ต่อให้ย้อนหลังไปกี่สิบกี่ร้อยปีก็ตาม
ก็ในเมื่อเรื่องของบ้านเมืองและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่  มันเป็นเรื่องลับต่อๆกันมาตั้งแต่แรก  จนหนึ่งร้อยกว่าปีให้หลังก็ยังไม่เลิกเป็นความลับ    ดิฉันก็เลยไม่เชื่อว่านโยบายโฆษณาเผยแพร่ดังที่อาจารย์นิธิตั้งประเด็นไว้นั้น   เป็นวิธีการที่เจ้าพระยาจักรีใช้ตั้งแต่สมัยธนบุรี เพื่อหาคะแนนนิยมจากประชาชน     เพราะนโยบายปลุกระดมมวลชน  มันยังไม่เกิดขึ้นในสมัยนั้น

สภาพสังคมในสมัยอยุธยาตอนปลายและธนบุรี มองประชาชนจำนวนมากๆ ด้วยความหมายเพียงด้านแรงงาน อย่างไพร่หลวงไพร่ สม  ซึ่งใช้ประโยชน์ได้ทั้งยามสงบและยามศึก     วิธีรวมคนก็คือเกณฑ์เอาตัวมาด้วยคำสั่ง    ทำกันต่อเนื่องมาจนรัชกาลที่ ๕  เห็นได้จากกระทู้ประวัติพระยาโบราณราชธานินทร์ที่ท่านต้องหาวิธีจิตวิทยาไปเกลี้ยกล่อมชายฉกรรจ์ที่หนีเกณฑ์กันอุตลุด        สมัยนั้นไม่มีการสร้างกระแส  ไม่มีการระดมมวลชนที่จะมาชี้เป็นชี้ตายเก้าอี้ผู้บริหารประเทศได้  อย่างสมัยนี้ 

การโฆษณานี้ดำเนินการโดย "คนเหล่านั้น" เริ่มแรกก็คงทำนองเดียวกับการปลุกระดมมวลชนนั่นแหละ มวลชนในที่นี้คงไม่ได้หมายถึงราษฎรชาวบ้านทั่วไป หากแต่เป็นผู้ที่คุมกำลังดังที่อาจารย์นิธิอ้างเอาไว้ และสมัครพรรคพวก เพื่อให้เกิดความชอบธรรมที่จะก่อการกบฏขึ้นมา

ผลของการโฆษณาทำให้เกิดความเชื่อ ความเชื่อนี้คงดำรงอยู่ในสังคมขณะนั้น จนถูกบันทึกลงในพงศาวดารโดยผู้ที่อาจจะเป็นผู้เกิดไม่ทันเหตุการณ์ดังที่คุณม้ากล่าวก็เป็นได้

 ;D


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มี.ค. 12, 14:32
อ้างถึง
มาจากกระทู้เก่าของเรือนไทยค่ะ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=338.0;wap2
ไม่ได้เขียนเองค่ะ  แต่จำไม่ได้แล้วว่าเอาหลักฐานมาจากไหน

ขอบคุณครับ ได้ตามไปอ่านแล้ว ใครจะเขียนก็ตามแต่ดูสำนวนก็ทราบว่าเขียนขึ้นในยุคนี้เอง ประโยคที่ว่า แต่ให้นิมนต์พระราชาคณะมาบรรพชาพระเจ้าตาก ไม่ปรากฏมีในเอกสารโบราณชั้นต้นใดๆ

ส่วนตัวผมจึงเห็นว่า "เอหิภิกขุ ลอยมาถึงแล้ว" สามารถสรุปความหมายไปในทิศทางว่าทรงเพี้ยนไปจริงๆไงครับ กษัตริย์ที่เพี้ยนไปจากที่เคยเป็น ไม่ว่าชาติไหนก็คงจะรักษาพระราชอำนาจไว้ไม่ได้ ไม่ต้องปลุกระดมหรอกครับ ใครมีอำนาจรองลงมาก็ทำรัฐประหารได้ โดยชอบธรรม(ของยุคนั้น)อยู่แล้ว



กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 26 มี.ค. 12, 14:34
เรื่องที่ว่าความเชื่อนี้อยู่ในสังคมในเวลาหลังจากนั้น (ซึ่งอาจจะเฉพาะสังคมชั้นสูงก็ได้)  ข้อนี้หลักฐานมียืนยันอยู่ อย่างน้อยก็ในพงศาวดารฉบับต่างๆ และจดหมายเหตุกรมหลวงนรินทรซึ่งทรงนิพนธ์ขึ้นอย่างเร็วก็ พ.ศ.๒๓๘๑ หลังเหตุการณ์นี้นานถึงสี่สิบกว่าปีแล้ว

แต่เรื่องที่ว่ามีการโฆษณาชวนเชื่อว่าพระเจ้าตากเสียจริต ผมยังไม่เคยได้เห็นใบปลิว หรือหลักฐานอื่นใดแม้แต่อย่างเดียวที่บ่งชี้เรื่องนี้เลยครับ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 26 มี.ค. 12, 14:44
เรื่องการอ้างความชอบธรรมในการทำรัฐประหาร ผมมองว่าเป็นเรื่องเชิงสัญญลักษณ์เสียมากกว่า เพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย

ในสมัยอยุธยาตอนปลายเกิดศึกกลางเมือง แย่งราชสมบัติกันออกจะครึกโครม ไม่เห็นจำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรเลย เป็นเรื่องของอำนาจล้วนๆ และหากเราละวางมุมมองอย่างคนปัจจุบันลง เราจะเห็นได้ว่าการชิงราชบัลลังก์เป็นสิ่งสำคัญในระบอบราชาธิปไตยที่จะรับประกันว่าผู้ปกครองจะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยนั้นๆ

ชาติที่เคร่งครัดอยู่กับเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ ก็จะเห็นได้อย่างจีนที่ฮ่องเต้หลายยุคสมัยกลายเป็นแค่หุ่นเชิด หรือญี่ปุ่นที่จักรพรรดิ์เป็นหุ่นเชิดสืบเนื่องต่อกันนับได้เป็นร้อยๆปีครับ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มี.ค. 12, 14:55
อ้างถึง
เรื่องการอ้างความชอบธรรมในการทำรัฐประหาร ผมมองว่าเป็นเรื่องเชิงสัญญลักษณ์เสียมากกว่า เพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย

มันเป็นแนวคิดทางการเมืองของคนในปัจจุบันไงครับ

จึงมีบางกลุ่มที่รู้ว่าไม่เกี่ยว แต่ก็จะนำมาเกี่ยวให้ได้ เพราะกิเลศทางการเมืองของนาย


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 มี.ค. 12, 15:00
แต่เรื่องที่ว่ามีการโฆษณาชวนเชื่อว่าพระเจ้าตากเสียจริต ผมยังไม่เคยได้เห็นใบปลิว หรือหลักฐานอื่นใดแม้แต่อย่างเดียวที่บ่งชี้เรื่องนี้เลยครับ

เรื่องใบปลิวหรือหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร ก็คงจะต้องละมุมมองอย่างคนปัจจุบันลงเช่นกัน ในสมัยนั้นการโฆษณาโดยคำพูด คำบอกเล่าน่าจะได้ผลที่สุด

ในสมัยอยุธยาตอนปลายเกิดศึกกลางเมือง แย่งราชสมบัติกันออกจะครึกโครม ไม่เห็นจำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรเลย เป็นเรื่องของอำนาจล้วนๆ และหากเราละวางมุมมองอย่างคนปัจจุบันลง เราจะเห็นได้ว่าการชิงราชบัลลังก์เป็นสิ่งสำคัญในระบอบราชาธิปไตยที่จะรับประกันว่าผู้ปกครองจะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยนั้นๆ

เรื่องนี้ตรงกับความเห็นของอาจารย์นิธิ

การแย่งชิงราชสมบัตินั้นเป็นกลไกสำคัญชิ้นหนึ่งที่มีอยู่ประจำในระบบการเมืองการปกครองของไทยแต่โบราณ และเหมือนกับกลไกชิ้นอื่น ๆ ย่อมมีหน้าที่ในอันที่จะจรรโลงให้ระบบนั้นตั้งอยู่และดำเนินต่อไปได้ เพราะการชิงราชสมบัติคือการเลือกสรรตามธรรมชาติในหมู่ชนชั้นสูงของประเทศไทย ในอันที่จะได้บุคคลที่เข้มแข็งมีความสามารถ และได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นนำเป็นกลุ่มก้อนมาไว้เป็นผู้สืบทอดอำนาจทางการเมือง ในระบบการเมืองการปกครองที่ให้ความสำคัญแก่พระเจ้าแผ่นดิน ทั้งในฐานะผู้บริหารองค์กรที่มีอำนาจเด็ดขาดทางนิติบัญญัติ และเป็นศาลสูงสุดของประเทศดังเช่นที่ใช้ในประเทศไทยมาในอดีตเช่นนี้ นโยบายที่ไม่ได้ผล ที่ไม่เป็นธรรม กฎหมายที่กดขี่ การคลังที่ล้มเหลว ฯลฯ จะเปลี่ยนได้อย่างไร หากพระเจ้าแผ่นดินไม่สวรรคตหรือเชื้อสายของพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ถูกขจัดออกจากการกุมอำนาจ การแย่งชิงราชสมบัติจึงเป็นคำตอบที่ดีของการควบคุมรัฐบาล เบื้องหลังการแย่งราชสมบัติทุกครั้ง คือเรื่องราวของการประนีประนอมผลประโยชน์ของกลุ่มต่าง ๆ การให้คำสัญญาถึงสิ่งที่ดีกว่า และการปรับปรุงตัวเพื่อเผชิญปัญหาของบ้านเมือง ไม่ว่าในระบบการเมืองใด ๆ การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ย่อมเป็นสิ่งจำเป็น และมีกลไกสำหรับการกระทำเช่นนั้นทั้งสิ้น การแย่งราชสมบัติในระบบการเมืองไทยก็เป็นกลไกอย่างหนึ่งจำเป็นต้องมีสำหรับการปรับตัว

 ;D



กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 26 มี.ค. 12, 15:18
ก่อนจะไปต่อ อาจจะต้องแจงให้ชัดก่อนว่าเราคุยกันเรื่องอะไรกันอยู่นะครับ

ประเด็นแรก ประเด็นการใช้ประวัติศาสตร์เพื่อรับใช้การเดินเกมทางการเมืองในปัจจุบันของคนบางกลุ่ม เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม เรื่องราวจะสั้นอย่างที่ได้ปรากฏอยู่ในตอนต้นของกระทู้นี้ ซึ่งผมถือว่าน่าจะจบไปแล้วครับ เพราะเป็นการบอกเล่ากันอย่างล่องลอยมาก

ประเด็นที่สอง ที่เราคุยกันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งหากไม่นับแนวโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองอย่างในประเด็นแรกแล้ว ผมเห็นว่าแนวคิดจากงานศึกษาของอ.นิธิเป็นแนวคิดที่โดดเด่นและแพร่หลายอยู่ในขณะนี้ ผมขอถือว่าคุณเพ็ญชมพูกำลังสวมบทบาท defend แนวคิดของอ.นิธิเพื่อให้เราวิพากษ์กันอยู่นะครับ



เรื่องใบปลิวหรือหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร ก็คงจะต้องละมุมมองอย่างคนปัจจุบันลงเช่นกัน ในสมัยนั้นการโฆษณาโดยคำพูด คำบอกเล่าน่าจะได้ผลที่สุด

ข้อนี้ฟังดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องโฆษณาชวนเชื่อ เรื่องไหนเป็นเรื่องที่เป็นความคิดเห็นจากประสบการณ์ตรงของผู้บันทึก โดยเฉพาะบาทหลวงฝรั่งเศสที่บอกเล่าเรื่องราวจากการที่ได้สนทนากับพระเจ้าตากโดยตรง ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่ออย่างแน่นอน

ผมจึงเห็นว่า การระบุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโฆษณาชวนเชื่อ ข้อสนับสนุนเป็นเรื่อง speculation ล้วนๆ ในขณะที่ข้อแย้งนั้นเป็นหลักเป็นฐานให้เห็นครับ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: vasu ที่ 27 มี.ค. 12, 21:03
 การศึกษาประวัติศาสตร์ ในเรื่องการเมือง การปกครอง ทุกสมัยน่าจะได้ข้อยุติที่ว่า ถ้าพระมหากษัตริย์ ขุนศึก คหบดี อยู่ในศีลธรรม ไพร่ฟ้าประชาชนก็อยู่เย็นเป็นสุข แต่ถ้า ทั้งสามฝ่าย หรือ สองฝ่าย รวมกัน ไม่เกรงกลัวและละอายต่อบาปแล้ว ก็จะเข้าสู่ทุรยุค ทุกคราวไป


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: บัวรัศมี สีทอง ที่ 29 มี.ค. 12, 23:50
พระเจ้าตากสินทรงกู้ชาติไทย  ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม   พระองค์ท่านไม่สมควรถูกประหารชีวิต   ประวัติศาสตร์ถูกเขียนไว้อย่างไรก็ตามแต่ ก็บอกว่า "ไม่เชื่อข้อเท็จจริงทั้งหมด"   และพูดสั้นๆ ว่า  "รักและเคารพต่อพระเจ้าตากสินมหาราช" 


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: ศิณาวรรณ ที่ 30 มี.ค. 12, 18:55
มีแท่นหินที่วัดปทุมคงคา เขตสัมพันธวงค์ กทม มีประวัติว่าใช้เป็นที่สำเร็จโทษเจ้านายที่กระทำความผิด
มีเตียงหินที่วัดอรุณราชวราราม - วัดแจ้ง เมื่อ 50 ปีก่อนตอนผมเป็นเด็ก ตั้งอยู่ที่ราวระฆังข้างโบสถ์
เดี๊ยวนี้ย้ายมาอยู่หน้าประตู - กำแพงเข้าพระอุโบสถ เมื่อตอนผมเป็นเด็กมีผู้ใหญ่บอกว่าเป็นที่สำเร็จ
โทษ - ความผิด ของพระเจ้าตาก เท็จจริงเป็นอย่างไร เหมือนกับที่วัดปทุมคงคาหรือเปล่า


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: Diwali ที่ 31 มี.ค. 12, 01:45
อืม.....


แค่เข้ามาส่งเสียงว่า ยังอยู่นะครับ


ตอนนี้ยังไม่มีความคิดเห็น
 ;D ;D ;D ;D


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 มี.ค. 12, 19:12
มีแท่นหินที่วัดปทุมคงคา เขตสัมพันธวงค์ กทม มีประวัติว่าใช้เป็นที่สำเร็จโทษเจ้านายที่กระทำความผิด
มีเตียงหินที่วัดอรุณราชวราราม - วัดแจ้ง เมื่อ 50 ปีก่อนตอนผมเป็นเด็ก ตั้งอยู่ที่ราวระฆังข้างโบสถ์
เดี๊ยวนี้ย้ายมาอยู่หน้าประตู - กำแพงเข้าพระอุโบสถ เมื่อตอนผมเป็นเด็กมีผู้ใหญ่บอกว่าเป็นที่สำเร็จ
โทษ - ความผิด ของพระเจ้าตาก เท็จจริงเป็นอย่างไร เหมือนกับที่วัดปทุมคงคาหรือเปล่า

สมเด็จพระเจ้าตากสินไม่ได้ถูกประหารที่วัดอรุณฯ  คงไมใช่มั้งคะ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 31 มี.ค. 12, 20:32
มีแท่นหินที่วัดปทุมคงคา เขตสัมพันธวงค์ กทม มีประวัติว่าใช้เป็นที่สำเร็จโทษเจ้านายที่กระทำความผิด
มีเตียงหินที่วัดอรุณราชวราราม - วัดแจ้ง เมื่อ 50 ปีก่อนตอนผมเป็นเด็ก ตั้งอยู่ที่ราวระฆังข้างโบสถ์
เดี๊ยวนี้ย้ายมาอยู่หน้าประตู - กำแพงเข้าพระอุโบสถ เมื่อตอนผมเป็นเด็กมีผู้ใหญ่บอกว่าเป็นที่สำเร็จ
โทษ - ความผิด ของพระเจ้าตาก เท็จจริงเป็นอย่างไร เหมือนกับที่วัดปทุมคงคาหรือเปล่า

สมเด็จพระเจ้าตากสินไม่ได้ถูกประหารที่วัดอรุณฯ  คงไมใช่มั้งคะ

พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี กล่าวไว้ว่า

"เมื่อนำแคร่หามไปพร้อมกับสังขลิกพันธนาการ.....หามออกไปนอกพระราชวัง ถึงหน้าป้อมวิไชยประสิทธิ์ ก็ประหารชีวิต ตัดศีรษะเสียถึงแก่พิราลัย รับสั่งให้นำศพไปฝังไว้ที่วัดบางยี่เรือใต้"
จะเห็นว่าเป็นการประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะและจำ ๕ ประการอย่างธรรมเนียมเจ้านาย มิได้ประหารด้วยการหุ้มผ้าแดง กระทุ้งด้วยไม้จันทน์


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: ศิณาวรรณ ที่ 06 เม.ย. 12, 17:58
กระทู้ "พระเจ้ากรุงธนฯ" กับกระทู้ "วังหลัง" ถ้าจะแยกกันเพื่อให้ได้รายละเอียด
ในแต่ละกระทู้ อย่างพิสดาร ก็ว่าได้ แต่ถ้าจะอ่านรวมทั้งสองกระทู้ เพื่อให้ได้ราย
ละเอียดเพิ่มเติมให้เป็นที่พิสการก็ว่าได้หมือนกัน


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 เม.ย. 12, 20:32
กระทู้ทั้งสองนั้นเกิดกันคนละครั้ง  จากผู้ตั้งคนละคน   เนื้อความไปๆมาๆ ก็โยงถึงกันไปเองเพราะเป็นเหตุการณ์ยุคเดียวกันค่ะ


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ธ.ค. 19, 10:35
๒๘ ธันวาคม วันคล้ายวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ร่วมรำลึกถึงพระผู้กู้แผ่นดิน


https://youtu.be/m-nJC4HJvoU


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 พ.ย. 22, 16:35
พระเจ้าตากสินทรงกู้ชาติไทย  ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม   พระองค์ท่านไม่สมควรถูกประหารชีวิต   ประวัติศาสตร์ถูกเขียนไว้อย่างไรก็ตามแต่ ก็บอกว่า "ไม่เชื่อข้อเท็จจริงทั้งหมด"   และพูดสั้นๆ ว่า  "รักและเคารพต่อพระเจ้าตากสินมหาราช"  

๖ พฤศจิกายน ร่วมรำลึกวันกอบกู้เอกราชไทย

https://youtu.be/Ah_ee-UZk2E


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ธ.ค. 23, 13:35
๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ร่วมรำลึกถึงพระผู้กู้แผ่นดิน

๏ พระตรีญาณประเวศด้วย   นรชน
เห็นทุกข์เมทนีดล        แด่ขว้ำ
ยลสาสนพระพุทธพล   โรยร่อย
หวังช่วยเชิดชูปล้ำ      ปลุกให้คงเกษม ฯ

๏ ฝูงทวยราษฎร์ทั้ง     พสุธา
มาพึ่งบารมีมา           มากพร้อม
ภักดีอยู่ถนอมบา        ทุการาช
บาทพระเปนมกุฎย้อม  โลกให้คืนเกษม ฯ

โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี (https://vajirayana.org/โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี/โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี)
นายสวน มหาดเล็ก แต่งถวายเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๔



กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ธ.ค. 23, 15:39
 :)


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ธ.ค. 23, 10:35
ย้อนกลับไป ในความคิดเห็นที่ ๔๑ (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5011.msg102658#msg102658) และ ๔๔ (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5011.msg102671#msg102671) อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนไว้ในบทความเรื่อง "จากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีถึงสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ" ของ อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ เกี่ยวกับพระอาการทางจิต "สัญญาวิปลาสจริงหรือเท็จ ?"

ใน พ.ศ. ๒๕๖๖ คุณสมฤทธิ์ ลือชัย” ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมภูมิภาคอุษาคเนย์ มาช่วยไขปริศนา "พระเจ้าตาก 'บ้า' จริงหรือ !? "

https://youtu.be/XKZelTVXGFA


กระทู้: การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ธ.ค. 23, 11:35
ส่วนทฤษฎีอื่นๆ เช่นสมเด็จพระเจ้าตากสินมิได้ถูกประหารจริง แต่ไปผนวชอยู่นครศรีธรรมราช     สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงวางอุบายเพื่อหลบเลี่ยงหนี้สินที่ไปกู้เงินจีนมาแล้วไม่สามารถชำระได้ เลยคบคิดกับสมเด็จเจ้าพระยาฯ สร้างแผนหลอกๆ เพื่อเปลี่ยนแผ่นดินจะได้หมดหนี้ ฯลฯ

ทฤษฎีสมคบคิดเรื่องนี้ คุณสมฤทธิ์ ลือชัย ช่วยไขปริศนาไว้เช่นกัน ;D

https://youtu.be/MSsvNNZ6w_Y