มีเกร็ดนิดหน่อย เกี่ยวกับพระยาศรีสิทธิสงคราม
http://www.thaioctober.com/forum/index.php?action=printpage;topic=575.0กุหลาบ สายประดิษฐ์
เขียนถึงพระยาศรีสิทธิสงคราม
(ดิ่น ท่าราบ)
วันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๘๔
.
.............................
พระยาศรีสิทธิสงคราม
เมื่อได้กล่าวขวัญถึงพระยาศรีสิทธิสงครามในตอนนี้แล้ว ผู้เขียนก็ใคร่จะบรรยายข้อความเกี่ยวกบพระยาศรีสิทธิสงครามสักเล็กน้อย ตามที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า พอพระยาศรีสิทธิสงครามได้ทราบข่าวในตอนเช้าวันที่ ๒๔ มิถุนายนว่า คณะนายทหารได้ก่อการปฏิวัติขึ้น ก็ได้รีบออกจากบ้านตรงไปยังบ้าพระยาพหลฯนั้น ก็ด้วยหมายใจจะไปปรึกษาทางหนีทีไล่กับปิยมิตรของตน โดยที่นับแต่พระยาศรีฯได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมมือในการปฏิวัติ และพระยาศรีฯมิได้ตอบตกลงปลงใจไปประการใด ทั้งต่อมาพระยาพหลฯก็มิได้เอ่ยเรื่องนี้อีกเลย เหตุนั้นเองพระยาศรีฯจึงไม่คาดคิดว่า พระยาพหลฯจะเข้าร่วมการปฏิวัติเสียเอง
เมื่อพระยาศรีฯ มาที่บ้านพระยาพหลฯในเช้าวันนั้น และไม่พบพระยาพหลฯ ทั้งไต่ถามเรื่องราวจากภริยาของท่านนายพันเอกก็ไม่ได้ความว่าพระยาพหลฯพระยาพหลฯไปไหน พระยาศรีฯจึงร้อนใจใคร่จะพบปรึกษาหารือกับพระยาพหลฯ จนกระทั่งบ่ายจึงได้ทราบข่าวว่า พระยาพหลฯเป็นผู้นำในการปฏิวัติ พระยาศรีฯจึงค่อยคลายใจจวบจนเวลาเย็นพระยาศรีฯจึงได้กลับไปสู่บ้าน
ฝ่ายทางพระยาพหลฯนั้น เมื่อยึดอำนาจการปกครองได้เรียบร้อยแล้ว ก็สั่งให้คนไปตามพระยาศรีสิทธิสงคราม ผู้ได้รับคำสั่งได้ติดตามทั้งที่บ้านและที่ทำงานก็ไม่ได้ตัว เพราะว่าในระหว่างนั้น พระยาศรีฯไปอยู่เสียที่บ้านพระยาพหลฯ ซึ่งพระยาพหลฯก็คาดไม่ถึง การที่พระยาพหลฯให้คนไปตามพระยาศรีฯเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพระยาศรีฯรับว่าจะร่วมมือบริหารราชการบ้านเมืองตามระบอบใหม่แล้ว ก็ได้เสนอให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนฯในชุดเริ่มสถาปนาระบอบใหม่คนหนึ่ง และจะได้ขอให้ชวยราชการต่อไป แต่เมื่อตามตัวไม่พบแล้ว พระยาพหลฯก็มิได้เสนอนามพระยาศรีฯจเต็มใจร่วมมือหรือไม่
อยู่ต่อมาอีก ๒ – ๓ วัน ภายหลังที่ได้แต่งตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว พระยาศรีฯได้ขอให้ภริยาหัวหน้าคณะราษฎรนำตัวมาพบกับท่านหัวหน้าคณะราษฎรที่พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อได้สนทนปราศรัยและซ้อมความเข้าใจกันดีแล้ว พระยาศรีฯก็กลับไป ภายหลังพระยาศรีฯได้ถูกย้ายจากตำแหน่งราชการทหารมารับตำแหน่งราชการทางกระทรวงธรรมการ อยู่มาจนกระทั่งพระยาพหลฯ พร้อมด้วยนายทหารอีก ๓ นายลาออกจากคณะรัฐบาล เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๔๗๖ ด้วยมีเรื่องขัดใจกับพระยามโนฯ พระยามโนฯหวังจะเอาพระยาศรีฯเป็นกำลังต่อไป จึงได้แต่งตั้งพระยาศรีฯดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ในวันที่พระยาศรีฯจะไปรับมอบหมายงานที่กระทรวงกลาโหมนั่นเอง พระยาพหลฯก็นำคณะยึดอำนาจการปกครองจกพระยามโนฯเป็นคำรบสอง เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พระยาศรีฯจึงไม่ได้รับตำแหน่งนั้น
อย่างไรก็ดี พระยาพหลฯและหัวหน้าบางคนในคณะของท่านก็ใคร่จะได้พระยาศรีฯปช่วยราชการเหมือนกัน พระยาพหลฯจึงได้ทำความเข้าใจกับพระยาศรีฯ ว่าการที่ไมได้จัดการให้พระยาศรีฯได้รับตำแหน่งทางการทหารในเวลานั้นก็เป็นด้วย เมื่อได้ผลัดเปลี่ยนรัฐบาลใหม่และเป็นในยามมืดมนอนธการเช่นนี้ เพื่อให้คนทั้งปวงมีความเชื่อมั่นในความสงบของบ้านเมือง ตำแหน่งสำคัญ ๆ ทางราชการทหาร จำต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงไปด้วย ขอให้พระยาศรีฯอยู่ในความสงบไปพลางก่อน ต่อผ่านระยะแห่งความยุ่งยากไปแล้วก็จะได้จัดการให้พระยาศรีฯ ได้รับตำแหน่งในราชการทหารสืบไป ทั้งนี้มีความรู้สึกฉันมิตรอันจริงใจของพระยาพหลฯและนายทหารชั้นหัวหน้าของคณะผู้ก่อการบางคนที่มีต่อพระยาศรีสิทธิสงคราม
อย่างไรก็ดี พระยาศรีฯ คงมีความเข้าใจผิดคิดว่าปิยมิตรไม่ไว้วางใจในตนเสียแล้ว ก็คงจะมีความโทมนัสใจ และประกอบกับคงจะมีความข้าใจผิดในคติการเมืองของคณะราษฎรในบางปะการ จึงเป็นเหตุบันดาลให้พระยาศรีฯไปร่วมมือกับพระองค์เจ้าบวรเดช ก่อการกบฏต่อรัฐบาลคณะราษฎรขึ้น จนถึงได้นำทหารหัวเมืองมาทำยุทธการกับเหล่าทหารของรัฐบาลคณะราษฎรขึ้น ในที่สุดฉากแห่งชีวิตของท่านนายพันเอกผู้นี้ปิดลงด้วยการสู้รบจนถึงแก่ความตายในสมรภูมิสมเยี่ยงชาติทหาร