เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: bookaholic ที่ 22 พ.ค. 02, 13:38



กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: bookaholic ที่ 22 พ.ค. 02, 13:38
 ขอลองตั้งกระทู้ครับ จะล่มซะอีกหรือเปล่ายังไม่รู้

ใครรู้จักวัดปทุมมั่งครับ
ถ้าไม่รู้จัก   นัดเจอกันที่สยามดิสคัฟเวอรี่  ง่ายดี    
หรือจะไปรอผมที่สยามเซนเตอร์ก็ได้

จากตรงนั้นสมมุติว่าเราจะเดินไปเวิร์ลเทรดด้วยกัน   ก็พากันยกกลุ่มเดินผ่านโรงแรมสยามอินเตอร์
พ้นจากนั่นปั๊บ ก็คือวัดปทุมวนาราม    ตะนี้สังเกตเห็นยังครับ   มีวัดอยู่ตรงนี้วัดนึง

ผมเคยเข้าไปนั่งเล่นในวัดนี้สมัยเรียน เพราะร.ร.เก่าอยู่ไม่ไกล  เดินไปก็ถึง   เป็นวัดเงียบๆ ไม่ค่อยมีคน   สบายดีมีต้นไม้ใหญ่  ไม่ค่อยร้อน

ถ้าใครนั่งยานเวลาของโดเรมอนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 4 จะพบว่าตรงสยามเซนเตอร์กับรอบๆแถวนั้นเป็นทุ่งนาสลับป่านอกกำแพงเมือง   จะเหมือนปี 2002 ก็ตรงมีคลองแสนแสบ ซึ่งขุดแล้วตั้งแต่รัชกาลที่ 3  

สมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงสถาปนาวัดนอกกำแพงเมือง เป็นวัดฝ่ายธรรมยุต ขึ้น 2 วัดคือวัดบรมนิวาส   กับวัดปทุมวนาราม  บางทีก็เรียกว่าวัดสระปทุมหรือวัดสระ เฉยๆ
วัดปทุมวนารามสมัย 150 กว่าปีก่อน เป็นวัดป่า รอบๆมีสระบัว เกาะและละเมาะไม้ครึ้ม   พระเจ้าอยู่หัวโปรดที่จะเสด็จประพาสมาแถวนี้ เพื่อสำราญพระอิริยาบถ  

มีผู้คนอาศัยอยู่นอกกำแพงเมืองน้อยมาก   เพราะการคมนาคมยังลำบาก     ชาวบ้านแถวสยามเซนเตอร์และสยามสแควร์เป็นพวกลาวล้านช้างซึ่งถูกกวาดต้อนมาในรัชกาลที่ 3 หลังชนะศึกเจ้าอนุวงศ์แล้ว
(ก็ศึกวีรกรรมย่าโมอ่ะครับ)

สมัยโน้นตรงข้ามกับสมัยนี้    ถ้าเจ้านายของบ้านเมืองสมัยก่อนเกิดมาเห็นว่าสมัยนี้ กว่าจะเข้าไปในอีกประเทศนึงได้  ต้องขอวีซ่า สเตทเม้นท์จากแบ๊งค์  ทรานสคริป   เผลอๆสัมภาษณ์ที่สถานทูตกันแทบปางตาย แล้วไม่ให้ไปซะอีก  ท่านคงหัวร่อกันฟันหัก

เพราะสมัยท่าน  ชอบนักหนาให้คนจากอีกดินแดนเข้ามาในอยู่อาณาจักรของตัว   ก็ไม่ค่อยจะมีใครอยากมา  
ต้องไปทำศึก พอชนะ ก็ออกเพอมาเน้นท์วีซ่าฟรี แถมกรีนคาร์ด   เอาประชาชนในดินแดนที่แพ้สงคราม มาอยู่กับตัวด้วย   ให้ทำมาหากินไปชั่วลูกหลานไม่ต้องกลับบ้านเดิม  

สมเด็จพระจอมเกล้าฯทรงสร้างวังเล็กๆชื่อวังสระปทุมไว้บริเวณนี้  พร้อมคลองระบายให้น้ำเข้าชื่อคลองอรชร   พระราชทานนามว่าตำบล
ปทุมวัน  
ส่วนวัด  ทรงสร้างพระราชทานสมเด็จพระเทพศิรินทราฯ  พระมเหสี

วัดนี้มีเจ้าอาวาสคนแรกเป็นชาวล้านช้าง  เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านแถวนั้นเป็นอย่างดี
ที่สำคัญใครชอบศิลปะไทย  ควรดูภาพผนังโบสถ์  วาดด้วยศิลปินสมัยรัชกาลที่ ๔  เป็นภาพสะท้อนให้เห็นความเป็นอยู่ สมัยนั้น
ที่สำคัญหาได้ที่เดียวคือเรื่องราวของศรีธนนไชยเชียงเมี่ยง   วาดเอาไว้ครับ
เป็นสื่อความเข้าใจระหว่างวัดกับชาวบ้านได้ดี เพราะเรื่องนี้ล้านช้างรู้จักกันมาแต่เดิม

ฝีมือวาดภาพของศิลปิน  แตกต่างจากสมัยรัชกาลที่ ๓   ตรงที่เริ่มเห็นเค้าศิลปะตะวันตกกลายๆ
มีรูปตึกแบบฝรั่ง ทหารฝรั่ง เรือสำเภาฝรั่งเข้ามาปะปนในบ้านเรือนและผู้คนไทยๆ
อีกอย่างคือเริ่มใช้ perspective มีภาพระยะใกล้ไกลขึ้นมาหน่อยๆแบบฝรั่ง
ภาพยังค่อนข้างดีไม่ชำรุดมากนัก สีสันยังสวย   ถ้าสนใจศิลปะไทยก็หาโอกาสไปชมกันบ้างนะครับ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 04 พ.ค. 02, 22:17
 ขอบคุณค่ะ  เคยทำงานแถวๆ นั้นเกือบสองปี  ผ่านหน้าวัดนี้ไปมาทุกเช้าเย็น  แต่ไม่เคยแวะเข้าไปเลยค่ะ  แหะๆ  


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 05 พ.ค. 02, 00:36
ตามมาอ่านเจ้าค่ะ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 05 พ.ค. 02, 07:05
 ยินดีที่ได้เจอคุณบุ๊ค(จะให้เรียกเฮียบุกแหลกดีมั้ยเนี่ย เหอๆๆ)ที่เรือนไทยค่ะ

ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังค่ะ  ทำให้เข้าใจชื่อสถานที่ต่างๆแถวนั้นได้ดีขึ้น  เพราะเคยเรียนหนังสือแถวๆนั้น  เค้าเรียกตึกอรชร  เพิ่งมาโยงเข้ากันนี่เองว่า  คงตั้งตามชื่อคลอง(ที่หายไปแล้ว)นั่นเอง


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: bookaholic ที่ 05 พ.ค. 02, 17:24
 มีครูมาฟัง เล่นเอาเย็นวาบๆไปตามสันหลัง
คุณพวงร้อย  บุกดีครับ แต่แหลก แหะๆ ไม่ค่อยดี
คลองอรชร เคยอยู่ริมถนนอังรีดูนังต์หรือไงเนี่ยละครับ แต่ไม่เหลือรอยมานานแล้ว

ใกล้ๆวัดเคยมีวังของกรมขุนเพชรบูรณ์ พระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๕ แต่ว่ารื้อไปแล้วครับ  เจ้านายพระองค์นี้สำเร็จดนตรี เล่น Harp จากอังกฤษ
แต่พระชนม์สั้นราวๆ ๓๐ ได้   เราเคยไม่ค่อยรู้เรื่องราวท่านเท่าไหร่


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: อำแดงริน ที่ 05 พ.ค. 02, 20:23
 คลองน่าจะอยู่ริมถนนอังรีดูนังต์นะคะ
แต่ไม่ทันเห็นค่ะ ตอนไปอยู่แถวนั้น ยังทันแค่ตึกอรชร
แต่ก็ใกล้รื้อแล้ว  


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 06 พ.ค. 02, 14:48
 วังของกรมขุนเพชรบูรณ์ฯ เคยอยู่บริเวณที่เป็นเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ปัจจุบันค่ะ หลังจากรื้อตัวตำหนักออกแล้ว พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา พระธิดาในกรมขุนเพชรบูรณ์ฯก็โปรดให้ย้ายตัวตำหนัก 3 หลังไปปลูกใหม่ที่ถนนงามวงศ์วานซอย 2 ค่ะ เรียกกันว่าตำหนักประถม หลังจากที่พระองค์หญิงสุทธสิริโสภาสิ้นพระชนม์ไป ตำหนักประถมก็ตกทอดเป็นของม.ร.ว.สุนิดา กิติยากร พระธิดาในพระองค์หญิงสุทธสิริโสภา ฮาร์พจุฑาธุชจากอังกฤษก็เก็บรักษาไว้ที่ตำหนักประถมเช่นกัน

เดือนมกราคมของทุกปี คุณหญิงสุนิดาจะจัดงานตำหนักประถม และเปิดให้ผู้คนได้เข้าชมตำหนักทั้งสามหลังรวมทั้งฮาร์พจุฑาธุชด้วยค่ะ

คุณ book นำเที่ยววัดปทุมวนารามอยู่ดีๆ ดิฉันพาเลาะไปไกลถึงงามวงศ์วานซะแล้ว


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: bookaholic ที่ 06 พ.ค. 02, 21:47
 อยากไปงามวงศ์วานซะแล้วดิครับ
กรมขุนเพชรบูรณ์ จำได้แต่พระนามเดิม   เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก   ผมไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเจ้านายพระองค์นี้
สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๖ หรือเปล่าครับ    จำได้แต่ว่าพระเจ้าน้องยาเธอสิ้นกันรวดเร็วมาก ตามๆกันไปถึง ๖ พระองค์ในรัชกาลที่ ๖
ผมเคยดู เอ๊ะ ฟังดิ   ฟัง Harp เพราะมากครับ   เดี๋ยวนี้ยังมีใครไปเรียนอีกหรือเปล่าน้อ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 07 พ.ค. 02, 00:13
 ขอโทษครับ มาสายไปหน่อย อ้าวเพิ่งตามมาทันวัดปทุม จะไปฟังดนตรี ที่งามวงศ์วานกันซะแล้วเหรอขอรับ
เอ่อ คำถามครับ Harp นี่หน้าตาเป็นยังไงหรือเป็นเครื่องดนตรีแบบไหนเหรอขอรับ
ผมมาช้าไปหน่อยเพราะคุณบุ๊ค แกเล่นนัดแถวสยามผมเดินไปแถวนั้นทีไร หลงทุกที เดินไม่ถูก ตามันลายไปหมด มองซ้ายมองขวาจนเมื่อยคอ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 07 พ.ค. 02, 06:02
 one of my friend at school is playing harp ka - she was about 5 ft tall - don't ask me how she manged to get to the lowest note

it's very hard instrument (and expensive) so, at a guess, I think that's why it's not such a popular instrument ka. although it sounds gorgeous :)


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 07 พ.ค. 02, 06:15
 Welcome krab Khun Book.



I guess you can call harp "Pin Farang" krab Khun Pranai. It's a string instrument, a BIG one.


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 07 พ.ค. 02, 09:04
มีรูป Harp มาฝากคุณพระนายค่ะ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ค. 02, 09:30
คุณทองรักมี harp หลายแบบดูเพลินเลยค่ะ
ดิฉันมีภาพคนเล่นharp มาเสริมอีกทีค่ะ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ค. 02, 09:31

เวลาออกวง ก็จะแต่งตัวโก้แบบนี้


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 07 พ.ค. 02, 10:05
 รูปหนุ่มกับ Harp ของคุณเทาชมพูรูปหลังนี่ดูเท่จังค่ะ สงสัยคงเพราะเธอตัวสูงเกือบเท่า Harp กระมังคะ
ทองรักเคยอ่านบทความในนิตยสาร "ดิฉัน" ฉบับหนึ่งเมื่อนานมาแล้วค่ะ เขาบอกว่าในเมืองไทยตอนนี้มีคนเล่น Harp เป็นประมาณ 2-3 คน ถ้าจำไม่ผิดคนหนึ่งเป็นทหารเรือค่ะ  
นี่ถ้าคุณ Book กลับมาอีกรอบนึงจะต้องงงแน่เลย ที่เราพากระทู้เธอเดินเรื่อยเปื่อยออกนอกวัด ไปเข้าวัง แล้วก็วกกลับมาที่วง (ดนตรี) ซะแล้ว    


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: ฟ้าฝัน ที่ 07 พ.ค. 02, 10:34
 โอ้.Harp นี้ใหญ่ขนาดนี้เลยหรือค่ะ ในหัวของฟ้าฝันเห็นเครื่องดนตรีลักษณะนี้แต่มีขนาดเล็กกว่าประมาณครึ่งหนึ่งนะคะ และมีนางเงือกเป็นคนเล่น ภาพมันอยู่ในหัวนะคะจำไม่ได้แล้วว่าเห็นจากไหน....วันหลังเห็นทีจะลองเข้าวัดปทุมฯดูบ้างค่ะ เพราะเรียนอยู่แถวนั้นก็เป็นปีแต่ไม่เคยได้เข้าไป ตอนนี้เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว ทำให้หาเวลาไปยากขึ้นแต่กลับอยากไป...ขอเพิ่มเติมนะคะว่าแถวนั้นยังมีบ้านจิมทอมป์สัน ให้เข้าไปแวะชมด้วยนะคะ อยู่ในซอยตรงข้ามกับสนามกีฬาแห่งชาตินะคะ (แต่เจ้าตัวก็ยังไม่เคยไปเลยคะ..เฮ้อ.. เป็นพวกใกล้เกลือกินด่างนะคะ เพราะตอนที่เรียนแถวนั้นก็มัวแต่เดินใน มาบุญครอง ไม่งั้นก็สยาม เลยไม่เคยได้เข้าวัดเข้าวาเลย)    


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ค. 02, 09:01
 ฮาร์ปที่คุณฟ้าฝันเห็นอาจจะอยู่ในการ์ตูนนะคะ  ถ้ามีนางเงือกเล่นละก็   ดิฉันเคยเห็นเป็นการ์ตูนขาวดำ Felix the Cat หรือไงนี่ละค่ะ  ใน Little Mermaid ก็อาจจะมี

ส่วนพระประวัติของกรมขุนเพชรบูรณ์ ฯ ทราบเพียงสั้นๆค่ะว่า
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย  เป็นพระเจ้าลูกยาเธอลำดับที่ ๘ ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
ทรงเป็นพระราชอนุชาในรัชกาลที่ ๖ และเป็นพระเชษฐาในรัชกาลที่ ๗  ชาววังเรียกกันว่า "ทูลกระหม่อมติ๋ว"
ทรงเป็นต้นราชสกุล จุฑาธุช

เจ้าฟ้าพระองค์นี้ทรงสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษ    เมื่อเสด็จกลับมาทรงเป็นพระอาจารย์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเพาะช่าง
ทรงเสกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงบุญจิราธร ชุมพล แต่ไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน
แต่ทรงมีพระโอรสธิดากับหม่อม อีก ๒ องค์คือพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช และพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา

สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๖  พระชนมายุสั้น เพียง ๓๑ พรรษา


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 02, 17:57
 ไปค้นเพิ่มเติม ได้ความว่าเจ้าฟ้ากรมขุนเพชรบูรณ์ฯ ทรงได้ Bachelor of Arts จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ค่ะ
คุณเปี้ยวกับคุณจ้อเคยเห็นพระนามในฐานะศิษย์เก่าบ้างไหมคะ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 10 พ.ค. 02, 04:21
 เลี้ยวไปเคมบริดจ์แล้ว ผมขอเชิญกลับวัดนะครับ

ใครยังไม่เคยไปวัดปทุมวนารามก็ขอเชิญให้ไปเที่ยว โดยเฉพาะสวนป่าหลังวัด มีศาลาพระราชศรัทธาที่ในหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างถวายวัดไว้ เป็นที่นั่งสมาธิได้ (นั่งเล่นก็ได้ครับ) ไปแล้วจะอัศจรรย์ใจว่า นี่เรากำลังอยู่กลางเมืองกรุงเทพฯ แท้ๆ เซ็นเต้อร์พ้อยนท์อยู่ห่างจากประตูวัดไปนิดเดียว แต่ในสวนป่านั้นสงบ ร่มรื่นมาก บรรยากาศไม่เหมือนอยู่กลางกรุงเลย

หน้าวัดมีสระน้ำหรือบึงอยู่แห่งหนึ่ง แต่ก่อนน่าจะเป็นสระบัวตามชื่อวัด ผมเข้าใจว่าสระน้ำนี้มีประวัติ คงต้องเรียนถามท่านเจ้าของกระทู้ครับ คลับคล้ายคลับคลาว่า เกี่ยวข้องกับสมเด็จโตวัดระฆัง กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ร.4 แต่ทั้งนี้ผมอาจจะจำผิด

ตำนานที่ผมเคยได้ยิน แต่ไม่แม่นรายละเอียด เล่าว่า ท่านทั้ง 2 นี้ท่านเป็นปราชญ์ทางพุทธศาสนาด้วยกัน และสมเด็จพระพุฒาจารย์โตนั้นท่านชอบถวายปริศนาธรรมที่บางทีเป็นการสะกิดแรงๆ แก่ในหลวง วิธีถวายสะกิดของสมเด็จโตนั้น บางทีก็ล้ำลึกจนเราเองถ้าโดนท่านสอนเอาอย่างนั้นก็คงไม่รู้สึก แต่ในหลวง ร.4 ท่านทรงเข้าพระทัย รับ "สาร" ได้ เพราะปราชญ์ต่อปราชญ์ย่อมรู้กัน มีครั้งหนึ่งที่ในหลวง ร.4 ทรงสำราญพระอิริยาบถที่ริมน้ำที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ซึ่งผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นที่สระบัววัดปทุมนี่แหละ เพราะตรงนี้เคยเป็นคล้ายๆ ที่ทรงพระปิกนิกนอกเมืองของท่าน (แต่อาจจะไม่ใช่ที่นี่ก้ได้ ผมอาจจะจำผิด) ก็ทรงเกณฑ์ หรือนิมนต์พระวัดต่างๆ ให้มาลอยเรือประกวดกัน จะประกวดเรือหรืออะไรผมก็ไม่แน่ใจ ดูเหมือนจะเป็นการประกวดประขันการประดับตกแต่งเรือหรืออะไรนี่ ให้วัดต่างๆ จัดมาแข่งกัน อาจจะเป็นทำนองรถบุปผชาติสมัยนี้กระมัง แต่ไม่ใช่รถเป็นเรือ วัดระฆังได้รับพระราชฎีกานิมนต์เชิญก็ไปร่วมประกวดด้วย แต่สมเด็จโตท่านท่านแปลกกว่าเขา แทนที่จะแต่งให้งามๆ ท่านให้พระของท่านพายเรือเก่าๆ ธรรมดาตะโกนร้องว่า ขายหน้าเอาผ้ารอดๆๆๆ
ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ คำพังเพยไทยนี้ที่จริงว่า "ขายผ้าเอาหน้ารอด" คือทำอะไรจวนๆ ตัวไปให้พอรอดอายไปทีหนึ่ง แต่สมเด็จโตท่านจงใจกลับเสีย ในหลวง ร.4 สะกิดพระทัยอยู่แล้วและเดาถูกว่าสมเด็จโตคงจะกำลังจะถวายเทศน์อะไรสักอย่างแน่ ก็มีรับสั่งถาม สมเด็จโตก็ถวายพระพรเป็นใจความว่า ที่จริงเรื่องจะประกวดประขันประชันกันในการประดับตกแต่งอะไรนี่ มันไม่ควรจะเป็นกิจของสงฆ์ ไม่ควรเป็นเรื่องของวัด แต่เมื่อเป็นพระบรมราชโองการขัดไม่ได้ก็ต้องมา ทีนี้ วิสัยพระน่ะท่านไม่มีหรือไม่ควรจะมีสมบัติอะไรหรอก มีแต่ผ้าไตรจีวรสามผืนเท่านั้น ถ้ามีเกินนี้ก็เกินวิสัยพระแล้ว จะให้วัดระฆังไปหาทุนมาจัดประดับตกแต่งก็ไม่มีหนทางอื่นที่ชอบธรรม ต้องขายผ้าไตรจีวรเสียเท่านั้น คือ จะหาทางอื่นก็ได้ แต่มันไม่ชอบไม่ควรไม่เหมาะกับสมณวิสัย แต่เพื่อธำรงสมณวิสัยไว้ให้บริสุทธิ์ไม่ด่างพร้อย วัดระฆังจึงยอมขายหน้า คือส่งเรือเลวๆ ที่ไม่ได้ตกแต่งอะไรเลย เข้าประกวด งามสู้เรือวัดอื่นไม่ได้ เพื่อจะเอาผ้า คือผ้าไตรจีวรไว้ให้รอด ให้มีครองไตรจีวรกันต่อไป จะได้เป็นพระที่ดีต่อไป ขายหน้าแค่นี้ไม่เป็นไรขอผ้าไตรไว้รอดเป็นพอ
ในหลวง ร.4 ทรงฟังถวายวิสัชนาด้วยหมัดฮุคตรงเอาอย่างนั้นก็ทรงนิ่ง แล้วก็รับสั่งให้เลิกการกะเกณฑ์วัดต่างๆ มาประกวดเรือหน้าพระที่นั่งเสียตั้งแต่นั้น

ตำนานนี้เกิดขึ้นที่สระน้ำวัดนี้หรือที่ท่าน้ำที่ไหนก็ไม่ทราบครับ แต่ผมนึกว่าอาจจะเกิดขึ้นที่นี่ เจ้าของกระทู้เคยอ่านผ่านตามาไหมครับ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: bookaholic ที่ 10 พ.ค. 02, 17:12
 เก่งแฮะ  เริ่มที่วัดแท้ๆ ไปถึงวัง ชมดนตรี แล้วยังขึ้นเครื่อง British Airways ไปถึงCambridgeได้ด้วย  นับถือครับนับถือ

กลับมาที่วัดนะครับ ผมจะคุยกับคุณนกข.
ผมจำเรื่องรัชกาลที่ ๔ กับสมเด็จโตได้เรื่องหนึ่ง  แต่ทำไมกลายเป็นคนละเวอร์เชิ่นกับคุณนกข.ก็ไม่รู้ครับ
ขอเล่าแบบผ้าขาดๆวิ่นๆ เอาหน้าไม่รอดไปก่อนละกัน

คือที่วัดปทุมนี่ละครับ  สมเด็จพระจอมเกล้าฯโปรดให้จัดงานอะไรสักอย่างบริเวณสระบัวในวัด   มีเจ้าจอมหม่อมห้ามแต่งตัวสวยลงพายเรือ  รอบๆก็ตกแต่งประดับประดา รวมความแล้วอลังการน่าดูชม  เป็นที่พอพระราชหฤทัย
แล้วนิมนต์เชิญสมเด็จโตท่านมาดู  ตรัสถามว่า งามไหม
สมเด็จโตท่านก็ตอบว่า เจริญพร มหาบพิตร  งามเหมือนดอกบัว
สมเด็จพระจอมเกล้าฯท่านก็ทรงนิ่งอึ้งไปเลย  เพราะว่าข้อความที่สมเด็จโตทูล  อิงไปถึงพระไตรปิฎก  กล่าวถึงกามตัณหา หรือความสุขและเพลิดเพลินทางโลก   เปรียบได้กับดอกบัวสีสันสวยงามตระการตา
อะไรทำนองเนี้ยครับ
memory ผมหมด bytes อยู่แค่นี้ครับ อย่าถามต่อ
สรุปดีกว่า   ยอดนักปราชญ์หนึ่งพระองค์กับหนึ่งท่านนี้ ไม่ต้องพูดกันยาว  กล่าวกันสั้นๆต่างก็รู้ความเฉียบคม

จวนล่มอีกแล้วครับกระทู้นี้   จำได้แค่นี้เอง  ผมประเภทใกล้วัด แต่กินแถวเซนเต้อร์พ้อยท์ซะมาก  แบบเดียวกับคุณพระนายว่าไว้ เพราะแกก็พอกัน


เอางี้ ใครอยากอ่านเกี่ยวกับรัชกาลที่ ๔ กับสมเด็จพระพุฒาจารย์โต  ผมลอกจากเว็บนี้มาให้อ่านกันดีกว่า
 http://www.khonnaruk.com/html/phra/dhm_stream/dhm_stream19.html

           คราวหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จงานลอยกระทงหลวง ขณะที่ทรงประทับที่ตำหนักแพ พร้อมด้วยฝ่ายในเป็นอันมาก ก็ทอดพระเนตรเห็นสมเด็จโตแจวเรือข้ามฟากมา เจ้ากรมเรือต้องไปขวางเอาไว้ ครั้นพระเจ้าอยู่หัวรู้ว่าเป็นเรือของสมเด็จโต ก็รับสั่งถามว่าจะไปไหน สมเด็จ ฯ ตอบว่าตั้งใจมาเฝ้า

           "ทำไมเป็นถึงสมเด็จเจ้าแล้ว ต้องแจวเรือเอง เสียเกียรติยศแผ่นดิน"

           สมเด็จโตตอบว่า "ขอถวายพระพร อาตมภาพทราบว่าเจ้าชีวิตเสวยน้ำเหล้า สมเด็จก็ต้องแจวเรือ"

           พระองค์พอได้ฟังเช่นนั้น ก็ได้สติ ตรัสว่า "อ้อ จริง จริง การกินเหล้าเป็นโทษ เป็นมูลเหตุให้เสื่อมเสียเกียรติยศแผ่นดินใหญ่โตทีเดียว ตั้งแต่วันนี้ไป โยมจะถวายพระคุณเจ้า จักไม่กินเหล้าอีกแล้ว"

           อีกคราวหนึ่งท่านจุดไต้เข้าไปในพระราชวังเวลากลางวันแสก ๆ แล้วเอาไต้นั้นทิ่มกำแพงวังจนดับก่อนกลับวัด พระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็น ตรัสว่า "ขรัวโตเขารู้แล้ว ๆ ๆ"

           เรื่องของเรื่องก็คือสมเด็จโตวิตกว่า พระเจ้าอยู่หัวจะทรงหมกมุ่นมัวเมาในกามคุณมากเกินไป จึงทำอุบายถือไต้เข้าไปในพระราชวังกลางวัน ประหนึ่งว่าในพระราชฐานนั้นกำลังมืดมิดดังกลางคืน

           มีอีกหลายครั้งที่สมเด็จโตกล้าขัดพระราชหฤทัย คราวหนึ่งสมเด็จโตได้ถวายเทศน์ในพระพระราชฐาน ๓ วันติดต่อกัน บังเอิญวันที่ ๒นั้นพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์จะทรงสดับแต่พอสังเขป ด้วยมีพระราชกิจอย่างอื่น (นัยว่าเจ้าจอมจะประสูติ) แต่หาได้ตรัสอย่างใดไม่ ปรากฏว่าสมเด็จโตถวายพระธรรมเทศนาอย่างยืดยาว ครั้นวันต่อมา พอสมเด็จโตตั้งนโมเสร็จ ท่านก็กล่าวสั้น ๆ ว่า พระธรรมเทศนาหมวดใด ๆ มหาบพิตรก็ทราบหมดแล้ว เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ แล้วก็ลงธรรมาสน์ พระเจ้าอยู่หัวจึงตรัสถามว่าเหตุใดวันก่อนจึงถวายเทศน์มาก วันนี้กลับถวายน้อย สมเด็จโตถวายพระพรว่า "เมื่อวานนี้มหาบพิตรมีพระราชหฤทัยขุ่นมัว จะทำให้หายขุ่นมัวได้ด้วยทรงสดับพระธรรมเทศนาให้มาก วันนี้มีพระราชหฤทัยผ่องใส จะไม่ทรงสดับก็ได้"

           มีครั้งหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วสมเด็จโตมาก เพราะสมเด็จโตถวายเทศน์เกี่ยวกับเมืองกบิลพัสดุ์ว่า พี่เสกน้อง น้องเอาพี่ เอากันเรื่อยมาไม่ว่ากัน เพราะถือว่าบริสุทธิ์ไม่เจือไพร่ จนถึงประเทศสยามก็เอาอย่าง เอาพี่เอาน้อง ขึ้นราชาภิเษกแล้วก็สมรสกันเป็นธรรมเนียมมา

           พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงพอพระราชหฤทัย ไล่ลงธรรมาสน์ ตรัสว่า "ไป ไป ไป ไปให้พ้นพระราชอาณาจักร ไม่ให้อยู่ในดินแดนของฟ้า ไปให้พ้น"

           สมเด็จโตออกจากวังแล้วกลับวัดระฆัง เข้าไปนอนในโบสถ์ ไม่ออกมา บิณฑบาตในโบสถ์ ไม่ลงดิน

           ครันพระเจ้าอยู่หัวเสด็จถวายพระกฐินวัดระฆัง พบสมเด็จโต ก็รับสั่งว่า "อ้าวไล่แล้ว ไม่ให้อยู่ในราชอาณาจักร ทำไมยังขืนอยู่"

           "ขอถวายพระพร อาตมภาพไม่ได้อยู่ในพระราชอาณาจักร อาศัยอยู่ในพุทธจักร ตั้งแต่วันมีพระราชโองการ ไม่ได้ลงดินของมหาบพิตรเลย"

           "ก็กินข้าวที่ไหน ไปถานที่ไหน"

           "ขอถวายพระพร บิณฑบาตบนโบสถ์นี้ ถานในกระโถน เทวดาเป็นคนนำไปลอยน้ำ"

           "โบสถ์นี้ไม่ใช่อาณาจักรสยามหรือ"

           "โบสถ์เป็นวิสุงคาม เป็นส่วนหนึ่งจากพระราชอาณาจักร กษัตริย์ไม่มีอำนาจขับไล่ได้ ขอถวายพระพร"

           "ขอโทษ ๆ" แล้วทรงถวายกฐิน รับสั่งใหม่ว่าให้สมเด็จโตอยู่ในสยามประเทศได้

           โบสถ์เป็นของพระพุทธเจ้าฉันใด สมเด็จโตก็ถือว่าท่านเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าฉันนั้น หาใช่พระของในหลวงไม่ แม้ท่านจะเป็นพระราชาคณะก็ตาม ด้วยเหตุนี้ท่านจึงกล้าเตือนพระเจ้าอยู่หัวได้อย่างไม่หวั่นเกรงภัยใด ๆ ทั้งนี้ด้วยกรุณาและปัญญาของท่านเป็นสำคัญ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 16 พ.ค. 02, 03:18
 เอ่อแหม ผมเองน่ะ ไปแถวเซนเตอร์พ้อยท์ก็ไปปลงนะครับ ดูว่าสังขารไม่เที่ยง เห็นขาว ๆ แดง ๆ ก็ยุบหนอ พองหนอตลอด
อ่านเรื่องสมเด็จโตท่านแล้ว รู้สึกว่าท่านน่านับถือจริง ๆ ครับ กล้าถวายการตักเตือนพระมหากษัตริย์
แต่ในสมัยโบราณการเตือนเจ้านายนั้น ต้องใช้ความระมัดระวังตัวสูง จะบอกจะเตือนกันตรง ๆ นั้นทำได้ยาก ไม่งั้น อย่างเบา ๆ ก็หลุดจากตำแหน่ง หนักหน่อยก็ถึงกับหัวขาด
จะเป็นประเทศไหนก็เป็น เมืองจีน เมืองไทย จนถึงญี่ปุ่น
อ่านเรื่องสมเด็จโต แล้วให้นึกถึง อิ๊กคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญานั่นเลยแหละครับ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 17 พ.ค. 02, 15:25
 เรื่องขรัวโต คุยกันได้ยาวมากครับ เรื่องของท่านสนุกครับ
แต่ขอให้อาคันตุกะทั้งหลายที่มาเป็นแขกผมอยู่ขณะนี้กลับไปก่อนนะครับ แล้วจะมาคุย เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคำว่า "มากหมอก็มากความ"  แปลว่าอะไร....
Too many doctors are dangerous to your health, especially mental health ...

ผมเห็นด้วยกับคุณพระนายว่า อ่านเรื่องของสมเด็จโตแล้ว รู้สึกสนุกเหมือนกับอ่านนิทานเซนเลย (อิ๊กคิวก็เป็นเณรในนิกายเซน - ถ้าว่าตามการ์ตูนนะครับ)

เรียนคุณ Bookฯ ผมจำเรื่องนั้นได้กระท่อนกระแท่นเหมือนกันครับ เมโมรีไบต์ผมก็เจียนๆ จะหมดแล้ว แต่ที่ผมจำได้ (ไม่รับรองว่าถูกต้อง 100%) นั้น พระพุทธเจ้าท่านตรัส (คล้ายๆ) อย่างนี้ครับ
"ท่านทั้งหลายจงมาดูโลกนี้ อันปรากฏงามรุ่งเรืองดังราชรถอันวิจิตร ซึ่งผู้โง่เขลาหลงมัวเมายึดติดอยู่  แต่ผู้มีปัญญาหาได้หลงอยู่ไม่"
พุทธพจน์นี้มีหรือปราชญ์ทางพุทธศาสนาอย่าง ร.4 จะไม่ทรงรู้จัก เพราะฉะนั้นเมื่อทรงถามว่า งามไหมขรัวโต? และสมเด็จโตถวายพระพรกราบบังคมทูลตอบสั้นนิดเดียวว่า งามเหมือนราชรถ (ไม่ใช่ดอกบัวครับ) ก็ทรงรู้พระองค์ทันทีว่าถูกเทศน์อีกแล้ว
ใครว่างและใจดีกรุณาเช็คพระพุทธดำรัสข้างบนนี่หน่อยครับ ผมไม่แน่ใจว่าผมจำถูกร้อยเปอร์เซนต์ ขอบพระคุณ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: bookaholic ที่ 17 พ.ค. 02, 19:31
 ผมว่าง แต่ใจไม่ค่อยดีครับคุณนิลกังขา    เช็คได้มะครับ
คิดว่าmemory bytes ของผมนอกจากเหลือน้อยแล้วยังเจอไวรัสชื่อ forgetful.exe  เข้าอีก   เลยรวน
น่าจะเป็นราชรถอย่างคุณว่าน่ะครับ    ไม่น่าลงสระกลายเป็นดอกบัวขึ้นมาได้  
นี่หละเป็นผลจากผมไปตามคุณพระนาย  แกชอบหลงวนเวียนอยู่แถวเซนเต้อร์พ้อยท์  ปลงยุบหนอ  พองหนอ  ขาวหนอ สายเดี่ยวหนออยู่บ่อยๆ  ผมเลยติดจากแก

คงจะต้องชวนป้าผมไปเป็นเพื่อนนั่งกรรมฐานในวัดมั่งแล้ว  ไม่งั้นป้ามัวเขียนถึงฯพณฯท่านคะ ฯพณท่านฯ  ขา  เลยไม่ได้ไปซักกะที

ส่วนคุณนิลกังขาขอให้สุขภาพจิตฟื้นคืนตัวเร็วๆนะครับ


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 22 พ.ค. 02, 02:32
 เจอแล้วครับ ที่ว่า โลกเปรียบราชรถที่คนโง่หลงงมอยู่แต่คนฉลาดไม่ตึดอยู่นี่ พระพุทธเจ้าท่านว่าไว้อยู่ใน "ธรรมบท"  ครับ พระคัมภีร์ธรรมบทนี้เป็นคัมภีร์ทางพุทธที่ผมชอบมากเล่มหนึ่ง ผมเข้าใจว่าเป็นการรวบรวมพระคาถา คือคำประพันธ์สั้นๆ ในภาษาบาลีที่มีเนื้อความลึกซึ้ง น่าคิดน่าฟัง ทำนองสุภาษิต ไว้ด้วยกันเป็นร้อยบท

ใครอยู่เมืองนอกอย่างผม ลองให้ search engine หาคำว่า Dhammapada นะครับ จะเจอหลายเว็บ แต่ผมเชื่อว่าในเมืองไทยคงหาอ่านที่เป็นเล่มหนังสือ (และเป็นภาษาไทย) ได้ไม่ยาก

เฉพาะบทนี้ เป็นบทที่ 171 ใน section ที่ 13 ของ ธรรมบท ครับ ในภาษาที่ทางวัดที่เมืองไทยท่านใช้กันจะเรียกว่าอะไรผมก็ไม่ทราบ เพราะเว็บของผมมันเป็นภาษาอังกฤษก็เลยเรียกว่า section


กระทู้: นำเที่ยววัดปทุมวนาราม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ค. 02, 13:38
ขอเชิญต่อที่กระทู้นี้ค่ะ คุณนิลกังขาไปชวนคุยเรื่องสมเด็จพระพุฒาจารย์โต   น่าสนใจมาก
 http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Cid=17&Pid=5545