เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 08:58



กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 08:58

     
          สายทองทำตัวเป็นแม่สื่อได้ยุยงให้พิมพิลาไลยพูดจากับพลายแก้วเสียให้รู้เรื่องว่าให้มาสู่ขอ


ถ้าไม่ดีหรือพี่จะชักพา                                 ให้แก้วตาเสียตัวต้องมัวหมอง

เห็นสมศักดิ์สมนวลควรจะครอง                      กับพิมน้องเนื้อสุพรรณกำพู


นางพิมนั้นตั้งแต่สบตาเณรแก้วแล้วก็ติดใจเหมือนเหล็กเพชรกรึงในร่าง

ถึงแม้ว่าสายทองจะไม่มาสื่อชัก    นางพึงใจอยู่แล้ว   แต่ด้วยมารยาหญิงก็อิดออดว่าสายทองมาเป็นแม่สื่อทำไม

รักเจ้าเณรใช่ไหมจึงคิดกันลามมาถึงตน


นางสายทองนั้นก็คงคิดอยู่บ้างว่าน่าจะพันหลักได้เงินทองหรือของที่ต้องใจจากพลายแก้วบ้าง  รีบปฎิเสธ

เป็นทาสหรือจะอาจเทียมไท                          ก็เข้าใจอยู่ว่าเกลือพิมเสน

เณรไม่รู้หรือจะจู้ลงลุยเลน                            ถึงจะแค่นเข้าประเคนก็คนจน

แหวนตะกั่วนี้เหมอนตัวของสายทอง                 จะนับรองเรือนเพชรไม่เป็นผล


       จึงวางแผนจะนัดเณรให้ไปพบในไร่ฝ้าย


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 09:05


          เกิดอะไรขึ้นบ้างในบ่ายวันนั้นในฤดูเก็บฝ้ายประมาณเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์

ทำไมขุนแผนจึงประชดนางวันทองว่า


เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มกระทุ่มต่ำ                         เด็ดใบบอนช้อนน้ำในไร่ฝ้าย

พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย                       แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 09:20



       ถ้านางพิมผู้นิ่มนวลเกิดร้องโวยวายออกมา   พลายแก้วจะต้องจ่ายค่าเสียหายปานใด

เท่าที่จำได้  ค่าเสียผี  อยู่ที่  จับข้อมือเสียไก่...........     จับหัวไหล่เสียหัวหมู .........  จับหูเสียบายศรี............


       พลายแก้วได้ล่วงไปถึง    โลมลูบจูบชายสไบห่ม



คดีลวนลามถึงจูบชายสไบนี้ได้มีเกิดขึ้นเป็นบันทึกไว้ในรัชกาลที่ ๕  ว่าท่านพระครูรูปหนึ่ง

ได้อุกอาจยึดชายสไบนางคนหนึ่งภรรยาของขุนนางระดับคุณหลวงหรือคุณพระ

คุณนายร้องกรี๊ด           ท่านพระครูโดนสึก


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 09:29

          ขอเชิญมิตรทั้งปวงที่ได้อ่าน  


ตัวน้องมิใช่ของอันเคยขาย                                จะเรียงรายกลางหนหาควรไม่

พิเคราะห์ให้เหมาะก่อนเป็นไร                               กลับไปเถิดพ่อแก้วผู้แววตา

อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย                                 ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา


         แวะมาคุยกันแบบนินทา นางพิม  นางสายทอง พลายแก้ว  หรือจะชมว่า เณรมีคาถาเด็ด

ไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่พุ่มกระทุ่มต่ำ      ทำไมต้องจำมาเสียดสี


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ย. 10, 09:41
ตอบเป็นภาษาอังกฤษได้ไหมคะ

They're making out. Just skin-to-skin contact.


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 09:58


โอ!  I see.   หมายความว่านางพิมโดนปล้ำ


แต่ที่ไร่เจ้ายังปล้ำทำให้อาย                          ใยฝ้ายเกลือกคันไปทั่วตัว

มือหนักชักยื้อทำหยาบหยาม                         งามหน้าน่ารับมาเป็นผัว

สมสู่อยู่กับบ้านดีฉันกลัว                              ตัวมิตายหลังคงเลือดย้อย

แต่หยอกกันสารพันเป็นริ้วรอย                       เชิญถอยไปเสียเถิดไม่ไยดี ฯ



กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 10:21

     ความหวังของนายสายทอง         มิใช่จะหวังเปล่าเดียวดาย

เณรแก้วสัญญาไว้ว่า


เด็ดปลียังมีซึ่งใยเยื่อ                         ได้มาพึ่งแล้วก็เผื่อฉันไว้บ้าง

ได้พิมเชยหรือจะเลยทิ้งพี่นาง                ก็เหมือนอย่างหว่านข้าวลงในดิน

ถึงน้ำท่าฟ้าฝนจะแห้งแล้ง                    อย่านึกแหนงว่าจะสูญเสียหมดสิ้น

แต่ชั้นชั่วถึงว่าตัวมิได้กิน                     นกหกผกผินได้เป็นทาน

ถ้าหม่อมพี่มีคุณกับฉันเล่า                    เห็นจะเปล่าเจียวหรือน้องมาอยู่บ้าน

คงจะแทนคุณพี่มิได้นาน                      ให้สมานเสมอพิมผู้นิ่มนวล


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 01 ก.ย. 10, 10:47


          เกิดอะไรขึ้นบ้างในบ่ายวันนั้นในฤดูเก็บฝ้ายประมาณเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์
ทำไมขุนแผนจึงประชดนางวันทองว่า


เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มกระทุ่มต่ำ                         เด็ดใบบอนช้อนน้ำในไร่ฝ้าย

พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย                       แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน

คุณวันดีช่วยอธิบายหน่อยเถิดว่า   ทำไมถึงได้คิดว่าฝ้ายที่เมืองกาญจน์เก็บในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ 

อยากเห็นว่าต้นกระทุ่มพุ่มต่ำจริงๆ เป็นอย่างไรหนอ  เพราะเคยเห็นแต่ต้นกระทุ่มกิ่งก้านยาวเกะกะที่บ้าน อาจจะเป็นเพราะมันขึ้นที่เงาร่มไม้ใหญ่กระมัง  ถ้าขึ้นที่แจ้งๆ อาจจะเป็นพุ่ม   แต่ว่าใบกระทุ่มนี่ใหญ่ดี ขนาดฝ่ามือ  เอามาวางนั่งนอนได้ไหมนี่   

เณรแก้วคงจะไปลอบชมนางพิมตอนหมดฤดูฝนแล้ว  ไม่เช่นนั้นคงจะเลอะโคลนติดหลังไปบ้านไปวัดกันบ้าง ;D


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ย. 10, 12:11
เข้าใจว่ากระทุ่มมีหลายชนิด แต่ยังหาไม่เจอว่าชนิดไหนขึ้นเป็นพุ่ม
นี่คงเป็นกระทุ่มชนิดที่คุณหลวงเล็กเคยเห็นละมังคะ

(http://www.qsbg.org/Database/Botanic_Book%20full%20option/Picture/book3/Ant_chi_lam_A_3.jpg)

Making out ของพลายแก้วกับนางพิม คงเป็นกึ่งๆสมยอมจากฝ่ายหญิง  ไม่งั้นนางสาวพิมคงร้องไร่แตกไปแล้ว  เพียงแต่เธอไม่อยากให้เกินเลยมากไปกว่าพอหอมปากหอมคอ

พอคุณหลวงจุดประกายสงสัยขึ้นมา ดิฉันก็เลยสงสัยตามมาอีกข้อว่า
เด็ดใบบอนช้อนน้ำที่ไร่ฝ่าย  มันบอนอะไร   ทำไมไม่คัน   ได้ยินมาว่าใบบอนโดนแล้วคัน


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Tanat ที่ 01 ก.ย. 10, 12:50

เด็ดใบบอนช้อนน้ำที่ไร่ฝ่าย  มันบอนอะไร   ทำไมไม่คัน   ได้ยินมาว่าใบบอนโดนแล้วคัน

การสัมผัสใบบอนแบบผิวเผิน ไม่ถึงขั้นเอามาเกลือกผิวหนัง ไม่คันหรอกครับ
ขณะเดียวกัน หากปลอกใยที่ก้านบอนออก แกงส้มก้านบอน ใส่กระชาย
อร่อยเทียบเทียมแกงก้านเผือกและแกงพังเพาะเลยครับ


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ย. 10, 13:06
ขอบคุณที่มาตอบให้ทราบค่ะ   ไม่เคยกินแกงส้มทั้ง ๓ อย่าง  ถ้าไม่เกรงใจคุณวันดีว่าดิฉันจะพากระทู้ออกห่างไร่ฝ้ายไปมาก จะถามว่าแกงส้มก้านเผือกและแกงส้มพังเพาะคืออะไร

ใบบอนนี่หรือเปล่าที่มาเป็นสำนวนว่า ใจหญิงเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน

พอมาถึงตอนนี้ก็เลยนึกได้  ว่าเมื่อก่อนอ่านมาถึงตอนตัดพ้อว่า "เด็ดใบบอนช้อนน้ำที่ไร่ฝ้าย"   เข้าใจว่าใช้ใบบอนห่อน้ำแทนขันน้ำ เพื่อดื่ม
แต่ตอนนี้สงสัยว่าเด็ดใบบอนช้อนน้ำให้มันกลิ้งเล่นหรือเปล่า เป็นจริตเล่นกันของหนุ่มสาว   เพราะมีบทอ้อนกันต่อไปว่า " พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย"


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 13:29
การเก็บฝ้ายครั้งแรกจะเริ่มเมื่ออากาศแห้งหลังฤดูฝนค่ะ  เวลาอาจแตกต่างกันออกไปบ้างตามท้องถิ่นเพราะเก็บได้หลายรอบ

เก็บแล้วยังต้องนำมาตากอีกหลายวันเพื่อให้แห้งสนิท

ในเรื่องนี้นางพิมพิลาไลได้บอกแม่ว่าจะไปดูฝ้ายที่ไร่เหนือ   แสดงว่าบ้านเจ้าหล่อนอาจจะมีไร่ทางทิศอื่นอีก


วันนี้ลูกจะไปที่ไร่เหนือ                                           ฝ้ายเฝือแตกกระจายเสียหนักหนา

ลูกจะออกไปดูกับหูตา                                           จะไว้ใจกับข้าไม่ต้องการ

มันลักจำแนกแจกจ่าย                                           ซื้อขายกินเล่นไปทั้งบ้าน

ลูกเห็นกับตามาช้านาน                                          จะว่าขานมันก็ไม่ถนัดใจ


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 13:34


แกงพังเพาะทำอย่างไรคะคุณ Tanat

พังเพาะหน้าตาเป็นอย่างไร


น่าสนใจจัง


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 14:23

ความรักระหว่างพลายแก้วกับนางพิมพิลาไลย  อ่านได้ไม่รู้เบื่อ


อันความรักหนักแน่นแสนวิตก                                    ระอาอกแทบเท่าภูเขาหลวง

พรหมินทร์อินทร์จันทร์สิ้นทั้งปวง                                  ก็บนบวงสิ้นฟ้าสุราลัย

เชื้อเชิญเมินหน้าไม่มาช่วย                                        เห็นคงม้วยไม่หมายผู้ใดได้

เห็นแต่เจ้าเยาวยอดผู้ร่วมใจ                                      จะผลักพลิกแพลงให้บรรเทาลง ฯ


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 14:41

สาวใช้ที่นางพิมพ์พาไปเก็บฝ้ายนั้น   ตามกันออกไป

คงทำงานอยู่แถวเดียวกัน



ฉวยกระบุงแบกไปพอไกลตา                 ก็ร้องเพลงไก่ป่าเก็บฝ้ายพลาง


เพลงไก่ป่า  มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพลงปรบไก่หรือไม่อย่างไรคะ


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ย. 10, 14:51
เจอคำถามคุณวันดีแต่ละข้อ   แทบจะม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร

เพลงไก่ป่า  เป็นแบบเดียวกับเพลงปรบไก่ คือมี ๒ ฝ่ายร้องโต้ตอบกัน   แต่ถ้าจะให้ร้องประกอบก็จนปัญญา   เห็นจะต้องส่งลูกไปให้คุณศิลา


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 15:03
นางพิมพิลาไลยนั้นเป็นผู้รู้คิด    ถ้านางสายทองที่เป็นทั้งญาติแก่กว่าถึง ๖​ปีไม่ชักจูงก็คงอยู่เป็นสาวหน้านวลต่อไปอีกหน่อย

นางพูดกับสายทองว่า


ธรรมดาเกิดมาเป็นสตรี                                ชั่วดีคงได้คู่มาสู่สอง

มารดาย่อมอุตส่าห์ประคับประคอง                    หมายปองว่าจะปลูกให้เป็นเรือน

อนึ่งเราเขาก็ว่าเป็นผู้ดี                                  มั่งมีแม่มิให้ลูกอายเพื่อน

จะด่วนร้อนก่อนแม่จะแชเชือน                          ความอายจะกระเทือนถึงมารดา


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 15:19

ขอบพระคุณค่ะคุณเทาชมพู   โชคดีที่ถาม ไม่ได้นึกเอาเอง

โลกแห่งความรู้กว้างใหญ่นัก



ตอนตามหา ขุนช้างขุนแผนสำนวนครูแจ้ง   กอดหนังสือของคุณเอนกอยู่หลายวัน

นักอ่านหนังสือเก่าต้องเดินตามรอยท่านผู้มาก่อนเสมอค่ะ


หนังสือ ขุนช้างขุนแผน เป็นที่รู้จักดี

ยังมีอะไรอีกมากมายที่จะนำมาถามไถ่และคุยกันได้อีกมาก


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 01 ก.ย. 10, 15:29
สงสัยเรื่องต้นพังเพาะ   ที่เอามาแกงส้มได้   ไม่รู้จักชื่อจริงๆ
แต่รู้จักต้นคูนที่เอาก้านมาแกงส้มได้เหมือนบอนและเผือก
ใบบอนนี่อเนกประสงค์นะครับ  คนสมัยก่อนใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
เดี๋ยวนี้ก็ยังเห็นว่า  เอาใบบอนมาห่อข้าวหมากขายด้วย  ในกรุงอาจจะหาดูยาก
แต่แถวภูธรยังมีให้ดูอยู่

เอ  เพลงไก่ป่านี่ เหมือนเคยได้ยินใครสักคนพูดถึงไว้ในหนังสือสักเล่ม
เพลงปรบไก่ ยังพอมีอยู่แถวๆ นครปฐม ราชบุรี  กาญจนบุรี แต่เหลือนั้นแล้ว

คุณวันดี   บ้านนางศรีประจันปลูกฝ้ายเยอะแยะนี่  
น่าสงสัยนะ  ในเรื่องไม่เห็นบอกว่า บ้านนางพิมปั่นฝ้ายทอผ้าด้วย
หรือว่าแกจะปลูกไว้ขายโดยเฉพาะ   ถ้าเป็นเช่นนั้นก็นับว่า
ครอบครัวนางพิมมีหัวการค้าเหมือนกัน  

บทบาทของสายทองในฐานะพี่เลี้ยงนี่  
ทำให้เห็นได้ชัดว่า  พี่เลี้ยงไม่ได้มีมาตั้งแต่ต้น
แต่เพิ่งมามีเอาตอนโตพอจะเข้าสังคมได้แล้ว
การมีพี่เลี้ยงเพื่อให้เด็กมีที่ปรึกษาชีวิตกระมัง


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 15:36
นางพิมได้อ้อนวอนกับพลายแก้วว่า

   อนิจจาว่าแล้วหาฟังไม่                                   จะฆ่าพิมเสียที่ไร่นี่แล้วหรือ

รักน้องกลางหนให้คนลือ                                    อย่างนี้น้องไม่ถือว่ารักน้อง


พลายแก้วผู้ไม่อยากจะวางนางจากตัก   ตอบว่า

พี่จะหอบเสน่หาลาไป                                        เหลืออาลัยที่จะทรมาน


ตามมาด้วยประโยคที่ว่า

เวลาค่ำแม่จงจำสังเกตการ                                  จะไปบ้านหาพิมพิลาไลย


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 15:48

สายทองนั้นเป็นญาติ และเป็นทาสขายฝาก

อุ้มนางพิมมา  ซึ่งก็พูดยากเหมือนกันเพราะคงอุ้มกันจนโต

เมื่อพลายแก้วไปเจรจาค่าชักชู้  ได้ทิ้งทองประจำตัวไว้ให้แท่งหนึ่ง  นางพิมหึงหวงมากประชดว่า

อุ้มทั้งตัวและทั้งเขยเชียวนะ



กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 01 ก.ย. 10, 16:20

ที่ชวนคุยเรื่องพิมผู้นิ่มนวล  ขอจบในตอนที่ว่า  เมื่อเดินกลับจากไร่ฝ้าย  นางสายทองได้หยอกนางพิมว่า


แม่พิมพี่วันนี้เป็นไรไป                 หลังไหล่ล้วนแต่ต้องละอองดิน


นางพิมค้อนนางสายทองเพราะมาชวนคุย เดี๋ยวคนอื่นจะได้ยิน

นางตอบว่า


อย่าพักว่าเลยข้าไม่เป็นไร               ปัดไถมหมองมัวไปนิดเดียว




     ฉันทิชย์  กระแสสินธุ์ เขียนเรื่อง "ปัดไถม"  ไว่ใน กวีโวหารโบราณคดี 

พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ก้าวหน้า ๒๕๐๓    หน้า ๔๐ - ๔๓  ว่า


"ยังมีอีกคำหนึ่ง  ที่แปลความหมายของคำไปไกลจากความเป็นจริง
ปัดไถม  ในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานให้คำแปลว่า   "ฝ้าบาง ๆที่เกิดขึ้นทำให้เป็นมลทินหรือคล้ำมัว"

แต่ความเข้าใจของชาวถิ่นหาได้เป็นไป เช่นพจนานุกรมให้นิยามไว่ไม่

ชาวถิ่นอธิบาย ปัดไถม  ว่าดอกบัวที่บริสุทธิ์   เช่นในเสภาเรื่อง ขุนช้าง - ขุนผนตอนเณรแก้วปลุกปล้ำนางพิมที่ไร่ฝ้ายใต้ต้นกระทุ่ม 
นางไม่ได้เสียตัวเพราะบ่าวไพร่พากันเดินเข้ามาก่อน

พิมพ้นการเสียตัวกับเณรแก้วหวุดหวิด"




กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ย. 10, 17:50
        นางพิม ตอนนั้นอายุ ๑๖ เป็นยุคนี้ก็อยู่ม. ๓     เธอเป็นหญิงที่รู้การควรมิควรอยู่พอสมควร เท่าที่ลูกผู้ดีสมัยนั้นจะรู้ได้   จึงไม่ยอมปลงใจกับพลายแก้ว  ตัดพ้อว่า
     จะรักน้องกลางหนให้คนลือ
        หน ยังเหลืออยู่ในคำว่า ถนนหนทาง  คือ ทาง
    คนสมัยนั้นเขายังรู้จักอายเทวดาฟ้าดินกันอยู่มาก  โดยเฉพาะผู้หญิง    ถ้าจะเกิดรักใคร่กับใครตามประสาหนุ่มสาว ก็ควรจะอยู่ในห้องหับให้มิดชิด   แต่เคราะห์ร้าย นางพิมไม่มีพี่เลี้ยงอย่างบาหยันพี่เลี้ยงของบุษบา ซึ่งประคับประคองบุษบาสมัยเป็นอุณากรรณไปได้ตลอดรอดฝั่ง   แม่พี่เลี้ยงสายทองตั้งท่าจะประเคนนายสาวให้เณรหนุ่มท่าเดียว   ทั้งล่อทั้งชนสารพัดให้นายสาวเสียที    ตัวเองก็จะได้ผลพลอยได้ไปด้วย  เป็นบริวารชนิดกินในเรือนขี้บนหลังคาโดยแท้   พอกับอลัชชีอย่างเณรแก้ว  น่าจะแต่งให้เข้าคู่กันนัก


กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Tanat ที่ 03 ก.ย. 10, 22:43
ขอเล่าเพิ่มเติมเกี่ยวกับบอน พังเพาะ และเผือกครับ

เคยได้ยินเพลงนี้ไหมครับ....อย่ามือบอนแม่อีน้อยมือบอน อย่ามือบอนแม่อีน้อยมือบอน
ปากก็บอนมือสองข้างก็บอน บอนนักมันบอนนะแม่อีน้อยมันบอน ...
มือบอนคือมือตำแย มือคัน ต้องจับโน่นแตะนี่ร่ำไป
ปากบอนคือปากเปราะ พูดส่งเดช

สำหรับใบบอน มีขนขนาดเล็กมากๆ (นาโน) อ่อนนุ่มดังกำมะหยี่ปกคลุม
ขนเล็กๆ เหล่านี้ทำให้ใบบอนไม่เปียกน้ำ น้ำกลิ้งบนใบบอนคือกลิ้งไปได้เรื่อยๆ


เผือก (taro) เป็นพืชที่ขึ้นในที่แฉะ ต้องการน้ำมาก
ใบอ่อนรับทานได้ โดยห่อหุ้มไก่ (อาจหยอดหัวกระทินิดหน่อย) ห่อใบตองนึ่ง รสช่าติเหมือนผักขมฝรั่ง

แกงส้มก้านเผือกและแกงก้านบอน (ทดลองกูเกิลดู) รสเหมือนๆ กันครับ
ลอกใยที่ก้าน แล้วต้มน้ำทิ้งให้ก้านอ่อนตัว เพื่อมิให้คัน ส่วนน้ำแกงนั้นใช้เนื้อปลาโขกกับเครื่องแกงส้ม
และกระชาย แต่งกลิ่นด้วยใบมะกรูด รสหวานนำเปรี้ยว อร่อยเหาะ

พังเพาะ เป็นไม้ป่า พอฝนตกจะแทงหน่อ ก้านใบมีลายดำหรือเขียว
ก้านใบเเละก้านดอกลอกเปลือกออก แล้วนำไปแกงเหมือนบอน

ดูรูปใบพังเพาะครับ




กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 03 ก.ย. 10, 23:12


ขอบคุณค่ะ      อยู่บ้านชานเมือง  คนงานหญิงเดินผ่านก็เก็บผักหญ้าดะไป



กระทู้: พิมผู้นิ่มนวลสูญเสียอะไรไปบ้างในไร่ฝ้าย
เริ่มกระทู้โดย: watanachai4042 ที่ 13 ก.ย. 10, 18:39
รูปต้นพังเพาะคล้ายต้นบุกมากๆ