เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 225 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 07:59
|
|
ลงให้ดูพอหอมปากหอมคอค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 226 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 07:59
|
|
รูปนี้คือคุณ V_Mee
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 227 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:12
|
|
ด้วยความเคารพ คุณพิชามญชุ์ เป็นอะไรกับ คุณวิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์ หรือเปล่าครับ น่าจะเป็นคนรุ่นเดียวกันค่ะ ชื่อสะกดง่ายพอกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 228 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:14
|
|
คุณม้าเป็นบุคคลลึกลับ ยิ่งกว่าแบทแมนและสไปเดอร์แมน ทำงานกันมาหลายปีแล้ว ดิฉันยังไม่มีโอกาสเห็นแม้แต่เงาค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 229 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:16
|
|
(มาต่อ) “เรือนไทย”ได้รับความสนใจจากชาว “อินทรเนตร” เข้ามาเยี่ยมชมหาความรู้อย่างต่อเนื่อง มีกระทู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไทยที่น่าสนใจมากมาย ส่วนหนึ่งเพราะ “สมาชิก”หลายท่านที่เข้ามาร่วมแบ่งปันความรู้เป็นผู้ที่มีความรู้และสามารถบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ให้เข้าใจได้ง่าย และอ่านสนุก โดยเฉพาะ “เจ้าเรือน”นั้นนอกจากจะเป็นผู้ควบคุมดูแลเรือนไทยแล้ว ยังเป็นผู้ที่เขียนเล่าเรื่องราวต่างๆได้อย่างน่าติดตามราวกับมืออาชีพ
ในอีกหลายปีต่อมา ความจริงก็เปิดเผยว่า เจ้าเรือน“เทาชมพู” แท้จริงไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นศิลปินแห่งชาติและเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในแวดวงวรรณกรรม รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิง วินิตา ดิถียนต์ หรือ ว.วินิจฉัยกุล ,แก้วเก้า นั่นเอง แต่เมื่อแรกเริ่มที่ทำงานนี้ ท่านเจ้าเรือนไม่ต้องการเปิดเผยตัว จึงเลือกใช้นามแฝงใหม่เอี่ยมว่า “เทาชมพู”ซึ่งมาจากสีของเทวาลัย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะถือว่าได้รับความรู้ทางอักษรศาสตร์จากที่นี่ เมื่อมาตอบคำถามทางอักษรศาสตร์ ไม่ว่าภาษา วรรณคดี ประวัติศาสตร์ ความรู้ต่างประเทศ จึงตั้งนามแฝงเพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระคุณของแหล่งเรียนมา
เหตุที่ ว.วินิจฉัยกุล,แก้วเก้า ซึ่งเป็นนักเขียนนวนิยาย เป็นผู้มีความรู้ในทางประวัติศาสตร์จนมาทำหน้าที่ “เจ้าเรือน”เรือนไทยได้เช่นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพราะเป็นเจ้าของผลงานนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ไทยหลายๆเรื่องที่ผ่านการค้นคว้าอย่างละเอียด อาทิ รัตนโกสินทร์ สองฝั่งคลอง บูรพา ราตรีประดับดาว เรือนมยุรา ฯลฯ อีกทั้งผู้เขียนยังมีความสนใจในเรื่องศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 230 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:18
|
|
“ภูมิหลังทางบ้านก็ช่วยส่งเสริมให้สนใจเรื่องในอดีต จากคำบอกเล่าของคุณแม่ซึ่งเป็นคนห้าแผ่นดิน และรับถ่ายทอดความรู้เรื่องเก่าๆของคุณปู่คุณย่าของท่านมาอีกทีหนึ่ง ต่อมาเริ่มมาตั้งแต่หัดค้นคว้าประวัติศาสตร์เพื่อเป็นข้อมูลเขียนนวนิยายเรื่อง “รัตนโกสินทร์” เริ่มจากเลขศูนย์ รวบรวมข้อมูลอยู่ 10 ปีกว่าจะเขียนได้ แม้ว่าเขียนจบแล้ว ก็ยังเหลือข้อมูลอีกมาก ก็เลยสนใจประวัติศาสตร์นับแต่นั้นเป็นต้นมา ...ก่อนมีอินเทอร์เน็ต ใช้วิธีไปค้นตามห้องสมุดของมหาวิทยาลัย บวกกับหาซื้อและสะสมหนังสือเก่า อ่านทุกเล่มทุกหน้าที่เกี่ยวข้อง ต้องอาศัยความอดทนอย่างมาก เพราะนอกจากอ่านยากแล้ว ยังต้องจดจำเรื่องที่อ่านให้ได้ด้วย เพื่อมาปะติดปะต่อเป็นฉากหลังในหนังสือ” รศ.ดร.คุณหญิงวินิตา เล่าถึงที่มาที่ไปเกี่ยวกับความสนใจในเรื่องศิลปวัฒนธรรมที่สั่งสมมาจากการค้นคว้าข้อมูล จนกระทั่งวันหนึ่ง “เทาชมพู”ก็ได้ปรากฏกายขึ้นที่ “เรือนไทย”ในโลกอินเตอร์เน็ต จนนำมาสู่คลังข้อมูลด้านศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ภาษา และวรรณคดีที่ผู้คนสามารถคลิกเข้ามาหาความรู้ได้อย่างสะดวกง่ายดายอย่างเช่นทุกวันนี้ ถึงกระนั้นก็ตามในช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ชุมชนเล็กๆของคนที่นิยมชมชอบในศิลปวัฒนธรรมนี้ก็ได้ผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย
“การทำงานในเรือนไทยยุคแรกๆมีอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งจากบุคคลภายนอกที่ไม่พึงประสงค์ เข้ามาป่วน ทั้งสแปมโฆษณาสินค้า ต้องบล็อคกันไปไม่หวัดไม่ไหว และปัญหาจากเทคโนโลยีของระบบคอมพิวเตอร์เอง หลายปีต่อมา เมื่อเว็บวิชาการมีการปรับแก้ระบบการใช้งานในเว็บให้คล่องตัวขึ้น เรือนไทยซึ่งเป็นห้องหนึ่งในนั้นต้องหยุดไปชั่วระยะหนึ่งจนกว่าเว็บจะปรับได้สำเร็จ ตอนนั้นดิฉันคิดจะวางมือ เพราะทำงานมานานหลายปี จนไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว แต่สมาชิกเรือนไทยคนหนึ่งชื่อคุณ CrazyHOrse ยื่นมือเข้ามาช่วยให้เรือนไทยมีเว็บไซต์เฉพาะตัวใช้ไปก่อน แต่ยังลิงค์กับเว็บวิชาการ การมีเว็บไซต์เองนับว่าสะดวกในการควบคุมระบบ โดยเฉพาะการรับสมาชิก และการบล็อคโฆษณาสินค้าหรือบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 231 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:18
|
|
จากนั้น คุณ CrazyHorse ในฐานะแอดมินก็รอจนดิฉันตัดสินใจกลับมาทำงานให้เรือนไทยอีกครั้ง เพราะพบว่ายังมีคนสนใจเข้ามาตั้งกระทู้ถามหาความรู้กันไม่ขาดสาย เราตกลงกันว่าจะดำเนินงานโดยไม่มีสปอนเซอร์ เพราะสะดวกในการกำหนดทิศทางของเราเอง ทุกวันนี้ ก็มีแอดมินกับดิฉันทำงานบริหารเว็บไซต์กันสองคน โดยไม่เคยเจอหน้ากันเลย นับว่าโชคดีที่มีผู้ทรงคุณวุฒิในหลายๆด้านเข้ามาสมัครสมาชิก ทำหน้าที่ตอบประจำ ช่วยให้วิทยาทานเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ เช่นคุณ NAVARAT.C คุณเพ็ญชมพู คุณ Siamese คุณ V_Mee คุณ SILA และท่านอื่นๆที่เกินกว่าจะเอ่ยนามได้หมดในที่นี้ ท่านเหล่านี้ส่วนใหญ่ดิฉันรู้จักแต่เพียงนามแฝง ไม่เคยเห็นหน้ากัน มีส่วนน้อยที่ดิฉันรู้ว่าเป็นใคร เพราะท่านให้วิทยาทานด้วยใจรักจริงๆ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน หลายท่านก็ไม่ประสงค์แม้แต่จะเปิดเผยตัวตนว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน ต้องขอบอกว่าถ้าปราศจากความร่วมมือจากท่านเหล่านี้ แอดมินและดิฉันก็คงจะทำงานในเว็บเรือนไทยมาจนถึงทุกวันนี้ไม่สำเร็จ”
ท่านเจ้าเรือนเล่าถึงสมาชิกเรือนไทยที่คุ้นนามอยู่หลายท่าน ซึ่งมักจะปรากฏว่าเป็นผู้ที่เข้าไปตอบกระทู้ หรือตั้งกระทู้ที่น่าสนใจชนิดที่เรียกว่าตามอ่านกันข้ามวันข้ามคืนทีเดียว ท่านเหล่านี้เป็นสีสันของเว็บไซต์เรือนไทย ทั้งให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ ถกเถียง วิเคราะห์ นำหลักฐานมายืนยันอ้างอิงด้วยสำนวนภาษาที่อ่านสนุกเพลิดเพลิน ชวนให้ผู้อ่านได้ค้นคว้าและคิดวิเคราะห์ต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 232 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:20
|
|
สมาชิกท่านแรก คือผู้ใช้นามแฝงว่า NAVARAT.C หรือเป็นที่เปิดเผยแล้วว่าคือ ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน ผู้เขียนคอลัมน์ “ประวัติศาสตร์มีชีวิต”ในสกุลไทยขณะนี้ มล.ชัยนิมิตรเป็นอดีตนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย จบการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านที่สอง คือคุณ CrazyHOrse ท่านนี้เป็นผู้บริหารจัดการเว็บไซต์ หรือที่เรียกกันว่าแอดมินนั่นเอง จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านที่สามคือ คุณเพ็ญชมพู ซึ่งใช้ชื่อลูกสาวมาเป็นนามแฝง โดยตั้งชื่อตามสีของสถาบันที่จบการศึกษาคือ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ปัจจุบันมีอาชีพ “รับใช้ประชาชน” สมาชิกท่านที่สี่ คือคุณ V_Mee จบการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และจบนิติศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยเป็นทนายความ และอาจารย์ที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเป็นนักเขียน-นักประวัติศาสตร์สมัครเล่น ท่านที่ห้า คือ คุณ Siamese หรือที่สมาชิกเรือนไทยเรียกกันว่า “หนุ่มสยาม” จบการศึกษาจากสถาบัน SIIT คณะวิศวกรรมศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันทำงานในตำแหน่งวิศวกรโยธา จะเห็นได้ว่าสมาชิกทั้งห้าท่านไม่ได้ร่ำเรียนมาโดยตรงแต่มีความสนใจในเรื่องศิลปวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ทั้งนี้เจ้าเรือนได้เล่าถึงสมาชิกเรือนไทยว่า “สมาชิก 99% เป็นผู้มีวุฒิภาวะสูง เมื่อมีข้อมูลหรือความเห็นไม่ตรงกัน นำออกมาแย้งหรือถกเถียงกันก็เป็นไปอย่างผู้รู้จริง ใช้สติและปัญญา ไม่ใช้อารมณ์ จึงไม่เกิดการตอบโต้รุนแรง แต่แสดงออกในรูปของเสนอหลักฐานและความคิดเห็นให้คนอ่านไปตัดสินเอาเองว่าจะเห็นด้วยกับฝ่ายไหน ไม่ผูกขาดความคิดใดๆ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีมากของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 233 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:21
|
|
ส่วนคนป่วนเว็บมีบ้างประปราย เป็นพวกมีปัญหาสุขภาพจิต จึงแสดงความหยาบคายก้าวร้าวเพราะแน่ใจว่าตัวเองอยู่ในที่มืด มีแต่นามแฝง ไม่มีหน้าตา คงจับไม่ได้ว่าใคร ผู้ดูแลเว็บก็ไม่เสียเวลาถกเถียงด้วยให้เสียบรรยากาศ จับได้ก็บล็อคไปเลย เปลี่ยนชื่อเข้ามาอีกก็บล็อคอีก แต่ถ้าทำถึงขั้นผิดกฎหมายก็แจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับไป ถ้าสาวถึงตัวเมื่อไรก็เข็ดทุกราย” เว็บไซต์เรือนไทยนี้มีเสน่ห์ตรงที่มีสมาชิกที่มีวุฒิภาวะดังที่เจ้าเรือนได้กล่าวไปแล้ว นอกจากนั้นก็คือการมุ่งวิเคราะห์ ถกเถียง หาข้อมูลเชิงลึกอย่างจริงจังโดยเฉพาะในเรื่องประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเกิดการศึกษาค้นคว้า ใช้เอกสารหลักฐานอ้างอิงในเรื่องที่ยังมีข้อขัดแย้งอยู่ ดังที่คุณ “เพ็ญชมพู”ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของไทยมีหลายเรื่องซึ่งมีข้อขัดแย้งกัน เช่นเรื่องคนไทยมาจากไหน (อยู่ที่นี่มาก่อนหรือมาจากภูเขาอัลไต), เรื่องศิลาจารึก (เขียนโดยพ่อขุนรามคำแหงหรือรัชกาลที่ ๔), เรื่องท้าวสุรนารี (มีตัวตนจริงหรือไม่ ถ้ามีสร้างวีรกรรมอย่างที่เล่าขานกันมาจริงหรือไม่ ) เรื่องหลังนี้น่าสนใจและเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกระทบกับความรู้สึกของคนในท้องถิ่นมาก คนที่ค้นคว้าหาความจริงในเรื่องนี้เช่นคุณสายพิน แก้วงามประเสริฐ แม้จะเผยแพร่ในแง่วิชาการ ก็ยังถูกกล่าวว่าเสียหาย หนังสือ “การเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี” ก็ถูกเรียกร้องให้เผา จนสำนักพิมพ์ต้องงดการจำหน่าย แม้เมื่อเรื่องนี้นำมาเขียนเป็นกระทู้ในเรือนไทย “คำถามจากหนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี -วีรกรรมนี้เกิดขึ้นจริงหรือ” ก็ยังถูกซักฟอกในหลายประเด็นเชียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 234 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:22
|
|
การหาข้อเท็จจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต วิธีสืบค้นให้ได้ความจริงที่สุดต้องอาศัยหลักฐานปฐมภูมิ (primary source) ขอยกตัวอย่างการสืบค้นเรื่อง “ท้าวสุรนารี” หลักฐานปฐมภูมิในเรื่องนี้ได้แก่ใบบอก คำให้การของบุคคลทั้งฝ่ายไทยและลาวในสมัยนั้น ส่วนหลักฐานทุติยภูมิ (secondary source) เช่นพงศาวดารหรือตำนานที่เขียนในสมัยหลัง ๆ การให้ความสำคัญย่อมน้อยลงมา หรือในกระทู้ของ ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน เรื่อง “สมัยรัชกาลที่ ๔ มี Photoshop หรือไม่” ซึ่งมุ่งหาความจริงเกี่ยวกับพระบวรฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่ ๒ องค์ ว่า องค์ไหนเป็นองค์ต้นฉบับจริง หลักฐานปฐมภูมิในเรื่องนี้น่าจะเป็นกระจกเนกาตีฟหรือฟิล์มกระจก การค้นหาก็ต้องไปสืบค้นในแหล่งที่คาดว่าจะเป็นที่เก็บสิ่งเหล่านี้เช่นหอจดหมายเหตุแห่งชาติ อย่างที่คุณชัยนิมิตรมีอุตสาหะไปสืบค้น สำหรับตัวเองคงไม่มีอุตสาหะขั้นนั้น คงเพียงแต่นั่งสืบค้นในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น” ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน หรือ NAVARAT.C ผู้ที่อุตสาหะค้นคว้าข้อมูลดังที่คุณ “เพ็ญชมพูกล่าวถึง เป็นผู้หนึ่งที่ทำให้กระทู้ในเรือนไทยมีความเคลื่อนไหว โดยในหลายครั้งครา NAVARAT.C ได้นำเสนอข้อมูลใหม่ๆทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้ชาวเรือนไทยต้องมานั่งปูเสื่อรอชมกันข้ามวันข้ามคืน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 235 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:22
|
|
“ผมเคยพบข้อมูลใหม่ในทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่พบแล้วจึงนำมาเสนอกระทู้ และในระหว่างที่กระทู้ใดกระทู้หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ แล้วผู้ที่เข้ามาร่วมเขียนความเห็นได้นำหลักฐานที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะมีมาแสดง หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้ความเห็นทางวิชาการที่เชื่อถือได้ เกิดเป็นข้อเท็จจริงใหม่ทางประวัติศาสตร์ ความจริงมีอยู่หลายเรื่อง แต่ขอยกตัวอย่างกรณีหนึ่ง ผมค้นคว้าเหตุการณ์ ร.ศ.๑๑๒ ตอนฝรั่งเศสนำเรือรบบุกเข้ามาแล้วเกิดการรบที่ปากน้ำ เกิดสนใจพระชลยุทธโยธินทร์ ผู้บัญชาการรบฝ่ายสยามขณะนั้นซึ่งเป็นนายทหารเดนมาร์ก ค้นไปค้นมาได้ข้อมูลทางฝ่ายโน้นที่คนไทยน้อยคนนักที่จะทราบว่า Andre de Richelieu ชื่อที่คนไทยสมัยรัชกาลที่ ๕ เรียกว่า“ริชลิว” ภายหลังที่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์เป็นพลเรือโท พระยาชลยุทธโยธินทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือคนเดียวของไทยที่เป็นชาวต่างชาติ แล้วลาป่วยออกจากราชการ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงพระเมตตาเสด็จโดยเรือพระที่นั่งมหาจักรีไปส่งลงเรือเมล์ถึงสิงคโปร์ และพระราชทานเงินบำนาญมากกว่าข้าราชการไทยหลายเท่าให้กินจนตาย เนื่องจากทรงเห็นว่าเงินเดือนของพระยาชลยุทธฯนั้นน้อยนัก(เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานยุโรป) แต่เมื่อกลับถึงบ้านเกิด ปรากฏว่าริชลิวมีเงินฝากก้อนมหาศาลรออยู่ที่นั่น ทำให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเดนมาร์กจนเงินบำนาญของสยามกลายเป็นแค่เศษรายได้ และยังมีบทบาทเด่นในราชสำนักถึงกับครั้งหนึ่งพระเจ้าเฟรเดอริกเกือบจะทรงแต่งตั้งให้เป็นถึงนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะประสพวิบากกรรมแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวในบั้นปลายของชีวิต”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 236 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:24
|
|
ในการค้นคว้าหาหลักฐานและข้อมูลต่างๆนั้น มล.ชัยนิมิตร กล่าวถึงในประเด็นนี้ว่า
“ถ้าสนใจประเด็นไหนก็ต้องอ่านให้มากเล่มที่สุดเท่าที่จะหาได้ สมัยที่ค้นคว้าทางอินเตอร์เน็ตได้แล้วยิ่งสนุก เพราะสามารถเข้าไปในเว็บของทุกประเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ดึงข้อมูล (ที่หาได้มากและง่ายกว่าหนังสือ) มาแปลโดยใช้ Google Translation เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งพอจะพึ่งพาอาศัยได้ ข้อความใดที่น่าสนใจก็จะก็อปปี้ไว้ทั้งหมด แล้วนำมาประมวลเปรียบเทียบว่าเราควรจะเชื่อข้อมูลใดของใคร ข้อสำคัญเมื่อนำมาเขียน ต้องทำใจให้เป็นกลางจริงๆก่อนแล้วจึงใช้วิจารณญาณตัดสิน ถูกผิดไม่ทราบ ทราบแต่ว่าตัวเราเชื่อว่าเช่นนั้นโดยบริสุทธิ์ใจก็แล้วกัน อนึ่ง ต้องใจกว้างหากเกิดข้อถกเถียงเพราะมีผู้ไม่เห็นด้วย การยกเหตุผลมาโต้แย้งกันถือว่าเป็นการเจริญปัญญา และเป็นสาระประโยชน์ของผู้อ่าน ตัวผมเองพร้อมจะน้อมรับผิดหากจำนนในหลักฐานที่ดีกว่า แต่ถ้ามั่นใจว่าตนเองถูกก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
ส่วนคุณ V_Mee เล่าถึงวิธีการค้นคว้าข้อมูลว่าก่อนที่จะมีอินเตอร์เน็ตนั้น ค้นคว้าจากการอ่านหนังสือ เอกสารจดหมายเหตุ และซักถามรวมทั้งฟังคำบอกเล่าจากผู้ใหญ่ในการค้นคว้าข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่มีข้อขัดแย้ง หรือมีหลักฐานอ้างอิงน้อยมากในเรื่องนั้นๆเพื่อค้นหาข้อเท็จจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 237 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:42
|
|
“ในกรณีมีข้อขัดแย้งทางประวัติศาสตร์หรือพบพิรุธอันชวนสงสัย ต้องพยายามค้นคว้าหาหลักฐานมาพิสูจน์ข้อขัดแย้งหรือข้อพิรุธนั้นๆ โดยพยายามเก็บเล็กผสมน้อยจากแหล่งต่างมาต่อรวมเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น เรื่องที่บอกเล่าต่อๆ กันมาว่า ในตอนปลายรัชกาลที่ ๕ มหาดเล็กของสมเด็จพระบรมฯ (รัชกาลที่ ๖) ไปแย่งกันจีบแม่ค้าจนถึงมหาดเล็กตีหัวทหารแตกแล้วไปร้องท้าทหารที่หน้าค่าย เมื่อสมเด็จพระบรมฯ ทรงทราบก็กริ้วและได้นำความกราบบังคมทูลรัชกาลที่ ๕ ขอลงโทษโบยนายทหารคู่กรณี ถ้าไม่พระราชทานพระบรมราชานุญาตจะทรงลาออกจากรัชทายาท แต่ในประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชบันทึกไว้ว่า มหาดเล็กวิวาทกับทหารแล้วถูกทหารทำร้าย เมื่อมีการสอบสวนกันแล้วกรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช ได้กราบบังคมทูลขอให้ลงอาญาโบยนายทหารคู่กรณี ในขณะที่ไม่ทรงเห็นด้วยกับการลงอาญาคราวนี้ ในเมื่อข้อมูลในเรื่องนี้ขัดกันโดยสิ้นเชิงและหากนำความในประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ ไปอ้างกับฝ่ายที่เห็นตรงข้ามก็จะได้รับคำตอบว่า ในเมื่อทรงพระราชบันทึกเองก็ต้องทรงเข้าข้างพระองค์เองเป็นธรรมดา นี้จึงเป็นที่มาของการค้นหาหลักฐานว่า ใครกันแน่ที่เป็นผู้กราบบังคมทูลรัชกาลที่ ๕ ขออนุญาตโบยหลังทหารที่วิวาท ผมเก็บความสงสัยนี้มานานจนวันหนึ่งไปค้นเอกสารจดหมายเหตุที่หอจดหมายเหตุแล้วลองสุ่มค้นดูแฟ้มเอกสารเรื่องศาลทหารก็พบลายพระหัตถ์กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดชกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องนายทหารกระทำผิดและขอพระบรมราชานุญาตโบยหลังที่สนามในศาลาว่าการกรมยุทธนาธิการ และพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ มีพระราชหัตถเลขาตอบพระราชทานพระบรมราชานุญาต จึงเป็นที่ยุติสำหรับเรื่องนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 238 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:43
|
|
ส่วนการค้นพบข้อมูลใหม่ทางประวัติศาสตร์นั้น จากการค้นคว้าเอกสารจดหมายเหตุที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติในเรื่องหนึ่งมักจะพบข้อมูลใหม่ในเรื่องอื่นๆ อยู่เสมอๆ เช่น การค้นพบแผนที่เมืองนครเชียงใหม่ซึ่งกรมทำแผนที่ได้สำรวจและจัดพิมพ์ไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ครองนครเชียงใหม่ ซึ่งแผนที่นี้เมื่อใช้ประกอบกับเอกสารหลักฐานอื่นๆ สามารถไขเรื่องราวในประวัติศาสตร์เมืองนครเชียงใหม่ให้ชัดเจนขึ้น เช่น ประตูเมืองเชียงใหม่ที่เล่ากันมาว่าเป็นประตูสองชั้นนั้นมีลักษณะเป็นเช่นไร เวียงแก้วซึ่งพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ประทานพระดำรัสตรัสเล่าว่าแบ่งเป็น ๓ ส่วนนั้นแบ่งพื้นที่เป็นอย่างไร รวมทั้งการสร้างอารามไว้ที่ ๔ มุมเจติยสถานสำคัญกลางเมืองตามคติเดียวกับที่เมืองสุโขทัยและนครศรีธรมราช ฯลฯ และเมื่อเร็วๆ นี้ไปค้นเรื่องที่รัชกาลที่ ๕ โปรดให้พระยาศรีสหเทพ (เส็ง อมาตยกุล – ต่อมาเป็นพระยามหาอำมาตยาธิบดี) ราชปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยเป็นข้าหลวงพิเศษขึ้นไปจัดระเบียบปกครองหัวเมืองประเทศราชล้านนาเมื่อ ร.ศ. ๑๑๘ (พ.ศ. ๒๔๔๒) ก็ไปพบลายพระหัตถ์ที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพกราบบังคมทูลรัชกาลที่ ๕ ว่า ก่อนที่พระยาศรีสหเทพจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เจ้านครลำปางและเจ้านครเชียงใหม่มอบของที่ระลึกมีมูลค่าให้พระยาศรีสหเทพ แต่พระยาศรีสหเทพไม่กล้ารับได้โทรเลขลงมาหารือ ทรงตอบไปว่าให้รับ พระยาศรีสหเทพจึงรับของที่ระลึกนั้นมา เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้วได้นความกราบบังคมทูลเรียนพระราชปฏิบัติ หากไม่โปรดให้รับก็จะส่งกลับคืนไป แต่เมื่อมีพระบรมราชโองการให้รับ พระยาศรีสหเทพจึงส่งรถสี่ล้อไปให้เจ้านครลำปาง ๑ คัน รถสี่ล้อนั้นคงจะเป็นรถม้าหลังแรกของนครลำปางก่อนที่จะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองลำปางมาจนทุกวันนี้ ขณะเดียวกันก็ส่งนาฬิกาเรือนใหญ่ราคา ๒ ชั่งไปให้เจ้านครเชียงใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 239 เมื่อ 18 มี.ค. 15, 08:45
|
|
...ยิ่งอ่านมาก เรายิ่งรู้มากว่า ประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้ล้วนมีการแต่งแต้มแปรเปลี่ยนไปจากข้อเท็จจริงมิใช่น้อย และหากไม่ทำอะไรเพื่อแก้ไขความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์นั้นเสียแต่วันนี้ ก็เปรียบเสมือนส่งต่อยาพิษให้ลูกหลานไทยในอนาคต ” ในเรื่องการค้นคว้าข้อมูลทางประวัติศาสตร์นั้น คุณ Siamese ให้ความเห็นว่าปัจจุบันเมื่อมีระบบอินเทอร์เน็ต การค้นคว้าข้อมูลนั้นไม่อาจเชื่อถือได้เสมอไปนัก “ก่อนหน้าจะมีอินเทอร์เน็ต การค้นคว้าข้อมูลได้จากแหล่งหนังสือเป็นส่วนใหญ่ เก็บเล็กผสมน้อยในหนังสือเล่มต่างๆ ประมวลเข้าด้วยกัน แต่สำหรับปัจจุบันนี้การค้นหาทางระบบอินเทอร์เน็ตก็มีส่วนช่วยมากในการค้นหา แต่ก็จะชั่งใจไม่เชื่อจนหมด เนื่องจากไม่รู้ว่าข้อมูลที่กล่าวในระบบออนไลน์จะมีความถูกต้องแค่ไหน ซึ่งยังมีการค้นคว้าเอกสารประวัติศาสตร์อีกแหล่งคือ หอสมุดแห่งชาติ”ซึ่งเป็นเอกสารพื้นฐานเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่แม่นยำ แต่การเข้าไปค้นคว้าต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากเอกสารในหอสมุดมีจำนวนมาก
“หนุ่มสยาม” จะเน้นมากไปทางภาพถ่ายเก่าๆ ของกรุงเทพมหานครในช่วงรัชกาลที่ ๔ – ๘ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เช่น มีการพบภาพถ่ายของพระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) เมื่อยังไม่เป็นทรงพระปรางค์และเป็นกองอิฐขนาดใหญ่ปล่อยร้างไว้ จนกระทั่งมีการสร้างโอบล้อมจนเป็นภูเขาทอง ภาพถ่ายในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ สมัยรัชกาลที่ ๕ บางภาพนั้นในตำราไม่ได้บรรยายไว้ เมื่อมีภาพถ่ายเก่าเพิ่มเข้ามา ก็เท่ากับมาช่วยเติมและไขปัญหาได้มาก”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|