เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: แพร ที่ 04 ม.ค. 06, 22:57



กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 04 ม.ค. 06, 22:57
ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา

เมื่อก่อนไม่แพรไม่เคยสนใจละครหลังข่าว เพราะไม่มีเวลาได้นั่งดู แต่ซักปี 2 ปีที่ผ่านมาพอเริ่มได้อ่านนิยายไทย (2-3 เรื่อง) และฝรั่ง (รวมทั้ง Harry Potter เล่ม 6    ด้วยนะพี่ paganini) ก็เริ่มรู้สึกว่าศิลปะด้านตัวหนังสือแขนงนี้ก็สวยงาม และก็สวยงามไม่แพ้งานดนตรีด้วย

แต่พอเริ่มดูละครหลังข่าวเมืองไทย ก็เริ่มรู้สึกทำให้เริ่มหมดความศรัทธาอีกครั้ง และมันก็ไม่ได้สวยงามเหมือนตัวหนังสือ เนื้อเรื่องมีแต่แก่งแย่ง ชิงดีเด่นทางด้านอารมณ์และความรัก บทละคร ก็บรรยายแต่ด้านอารมณ์และความต้องการทางวัตถุ ต้องมีนางอิจฉา แว๊ดๆ และ ตัวตลกปัญญานิ่ม เป็นตัวชูโรง และเป็นแนวซ้ำๆกันทุกช่อง จำได้ว่ากลับมาบ้าน สองปีก่อนยังได้ดูเรื่อง เส้นไหมสีเงิน ยังให้ความรู้สึกดี ที่แตกต่างบ้าง แม้จะไม่สิ้นเชิง

ทำไมเมืองไทยไม่มีละครหลังข่าว แบบ เรื่อง CSI ที่ตัวเอกเป็นนักสืบสวนอาชญากรรม หรือ เรื่อง PRIME ที่ตัวเอกเป็นนักคณิตศาสตร์ คอยใช้คณิตศาสตร์แก้ปัญหา ถามพี่ชาย เค้าบอกว่า ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยเห็นละครหลังข่าวที่มีตัวเอกเป็นนักวิทยาศาสตร์ (แบบ Mc Guyver) ถามแม่ซึ่งเป็นแฟนละครหลังข่าว ก็บอกว่าไม่เคยเห็นเหมือนกัน


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 04 ม.ค. 06, 22:58
อยากให้มีเรื่องราวประเภท ที่ได้แสดงให้เห็นความสามารถ ของตัวละครในบท ถ้าจะให้คิดใกล้ตัว ก็เช่น ตัวเอกเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ที่อาจทำงานที่กระทรวง และต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต่างๆของประเทศไทย ที่แต่ละตอนต้องตัวเอกของเราต้องพบกับปัญหาซับซ้อน ต้องใช้ความสามารถที่เรียนมา แก้ปัญหาทีละเปราะ (แน่นอน คงต้องมีเรื่องความรักระหว่างนางเอก กับพระเอกเจ้าของบริษัทใหญ่ เข้ามาเพิ่มความซับซ้อนและสีสัน)

หรือ แม้แต่ ตัวเอกเป็นทนายความ ที่ต้องว่าความในคดีที่น่าสนใจ และตื่นเต้นทุกๆคืน (คล้ายๆกับเรื่อง Ally McBeal นั่นสินะ ทำไมเรื่อง Ally McBeal ถึงได้ถ่ายทอดเรื่องราวของทนายความสาวโสด ออกมาได้อย่างสนุกและน่าติดตาม และสวยงาม บางตอนสนุกบางตอนเศร้าจนน้ำตาซึม แถมแทรกเรื่องราวของความเป็นทนาย และไม่ต้องมีตัวอิจฉา แว๊ดๆ)


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 04 ม.ค. 06, 22:59
 พี่ชายมีสมมติฐานว่า คนที่จบด้านนิเทศ วารสาร ที่เป็นส่วนสำคัญในวงการสื่อบ้านเรา มักจะไม่คุ้นเคยกับงานนอกอาชีพตัวเอง เวลาเขียนเรื่องราวก็เป็นเรื่องใกล้ตัว จะออกไปบ้างก็ไม่ไกลตัวนัก ส่วนนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ค่อยอยากจะเขียน หรือ เขียนแล้วถ่ายทอดได้ไม่สวยงามน่าอ่าน ซึ่งพิสูจน์ได้ง่ายๆจากแผงหนังสือ หนังสือ Top 10 จะเป็นเรื่องราวชีวิตดารา


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 04 ม.ค. 06, 23:01
 ทำไมบ้านเราไม่มีคนแบบ Micheal Chrichton หรือ John Grisham หรือมีแต่ไม่ได้เกิด(ในวงการ)

ขออภัยคุณเทาชมพู ที่มาใช้เนื้อที่บนเรือนมาบ่นเรื่อยเปื่อย พรุ่งนี้จะกลับไปเรียนแล้ว คงห่างละครไทยไปอีกสักพัก พอให้หายเอือม    


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 05 ม.ค. 06, 00:06
 ดีใจครับที่เยาวชนไทยอย่างน้องแพรยังมีอยู่

ทีนี้การละครหลังข่าวมันเป็นเช่นไรก็เพราะว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้นไงครับ อาจจเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเพราะว่าสังคมไทยส่วนใหญ่เป็นยังงั้นจริงๆ

ทฤษฎีหนึ่งที่ผมมักจะพูดกับเพื่อนๆประจำคือ แฟนละครน้ำเน่าส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางค่อนไปทางล่าง จนถึงชั้นล่าง ซึ่งกลุ่มนี้มักจะทำงานหนัก หรือทำงานอะไรที่ค่อนข้างเครียดมากๆ พอถึงเวลาพักผ่อน ก็อยากจะปลดปล่อยความเครียดเหล่านั้นที่เจอมาจากที่ทำงานเช่นโดนหัวหน้าด่า โดนลูกค้าโวย หรือดูถูก เครียดจัด เลยมาหาเอาจากละคร จะเห็นว่าตัวร้ายมักจะได้รับผลกรรมในที่สุด หรือมีการเชือดเฉือนทางคารมอย่างสะใจ ด้วยในชีวิตจริง บางคนหาคำเถียงให้ตัวเองไม่ได้เลยต้องมา นั่งสร้างความเครียดแล้วปลดปล่อยเอาจากละครประเภทนี้
ส่วนคนที่มีการศึกษาสูงและอยู่ในสังคมที่กดดันน้อยกว่าก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา
จริงๆถ้าละครพวกนี้รับใช้ชนชั้นที่ผมกล่าวมาแต่อย่างเดียวมันคงไม่เป็นไรเท่าไหร่เพราะเราต้องยอมรับในความสุขของผู้อื่น ที่น่าห่วงคือ เยาวชนที่กำลังโตมา ได้ดูหนัง ละครแบบนี้เขาจะยึดถือว่าของเหล่านี้เป็นธรรมดา ความอิจฉาริษยาเป็นเรื่องปกติ ถ้าใครมาด่าเรา เราต้องด่ากลับ ถือว่าเป็นการโต้ตอบแบบธรรมดาของสังคม มันเละเทะไปหมด
อีกด้านหนึ่งผู้จัดละครทีวีของเราส่วนใหญ่มักจะเป็นนักแสดงอย่างเดียว เป็นนักธุรกิจ คือมันไม่ใช่มืออาชีพน่ะครับ อย่างที่ผมเคยโพสต์ไว้ว่า ละคร ภาพยนต์เป็นศิลปะที่ต้องอาศัยศิลปะหลากหลายมารวมกัน ผู้กำกับผู้ดูแลต้องมีความเข้าใจและความซาบซึ้งต่อศิลปะแขนงนี้เป็นอย่างสูงจึงจะสามารถนำวิวัฒนาการมาสู่ศิลปะละครทีวีที่ดีและนั่นคือ มีส่วนในการชี้นำสังคมด้วย
(เลี่ยงไม่ได้เลยที่จะพูดว่าละครทีวี หรือรายการทีวีโดยทั่วๆไปมีส่วนอย่างมากในการชี้นำให้สังคมคิดอย่างไร มันเป็นเครื่องมือในการ propaganda ไงครับ)
วันก่อนผ่านตาเห็นรายการมวยปล้ำน้าติง ธรรมดามวยปล้ำก็เป็นรายการที่ค่อนข้างรุนแรงก้าวร้าวอยู่แล้ว แต่รายการวันนั้นคือ มี 2 ฝ่าย ปล้ำกันแล้วฝ่ายหนึ่งโกงเอาพวกมารุม อีกฝ่ายก็ยกพวกมาสู้กัน เละเทะทั้งเวที ถ้าจะฉายให้ดูว่าเกิดเรื่อง ให้มีซักแว้ปก็พอว่า แต่นี่มันตีกันมั่วซั่วแบบนี้นานเป็น 10 นาที ผมเลยรู้สึกแย่ว่าเมื่อก่อนมี กบว. ที่มีหลักการทีดีใช้ได้ แต่เนื่องจากกลุ่มคนที่เป็นกรรมการกลับไร้วิจารณญานตัดแหลก เลยทำให้ชาวบ้านหมั่นไส้จนต้องยุบหน่วยไปเลย

ผมยังคิดเล่นๆเลยว่าถ้ามีตังค์ไปเช่าเวลาทีวี อยากจะเอาเวลามาแล้วเชิญผู้เชียวชาญ อาจารย์ นักศึกษาประชาชน มานั่งวิจารณ์รายการอื่นๆ ของทุกช่องว่า รายการไหน ดีแย่ยังไง แล้วให้ผู้ชมโหวตว่ารายการนี้ควรอยู่หรือไป เป็นการตรวจสอบสังคมทางหนึ่ง
แต่เพื่อนๆผมบอกว่า กลัวว่ารายการของเอ็งนั่นแหละจะโดนโหวตให้ออกไปก่อนเลย เหอๆๆๆ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 05 ม.ค. 06, 00:14
 คุณ paganini อย่าว่ามาก จริงๆด้วยค่ะ ทำงานมาเหนื่อยๆ พอถึงเวลาพักผ่อน ก็อยากจะปลดปล่อย
ความเครียดเหล่านั้น เหมือนอ่านนิยายสักเรื่อง ถ้าจบแบบ not happy ending ขี้เกียจอ่านค่ะ
เพราะรู้สึกว่าผู้แต่งทำลายจิตใจเกินไป อย่างคู่กรรม จบแล้วต้องตายจากกัน พอรู้อย่างนี้ใจก็ไม่จดจ่อ
เพราะเดี๋ยวต้องมานั่งซับน้ำตา

ขอดูเรื่องเน่าๆ มีความสุขดี แต่คนข้างๆชอบกระแนะกระแหน


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 05 ม.ค. 06, 00:33
 เป็นเรื่องไม่ตลกของละคร(ที่พยายามตลก) ของคนไทยครับ
สังเกตได้ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องที่เกินอาจเอื้อมแล้ว ตัวตลกที่บางครั้งบทไม่ควรจะมีอยู่ หรือเอนเอียงไปทางนั้นก็มักจะต้องมีอยู่ หรือถูกยัดเยียดให้มีบทจนได้

ผมไม่ปฏิเสธอ่ะ ว่าบางครั้งละครแบบนี้ก็ดูสนุกสนานดีอยู่นะ (ถ้าไม่ได้คิดอะไร) เพราะเนื้อเรื่องมันก็ถูกผู้กำกับ ถูกคนเขียนบทปรุงแต่งจากบทละครเดิมให้เอนเอียงไปทางนั้นๆอยู่แล้ว... แต่คิดอีกที เหมือนดูถูกคนดูโทรทัศน์หรือเปล่า ที่พลอตเรื่องของละครในตลาดไม่ว่าจะแนวไหนก็ต้องออกมาเป็นแบบเดิมๆ (แม้กระทั่งละครชีวตที่ไม่ใช่เรื่องอะไรตลกเลย คนไทยก็ยังต้องมีตัวตลกที่เล่นมุขไม่เข้ากับเนื้อเรื่อง - เชื่อเขาเลย)

ละครอีกหลายเรื่อง ที่เล่นพาดพิงถึงพระราชวงศ์ พระราชนิกูล ก็เขียนให้นางร้ายซึ่งเป็นพระราชนิกูล หรือหม่อมห้ามประพฤติตัวไปในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก (ถึงจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ว่าไม่มีพระราชนิกูลที่ประพฤติตัวแบบนี้จริง) แต่การเขียนในลักษณะนี้เองก็เหมือนการ "แหย่" อยู่หรือเปล่า (ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ)

และที่ผมไม่ค่อยชอบที่สุด บ่อยครั้งที่มีการนำละคร "อิง" ประวัติศาสตร์มาเล่นโดยการเติมแต่งบทให้ออกไปในทางละครตลาด นักแสดงซึ่งแสดงเป็นพระบรมวงศ์ในอดีตหลายพระองค์ก็ต้องพูดบท หรือแสดงท่าทางที่คนธรรมดาในปัจจุบันจำนวนมากก็ยังไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำ (ไม่รู้จะทำไปทำไม เอาใจคนเล่นหรือคนดูก็ไม่รู้ แต่เจ้านายหลายพระองค์ที่ต้องมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในสายตาคนในชาติ ทั้งๆที่แทบจะไม่ได้มีพงศาวดารบันทึกถึงหนะ ลุกขึ้นมากอบกู้พระเกียรติที่เสียไปจากฝีมือผู้กำกับหรือคนเขียนบทไม่ได้แน่ๆ)



น้อง ป. 5 คนหนึ่งเคยเอาหัวข้อโต้วาทีมาให้ผมช่วยดูบทที่เขาจะขึ้นพูดในหัวข้อที่ว่า "ยอมเสียเงินติด UBC ดีกว่าปล่อยให้ลูกของท่านดูละครไทย" คุณๆว่ามันจริงมั้ยเนี่ยะ หิหิ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 05 ม.ค. 06, 00:37
 พี่ Nuchan ครับ สำหรับผมงานศิลป์ที่ดีมันมีวิธีที่จะซาบซึ้งได้หลายระดับ หลายแบบ คนที่อยากดูเอามันส์ก็ดูได้ คนที่ดูแล้วขบคิดปรัชญาชีวิตก็ดูได้  ไรเงี้ยครับ เพราะฉะนั้นผมก็ไม่ว่าหรอกครับ แต่ทำอย่างไรที่จะควบคุมมันได้ โดยพิจารณาผลพวงที่จะเกิดแก่เยาวชนเป็นหลัก

จุดสำคัญคือผู้จัดทำละครหรือคนเขียนเรื่องและบทในบ้านเราเป็น คือทำงานสนองความนิยมของคนดูมากเกินไป  แทนที่จะเป็นตัวของตัวเอง สร้างสรรค์ในสิ่งที่ตัวเองคิดแล้วนำเสนอให้ประชาชนเลือกเสพ กลับกลายเป็นว่าทำตามรสนิยมผู้เสพ ทั้งนี้เนื่องจากทุกคนอยากได้เงินนั่นแหละครับ
Point ที่น้องแพรชี้ไว้ก็น่าคิดครับ เรียกว่าคนทำหนังละครนั้นแคบเกินไปไม่มีความรู้กว้างขวาง (ซึ่งเป็นลักษณะของเยาวชนไทยสมัยนี้ทั้งหลาย ที่แย่ที่สุดคือไม่ค่อยจะสนใจใฝ่รู้ จากประสบการณ์ส่วนตัวผมว่าเยาวชนในประเทศแถบยุโรปนั่นใฝ่รู้รอบรู้อย่างน่าชื่นชม)


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 05 ม.ค. 06, 00:39
 ติด UBC ก็ดูแค่ช่อง 23, 24, 25, 26, 39, 40 ไม่คุ้มเดือนละ 1,500 บาทค่ะ
ติด Astro ดูได้เหมือนกัน เดือนละ 700 บาท คุ้มกว่าแฮะ แต่ไม่มีภาษาไทยเท่านั้นเอง


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ม.ค. 06, 01:06
ละครทีวี เป็นธุรกิจบันเทิง  ไม่ใช่งานที่มุ่งทางด้านศิลปะ  ซึ่งเสพเพื่อความอิ่มใจในความงามอย่างเดียว ไร้ผลประโยชน์เกี่ยวข้อง
ละครทีวีเป็นสินค้าผลิตโดยผู้จัดละครซึ่งทำในรูปของบริษัท   เช่นเดียวกับสินค้าทั้งหลาย  ถ้าจะอยู่ยงคงกระพันได้ก็ต้อง "ขายออก"  มีกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มผู้บริโภคที่บริษัทจะต้องจับให้ได้ว่านิยมบริโภคสิ่งใดแบบไหน
เนื่องจากต้นทุนในการผลิตสูงมาก   จะผลิตเพื่อชนกลุ่มน้อยไม่ได้

กลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมแบบไหน  สินค้าก็ออกมาในรูปแบบนั้นละค่ะ

อเมริกามี Soap Opera น้ำเน่าจะตายไป   ไม่ได้ดีวิเศษไปกว่าไทยหรอกค่ะ  
ผู้บริโภคที่มีืทางเลือกก็ดูยูบีซี


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 05 ม.ค. 06, 10:51
อย่าเข้าใจผิดนะคะ ที่เขียนมาทั้งหมด เป็นเพียงคำถามที่ค้างในใจ ไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิใคร หรือไม่ได้จะบอกว่าศิลปะชนิดไหนสูงส่งกว่าอันไหน แต่ละคนย่อมมีความสุขกับศิลปะที่ตัวเองชอบ ไม่จำเป็นว่าศิลปะนั้นจะสูงส่งหรือต่ำต้อยในสายตาคนอื่น

ตัวเองก็เริ่มอ่านนิยายไทยเรื่อง เรือนมยุรา เป็นเรื่องแรก ด้วยความบังเอิญ และก็เริ่มที่ชอบในความสวยงามของตัวอักษรและนิยายไทย การถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวหนังสือให้งดงามทำได้ยาก และเป็นศิลปะขั้นสูง

แต่ถ้ามองในแง่เศรษฐศาสตร์ประกอบด้วย การถ่ายทอดเรื่องราวบนแผ่นฟิล์ม ยิ่งยากกว่า (อย่างที่คุณเทาชมพูบอกค่ะ) นอกจากความงดงามทางศิลป์ขององค์ประกอบภาพ และ ความงดงามของบทละครแล้ว คนทำละครก็มีข้อผูกมัดเงื่อนไขของงบประมาณมามัดคอไว้อีกหนึ่งทอด

แม้จะฟังเหมือนบ่น แต่แค่อยากวิงวอน ให้ช่วยผลักดัน ให้ค่อยๆเปลี่ยน หรือ แทรกเรื่องราวมุมมองด้านอื่นๆ เข้าไปในนิยาย เช่น (ด้วยมุมมองแคบๆของตัวเอง) เรื่อง Ally McBeal ที่โครงเรื่องหลักก็เป็นการค้นหาความรักที่แท้จริงของ Ally เพียงแต่ตลอดทั้งเรื่องมีการแทรกเรื่องราวของทนายความ มาเป็นจุดเด่นของเรื่อง มีการว่าความจริงๆ มีปัญหาจริงๆ มีการแก้ปัญหา ได้ทั้งความรู้และความบันเทิงไปพร้อมกัน

บ้านเรามีคนเก่งก็ไม่น้อย น่าจะทำเรื่องราวที่ดีๆและถูกใจตลาดไปในคราวเดียวกันได้ รู้ค่ะว่ายาก แต่ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงนะคะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: sound engineer ที่ 05 ม.ค. 06, 11:31
 เกมโชว์ ละครน้ำเน่า รายได้ดีจะตายครับผมเห็นตรงข้ามoffice เขาเปลี่ยนรถขับเป็นว่าเล่น ทั้งที่เวลาดูออกอากาศ ไม่เห็นมีสาระอะไร เอาตลกมาตบหัว เล่นคำหยาบคาย หรือ เชิญดารานุ่งน้อยห่มน้อยมายั่วน้ำลายชาวบ้าน แต่ก็มีบางเจ้านะครับ ลงทุนทำอะไรเพื่อสังคมจริงๆ ไม่ใช่แค่หวังเงินsponser


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 05 ม.ค. 06, 13:56
 จริงๆแล้ว point ของผมไม่ได้อยู่ที่ว่าจำเป็นต้องเป็นศิลปะหรือไม่หรอกครับ แต่คิดว่าคนทำต้องตระหนักว่างานของตัวเอง มีอิทธิพลต่อสังคม ดังนั้นควรจะมีความรับผิดชอบ
แน่นอนละครับ ทั้งหลายทั้งมวลของละครที่ออกมามีทั้งดีและไม่ดี ที่ดีเราไม่พูดถึง เราสนใจแต่เนื้อร้ายมากกว่าครับ ละครช่อง 3 ช่อง 7 ที่ดีๆก็มีแต่น้อยครับ มักจะไม่ค่อยฮิตเสียด้วยสิ

ละครน้ำเน่า หลายต่อหลายครั้งแสดงถึงธรรมชาติฝ่ายต่ำของมนุษย์ ปลดปล่อยออกมาให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา แทนที่จะแนะนำวิธีที่จะควบคุมไว้ อย่างที่คุณ sound ว่าไว้ ในเมื่อคุณทำงานแล้วได้รายได้ดีอย่างยิ่ง  สมควรมากๆที่จะทำด้วยจิตสำนึกมากกว่านี้

ผมเองไม่ค่อยได้ดูละครทีวีเท่าไหร่ แต่เท่าที่เคยสัมผัสผมว่าละครของ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ทำได้ดีพอสมควรเลย คืออย่างเช่นหนังรักโรแมนติก  ไม่ได้มุ่งแค่เรื่องรักเศร้าโศกสมหวังอย่างเดียว แต่มันมีอะไรที่จะสื่อถึงผุ้ชมให้ผู้ชมได้คิดได้ไตร่ตรองกัน หรือหนังกำลังภายในก็มักจะมีข้อคิด หนังญี่ปุ่นบางทีซับซ้อน คนดูต้องคิดตาม(เดี๋ยวจะหาว่าเครียดอีก) แต่เมื่อคิดตามแล้วสนุก(การคิดไม่ได้นำไปสุ่ความเครียดซะทั้งหมด ใครที่คิดแล้วเครียดผมว่าพวกนั้นสมองกลวงแล้ว) หรือนังซับซ้อนซ่อนเงื่อน น่าติดตามตื่นต้น  แต่ละครไทยมันไม่ใช่เลยครับ  มันแทบจะไม่มีอะไรเลย ความซับซ้อนแยบยลในการดำเนินเรื่อง สารที่จะสื่อถึงผุ้ชม ฯลฯ เทียบแล้วแย่กว่าของเพื่อนบ้านไปหมดเลย

น้องแพรครับ
บ้านเราคนเก่งมีไม่น้อยแต่ไม่ได้แสดงฝีมือ ถ้าวงการไม่ก้าวหน้าเมื่อก่อนเขาบอกว่าเป็นเพราะคนเก่งถูกปิดโอกาส แต่ผมว่าปัจจุบันนี้ คนเก่งไม่กล้ามากกว่า เก่งแต่อยู่เฉย เก่งแต่ไม่กล้าแหวก เลยมีแต่คนไม่เก่งออกไปเต้นรำบนเวที


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paracetamol ที่ 05 ม.ค. 06, 14:23
น้อยครั้งที่เห็นผู้จัดละคร ดำเนินเรื่องตามบทประพันธ์ จะกระโดดไปมา บางครั้งกลายเป็นคนละเรื่องก็มี

ดูภาพยนตร์เรื่องนึง ชื่อเรื่องทวิภพ ติดตามอ่านตั้งแต่อยู่ในหนังสือสกุลไทย มาเป็นละครก็ OK เป็นภาพยนตร์หลายรอบก็คล้าย ๆ สุดท้ายล่าสุดทวิภพเวอรชั่นใหม่ เป็นคนละเรื่องไปเลย ไม่มีความงดงามของความรักความผูกพัน ความเรียบง่ายในวิถีไทยแบบเดิม ๆ แฟนคุณทมยันตีคงกลุ้มใจน่าดู

แต่ก็ยังขอเป็นกำลังใจให้ผู้จัดละครที่ดี ๆ ได้นำเสนอละครเพื่อสังคมบ้าง  แทรกให้ข้อคิดทีละบททีละตอนก็ได้ เป็นการคืนกำไรสู่ผู้ชม


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 05 ม.ค. 06, 20:34
 1) อยากทราบว่า ถ้าผู้กำกับซื้อลิขสิทธิ์นิยายไปสร้างละคร แล้วจำเป็นต้องดัดแปลง
จากเนื้อเรื่องเดิม เช่นในหนังสือพระเอกตาย แต่ในหนังไม่ตายหรือตายช้าหน่อย (พยายาม
จะนึกตัวอย่างค่ะ) อย่างนี้เขาต้องทำความตกลงกับเจ้าของนิยายก่อนไหมค่ะ

2) สำหรับงานวรรณกรรม สมมติว่า สนพ. ซื้อลิขสิทธิ์แฮรี พอตเตอร์ เพื่อพิมพ์ขาย 10,000 เล่ม
ในทางปฏิบัติ จะทราบได้อย่างไรค่ะว่าไม่ใช่ 20,000 เล่ม


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 05 ม.ค. 06, 23:15
 การีน เคยทราบมาว่าการนำนิยายไปสร้างเป็นละคร ส่วนใหญ่ถ้าผู้แต่งเรื่องยังอยู่ แน่นอนว่าผู้แต่งจะต้องทราบเรื่องของตนเอง ว่ากำลังจะกลายเป็นละคร และการดัดแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อจะทำเป็นละครนั้น เจ้าของเรื่องดั้งเดิมก็จะได้รับทราบเรื่องที่ถูกเปลี่ยนแปลงนั้นๆก่อนที่จะมีการถ่ายทำจริงๆ เมื่อการดัดแปลงนั้นๆไม่ได้รับการยอมรับจากผู้แต่งเดิม ก็ต้องนำไปแก้ไขกันใหม่  เป็นเรื่องของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
...แต่ก็มีกรณีที่ว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นๆมีการแจ้งผู้แต่งจริง แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องได้ เนื่องจากมีการถ่ายทำละครไปแล้ว ผู้จัดละครจะอ้างเรื่องเวลาและเงินตราที่เสียไปจนไม่สามารถจะเปลี่ยนอะไรได้อีก...แม้เรื่องที่เอามาดัดแปลงนั้น จะกลายเป็นนิยายคนละเรื่องแล้วก็ตาม

***การีนว่านิยายน้ำเน่าจะอย่างไร ก็ล้วนเป็นเรื่องจริงที่อาจเกิดขึ้นได้ อาจเป็นมุมมองแคบๆนะค่ะ แต่บางสิ่งบางอย่างก็ล้วนเอาจากชีวิตจริงอยู่แล้ว***

***ละครบางเรื่องสนองความต้องการที่อยากระบาย คลายเครียด บางเรื่องก็สนองความสุขสมบูรณ(ในชีวิต อย่างเรื่องที่จบอย่างมีความสุข ก็ตอบสนองชีวิตชาวบ้านที่ไม่อาจมีเรื่องราวต่างๆที่สุขสมบูรณ์ไปทุกเรื่อง***

***อยากให้มีเรื่องดีๆเหมือนกันค่ะ แต่บางทีมันก็ไม่ช่วยให้ละครดัง (จริงๆแล้วคนจะสนใจ หรือไม่สนใจละคร มันก็อยู่ทีการโปรโมตด้วยนะค่ะ) หรือบางครั้งมันไม่เพียงพอที่ผู้จัดทำละครจะได้กำไร***

จะว่าไปแล้วมันเป็นเหตุผลที่ทุกๆคนบอกมาแล้วล่ะเนอะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 05 ม.ค. 06, 23:39
 ฟังแล้ว อยากไปเที่ยวเมืองนอกจังเลยครับ
ตอบอย่างง่ายๆ เลยครับ คนไทยไม่ชอบเรื่องที่ต้องคิดตาม มันปวดหัว
หนังที่มี ถ้าไม่รักน้ำเน่า ก็พวกบู้หั่นแหลกครับ

ปล.อยากดู PRIME มากๆ ครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: คำฝอย ที่ 06 ม.ค. 06, 03:52
 ประเด็นน่าคิดนะคะ แต่อันที่จริงดิฉันก็ชอบดูเหมือนกันล่ะค่ะ ละครน้ำเน่าหลังข่าว เพราะว่ามันดูแล้วก็เพลินๆ ดีค่ะ ไม่ต้องคิดตาม (เราสมองกลวงหรือเปล่าเนี่ย ท่าจะจริงแฮะ) ทั้งที่รู้อ่ะนะคะ ว่ามันสูตรเดิม ต้องแบบว่าพระเอกรวยล้นฟ้า ที่บ้านทำธุรกิจอะไรซักอย่างแต่ว่านั่งเฉยๆ แล้วมีเวลาตามก่อกวนนางเอก ส่วนตัวอิจฉาก็วันวันไม่ทำงานค่ะ เอาแต่ร้องกรี๊ดๆ แต่ดิฉันว่านะคะ ถ้าจะคิดว่าดูละครน้ำเน่า ดูน้ำเน่าแบบโบราณจะดีกว่า ที่นางเอกติ๋มๆ เรียบร้อยน่ะค่ะ แล้วก็สุดท้ายมีความสุขเพราะเธอเป็นคนดี เดี๋ยวนี้นะคะ ตัวอิจฉากะนางเอกแทบจะแยกกันไม่ออก กระโปรงก็ยาวแค่คืบเหมือนกัน ปากร้ายเหมือนกัน ดูได้ว่าใครเป็นนางเอกก็ต่อเมื่อตอนจบที่คุณเธอสมหวังกะพระเอก แค่นั้นล่ะค่ะ อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ชอบคือ พวกข่าวบันเทิงงประโคมมาก เรื่องฉากรักๆ ใคร่ๆ อย่าว่าแต่ชนชั้นกลางถึงต่ำเลยค่ะ นักศึกษาป. โท ป. เอก วันไหนพระเอกจะปล้ำนางเอกต้องรีบกลับบ้านไปดู รู้สึกว่าเขาจะเอาเรื่องแบบนี้มาเป็นจุดขายมากไป ดิฉันว่าไม่ดีอ่ะค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 06 ม.ค. 06, 09:22
สงสัยน้องแพรคงไม่ได้ดูเรื่อง แด จัง กึม นะครับ ละครน้ำดีๆ ที่ขายได้ก็มี สื่อมวลชนโหวตให้เป็น ละครแห่งปี ครับ คนติดทั้งเมือง อีกเรื่องคือ F4 ที่แม้ว่าน้ำจะไม่ดีเท่า แต่ก็ทำเอาสาวไทยทั้งประเทศ คลั่งอยู่พักใหญ่ ยอดขายโฆษณากระฉูดอีกเรื่องครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ม.ค. 06, 09:43
 ฟังคุณอ๊อฟออกคำรับรองแล้วยิ่งช้ำใจแทนน้องแพร  
แม่นางแดเธอก็เป็นสาวเกาหลี   ส่วนเจ้าหนุ่มสี่คนก็เมดอินไต้หวัน
ไม่มีละครไทยติดอันดับเลย

ส่วนคห. ๑๕ ของคุณการีน   ขอตอบว่าไม่ใช่
นักเขียนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้อย่างที่คุณว่า   การทำสัญญาลิขสิทธิ์  ทางช่องมีแบบฟอร์มให้เสร็จสรรพ   และไม่ได้ให้สิทธิ์นักเขียนถึงขนาดนั้น
นักเขียนที่ต่อรองได้ขนาดนั้นเมืองไทยมีไม่กี่คน


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: 125 66 ที่ 06 ม.ค. 06, 21:01
 อาจจะเป็นเพราะละครแบบนี้สนองตอบสังคมที่เร่งรีบได้ดี
พลอตเรื่องเดิมๆ
พลาดไป 2-3 ตอน มาดูใหม่ก็ยังปะติดปะต่อเรื่องได้
ไม่ต้องจดจ่อทุกวัน สะดวกดี


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: WHAt_LOvE ที่ 06 ม.ค. 06, 22:26
 ละคร ยังไงมันก็เป็นละครวันยังค่ำ ผู้ที่จัดทำก็พยามที่จะนำเสนอให้ถูกใจกลุ่มเป้าหมายเพียงเป้าเดียวหรือหลายๆเป้าหมายแต่จะให้ผู้จัดทำตรงตามเป้าหมายคุณคงไม่ได้หรือแม้แต่คนอื่น
ทางเลือกเขาก็มีให้เลือกตั้งหลายแนวหลายช่องหลายความสนใจ คุณสนใจอันไหนคุณก็ดูอย่างนั้นหากชีวิตวันๆมีแต่วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์โลกทั้งใบคงจะมีแต่ใบหน้าอันแสนบูดบึ้งของผู้คนไม่มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนอย่างทุกวันนี้
คุณรับได้หรอชีวิตที่แสนหนัก ใบหน้าที่อ่อนล้า นึกไม่ออกว่าละครน้ำเน่าที่คุณว่ามันดีอย่างไรลองวิธีนี้ดู
ลองนะทานอะไรก็ได้เข้าไปในกระเพาะที่คุณคิดว่ามันดีที่สุดสำหรับร่างกายคุณ แต่นะ แต่ไม่ต้องเข้าห้องน้ำไม่ต้อง ถ่าย ออกมาเลย คุณทำได้ไหมล่ะ
นั้นแหละ
สิ่งที่คุณทานก็คือนิยายฝรั่งที่ของคุณที่คุณซึ่งเป็นคนไทยยกย่องนักหนา
แล้วไอ้ห้องน้ำนี่แหละที่มันคือละครน้ำเน่าๆจากเมืองไทยที่คุณเหยียบ
(ไม่ได้ว่าใครผู้ใด แค่ความคิดเห็น"อยากได้ก็รับไป"ขอบคุณ)  


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ม.ค. 06, 23:03
อ่านตรรกะของค.ห. ๒๑ แล้วงงกับการให้เหตุผลและภาษาไทยที่ใช้จริงๆ
ขอทบทวนดูว่า เข้าใจตามนี้ถูกหรือไม่

๑) ผู้จัดละครพยายามนำเสนอให้ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย เพียงเป้าเดียว หรือหลายๆเป้า

ตกลงว่าเขาพยายามทำให้ถูกใจ หนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งกันแน่  
คือถ้ามากกว่าหนึ่งก็บอกรวมไปเลยว่าหลายๆเป้า  ไม่ต้องยกคำว่า กลุ่มเป้าหมายเพียงเป้าเดียว   เพราะความจะค้านกันเอง

๒) แต่จะให้ผู้จัดทำตรงตามเป้าหมายคุณคงไม่ได้
ทำไมประชาชนไทยส่วนที่ตอบในบอร์ดนี้ถึงถูกประทับตราว่า "ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย"?ล่ะคะ
เขาไม่มีสิทธิ์รวมอยู่ใน "กลุ่มเป้าหมายเดียว"?บ้างหรือ

๓)ทางเลือกเขาก็มีให้เลือกตั้งหลายแนวหลายช่องหลายความสนใจ คุณสนใจอันไหนคุณก็ดูอย่างนั้น
เขาก็เลยหันไปดูหนังเกาหลี หนังไต้หวันกันไงคะ   ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีกับละครไทย ไม่ได้ทำให้เรตติ้งดีขึ้น มีแต่เท่าเดิมหรือน้อยลง
อันที่จริงคำตอบทำนองว่า ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู ไปดูอย่างอื่นเถอะ  มันไม่ได้ทำให้ละครไทยดีขึ้น

๔)หากชีวิตวันๆมีแต่วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์โลกทั้งใบคงจะมีแต่ใบหน้าอันแสนบูดบึ้งของผู้คนไม่มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างทุกวันนี้
คุณคงตีึความว่าวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์คือวิชาที่ต้องเรียนในห้องเรียน    ออกจากห้องเรียนแล้วไม่มีอะไรเป็นวิทยาศาสตร์  ดูละครก็ไม่ใช่วิทยาศาสตร์
เอ เทคโนโลยี่ทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังการทำละคร มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์หรอกหรือ
วิทยาศาสตร์ไม่ได้ทำให้คุณได้ยินเพลงประกอบละครที่ไพเราะ  ไม่ได้เห็นสีสันของฉากและเสื้อผ้าผ่านออกมาทางจอทีวี    ไม่ได้เห็นหน้าตานักแสดงที่ส่งมาตามสัญญาณหรอกหรือ  
คุณจะยิ้มแย้มได้อยู่หน้าจอ   ก็อาศัยวิทยาศาสตร์เป็นแรงดลบันดาลอยู่หลังฉากทั้งนั้น
วิธีคิดแบบแยกส่วนอย่างนี้ ไม่ได้นำไปสู่ความเข้าใจประเด็น

๕) เรื่องกินนิยายฝรั่งถ่ายเป็นละครไทยเนี่ย   เหมือนคุณบอกว่ากินเนื้อแล้วถ่ายออกมาเป็นผัก  มันไม่ค่อยจะถูกต้องทั้งหลักโภชนาการและการให้เหตุผล
แล้วทำไมจะต้องไปหมั่นไส้นิยายฝรั่ง      ละครไทยตั้งกี่เรื่องก็เอาพล็อตมาจากนิยายฝรั่ง    สิ่งที่เขาพูดกันในกระทู้นี้คือเนื้อหาที่ไม่ชักจูงใจให้อยากดู  แต่ก็มีคนค้านว่าดูแล้วเพลิดเพลินไม่ซีเรียส    ไม่ใช่เรื่องจะมาโมโหโทโสด่ากราดเหน็บแนมกัน
เมื่อไรคุณออกจากประเด็นละครมาว่าคนดู    กระทู้นี้ก็คงออกนอกเส้นทางไปกู่ไม่กลับ
ที่จำเป็นต้องพูดถึงคุณ ก็เพราะว่าไม่อยากรับ ค่ะ
ประโยคนี้ก็ประหลาด "อยากได้ก็รับไป "? ความคิดเห็นต่างๆเราก็ต้องเลือกรับเหมือนกัน   ไม่ใช่สาดโครมอะไรมาก็ต้องรับหมด  ถ้อยคำของคุณกระด้างมากเลยรู้ตัวหรือเปล่า


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: patsakorn ที่ 07 ม.ค. 06, 13:33
 ละครโทรทัศน์ปัจจุบันเป็นพาณิชยศิลป์แล้วครับ  เรื่องหนึ่งใช้ทุนไม่ตำกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป  ยิ่งถ้าเป็นละครที่ฟอร์มใหญ่ๆ ก็ใช้ทุนมากกว่า 30 ล้าน  เหตุนี้เองผู้ผลิตจึงต้องพึ่งพาระบบโฆษณา อีกอย่างคือละครโทรทัศน์ไทยจะไม่มีวันพัฒนาไปมากกว่านี้หรอกครับ  ถ้าหากยังเชื่อมั่นในระบบการวัดเรตติ้ง  ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่มีใครตอบได้ว่าวัดด้วยวิธีอะไร  ใช้การวิจัยแบบไหน  ได้กลุ่มตัวอย่างมาได้อย่างไร  แต่คนในวงการนี้ก็เชื่อกัน

ผมเห็นด้วยทุกอย่าง  กับความเห็นข้างต้นที่ว่าละครไทยไม่พัฒนาเนื้อหาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่อย่าลืมนะครับ การผลิตซ้ำอะไรสักอย่างในสังคม  ย่อมแสดงความหมายบางประการอยู่  ถ้าสังคมไม่ต้องการแล้ว  การผลิตซ้ำก็คงไม่มีความหมาย แต่เมื่อคนในสังคมยังต้องการดูละครแนวนี้อยู่ การผลิตซ้ำจึงเกิดขึ้น  ถ้าดูละครบางเรื่อง ผู้สร้างตั้งใจให้แหวกขนบจากละครน้ำเน่าไทย ปรากฏว่าไม่มีคนดู  โทษใครล่ะครับ  ต้องโทษพวกเรากันเอง ไม่สนับสนุนละครดีๆ  พอเรตติ้งไม่มี  ก็ไม่มีนายทุนคนไหนให้ผลิตอีก  มันก็ต้องกลับไปผลิตซ้ำเหมือนเดิม

ถ้าเราไม่ใช้อารมณ์คุยกันนะครับ แต่คุยกันด้วยเหตุผล ผมเชื่อว่าละครไทยต้องเปลี่ยนแปลง  แต่คนดูต้องพัฒนา และร่วมมือกันไม่ดูละครไทยแนวเดิมๆ (ที่หลายท่านในบอร์ดนี้ไม่ชอบน่ะครับ) เมื่อไม่มีคนดู ก็ไม่มีคนผลิตอีกต่อไป เชื่อสิ

แต่อย่าลืมนะครับ คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศยังต้องการบริโภคละครแนวนี้อยู่ ผมไม่ได้มองละครไทยสูงส่งไปเท่าไหร่เลยครับ   เพราะความจริงแล้วละครไทยก็คือการปรับประยุกต์ของนิทานจักรๆวงศ์ๆ สมัยเก่า  แต่เปลี่ยนรายละเอียด แล้วปรับเนื้อหาให้เข้ากับยุคสมัย แต่อุดมการณ์หลายๆอย่างในเรื่อง ยังคงเดิม  เพราะอะไร  เพราะสังคมไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงใช่หรือเปล่า  หรือพูดอีกทีก็คือเปลี่ยนแต่วัตถุ แต่จิตสำนึกหรือวิธีคิดของคนไทยไม่ได้เปลี่ยนไปด้วย

ด้วยเหตุนี้  นักเขียนบทละครส่วนใหญ่ เขาจึงไม่ได้นึกถึงพวกเราในบอร์ดนี้หรอกครับ  เขาคิดถึงคนในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเขา

อ้อ  อีกอย่างนะครับ  เห็นใครพูดข้างต้นไม่ทราบว่าคนเขียนบทและทีมงาน ไม่ค่อยพัฒนาน่ะ  ไม่จริงนะครับ มีความรู้ทั้งนั้น อยากบอกว่าเท่าที่ทราบ ครึ่งวงการมั้ง จบจากสำนักเทาชมพู เอกการละครนั่นแหละครับ

ผ่านมาเลยเข้ามาตอบ  ไม่ทราบว่าพอจะรับผมเป็นสมาชิกบ้านเรือนไทยสักคนได้ไหมครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 07 ม.ค. 06, 18:33
 "ผมเชื่อว่าละครไทยต้องเปลี่ยนแปลง แต่คนดูต้องพัฒนา และร่วมมือกันไม่ดูละครไทยแนวเดิมๆ"

ใครที่เคยเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ คงจะรู้จักทฤษฎีความพึงพอใจ ที่เรียกว่า Utility Theory
แนวคิดทฤษฎีนี้ให้น้ำหนักที่ความพอใจของคน สุดแล้วแต่ว่าใครจะพึงพอใจอะไร
ยกตัวอย่างว่าภาพเขียนชิ้นหนึ่ง บางคนดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร ให้ฟรียังไม่เอาเลย แต่บางคนกลับชอบ
ยินดีจ่ายเงินซื้อหามาประดับบ้าน

บังเอิญดิฉันไม่ติดโทรทัศน์ จึงไม่เคยติดตามละครหลังข่าว แต่ไม่เห็นด้วยที่ว่าคนดูต้อง
พัฒนา และร่วมมือกันไม่ดูละครไทยแนวเดิมๆ ลางเนื้อ ชอบลางยา คุณจะไปโน้มน้าว
ให้เขาชอบไม่ได้เลย มันเป็นสิทธิ์ส่วนตัวของแต่ละคนค่ะ

ที่ประเทศไหนๆก็ตาม free tv มีตัวเลือกให้ไม่มาก  
pay tv จึงเข้ามาเป็นทางเลือก มีหลายแนวให้เลือก (tailor-made)
ขอเพียงแต่ท่านผู้ชมยอมจ่ายเงินเท่านั้น


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ม.ค. 06, 21:56
 ขอต้อนรับคุณภาสกรด้วยความยินดีค่ะ
ดูเฉพาะที่อ่าน  ยังไม่ต้องดูชื่อ  ก็เดาได้ว่าคุณคงรู้เบื้ืองลึกในวงการละครไทยอยู่มาก เรียกว่าระดับมือโปร
ถ้าจะเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเรื่องนี้หรือเรื่องอื่นๆอีกก็จะยินดีมาก

ถ้าจะเอาทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาพูดอีก ก็คือหลักอุปสงค์อุปทาน ง่ายๆ  ตราบใดดีมานด์ให้มีละครอย่างที่เป็นยังคงเข้มข้นอยู่  ซัพพลายคือการผลิตแนวเดิมๆก็ยังมีต่อไป

เรื่องเรตติ้งก็เป็นอีกเรื่องที่ดิฉันข้องใจ  เคยคุยกับนักวิจัยมืออาชีพ   เธอบอกว่าเอาเข้าจริง
การเช็คเรตติ้งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้  มันก็ไม่ได้เจาะลึกลงไปถึงการเช็คในกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคอย่างตรงตัว
การติดกล่องสัญญาณนั้นก็ไม่ได้เลือกว่าเป็นบ้านผู้บริโภคสินค้านั้นๆตามเป้าหมายหรือไม่
แต่ที่ใช้อยู่ก็เพราะยังไม่มีใครทำอะไรได้มากกว่านี้  ก็เลยใช้อย่างที่เป็นอยู่ไปเรื่อยๆ

เมื่อไรเปลี่ยนวิธีเช็คเรตติ้งใหม่  เลือกกลุ่มผู้บริโภคจากชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อมาก  แทนจะเป็นกลุ่มระดับล่างที่จำนวนมากแต่กำลังซื้อน้อย
ละครทีวีอาจเปลี่ยนโฉมก็ได้

นี่คือความเห็นหนึ่งค่ะ

ส่วนนักเขียนบทละครชาวเทาชมพูเอกการละครนั้น  ได้ถอดใจออกจากวงการเขียนบทไปหลายคนแล้ว
เหตุผลหนึ่งคือทำสิ่งที่ขัดต่อการถูกปลูกฝังมาไม่ได้
แต่อีกหลายๆคนก็ยังทำงานอยู่  เพราะมันก็เป็นอาชีพหนึ่งที่ใกล้เคียงกับสาขาที่เรียนมา  พวกอักษรฯเขาเรียนหนักไปทางละครเวที  
ถ้าเป็นหนังกับโทรทัศน์ น่าจะพวกจบนิเทศมากกว่าค่ะ

ดิฉันเข้าใจว่า ปัจจุบัน นักเขียนบทละครที่ไม่ได้จบทางนี้โดยตรงจะมีจำนวนมากกว่าที่จบมาโดยตรง


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 07 ม.ค. 06, 23:05
ดีใจที่ได้ยินเหตุผลและเรื่องราวเบื้องหลังจากท่านมืออาชีพทั้งหลาย

หรือนี่จะเป็นปัญหา "ไก่" กับ "ไข่" คะ

"ไก่" ก็คือ คนเขียนสร้างสรรค์บทที่ดีๆออกมาได้โดยใช้สมองและปากกาเป็นหลัก แต่ถ้านายทุนไม่ยอมควักกระเป๋า 30 ล้าน สร้างเป็นละคร บทดีๆอันนั้นก็อยู่ได้แค่บนโต๊ะ และที่นายทุนไม่ยอมควัก ก็ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อว่าเป็นบทนั้นเป็นบทละครที่ดี แต่ไม่กล้าเสี่ยงที่จะเปลี่ยนแนวตลาด.  30 ล้านนะคะไม่ใช่ 30 บาท. อันนี้เป็นหลักพื้นฐานของการลงทุนอยู่แล้วค่ะ ลงทุนในสิ่งที่เห็นอยู่แล้วว่าได้กำไร ไม่ลงทุนในสิ่งที่ยังไม่แน่ใจ

"ไข่" ก็คือ ก็เพราะไม่มีอะไรให้ดู เลยต้องดูแบบเดิมๆ นายทุนก็นึกว่าคนดูชอบแบบเดิมๆ ทึกทักหาเหตุผลสารพัดเหมือนกับเหตุผลที่หลายคนยกมาเป็นตัวอย่างในความเห็นข้างต้น แล้วสรุปว่าบ้านเราต้องการหนังแบบนี้แหล่ะ. แบบที่ดูกันอยู่ 30 ปีแล้ว. จริงๆถ้ามีเรื่องดีๆมาให้ดู คนก็ดูอยู่แล้วค่ะ

เท่าที่อ่านมาทั้งหมด คนดูชอบเรื่องที่สนุกหายเครียด ดูแล้วบันเทิง สมหวัง แต่ไม่เน่า. ทำไมจะทำไม่ได้. คงต้องรอละครคุณภาพระดับอย่างหนัง "แฟนฉัน" หรือ "สุริโยทัย" ออกมากอีกซัก 10-20 เรื่อง ช่วยผลักดันตลาด. เปลี่ยนแนวคิดนายทุนหน่อยค่ะ.


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 07 ม.ค. 06, 23:39
ตอนที่เรียนเรื่อง "เศรษฐกิจภาครัฐ" อาจารย์ยกตัวอย่างเกี่ยวกับเรื่อง bureaucratic organization ซึ่งเกี่ยวกับองค์กรที่ "ไม่ยอมเปลี่ยนแนวคิดเดิมๆ" เรื่องนึงมาให้ฟัง สนุกมาก เห็นภาพพจน์ อยากจะมา share กันตรงนี้ค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า

นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลอง โดยจับลิง 10 ตัวมาอยู่ด้วยกันในห้องปิด กลางห้องมีบันไดวางอยู่ ที่ยอดบันไดมีกล้วยกระจาดใหญ่ นักวิทยาศาสตร์ติดเซนเซอร์ที่บันไดว่าถ้ามีใครเหยียบ น้ำฝอยเย็นเจี๊ยบจะถูกฉีดทั่วห้อง

ลิงใจกล้าตัวแรก เหยียบบันได หวังจะกินกล้วย แต่ทันทีที่เท้าแตะบันได ฝอยน้ำเย็นก็ฉีดลงมา ลิงตัวอื่นหนาวสั่นและโวยวายดึงลิงใจกล้าตัวนั้นกลับลงมา หลายวันต่อมาก็มีลิงใจกล้าอีกหลายตัวก้าวขึ้นบันได แต่ก็เกิดเหตุการณ์เดิมทุกๆครั้ง จนไม่มีลิงได้กินกล้วย และ ลิงทั้ง 10 ตัวเชื่อสนิทใจว่ายังไงก็กินกล้วยไม่ได้ โดยไม่มีตัวไหนกล้าแตะบันไดอีกเลย

นักวิทยาศาสตร์ จึง ปิดเครื่องฉีดน้ำ (แปลว่าหลังจากนี้ ถ้าใครเหยียบบันได ก็ไม่มีใครเปียกแล้ว)

นักวิทยาศาสตร์ เริ่มเอาลิงเก่าออกจากห้อง 1 ตัว และ เอาลิงใหม่  (ที่ไม่เคยเห็นน้ำฉีด) เข้ามาแทนที่ 1 ตัว แน่นอน ลิงตัวใหม่เห็นกล้วยก็วิ่งรี่ไปที่บันได แต่ไม่ทันจะถึงบันได ลิงเก่า 9 ตัว จะตระครุบมันไว้แล้วก็โหวกเหวกโวยวาย เป็นอย่างนี้อยู่ซัก 3-4 ครั้งลิงใหม่ก็เลิกล้มความตั้งใจ และคงเชื่อว่ามีอะไรไม่ดีซักอย่างเกี่ยวกับบันได

วันถัดมานักวิทยาศาสตร์ก็เอาลิงเก่าออกอีก 1 ตัว และเอาตัวใหม่ เข้ามาอีก 1 ตัว เหตุการณ์ก็เกิดคล้ายเดิม ลิงใหม่ตัวที่ 2 โดน ลิง 9 ตัวในห้องตะครุบไว้ไม่ให้แตะบันได ลิงใหม่ตัวแรก ก็เข้าร่วมช่วยตะครุบด้วย

นักวิทยาศาสตร์ ทำอย่างนี้จนครบ 10 วัน ลิงใหม่ตัวที่ 10 ถูกนำเปลี่ยนกับลิงเก่าตัวสุดท้าย แน่นอนลิงใหม่พุ่งเข้าหาบันได แต่มันถูกตะครุบ ด้วยลิง 9 ตัว (ที่ไม่เคยเห็นน้ำฉีด แต่เชื่อว่ามีอะไรไม่ดีเกี่ยวกับบันได แม้มันทั้งหมดจะไม่เคยเห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไร เหมือนกับคนที่ชอบใช้คำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่) นักวิทยาศาสตร์ เปลี่ยนลิงต่อไปอีก 30 ตัว (30 วัน) ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์เดิม และไม่มีลิงตัวไหนได้กินกล้วยเลย

ก่อนเดินออกจากห้อง อาจารย์ถามว่า "... what if you were the 31st monkey........"


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ม.ค. 06, 23:44
 พูดกันอย่างยุติธรรม  ที่จริงแล้วนายทุนเขาก็คืนกำไรให้คนดูเหมือนกันค่ะ  ในรูปของละครชนิิดเอา"กล่อง"?มากกว่า "เงิน"    
คือเป็นละครที่สร้างขึ้นเพื่อให้เข้าขั้นการส่งเข้าประกวดรางวัลโทรทัศน์ต่างๆ
เช่นละครส่งเสริมสังคมดีเด่น ละครชีวิตดีเด่น ฯลฯ

ถ้าละครประเภทนี้  นายทุนยอมว่าเรตติ้งอาจไม่สูง   ดูกันแต่เฉพาะชาวเมืองหลวง
ต้่นทุนการผลิตก็อาจจะสูงตามไปด้วย  สปอนเซอร์สนใจน้อย
แต่ว่าเขาผลิตละครแบบนี้มากไม่ได้    ได้ปีละเรื่องสองเรื่อง ในแต่ละช่อง

คุณแพรลองสังเกตดูในเน็ต   ละครแบบนี้มักจะได้รับคำชมในเว็บบอร์ดต่างๆ แต่สักพักเดียวก็จะมีหนังสือพิมพ์หน้าบันเทิง แถลงว่าเรตติ้งไม่ดี
กับผู้ที่ทำงานเบื้องหลัง  รู้เรื่องเรตติ้ง ก็จะออกมายืนยันตรงกัน
เสียงชมก็จะแผ่วลงไป หรือไม่ก็เกิดการเถียงกัน
พอจบเรื่องแบบนี้ เรื่องต่อมาก็จะมีเสียงร้องยี้ว่าน้ำเน่า  แต่เรตติ้งก็จะตามมาว่าถล่มทลาย
วนเวียนกันเป็นวงกลมอยู่แบบนี

ในเมื่อรสนิยมคนดูยังไม่เปลี่ยน และกลุ่มเป้าหมายคือต่างจังหวัดอย่างที่คุณภาสกรบอก
คุณแพรคงต้องรออีกหลายๆๆๆปี


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ม.ค. 06, 23:48
 เอ   เราเป็นลิงหมายเลขเท่าไรล่ะเนี่ย


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 08 ม.ค. 06, 00:15
 นอกจากประเด็นเรื่องอุปสรรคการทำละครให้ได้ดังใจแล้วผมอยากจะพูดถึงประเด็นที่วิกฤติกว่า นั่นคือ

คิดมั้ยครับว่า คนทำสื่อละครถืออาวุธในมือโดยไม่รู้ตัว เหมือนนักข่าวแหละครับ นักข่าวมีอิทธิพลต่อผู้ฟังฉันใด ละครไม่ว่าเน่าหรือไม่ก็มีผลต่อผู้ชมฉันนั้น

อย่าบอกว่าผู้ชมย่อมมีสติปัญญา เลือกเองได้ คิดเองเป็น ผมว่าไม่ทั้งหมดนะ ส่วนน้อยด้วย

ทำไมต้องมีสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคล่ะครับ เพราะทุกคนเวลาจะซื้อปลากระป๋องซักกระป๋อง จะมีหรือไม่ที่ไปสำรวจว่าโรงงานทำด้วยความสะอาดถูกสุขลักษณะ มีสารตะกั่วปนเปื้อนมั้ย มีความอันตรายทางโภชนาการมั้ย ไม่มีใช่มั้ยครับ เพราะไม่ทุกคนที่สามารถจะเข้าถึงข้อมูลและการประเมินที่ถูกต้องได้เท่าเทียมกัน

คนดูละคร ด้วยความที่อยากจะพักผ่อน เพื่อคลายเหงา เพื่อฆ่าเวลาก็หลับหูหลับตาดูไป ละครน้ำเน่าเผ่ยแพร่ ค่านิยมที่ผิด ผ่านเข้าไปในจิตสำนึกโดยไม่รู้ตัว นี่ยังมินับถึงเยาวชนทีผ่านชีวิตมาไม่พอที่จะกรองเอาแต่สิ่งดีๆไว้ คนดูส่วนใหญ่ผมว่าอ่อนแอต่อการโฆษณาชวนเชื่อต่อการล้างสมอง

ผมก็มีทฤษฎีทางกระยาสารท (เลียนแบบพี่ Nuchan คิคิคิคิ) แต่มันยังไม่มีชื่ออ่ะ เช่นเวลาเราเดินไปตามถนนที่มีร้านอาหารเยอะๆในระดับเดียวกัน เห็นร้านนึงแต่งร้านสวย ดูสะอาด อาหารที่โชว์ดูน่ากิน แต่แทบจะไม่มีคนกินเลย แต่หันไปร้านข้างๆ ไม่ไกลกันนัก ร้านซอมซ่อ ไม่ตกแต่งเท่าไหร่ แต่คนเต็มร้านเลย ยังพอมีที่เหลือซํก 2-3 โต๊ะ เป็นคุณ  คุณจะเลือกเข้าไปกินร้านไหนครับ มันเป็นลักษณะทางจิตวิทยาของคนครับที่จะเลือกในสิ่งที่ตัวเองไม่มีข้อมูลโดยอิงจากความนิยม เป็นหลัก

ทีนี้ถ้าร้านอาหารคือละครน้ำเน่า สาระที่มากับละครน้ำเน่า ถ้าทุกช่องมีแต่ละครน้ำเน่า ถ้าละครน้ำเน่าเท่านั้นที่มีเรตติ้งสูง
คุณว่า ค่านิยม ศีลธรรม จริยธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ของสังคมไทยจะบิดเบี้ยวไปได้ตามละครพวกนี้หรือเปล่า????
เพราะอิงตามทฤษฎีกระยาสารทของกระผม(ซึ่งยังไม่เป็นที่ยอมรับของชาวเรือนไทย)แล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองถูกป้อนบ่อยๆซ้ำๆและ มากๆ

นี่แหละครับที่ผมเชื่อว่าน่ากลัว ในระยะยาว


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 08 ม.ค. 06, 00:21
 โอ  ผมมาโพสต์แล้วพึ่งจะได้อ่าน คคห 27
การทดลองลิงๆที่น้องแพรว่ามันช่างสอดคล้องกับทฤษฎีกระยาสารทของผมเหลือเกิน อย่างน้อยก็ในหลักการล่ะครับ

อาจารย์เทาชมพูครับ
เห็นด้วยอย่างแรงครับ ที่น้องแพรต้องรออีกหลายปี
เพราะอะไรรู้มั้ยครับ

ศิลปะวัฒนธรรมเป็นสิ่งสะท้อนถึงความเจริญของชนชาติฉันใด
"รสนิยม"ทางศิลปะของสังคมเป็นการสะท้อนถึงสติปัญญาของสังคมนั้น


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 08 ม.ค. 06, 00:23
 แปลว่าอะไรคะ...ทฤษฎีทางกระยาสารทเนี่ย?


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Traveller ที่ 09 ม.ค. 06, 13:22
 ละครไทยน้ำเน่าไม่ดีตรงไหนเหรอคะ ที่ว่าน้ำเน่าเพราะจบตามสูตรรึเปล่า คือพระเอกเป็นคนดี นางเอกเป็นคนดี นางร้าย ตัวร้ายก็ร้ายสุดๆ และจะได้รับชะตากรรมไป นางเอก พระเอกก็สมหวังและได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนไป ถ้าเป็นอย่างนี้ละครไทยก็ไม่น่าจะมีส่วนทำให้เยาวชนเข้าใจอะไรผิดนี่คะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วในละครไทย (ถึงจะต่างกับข้อเท็จจริงในสังคมไทยก็เถอะ) ก็น่าจะส่งเสริมความคิดทางศีลธรรม จริยธรรมให้เยาวชนมากกว่า

และจะว่าไป จะไปโทษทางคนทำละครเค้าก็ไม่ได้มั้งคะ ความถนัดของเค้าคือการทำละคร ไม่ใช่การประพันธ์ นวนิยายไทยทั่วไปก็มีแต่แนวนี้ ในเมื่อวัตถุดิบมันก็มีอยู่แค่นี้ เค้าก็ทำได้แค่นี้แหละค่ะ

นักเขียนนวนิยายไทยดีๆ ก็มีอยู่หลายคน แต่แนวที่เขียนก็อย่างที่เห็นๆ เคยได้ฟังนักประพันธ์ท่านนึงพูดว่า พระเอก นางเอกของเค้าเป็นคนดีมากมาทุกๆ เรื่อง ซึ่งแม้แต่คนเขียนยังรู้สึกว่าพระเอกนางเอกเค้าเป็นคนน่าเบื่อเลย สีสันของเรื่องกลับไปอยู่ที่ตัวร้ายมากกว่า

นวนิยายไทยดีๆ ที่เขียนแบบแหวกขนบ ก็อ่านกันรู้เรื่องแค่ในกลุ่มคนไม่กี่คน (ซ้ำบางคนอ่านไม่รู้เรื่องก็บอกว่ารู้เรื่อง เพราะเดี๋ยวคนอื่นหาว่าไม่ฉลาด) แล้วนวนิยายแบบที่ว่านี้ก็คงเอามาทำละครหลังข่าวไม่ได้หรอกมั้งคะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ม.ค. 06, 07:17
 "ที่ว่าน้ำเน่าเพราะจบตามสูตรรึเปล่า คือพระเอกเป็นคนดี นางเอกเป็นคนดี นางร้าย ตัวร้ายก็ร้ายสุดๆ และจะได้รับชะตากรรมไป นางเอก พระเอกก็สมหวังและได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนไป ถ้าเป็นอย่างนี้ละครไทยก็ไม่น่าจะมีส่วนทำให้เยาวชนเข้าใจอะไรผิดนี่คะ "

ไม่ใช่ค่ะ คนละประเด็น
 
น้ำเน่าที่คุณแพรหมายถึงคือ
"เนื้อเรื่องมีแต่แก่งแย่ง ชิงดีเด่นทางด้านอารมณ์และความรัก บทละคร ก็บรรยายแต่ด้านอารมณ์และความต้องการทางวัตถุ ต้องมีนางอิจฉา แว๊ดๆ และ ตัวตลกปัญญานิ่ม เป็นตัวชูโรง และเป็นแนวซ้ำๆกันทุกช่อง"


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ม.ค. 06, 07:25
ป.ล.นวนิยายมีหลายแนวมากกว่าที่คุณ Traveller มองนะคะ
ลองอ่านคู่กรรม คำพิพากษา น้ำเซาะทราย ฯลฯ  ดู

ส่วนการอ้างนักเขียน กรุณาอ้างให้ถูกต้องด้วยค่ะ  
นักเขียนพูดถึงเทคนิคการเขียนว่า พระเอกนางเอกมักจะถูกกำหนดให้อยู่ในกรอบของคนดี  
พฤติกรรมจึงเล่นสีสันได้ยาก  บางครั้งก็เลยเป็นตัวละครน่าเบื่อ     ผิดกับตัวละครร้ายที่นักเขียนสามารถเล่นสีสันได้มากกว่า
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหตุผลที่ละครน้ำเน่ามีตัวอิจฉากรี๊ดๆค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 10 ม.ค. 06, 07:35
ถึงคุณความเห็นที่ 33 นะครับ
ลองอ่านหนังสือซักเรื่องที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ หรือละคร แล้วเอามาเปรียบเทียบกับละคร หรือข้อมูลของความเป็นจริงดูอีกทีจะดีกว่ามั้ยครับ

ขออนุญาตเอาเรื่องตัวเองมาเล่าแล้วกัน

ผมเคยโวยวายกับพี่กลุ่มหนึ่ง ว่าสี่แผ่นดินที่เล่นครั้งก่อนนู้น ชาววังเอาผ้า 7 ถุงร้อยมานุ่งเป็นโจง ห่มสไบ ดูขัดตาน่าดู
แต่พอสี่แผ่นดินครั้งล่าสุด ชาววังใส่ผ้าแถบไปจ่ายตลาด เห็นแล้วอยากกลับไปดูของเก่าจะดีกว่ามั้ย มันไม่ลงทุนกันเลย

ซึ่งเรื่อง หรือ รายละเอียดที่ถูกคณะผู้จัดละครดึงเรื่อง ดึงบท หรือดึงชุด-ฉาก ไปแบบนี้ บางครั้งผู้เขียนก็คงไม่ได้หวังจะให้ออกมาเป็นอย่างนั้นนะครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 10 ม.ค. 06, 20:29
 โอ้ย...ตามไม่ทัน
ไม่มาไม่กี่วัน...ไปถึงไหนแล้วเนี้ย

เดี๋ยวจะมาอ่าน แล้วแสดงความคิดเห็นใหม่ (ถ้ายังคิดอะไรออก)


ปล.ถามเหมือนคุณNuchan ค่ะ
"แปลว่าอะไรคะ...ทฤษฎีทางกระยาสารทเนี่ย?"


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 11 ม.ค. 06, 16:27
 ละครบันเทิง เพลงบันเทิง

หนังสือบันเทิง แฟชั่นบันเทิง

อะไรต่างๆ ... ที่บันเทิง


เรามักจะเน้นที่ ความบันเทิง เน้นให้เข้ากับกลุ่มคน
ที่เป็นผู้ชม ผู้ฟัง ผู้บริโภค กลุ่มใหญ่ ที่เป็นเป้าหมายหลัก

จะด้วยเรื่อง เรตติ้ง เรื่องการเงิน การตลาดของใครก็แล้วแต่
พ่วงกับ ระบบโฆษณา ให้เราอยากสวย อยากงาม อยากบริโภค
ซื้อของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้มากมาย จนไม่มีที่สิ้นสุด


อะไรที่เป็นกลไก อยู่เบื้องหลัง คงพอวิเคราะห์กันได้ไม่ยาก


พอน้องแพร ถามถึง ความสร้างสรรค์ สาระ ความหลากหลาย

มันก็เลยเป็นคำถาม ที่สร้างสรรค์  ที่ไม่มีใครจะใส่ใจ ทำอะไรได้

เพราะ เราคนดู ไม่ได้เป็นเจ้าของละคร
ไม่ได้เป็นคนทำละคร



ว่าไปตามจริง  ถ้าเขาทำสร้างสรรค์ทั้งหมด
ผ่านไปซักพัก เราอาจจะชอบละครสร้างสรรค์ก็ได้

คือ ถ้ามีแต่สร้างสรรค์ ให้ดู คนก็ต้องดู ของดี

พอฝึกหัดดู ของดี  
ก็จะเรียนรู้ ว่า มีของดี ของดี ดีจริงๆ
เกิดการเรียนรู้ เป็นคนที่มีพัฒนาการมากขึ้น




แต่บังเอิญ คนทำละคร คนในวงการที่เกี่ยวข้องต่างๆ

มีพัฒนาการ มีความสร้างสรรค์น้อยไปหน่อย


พูดให้ตรงก็คือ ดูถูกคนดู

ก็เลยได้แต่ สร้างละคร คุณภาพต่ำ กันอยู่ร่ำไป



เราเองก็กลายเป็น เคยชิน ยอมรับไป

สังคม ก็เลย คุณภาพต่ำ กันมาอย่างต่อเนื่อง และคงที่



ถ้าเราทำอะไร ไม่ได้ ขอให้เราเข้าใจสภาพจริง

อย่างน้อย เราจะได้เลือกทำอะไรอย่างอื่นบ้าง

ในช่วงเวลาละครดังกล่าว


คนที่ยังดูกันอยู่ .... ก็เป็นชีวิตของเขาครับ


ทุกคนมีทางเลือก


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 11 ม.ค. 06, 17:38
 สวัสดีครับ อ. เพื่อนคณิต(MathGuy) ที่แวะมาที่นี่นะครับ
ขอแสดงทรรศนะนะครับ
น่าเสียดายที่ละครไทยเป็นอย่างที่  อ.เพื่อนคณิตว่านะครับ
"แต่บังเอิญ คนทำละคร คนในวงการที่เกี่ยวข้องต่างๆ ดูถูกคนดู
ก็เลยได้แต่ สร้างละคร คุณภาพต่ำ กันอยู่ร่ำไป
เราเองก็กลายเป็น เคยชิน ยอมรับไป
สังคม ก็เลย คุณภาพต่ำ กันมาอย่างต่อเนื่อง และคงที่"

วลีง่ายๆ เช่นนี้ถือว่าเป็นกระจกสะท้อนอย่างหนึ่ง ไม่ทราบว่าจะแก้อย่างไรดี ใครผิดใครถูก ใครได้ใครเสีย
คนอื่นแสดงความเห็นมาเยอะแล้วเลยจนปัญญา ผมก็เลยบอกเพียงว่าผู้สร้างคิดว่า การอิจฉาริษยาเป็นเรื่องธรรมดา นางร้ายร้องกรี๊ด ๆ เป็นเอกลักษณ์ของละครไทย การจะคิดเรื่องที่แปลกแยกจากนี้ไซร้เปลืองกบาลหัว ถ้าไม่มีสปอนเซอร์ก็ไม่มีกำไรและสตางค์มาจ่ายพวกนักแสดง เรตติ้ง(หลอก ๆ หรือ) ก็เป็นตัวบังคับ ก็เลยทำละครทำนองนี้ สะดวกกว่า ง่ายดี
ป.ล.
1. คุณปากกาฯ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะลำดับญาติกันอย่างไร) แถลงทฤษฎีกระยาสารทแล้ว ผมก็ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไรกับขนมงานออกพรรษา แต่คงจะล้อเลียนคำว่าทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์กระมั้งครับ
2. ถึงคุณพี่นุชนาครับ ขออภัยที่ไม่ได้ตอบข้อความสั้นนะครับ
บอกในที่นี้ว่างานโรงเรียนคนเยอะ โรงเรียนได้เงินมาพอสมควร แต่ไม่มากเท่าที่ PRC  (คุณๆ ที่เรียนที่นี่ช่วยยืนยันหน่อยครับ) อากาศตอนนี้ไม่ค่อยหนาวมาก คงจะเข้าใกล้ฤดูร้อนมาแล้วครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 11 ม.ค. 06, 20:08
 คุณแมทกาย สรุปได้ตรงใจความมากๆเลยครับ
ที่ผมอยากจะพูดคือตรงนี้แหละครับ อะไรก็ตามที่ถูกป้อน ถูกโน้มน้าวให้สังคมจนกลายเป็นของธรรมดาไป ก็จะเป็นความเคยชิน แต่ถ้าลองป้อนของดีๆมากขึ้นๆสังคมจะเรียนรู้ว่าของดีคืออะไร ความคิดและจริยธรรมโดยรวมก็จะสูงส่งขึ้น
ขอบคุณครับคุณแมทกาย

จริงๆคนที่ถามน่ะ อ่านรึเปล่าว่าทฤษฎีกระยาสารทของผมต้องการสื่อถึงอะไร อุตส่าห์พิมพ์ตั้งเยอะไม่เห็นมีคอมเมนท์เลย มัวแต่สนใจว่าชื่อมาจากไหนแค่นั้นอ่ะ  น้อยใจเลยเรา

ทฤษฎีกระยาสารทก็เป็นตามที่คุณศรีฯว่าแหละครับ
ผมเอามาจากนักเขียนต่วยตูนพิเศษท่านหนึ่งที่ใช้นามปากกาว่า นายขยะ   แกเขียนอภิปรัชญาตามแนวจับแพะชนแกะของแกไปเรื่อย ไม่ได้สาระแต่ได้จินตนาการและอารมณ์ขัน แล้วแกก็ตั้งตัวแกเป็นนักกระยาสารท (ล้อเลียนวิทยาศาสตร์หรือศาตร์อื่นๆใดๆ) เขียนไปหลายปีแกก็เปลี่ยนนามปากกาเป็น นายปราชญ์ขยะ  ล่าสุดผมเห็นแกนำหน้าชื่ออะไรก็ไม่รู้ ยาวเบื้อยเลยครับ
แต่บทความแกน่าอ่าน อ่านแล้วปวดหัวดี


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: WHAt_LOvE ที่ 11 ม.ค. 06, 21:34
 ละครทีวี เป็นธุรกิจบันเทิง ไม่ใช่งานที่มุ่งทางด้านศิลปะ ซึ่งเสพเพื่อความอิ่มใจในความงามอย่างเดียว ไร้ผลประโยชน์เกี่ยวข้อง
ละครทีวีเป็นสินค้าผลิตโดยผู้จัดละครซึ่งทำในรูปของบริษัท เช่นเดียวกับสินค้าทั้งหลาย ถ้าจะอยู่ยงคงกระพันได้ก็ต้อง "ขายออก" มีกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มผู้บริโภคที่บริษัทจะต้องจับให้ได้ว่านิยมบริโภคสิ่งใดแบบไหน
เนื่องจากต้นทุนในการผลิตสูงมาก จะผลิตเพื่อชนกลุ่มน้อยไม่ได้

กลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมแบบไหน สินค้าก็ออกมาในรูปแบบนั้นละค่ะ

อเมริกามี Soap Opera น้ำเน่าจะตายไป ไม่ได้ดีวิเศษไปกว่าไทยหรอกค่ะ
ผู้บริโภคที่มีืทางเลือกก็ดูยูบีซี
-----------------------------------------------------------------
ฟังคุณอ๊อฟออกคำรับรองแล้วยิ่งช้ำใจแทนน้องแพร
แม่นางแดเธอก็เป็นสาวเกาหลี ส่วนเจ้าหนุ่มสี่คนก็เมดอินไต้หวัน
ไม่มีละครไทยติดอันดับเลย

ส่วนคห. ๑๕ ของคุณการีน ขอตอบว่าไม่ใช่
นักเขียนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้อย่างที่คุณว่า การทำสัญญาลิขสิทธิ์ ทางช่องมีแบบฟอร์มให้เสร็จสรรพ และไม่ได้ให้สิทธิ์นักเขียนถึงขนาดนั้น
นักเขียนที่ต่อรองได้ขนาดนั้นเมืองไทยมีไม่กี่คน
-----------------------------------------------------------------
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 22

อ่านตรรกะของค.ห. ๒๑ แล้วงงกับการให้เหตุผลและภาษาไทยที่ใช้จริงๆ
ขอทบทวนดูว่า เข้าใจตามนี้ถูกหรือไม่

๑) ผู้จัดละครพยายามนำเสนอให้ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย เพียงเป้าเดียว หรือหลายๆเป้า

ตกลงว่าเขาพยายามทำให้ถูกใจ หนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งกันแน่
คือถ้ามากกว่าหนึ่งก็บอกรวมไปเลยว่าหลายๆเป้า ไม่ต้องยกคำว่า กลุ่มเป้าหมายเพียงเป้าเดียว เพราะความจะค้านกันเอง

๒) แต่จะให้ผู้จัดทำตรงตามเป้าหมายคุณคงไม่ได้
ทำไมประชาชนไทยส่วนที่ตอบในบอร์ดนี้ถึงถูกประทับตราว่า "ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย"?ล่ะคะ
เขาไม่มีสิทธิ์รวมอยู่ใน "กลุ่มเป้าหมายเดียว"?บ้างหรือ

๓)ทางเลือกเขาก็มีให้เลือกตั้งหลายแนวหลายช่องหลายความสนใจ คุณสนใจอันไหนคุณก็ดูอย่างนั้น
เขาก็เลยหันไปดูหนังเกาหลี หนังไต้หวันกันไงคะ ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีกับละครไทย ไม่ได้ทำให้เรตติ้งดีขึ้น มีแต่เท่าเดิมหรือน้อยลง
อันที่จริงคำตอบทำนองว่า ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู ไปดูอย่างอื่นเถอะ มันไม่ได้ทำให้ละครไทยดีขึ้น

๔)หากชีวิตวันๆมีแต่วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์โลกทั้งใบคงจะมีแต่ใบหน้าอันแสนบูดบึ้งของผู้คนไม่มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างทุกวันนี้
คุณคงตีึความว่าวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์คือวิชาที่ต้องเรียนในห้องเรียน ออกจากห้องเรียนแล้วไม่มีอะไรเป็นวิทยาศาสตร์ ดูละครก็ไม่ใช่วิทยาศาสตร์
เอ เทคโนโลยี่ทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังการทำละคร มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์หรอกหรือ
วิทยาศาสตร์ไม่ได้ทำให้คุณได้ยินเพลงประกอบละครที่ไพเราะ ไม่ได้เห็นสีสันของฉากและเสื้อผ้าผ่านออกมาทางจอทีวี ไม่ได้เห็นหน้าตานักแสดงที่ส่งมาตามสัญญาณหรอกหรือ
คุณจะยิ้มแย้มได้อยู่หน้าจอ ก็อาศัยวิทยาศาสตร์เป็นแรงดลบันดาลอยู่หลังฉากทั้งนั้น
วิธีคิดแบบแยกส่วนอย่างนี้ ไม่ได้นำไปสู่ความเข้าใจประเด็น

๕) เรื่องกินนิยายฝรั่งถ่ายเป็นละครไทยเนี่ย เหมือนคุณบอกว่ากินเนื้อแล้วถ่ายออกมาเป็นผัก มันไม่ค่อยจะถูกต้องทั้งหลักโภชนาการและการให้เหตุผล
แล้วทำไมจะต้องไปหมั่นไส้นิยายฝรั่ง ละครไทยตั้งกี่เรื่องก็เอาพล็อตมาจากนิยายฝรั่ง สิ่งที่เขาพูดกันในกระทู้นี้คือเนื้อหาที่ไม่ชักจูงใจให้อยากดู แต่ก็มีคนค้านว่าดูแล้วเพลิดเพลินไม่ซีเรียส ไม่ใช่เรื่องจะมาโมโหโทโสด่ากราดเหน็บแนมกัน
เมื่อไรคุณออกจากประเด็นละครมาว่าคนดู กระทู้นี้ก็คงออกนอกเส้นทางไปกู่ไม่กลับ
ที่จำเป็นต้องพูดถึงคุณ ก็เพราะว่าไม่อยากรับ ค่ะ
ประโยคนี้ก็ประหลาด "อยากได้ก็รับไป "? ความคิดเห็นต่างๆเราก็ต้องเลือกรับเหมือนกัน ไม่ใช่สาดโครมอะไรมาก็ต้องรับหมด ถ้อยคำของคุณกระด้างมากเลยรู้ตัวหรือเปล่า
-----------------------------------------------------------------
ป.ล.นวนิยายมีหลายแนวมากกว่าที่คุณ Traveller มองนะคะ
ลองอ่านคู่กรรม คำพิพากษา น้ำเซาะทราย ฯลฯ ดู

ส่วนการอ้างนักเขียน กรุณาอ้างให้ถูกต้องด้วยค่ะ
นักเขียนพูดถึงเทคนิคการเขียนว่า พระเอกนางเอกมักจะถูกกำหนดให้อยู่ในกรอบของคนดี
พฤติกรรมจึงเล่นสีสันได้ยาก บางครั้งก็เลยเป็นตัวละครน่าเบื่อ ผิดกับตัวละครร้ายที่นักเขียนสามารถเล่นสีสันได้มากกว่า
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหตุผลที่ละครน้ำเน่ามีตัวอิจฉากรี๊ดๆค่ะ
-----------------------------------------------------------------
ความเห็นของคุณเทาชมพูที่มีต่อผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นตนอื่นๆ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 11 ม.ค. 06, 21:56
 "ความเห็นของคุณเทาชมพูที่มีต่อผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นตนอื่นๆ "
คุณ WHAt_LOvE คัด ค.ห. ของอาจารย์ขึ้นมาเพื่อจะสื่ออะไรค่ะ
ไหนๆจะเขียนหนังสือทั้งที ช่วยเขียนให้ได้ความหน่อย คุณงึมงำๆอยู่คนเดียว ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ

ถ้าดิฉันเป็นคุณ ก็จะแก้ต่างคอมเมนต์ที่อาจารย์ติติงว่าคำพูดของคุณผิดตรรก หรือแข็งกระด้าง
ถ้าคุณเห็นไม่จริง ก็อธิบายค้านมาได้เสมอสิค่ะ คัดมาลอยๆ พูดไปก็ไลฟ์บอยค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 12 ม.ค. 06, 01:13
 คงจะจริงอย่างที่คุณ คุณ MathGuy ว่าค่ะ เรา 'ชิน' ไปซะแล้ว (คนเรา 'กลัว' การเปลี่ยนแปลงซะด้วยสิ - อันนี้เป็นกฏของฟอยด์ข้อต้นเลย) เห็นท่าละครไทยจะลำบาก คงต้องอาศัยลิงตัวที่ 31 ที่อาจหาญไปคว้ากล้วยลงมาให้ทุกคนได้เห็นกัน หรือ ไม่ก็ลิงอย่างคุณเทาชมพู (ขออภัยค่ะ แต่ตอบคำถาม คห. 29 ค่ะ   ) ที่ถ้าจะเป็นลิง ก็น่าจะเป็นลิงที่เคยปีนขึ้นไปเอากล้วยและเคยโดนพรรคพวกลากลงจากบันไดมาแล้ว แต่ก็น่าจะเป็นลิงที่ยังขอที่จะอยู่ในห้องต่อไป หวังว่าลิงตัวอื่นๆในห้องประเทศไทยนี้ จะได้ทานกล้วยจากฝีมือคุณเทาชมพูซักวันนะคะ



แต่ตัวเองขอ คัดค้าน Consorted Beans Theory (เป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ฟังดูอินเตอร์หน่อย) ของพี่ ปากกาฯ(นี่นี่) ค่ะ เพราะจริงดูเหมือนว่าจะไม่มีร้านดูดีน่านั่งมาให้นั่งเกือบ 30 ปีแล้วค่ะ เรียกว่าไม่มีทางเลือก มากกว่าที่จะมีแล้วไม่เลือก



ในฐานะที่เป็นเจ้าของกระทู้ ตัวเองต้องขออภัยทุกท่าน จะขอซ่อนความเห็นที่ 41 และ 42 ไว้นะคะ เพราะเห็นว่าออกนอกประเด็นของการสนทนาที่กำลังน่าฟังค่ะ (ยังไงก็ขอขอบคุณทั้ง 2 ความเห็นค่ะ)


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 12 ม.ค. 06, 01:53
 ดิฉันขอ challenge วิจารณญาณของคุณแพรในการซ่อน 41, 42



เหตุผล



1) ไม่มีวาจาที่ไม่สุภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง

2) ตรงกับกระทู้ ไม่ออกนอกประเด็น



3) เราต้องส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออก ในเมื่ออาจารย์ติติงเขาใน ค.ห. 22 เขาควรมีสิทธิ์แก้ต่าง

เด็กที่กล้าโต้แย้งเช่นนี้ หายากมาก การซ่อนคำชี้แจงของเขา เหมือนกับการตีหัวเข้าบ้าน เด็กจะว่าได้

ว่าผู้ใหญ่ขี้ขลาด ในเมื่อพูดจาพาดพิงเขา พอเขาลุกขึ้นชี้แจง คุณจะไปปิดไมค์เขาได้อย่างไร



4)  ดิฉันเห็นด้วยกับคำวิเคราะห์ของอาจารย์ใน ค.ห. 22 อย่างเต็มที่ ที่ดิฉันติงเด็กน้อยเพราะไหนๆจะกล้าโต้แย้งแล้ว

อย่ากลัวๆกล้าๆ Not just half brave.....you've got to be very very  brave.



ถ้าจะบ่น principal ต้องบ่นให้ท่านได้ยิน ไม่ใช่งึมงำๆในปาก (ที่ดิฉันติง เพราะตอนแรกเขาสื่อสารไม่ชัดเจน

ดิฉันไม่ get แต่พอกด send ไปแล้ว ถึงนึกได้ว่าเขากำลัง challenge ค.ห. ของอาจารย์นั่นเอง)



งานนี้ถ้าคุณไม่เอา 41 และ 42 มาคืน คนที่เสียคือผู้ใหญ่ค่ะ



สุภาษิตจีนคือ หวู่ เกี้ย (ลูกวัว) อึ่มปัก (ไม่รู้จัก) โฮ่ว (เสือ) แปลว่า ลูกวัวไม่รู้จักเสือ

หมายความว่า เขาแย้งด้วยเหตุด้วยผลตามความเชื่อของเขา ไม่สนว่าคู่กรณีเป็นใคร เอาเหตุผล

เนื้อๆ เน้นๆ มาคุยกัน ถอด social status ออก


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 12 ม.ค. 06, 05:19
 น้องแพรอาจจะเข้าใจทฤษฎีกระยาสารท consort bean theory(ขอบคุณครับ ชื่อนี้สุดยอดเลย อิอิอิ) เฉไฉไปนิดนึงนะครับ คือไม่ได้ตั้งใจจะเปรียบเทียบแบบหนึ่งต่อหนึ่งนะครับ
ละครดีไม่ได้เปรียบกับร้านตกแต่งดีแต่ไร้ลูกค้านะ
เช่นกันละครแย่แต่ได้รับความนิยมไม่ได้เทียบกับร้านที่มีคนกินเยอะแต่ซอมซ่อ

เพียงแต่อยากจะบอกว่าคนทั่วไปมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจเลือกในสิ่งที่คนหมู่มากเลือก หรือตัดสินอะไรตามๆกันนั่นแหละครับ

ส่วนที่บอกว่าละครน้ำดีๆไม่มีมากว่า 30 ปีนี้ไม่เห็นนะ ผมว่ามีอยู่บ้างพอสมควร แต่มันถูกกลบไปด้วยละครน้ำเน่า หรือไม่ก็เจ้าของเวลาเอาไปลงในเวลาที่คนดูไม่เยอะ

ผมเห็นด้วยกับ คคห 44 นะครับเท่าที่พี่นุชนาชี้แจงมาก็ฟังดูมีเหตุผล แต่จากประโยคนี้
"งานนี้ถ้าคุณไม่เอา 41 และ 42 มาคืน คนที่เสียคือผู้ใหญ่ค่ะ "
อันนี้พี่ก็อาจหาญไปนิดนึง น้องแพรจะน้อยใจเอา

ขอระบายอะไรหน่อยได้มั้ยครับ
คือผมรู้สึกว่าที่เรือนไทยเดี๋ยวนี้มันวุ่นวายจัง รับรู้ได้ถึงความโกรธ อคติ ความหลง ตัวตน  ปะปนอยู่ทั่วไป
สิ่งที่ผมเคยได้รับจากที่นี่คือ ความเมตตา ความเป็นมิตร อารมณ์ขัน การไม่ถือตน เดี๋ยวนี้หายากแล้ว
ไม่ได้ว่าใครคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะนะครับ แต่ผมใช้ความรุ้สึกครับประเมินจากการอ่านหลายๆกระทู้

นี่แหละครับความมหัศจรรย์ของเวลา เปลี่ยนแปลงไป สิ่งใหม่มา
ทำให้ผมคิดว่าผมอาจจะไม่เหมาะกับ การเปลี่ยนแปลงแบบนี้แล้วก็ได้


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 06, 06:55

:)  


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 12 ม.ค. 06, 07:39
 55555555555
เห็นรูปของอาจารย์เทาชมพูแล้วรักอาจารย์จริงๆ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 12 ม.ค. 06, 09:09
 คำว่า “งานนี้ถ้าคุณไม่เอา 41 และ 42 มาคืน คนที่เสียคือผู้ใหญ่ค่ะ "
ผู้ใหญ่หมายถึง “อาจารย์เทาชมพู” เพราะคุณแพรกำลังจะทำให้อาจารย์เสียผู้ใหญ่  โดยอาจารย์ไม่ทันรู้ตัว
สิ่งที่ดิฉันติงเพื่อให้เขาพูดให้ฟังรู้เรื่อง เพื่อให้อาจารย์ defend ได้ถูก
ทีนี้คุณแพรเลือกเก็บไปทั้ง 41 และ 42 ซึ่งเข้าข่าย
“What is right is often forgotten by what is convenient”.

อาจารย์เคยกล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้ดิฉันเสียใจอยู่หลายครั้ง ก็คือในเว็บบอร์ด (ไม่เฉพาะในเว็บนี้)
ผู้เล่นเน็ตหลายคนแยกไม่ออก ระหว่างผู้หาเรื่อง และผู้ถูกหาเรื่อง ว่าควรตำหนิใคร”
เผอิญครั้งนี้มันไม่ใช่ว่า 41 หรือ 42 ที่ควรตำหนิ แต่ว่ามันไม่ควรตำหนิทั้งคู่
คุณเลือกทิ้งสิ่งที่ถูก ด้วยเหตุผล “ง่ายเข้าว่า”

ถ้าไม่ได้ 41 และ 42 คืน ดิฉันจะไม่เสียใจสักนิด ถ้าจะต้องยุติการสนทนาบนบอร์ดนี้
ด้วยเหตุผลประการเดียวคือ “to maintain self-respect”

Dignity consists not in possessing honors, but in the consciousness that
we deserve them.  ~Aristotle


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 12 ม.ค. 06, 09:25
ใจเย็นๆครับพี่นุชนา  

ผมเอากลับมาให้แล้วครับ เดี๋ยวผมคุยกับน้องแพรเองครับ  

ใจเย็น ครับ ใจเย็น  


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 12 ม.ค. 06, 09:30
 สิ่งหนึ่งที่ทำได้

กระทรวงวัฒนธรรม อาจจะเข้ามาแทรกแซงในเชิงสร้างสรรค์
ผมเริ่มเห็น รมต. กระทรวงนี้บ่อยมากขึ้น

ว่าไปแล้ว กระทรวงนี้มีงานให้ทำได้ ไม่วาดไม่ไหว
ปัญหา คือ จะทำหรือไม่ จะทำจริงๆ หรือไม่

พอดี ผมไม่ได้คลุกคลีในวงการ อาจจะมองภาพได้ไม่ตรงนัก

ขอลอง ยกตัวอย่างง่ายๆ (แค่เป็นตัวอย่าง)

เช่น

การประกวดละครสร้างสรรค์จากเรื่องสั้น  อาจจะเป็น ตอนเดียว หรือสองสามตอนจบ

จำได้ว่ามีช่วงหนึ่ง ตอนนั้นผมน่าจะยังเด็ก
มีการเอาเรื่งสั้นมาทำเป็นละคร แบบตอนเดียวจบ
ผมสนใจตามดูแทบทุกตอน



ลองย้อนเวลากว่า 30 ปีของผมเอง
ละครที่ผมประทับใจ

1. เรื่อง สุดแต่ใจจะไขว่คว้า  หนุ่มเสกเป็นคนเล่น เนื้อหาสะท้อนสังคม สร้างสรรค์ และให้แง่คิด

2. เรื่อง เกี่ยวกับการฆาตกรรมบนเรือ คุณฉัตรชัยเล่น เป็นคดีซ่อนปม ทำให้ฝึกคิดได้ดีมาก

3. เรื่อง เกี่ยวกับฆาตกรรมซ่อนปมเช่นกัน เล่นโดยคุณ นัท ซึ่งเป็นนักสืบสาว ( ไม่ประทับใจมาก แต่ก็ดู OK)

4. เรื่อง มายา เนื้อหาเป็นแบบละคร แต่สะท้อนมุมมองได้ดี
ตอนจบ ผิดหวังนิดหน่อย   อันนี้ดู เพราะคนอื่นเขาดู


ผมจำได้ว่านานแล้ว เรามีละครเกี่ยวกับ กฎแห่งกรรม หุ่นไล่กา
ผมว่า น่ารัก สร้างสรรค์ดี และเป็นประโยชน์สำหรับเด็ก
น่าจะเอาแนวนี้ กลับมาทำใหม่   รับรองว่า ดูได้ทุกกลุ่ม ทุกวัย


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 06, 09:44
 ความเห็น 41,42 ก็คืนมาแล้ว

อ่าน ค.ห. 41 ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีละค่ะ  ว่าเจ้าของค.ห. เขาต้องการสื่ออะไรกับดิฉัน
ส่วนค.ห. 42 อ่านรู้เรื่อง ไม่มีข้อสงสัย

ย้อนมาถึง ค.ห. 41   ดิฉันลองทำคำตอบแบบปรนัย ให้คุณเจ้าของค.ห. 41 เลือกก็แล้วกันนะคะ

 WHAt_LOvE ยกคำพูดของเทาชมพูมาเรียงกันให้อ่าน เพราะ
1) ตรงกับความเห็นของ WHAt_LOvE เอง จึงไม่ขอกล่าวซ้ำ
2) ไม่ตรงกับค.ห. ของ  WHAt_LOvE  แต่  WHAt_LOvE ไม่บอกว่าตัวเองเห็นว่ายังไง  
3) ให้เทาชมพูอ่านความเห็นของตัวเองแทนคำตอบของ  WHAt_LOvE
4)  WHAt_LOvE อ่านคำตอบของเทาชมพูแล้วไม่เข้าใจว่าคิดยังไง จึงยกมาอีกครั้งให้อธิบาย
5)  WHAt_LOvE  เห็นว่าเทาชมพูตอบหลายครั้งไม่เหมือนกัน จึงยกมาให้อ่าน
6)  WHAt_LOvE  เห็นว่าเทาชมพูตอบหลายครั้งซ้ำซากในทางเดียวกัน จึงยกมาให้อ่าน
7)  WHAt_LOvE  มีความคิดเห็นอื่นๆนอกเหนือไปจาก 6 ข้อข้างบนนี้ แต่ยังไม่ได้เฉลย
8) ถูกทุกข้อ
9) ผิดทุกข้อ

หมายเหตุ สามารถติ๊กคำตอบได้มากกว่า 1 ข้อ
เมื่อติ๊กแล้ว จะนำไปสู่คำตอบปรนัยชุดที่ 2


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 06, 09:50
 แปลกใจนิดหน่อยว่า ทำไมคุณ   WHAt_LOvE ถึงข้ามค.ห. 28 ของดิฉันไป
ไม่ยกมารวมกันไว้ด้วย


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 12 ม.ค. 06, 09:54
 No. 41 wants to communicate that P&G is always right and somebody wrong.
Now you agree with me that by hiding the message, you eliminate your chance
of  defending yourself, don’t you?


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 12 ม.ค. 06, 10:33
 ( ต้องขอโทษด้วยครับ ที่แทรกเข้ามา ระหว่างที่เป็นความ เป็นข้อพิพาทกันของหลายๆ ท่าน)


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 06, 10:38
When I answer a question, the first thing that comes into my mind is  whether there's a fact to be found.

If there's one, tell the fact first. Secondly , the opinion is in the line.

If you know the fact behind the matter, it's easier to form  practical opinions  afterwards.



I know some of the  facts behind the making of TV series. I don't say I know as much as Khun Patsakorn  does, but I do know some.

I tried to tell you all  as much as pinkandgrey could do.



I also knew about the writer Khun Traveller mentioned, much more than she did. That's why I  corrected her words.

If it really  turned out to be "pinkandgrey is always right",

sarcastically said between the lines by khun WHAt_LOvE ,

I'm  not only  very sorry to hear that kind of interpretation,

I also feel that it  becomes a uselss argument  , worthless to be heard by anyone.

And I won't say any more words on the matter.


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 12 ม.ค. 06, 11:28
 No need to be sorry because, as I mentioned above, she is like a baby cow who knows nothing  of a tiger.



 Last nite, that's why I asked the team to restore both opinions; they're acceptable to me.



You really answered my post no. 14, thanks ka.



********

"งานนี้ถ้าคุณไม่เอา 41 และ 42 มาคืน คนที่เสียคือผู้ใหญ่ค่ะ "

อันนี้พี่ก็อาจหาญไปนิดนึง น้องแพรจะน้อยใจเอา



khun paganini, I don't take your words seriously because a few times your logic is "up-side-down".

อาจารย์เคยกล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้ดิฉันเสียใจอยู่หลายครั้ง ก็คือในเว็บบอร์ด (ไม่เฉพาะในเว็บนี้)

ผู้เล่นเน็ตหลายคนแยกไม่ออก ระหว่างผู้หาเรื่อง และผู้ถูกหาเรื่อง ว่าควรตำหนิใคร”



See 78, 79
 http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Cid=18&Pid=24641&ooc=3



You're not able to differentiate between nuisance and net police.

Feel free to del as I already get my message across.


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 12 ม.ค. 06, 14:47
เรื่องน้อยใจน้องแพรคงจะไม่มีหล่ะครับ คุณ Paganini

น้องแพรช่วยงานที่ วิชาการ.คอม โดยไม่เคยได้ค่าตอบแทนซักบาทเดียว มากว่า 5 ปีแล้ว ผ่านเรื่องราวกระทบกระทั่ง กระท่อนกระแท่นพร้อมกับพวกเรามานาน น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ของความเป็นคนที่ Open-minded ของเธอได้ดี บนพื้นที่เปิดแบบนี้ การกระทบกระทั่งทางความคิด เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากไม่เปิดใจกว้างเพียงพอ การกระทบกระทั่งเล็กน้อย อาจจะทำให้ต้องร้างรากันไปได้ แต่เราก็ไม่เคยได้ยินคำว่า "ลาแล้วค่ะ" จากน้องแพรตลอด 5 ปีที่นี่เลยครับ

ผมเข้าใจว่าความตั้งใจของน้องแพรคือไม่อยากให้ กระทู้ออกนอกประเด็นมากกว่า (เพราะผมเคยเห็น เธอเปิดกระทู้ใหม่ให้ ถ้าเห็นว่ามีประเด็นน่าสนใจอื่น ที่ออกนอกประเด็นไปจากกระทู้ที่ตั้งไว้ ก็หลายที เช่น http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=91&Pid=41237  คห. 24, คห.35)

แต่ผมก็เห็นว่าประเด็นข้อ 1,2,3 คห.44 ของพี่นุชนา ก็มีน้ำหนักมากครับ และก็เป็นเหตุผลที่ดีครับ

น้องแพรเป็นคนฉลาดและมีเหตุผลมากๆ เรื่องแค่นี้คงเข้าใจได้ เธอไม่งอนหรอกครับ แต่ถ้างอน ผมยอมอาสาลงทุนโทรไปง้อให้ครับ    (กำลังหาเรื่องอยู่พอดี )  

เชิญคุยเรื่องละครต่อดีกว่าครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 12 ม.ค. 06, 17:13
 (และแล้ว เด็กเมื่อวานซืนก็แวะมาทีนี่ต่อ)
หลังจากเรื่องจบลงไปแล้ว(ดังที่คุณพ่อน้องแฮปปี้ว่า) ผมขอเสนอความเห็นอีกคราวนะครับ (อาจจะออกทะเลไปบ้าง ถ้านอกเรื่องลบทิ้งก็ได้นะครับ)
(อ้าว นึกไม่ออกเสียแล้ว)
ป.ล.
1. ถึงคุณปากกาฯ และพี่แพรครับ
เรื่องทฤษฎีกระยาสารทนี้ ผมคิดว่าถ้าตั้งเป็นกระทู้ใหม่จะดีไหมครับเพราะผมเห็นว่ามีความน่าสนใจ และสามารถแตกออกไปได้หลายอย่างเช่นเดียวกับเรื่อง ลิงที่ 31 ที่พี่แพรนำเสนอครับ (ทั้งสองท่านเห็นด้วยหรือไม่อย่าลืมบอกนะครับ)
2.  ความเห็นของ อ. แมทกาย น่าสนใจนะครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเริ่มก่อน
3. อ. สุรัชน์ อินทสังข์เคยเขียนในคอลัมน์ในวารสารอัพเดทว่า มินิซีรีส์เรื่อง Numb3rs (ซึ่งดูเพียงตอนเดียว) น่าสนใจ และเป็นตัวอย่างในการเรียนรู้ที่ดีของเด็กไทยอย่างหนึ่งครับ อยากให้ลองอ่านดูในวารสารอัพเดทฉบับเดือนนี้ (เห็นว่าวารสาร My Maths ก็เคยมีเรื่องนี้เหมือนกัน แต่เป็นฉบับ ธ.ค. 2548 และ อ.สุรัชน์ไม่ได้เขียนคอลัมน์นี้)
เนื้อเรื่องนี้ต่างจากเรื่อง CSI ที่ออกทางช่องเจ็ดสีที่ ตัวเอกคือพี่น้องผู้หนึ่ง คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ FBI อีกคนเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ แต่ทั้งสองร่วมกันแกะปริศนาของคดีได้
พี่แพรเห็นว่าอย่างไรครับ เพราะเรื่องนี้ต้องดูที่ช่อง axn ของผู้ติดยูบีซีครับ ผมก็เลยไม่ทราบว่าจะสนุกสมคำเล่าลือหรือเปล่า และไม่ทราบอีกว่ามีเคยดูหรือเปล่าครับ
4. เห็นทีช่วงนี้ผมคงต้องเพลาๆ บ้าง เพราะ เดี๋ยวจะเสียไปหมด


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: WHAt_LOvE ที่ 12 ม.ค. 06, 22:30
 ไม่ได้ต้องการว่าใครหรืออะไรยังไงกับใครทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกระทู้ หรือคุณเทาชมพูเพียงแต่อยากจะบอกว่า
  ละครของไทย น่า ดู กว่าของเมืองนอก
แต่บางเรื่องละครของเมืองนอกก็น่าดูกว่าละครไทย
คำว่า"คนไหนดู คนไหนเลือก น่ะถูกแล้ว"
จบซะที
ขอให้คนที่เหยียบแผ่นดินไทยทุกคนรักกัน


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: WHAt_LOvE ที่ 12 ม.ค. 06, 22:48
ขอชี้แจ้งความเห็นอันนี้
-----------------------------------------------------------------
ความเห็น 41,42 ก็คืนมาแล้ว

อ่าน ค.ห. 41 ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีละค่ะ ว่าเจ้าของค.ห. เขาต้องการสื่ออะไรกับดิฉัน
ส่วนค.ห. 42 อ่านรู้เรื่อง ไม่มีข้อสงสัย

ย้อนมาถึง ค.ห. 41 ดิฉันลองทำคำตอบแบบปรนัย ให้คุณเจ้าของค.ห. 41 เลือกก็แล้วกันนะคะ

WHAt_LOvE ยกคำพูดของเทาชมพูมาเรียงกันให้อ่าน เพราะ
1) ตรงกับความเห็นของ WHAt_LOvE เอง จึงไม่ขอกล่าวซ้ำ
2) ไม่ตรงกับค.ห. ของ WHAt_LOvE แต่ WHAt_LOvE ไม่บอกว่าตัวเองเห็นว่ายังไง
++ใช่ไม่ขอตอบ ตอบไปก็มากความมากเรื่องไม่มีอะไรดีขึ้น ขัดแย้งกันปล่าวๆ++++++++
3) ให้เทาชมพูอ่านความเห็นของตัวเองแทนคำตอบของ WHAt_LOvE
4) WHAt_LOvE อ่านคำตอบของเทาชมพูแล้วไม่เข้าใจว่าคิดยังไง จึงยกมาอีกครั้งให้อธิบาย
5) WHAt_LOvE เห็นว่าเทาชมพูตอบหลายครั้งไม่เหมือนกัน จึงยกมาให้อ่าน++++อันนี้ก็ใช่ เหมือนประโยคบาง ประโยคที่คุณเทาชมพูตอบ ขัดแย้งกับการที่มาวิจารณ์ความเห็นที่ 21++++
6) WHAt_LOvE เห็นว่าเทาชมพูตอบหลายครั้งซ้ำซากในทางเดียวกัน จึงยกมาให้อ่าน
7) WHAt_LOvE มีความคิดเห็นอื่นๆนอกเหนือไปจาก 6 ข้อข้างบนนี้ แต่ยังไม่ได้เฉลย
8) ถูกทุกข้อ
9) ผิดทุกข้อ
+++++ขอบคุณ ที่ให้ตัวเลือก+++++


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 12 ม.ค. 06, 23:17
 ว่าจะเป็นผู้อ่านเฉยๆ แต่ทนฟังวาจาที่หยาบกระด้าง สามหาวของคุณไม่ได้
ดีน้า...ที่เมื่อคืนคุณสงบปากสงบคำ หลุดออกมาประโยคเดียว

"จบซะที"
ถ้าเป็นตามบ้านนอก อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดจาสุนัขไม่รับประทาน คุณพูดมากไปก็จะโดนเกี๊ยะตบปาก
ถามจริงๆเถิดค่ะ ที่บ้านคุณพูดจาอย่างนี้หรือ?
ที่คุณพ่อคุณแม่พูดกัน ดิฉันว่าน่าฟังกว่านี้ คุณไม่เคยจดจำมาบ้างหรือ
คุณอย่ามาแผลงฤทธิ์แถวนี้เลย อย่าเอาชนะในทางไม่น่านิยม
เป็นเด็กเป็นเล็ก ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ทำตีฝีปาก
เอาเถาบอระเพ็ดมาฝากค่ะ
วาจาคุณขื่นกระด้างยิ่งกว่าบอระเพ็ด เถาบอระเพ็ดเหนียวเหมาะให้คุณผูกคอตาย ลาโลก
ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ

(วาจาอย่างนี้...ระวังจะโดนยึดล้อคอิน แล้วจะว่าไม่เตือนเน้อ!)

คุณแพรคะ...กรุณาอย่าพึ่งรีบลบ ขอสัก 3 วัน เก็บเป็นอนุสรณ์เตือนใจแม่แก้วหน้าม้า
.


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ม.ค. 06, 05:24
As far as Khun WHAt_LOvE's matter  goes, it's over with me now.

She has so strong a standpoint that no other opinions find their ways through hers.

She does not want to exchange ideas with anybody else. Just presenting hers to show her disapproval of others.

It's her personal right to do so. I won't argue with it.



My dear Dominio, for several times in life, I notice that  one's bitter tongue is only a symbol of immaturity and ignorance, it does more harm to the person himself  than  others .

 At least , that kind of character will never win a good relationship with anybody. That's more than enough punishment.


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 13 ม.ค. 06, 16:55
"กระทู้ละครไทยหลังข่าว" กลายเป็น "ละครไทยหลังข่าว" ไปซะเองแล้ว    หลายคนช่วยกันเขียนบท ที่สะท้อนสังคมไทยได้ชัดเจนไม่น้อย

แพรคงต้องรออีกหลายๆๆๆปี ถึงจะได้ดูละครไทยดีๆอย่างที่คุณเทาชมพูบอกไว้ใน คห.28 หล่ะค่ะ  


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ม.ค. 06, 17:16
 พัดลมตัวเดียวเห็นจะไม่พอเสียแล้ว


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 13 ม.ค. 06, 17:19
 จบซะที
ขอให้คนที่เหยียบแผ่นดินไทยทุกคนรักกัน
น่าจะใช้แค่คำว่า
ขอให้คนทุกคนรักกัน
ก็พอครับ
คุณ สิ่งที่เรียกว่ารัก ใช้วลีสุภาพกว่านี้นะครับจะดีมาก
เอาละ ผมจะมาเขียนบทละครต่อ
1. การสอดแทรกมุกตลกในละคร(หรือในสื่ออื่น ๆ และชีวิตประจำวัน) คล้าย ๆ กับการลองผิดลองถูก ถ้าผู้สร้างหรือนักแสดงรู้จักกาลเทศะที่จะใช้ ก็จะไม่มีใครประนามว่า ตลก(ความคิดความอ่าน) ปัญญาอ่อน หรอกครับ
2. ความเห็นที่พี่แพรเสนอว่า
เนื้อเรื่องมีแต่แก่งแย่ง ชิงดีเด่นทางด้านอารมณ์และความรัก
นี้ ผมยอมรับว่าเกือบทุกเรื่องเป็นเช่นนั้น เพราะ...ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
เอ... ว่าแต่ละครที่จบแบบโศกนาฏกรรมเขาชิงดีชิงเด่นอย่างนั้นหรือครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 13 ม.ค. 06, 17:30
 อิ อิ    ขอบคุณคุณเทาชมพูค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 13 ม.ค. 06, 19:07
 เห็นคุณแพร อ้างอิงไปที่ คหพต#28
ก็เลยย้อนตามไปอ่านดูอีกที

มีที่สะดุดใจผมอยู่นิดหนึ่ง ตรงท้ายๆ ที่เหมือนจะเป็นทำนองสรุป

"ในเมื่อรสนิยมคนดูยังไม่เปลี่ยน และกลุ่มเป้าหมายคือต่างจังหวัด"


ด้วย "อัตตา" (น้อยๆ) ของความเป็นคนต่างจังหวัด

ก็เลยอยากเรียนถามว่า

1. รสนิยมที่ว่านั้น  เราหมายถึง เชื่อมโยงไปถึง ความรู้ การศึกษา หรือเปล่า ?

2. กลุ่มเป้าหมาย ที่ว่า หมายถึง คนส่วนใหญ่ที่ดูละคร ใช่หรือเปล่าครับ ?  แล้วเป้าหมายที่ว่านี่ จริงๆ หมายถึงอะไร?

เป้าหมายของคนทำละคร คืออะไรครับ?


.............

( ครับ ... ไม่ได้เจตนา จะต่อเรื่องราวอะไรขึ้นมาใหม่
เพราะเห็นทำท่าว่า กระทู้จะจบ หรือพักยก

พอดีได้เผลอตัวเข้ามาแจม
ก็เลยพลอยให้มีความรู้สึกร่วม ห่วงใย ไปด้วย    )


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ม.ค. 06, 20:56
 ขอใช้สิทธิ์พาดพิงค่ะ

ค.ห.ที่ 28 (ของดิฉัน) อ้างจากค.ห. ที่ 23 ของคุณ Patsakorn ซึ่งเป็นคนวงในของการทำละครทีวี ข้อนี้ยืนยันได้เพราะดิฉันรู้ว่าคุณภาสกรเป็นใคร

ขอลอกคำตอบของคุณภาสกรมาให้คุณอ่าน

ละครโทรทัศน์ปัจจุบันเป็นพาณิชยศิลป์แล้วครับ เรื่องหนึ่งใช้ทุนไม่ตำกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ยิ่งถ้าเป็นละครที่ฟอร์มใหญ่ๆ ก็ใช้ทุนมากกว่า 30 ล้าน เหตุนี้เองผู้ผลิตจึงต้องพึ่งพาระบบโฆษณา อีกอย่างคือละครโทรทัศน์ไทยจะไม่มีวันพัฒนาไปมากกว่านี้หรอกครับ ถ้าหากยังเชื่อมั่นในระบบการวัดเรตติ้ง ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่มีใครตอบได้ว่าวัดด้วยวิธีอะไร ใช้การวิจัยแบบไหน ได้กลุ่มตัวอย่างมาได้อย่างไร แต่คนในวงการนี้ก็เชื่อกัน

ผมเห็นด้วยทุกอย่าง กับความเห็นข้างต้นที่ว่าละครไทยไม่พัฒนาเนื้อหาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่อย่าลืมนะครับ การผลิตซ้ำอะไรสักอย่างในสังคม ย่อมแสดงความหมายบางประการอยู่ ถ้าสังคมไม่ต้องการแล้ว การผลิตซ้ำก็คงไม่มีความหมาย แต่เมื่อคนในสังคมยังต้องการดูละครแนวนี้อยู่ การผลิตซ้ำจึงเกิดขึ้น ถ้าดูละครบางเรื่อง ผู้สร้างตั้งใจให้แหวกขนบจากละครน้ำเน่าไทย ปรากฏว่าไม่มีคนดู โทษใครล่ะครับ ต้องโทษพวกเรากันเอง ไม่สนับสนุนละครดีๆ พอเรตติ้งไม่มี ก็ไม่มีนายทุนคนไหนให้ผลิตอีก มันก็ต้องกลับไปผลิตซ้ำเหมือนเดิม

ผมเชื่อว่าละครไทยต้องเปลี่ยนแปลง แต่คนดูต้องพัฒนา และร่วมมือกันไม่ดูละครไทยแนวเดิมๆ (ที่หลายท่านในบอร์ดนี้ไม่ชอบน่ะครับ) เมื่อไม่มีคนดู ก็ไม่มีคนผลิตอีกต่อไป เชื่อสิ

แต่อย่าลืมนะครับ คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศยังต้องการบริโภคละครแนวนี้อยู่ ผมไม่ได้มองละครไทยสูงส่งไปเท่าไหร่เลยครับ เพราะความจริงแล้วละครไทยก็คือการปรับประยุกต์ของนิทานจักรๆวงศ์ๆ สมัยเก่า แต่เปลี่ยนรายละเอียด แล้วปรับเนื้อหาให้เข้ากับยุคสมัย แต่อุดมการณ์หลายๆอย่างในเรื่อง ยังคงเดิม เพราะอะไร เพราะสังคมไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงใช่หรือเปล่า หรือพูดอีกทีก็คือเปลี่ยนแต่วัตถุ แต่จิตสำนึกหรือวิธีคิดของคนไทยไม่ได้เปลี่ยนไปด้วย

ด้วยเหตุนี้ นักเขียนบทละครส่วนใหญ่ เขาจึงไม่ได้นึกถึงพวกเราในบอร์ดนี้หรอกครับ เขาคิดถึงคนในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเขา

******************************
ดิฉันไม่รู้จะตอบคุณ MathGuy ยังไง  เพราะคำถามของคุณไม่เอื้อให้ตอบได้ตรงเป๋งด้วยแค่ตอบ 2-3 คำ    
ขอพยายามก่อน
1) ก็ไม่เชิง  ในต่างจังหวัดก็มีคนมีการศึกษาทุกระดับตั้งแต่จบปริญญาไปจนไม่จบชั้นประถม    แต่เฉลี่ยแล้วคนต่างจังหวัดมีอัตราการศึกษาไม่สูงเท่าคนกรุง
รสนิยมที่ว่า น่าจะหมายถึงว่าคนต่างจังหวัดมีหนทางเลือกเสพความบันเทิงน้อยกว่าคนเมืองหลวง  หูตาไม่กว้างเท่า  ก็มักนิยมเสพตามแบบเดิมๆ ที่คนกรุงเห็นว่าล้าหลัง
2) กลุ่มเป้าหมายก็คือคนที่นิยมดูละครเป็นหลัก  ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และเป็นผู้มีเวลาอยู่บ้านค่อนข้างมาก   เรียกกันง่ายๆว่ากลุ่มแม่บ้าน

มีหลายบริษัทที่รับทำสำรวจเรตติ้ง  เท่าที่รู้คือบริษัทดีมาร์    เขาจะสำรวจอย่างมีหลักเกณฑ์  เป็นที่เชื่อถือของสปอนเซอร์ และผู้บริหารโทรทัศน์
ละครจะถูกเช็คเรตติ้งตั้งแต่เริ่มออกอากาศ ภายในไม่กี่วันก็รู้ผล  การเช็คเรตติ้งจะเช็คเป็นรายตอนที่ออกอากาศเลยทีเดียว  
ทางฝ่ายโทรทัศน์จะรู้ผลว่า ในคืนไหนเรตติ้งจะขึ้นหรือลงเท่าไร  ผลการนับแสดงออกเป็นตัวเลข   แต่ละช่องจะเช็คเรตติ้งเปรียบเทียบกัน
ในตอนที่ละครมาถึงตอนตื่นเต้นระทึกใจ   เรตติ้งในคืนนั้นจะพุ่งสูงขึ้น  สังเกตได้  เพราะคนดูจะเทมาดูตอนนั้น
ละครดังๆที่ประชันกัน เรตติ้งจะออกมาสูสีกัน

เป้าหมายคนทำละคร มี 2 อย่าง
1) ทำเรื่องที่เรตติ้งพุ่งกระฉูดให้ได้   เพื่อจะได้รับความไว้วางใจให้ทำละครเรื่องต่อไป    ถือเป็นความสำเร็จ
2) หลังจากทำเรื่องที่เรตติ้งดีแล้ว  บางเจ้าก็ขอแวะทำละครเอา "กล่อง" คือเพื่อให้ได้รับรางวัลประกวด เป็นศักดิ์เป็นศรีของผู้จัดซึ่งทำในนามบริษัท ถือเป็นผลงานที่ไม่หวังเรตติ้ง
ละครเอา"กล่อง" แบบนี้มักจะเป็นที่นิยมของคนดูชาวกรุง  แต่ต่างจังหวัดหรือว่าระดับชาวบ้านอาจจะไม่ค่อยสนใจเท่าไร     เรื่องแบบนี้อาจจะดังอยู่ในเว็บบอร์ดต่างๆ   แต่ว่าเรตติ้งโดยรวมไม่พุ่งสูงนัก

พยายามอธิบายได้แค่นี้ละค่ะ  คุณภาสกรหายไปไหนแล้วก็ไม่ทราบ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: WHAt_LOvE ที่ 14 ม.ค. 06, 22:26
 ว้า แย่ จัง ต้องดูรูปบอระเพ็ด สงสัยอยากจะบอกเป็นนัยๆว่า สงบปากสงบคำเสียทีเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
ว่าจะเป็นผู้อ่านเฉยๆ แต่ทนฟังวาจาที่หยาบกระด้าง สามหาวของคุณไม่ได้
ดีน้า...ที่เมื่อคืนคุณสงบปากสงบคำ หลุดออกมาประโยคเดียว

"จบซะที"
ถ้าเป็นตามบ้านนอก อย่างนี้เขาเรียกว่าพูดจาสุนัขไม่รับประทาน คุณพูดมากไปก็จะโดนเกี๊ยะตบปาก
ถามจริงๆเถิดค่ะ ที่บ้านคุณพูดจาอย่างนี้หรือ?
ที่คุณพ่อคุณแม่พูดกัน ดิฉันว่าน่าฟังกว่านี้ คุณไม่เคยจดจำมาบ้างหรือ
คุณอย่ามาแผลงฤทธิ์แถวนี้เลย อย่าเอาชนะในทางไม่น่านิยม
เป็นเด็กเป็นเล็ก ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ทำตีฝีปาก
เอาเถาบอระเพ็ดมาฝากค่ะ
วาจาคุณขื่นกระด้างยิ่งกว่าบอระเพ็ด เถาบอระเพ็ดเหนียวเหมาะให้คุณผูกคอตาย ลาโลก
ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ

(วาจาอย่างนี้...ระวังจะโดนยึดล้อคอิน แล้วจะว่าไม่เตือนเน้อ!)

คุณแพรคะ...กรุณาอย่าพึ่งรีบลบ ขอสัก 3 วัน เก็บเป็นอนุสรณ์เตือนใจแม่แก้วหน้าม้า
.
-----------------------------------------------------------------
ช่วยอ่านความคิดเห็นข้างบน
+สุนัขไม่รับประทาน
+โดนเกี๊ยะตบปาก
+ที่คุณพ่อคุณแม่พูดกัน ดิฉันว่าน่าฟังกว่านี้ คุณไม่เคยจดจำมาบ้างหรือ
+ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ทำตีฝีปาก
+เถาบอระเพ็ดเหนียวเหมาะให้คุณผูกคอตาย ลาโลก
+ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ
+เตือนใจแม่แก้วหน้าม้า
-------ผู้ใหญ่พูดจากันอย่างนี้ใช่ไหมค่ะ--------
สังคมที่นี่ไม่ต้อนรับก็ไม่เป็นไร ก็บอกแล้วว่าแค่ต้องการบอกความเห็นด้วยเท่านั้น หรือการเป็นเด็กที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวเขียนแค่เพียงคำพูดที่ไม่สบอารมณ์ผู้ใหญ่ใช่ไหมค่ะ ถึงต้องว่ากันอย่างนี้ หนูก็มีค่ะคุณพ่อคุณแม่น่ะ
---ไหนๆจะไป ขอทิ้งท้ายหน่อยนะค่ะหนูว่านะค่ะผู้ใหญ่ที่น่านับถือที่ชี้แจงด้วยเหตุผลอย่างคุณเทาชมพูหรือคนอื่นๆรวมทั้งคนที่ชื่อแพร(ไม่กล้าเรียกว่าน้องอย่างคนอื่น)ยังน่านับถือกว่าคุณอีก(คนที่เขียนน่ะ)
สังคมนี้ไม่น่าอยู่อย่างที่คิดไว้เลยแม้สักนิด


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 14 ม.ค. 06, 23:11
 และแล้ว ละครแห่งชีวิตฉากนี้ ก็ได้ปิดม่านลง สะท้อนให้เห็นความจริงหลายแง่

1. เวลาปราบโจร ก็ต้องใช้โจรปราบ ภาษาผู้ดีของอาจารย์เทาชมพู คุณฟังไม่เข้าหูหรอกค่ะ
ต้องภาษาโจร โจรถึงจะขยาด

ดิฉันคงเป็นโรคชนิดหนึ่ง ที่ยอม "เปลืองตัวเอง" เพื่อประโยชน์มหาชน ขนาดในห้องประวัติศาสตร์
มีขาใหญ่คนหนึ่ง ชอบกัดคนอื่นเป็นประจำ เขาไม่เคยกัดดิฉันหรอกค่ะ แต่ดิฉันทนเห็นเขาระราน
ชาวบ้านไม่ได้ เมื่อทราบว่าเขาเป็นใคร ดิฉันก็แฉเลยว่าตัวจริงเขาเป็นใคร หากเขาไม่หยุด
เดี๋ยว แฉ ภาค (2) จะตามมา เห็นสงบแล้วค่ะ ตอนนี้  

2. ดิฉันได้ความรู้จากอาจารย์มากเหลือเกิน ทำให้ทนเห็นคุณ พูดจาเสียดสีท่านไมได้ ขออภัยที่ต้องเกี่ยวค่ะ

3. Mission accomplished ka. Now aj may del post "bo-ra-ped", and this one ka.


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 14 ม.ค. 06, 23:22
 เห็นความเห็นที่ 69 แล้ว ตอนแรกผมว่าจะเอาขั้วโลกมาฝาก..... แต่คิดอีกทีก็กลัวจะไปเร่งให้น้ำท่วมโลก เลยเอาน้ำแข็งมาช่วยพัดลมของอาจารย์เทาชมพูอีกแรงแล้วกันนะครับ

ส่วนคุณWHAt_LOvE เรื่องอื่นผมคงไม่เอ่ยปากขอดีกว่า (เพราะไม่คิดจะขออะไรกับคุณแต่แรก) แต่เห็นที่คุณตอบไว้วันนี้หนะ ผมขอแค่ให้คุณพูด "คะ" "ค่ะ" กับ "นะคะ" ให้ถูกแล้วกันนะครับ ลองอ่านออกเสียงดู

-คะ เป็นคำลงท้ายคำถาม
-ค่ะ หรือ นะคะ เป็นคำลงท้ายที่แสดงอาการอื่นๆ เช่น ยินยอม ปฏิเสธ ขอร้อง เป็นต้นครับ

ผมแค่อยากขอให้คุณใช้ให้ถูกแล้วกันนะครับ เข้าใจว่าการใช้ครั้งแรกคงยากหน่อยสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้นะครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 14 ม.ค. 06, 23:30
 น้องติบอ ช่างสังเกตจุดเล็กๆน้อยในการใช้ภาษาไทย แหม..ขอชมเชย สมกับตำแหน่งกิตติมศักดิ์ค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: WHAt_LOvE ที่ 15 ม.ค. 06, 00:03
 เพราะคุณพี่เองก็ยังมองไม่เห็นเลยใช่ไหมคะ
ขอบคุณนะคะ
ที่ช่วยกันรักและเอ็นดูเด็กหนะค่ะ
เด็กนิสัยไม่ดีด้วยนะคะ
ผู้ใหญ่ที่น่านับถือเป็นอย่างสูงค่ะ
ภาษาไทยวันละคำไม่ทราบว่าลูกคุณพูดถูกหรือยังคะ
คุณพ่อไม่ว่างเพราะมัวเสียเวลาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันใช่ไหมคะ
++เอาขั้วโลกมาฝาก..... ++ไปเซาะมาหรือคะขั้วโลกใหญ่นะคะจะนำภาพมาให้ดูก็บอกสิคะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 15 ม.ค. 06, 00:24

.
1. ที่ช่วยกันรักและเอ็นดูเด็กหนะค่ะ......น่ะค่ะ
2. ไปเซาะมาหรือคะ........................ไปแซะมาหรือคะ

เอาแค่นี้แล้วกัน จบกันเสียทีนะคะทุกๆฝ่าย ขอชมเชยจากใจจริงว่าคุณพูดจามีหางเสียงไพเราะ
น่าฟังมากค่ะ ภาษาเช่นนี้ เขาเรียกว่า "ภาษาดอกไม้" ค่ะ ต้องขอโทษสำหรับภาพบอระเพ็ดที่เข็ดขม
แทนคุณ เอ้อ..Dominio ด้วยค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 15 ม.ค. 06, 00:46

พาเพื่อนมาดับความร้อนแรงครับ อิอิ

น้อง WHAt_LOvE ครับ

การควบคุมความโกรธเป็นเรื่องยากครับ แต่ถ้าน้องทำได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีครับ

การประชดประชันก็เช่นเดียวกัน ใครๆ ก็ประชดประชันกันได้ แต่จะมีซักกี่คนที่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้เกิดอารมณ์ เมื่ออ่านคำประชดประชันถึงตน

มันไม่สนุกหรอกครับ ที่ต้องมาตอบโต้กันไปมา

เท่าที่พี่สังเกตเห็น สาเหตุทั้งหลายทั้งปวง ก็คงมาจาก "วิธีการตอบ" ของน้องครับ

คือ สำนวนที่น้องใช้ในการตอบครั้งแรก "ความเห็นเพิ่มเติมที่ 21" ซึ่งถ้าใครได้อ่านก็จะรู้สึกได้ทันทีว่า "แข็งกระด้าง" และ "เต็มไปด้วยการแดกดัน" ครับ

ซึ่งประเด็นไม่ได้อยู่ที่ความคิดเห็นของน้องว่าเห็นด้วยหรือแตกต่าง ที่เรือนไทยเรายอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่จะไม่ยอมรับ "การใช้ภาษาที่ไม่เคารพซึ่งกันและกัน"

พี่คิดว่า คุณเทาชมพู ได้เตือนไปแล้วในกระทู้ถัดมา เกี่ยวกับการใช้ภาษาที่ฟังไม่เข้าหู

น้องต้องมาดูที่สาเหตุครับ ว่าทำไม หลายๆ ท่านจึงต้องต่อว่าน้อง ที่พี่มองเห็นก็คือการใช้ภาษาส่อเจตนา "กระแทกแดกดัน"

ถ้าน้องรักการ "กระแทกแดกดัน" ขอให้ไปเล่นที่พันทิปครับ มีหลายกระทู้ให้ฝึกฝีมือ

แต่ถ้าน้องรักที่จะปรับเปลี่ยนวิธีสื่อสารกับคนอื่น ให้มีความสุภาพมากขึ้น เรือนไทยก็ยินดีต้อนรับครับ

สิ่งที่น้องควรทำคือ หยุดตอบโต้ด้วยสำนวน "กระแทกแดกดัน" แล้วยอมรับความจริงว่าสาเหตุของการโต้ตอบนี้ มาจากการใช้ภาษาของน้องเอง แล้วปรับปรุงการใช้ภาษา และต้องไม่ลืมขอโทษท่านอื่นๆ ที่น้องได้ล่วงเกิน "กระแทกแดกดัน" ไปด้วยนะครับ

คนเราจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่า เรา "กล้าจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง" หรือไม่ครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 15 ม.ค. 06, 00:53

ดอกไม้น้ำแข็งให้คุณ Nuchana ครับ อิอิ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 15 ม.ค. 06, 01:00
 What da ya mean, but thanks any way. 555


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 15 ม.ค. 06, 01:10

ดอกไม้น้ำแข็งจากสรวงสวรรค์ ครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 15 ม.ค. 06, 01:34
 Webmaster:
Now can del bo-ra-ped and 70 pls, thanks ka.


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: จอมยุทธ ที่ 15 ม.ค. 06, 02:27
 เป็นเรื่องหลักการตลาดเเละโฆษณา...

เหมือนกับว่าทำไมคนทั่วไปอยากเป็นตำรวจ....

เป็นเรื่องเดียวกันครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 06, 07:02
ไม่ต้องลบดีกว่าค่ะ คุณแพร
เอาไว้อย่างนี้ เป็นประวัติศาสตร์หน้าเล็กๆหน้าหนึ่งของเรือนไทย
จะได้เอาไว้เตือนใจคนหลายๆคนว่าเวลาโพสต์อะไรให้ระมัดระวัง เพราะผลสะท้อนกลับมันมี

คุณ WHAt_LOvE  คุณอาจจะรู้สึกสะใจที่ใช้ภาษาเหน็บแนม เสียดสี กระทบกระแทกแดกดันทุกความเห็น
ไม่เว้นแม้แต่ค.ห. ๗๓  
เพราะอย่างหนึ่งคือในเน็ต ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นใคร  คุณรู้สึกปลอดภัยพอสมควรในการแสดงคำพูดที่คุณอาจโต้ตอบไม่ได้ในชีวิตจริง
เพราะคุณไม่มีชื่อจริง  ไม่มีที่อยู่   คุณจะทำอะไร พูดอะไรก็ได้
แต่ในฐานะที่คุณอ้างดิฉันว่าเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ   ดิฉันก็ขอแสดงสิทธิ์นี้ด้วยการให้ข้อคิดคุณว่า
การใช้คำพูดกระแทกแดกดันให้ผู้อื่นขุ่นข้องหมองใจ ไม่รู้จักจบสิ้น แม้แต่คนดูรอบๆวง ก็พลอยรู้สึกรำคาญไปด้วย
เป็นผลเสียระยะยาวกับชีวิตของคุณมากกว่าผลดี    คนอื่นเขาไม่ได้มาเสียอะไรด้วย  
แต่ความรู้สึกลบที่เขามีต่อคุณ คนแล้วคนเล่า  นั่นแหละไม่ได้เป็นมงคลกับชีวิตของคุณเลย
กรรมจะสนองในรูปของ ความไม่ก้าวหน้าในชีวิตการงาน  ในรูปของคนที่คุณชอบ กลับหลีกเลี่ยงหรือไม่ไยดีคุณ   คนที่คบกันได้ระยะหนึ่งก็ตีตัวออกห่างไปโดยคุณไม่เข้าใจสาเหตุ   มีเพื่อนน้อยลงทุกที  เข้าไปในสังคมไหนก็อยู่ไม่ได้นาน  รู้สึกว่าที่ไหนๆก็ไม่น่าอยู่  ในที่สุดก็ต้องอยู่คนเดียว ฯลฯ

เห็นพูดกันว่าพ่อแม่และครูบาอาจารย์ไม่ค่อยมีเวลาสั่งสอนอบรมเยาวชน     ดิฉันก็ถือโอกาสทำหน้าที่แทนในครั้งนี้ก็แล้วกัน
ถึงคุณจะไม่พอใจ กระทบกระแทกแดกดันมาอีกก็จะไม่ถือสา
เพราะถือว่ากรณีของคุณอาจเป็นกรณีตัวอย่างให้เยาวชนอื่นที่เข้ามาอ่าน ได้ข้อคิดขึ้นมาบ้างเท่านั้น


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 15 ม.ค. 06, 07:36
 เห็นด้วยกับอ.เทาฯ ทุกประการครับ แล้วก็อยากจะพูดเสิรมนิดหน่อยครับ ว่าที่จริงกรรมอย่างแรกของการใช้คำพูดที่ประชดประชัน พูดจาไม่มีสัมมาคารวะ หรือพูดโดยพยายามให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี คือการกลายเป็นคนที่หยาบกระด้าง ไม่เห็นคุณค่าในความรู้สึกของคนอื่น แต่คนพูดเองจะเข้าใจ หรือรู้สึกหรือไม่ก็คงต้องพึ่งบุพพกรรมทำมา บางคนกว่าจะรู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไปชีวิตก็ขาดอะไรไปหลายเรื่องแล้ว

แต่ถ้าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับวัยรุ่นก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะเป็นวัยกำลังคึกคะนอง ในอินเตอร์เนตแสดงด้วยกิริยาไม่ได้ก็ใช้วาจา (บางคนจนพ้นวัยไปแล้วก็ยังเลิกไม่ได้ หรือไม่ก็ฝังอยู่ในธรรมชาติส่วนตัวเสียแล้ว) เท่าที่จะทำได้คงต้องใช้ เมตตา กรุณา มุทิตา ช่วย (แต่ถึงอย่างไรเสียถ้าพ้นความสามารถไปแล้วใครที่คิดจะช่วยก็คงลืม อุเบกขา ไม่ได้)

สงสารเขาจะดีกว่ามั้ยครับ






ปล. ตอนแรกผมว่าจะโพสต์รูปยาหม่อง ยาขี้ผึ้ง เคาน์เตอร์เพน หรือไม่ก็กอเอี๊ยะมาถามว่ามีใครอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย แต่คิดอีกที ถ้าจะมาเล่นมุขแบบนี้คงเหมือนไปยุแหย่ให้เจ้าตัวก่อกรรมออนไลน์มากขึ้น ว่าแล้วก็เลิกโพสต์ดีกว่า


ว่าแล้วก็ซะหน่อยยกมาทั้งชั้นแล้ว มีผ้าพันแผล สำลี ยาแดงแถมด้วย มีใครรับมั้ยครับ หิหิ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 06, 07:57
 ตั้งข้อสังเกตนิดหนึ่งค่ะ
ปกติผู้หญิง มักจะใช้คำว่า "คะ" หรือ "ค่ะ" ถูกต้อง ว่าประโยคไหนควรลงด้วยคะ หรือประโยคไหนควรลงด้วย"ค่ะ"
เพราะเราพูดกันอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน
แต่ผู้ที่พูดไม่ถูก หรือไม่ค่อยชอบลง "คะ" "ค่ะ "แม้เรียกตัวเองว่า หนู หรือ ดิฉัน
มี ๒ พวก
๑) สาววัยรุ่นที่ไม่เคยพูดคะ หรือค่ะ ในชีวิตจริง     บางคนก็กูมึงกันตลอดในชีวิตประจำวัน
๒) ชายไม่จริง  หรือหญิงไม่แท้ ที่ชอบปลอมเพศเข้ามาในเว็บ   พวกนี้สับสนตลอด  ค่ะผิดค่ะถูก


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 15 ม.ค. 06, 08:00
 Ha, isn't that true?


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Traveller ที่ 15 ม.ค. 06, 12:25
 โอย ไม่ได้เข้ามาหลายวัน ต๊กกะใจหมดเลย

ขอบคุณอ.เทาชมพูค่ะสำหรับ comment คงจะจริงอย่างที่ อ. ว่าหละค่ะ ตอนที่ตอบกระทู้ไป ในใจก็นึกถึงละครแค่ไม่กี่เรื่องที่ประทับใจ ชีวิตประจำวันช่วงหลังๆ ยุ่งเกินกว่าจะได้ติดตามละครหลังข่าว

ส่วนที่อ้างถึงนักประพันธ์ท่านนั้น ก็พูดถึงเพราะจำได้ว่าเป็นประโยคที่ตรงใจเท่านั้นเองค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Traveller ที่ 15 ม.ค. 06, 15:00
อันนี้ก๊อปมาให้อ่านเล่นสนุกๆ แต่เข้ากับ topic นี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ


จากเวปนี้ค่ะ
 http://www.bloggang.com/viewdiary.php?
id=myday&group=8&month=12-2005&date=18&blog=3



ละครอย่างไรจึงจะเรียกว่าเป็นละครไทยน้ำเน่าเข้าตาชมรมเรา?

เลขาชมรมสรุปลักษณะไว้พอเป็นสังเขป ดังนี้
ตัวละคร
- พระเอก
บุคลิก... รวย หล่อ แต่อารมณ์ร้าย ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด ปากแข็ง ถนัดใช้กำลัง กล้ามโตหน่อยก็จะดีเพราะต้องอุ้ม ต้องแบก ต้องฉุดนางเอก

ข้อสังเกตเพิ่มเติม...ฉลาดมากแทบทุกเรื่องแต่จะโง่มากเรื่องสังเกตอาการของคนท้อง นิยมแสดงความรักในแบบที่คนดีๆเค้าไม่ทำกันคือการ "ปล้ำ"
ปล. ในหนึ่งเรื่องอนุญาตให้ปล้ำนางเอกได้แค่ครั้งเดียว ถ้ามากกว่านั้นจะผิดกฏหมาย

- นางเอก ในกรณีของเรามักเป็นคนเรียบร้อย ไม่แก่นเซี้ยว (ไม่งั้นจะปล้ำยาก เสียเวลา) สวยก็ได้ ไม่สวยก็ได้ แต่ที่แน่ๆต้องเป็นคนดี และที่แน่ๆอีกอย่างคือต้องจน

ข้อสังเกตเพิ่มเติม...ถ้านางเอกรวยก็ห้ามรวยกว่าพระเอก ในกรณีนี้ คนในครอบครัวต้องไปติดหนี้อะไรซักอย่างกับที่บ้านของพระเอก

มักจะเป็นคนดีมากถึงมากที่สุด บางครั้งดูไม่ออกว่าเป็นคนดีหรือคนโง่กันแน่ เธอสามารถให้อภัยทุกคนในเรื่องที่ร้ายกับเธอ ยกโทษให้คนที่พยายามจะสาดน้ำกรดหรือฆ่าเธอก็ได้ แต่เธอจะไม่ยกโทษให้พระเอก

ปล. เมื่อไหร่ที่พระเอกกินเหล้า ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ด้วยกันสองต่อสอง(ถ้าจะให้ดีหลีกเลี่ยงการอยู่สองต่อสองกับพระเอกในทุกกรณี) เมื่อไหร่ที่พระเอกหึง ห้ามพูดเด็ดขาดว่า "ถึงฉันจะใจง่าย แต่ก็ไม่เคยคิดจะมีอะไรกับคุณ" เพราะจะเข้าทางพระเอกพอดี

- ตัวอิจฉา ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ แต่จะไม่เป็นที่สนใจของพระเอก
ข้อสังเกตเพิ่มเติม... ถ้าเมื่อไหร่จงใจยั่วยวนพระเอกต้องทำต่อหน้านางเอก อาจจะได้รับความร่วมมือ เออออห่อหมกบ้าง แต่ถ้าไม่มีนางเอกอยู่ด้วย ก็มีโอกาสถูกโยนลงสระน้ำ หรือจับโยนออกนอกห้อง สูง นอกจากนี้ในเรื่องจะต้องตกน้ำ/ โดนอาหารปาหน้า หรือ โดนนางเอก(ผู้ซึ่งปกติไม่เคยตบใคร) ตบ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมด ไม่มีไม่ได้(เลือกเอา)

จุดจบถ้าไม่ถูกตำรวจจับ/เป็นบ้า ก็ต้องถูกลูกน้องหรือไม่ก็ตัวร้ายในเรื่องปล้ำ (เลือกเอาอีกเหมือนกัน) มีข้อสังเกตอีกว่า ถ้านางร้ายใช้ให้ใครไปปล้ำนางเอก คนๆนั้นแหละจะกลับมาปล้ำนางร้ายแทน

- พระรอง เกิดมาเพื่อโดนพระเอกซ้อม และช่วยให้นางเอกถูกพระเอกเข้าใจผิดมากขึ้น เท่านั้น ไม่มีหน้าที่อย่างอื่นอีก

ข้อสังเกตเพิ่มเติม... แม้จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนางเอกมากที่สุด แต่ก็ได้แค่ จับมือ ลูบผม หรืออย่างมากที่สุดก็จูบที่หน้าผาก และต้องอย่าลืมว่า ไม่ว่าจะเป็นคนดีแค่ไหน ก็เป็นได้แค่เพื่อนกับนางเอกเท่านั้น จำไว้นะ

- ญาติๆของพระเอกหรือนางเอก ถ้าเป็นฝ่ายนางเอก มักจะเป็นพวกก่อหนี้สินที่ต้องให้นางเอกชดใช้แทน หรือต้องมีเรื่องติดค้างอะไรสักอย่างกับที่บ้านพระเอก ถ้าเป็นฝ่ายพระเอกจะมีหน้าที่เป่าหูกับพานางอิจฉาเข้าบ้าน

เนื้อเรื่อง/ฉาก
- เดินเรื่องด้วยการชิงรักหักสวาทเป็นหลัก

- ต้องมีการปล้ำเกิดขึ้น ถ้าผู้ร้ายปล้ำนางเอก จะไม่สำเร็จ แต่ถ้าเป็นพระเอก โอกาสสำเร็จมีสูงถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ในกรณีที่ตัวอิจฉา(หญิง)ปล้ำพระเอก พระเอกมักจะไม่รู้สึกตัวหรือไม่ก็ถูกมอมเหล้า และถูกถ่ายรูปไว้ หรือนางเอกเข้ามาเห็นพอดี

- ต้องมีการปลอมตัวไม่ยอมบอกฐานะที่แท้จริง ปกปิด หรือ บอกแต่ไม่หมด อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายข้อรวมกัน จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ ในกรณีที่นางเอกเป็นคนปกปิดความจริงกับพระเอก เธอมีโอกาสโดนพระเอกปล้ำสูงมาก เมื่อพระเอกรู้ความจริง แต่ในทางกลับกันพระเอกไม่บอกความจริงแล้วนางเอกมารู้ทีหลัง พระเอกก็จะต้องถูกเกลียดชัง นำไปสู่การปะทะคารมอย่างเผ็ดร้อน ซึ่งก็ต้องจบลงด้วยการปล้ำอยู่ดี

- ต่อจากข้อข้างบน ถ้านางเอกถูกพระเอกปล้ำ เธอจะให้เหตุผลกับตัวเองว่า พระเอกทำไปเพื่อต้องการเอาชนะ ต้องการแก้แค้น ต้องการกลั่นแกล้งฯลฯ แต่ไม่ใช่เกิดจากความรักแน่นอน

- ถ้านางเอกเกิดท้องเนื่องมาจากสาเหตุข้างบน เธอจะไม่ยอมบอกพระเอก และเมื่อเธอมีอาการของคนแพ้ท้อง มักจะบอกกับคนที่รับบทเพื่อนนางเอกว่า เป็นโรคกระเพาะ/เครียด/พักผ่อนไม่พอ

- ตัวเอกที่เป็นผู้ชายทั้งหมด หรือแทบทั้งหมดในเรื่อง ล้วนแต่หลงรักนางเอกทั้งสิ้น

- ต้องมีฉากพระเอกประชดนางเอก ด้วยการแกล้งทำกิ๊กกับตัวอิจฉาให้นางเอกเห็น เพื่อยั่วให้หึง แต่นางเอกจะไม่ยอมหึงชัดเจน อาจแค่กระฟัดกระเฟียดไปควงกับพระรอง แล้วสุดท้ายพระรองนั่นแหละจะโดนพระเอกต่อย

รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ
- สถานที่ยอดนิยมสำหรับฉากปล้ำ in door...ห้องนอนบ้านพระเอก ถ้าเป็นบ้านนางเอกจะยากนิดหนึ่งเพราะนางเอกมักจะญาติเยอะ (ไม่มีสมาธิ) แต่ก็พอเป็นไปได้ในกรณีนางเอกเช่าบ้านอยู่คนเดียว out door...บ้านริมทะเล
- สาเหตุของการปล้ำที่พบบ่อย อันดับหนึ่ง หึงหรือเข้าใจผิด อันดับสอง เมา


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 06, 15:29

.  


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: WHAt_LOvE ที่ 16 ม.ค. 06, 09:20
 ติงเพื่อให้เราแก้เรายอมรับได้
เราไม่ได้แข็งกระด้างอย่างที่ทุกคนเข้าใจสักหน่อยจริงๆนะ
และไม่เคยคิดอยากใช้คำพูดไม่สุภาพด้วย
เราไม่ถนัดใช้ คะ ค่ะ ขา เพราะเราไม่ค่อยได้พูด(แปลว่า พูดบ้างกับผู้ใหญ่)และไม่ได้พูด มึง กูกับเพื่อนๆด้วย


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 16 ม.ค. 06, 14:03
 เมื่อวานเป็นครั้งแรก ที่ได้นั่งดู แดจังกึม แบบเต็มๆ ตั้งแต่เริ่ม จนจบตอน 2 ทุ่ม เรื่องเค้าสนุกจริงๆ (อย่างไม่น่าเชื่อ) ที่สำคัญภาพและบรรยากาศในเรื่องก็สวยด้วย  


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 16 ม.ค. 06, 16:03
 ขอบคุณ คุณเทาชมพู ที่ช่วยตอบใน คหพ#68

ครับ ที่ถาม จริงๆ เป็นเพียงรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย

ต้องขอบอกว่า ผมไม่เคยได้เข้ามา ถาม พูดคุย
ในประเด็นกระทู้ ทำนองนี้ (พึ่งจะลองเข้ามาดู)

ก็ให้สังเกตเห็นว่า คนในแวดวงกระทู้นี้ ก็มีอะไรแปลกๆ
น่ารักกันดี

ตอนที่เป็นเรื่องเป็นราวกัน ผมก็พลอยตกใจไปด้วย
แต่แล้วทุกอย่างก็คลี่คลายได้ดี

พอดี ผมมาทาง ตรรกศาสตร์ ที่ไม่พยายามใช้ความรู้สึก
บางทีก็เลยไม่ได้ นึกถึงเรื่อง ศิลปะ ความงามอะไรมากนัก

มีคนเคยว่าผมว่า  ผมอยู่กับตัวเลข

จริงๆ ตอนนี้ผมก็อยู่กับหนังสือ อยู่กับความคิดต่างๆ
พยายามสังเกตสังคม และออกมามีส่วนร่วมในอีกมุมมอง
ที่ผมจะทำได้


ในทางศิลปะ ทางสังคม ทางสื่อ ทางมวลชน คำพูด คำเขียนมักจะมีพลังของความรู้สึก

บางทีผมก็ อดไม่ได้ ที่จะเอาคำเหล่านั้นมาขบคิด สงสัย

แต่จริงๆ คำเหล่านั้นถูกยอมรับ ถูกใช้ไปในคนหมู่มาก
และคนใช้ก็ไม่ได้ ใช้อย่างเจตนาร้าย


กรณีคำว่า คนต่างจังหวัด ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง

ผมว่า ถ้าว่ากันตามจริง คนกรุงเทพ ที่ไม่ใช่คนต่างจังหวัดนี่
เราอาจจะแยกแยะกันลำบาก

โดยส่วนตัวผม คำว่า "คนต่างจังหวัด" จึงไม่สื่อเท่าไหร่
และโดยส่วนตัว รู้สึกไม่ดีต่อผู้พูดนิดๆ ที่ได้ยินเช่นนั้น
เหมือนเรา imply ว่า คนกรุงเทพจะ "ดีกว่า" คนต่างจังหวัด

แต่อ่านคำอธิบายของคุณเทาชมพูแล้ว ผมก็ OK แล้วครับ
ว่า ไม่ได้ถูกใช้ในลักษณะเช่นนั้น


คำว่า "รสนิยม" ว่าไปแล้วคำนี้ก็มีปัญหา

ยิ่งถ้าเราจะไปบอกว่า คนนั้น คนนี้ มีรสนิยมไม่ดี
เพราะก็จะกลายเป็นอวดตัวว่า เรามีรสนิยมดีกว่า

ซึ่งผมว่า รสนิยม นี่ ถ้าจะบอกว่า ใครดีกว่าใคร ต้องถกกันเรื่อง จริยธรรม เลยทีเดียว

เขาบอกว่า การศึกษา ก็เหมือนกับการปลูกกล้วยไม้
ที่กว่าจะเห็นดอกสวยๆ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำได้ในเวลาอันสั้นๆ

ละครดีๆ ก็คงเช่นกัน เราคงไม่ได้เห็นง่ายๆ

ยิ่งเมื่อละคร ถูกนำไป รับใช้ระบบทุนนิยม
เราก็คงทำอะไรไม่ได้

ยกเว้นว่า เราจะมีเงินมากๆ แล้วทำละครเอาบุญ เอากุศล



ครับ มีอะไรอีกมากมาย ไม่ใช่เพียง ละคร
ที่รับใช้ระบบทุนนิยม ระบบการบริโภคของเรา


ละคร ก็เป็นเพียง ภาพสะท้อนอันหนึ่งเท่านั้นเอง

ว่าไปแล้ว ชีวิตของแต่ละคน ก็เป็นละคร อีกหลายๆล้านเรื่อง
ที่เราแต่ละคน ต้องพยายามสร้าง เขียนบทของเราเอง

จะน้ำเน่า หรือ สร้างสรรค์ ก็สุดแต่ว่าเราจะเลือกอะไรให้กับตัวเรา


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: มิกกี้ ที่ 17 ม.ค. 06, 16:18
 ไม่เห็นยากตรงไหนเลย ก็คนไทยอิจฉาริษยากันออก
ไม่อยากให้ใครดีใครเด่นเกินตัว  แต่ถ้หนังไทยไม่มีตัวอิจฉาและบทริษยาจะไปสนุกได้ยังไงจริงมั๊ย????????????


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 17 ม.ค. 06, 16:44
 เลียนแบบคุณ traveller ครับ เห็นมีคน Forward มาให้เลยเอามาโพสต์ให้อ่านเล่น

30 พล๊อตอมตะหนังจีน

1.เป็นพระเอกไม่มีงานทำแต่มีเงินใช้ตลอดเรื่อง

2.ไม่ว่าจะตกหน้าผาสูงสักแค่ไหน ถ้าเป็นพระเอกยังไงก็ไม่ตาย

3.หลังตกหน้าผา คุณไม่เจอคนใจบุญ (พวกผู้หญิงช่วยเอาไว้) คุณก็จะเจอสุดยอดพระคำภีร์

4.ใครก็ตามที่อ้างเป็นฝ่ายธรรมะคนนั้นมักจะเป็นคนเลว

5.คนบ้าๆ โทรมๆ มักจะมีวรยุทธสูงพอๆ กับคนบ้าบอ

6.เวลานางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชาย คนในเรื่องจะดูไม่ออก แม้คนทั้งโลกจะดูออกก็ตามโดยเฉพาะพระ เอกจะโง่กว่าใครเพื่อน

7.เวลาพระเอกได้เปรียบศัตรูมักจะใจดีปล่อยศัตรู ทั้งๆ ที่จะหาโอกาสยากอยู่แล้ว

8.เวลาหนาวหรือไอเย็นเข้าแทรก นางเอกมักจะหาผ้าห่มให้ หรือไม่ก็เอาตัวห่ม

9.เวลาโดนฝ่ามือซัดต้องรักษาด้วยลมปราญ

9.1.ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้หญิงจะถอดเสื้อผ้าเดินลมปราญ

9.2.ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้ชายไม่ต้องหรอก

10.ตัวละครที่อารมณ์ดีที่สุดคือตัวโกง เพราะจะหัวเราะทั้งเรื่องโดยเฉพาะก่อนลงมือฆ่า แต่มัวหัวเราะ พระเอกจึงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

11.ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บรูปแบบไหน โดนฟันแขนหรือขา เลือดจะออกทางปาก

12.ตัวประกอบจะตายเร็วเสมอ ตัวสำคัญจะใช้เวลาสั่งเสียยาวนานจนเปลี่ยนวีดีโอม้วนใหม่

13.ก่อนจะเงื่อดาบต้องข่มขวัญกันก่อนเสมอ เช่น ดาบข้าตีด้วยเหล็กเย็น ใช้เวลาเจ็ดปีอาบเลือดมาร้อยกว่าศพ

14.ถ้าฝ่ายอธรรมมีคนมากกว่า เรียกว่า หมาหมู่ ถ้าฝ่ายธรรมะมากกว่าจะเรียกว่าสามัคคีรวมใจปราบมาร

15.นางเอกมักเป็นลูกตัวโกง หรือไม่ก็อยู่พรรคมาร ต้องโดนจิกหัวว่า “นางมาร”

16.นางมารตัวจริงต้องสวย เซ็กซี่...

17.การกินมูมมาม เสียงดัง เลอเทอะ แสดงว่า อาหารอร่อย กรอกเหล้าเข้าปากต้องให้หกๆ แสดงว่า ดื่มเก่ง

18.เวลาแอบดูต้องเอานิ้วจิ้มน้ำลายเพื่อจะเจาะประตูเป็นรูก่อนนะ ขอแนะนำชุดดำ โพกหน้าโพกหัวด้วย ถ้าเป็นผู้หญิงจะโดนจับได้ก่อนเสมอ

19.ถ้าจะส่งสารท้าประลองต้องเอาเลือดเขียน (เขียนสวยด้วยนะ) หมึกมีอย่าไปใช้เชียว

20.พิราบสื่อสารมักโดนฝ่ายตรงข้ามจับได้ก่อนประจำ

21.หมอเทวดามักเปิดคลินิกอยู่ในป่าขุนลึกลับ ถ้าไม่เก่งจริงอย่าไปตายอยู่เขาเพราะอันตรายมาก หมอ พวกนี่ไม่นิยมคิดตังค์ซะด้วยสิ

22.ถ้าบาดเจ็บในหน้าร้อนต้องระวังให้มาก เพราะสมุนไพรเจ๋งๆมักอยู่บนเขาหิมะ หายากมาก...

23.เมื่อพระเอกบาดเจ็บสาหัสมักจะมีงู นก ลิง มาเป็นอาจารย์สอนวิชาต่างๆ

24.แหล่งสืบหาความลับที่สำคัญที่สุดคือโรงเตี้ยม ด้วยการนั่งฟังโต๊ะข้างๆ คุยกัน

25.พระเอกไม่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเด็ดขาด เว้นแต่จะฝึกวิชาได้สำเร็จ

26.ทุกครั้งที่ต่อสู้กับผู้ร้าย นางเอกจะตะโกนเรียกพระเอกด้วยความเป็นห่วงจนพระเอกพลาดท้าผู้ร้าย

27.พระเอกมักจะดีจนโง่

28.นางเอกมักชอบพระเอกแต่พระเอกโง่ไม่รู้

29.พระเอกห้ามรักนางเอกก่อน

30.และเพราะอย่างนี้มันถึงมีความยาว 30 ม้วนไง


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 18 ม.ค. 06, 16:37
 การเทียบมาตรฐานละครหลังข่าวไทยกับหนังจีกนกำลังภายในภายนอก (ต่อจากความเห็นเรื่องหนังจีน)
ข้อ 11 ตรงกับละครไทยบางเรื่อง บางทีถูกซ้อมที่ท้องจนเลือดออกจากปากได้ (แต่ตัวเอกไม่ยักกะตาย ตัวประกอบโดนไม่กี่ทีก็นอนกองบนพื้น)
ข้อ 2 ละครเรื่องกุลาแสนสวยก็เช่นกัน (เสียดายนางเอกโหดฉากเดียว)
ข้อ 27-29 เป็นจริงบางเรื่อง
ละครบางช่อง เครื่องแต่งกายกับฉากเปลี่ยนเร็วมาก (พูดง่าย ๆ คือไม่เหมือนเลยทั้งก่อนและหลัง)
ไม่ว่าหนังเรื่องไหน(แอกชันแอกทา) ต่อให้มีตัวร้ายเป็น 20-30 ตัวก็จะถูกปราบเกลี้ยง หรือไม่ก็หนีไป
พระเอกจะเอาชนะตัวร้ายเสมอ ถึงแม้จะถูกอัดหรือต่อสู้จนปางตาย (โอ้ พระเจ้ายอด มันจอร์จมาก       ) หรือไม่ก็รอดมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ข้อ 18 หนังไทยต้องใช้สว่านหรือตะปูเจาะดูเท่านั้น (เพราะทำจากไม้) ซึ่งยังไม่เคยคิดมาก่อน
หากเป็นหนังผีตลก ๆ ตัวหนีผีจะพบผีอย่างไม่คาดคิด


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: วรรณวรรธน์ ที่ 22 ม.ค. 06, 14:31
 ขอคุยบ้างได้ไหมคะ....ความคิดตัวเองนะคะเห็นว่า  ต้นฉบับนิยายดีๆของเรามีจำนวนไม่น้อยที่น่าจะนำมาทำละครแต่ก็ติดขัดปัญหาเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนทางด้านธุรกิจ      

อยากมองเป็นระบบลูกโซ่ค่ะ

ถ้าหากนิยายดีๆมีคนอยากเอาไปทำละคร  ก็มีการติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์กันแล้วก็มีการปรับปรุงบทประพันธ์ต้นฉบับจากนิยายนั้นเป็นบทละครโทรทัศน์  ซึ่งมีการตีความขยายหรือสร้างบทเพิ่มเติม  โดยอ้างว่าเพื่อการถ่ายทำ  เพราะเป้าหมายคนดูละครเป็นล้านคน  แต่เป้าหมายคนเขียนหนังสือนิยายอ่าน อาจจะมีแค่เรือนหมื่น   ดังนั้นลักษณะทางพาณิชย์ศิลป์จึงต้องมีการปรุงแต่ง  
แต่คนเขียนงานทีแรกเขียน  คงไม่ค่อยได้คำนึงถึงเรื่องการขายลิขสิทธิ์เป็นละครโทรทัศน์เท่าไหร่  เพราะเวลาที่มองภาพในสมองเราจะมองถึงกลวิธีการถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือให้คนอ่านได้อ่านเท่านั้น   ไปไม่ถึงภาพที่จะเห็นตัวนางอิจฉามาร้องกรี๊ดๆหรือคนรับใช้เพ็ดทูลเจ้านาย   พอเขียนออกมาแล้วกลายเป็นว่าตัวชี้วัดของคนขายงานหนังสือในปัจจุบัน  คือการ การันตี ด้วยการขายบทประพันธ์ไปทำละครโทรทัศน์   ซึ่งตัวเองก็ยังปรับตัวไม่ค่อยได้อยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น  (เพราะเวลาเราเขียนหนังสือเราเขียนเพราะตัวหนังสือ  ไม่ได้เขียนเพื่อทำละคร  ถ้าอยากขายทำละคร เราเขียนบทละครโทรทัศน์ให้เขาไปเลยไม่ดีกว่าหรือ)    

แต่คนเขียนบทละครโทรทัศน์ Original playscreen   ในปัจจุบัน  ยังไม่ค่อยเห็นค่ะ   เพราะระบบทางธุรกิจอีกเหมือนกันที่คิดว่าเอาบทประพันธ์ที่พิมพ์ขายมาดัดแปลงจะมีคนอ่านมาตามดู   คนอ่านนิยายก็จะติดภาพว่าคนขายงานทำละครได้คือคนเขียนงานดี......ก็ต้องเขียนนิยายให้เป็นอะไรที่ขายทำบทละครโทรทัศน์ให้ได้    ยังเคยมีผู้ใหญ่ในวงการนักเขียนบอกรุ่นน้องเลยว่า   เขียนอะไรก็ได้ ให้ขายทำละครทีวีให้ได้ เขียนไปเถอะ  มันถึงจะดี   เพราะนี่คือตัวชี้วัดความสำเร็จ.....แล้วดูละครทีวีบ้านเราแต่ละเรื่องที่ออกมาสิคะ...

เงื่อนไขง่ายๆของการเขียนนิยายให้ขายทำละครได้คิดว่าจะต้องมีต่อไปนี้นะคะ  
๑. ต้องมีฉากละคร บทสนทนาที่เยอะพอสมควร  เรื่องลื่นไหลเพราะบทสนทนา  
๒. ฉากละครไม่ต้องลงทุนมาก ขอยืมบ้านใครถ่ายทำ หรือเอาบ้านริมน้ำ หรือเรือนไทยที่มีบริษัทผลิตละครเขาลงทุนสร้างฉากถาวรไว้แล้วมาดัดแปลงถ่ายทำได้  ก็สามารถขายได้  เพราะเหตุนี้กระมังคะ...นิยายที่เราอยากเห็นหลายๆเรื่องไม่สามารถสร้างได้ เพราะลงทุนเรื่องการถ่ายทำสูงมาก  บริษัทละครจะไม่ทำค่ะ  เพราะไม่คุ้มทุน
๓.  ฉากละครที่ไปต่างประเทศที่สามารถจัดทัวร์ไปเที่ยวได้แล้วถ่ายละครได้พร้อมกันจะดีมาก  เพราะบริษัทสามารถขอเงินสถานีมาซื้อกรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวพร้อมถ่ายทำในคราวเดียว  ประเทศที่ยุโรปหรืออเมริกาจะง่ายมาก
๔. เนื้อหาของเรื่องต้องสัมพันธ์กับนโยบายของรัฐบาล  ตอนนี้นิยายบางเรื่องไม่อาจทำได้เพราะปัญหาทางการเมือง  คงจะคล้ายกับกรณี รางวัลพานแว่นฟ้า  กระมังค่ะ  ที่เรื่องที่กระทบการเมืองจริงๆจะไม่ได้รับการยกย่อง หรือสนับสนุนให้เผยแพร่โดยรัฐบาล  
ฯลฯ  

ระบบผูกขาดภายในของวงการโทรทัศน์ก็เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่เอื้อให้ละครโทรทัศน์บ้านเราพัฒนา    หลายๆอย่างค่ะ   ไม่ใช่ว่าคนในวงการไม่ความสามารถ   และไม่ใช่ว่าเดี๋ยวนี้มีการลงทุนในงานโปรดักชั่นสูงๆนะคะ  
เงินลงทุนแค่  สิบล้านบาท   แต่ลองมาแยกยอยค่าใช้จ่ายดูเถอะค่ะว่าเป็นส่วนของการทำฉากหรือองค์ประกอบส่วนไหนของงานโปรดักชั่น....หรือไปหมดกันที่ ค่าตัวดารา นักแสดง  และ เอเยนต์ซี่(ค่าตัวดารานำแต่ละเรื่องไม่ใช่น้อยๆเลยค่ะ...เป็นเจ็ดหลักทั้งนั้น) .....งานโปรดักชั่นจะเหลือเท่าไหร่ละคะ

แค่แวะผ่านมาค่ะ  ชอบบอร์ดนี้ได้เข้ามาอ่านบ่อยๆ   แต่เพิ่งสมัครสมาชิกหมาดๆ    ขอแอบบ่นแค่นี้ละค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 22 ม.ค. 06, 14:35
 สวัสดีค่ะ คุณวรรณวรรธน์
เห็นจะเป็นมืออาชีพ หรือ insider เข้ามาตอบอีกคนแล้วมังคะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 23 ม.ค. 06, 23:39
เคยสงสัยมานานแล้วค่ะว่า เวลาผกก.การสร้างหนังหรือละครดัดแปลงจนเรื่องที่ออกมาต่างจากนิยายไปมาก
อย่างนี้เขาต้องคุย หรือ "ต่อรอง" กับเจ้าของบทประพันธ์ก่อนหรือเปล่า อำนาจต่อรองจะเป็นของนักเขียน
หรือนักสร้างหนัง ใครจะเสียงดังกว่าในการพูดว่า "Take it or leave it" กันแน่

 http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/
www.pantip.com/cafe/chalermthai/topicstock/
A2496266/A2496266.html&Query=เลือกตัวแสดงไม่ตรงกับบุคลิกที่นักประพันธ์เขียนเอาไว้เลย


อ่านกระทู้นี้ แล้วจะหายสงสัยได้ครึ่งหนึ่งค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 02 ก.พ. 06, 11:21
 เรื่องลิง
ผมก็ยังรักที่จะเชื่อว่า
ไม่ว่าสิ่งแวดล้องจะเป็นอย่างไร ผู้เข้มแข็งก็ยังเป็นผู้เข้มแข็งเสมอ

ลิงตัวที่ 31 อาจไม่ใช่ ลิงตัวที่100 อาจไม่ใช่ แต่อาจมีลิงตัวที่1000000(วายา) โพล่มาก็ได้


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.พ. 06, 11:35
 นึกว่ากระทู้นี้จะจบแล้วก็เลยไม่ได้เข้ามาส่งข้อความ
พอดีเห็นว่ายังไม่จบ เลยเข้ามาเพิ่มเติมข้อมูล

เรื่องเรตติ้ง  เป็นยังงี้ค่ะ สอบถามจากคนทำงานเบื้องหลัง
1 = 400,000 คน
ละครหลังข่าวช่อง 7 เรตติ้งโดยเฉลี่ย สูงถึง 11-12  คนดูก็ราว 4,400,000-4,800,000 คน
สัปดาห์ไหนมีเหตุการณ์ตื่นเต้น ระทึกใจ เรตติ้งก็พุ่งสูงกว่านี้อีก

ปีที่ผ่านมาช่อง 3 ทำสถิติสูงสุดจากราชินีหมอลำ (หรือเรื่องไหนคะที่จินตะหราเล่น  จำชื่อไม่ได้)
เท่ากับมีคนดู 8,000,000 คน
เรตติ้งเป็นเครื่องกำหนดความเชื่อถือของสปอนเซอร์ ที่จะสร้างกำไรหล่อเลี้ยงสถานีให้คงอยู่และก้าวหน้าต่อไป

เพราะฉะนั้นเมื่อเสียงมหาชนคือเสียงชี้ขาดในระบอบประชาธิปไตย   เราก็คงจะได้ดูละครตามแนวนิยมของมหาชนไปอีกนานนนนนน


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 02 ก.พ. 06, 12:07
 ละครเรื่องเกี่ยวกับการฆาตกรรมบนเรือที่คุณฉัตรชัยเล่นกับคุณดวงตา ตุงคะมณี และคุณกาญจนา จินดาวัฒน์ เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว คือเรื่อง ทะเลเลือด ค่ะ คุณ MathGuy

ถ้าจำไม่ผิด บทละครดัดแปลงมาจากนิยายสืบสวนสอบสวนของต่างประเทศค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 19 ก.พ. 06, 10:17
 เมื่อคืนออกไปที่โต้รุ่ง เห็นโทรทัศน์เครื่องไหนๆ ก็เปิดแต่ "แคนลำโขง" ดิฉันอยากจะสรุปว่านิยายเกรดสอง
เกรดสาม หยิบมาทำละคร อาจทำเงินได้ง่ายกว่านิยาย "เกรดเอ" มังคะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 19 ก.พ. 06, 10:43
 คุณ B ครับ นิยายเรื่องนั้นเป็นนิยายนักสืบเฮอร์คูล ปัวโรท์ ของอกาธาคริสตี้ครับ ชื่อฝรั่งจำไม่ได้เพราะอ่านตอนเด็กๆ แต่ชื่อไทยว่าแม่น้ำสีเลือด
ว่ากันว่าเป็นเรื่องของ ปัวโรท์ ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเลยครับ

คุณพี่ นุชนา
ขอไม่เห็นด้วยกันการสรุปนะครับ แถมด้วยคำถาม
1. คุณพี่เอาอะไรมาวัดว่าแคนลำโขงนี่เป็นนิยายเกรด สองเกรด สามครับ
2. คนที่เขานิยมอาจจะเป็นคนละกลุ่มกับพี่นุชนาก็ได้  ผมนั่งเทียนเอาว่า ถ้าคนอีสานของเราดูละครที่มีเรื่องราวใกล้เคียงกับบ้านเกิดของเขา เขาย่อมชอบที่จะดูเป็นธรรมดา
3. หรือถ้าไม่เกี่ยวกับท้องถิ่น เนื้อหาของเรื่องนี้อาจจะดีจริงจับใจคนทั่วไป แต่ว่าไม่อยู่ในสายตาอันสูงส่งของพี่นุชนาก็เป็นได้นะครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 19 ก.พ. 06, 11:23
 ลืมไปค่ะ...ควันหลงจากเมื่อคืน

เผอิญเป็นคนไม่ค่อยจะดูโทรทัศน์ เมื่อคืนนั่งเมาท์กับพี่สาวอยู่ หลานสาวอายุสามขวบกำลังจะหลับ
เผอิญไตเติลของเพลงแคนลำโขงขึ้นมา มีพระเอกลิเกหรือไงไม่ทราบ หน้าขาว คมเข้ม ขึ้นมาร้องเพลง
เจ้าเด็กน้อยก็กระเด้งขึ้นมาจ้องโทรทัศน์ทันที พี่ก็เล่าว่าดูเรื่องนี่สิ เพลงเพราะๆทั้งนั้น
จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าสมัยก่อน มีหนังเรื่องหนึ่งที่มีเด็กไม่มีแม่ แล้วไปดูดนมจากเต้านมโค
ก็เลยถามพี่ว่าใช่เรื่องกินนมจากเต้าไหม เขาบอกว่าคนละเรื่องกัน เรื่องนี้นพพล กำกับ ขายเทปกระฉูดนี่

ไม่ชอบดู...จึงเดินออกมาข้างนอก จะไปดูข่าว เห็นแม่ครัวและใครหลายคนนั่งหน้าจอดูแคนลำโขง
ดิฉันจะแย่งทีวี แต่แย่งไม่สำเร็จ เลยขึ้นไปดูข้างบน อ้าว แคนลำโขงอีก เลยขับรถไปโต้รุ่ง ไม่ว่ากี่จอต่อกี่จอ
ผู้คนดูเรื่องนี้ทั้งหมด
****
พี่เขาเลคเชอร์ให้ฟังว่าตามความเห็นของเขา นิยายเกรดหนึ่งคือเรื่องที่ลงตามสกุลไทย
พอมาถึงเกรดสอง เกรดสาม คือที่ลงตามนิตยสารดาราภาพยนต์ ภาพยนต์บันเทิง ทำนองนั้น
พี่เล่าว่าดูสิ นิยายบางเรื่องสนุกมากๆ เช่น เพชรพระอุมา แต่ไม่มีใครหยิบไปสร้างหนังเท่าไร เพราะสร้างยาก
เรื่องสี่แผ่นดิน ทวิภพ แต่ปางก่อน น่าจะสร้างยากกว่าแคนลำโขง แต่เรื่องหลังอาจจะทำเงินได้มากกว่า
(เมื่อรวมเงินขายเทปไปด้วย)

ความเห็นที่โพสต์ไปมาจากบทสนทนาของเราเมื่อคืนนี้ค่ะ ยังไม่ทันลบจากเมโมรี ไม่ตั้งใจจะว่าว่า
คนกลุ่มใด ไฮคลาส โลวคลาส ส่วนตัวพี่สาวอ่านหนังสือเยอะมาก อ่านจนเกลี้ยงห้องสมุดโรงพยาบาล
อ่านหนังสือแปล นิยายแทบทุกเรื่อง และนิตยสารแทบทุกฉบับ แม้แต่ดาราภาพยนต์ คู่สร้างคู่สม ฯลฯ
ช่วงที่พี่ต้องมาสอนหนังสือให้นิสิตคณะแพทย์ วังหลัง แกจะยืมนิยายที่ห้องสมุดศิริราช กลับบ้านครั้งละหลายเล่ม
แกไม่เคยเสียเงินซื้อหนังสือเลยสักบาท คนนี้ล่ะติดแดจังกึม งอมแงม ใครแย่งทีวีไม่ได้ คนนี้ล่ะค่ะ.. น้ำเน่าตัวจริง


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 19 ก.พ. 06, 17:38
 ตอบพี่นุชนาครับ

ผมว่านิยายที่ลงวารสารอะไรซํกอย่างแล้วไปให้เกรดนี่มันเป็นแค่มุมมองเดียวนะ มันไม่ได้รับประกันอะไรหรอกครับ
ผมคิดว่าบางทีเรื่องศิลปะและวรรณกรรมเป็นเรื่องของรสนิยมเหมือนกัน ยากที่จะจำแนกแจกแจงตามวัดระดับสูงต่ำ รสนิยมของใครคนใดคนหนึ่งได้ อย่างมากก็เพียงแค่จัดแจงให้มันอยู่ประเภทไหนเท่านั้น

พี่ของพี่นุชนาบอกว่า เพชรพระอุมาเป็นนิยายที่ดีและสนุก แต่ผมว่า มันสนุกแค่ครึ่งเดียวอีกครึ่งถูกยืดเพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจ คุณค่าทางวรรณศิลป์แย่มาก  แต่ที่คนไม่เอาทำหนังซํกเท่าไหร่ก็คงเป็นเพราะทำยากครับ จะเอาสัตว์มาเข้าฉากได้ไง ต้นทุนคงบานเบอะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: แพร ที่ 19 ก.พ. 06, 18:54
ยังเข้ามาแอบฟังอยู่เหมือนกันค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: วรรณวรรธน์ ที่ 19 ก.พ. 06, 20:04
 มาแอบอ่านด้วยคนค่ะ

ปัญหาอย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า  การสร้างละครทีวีแต่ละเรื่องมีปัญหามากค่ะ  มีเรื่องต้องเคาะกันเยอะ  ที่สำคัญ ไม่ใช่ว่า   นิยายดีๆมาทำละครแล้วละครจะดีไปด้วยเสมอไป   หลายเรื่องเป็นนิยายดีมากๆๆ  แต่กลับแป้กเมื่อมาปรากฏในจอทีวี    แต่บางเรื่องเป็นนิยายก็อ่านธรรมดา   แต่พอเป็นละครทีวีกลับเรียกความนิยมได้สูง  

ปัญหา ของแดจังกึม   เรื่องแรกเลย ถ้ามองกันจริงๆ  คนแต่งเรื่องนี้ จบวรรณคดีมาแล้วเขียนเล่าเรื่องนี้โดยค้นข้อมูลจำนวนมาก   อาจจะใช้เวลานานในการเขียน   ถามว่า นักเขียนบ้านเราปัจจุบันนี้ ทำงานอยู่ที่คนหนึ่งมีไม่ต่ำกว่าปกสองปก นิตยสารที่ต้องส่งต้นฉบับให้ทัน  จะมีใครมีเวลาค้นข้อมูลมาเขียนได้   ค่าเท่ากัน  นิตยสารตีราคานักเขียนเท่ากับหน้ากระดาษ    ถ้านักเขียนทำงานค้นข้อมูลเชิง Research เพื่อทำงานนิยาย ก็ได้ค่าตอบแทนตอนละ สองพันบาท  แต่คนอ่าน อาจมีเสียงตอบกลับว่า เขียนผิดบ้าง ข้อมูลไม่ถูกต้อง  หรือ ยืดเยื้อน่าเบื่อหน่าย     เทียบกับนักเขียนอีกท่านหนึ่งเขียนแต่นิยายรักหวานๆตลกๆ แต่มีคนติดตาม คนอ่านพูดถึงในหน้าจดหมายถามตอบมากกว่า  ราคาต่อตอนเท่ากัน   ยอดนิตยสารพุ่งเพราะมีนิยายรัก    

เงินเท่ากัน  คนเขียนงานส่วนใหญ่ถ้าไม่ติดเรื่องชื่อเสียงหรือรายได้แล้ว....จะเขียนงานแบบอย่างที่อยากจะเขียนค่ะ  แต่ถ้ายังเขียนเพื่อหาเลี้ยงตัวเองอยู่  ก็คงต้องเขียนแนวรักๆใคร่ เพราะยังไง ก็มีคนอ่านแน่นอน


ดังนั้นคนที่ตั้งใจจะเขียนงานให้ดี  แล้วก็อยากให้คนอ่านด้วย  ต้องใจแข็งกับยอดรายได้ค่ะ     เขียนไปเขียนมา  ถ้าไม่ตั้งใจแน่วแน่  ไขว้เขว มีหวังได้ไปเขียนนิยายพรานราตรีก็เป็นได้ค่ะ

แต่ละครทีวีเป็นปลายทางเท่านั้น  ซีรีส์ฝรั่งที่สนุกๆหลายเรื่อง  CSI ,The West Wing, ER  หรือ Friends     รู้สึกว่าไม่ได้เริ่มจากนิยายก่อน  บางทีอาจจะถึงเวลาที่ให้เขาเริ่มต้นเขียนละครโทรทัศน์ต้นฉบับกันเองก็คงจะได้แล้วมั๊งคะ   เพราะหลายเรื่อง  เขาเอานิยายไปทำ  ก็เปลี่ยนชื่อเรียงเสียงเรื่องจนคนเขียนยังจำนิยายตัวเองไม่ได้เลย

เรื่องแบ่งเกรดนิยายนิตยสาร...อย่าว่าอะไรเลยนะคะ  ช่วงหลังๆมานี่...อยากบอกว่า นิยายที่ไม่ผ่านนิตยสาร แต่เป็นนิยาย ดีๆ ก็มีอยู่ไม่น้อยค่ะ...แต่คนอ่านยังติดอยู่ว่านักเขียนกลุ่มนั้นไม่ผ่านนิตยสาร  ฝีมือไม่เข้าขั้น  ก็จะไม่ได้ให้ความสนใจ  หรือสนพ.ใหม่ไม่คุ้นชื่อ  ก็เลยไม่ซื้อมาอ่าน หรือพูดถึงกันมากนัก     แต่บอกได้เลยค่ะ ว่านิยายรุ่นใหม่ๆ ดีๆ  มีเยอะค่ะ  โดยเฉพาะช่วงปีสองปีที่ผ่านมา  

แต่ตอนนี้ตลาดหนังสือเปิดกว้างมากขึ้นนะคะ   มีคนเขียนนิยายรุ่นใหม่เกิดขึ้นมา  แม้ไม่ผ่านหน้านิตยสารแต่ก็มีผลงานดีๆ จากฝีมือบรรณาธิการทั้งหลายหลั่งไหลสู่แผงท้องตลาด   ต่อสู้กับกระแส นิยายต่างประเทศ   นิยายรักเกาหลี หรือนิยายโรมานซ์ต่างประเทศอยู่....ลองหาอ่านได้ค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 19 ก.พ. 06, 23:32
 กระทู้นี้เป็นเรื่องของ A matter of opinion/สองคนยลตามช่อง/ลางเนื้อชอบลางยา โดยแต้


1) การแบ่งสิ่งของให้เป็นหมวดหมู่ (Classification) นั้นเราอาจทำได้หลายวิธี

1.1) ถ้าใช้ความถี่เป็นเกณฑ์ อาจแบ่งได้เป็น

-รายสัปดาห์ (Weekly) กำหนดออกสัปดาห์ละครั้ง ปีละ 52 ฉบับ
-รายปักษ์ (Fortnightly) กำหนดออกทุก 2 สัปดาห์ ปีละ 26 ฉบับ
-รายครึ่งเดือน (Semimonthly) กำหนดออกเดือนละ 2 ครั้ง ปีละ 24 ฉบับ
-รายเดือน (monthly) กำหนดออกปีละ 12 ฉบับ


1.2)   ถ้าใช้ราคาของหนังสือวารสารเป็นเกณฑ์ หนังสือที่ราคาแพง แน่นอนว่าจะต้องเจาะ
target market กลุ่มที่มีรายได้สูง และกลุ่มนี้มักจะมีการศึกษาสูง และสถานภาพทางสังคมสูงด้วย
ดิฉันจะลองจัดกลุ่มตามความคิดของตัวเอง (จัดแบบหยาบๆ) ดังนี้
   
นิตยสารกลุ่มแพง (100 บาทต่อเดือน++) ขวัญเรือน กุลสตรี สกุลไทย แพรว ลลนา
นิตยสารกลุ่มถูก   (100 บาทต่อเดือน--)   ดาราภาพยนต์ คู่สร้าง-คู่สม


นักเขียนนิยายที่มีชื่อ เช่น กฤษณา อโศกสิน หรือโสภาค สุวรรณ ค่าเขียนต่อตอน
น่าจะได้มากกว่านักเขียนโนเนม (แต่ไม่ได้หมายความว่านักเขียนชื่อดังอาจจะจะเขียนสนุก
กว่าเสมอไป) ถึงตรงนี้เราต้องพูดถึงความน่าจะเป็น หรือแนวโน้ม อย่าพูดถึงกรณียกเว้น
(rare case)  กฤษณา อโศกสิน ก็คงไม่ไปเขียนนิยายลงในกลุ่มถูก เหมือนกับนักมวย
ค่าตัวแพงในอดีต เช่น พุฒ ล้อเหล็ก ย่อมไม่ไปต่อยวิกสังกะสี นอกจากราชดำเนิน และลุมพินี เป็นต้น

ดังนั้น ตัวละครของนักเขียนชื่อดังก็ต้อง of noble quality มากกว่า (ไม่งั้นใครจะมาอ่านเล่า)
แต่นิยายที่ถ่ายทอดเรื่องราวของคนระดับกลางหรือชาวบ้าน เช่น แคนลำโขง สามารถสร้างให้
สนุก เบาสมอง ตลกโปกฮา คือเป็นที่นิยมของตลาดน่ะค่ะ


2)ที่คุณ paganini มองว่าเพชรพระอุมามี....คุณค่าทางวรรณศิลป์แย่มาก นั้น
ดิฉันมองกลับกันค่ะ   ดิฉันว่าเรื่องนี้มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ที่ยอดเยี่ยมมากๆๆ
พนมเทียนใช้ภาษาได้เห็นภาพพจน์เหลือเกิน เวลาเขาบรรยายว่าลมพัดจนป่าป่วน
ฝุ่นคละคลุ้ง ต้นไม้ไหวยวบ ผู้อ่านสามารถนึกภาพตามเกิดจินตนาการว่าป่าแตก
สัตว์ป่าวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น หัวซุกหัวซุน เกิดความน่ากลัวตามคำบรรยายได้

สำหรับบทอัศจรรย์ของรพินทร์กับมาเรีย พนมเทียนบรรยายได้ถึงพริกถึงขิง
ดีเหลือเกิน เขาใช้การอุปมาอุปไมย เพื่อไม่ให้กิจกรรมของตัวละครน่าเกลียด
จนเกินไป ผู้อ่านได้อรรถรส สามารถรับรู้ว่าตัวละครของเขากำลังอยู่ในอารมณ์เปลี่ยว
ขนาดไหน

บทต่อปากต่อคำระหว่างรพินทร์และดาริน พนมเทียนทำได้มันส์มาก ดิฉันสรุปว่าตัวเองได้
ความบันเทิงจากนวนิยายเรื่องนี้มากค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ก.พ. 06, 00:33
 ต่อค่ะ

วันก่อนเราเปลี่ยนโทรทัศน์ในห้อง พี่มาบอกว่าจูนช่อง 3 ไม่เข้า ให้ไปจูนที ดิฉันตอบว่า
ดูช่องอื่นไปก่อน พอตกเย็นเขามาบ่นอีกแล้วให้ไปจูนโทรทัศน์อีก ก็ชักรำคาญ ที่ไหนได้
เขาจะดูละครหลังข่าวที่ช่อง 3 นั่นเองค่ะ ใครจะว่าเน่าอย่างไร ไม่สนใจ

กลับมาเรื่องหนังสืออีก วันก่อนไปพลิกดูหนังสือที่เขาอ่าน หมึกแดงพาเที่ยวหรือพาชิมทำนองนั้น
เลยถามว่าไม่มีอะไรจะอ่านแล้วหรือ คิดว่าเขาคงตอบว่า snoopy เขาตอบว่าอ่านจนหมดห้องสมุดแล้ว
เหลือเล่มนี้ ดีกว่าไม่มีอะไรจะอ่าน

ตัวอย่างสุดท้ายที่จะสนับสนุนว่าคนเรามีความคิดเห็นต่างกันในเรื่อง taste/preference
พี่เล่าว่าแม่ค้าข้าวแกงพูดว่า เห็นซื้อแต่กับข้าว ไม่เห็นซื้อข้าวเปล่าเลย อย่าไปหุงหาให้ลำบาก
ถุงละ 5 บาท ป้าตักให้ตั้งเยอะ พี่เขาบอกกับดิฉันว่าซื้อให้โง่ เขาหุงเองลงทุน 5 บาท กินได้ตั้ง 3-4 มื้อ

***สรุปว่า ปรัชญาการดำเนินชีวิตของคนต่างจังหวัด แตกต่างจากคนกรุงมาก ดิฉันอยู่กรุงเทพฯ
5 วัน ตจว. 2 วัน บางครั้งยังเดาความคิดของเขาไม่ถูกเลยค่ะ***

********
เห็นด้วยกับคุณวรรณวรรธน์ ที่ว่านิยายดีๆบางครั้งไม่ต้องผ่านนิตยสาร พักหลังนิยายดีๆทางเน็ต
ได้รับการตีพิมพ์รวมเล่มหลายเรื่อง อ่านพบว่าข้อเขียนมันส์ๆของคุณ WIWANDA ทางเน็ต
นิตยสารหญิงไทย ก็ติดตอขอไปลงค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 21 ก.พ. 06, 09:12
 อ่านความเห็นพี่นุชนาเกี่ยวกับเพชรพระอุมาแล้วเห้นทีต้องกลืนน้ำลายตัวเองลงไปครึ่งหยด
ใช่จริงๆครับตรงที่พนมเทียนเขียนหนังสือใช้ภาษาได้ยอดเยี่ยม ตอนผมเขียนความเห็นก่อนหน้านี้อาจจะวู่วามไปหน่อย ด้วยเหตุที่นิยายเรื่องนี้เขียนนานเกินไป(25ปี) และยาวเกินไป จนเนื้อหาขาดความเป็นเนื้อเดียวกัน(non-homogeneous) ช่วงแรกๆที่พนมเทียนเขียนตอนยังหนุ่มแน่น เต็มไปด้วยจินตนาการ และความตั้งอกตั้งใจในการเขียน แต่หลังๆกลับเขียนง่ายๆ ยืดเยื้อ เยิ่นเย้อ บางตอนสำนวนและลีลาการแต่งแตกต่างออกไปราวกันวานคนอื่นมาเขียนแทน เพียงเพื่อการทำมาหากินเป็นหลัก ผมจึงผิดหวังโจมตีรุนแรงอย่างนั้น

ถ้าเปรียบเพชรพระอุมาเป็นเพชรก็เป็นเพชรเม็ดใหญ่ทีเดียวแต่เสียดายที่ร้าวใน และมีตำหนิ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 21 ก.พ. 06, 15:07
ตามข้อมูลของคุณเทาชมพู คห. 98 ผมขอถามเพิ่มเติมในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้อยู่นอกวงการบันเทิง (พูดง่ายๆว่าถามเพราะไม่รู้) นิดนึงครับ

ที่ผมเคยได้ยิน (จาก Nielsen Media Research - http://www.nielsenmedia.com/whatratingsmean/)  ก็คือเค้าจะใช้ set-top-box เป็นเครื่องมือเล็กๆไปติดไว้กับทีวีของบ้านของกลุ่มตัวอย่าง แล้วก็นับจำนวนเอาว่าในกลุ่มตัวอย่างนี้ ที่เวลา 21:00 มีกี่บ้านดูช่อง 3 มีกี่บ้านดูช่อง 5 แล้วก็ประมาณขึ้นไปเป็นจำนวนคนเทียบกับกลุ่มตัวอย่างโดยกประมาณตามสัดส่วน (คล้ายๆกับที่คุณเทาชมพูยกมาเป็นตัวอย่าง)

คำถามคือว่า สำหรับบ้านเรา มีใครเคยตั้งข้อสงสัยกับ rating พวกนี้หรือปล่าวครับ ว่าเรตติ้งพวกนี้เท็จจริงประการใด น่าเชื่อถือได้ขนาดไหน กลุ่มตัวอย่างที่เค้าเอากล่องไปวาง เป็นตัวแทนของความจริงที่ต้องการวัดแค่ไหน (เช่น เอาไปวางไว้แถวหมู่บ้านในภาคอีสาน มากกว่าใน กทม กี่เปอร์เซ็นต์)

อยากถามคนวงในครับ ว่า
1. ปัจจุบันบริษัทที่ทำหน้าทีวัดเรทติ้งให้กับสถานีโทรทัศน์ในเมืองไทยมีบริษัทอะไรกันบ้างครับ
2. แล้วกลุ่มตัวอย่างที่เค้าเก็บนี่มีซักกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับจำนวนครัวเรือน
3. ไม่ทราบว่าบ้านใครใน กทม. เคยเป็นหนึ่งในกลุ่มตัวอย่างหรือปล่าวครับ ?

หรือว่าวิธีวัดแบบที่ผมได้ยินมามันเชยมากแล้ว ถ้ามีใครรู้วิธีที่ใช้วัดในปัจจุบัน ช่วยแนะนำด้วยครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.พ. 06, 15:18
 เท่าที่รู้นะคะคุณอ๊อฟ   คือบริษัทดีมาร์  เขาวางกล่องเครื่องรับแบบนี้ตามบ้านที่สุ่มเป็นตัวอย่าง
เอาเฉพาะในกรุงเทพมหานครค่ะ
ส่วนตจว.มีหรือเปล่าไม่ทราบ

ตอนนี้ก็มีอีกหลายบริษัทที่สำรวจเรตติ้ง

การทำวิจัยแบบนี้ลูกค้าจะต้องมาตรวจสอบวิธีการวัดผล
สอบถามรายละเอียด และติดตามการวัด
ไม่ใช่ว่าสุ่มเสี่ยงไปว่าวัดกันยังไงก็เอายังงั้น
หมายถึงว่าเขาต้องมีการตรวจสอบถึงความน่าเชื่อถือของผลการวิจัย มากพอพอสมควร
เพราะค่าสมาชิกมันแพงมากๆ

แต่...

ดิฉันก็ไม่ทราบว่ามันแม่นยำมากน้อยแค่ไหน    รู้แต่ว่าเขาเชื่อถือกันว่ากระบวนการตรวจสอบและวัดผล นี่แหละ
ว่า OK
อย่างหนึ่งอาจเป็นได้ว่ายังไม่มีใครค้นคิดกระบวนการที่น่าเชื่อถือมากกว่านี้ออกมาได้สำเร็จ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 21 ก.พ. 06, 21:39
 ตอบ ค.ห. 108
จะฟันธงว่าเพชรพระอุมา non-homogenious ก็อาจไม่แฟร์ ในเมื่อภาคหลักของเพชรพระอุมา
ถึงตอนที่คณะคุณชายเชษฐากลับกรุงแล้ว และดารินย้อนกลับมานอนที่หนองน้ำแห้ง 1 คืน
เป็นภาคหลักของเพชรพระอุมา ถ้าหลักใหญ่ทำได้ดี แต่ภาคที่มีฝรั่งมาหาหัวนิวเคลียร์ พนมเทียนเขียนไม่ดี
ก็ไม่ควรฟันธงว่าทั้งหมดมันไม่ดี ทำไมไม่นับว่า ภาค 1  เป็น representative ของทั้งหมดล่ะคะ

คุณ paganini จำวิชา statistics in which we treat data by applying moving average technic to alleviate
(too extreme) deviation ได้ไหม ตรงไหนที่มันสุดโต่งและมีเค้าว่ามันจะไปทำให้ "norm" ของทั้งหมดสูญเสียไป
ก็ไม่ควรไปนับมัน เหมือนการจับเวลาในการแข่งขันกีฬา 4 ครั้ง เราตัดทิ้งเวลาที่แย่ที่สุด แล้วเอา 3 best มาหาค่าเฉลี่ย

ที่เขียนมานี้ไม่ได้ต้องการเอาใจช่วยพนมเทียนมากเกินเหตุ แต่เห็นว่าส่วนดีๆของเรื่องนี้ดีพอที่
จะทำให้เพชรพระอุมา เป็นยอดวรรณกรรมเรื่องหนึ่ง ก็ไม่ควรไปเอาตอนอื่นมาหักล้าง

ที่คุณว่านักเขียนมุ่งเชิงพาณิชย์มากเกินไป เอ...เรื่องไหนๆก็มุ่งทั้งนั้นแหละค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องไหน
จะกลบเกลื่อนได้มิดชิดกว่ากัน


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 22 ก.พ. 06, 02:17
 โหย มีเทพีประจำกายแล้วเรา แต่ Isis นี่เป็นเทพีของอียิปต์ไม่ใช่เหรอ เอมารวมกะกรีกได้ไง ทำไมไม่เอานางเมขลา มั่งอ่ะ อิอิอิ  (กวนเล่นๆ) ถ้าจำไม่ผิด Isis เป็นเมียโอสิริส ใช่มั้ยครับ (ตามความรู้ศิษย์เก่า ต่วยตูนพิเศษ)

คุณพี่นุชนาครับ ผมขอตอบยังงี้

ถ้าพี่จะชม และถ้าพี่แสดงตัวว่าเป็นนักวิชาการซะขนาดนั้น เวลาพี่ชมพี่ต้องกำหนดให้แน่นอนลงไป("to be more specific" - if english is easier for you) สิครับ ว่า เพชรพระอุมาภาคหนึ่ง ดีมาก คุณค่าทางวรรณกรรมสูงส่ง

ที่ไม่สามารถนับรวมภาค 1 เป็น representative ได้เพราะผมว่าเราต้องมีรสนิยมทางศิลปะที่จริงใจ และซื่อสัตย์ต่อตัวเราเอง ตรงไหนไม่ดีก็บอกไม่ดี ไม่ใช่เพราะด้วยความนิยมส่วนตัว เลยไปบอกว่าไหนๆอันแรกดีแล้ว อันสองก็หยวนๆให้ดีไปด้วยเหอะ

การที่พี่พยายามบอกว่าต้องมีการหามูฟวิ่งอเวเรจ นี่มันเสมือนจับอูฐมาชนลาได้สนั่นมากเลยครับ

ที่พี่บอกว่านักเขียน สร้างงานเพื่อการค้าทุกคนนั้นผมว่าไม่แน่เสมอไปนะ  แหมพี่ก็ชอบเหมาเอาหมดเหมือนกันนั่นแหละ
นักเขียนบางคนรวยล้นฟ้าแล้ว ไม่ได้ต้องการเงินแล้ว แต่ก็ยังเขียน เพราะว่ามันยังมีอะไรอีกมากที่เขายังไม่ได้เขียน นักเขียนประเภทนี้ต้องการทิ้งมรดกไว้ให้แก่โลก
ถ้าให้ยกตัวอย่างนักเขียนซํกคนที่เป็นแบบนี้ผมคงยกได้ไม่ดีเท่าอาจารย์เทาชมพู แต่จะยกตัวอย่างนักแต่งเพลงดีกว่า

รู้จักมั้ยครับ Ludwig van Beethoven ตอนอายุ 30 ต้นๆ หูหนวกสนิท คิดดูคนที่เติบโตมากับดนตรี ทำมาหากินกับดนตรี เบโธเฟน ที่ชีวิตเขามีค่ามีความสุขก็เพราะดนตรีแต่พระเจ้ากลั่นแกล้งเขาทำให้เขาไม่ได้ยินเสียนี่ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งดนตรีที่เขาแต่ง

ด้วยความทุกข์นี้ เบโธเฟนปลงใจที่จะปลงชีพตัวเอง
แต่สุดท้าย อะไรทราบมั้ยครับที่ทำให้เบโธเฟนเปลี่ยนใจ
ท่านเขียนบันทึกไว้ว่า  "ในหัวท่านยังมีดนตรีดีๆอีกเยอะ ที่ยังไม่ได้เขียนออกมา ฉะนั้นถ้าท่านตายไปซะโลกก็จะพลาดดนตรีอันยิ่งใหญ่นี้ไปอย่างน่าเสียดาย" ดังนั้นท่านจึงอยู่ต่อเพื่อชาวโลก

สำหรับใครๆที่อ่านข้อความนี้คงคิดว่าเบโธเฟนโอหัง อหังการและหลงตัวเองชะมัด แต่สำหรับผม ผมเข้าใจว่าถึงขั้นนี้ท่านมีแต่ความบริสุทธิ์ใจ มีแต่ดนตรีเท่านั้น ไม่มี "ตัวตน" ของท่านอีกต่อไปแล้ว

การที่ท่านไม่ตายก็เพื่อจะทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้แก่โลก ไว้เป็นแรงบันดาลใจให้คนหลายรุ่น หลายเผ่าพันธุ์ ให้ได้รับทราบถึงพลังของชีวิต  ชีวิตที่เบโธเฟนเคยดำเนินมาก่อน นั้น ผมถือว่าเบโธเฟนมีบุญคุณ มีคุณูปการต่อโลกเราอย่างใหญ่หลวง


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 22 ก.พ. 06, 09:28
 พูดเรื่องโขน ไยกระโจนเรื่องหนัง ซะแล้ว!


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: HotChoc ที่ 22 ก.พ. 06, 19:42
 ผมไม่เห็นมีเทพีประจำกายเลย    ต้องสะสมบุญบารมียังไงก่อนหรือครับ

ผมอยากทราบเรื่องโพลด้วยน่ะครับ ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยจะเชื่อพวกโพลนี่เท่าไหร่เลย

ส่วนเรื่อง Beethoven เขาอาจจะไม่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ถ้าเขาหูไม่หนวกนะครับ ไม่ใช่เพราะคะแนนสงสารหรืออะไรนะครับ เพลงที่ Beethoven แต่งตอนหูหนวกสนิทไปแล้ว เช่น Symphony #9 นี่สุดยอดมากๆ เขาคงใช้ความหูหนวกนี่เป็นแรงบันดาลใจ เป็น Triumph after struggle จริงๆครับ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 26 ก.พ. 06, 20:27
 วันนี้ได้ดู แดจังกึม แบบเต็มๆ 2 ชั่วโมงอีกแล้ว (พักหลังเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากพลาดเรื่องนี้ เหมือนกับเข้าข่ายว่าจะติด)

เพอร์เฟ็ค สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ผมให้ 100 เต็ม 100 เลย (จากมุมมองของคนนอกวงการ)


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.พ. 06, 09:02
 มีข่าวดีค่ะ

คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม มีโครงการจะสร้างละครทีวีแล้วละค่ะ
ทั้งนี้เพื่อให้เยาวชนไทยได้ดูอะไรที่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย เกิดความภูมิใจในความเป็นไทย   ไม่ต้องไปปลื้มหนังทีวีเกาหลี จนไปภูมิใจวัฒนธรรมเกาหลี
ท่านขอ งบประมาณทำละครไว้แล้ว   ขั้นต่อมาคือขอความร่วมมือจากศิลปินแห่งชาติที่มีผลงานด้านวรรณกรรม และละครทีวี

ถึงยุบสภาหรือเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ก็ไม่มีผลกระทบกับโครงการนี้  
ดิฉันเดาว่าคงจะต้องรีบทำ  เพราะคุณหญิงจะเกษียณราชการต้นตุลาคมนี้  

ถ้ามีข่าวคืบหน้าจะกลับมาเล่าให้ฟังค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 01 มี.ค. 06, 03:27
 อยากมีเทพีประจำกายมั่งค่ะ

บุญฉันมีแต่คงไม่ถึง.. อยากได้อะเธน่า เป็นเทพีประจำกาย อิอิ



ดิฉันไม่ค่อยได้ติดตามละครหลังข่าวมานานมากกกแล้วค่ะ

จำได้ว่า เคยดูปริศนารุ่นคุณหมิว ตอนดูจำได้ว่าน่ารักมากกก

ตอนมารีรัน ดิฉันดูแล้วขำปริศนา หัวเราะร่วนเป็นไข่เค็มเลย

แต่คุณลลิตา เล่นละครได้ดีค่ะ เหมาะำกับบทปริศนาที่สุดเลย



จำได้เลือนๆ อีกเหมือนกัน ผู้ชนะสิบทิศรุ่นสันติสุขเป็นจะเด็ด

รู้สึกว่า สันติสุขจะเล่นได้ดี จนไม่อยากดูอีกเลย

เพราะทนผู้ชายเจ้าชู้ไม่ไหว

แต่ที่ติดใจมาก คือ ไตรภพ ลิมปะพัทธ์

เล่นเป็นมังตราได้ดีมาก มีชีวิตชีวา มีอำนาจมาก



หลังๆ ดิฉันไม่ได้ดูละคร หรือหนังไทย

ไม่มีคนยอมดูเป็นเพื่อน เพราะดิฉันปากไม่ค่อยดี

อย่างเรื่องบ้านทรายทอง รุ่นพจมานหน้าบึ้ง

ดิฉันดูฉากเดียว ก็เลิก เพราะทนหญิงเล็กไม่ไหว

อาไร้ นั่งรถมาอาการก็ดี ๆ ลงรถกระฉับกระเฉง

แต่พอบทที่ "จะต้อง" เมา เธอก็ซวนเซ เมาดื้อๆ อย่างงั้นเอง



ดิฉันว่า หนัง-ละคร ไทยหรือเทศก็ตาม

สนุกหรือไม่ อยู่ที่บท แล้วก็การ Interprete ของนักแสดง

(และฝีมือผู้กำกับด้วย)

หนังละครไทย--ที่ดิฉันเคยดู-- มักจะเสียที่บท

บทพูดเรื่อยเปื่อย พูดด้วยเรื่องไม่สลักสำคัญ

มีคนรับใช้หลังบ้าน เป็นตัวเล่าเรื่อง

อีกอย่างคือ ดูเหมือนนักแสดงไม่ได้ฝึกฝนเรื่องการออกเสียงเท่าที่ควร

มีอยู่ยุคหนึ่ง ที่นางเอกล้วนแต่เป็นเด็กวัยรุ่น

นำมาเล่นเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน

แต่การออกเสียงยังแหงวๆ ไม่แสดงอารมณ์ของบทนัก

ดูพระเอกนางเอกเล่นเข้าฉากเดียวกันเมื่อไหร่

มักจะเสียอารมณ์เพราะดูทื่อกันไปหมด

แต่พอตัดฉากไปที่พวกผู้ร้าย ตัวประกอบร้ายๆ

(ตอนนั้น รู้สึกจะเป็นนักแสดงชื่อ อะไร ทองขาว สักอย่าง)

อยู่ในซ่องโจร กลับกลายเป็นว่า เล่นดีมาก

มีชีวิตชีวา ออกเสียง หน้าตา ท่าทางเป็นธรรมชาติมากกว่า

น่าเสียดาย

ล่าสุด ดิฉันดูเรื่อง โหมโรง หนังสวยมาก (เหมือนภาพยนตร์โฆษณา)

บทก็ใช้ได้ทีเดียว นักแสดงแสดงได้ดีพอใช้

ดิฉันดูทั้งเรื่อง ก็ชอบครูระนาดตัวร้ายมาก

คนแคสท์ ตาแหลมจริง ๆ เพราะเป็นคนมีคาแรคเตอร์

แต่พอแกพูดบท (มีอยู่ไม่กี่คำเอง) เท่านั้นแหละ

หายยยยยยยยย หมดเลยค่ะ เฮอ...

สงสัยจะลืมโปรเจคท์เสียงก่อนเข้าฉาก



อย่างไรก็ตาม ดิฉันก็ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว

กับละคร และหนังไทย

กลับไปบ้านล่าสุด ดิฉันยังนั่งดู ราชินีหมอลำกับแม่ได้อย่างเรียบร้อย

เก็บปากเก็บคำได้สำเร็จ

ดารารุ่นใหม่ อย่างจอย ศิริลักษณ์เล่นได้ดี

(แม้ว่า บทมันจะทะแม่งๆ อยู่)

รัญญา ศิยานนท์ เล่นได้ดีเหมือนเดิม

ในขณะที่สันติสุข-จินตหรา จะใช้เทคนิคการแสดงเดิมๆ อยู่

(ในความคิดเห็นของดิฉัน จินตหราดังเป็นพลุเมื่อเริ่มแสดง

เพราะได้เสียงพากย์ของดวงดาว จารุจินดา)



นอกจากนั้นนักแสดงใหม่ๆ ที่มีฝีมือในการแสดงก็มีเยอะ

เท่าที่เคยผ่านตาคือ เจมี่ บูเฮอร์

เคยเห็นเธอเล่นเป็น รตี ในปริศนา แล้วก็ทึ่ง

เพราะแสดงออกทั้ง เสียง นัยน์ตา ท่าทาง

อ้น สราวุฒิ มาตรทอง เล่นละครได้ดีเช่นกันค่ะ



ตอนนี้ หนัง ต้มยำกุ้ง เข้าฉายในโรงที่ฝรั่งเศสอยู่นะคะ

เวลาดิฉันเห็นแผ่นป้ายโ็๋ํฺ๋ฆษณาก็ปลื้มไปมาทุกทีเลยค่ะ

ใช้ชื่อเป็นฝรั่งเศสว่า L'Honneur du Dragon, Tom-Yum-Goong

มีเพื่อนฝรั่งที่เคยติดใจองค์บากมาแล้ว ก็อดใจรอเรื่องนี้

ตั้งแต่หนังยังไม่เข้าโรงเลยค่ะ



ตอนนี้ ป่วยไอค้อกไอแค้ก เลยยังไม่กล้าไปดูหนัง

แล้วจะลองไปชิม ต้มยำกุ้ง ชามนี้ดู

ยังไม่สิ้นความหวังที่จะได้ดูหนัง-ละครไทยดีๆ ค่ะ


กระทู้: ทำไมละครไทยหลังข่าวมีแต่เรื่องรักใคร่ อิจฉาริษยา
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 06 มี.ค. 06, 08:58
 ขออนุญาตตัดแปะความเห็นดีๆ นี้มาจากกระทู้
แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=18&Pid=46589
โดย Dr Yu
--------------------------------------------------------------
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 16

รัฐบาลเกาหลีนี่เขาเอาอุตสาหกรรมภาพยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหัวหอกของประเทศเลยนะครับ กฎหมายของประเทศเค๊าคือหนังที่ฉายในโรงหนังต้องเป็นหนังเกาหลีอย่างย้อย 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนอเมริกาจะเปิด FTA กับเกาหลีก็จะให้เกาหลีเปิดอุตสาหกรรมหนังด้วย ปรากฎว่าประชาชนทั่วไป ดาราสวยๆ หล่อๆ รวมทั้งผู้กำกับออกมาประท้วงกันยกใหญ่ แสดงถึงการพิทักษ์ผลประโยชน์ของคนในชาติ เพราะเค๊ารู้ว่าอุตสาหกรรมภาพยนต์ของประเทศอยู่ในช่วงกำลังเริ่มจะแข็งแรง ขืนเปิดตอนนี้ก็ลำบาก ต้องขอเวลาฟิตซ้อมอีกปีสองปีครับ

หนังเรื่องแดจังกึมก็คือการสร้าง content หรือเนื้อหา ซึ่งก็คือทรัพย์สินทางปัญญาที่ทำเงินได้มหาศาลทั้งทางตรง และทำเงินทางอ้อมเข้าประเทศคือการท่องเที่ยว

คุณผู้ชายบางบ้านยังจะเปลี่ยนมาใช้แอร์ยี่ห้อ LG เพราะนางเอกแดจังกึมคือ ลียองเอ เป็น presenter และทะเลาะกับคุณแม่บ้านก็เรื่องแอร์นี่แหละครับ

โดย: Dr Yu  [IP: 203.185.129.38,,]  
วันที่ 3 มี.ค. 2549 - 13:51:48