ขอแสดงความเสียใจต่อญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ด้วยค่ะ
เห็นภาพจำลองเหตุการณ์ ที่ออกข่าวเมื่อคืนนี้ เครื่องบินลื่นไถลออกนอกรันเวย์ นึกไปถึงมอเตอร์ไซค์ลื่นบนถนนที่น้ำเจิ่งนองตอนฝนตกหนัก ลื่นเสียหลักคล้ายๆกันเลย
ส่วนเรื่องนกสัมพาที มีรายละเอียดในเว็บนี้
http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetailsql.asp?stcolumnid=2698&stissueid=2572&stcolcatid=2&stauthorid=19ครุฑ นกสัมพาที นกสดายุ
โดย กาญจนา นาคสกุล
ฉบับที่ 2572 ปีที่ 50 ประจำวัน อังคาร ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547
ครุฑ
เป็นพญานกซึ่งมีที่อยู่ ณ วิมานฉิมพลี บนยอดต้นงิ้วใหญ่ใกล้เขาพระสุเมรุ ครุฑเป็นลูกของพระกัศยปมุนี กับนางวินตา ครุฑมีลำตัวและแขนเป็นคน ส่วนศีรษะ หน้า ปาก เล็บ และปีกเป็นนก ฝูงครุฑอาศัยอยู่บนวิมานบนยอดต้นงิ้วซึ่งอยู่รอบสิมพลีสระ ณ เชิงเพระสุเมรุ พญาครุฑมีกายใหญ่ถึง ๕๐ โยชน์ แต่บางตำราว่าใหญ่ถึง ๑๕๐ โยชน์ (๑ โยชน์ เท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร) พญาครุฑมีกำลังมาก จึงได้เป็นพาหนะของพระนารายณ์ ครุฑเป็นศัตรูกับนาคและสามารถจับนาคไปกินได้ นาคไม่สามารถสู้อำนาจของครุฑได้เลย ครุฑกับนาคปรากฏบทบาทในวรรณคดีหลายตอน เช่น ในเรื่องรามเกียรติ์ เมื่อพระรามรบกับท้าวอุณาราช ท้าวอุณาราชแผลงศรเป็นพญานาคจำนวนมากมาพ่นพิษใส่ฝูงลิงของพระราม พระรามจึงแผลงศรเป็นพญาครุฑโฉบลงมาจับนาคกินหมด อีกตอนหนึ่ง หนุมานอาสาหักด่านที่เป็นน้ำกรดไฟกรดของเมืองมลิวัน ซึ่งท้าวจักรวรรดิปกครองอยู่ เพื่อให้พระพรตและพระสัตรุดเข้าไปปราบ กาลสูรนายด่านของเมืองมลิวันนั่งอ่านพระเวทเรียกนาคทั้งหลายให้มาพ่นพิษเป็นควันและน้ำกรดเพื่อกั้นมิให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าเมืองได้ หนุมานจึงแปลงกายเป็นพญาครุฑบินเข้าไปจับนาคได้ทั้งหมด ส่วนในเรื่องกากี พญาครุฑปลอมตัวเป็นชายหนุ่มลงมาเล่นสกากับท้าวพรหมทัต และได้แอบพานางกากีมเหสีของท้าวพรหมทัต ซึ่งเป็นหญิงงามและมีกายหอมไปอยู่วิมานฉิมพลี คนธรรพ์ปลอมตัวเป็นไรแทรกปีกพญาครุฑตามไปถึงวิมานฉิมพลีและได้นางกากีเป็นชายา แล้วคนธรรพ์ก็กลับมาดีดพิณร้องเพลงชมนางกากีให้พญาครุฑกับท้าวพรหมทัตฟัง พญาครุฑจึงพานางกากีมาคืนท้าวพรหมทัต ท้าวพรหมทัตลงโทษนางกากีด้วยการใส่แพลอยน้ำไป
นกสัมพาที และ นกสดายุ
เป็นนกขนาดใหญ่ หน้าเป็นครุฑ นกสัมพาทีเป็นลูกคนโตของพญาครุฑกับนางวินายกา มีขนสีแดงสด ส่วนนกสดายุเป็นน้องชายนกสัมพาที มีขนสีเขียว นกทั้งสองนี้เป็นนกใหญ่ที่มีกำลังมาก ครั้งหนึ่งนกสดายุเห็นพระอาทิตย์ตอนเช้าตรู่สีแดงสดใส คิดว่าเป็นผลไม้จึงเข้าไปจะจิกกิน ทำให้พระอาทิตย์โกรธมาก จึงเปล่งแสงที่ร้อนแรงออกมาจะเผานกสดายุให้ไหม้เป็นจุณ นกสัมพาทีบินไปกางปีกบังแสงอาทิตย์ไม่ให้เผาน้องชาย แสงอาทิตย์จึงเผาขนนกสัมพาทีจนหลุดร่วงหมด และพระอินทร์ยังได้สาปนกสัมพาทีให้อยู่แต่ในถ้ำที่เขาเหมติรัน จนกว่างกองทัพของพระรามจะเดินทางผ่านมาเพื่อไปยังกรุงลงกา เมื่อทหารของพระรามโห่ขึ้น ๓ ลา นกสัมพาจึงจะพ้นคำสาป และขนจะกลับขึ้นมาดังเดิม นกสดายุบินไปหาพระรามและได้พบทศกัณฐ์ขณะอุ้มนางสีดาจะไปลงกา นกสดายุจึงเข้าต่อสู้กับทศกัณฐ์เพื่อช่วยชิงนางสีดา ทศกัณฐ์สู้ไม่ได้ นกสดายุก็ฮึกเหิมพูดอวดว่าตนไม่มีทางจะแพ้ใคร นอกจากพระอิศวร พระนารายณ์ และแหวนของพระอิศวรที่นางสีดาสวมอยู่เท่านั้น ทศกัณฐ์จึงถอดแหวนจากนิ้วนางสีดาขว้างไปที่นกสดายุ ทำให้ปีกหักตกลงบนพื้นดิน นกสดายุคาบแหวนรอพบพระราม พระลักษมณ์เพื่อถวายแหวนและทูลเล่าเรื่องให้ฟังแล้วก็ขาดใจตาย ส่วนนกสัมพาทีคอยบอกทางให้ทัพพระรามอยู่ทีเขาเหมติรัน เมื่อพระรามพระลักษมณ์ออกเดินทางตามหานางสีดา ได้ส่งหนุมาน องคต และชมพูพานไปสืบข่าวนางสีดา หนุมาน องคต และชมพูพาน กับไพร่พลมาพักแรมอยู่ ณ เขาเหมติรัน นกสัมพาทีจึงออกมาขอให้พวกทหารช่วยโห่ ๓ ลา พอทหารลิงโห่สุดเสียงขนนกสัมพาทีสีแดงสวยสดก็งอกขึ้นมาทั้งตัว แล้วนกสัมพาทีก็พาองคต หนุมาน และชมพูพานบินไปดูนครลงกา
รูป ดูได้จากเว็บนี้ค่ะ สังเกตว่าตามตัวไม่มีขนเลย
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=allstory&date=09-08-2006&group=4&gblog=5