ในส่วนของกองทัพอากาศไทย เครื่องบินรบของฝ่ายไทยและฝรั่งเศสได้ปะทะกันในสมรภูมิภาคตะวันออก การต่อสู้ที่ได้รับการกล่าวขานอย่างที่สุด คือ ในวันที่ 10 ธันวาคม เรืออากาศโทศานิต นวลมณี ได้นำเครื่องขับไล่แบบคอร์แซร์ เข้าต่อสู้กับเครื่องบินของฝรั่งเศส ต่างฝ่ายยิงเครื่องของฝ่ายตรงข้ามตกหลายลำ แต่เครื่องของเรืออากาศโทศานิต นวลมณีได้เข้าสู่ฐานทัพที่ดอนเมืองได้สำเร็จ แต่ทั้งตัวเครื่องได้ถูกยิงเป็นรูพรุนไปทั้งลำ ส่วนเรืออากาศโทศานิตได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ขอโทษคุณwerachaisubhong ผมขอเพิ่มเติมข้อมูลให้หน่อยนะครับ
8 ธันวาคม 2483 ร.ท.ศานิต นวลมณี ได้รับคำสั่งให้นำเครื่องบินแบบ23 คอร์แซร์ ไปทิ้งระเบิดที่หมายทางทหารบริเวณริมฝั่งโขง บริเวณกรุงเวียงจันทน์ โดย ร.ต.ผัน สุวรรณรักษ์ ผู้บังคับหมู่บินฮอว์ค75 ที่มาประจำที่สนามบินอุดรบินคุ้มกันให้ ร.ท.ศานิต นวลมณี นำเครื่องเข้าทิ้งระเบิดในระยะต่ำเพียง 200 เมตร ข้าศึกก็ได้ยิงต่อสู้อย่างหนาแน่น
ผลการปฏิบัติ สามารถทิ้งระเบิดถูกที่หมายไฟไหม้ ฝ่ายเรากลับถึงสนามบินอุดรได้อย่างปลอดภัย เมื่อสำรวจดูปรากฏว่าเครื่องของร.ท.ศานิต นวลมณี ถูกกระสุนปืนกลประมาณ20แห่ง ปลายปีกซ้ายขาดกระจุย
10 ธันวาคม 2483 เวลา07.50 กองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบินฝูงใหญ่ ไปทำการโจมตีทิ้งระเบิดที่ตั้งทางทหารที่นครเวียงจันทน์อย่างหนัก ในการปฏิบัติการครั้งนี้เครื่องบินคอร์แซร์ ซึ่งมี ร.ท.ศานิต นวลมณี เป็นนักบินและจ.อ.เฉลิม ดำสัมฤทธิ์ นักบินผู้ทำหน้าที่พลปืนหลัง ได้ทำการโจมตีกองกำลังฝ่ายข้าศึกในระยะต่ำ ฝ่ายข้าศึกซึ่งตั้งปืนกลต่อสู้อยู่บนถังน้ำประปาริมแม่น้ำโขง ทำการยิงต่อสู้อย่างหนาแน่น กระสุนถูก จ.อ.เฉลิมฯเสียชีวิต เครื่องบินถูกยิงถังน้ำมันที่ปีกทะลุไฟไหม้ ร.ท. ศานิตถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ได้พยายามนำเครื่องบินกลับฝั่งไทยและโดดร่มลง ทั้งเครื่องบินและนักบินตกลงที่หนองน้ำบ้านพรานพร้าว อ.ท่าบ่อ จว.หนองคาย ได้บาดเจ็บสาหัสต้องส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทหารในกรุงเทพฯ แต่ได้ถึงแก่กรรมในวันที่23 ธันวาคม2483การต่อสู้ยังคงดำเนินไปถึงกลางปี พ.ศ. 2484 ไม่มีทีท่าว่าจะสงบ ทางญี่ปุ่นแสดงเจตจำนงเข้ามาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง
การรบระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในกรณีพิพาทอินโดจีน เริ่มต้น 6 มกราคม 2484 และยุติเมื่อ 28 มกราคม เดือนนั้นเองครับ