ความที่กระทู้นี้ฮิทติดลมแรง อาจทำให้ผู้อ่านซึ่งยังไม่คุ้นกับกระทู้วิ่งเร็วของเรือนไทย อาจตามไม่ทัน
อยากจะขอให้คุณ siamese สรุปว่า ความคล้ายคลึงระหว่างนาฏศิลป์เขมรกับไทย (ในระยะ ๑๐๐ ปีมาจนถึงปัจจุบัน) มีการถ่ายทอดสู่กันอย่างไร แบบไหน
ดิฉันไม่มีอะไรจะเสริมมากไปกว่ารูปภาพนักเรียนนาฏศิลป์เขมรในปัจจุบัน กำลังฝึกรำกันอยู่ ท่ารำพวกเขา คุณ siamese พอจะดูออกไหมว่าเหมือนท่ารำอะไรของเราบ้าง
ความแตกต่างของนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์กัมพูชานั้น ก็แล้วแต่ว่าจะมองกันอย่างไร เรามองเขา หรือ เขามองเรา ในส่วนที่เรามองเขา จะเห็นลักษณะนาฏศิลป์กัมพูชาจะรำ “แอ่น”, “รำช้า” และ “หนัก” แต่ “งาม”
ในขณะที่เขามองเรา จะเห็นว่านาฏศิลป์ไทยรำได้ “เก๋” ด้วยลีลาเบาและไวกว่า
นอกจากนี้นาฏศิลป์ของกัมพูชานั้นเมื่อชมแล้วจะเกิดอาการขลังเพิ่มเข้ามา ด้วยดนตรีที่บรรเลงประกอบและบทร้องอย่างภาษาเขมร ทำให้เกิดสุนทรียสะกดคนดูได้มากว่า การรำที่ “ช้า” และ “หนัก” ตามที่ได้กล่าวไว้ทำให้นักแสดงแต่ละคนจับจังหวะได้อย่างพร้อมเพรียงกัน จะเห็นว่าการรำแต่ละครั้งจะใช้นักแสดงมากกว่าของไทย ดังนั้นการรำที่ช้า จึงออกมาในลักษณะที่พร้อมเพรียง ทำให้สะกดสายตาจากผู้ชมได้ถึงความพร้อมเพรียงกัน
การพัฒนาในรอบ ๑๐๐ ปีที่ผ่านมาของนาฏศิลป์ทั้งสองประเทศนั้น ฝั่งไทยได้รับการพัฒนาทั้งรูปแบบเครื่องแต่งกายและดนตรี เช่น พระบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ได้ทรงประพันธ์บทเพลงไว้มากมาย, กรมศิลปากรก็ได้จัดทำท่ารำมาตรฐาน ชุดยืนเครื่องมาตรฐานเพื่อเป็นแม่แบบใน พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นต้น ทำให้นาฏศิลป์ไทยมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ผิดกับทางฝ่ายกัมพูชา ที่ช่วงยุคทองในอดีตได้หยุดชักลง และคนในรุ่นต่อมาได้หวนสืบทอดตามแบบฉบับเดิม อาจจะมีการเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่มาก
“ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนกัน” แม้ว่าต้นสายธารมาจากที่เดียวกัน แต่กาลเวลาและสถานที่ทำให้รูปแบบนาฏศิลป์แปรเปลี่ยนไป ไทยมีการไหว้ เขมรก็มีการไหว้ แต่ลีลา ท่วงท่าต่างกัน การรำนาฏศิลป์ก็เช่นเดียวกันแล้วแต่ใครมองใคร
หากมองในลักษณะท่ารำนั้น ก็คล้ายกัน คือ
ศีรษะตรง-เอียงขวา-เอียงซ้ายเหมือนกัน, ท่ารำในส่วนของการจีบมือก็คล้ายกัน มีการก้าวข้าง, ยกขา, กระดกขา, คุกเข่า, หลบเหลี่ยม, ประสมเท้า, เหลื่อมเท้า คล้ายกัน